ตอนที่ 12 หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการวิงเวียนแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มาธวีพยายามยันตัวลุกขึ้นก็ไม่สามารถทำได้วันนี้เธอรู้สึกว่าโลกหมุนจนเธอตาลายไปหมดแล้ว
“ตื่นแล้วเหรอคะ”
เสียงคุ้นหูทำเอาเจ้าของห้องต้องสะบัดหน้าไปดูอย่างแรงจนคอแทบเคล็ดแต่สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาในตอนนี้ยิ่งทำให้มาธวีรู้สึกตกใจมากยิ่งขึ้น
“น้ำเพชร”
คนถูกเรียกชื่อนั่งลงที่เตียงก่อนจะหัวเราะออกมาน้อยๆเมื่อเห็นใบหน้าอย่างกับคนเห็นผีของเจ้าของห้อง
“ค่ะ เพชรเองไม่ใช่ผี”
“พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไร”
คนพูดทำหน้ามุ่ยเล็กน้อยก่อนจะนึกขึ้นได้ถึงเรื่องสำคัญที่เธอควรจะถามมากที่สุดในตอนนี้
“เดี๋ยวก่อนนะ น้ำเพชรมาทำอะไรที่นี่”
มาธวีเอ่ยถามออกมาอย่างสงสัยก่อนจะหันไปมองนาฬิกาที่บอกว่านี่แค่เจ็ดโมงเช้า
“มาหาพี่เช้าไปมั้ย”
คนขี้สงสัยยังคงพูดออกมาเรื่อยๆจนคนถูกถามต้องพยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้จากนั้นก็ขยับเข้าไปใกล้เจ้าของห้องมากยิ่งขึ้น
“จะทำอะไร”
มาธวีมองคนที่จู่ๆก็เข้ามาประชิดตัวของเธออย่างระแวงก่อนจะรีบยกผ้าห่มขึ้นมาปิดสูงถึงคอ
“เพชรน่าจะถามพี่ผึ้งมากกว่านะคะว่าทำอะไรดูสิไม่ร้อนเหรอ”
อวิกาฉีกยิ้มออกมาอย่างเจ้าเลห์ก่อนจะมองคนตรงหน้าด้วยสายตาที่เป็นประกายจนคนถูกจ้องต้องรีบเขยิบตัวหนี
“จะไปไหนคะ”
คนพูดเอื้อมมือไปจับที่ผ้าห่มเอาไว้เพื่อหยุดคนคิดหนีไม่ให้ไปไหนได้ไกลแต่อีกคนเร็วกว่าที่เธอคิดเมื่อพี่หมียอมสละผ้าห่มแล้วรีบกระโดดลงเตียงอีกฝั่งหนึ่งก่อนจะวิ่งตรงไปยังห้องน้ำ
“เดี๋ยวก่อนสิคะ”
แต่คนช่างแกล้งยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น อวิการีบวิ่งไปกั้นประตูห้องน้ำก่อนจะจัดการคว้าตัวอีกคนเอาไว้อย่างรวดเร็ว
“น้ำเพชร! ”
คนถูกจับเรียกชื่ออีกคนเสียงดังแต่ไม่ใช่เพราะความไม่พอใจแต่เพราะความตกใจมากกว่าเธอคิดไม่ถึงว่าอวิกาจะมาดักหน้าเธอแบบนี้แถมตอนนี้ตัวของเธอยังถูกอีกคนจับเอาไว้ซะแน่นถ้าเกิดใครเข้ามาตอนนี้คงต้องคิดว่าเธอทั้งสองคนกำลังกอดกันอยู่เป็นแน่
“ปล่อยพี่ก่อน”
ทั้งๆที่ปากบอกให้ปล่อยแต่ดูร่างกายเธอสิไม่มีขัดขืนเลยแม้แต่น้อย…ให้มันได้อย่างนี้สิมาธวี!
“ทำไมล่ะคะเรายังคุยกันไม่จบเลยนะ”
คราวนี้มาธวีถึงกับหัวใจเต้นแรงเมื่ออวิกาเอ่ยถ้อยคำนี้ออกมาด้วยน้ำเสียงอ้อนๆทำเอาคนฟังอย่างเธอแทบจะละลายดีที่ได้อ้อมแขนของคนพูดประคองเอาไว้ไม่เช่นนั้นตัวเธอคงได้ทรุดไปกองอยู่ที่พื้นเป็นแน่
“พี่ พี่ว่าเราไปคุยกันข้างล่างดีกว่านะ”
คนพูดทำท่าหันหลังเพื่อจะเดินไปยังประตูแต่ก็ไม่สามารถทำได้เมื่อตอนนี้ตัวของเธอได้ถูกอีกคนยึดครองไปหมดแล้ว
“ปล่อยพี่ก่อนสิคะ”
“ทำไมล่ะคะ”
“ก็ ก็เราจะได้ไปคุยกันข้างล่างไงค่ะ”
“คุยในนี้ก็ได้ค่ะเพชรไม่ถือ”
คนฟังถึงกับลืมตัวจนเผลอหันมาสบตากับคนพูดครู่หนึ่งก่อนจะรีบก้มหน้าลงพื้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ในสถานะการณ์ปกติ
อวิกาอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้เมื่อสามารถแกล้งให้หมีอายได้ หญิงสาวปล่อยมือออกช้าๆก่อนจะใช้มือเชยคางคนตรงหน้าให้เงยขึ้นมามองหน้าเธอ
“เพชรให้เวลา 5 นาทีถ้ายังอาบไม่เสร็จเพชรจะเข้าไปช่วยนะคะ”
มาธวียืนตัวแข็งเมื่อเจอเข้ากับมุขนี้ก่อนที่เจ้าตัวจะรวบรวมแรงที่เหลืออันน้อยนิดดันตัวอีกคนให้หลีกไปจากนั้นก็รีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปด้วยความรวดเร็ว
“เร็วๆนะคะเพชรรออยู่น๊า”
คนช่างแกล้งยังไม่หยุดแหย่ก่อนที่เจ้าตัวจะรีบยกมือขึ้นปิดปากเมื่อได้ยินเสียงของหล่นในห้องน้ำท่าทางหมีจะพิโรธจริงๆแล้วล่ะมั้ง
ส่วนทางด้านคนในห้องน้ำก็ค่อยๆก้มลงเก็บของที่ตัวเองดันซุ่มซ่ามชนใส่จนหล่นลงมากองกับพื้น ต้นเหตุก็มาจากคนที่อยู่ข้างนอกนั่นแหละไม่รู้อะไรเข้าสิงถึงทำท่าทางแบบนี้กับเธอ…มาธวีรู้สึกตกใจกับความคิดของตัวเองเพราะตอนนี้เธอกำลังนึกถึงอ้อมกอดอุ่นๆที่เธอดันรู้สึกเสียดายเมื่อคนกอดคลายมือออกจะบ้ากันไปใหญ่แล้ว หญิงสาวได้แต่สะบัดไล่ความคิดเหลวไหลนั่นออกไปก่อนจะเดินตรงไปยังฝักบัวหวังว่าน้ำที่ไหลลงมาคงจะช่วยล้างความคิดพวกนี้ออกไปให้หมดได้
เจ้าของบ้านสาวเดินลงบันไดมาก็พบเข้ากับแขกที่มาเยือนตั้งแต่เช้านั่งหัวเราะอยู่กับบิดาของเธอ มาธวีไม่ได้คิดที่จะแอบฟังการสนทนาของคนทั้งคู่แต่หูของเธอกำลังค่อยๆกางออกมาเพื่อให้ได้ยินทุกคำแบบชัดๆไม่มีตกหล่น
“ทำอะไรตรงนั้นล่ะลูก”
ศิวัชเอ่ยถามบุตรสาวที่ทำท่าลับๆล่อๆอยู่แถวประตูก่อนจะกวักมือให้เข้ามานั่งด้วยกัน
“เป็นไงบ้างลูกเมื่อคืนหนักมากเลยละสิท่า”
คำถามที่ดูกำกวมของคนพูดทำเอามาธวีถึงกับหน้าร้อนผ่าวก่อนจะแอบชำเลืองมองไปยังคนที่นั่งยิ้มไม่ยอมหุบอยู่ฝั่งตรงข้าง
“ถ้าไม่ได้หนูเพชรล่ะก็พ่อคงได้อกแตกตาย”
“ไม่ขนาดนั้นมั้งคะคุณพ่อ”
“หนักกว่าที่เราคิดอีกนะ”
ศิวัชพูดจบก็ส่ายหัวไปมาหากเมื่อคืนไม่ได้อวิกาลูกสาวของเขาคงจะแย่กว่านี้
“ลุงต้องขอบใจหนูเพชรจริงๆนะลูกแบบนี้สิลุงค่อยวางใจยกลูกสาวให้หน่อย”
มาธวีแทบจะสำลักน้ำที่ดื่มเข้าไปก่อนจะหันไปส่งค้อนให้กับคนพูด
ศิวัชมองหน้าบุตรสาวเพียงครู่เดียวก่อนจะรีบเช็ดปากแล้วลุกขึ้นอย่างรีบร้อน
“ลุงขอตัวก่อนนะขืนช้าเดี๋ยวโดนผึ้งต่อย”
คนพูดขยิบตาให้ว่าที่ลูกเขยทีหนึ่งก่อนจะเดินหัวเราะออกไปอย่างอารมณ์ดีส่วนคนถูกว่านี่สิถึงกับหน้างอไม่รับแขกยิ่งกว่าเดิมหากแต่คนที่นั่งอยู่ด้วยกลับไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิดไม่รู้ทำไมตอนนี้เธอกลับเริ่มรู้สึกว่าหมีตัวนี้น่ารักขึ้นมากกว่าทุกวันที่ผ่านมา
ทั้งสองสาวนั่งลงที่สนามหญ้าหน้าบ้านหลังจากที่มาธวีพาแขกคนสำคัญเดินเล่นรอบบ้านจนเหนื่อย
“ไม่อยากจะเชื่อว่าพี่จะเมาขนาดนั้น”
หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนคนก่อเรื่องถึงกับเอามือกุมขมับเพราะตัวเองจำอะไรไม่ได้เลยนึกอายที่ทำตัวแย่ขนาดนั้นแถมท้ายยังอ้วกใส่อีกคนแบบหมดกระเพาะ
“พี่ขอโทษจริงๆนะแล้วก็ขอบใจน้ำเพชรมากที่มาส่ง” คนพูดเอ่ยด้วยน้ำเสียงสำนึกผิดจนคนฟังอดไม่ได้ที่จะกุมมืออีกฝ่ายเอาไว้พร้อมกับส่งยิ้มให้แบบอ่อนโยน
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะเพชรต่างหากที่ต้องขอบคุณที่พี่ผึ้งให้เพชรนอนด้วย”
รอยยิ้มที่กำลังจะผุดขึ้นของคนฟังค้างทันทีเมื่อคนตรงหน้าเอ่ยจบ เธอหูฝาดหรือว่าน้ำเพชรกำลังแหย่เธอเล่นกันแน่นะ
อวิกาหัวเราะทันทีเมื่อเห็นอาการตกใจจนเกินเหตุของอีกคน
“พี่ผึ้งเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“ปะ ปะเปล่า”
มาธวีเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักพอคุยกันมาถึงเรื่องนี้ทำไมเธอรู้สึกหัวใจเต้นแรงซะจนไม่อยากจะรู้เรื่องอะไรอีกแล้วเพราะขืนได้รับฟังอะไรมากกว่านี้เธอคิดว่าก้อนเนื้อที่เรียกว่าหัวใจของเธอคงได้ออกมาเต้นโชว์ให้ได้ขายขี้หน้าเป็นแน่
อวิกานึกตลกสีหน้าของอีกคนไม่คิดว่ายัยหมีขี้แกล้งจะตกม้าตายกับมุขแบบนี้เอ…เพิ่มให้อีกซักหน่อยน่าจะดี
“พี่ผึ้งคะ”
“ค๊ะ”
“เพชรว่าพี่ผึ้งน่าจะมีหมอนข้างอีกซักใบนะคะรู้มั้ยว่าเมื่อคืนพี่ผึ้งทำเพชรเมื่อยไปทั้งตัว”
คนพูดยิ้มอย่างเจ้าเลห์พร้อมดึงมือที่กุมอีกคนกลับมาทำท่าทุบแขน ขารวมทั้งที่คอของตัวเองไปมา
ส่วนคนที่โดนมุขนี้เข้าไปก็ถึงกับชาวาบไปทั้งตัวพร้อมกับใบหน้าที่ร้อนอย่างกับคนเป็นไข้แถมท้ายด้วยหัวใจที่เธอว่าตอนนี้มันคงส่งเสียงร้องออกมาให้อีกคนได้ยินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
บ้านเอกอมรกุล อาศิราตื่นแต่เช้าลงมาเข้าครัวเองทำเอาคนที่เดินผ่านไปแล้วต้องเลี้ยวกลับมาดูอย่างแปลกใจ
“ไม่สบายหรือเปล่า”
กำธรเอ่ยถามบุตรชายที่ดูท่าทางอารมณ์ดีแถมยังเข้าครัวเองอีกต่างหาก ดูแล้วเหมือนภาพหาดูยาก
“เปล่าครับคุณพ่อรออีกแป๊บนะครับเดี๋ยวข้าวต้มกุ้งแสนอร่อยก็จะเสร็จแล้ว”
อาศิราเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับเอื้อมมือไปตักข้าวต้มใส่ถ้วยเสร็จสรรพก็หันไปส่งยิ้มให้บิดา
“ไปหาหมอมั้ยศิรา”
“คุณพ่อครับ”
“โอเคๆว่าแต่แกไม่ได้วางยาหนูรุ้งใช่มั้ย”
“พ่อครับ”
“ล้อเล่นน่ะแต่อย่าเอาไปทำจริงล่ะ”
อาศิราถอนหายใจออกมาเบาๆใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าบิดาพูดเพื่อหยอกเย้าแต่นั่นก็ทำให้รู้ว่าคนรอบๆข้างมองท่าทางที่เขาแสดงต่อแพรวรุ่งแบบไหน…คงจะอีกนานที่เขาจะทำดีไถ่โทษได้เพราะแค่ทำให้คนอื่นไว้ใจยังทำไม่ได้แล้วนับประสาอะไรกับแพรวรุ่งที่โดนเขาทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจป่านนี้เขาคงกลายเป็นซาตานไปเรียบร้อยแล้ว