web stats

ข่าว

 


Viewfinder - บทที่ 11 Shameless

โพสต์โดย: anhann วันที่: 17 กันยายน 2019 เวลา 22:09:02 อ่าน: 591



I need you more than I want to
Need you more than I want to
Show me you're shameless


บทที่ 11 Shameless




สำหรับแอนน์แล้ว  ดิสนีย์ซีให้ความตื่นเต้นจนเธอเกือบจะลืมอัดคลิป  โชคดีที่เคลลี่ตามเก็บภาพสวยๆ มาได้ทุกช็อต  ไม่อย่างนั้นเธอจะต้องไม่มีอะไรไปฝากแฟนๆ แน่  และอาจลืมขายของด้วย  สปอนเซอร์ด่าตายเลย

"วันนี้สนุกมากค่ะ  ทุกคน  สนุกจนแอนน์ลืมไปเลยว่าเราจะต้องมีตัวช่วยด้วย  ไม่อย่างนั้นคงสลบไปแล้วเนอะ  นี่ค่ะ  ของแอนน์มีอันนี้" 

เคลลี่เล็งกล้องโฟกัสไปยังของในมือแอนน์มากกว่าใบหน้าน่ารักของคนที่กำลังพูดจ้อยๆ  ราวกับมีสคริปต์อยู่ในหัว

"Chocola BB Light 2 ค่ะ  มีวิตามินบีสองและกรดอะมิโน  สำหรับคนที่เหนื่อยจากการเรียนและออกกำลังกาย  เที่ยวเล่นเหนื่อยอย่างแอนน์ก็คงใช้ได้เหมือนกันเนอะ  และตัวนี้ก็มีดีอีกอย่างด้วยค่ะ  ถ้ารู้สึกเหนื่อยๆ หรือผิวแพ้ง่าย  แห้งง่ายก็ซัดเข้าไปเลยค่ะ  หนึ่งขวด  แล้วคุณจะสดชื่น  พูดมากเหมือนแอนน์นี่แหละค่ะ"

ช่างภาพสาวกลั้นขำแทบตาย  กลัวกล้องจะสั่น  ยิ่งแอนน์ขยิบตาให้กล้อง  หยอกกับคนดู  เธอยิ่งหลงรักผู้หญิงคนนี้มากขึ้นไปอีก  เธอชอบเวลาแอนน์ยิ้ม  ขี้เล่น  ขี้อ้อน  หากก็ไม่เกี่ยงที่จะคอยปลอบใจเวลาคนเก่งของเธอเกิดอาการเศร้าซึมขึ้นมา  เธอกำลังสงสัยว่าแอนน์อาจจะป่วย...

เป็นไบโพลาร์

"เดี๋ยวเค  ไปซื้อปากกาก่อน"  แอนน์ดึงแขนเคลลี่ที่นำทางเธอออกจากสวนสนุกเอาไว้ 

"ปากกาอะไร  ยังมีไม่เยอะพออีกเหรอ"

"ไม่พอ  และอันนี้ก็ไม่เหมือนที่อื่นด้วย  เป็นเซ็ตปากกาสีของดิสนีย์เชียวนะ  ฉันจะเอาไปแจกแฟนๆ ในช่องด้วย  ดีไหมล่ะ"

"อื้อ  เอาเลย"  เคลลี่สนับสนุน  การทำงานแบบนี้มันก็ต้องลงทุนกันบ้าง  จะมาเอาจากคนดูอย่างเดียวไม่ได้หรอก  "เอาอย่างอื่นด้วยสิ  ปนๆ กัน  มีเงินหรือเปล่า"

แอนน์ทำหน้าเชิดๆ เหมือนเคลลี่ดูถูกเธอ  เรื่องเงินไม่เคยมีปัญหากับเธอมานานแล้วตั้งแต่วิคโตเรียคอยซัพพอร์ตให้  ถึงตอนนี้ที่เธอจะไม่ได้รับเงินจากวิคโตเรียแล้ว  ชาแนลของเธอในยูทูปกับเพจในเฟซบุ๊กก็ทำเงินให้เธอได้มากพอจะเลี้ยงตัวเอง  มีเงินฝากในบัญชีไว้กินปันผลต่อปี  วิคโตเรียยังสอนให้เธอเล่นหุ้นด้วย  ดังนั้น  หากจะบอกว่าการอยู่กับวิคโตเรียเป็นเรื่องแย่ทั้งหมดนั้นก็ไม่เป็นความจริงเลย

"อาห์  ลืมไปว่าคนแถวนี้รวย"  เคลลี่พูดขำๆ  กัดปากร้องซี้ดเมื่อมือแอนน์บิดเนื้อตรงเอวเธอ  มือไวชะมัดเลย

"ช่วยถือด้วย"  แอนน์สั่ง  "เอาแค่นี้พอเนอะ  เดี๋ยวก็ต้องมีของฝากจากที่อื่นอีก"

เคลลี่พยักหน้า  ช่วยแอนน์เลือกของ  กว่าจะได้กลับก็พะรุงพะรังเต็มสองมือ  ไหนจะกล้องที่สะพายอยู่อีกสองตัว

"แท็กซี่เหอะเนอะ"  แอนน์ชวน  สงสารตัวเองกับเคลลี่ที่หมดสภาพกันทั้งสองคน  เป็นการถ่ายงานที่สมบุกสมบันแต่สนุกมากๆ สนุกจนเหนื่อย

"เหนื่อยเนอะ"

"กินเหนื่อยอะดิ"  เคลลี่แซว  เพราะแอนน์กินขนมตลอดเวลา

"ช่างว่านะ"  แอนน์เอาศอกถองเคลลี่ที่กำลังใช้แอปเรียกแท็กซี่มารับเราหน้าสวนสนุก  เด็กเคทำหน้ายุ่งนิดหน่อยแต่ไม่ว่าอะไร  เธอจึงได้ใจเอากล้องส่วนตัวขึ้นมาเก็บภาพเคลลี่กับแบ็กกราวน์ของดิสนีย์ซี  พอดีกับที่อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้น  เธอจึงได้ภาพทีเผลอแต่ดีมากของเด็กเคมาไว้เป็นของตัวเอง  นางแบบจำเป็นส่ายหัวให้เธอ  แปลกมากที่คราวนี้ไม่ดุเธอเลยสักนิด

"เอาลงไอจีได้ไหม"  ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังต้องถาม 

"ถ้าลงแล้วจะเขียนแคปชั่นว่าอะไร"

"อืม  อะไรดีล่ะ  my viewfinder ล่ะมั้ง"

เคลลี่เลิกคิ้ว  มองแอนน์ที่ส่งยิ้มมีความหมายมา  เธอก็เขินจนแทบทำอะไรไม่ถูก  ถึงจะเคยจูบหรือทำอะไรมากกว่านั้น  แต่เธอก็ชอบโมเมนต์แบบนี้  เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่แอนน์ทำ  ความน่ารักของหญิงสาว  ทุกอย่างมันมีความหมายสำหรับเธอ  เธอก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องรักผู้หญิงคนนี้ 

ความรักที่มีเหตุผล  มันก็ไม่ใช่ความรักสิ

"เค  นั่นใช่แท็กซี่เราไหม" 

"อือ  ใช่  เลขทะเบียนอะ"

แอนน์ฮัมรับ  ส่งของให้คนขับที่แสดงหลักฐานเรียบร้อยแล้วว่าเป็นตัวจริงช่วยนำขึ้นรถให้  และช่วยรับของจากเคลลี่ที่พะรุงพะรังไปหมด

"จะหิวอีกไหม"  เคลลี่ถาม  เห็นคนข้างๆ ทำปากตุ่ยก็ขำ  พอแอนน์ขยับมาใกล้ด้วยสีหน้ารู้กัน  เธอก็มองคนขับแท็กซี่ว่ามองเราอยู่ไหม  แล้วจึงก้มลงจูบเบาๆ บนริมฝีปากแดงๆ  แอนน์จูบกลับมา  เธอจับคางมนเชยขึ้นเพื่อจะได้จูบได้ถนัดกว่านี้  พอผละออกจากกัน  แอนน์ก็ยิ้มเขินๆ แต่ชอบใจ  เธอเลยโล่งใจได้ว่ามันไม่ได้แย่  เธอไม่ได้จูบกับใครแบบนี้มานานแล้ว  ไม่มีแฟนมานานมาก  ตั้งแต่ป้าเธอเสียชีวิต  เธอก็หมดอารมณ์จะมองใครทั้งนั้น 

ยกเว้นแค่คนเดียว...

"กินที่คาเฟ่ในโรงแรมก็ได้  อยากกินซูชิ"  แอนน์ตอบ  เปิดโทรศัพท์เช็กดูร้านในโรงแรมที่ตนพักอยู่  โรงแรมระดับห้าดาวในชิบูย่า  ค่าห้องไม่ต้องพูดถึง  ยังไงเธอก็ไม่ได้จ่ายเอง  วิคโตเรียจ่าย  แต่บางอย่างเธอก็ไม่ได้เอาไปเบิก  อย่างเช่นของที่จะเอาไปฝากแฟนๆ

"แต่ถ้าขี้เกียจลงก็ให้รูมเซอร์วิสมาส่ง"

"ค่ะ"  เคลลี่ตอบ  หางตาเห็นแอนน์มองเหมือนสงสัยอะไรจึงหันไปเลิกคิ้วถามกลับ  อีกฝ่ายก็ยิ้มเหมือนเขินๆ ปนดีใจ

"เดี๋ยวนี้เธอน่ารัก"  แอนน์พูด  สังเกตว่าเคลลี่อ่อนโยนและใจดีกับเธอขึ้นเยอะ  คงเพราะเราไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมงานกันเฉยๆ แล้ว 

เราเป็นมากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน 

"ฉันก็น่ารักตลอดแหละ  พี่แค่ไม่เคยมอง"  เคลลี่พูด  เสียงน้อยใจ  เธอยิ้มเมื่อแอนน์เข้ามากอดเธอเหมือนจะขอโทษ  เธอกดจมูกลงบนเส้นผมนุ่มสีดำ  อุ่นใจทุกครั้งที่มีแอนน์ในอ้อมแขน 

"พรุ่งนี้เรานั่งรถไฟไปโอซาก้านะ  ฉันจองตั๋วไว้แล้ว  ชินคันเซ็น"

"ไม่นั่งเครื่องเหรอ"  แอนน์ถาม  หลับตาซบอกเคลลี่ที่ทั้งนุ่มทั้งอุ่น  เวลาเหนื่อยๆ แบบนี้เธอหลับได้เลย  ตั้งแต่นอนกอดเคลลี่  เธอหลับสบาย  ไม่ตกใจตื่นกลางดึกเพราะฝันร้ายหรือต้องพึ่งยานอนหลับให้หลับสนิทเลย

"นั่งเครื่องชั่วโมงครึ่งถึง  แต่กว่าเราจะไปถึงสนามบินต้องนั่งรถไปอีกตั้งเป็นชั่วโมงเหมือนกัน  ชินคันเซ็นสบายกว่า"

"ชินคันเซ็นแพงนะ"

"คงไม่แพงเท่าเครื่องบินหรอก  ยกเว้นพี่จะยอมขึ้นเครื่องโลว์คอส  ถ้าขึ้นชั้นหนึ่งก็แพงพอกันแหละ"

"อือ  ก็ได้  ถึงแล้วบอกด้วยนะ"

เคลลี่ยิ้ม  ลูบศีรษะหญิงสาวที่ใช้เธอเป็นหมอน  ตามองทางไปด้วย

"She looks like a princess, your girlfriend."  คนขับแท็กซี่กระซิบกับเคลลี่ขณะเธอรับของที่เขาช่วยเอาออกจากรถให้  เคลลี่จะปฏิเสธว่าไม่ใช่  แต่ถ้าจะยอมรับไว้ลับๆ คงไม่เป็นไรมั้ง

"Thank you."  เคลลี่ตอบได้เท่านั้นและโค้งตัวให้เขา  อย่างน้อยก็ไม่ได้ถูกมองด้วยสายตารังเกียจ  อาจเพราะเธอเป็นนักท่องเที่ยว

"คุยอะไรกับเขาอะ  ไปเผลอให้ทิปเขาหรือเปล่า"  แอนน์ถาม  ห่วงเคลลี่จะใจป้ำให้ทิปคนขับแท็กซี่แบบตอนอยู่บ้านเรา  แล้วจะโดนคนญี่ปุ่นไม่ชอบขี้หน้าเอา  แต่บางครั้งเธอก็ลืมเหมือนกัน  อยู่บ้านเราถ้าไม่ให้ทิปก็จะโดนหาว่างกได้  อเมริกาทุกอย่างที่พวกเขาทำให้เราต้องให้ทิปเหมือนเป็นธรรมเนียม  ญี่ปุ่นเขาจะมีเซอร์วิสชาร์ตอยู่แล้ว  จึงไม่จำเป็นต้องให้เพิ่มอีก  ถือเป็นหน้าที่ที่เขาต้องบริการเราอยู่แล้ว

"เขาชมว่าพี่สวย"  เคลลี่ตอบ  ยิ้มขำเมื่อแอนน์ทำหน้าไม่เชื่อ

"โกหก  ยกของขึ้นห้องไปเลย  ไม่ช่วยละ"  แอนน์สั่ง  ทำตาเขียวใส่เคลลี่ที่ชอบแกล้งเธอ  แต่พอเห็นน้องมันดูลำบากเธอก็อดไม่ได้จะต้องช่วยอีกนั่นแหละ  เห็นด้วยว่าเจ้าเด็กเคมันยิ้มชอบใจ

ไว้ค่อยแก้แค้นคืนก็ได้

"แอนน์  จะอาบน้ำก่อนไหม  ค่อยลงไปข้างล่าง  หรือไม่ไป"  เคลลี่ร้องถามขณะหันหลังเก็บของใส่กระเป๋าใบว่างที่แอนน์ซื้อมาเพิ่มสำหรับใส่ของที่ซื้อจากญี่ปุ่นกลับบ้าน 

"จะอาบด้วยกันไหมล่ะ"  แอนน์หยอก  กำลังจะถอดเสื้อเหม็นเหงื่อออกพอดีกับที่เคลลี่หันมามอง  สายตาน้องมันชวนให้อยากถอดเพิ่มอีกสักชิ้นสองชิ้น  แต่อย่างกระนั้นเลย  เธอยังไม่ได้โสดจริงๆ สักหน่อย  อย่างน้อยเธอก็ควรจะได้คุยกับวิคโตเรียบ้าง  เธอยังรู้สึกว่าตัวเองเป็นของวิคโตเรียอยู่

ไม่ว่าจะยังไง  เธอก็ยังเป็นของวิคโตเรีย

"ไปอาบก่อนไป  แอนน์  ฉันจะเช็กภาพ"  เคลลี่ตอบ  เก็บของเสร็จก็หยิบกล้องมาเปิดดูภาพกับเทปบันทึกภาพที่ได้มาวันนี้  เตรียมย้ายมันใส่แล็ปท็อปเพื่อตัดต่อเป็นเรื่องราวต่อไป  เธอมาทำงานไม่ได้มาฮันนีมูน  แถมคนที่มาด้วยก็คือเจ้านาย  หากจะว่ากันตามตรง  บางทีเธออาจเป็นแค่ของแก้ขัดของแอนน์

ช่างสิ  แค่ได้กินนมชมพูก็พอแล้ว  อย่างอื่นช่างหัวมัน

"อะไร  แอนน์"  ช่างภาพสาวงงที่อยู่ๆ มือเล็กๆ ก็มาฉกกล้องในมือเธอไปวางบนโต๊ะข้างเตียง  ยกแล็ปท็อปออกไปด้วย  มากกว่านั้นแอนน์ก็ยังมีแต่กางเกงยีนกับบราเซียร์  ผิวขาวราวกับกระดาษล่อตาล่อใจซะเหลือเกิน

"เดี๋ยวค่อยทำ  พักก่อน"  แอนน์บอก  ก้าวขึ้นมานั่งคร่อมตักเคลลี่ที่แก้มแดงเรื่อ  น่ารักที่สุด  สองมือเธอจับเจ้าคนหน้าสวยมามองหน้ากันตรงๆ  เอนใบหน้าตัวเองเล็กน้อยเพื่อจะได้จูบปากสวยๆ ของอีกฝ่ายได้ถนัดโดยไม่ติดสันจมูกโด่งๆ  เธอชักรักการจูบเคลลี่แบบนี้เสียแล้ว 

เคลลี่จูบตอบเธอแผ่วเบาแล้วจึงค่อยๆ รุนแรงขึ้นตามใจเธอ  มือไวๆ ปลดตะขอบราเซียร์เธอออก  ความเย็นวาบปรากฏเมื่อสิ่งป้องกันผิวกายหายไป  หากฝ่ามือที่มาประคองเต้าถันของเธอก็ช่วยให้อบอุ่นจนร้อนระอุ

"ของจริงแท้ๆ  เห็นไหม"  แอนน์กระซิบ  เบียดตัวเข้าหามือเคลลี่ที่สร้างความพอใจให้เธอ  เธอขนลุกปนจั๊กจี้เมื่อปากซนขบเม้มปลายยอด  ดูดเลียมันเหมือนของอร่อย

"เค็มไหม  มีแต่เหงื่อ"

"อร่อยดี"  เคลลี่พึมพำ  ตวัดปลายลิ้นเกี่ยวกับหัวนมหญิงสาวที่ดูจะชอบให้เธอกินนมมาก  หรือชอบอวดของดี  "ไม่อาบน้ำแล้วเหรอ"

"เหม็นหรือเปล่าล่ะ"  แอนน์ย้อน  เคลลี่ยิ้มแบบที่เธอเข้าใจ  "แค่นี้พอไหม  หรือว่า  --  อาห์  เค!"

เคลลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์  หลังจากแอบปลดกระดุมกางเกงยีนแอนน์และสอดมือเข้าไป  เธอกดนิ้วเข้าไปในช่องลับของผู้หญิงบนตักทั้งที่อีกฝ่ายยังสวมกางเกงชั้นใน  ในเมื่อไม่ยอมให้กันตรงๆ ก็ต้องใช้เทคนิคกันหน่อย

"เค  อื้อ..."

"ควบฉันสิ  แอนน์  ควบแรงๆ  ไม่ต้องอายหรอก"

"แต่ว่า  ฉัน..."

"ทำไมพี่จะต้องทรมานตัวเองด้วยล่ะ  ไม่มีใครสนหรอก  อีกอย่าง  พี่ก็ต้องการแบบนี้เองนะ"

แอนน์ไม่ตอบ  เธอตอบไม่ได้  พูดไม่ได้ด้วยซ้ำ  ทำได้แค่จับบ่าคนตรงหน้าไว้และโยกตัวเข้าหากัน  ให้สิ่งแปลกปลอมที่อยู่ในตัวเธอเสียดสีกับอวัยวะภายใน  เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังลุกไหม้ด้วยไฟราคะ  เคลลี่จูบเธอ  หยอกเย้าเต้านม  ถูคลึงปลายถัน  เล้าโลมเธอจนสติหลุดหมดแล้ว  แม้แต่ตอนเคลลี่สอดใส่เธอเข้ามาตรงๆ โดยไม่มีอะไรขวางกั้น  เธอยังไม่รู้เรื่องเลย

รู้อีกทีก็ตอนเจ้าคนเจ้าเล่ห์มันนั่งดูดนิ้วที่มีน้ำกามของเธอเคลือบอยู่  ขณะที่เธอหอบเหนื่อย  หายใจแทบไม่ทัน  โดนเด็กมันฟันเอาจนได้  แล้วใครไปยั่วมันก่อนล่ะ  เธอไม่ใช่หรือไง!

"เค  ไอ้บ้า  ก็บอกอย่าเพิ่งเข้ามาไงล่ะ"  มือเล็กตบแก้มขาวๆ ของเจ้าคนที่กระหยิ่มยิ้มอย่างมีชัย  เคลลี่ไม่ว่าอะไรเธอที่ตบซะแรง  ยังจับเธอจูบแรงๆ อีกที  คลึงนิ้วกับส่วนนั้นจนเธอเสร็จไปอีกรอบก่อนจะอุ้มเธอขึ้นบ่าไปทิ้งไว้ในห้องน้ำแล้วออกมา  ไม่ได้ขออาบน้ำกับเธอเหมือนอย่างที่เธอคิด

"อาบนานๆ ก็ได้นะแอนน์  ฉันจะลงไปซื้อของกิน  หิว"  เคลลี่พูดอยู่นอกประตูห้องน้ำ  ขณะที่แอนน์หนาวสั่นอยู่ใต้ฝักบัว 

เสียงเคลลี่หายไปแล้ว  แอนน์จึงปรับน้ำให้ร้อนขึ้นและชำระร่างกายตัวเอง  ล้างตรงส่วนนั้นที่หนะเหนอะไปด้วยคราบสวาท  มันเจ็บและตึง  แต่กลับทำให้เธอยิ้มออกมา  แทนที่จะเสียใจที่เสียตัว  เธอกลับรู้สึกดีที่เคลลี่ดื้อพอที่จะละเมิดกฎระหว่างเรา  ความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของของวิคโตเรียจะได้ลดลงจากตัวเธอเสียที  ร่างกายนี้หล่อนคงไม่ต้องการอีกแล้ว  เพราะฉะนั้นเธอจะยกมันให้คนที่ต้องการเธอมากกว่า 

จนกว่าเคลลี่จะเบื่อและทิ้งเธอไป

แอนน์คิดและเปิดน้ำอุ่นจนเต็มอ่าง  ทรุดตัวลงนั่งพิงหลังกับมันและหลับตาลง  พยายามผ่อนคลายสมอง 

จะคิดอะไรให้มากไปทำไมกัน  ชีวิตใช่ว่าจะยาวนักหนา

.............................................




วิคโตเรียเข้าออฟฟิศหลังจากหยุดงานไปหนึ่งสัปดาห์เต็ม  นารูมิมีโต๊ะนั่งทำงานอยู่หน้าห้องเธอ  คอยรับโทรศัพท์  ทำงานเอกสาร  จัดตารางนัดหมายแขกและลูกค้าแบบเดียวกับเลขาทุกอย่าง  เธอไม่ยักรู้ว่าอีกฝ่ายทำงานเป็น  หัวไวมากด้วย  เธอให้เลขาของพ่อ (ท่านประธาน) มาสอนงานแค่ไม่กี่วันนารูมิก็ทำงานคล่องแล้ว  เป็นคนน่าทึ่งมาก

อาการแพ้ท้องของเธอดีขึ้นกว่าเดิม  อาจเพราะเธอเริ่มชินและเริ่มจะปรับตัวกับมันได้บ้างแล้ว  ก่อนจะได้มาทำงานวันนี้เธอยังไปนอนหยอดน้ำเกลือที่โรงพยาบาลมาแล้วสองคืน  จอร์แดนรู้เข้า (ไม่รู้ใครไปฟ้อง) ก็หน้าตาตื่นวิดีโอคอลมาถามไถ่อาการเธอ  พอเธอบอกไปว่านารูมิคอยเฝ้าอยู่ด้วย  รายนั้นก็ดูโล่งใจมากขึ้น 

ไม่รู้จริงๆ ว่าจอร์แดนคิดยังไง  ทำไมถึงปล่อยให้เธออยู่กับนารูมิได้แบบนี้  ทั้งที่เขาก็รู้ว่าเธอกับนารูมิมีอะไรกันมากกว่าแค่เจ้านายกับลูกน้อง  หรือเขาจะรู้ว่าเธอเกลียดการมีเซ็กซ์กับเขามากและที่จริงก็ไม่ได้อยากมีลูกกับเขาเลยจึงอยากจะชดเชยให้  ถ้าอย่างนั้น  ทำไมเขาถึงห้ามเธอกับแอนน์  แอนน์กับนารูมิก็ผู้หญิงเหมือนกัน  หรือมันจะมีอะไรที่เธอยังไม่รู้อีกอย่าง

เสียงโทรศัพท์ภายในดังขึ้น  เรียวนิ้วกับปลายเล็บสีดำกดปุ่มรับ

"บอสคะ  คุณเอเลียตขอพบ"

"ให้เข้ามา"  วิคโตเรียตอบ  ยกนิ้วขึ้นจากปุ่ม  แล้วมาหยิบถ้วยน้ำขิงที่ผู้ช่วยหน้าห้องชงมาเสิร์ฟขึ้นจิบอึกใหญ่ๆ  มันช่วยลดอาเจียนได้ดี

ชายผมเงินร่างสูงปรากฏตัวขึ้นเมื่อประตูห้องทำงานเปิด  นารูมิใช้สายตาเป็นคำถามกับวิคโตเรียที่ส่ายหน้าน้อยๆ ให้  ไม่จำเป็นต้องหาอะไรมาต้อนรับเขา  เธอบอกไปแบบนี้  นารูมิจึงกลับไปนั่งที่ตนเอง

เอเลียตผงกศีรษะให้นายหญิงของเขา  และนำซองสีน้ำตาลในเสื้อสูทสีดำออกมาวางบนโต๊ะทำงาน  วิคโตเรียหลุบตามองมันอย่างกังขา  แล้วก็หยิบมันขึ้นมาเปิดดู  หัวคิ้วเธอกดลงเมื่อเห็นภาพแรก  วางมันลงบนโต๊ะทีละภาพจนหมด  มีทั้งหมดสิบภาพ  แต่มีคนเพียงคนเดียวที่ถูกโฟกัสชัดที่สุด

วิคโตเรียเงยหน้าขึ้นมองบอดี้การ์ดคนเก่าแก่  เขายื่นกระดาษขนาดเอสี่อีกแผ่นมาให้เธอ  เป็นเอกสารที่ถ่ายสำเนามา

"เคลลี่  จาง  มิลเลอร์"  เธออ่านชื่อนี้จากกระดาษที่เป็นสำเนาจากพาสปอร์ตของช่างภาพประจำตัวของแอนน์  จ้องหน้าเอเลียต  เขาพยักหน้าและเอ่ยพูดเป็นครั้งแรก

"คุณพ่อเธอ  มิสเตอร์แฮริสันที่หายสาปสูญไปที่คองโกเป็นน้องชายคุณพ่อคุณจอร์แดนครับ  และ 'จาง' คือนามสกุลคุณแม่เธอที่เป็นอเมริกันเชื้อสายจีน"

"อืม  เพราะแบบนี้สินะ"  วิคโตเรียพึมพำ  พอจะเข้าใจอะไรๆ มากขึ้นแล้ว  จอร์แดนกั๊กแอนน์ไว้ญาติผู้น้องตัวเอง  แต่ตัวเขาเองก็ได้ประโยชน์จากมันด้วย  เพราะเขาได้เธอคืนไป  และยังได้ลูกมาคนหนึ่ง 

ลูกที่เธอไม่ต้องการ

จะทำยังไงกับสองพี่น้องนี้ดีนะ  ให้สาสมกับที่ทำกับเธอแบบนี้

"ขอบคุณค่ะ"  วิคโตเรียเอ่ย  เสียงเบาและสุภาพ  "กลับไปพักผ่อนให้สบายนะคะ  เอเลียต"

ชายผมเงินผงกศีรษะรับ  และเดินออกจากห้องไปเงียบๆ 

วิคโตเรียคว้าโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะขึ้นมาพลิกไปพลิกมาเล่นขณะตรึกตรองว่าจะทำอย่างไรกับเจ้าเด็กเคลลี่ที่จริงๆ เป็นน้องสาวของสามีเธอ  เธอโกรธ  โกรธมาก  โกรธทั้งสองคนเลย  แต่ถึงอย่างนั้น...

หญิงสาวลดมือข้างหนึ่งลงทาบบนท้องน้อยตัวเอง  มันเริ่มนูนขึ้นนิดๆ แล้ว  แต่ยังไม่สายเกินไปที่เธอจะตัดสินใจเรื่องนั้นหรอก  ยกเว้นว่า...

เสียงโทรศัพท์ภายในดังขึ้นอีกครั้ง  ตาคมเหลือบมองช่องกระจกเล็กๆ ตรงผนังด้านหน้าห้องทำงานตนเอง  นารูมิถือหูโทรศัพท์มองเข้ามา  สายตานั้นทำให้เธอหยุดความคิดนั้นไว้  แทบทุกครั้งที่เธอคิดชั่วร้ายขึ้นมา

นารูมิคงจะทิ้งเธอไปแน่ๆ  หากเธอเป็นนังแม่ใจร้ายฆ่าลูกตัวเองได้ลงคอ  หลายครั้งระหว่างที่เราอยู่ด้วยกัน  ผู้หญิงแปลกๆ คนนี้มักจะเล่าเรื่องของแม่ตัวเองให้เธอฟังโดยที่เธอไม่ได้ถาม  แต่ไม่ได้รู้สึกรำคาญ  เธอเกิดมาจากพ่อแม่ที่ทำแต่งาน  เห็นงานสำคัญกว่าลูกสาว  และรักลูกชายมากกว่า  พี่ชายเธอตอนนี้ดูแลบริษัทอยู่ลอสแองเจลิส  ยังไม่ได้แต่งงาน  ทำตัวเป็นหนุ่มโสด  เป็นพ่อพวงมาลัยร่อนไปร่อนมา  ควงดาราคนนั้นทีคนนี้ที  ไม่เอาใครจริงจังสักคน  พ่อแม่ก็ไม่เคยว่า  เพราะผู้ชายไม่เสียหายอะไร  แต่กลับมาจับเธอหมั้นกับจอร์แดน  แถมยังไม่สืบอีกว่าจอร์แดนเป็นกะเทยไม่ใช่ผู้ชาย  หรือพวกท่านรู้อยู่แก่ใจ  จะไม่รู้ได้ยังไงล่ะ  พ่อแม่เธอกับพ่อแม่จอร์แดนรู้จักกันมาตั้งนานแล้ว  เธอเห็นจอร์แดนมาตั้งแต่แปดขวบ  จำได้ว่าเกลียดเขา  เขาชอบแกล้งเธอ  แต่ให้ของขวัญวันเกิดได้น่ารักที่สุด  พอเราโตขึ้นก็ไม่ได้เจอกันเหมือนก่อนอีก  ถ้าจำไม่ผิดคงตั้งแต่มัธยมต้น  ถึงอย่างนั้นเธอก็ได้ของขวัญวันเกิดจากจอร์แดนทุกปี  เจ้าเบื้อกนั่นรู้ด้วยว่าเธอชอบอะไร

บางทีเรื่องที่เขารักเธออาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้...

แต่มันก็ไม่จำเป็นนี่ว่า  เธอจะต้องรักตอบเขา  ถ้าเธอไม่ได้รัก  และยังสนใจคนอื่นมากกว่า  หัวใจคนมันบังคับกันได้หรือ

วิคโตเรียไม่กดรับสาย  เธอเก็บภาพใส่ซองตามเดิม  และพยักหน้าเรียกให้นารูมิเข้ามา  อีกฝ่ายจึงวางหูโทรศัพท์ลง  และเปิดประตูเข้ามาหาเธอแทน

"ฉันไม่ฆ่าเขาหรอก  ฉันสัญญา"  เธอพูด  ความกังวลบนสีหน้าของนารูมิจึงจางลงไป  เธอพอจะเข้าใจว่าทำไมนารูมิถึงอ่อนไหวเรื่องนี้  เพราะแม่ของเจ้าตัวเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ไม่ได้ตัดสินใจทำลายชีวิตหนึ่งที่เกิดมาจากความไม่พร้อม  ทำให้เธอได้เจอผู้หญิงสวยๆ ใจดีคนนี้ยืนอยู่ตรงนี้

"ขอโทษค่ะ  ก็คุณทำท่าเหมือนจะ..."  นารูมิพูดแล้วหยุด  สั่นหัวไปมาอย่างพยายามจะระงับสติอารมณ์  "ฉันรู้ว่าคุณลำบากที่มีเขา  และคุณก็ไม่ได้อยากมีจริงๆ  คุณแค่จำเป็น  แต่ตอนแรกคุณก็ตกลงใจจะยอมมีเขาเองไม่ใช่หรือคะ  เพราะงั้น...คุณควรจะเลิกคิดว่าเขาเป็นภาระเสียที  ถ้าเขาเกิดมาแล้ว  คุณไม่อยากเลี้ยง  ฉันจะเลี้ยงให้  นะคะบอส"

วิคโตเรียอยากจะจับนารูมิมาจูบเสียเหลือเกิน  แต่เธอต้องเฉยไว้  ทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้แบบนี้แหละ  ที่นี่ที่ทำงานไม่ใช่ที่บ้าน  เราต้องแยกแยะ

"ลูกฉัน  ฉันเลี้ยงเองได้  แต่ถ้าเธอจะช่วยก็ตามใจ"  เธอบอกนิ่งๆ  แต่นารูมิกลับยิ้มเหมือนชอบใจ  ทำให้เธอคันในหัวใจแปลกๆ 

"กลับไปทำงานได้ละ  ฉันจะทำงาน" 

นารูมิยิ้มรับ  และทำท่าตบเท้าราวกับทหาร  แต่ก่อนจะพ้นประตูไป  ยังจะหันมาทำหน้าตาทะเล้นใส่เธออีกนะ  ชักจะเอาใหญ่แล้วเนี่ย!

วิคโตเรียเม้มปากหงุดหงิดตัวเอง  เธอพ่นลมหายใจและจิบน้ำขิงที่เย็นชืดไปแล้ว  พลางหยิบสำเนาพาสปอร์ตเคลลี่ขึ้นมาดูซ้ำ

เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและถ่ายรูปสำเนาในมือ  ส่งไปยังโทรศัพท์มือถืออีกเครื่องที่ป่านนี้คงยังนอนอยู่โตเกียว  ถึงจะไปโอซาก้าก็ยังไม่ใช่วันนี้หรอก

................................................

เคลลี่นั่งทำงานอยู่กับแล็ปท็อปตรงโต๊ะนั่งเล่นที่ระเบียงห้อง  แอนน์มองอีกฝ่ายอยู่บนเตียง  บนตักเธอมีแผนที่กับสมุดจดงาน  โทรศัพท์มือถือ  ไอแพดและกล้องส่วนตัววางเกลื่อนอยู่ข้างๆ  จะหยิบใช้เมื่อใดก็หยิบได้ทันที 

เธอนั่งอยู่ตรงนี้เพราะถ้านั่งด้วยกันคงไม่ได้ทำงานแน่  เคลลี่กำลังเขียนบล็อกส่วนตัวอยู่  เกี่ยวกับการถ่ายภาพ  สอนเทคนิคต่างๆ กับคนอ่านอะไรทำนองนั้น  แล้วก็ลงภาพสวยๆ ในอินสตาแกรมของเจ้าตัว  มันมีแต่ภาพถ่ายสวยๆ ทั้งนั้นเลย  เคลลี่บอกเธอว่าภาพพวกนี้แหละที่ทำเงินให้

แหงละ  ทำงานกับเธอไม่ได้เงินเดือนเยอะอะไรนี่นา  แค่ได้กินได้เที่ยวฟรีและได้ไปด้วยกัน  บางครั้งเคลลี่ก็เป็นคนจ่ายเงินด้วย  ขนม  ของกินบางอย่าง  เครื่องดื่ม  เธอจะให้เงินคืนน้องมันก็ไม่เอา  ทำเป็นหยิ่งไปได้  แต่เธอก็ไม่อยากจะขัดหรอก  เดี๋ยวจะหาว่าเธอไปดูถูก

แอนน์ชำเลืองมองโทรศัพท์มือถือตัวเองที่ส่องแสงวาบ  สั่นเตือนข้อความเข้า  เธอหยิบมันขึ้นมาดูเพราะเห็นว่ามาจากวิคโตเรีย 

บางทีเธอไม่ควรจะหยิบมันเลย

สำเนาพาสปอร์ตของเคลลี่  --  แอนน์เหลือบตาขึ้นมองเคลลี่ที่กำลังนั่งทำงานอยู่อย่างตั้งใจ  มีสมาธิมากจนน่ามองไปหมด  แล้วเธอก็กดพิมพ์ข้อความส่งตอบวิคโตเรียกลับไป

ทราบแล้วค่ะ  เขาบอกกับฉันเอง  แต่ขอบคุณนะคะ  --  อ.


......................................



 :58: :44:

Viewfinder เปิดจองวันนี้ - 5 ตุลาคม 2562

สั่งจอง >>> http://bit.ly/2kxIxn3  หรือ ไลน์ anhann นะคะ

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

18 กันยายน 2019 เวลา 13:16:29
สังเกตดีดี จอร์แดนงานยุ่งแค่ไหนจะมีเวลาให้แม่ของลูกเสมอนะ รักจริงไม่จริงต้องดูกันยาวๆ
แสดงความคิดเห็น