web stats

ข่าว

 


[Froster's Sister]- Complex Relation 0 Begin Relation

โพสต์โดย: ภัทรวีวรกานต์ วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2017 เวลา 13:51:45 อ่าน: 131

   ยามอาทิตย์ลอยสูงเหนือขอบฟ้าเกือบตั้งฉากกับพื้นดิน เวลายามบ่ายของวันในช่วงกลางฤดูร้อนแสงแดดยิ่งแผดเผาให้ผิวกายแทบไหม้ สำหรับคนบางคนก็โชคดีหน่อยที่ไม่ต้องเผชิญกับอากาศสุดแสนจะหน้าหงุดหงิดเช่นนี้ เมื่อได้นั่งรับแอร์เย็นๆจากเครื่องปรับอากาศที่กำลีงทำงานอย่างหนัก แต่มันกลับตรงกันข้ามกับใครอีกหลายๆคนที่ต้องก้มหน้าก้มต่อสู้กับความร้อนด้วยความจำเป็นอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง...ซึ่งในกลุ่มคนเหล่านี้ก็คงรวมถึงเด็กสาวคนหนึ่งอยู่ด้วย...
   เหงื่อเม็ดโตซึมผ่านออกมาตามไรผมก่อนจะค่อยๆไหลไปตามใบหน้าขาวใสของของเด็กสาวที่บัดนี้เริ่มแดงกร่ำเพราะแสงแดดอันเจิดจ้า มือน้อยๆหยิบยกผ้าเช็ดหน้าผืนบางที่บัดนี้เปียกชุ่มไปหมดขึ้นมาซับปลายคางของตนก่อนที่เหงื่อกาฬจะหยดลงสูงเบื้องล่าง... แม้แผ่นหลังเปียกแฉะไปหมดจนซึมผ่านเสื้อยืดสีซีดและเหนื่อยหนักหนาเพียงใดหลังจากตระเวนไปตามที่ต่างๆเพื่อทำธุระและเบียดเสียดกับผู้คนบนรถเมย์อยู่นานกว่าเกือบชั่วโมง แต่สองเท้าของสาวน้อยก็ยังคงย่ำเดินไปตามทางเดินเท้าเพื่อมุ่งไปยังจุดหมายที่ต้องการ
   "ต๊อกแต๊กๆ" เสียงพื้นปูนเสียดสีไปกับรองเท้าผ้าใบคู่เก่าที่แม้สีจะซีดแต่ยังคงอยู่ในสภาพที่ค่อนข้างดีกว่าที่ควรจะเป็นเพราะการดูรักษาของเจ้าของมัน เด็กสาวยังคงย่ำเท้าน้อยเดินไปอย่างไม่ย่อท้อ จนกระทั่งในที่สุด เธอก็มาหยุดลงอยู่ด้านหน้าตึกใหม่เอี่ยมใจกลางเมือง ใบหน้าใสเงยหน้าท้าแสงแดดเจิดจ้า ดวงตากลมใสหรี่ลงเล็กน้อยเพื่อเพ่งมองป้ายอาคาร
   เด็กสาวสูดหายใจเข้าลึกๆ ในใจของเธอกำลังเต็มไปด้วยความหวัง ที่นี่...คือที่สุดท้ายที่เป็นความหวังเดียวของเธอ หลังจากที่เธอต้องบากหน้าไปตามที่ต่างๆเพื่อขอความช่วยเหลือแล้วกลับต้องถูกปฏิเสธ หรือไม่ก็ไม่สามารถช่วยให้ปัญหาที่เธอกำลังเผชิญมันหมดไปได้
"ขอโทษนะคะ"
หญิงสาวด้านหลังเคาท์เตอร์เงยหน้าขึ้นมา ก่อนจะเผยรอยยิ้มพิมพ์ใจให้กับเด็กสาว "อ้าว ว่าไงคะน้องพิมพ์..." คำทักทายถูกส่งออกไปก่อนที่บนสนทนาจะเริ่มต้นขึ้น...

"ตึก...ตึก...ตึก" เสียงเคาะดังขึ้นเป็นจังหวะเมื่อปลายนิ้วเรียวยาวกระทบลงบนที่เท้าแขนของเบาะหนังตัวยาว มันบ่งบอกอารมณ์ของของผู้ที่เป็นต้นกำเนิดเสียงได้เป็นอย่างดีเมื่อบวกกับใบหน้าบูดบึ้งของหญิงสาวคนหนึ่ง แม้เจ้าของมันจะอยู่ในอารมณ์ที่ไม่ค่อยจะสุนทรีย์เท่าใดนัก แต่ใบหน้าอันงดงามของหญิงสาวก็ยังคงเป็นที่น่ามอง... ดวงตาสีฟ้าอ่อนๆช่างมีเสน่ห์ เข้ากันกับจมูกโด่งงองุ่มเล็กน้อยตรงปลายและริมฝีปากเรียวสวย องค์ประกอบทุกอย่างบนใบหน้าอีกทั้งผมสีน้ำตาลส่งผลให้ผู้หญิงคนนี้แต่ดูดีไปหมด ยิ่งเมื่อมองสำรวจถึงรสนิยมการแต่ตัวด้วยชุดทะมัดทะแมงด้วยแล้ว คงไม่ต้องบอกว่าชวนให้ใจละลายเพียงใด สมกับที่เป็น นินพิชชา ลูเซียเน่ กาลันเต้ ฟรอสเตอร์
"ให้ผมไปจัดการให้ไหมครับ..." เสียงห้าวของชายร่างบึกเปล่งออกมาเป็นภาษาอิตาลี เพื่อถามคำถามกับเจ้านายของตนเมื่อเห็นท่าว่าจะเริ่มอารมณ์เสียกับการรอคอย
"ไม่ต้อง..." เสียงทุ้มต่ำที่หาได้น้อยในผู้หญิงตอบกลับมาเพียงสั้นๆ แต่คิ้วเรียวกลับยิ่งขมวดมุ่นมากขึ้น
   ไม่มีความรับผิดชอบเอาเสียเลย มาครั้งแรกก็ไม่นาประทับใจแล้ว ครั้งหน้าเธอจะไม่มาคุยธุรกิจกับบริษัทนี้ด้วยตัวเองอีกแน่ๆถ้าไม่ใช่คำสั่งของพี่สาว
 บู่...น่าเบื่อชะมัด คุณหนูผู้สุดแสนจะใจร้อนนึกบ่นในใจ แต่หลังสิ้นเสียงบ่นได้ไม่นาน หญิงวัยกลางคนรายนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นและเดินตรงมายังจุดที่นินพิชชานั่งอยู่
   "ต้องขออภัย คุณฟรอสเตอร์ด้วยนะคะ ที่ทำให้ต้องรอนาน และไม่สะดวกสบายแบบนี้ พอดีพนักงานเพิ่งจะเข้ามาทำงานเป็นวันแรกน่ะค่ะ และไม่ทรายว่าคุณฟรอสเตอร์จะมา" หล่อนพูดยาวเหยียด และขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่
   แต่ดูเหมือนคุณหนูขี้หงุดหงิดจะไม่ได้ใส่ใจคำพูดเหล่านั้นเท่าใดนัก เมื่อสาวเจ้าตอบเพียง "อืม..." สั้นๆอย่างไม่สบอารมณ์นัก พลางโบกมืออย่างปัดรำคาญ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ พี่นิชจะเสนอมาที่บริษัทเล็กๆแบบนี้ทำไมกัน!
    "ยังไงก็ขอเชิญคุณฟรอสเตอร์รอที่ห้องรับรองที่ทางเราเตรียมไว้ให้นะคะ" พนักงานสาวที่เห็นสีหน้าไม่ค่อยดีรีบเอ่ยเชื้อเชิญทันที ส่วนคนฟังน่ะเหรอก็ดูไม่ค่อยจะรักษามารยาทสักเท่าไร เมื่อเจ้าตัวกรอกตาแบบเหนื่อยหน่าย แต่ก็ยอมลุกขึ้นอย่างว่าง่าย ตอนนั้นเองที่เหล่าบอร์ดี้การ์ดถึงได้เวลาเคลื่อนไหวเพื่อเริ่มทำหน้าที่ของตัวเองอีกครั้ง
   นายน้อยแห่งตระกูลฟรอสเตอร์ก้าวเดินไปยังห้องรับรองด้วยท่าทางสง่างามโดยที่มีเลขาสาวนำทางและชายร่างยักษ์ล้อมหลัง  แต่ไปได้ไม่ไกลขายาวทั้งสองข้างของนินพิชชาเป็นอันต้องหยุดชะงัก เมื่อถูกดึงรั้งไว้ด้วยเสียงหวานใสที่ดังมาจากด้านหลัง ล่องลอยมาตามสายลมกระทบเข้าที่โสตประสาทจนเธอได้ยิน เสียงที่เธอเองก็ไม่อาจะเข้าใจว่ามันน่าสนใจอะไรหนักหนาถึงขนาดที่ทำให้เธอหยุดเพื่อฟังและอยากเห็นเจ้าของน้ำเสียงยิ่งนัก
   นินพิชชายกมือเป็นสัญญาณให้เหล่าชายร่างยักษ์หยุด โดยที่ไม่ได้สนใจพนักงานสาวที่รับบทเป็นไกด์นำทางเดินที่ยืนอยู่ด้านหน้าของเธอพร้อมทำหน้าเหรอหราเลยแม้แต่น้อย นินพิชชากลับตั้งใจฟังการสนทนาเงียบ พร้อมกันนั้นเธอก็ค่อยๆหมุดตัว และเอี้ยวหน้าแอบมองเจ้าของเสียงหวานใสนั้นไปพรางๆ
   "ขอโทษนะคะ" เสียงใสๆของเด็กสาวเอ่ยถามประชาสัมพันธ์ที่นั่งก้มหน้าก้มตากับอยู่กับงานตรงหน้า
และเมื่อประชาสัมพันธ์สาวเงยหน้าขึ้นมาหล่อยก็ยิ้มกว่าให้กับคนคุณหน้าคุณตา "อ้าวน้องพิมพ์มาทำอะไรจ้ะ"
"สวัสดีค่ะพี่วิ" เด็กสาวยิ้มหวานๆ "มาหาพี่ญาค่ะ ไม่ทราบว่าพี่ญาอยู่ไหมคะ พิมพ์จะขอเข้าพบได้หรือเปล่าคะ"
"พี่ว่าน้องพิมพ์มาผิดวันแล้วล่ะจ่ะ ผู้จัดการเธอไปดูงานที่ต่างประเทศน่ะ กว่าจะกลับก็คงกลางเดือนหน้าโน่นเลย เพิ่งจะไปเมื่อวานนี้เองจ้ะ สงสัยผู้จัดการคงลืมบอกน้องพิมพ์...ก็ไม่ได้เจอกันเลยนี่เนาะตั้งแต่ส่งน้องพิมพ์ไปฝึกงานอีกสาขา"
"เหรอคะ" เสียงอ่อยๆพร้อมใบหน้าผิดหวังเล็กน้อยปรากฎขึ้นหลังจากได้ฟังคำบอกเล่าจากประชาสัมพันธ์สาว
"น้องพิมพ์มีอะไรสำคัญหรือเปล่าจ้ะ จะฝากไว้ไหม หรือจะเอาเบอร์ติดต่อผู้จัดการจ้ะ"
"พิมพ์ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ ขอบคุณมากนะคะพี่วิ"
"ไม่เป็นไรจ้ะ"
"ถ้าอย่างนั้นพิมพ์ขอตัวกลับก่อนนะคะ" เด็กสาวส่งยิ้ม ยกมือไหว้อย่างสวยงาม ก่อนจะหมุนตัว เพื่อมุ่งหน้าไปยังทางออก
ขณะที่หนึ่งคนกำลังหยุด อีกคนกำลังเคลื่อนไหว ช่วงเวลาประจวบเหมาะก็บังเกิดขึ้น เมื่อดวงตาคนละสีสองคู่สบกันพอดี นาทีนั้นทั้งสองไม่อาจรู้เลยว่าสิ่งที่กำลังเกิดมันตราตรึงอีกฝ่ายมากเพียงใด เหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน?
แต่มันก็เป็นเพียงเสี้ยววินาที เมื่อทุกอย่างต้องกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง และเป็นคนอายุน้อยกว่า ที่ผินหน้าออก เปลี่ยนทิศทางการมองไปทางประตู ก่อนที่เท้าเล็กๆจะเริ่มก้าวเดิน ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ใครอีกคนเริ่มขยับตัว
เด็กสาวก้าวเดินช้าๆเอื่อยๆเพราะความเหนื่อยล้าที่สะสมมาตลอดวัน หลังจากที่ตระเวนไปตามที่ต่างๆและพบกับความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า หัวสมองที่เคยมีเรื่องให้คิดตลอดเวลาถูกปล่อยวางเพื่อคลายความตึงเครียดก่อนที้จะต้องให้มันเพื่อหาหนทางแก้ปัญหาต่อไป
เมื่อความคิดอันหนักอึ้งถูกสลัดโยนทิ้งไว้เพียงเบื้องหลัง สิ่งที่อยู่ในหัวของคนอ่อนวัยควรจะปลอดโปร่งมากขึ้น แต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อภาพสายตาของใครบางคนเมื่อครู่กับเข้ามาแทนที่ในห้วงความนึกคิดของเธอ
ดวงตาสีฟ้าที่มันต่างจากของเด็กสาวอย่าสิ้นเชิงนั้นมังยังคงติดตรึงให้ห้วงความทรงจำ แววตาที่เธอเพิ่งจะลาจากมามันทอประกายบางอย่าง บางอย่างที่คนฉลาดเกินวัยอย่างเธอสามารถอ่านออกได้ไม่ยาก... มันเต็มไปด้วยความสนใจใคร่รู้ ความเอาแต่ใจ ความปรารถนา รวมทั้งความร้อนแรงที่มันเปร่งออกมาผ่านสายตาคู่นั้นราวจะเสือร้ายที่ต้องจะตะครุบเหยื่ออย่างเธอ
แต่ถึงกระนั้นสาววัยแรกรุ่นก็ไม่อาจเข้าใจได้ว่า ทำไมสายตาคู่นั้นถึงกลับยังอยู่ในความรู้สึกของเธอ อีกทั้งยังทำให้หัวใจดวงน้อยๆที่ยังไม่เคยตกหลุมรักใครมาก่อน สามารถเต้นไม่เป็นจังหวะได้ถึงเพียงนี้?เหมือนเป็นคำถามที่เธอไม่อาจหาคำตอบได้?
ขณะนั้นเองในตอนที่เด็กสาวดูเหมือนจะตกอยู่ในวังวนความคิดของตัวเองมากจนเกินไป ทำให้เธอไม่ทันได้ระวังรอบกาย กว่าจะรู้ตัวอีกทีตัวเธอก็ชนเข้ากับใครบางคนตรงบริเวณโถงอาคารใกล้ประตูทางออก
"อุ้ย ขอโทษค่ะ ขอโทษจริงๆค่ะ" เด็กสาวละล่ำละลักก้มหัวขอโทษขอโพยอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันได้มองหน้าอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย แต่สิ่งที่ได้รับลับมาคือความเงียบ
เมื่อไม่มีเสียบตอบรับเด็กสาวจึงค่อยๆหยุดตัวเอง พยายามตั้งสติมองคนตรงหน้าเธอ ภาพแรกที่เธอเห็นคือแผ่งอกที่ปกปิดด้วยเสื้อเชิร์ตสีขาวเรียบกริบภายใต้สูทสีดำ ก่อนที่จะไล่สายตามองขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงกับต้องแหงนคอขึ้นอีกนิดเนื่องด้วยความสูงที่ต่างกัน
เด็กสาวก็ต้องผงะเล็กน้อยเมื่อพบว่าคนที่เธอเดินชนและกำลังยืนอยู่ตรงหน้าเธอตัวเป็นๆคือหญิงสาวชาวยุโรปที่กำลังอยู่ในหัวเธอเมื่อครู่?
แสดงอาการตระหนกได้ไม่นาน สาวน้อยก็รวบรวมอากัปกริยาให้สำรวมดังเก่า ก่อนจะเปล่าภาษาสากลเพื่อขอโทษอีกคน ที่อาจจะฟังที่เธอพูดเมื่อนาทีก่อนไม่เข้าใจ
"I?m so sorry?"
แม้จะกล่าวไปด้วยภาษาอังกฤษแต่สิ่งที่ได้รับการตอบสนองคืออาการนิ่งเช่นเคย พร้อมกับสายตาที่ก้มมองสำรวจตัวเธอไม่หยุด ทำให้เด็กสาวเริ่มจะขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจนัก และเมื่อเวลาทุกวินาทีผ่านไป ดูเหมือนบทสนทนาจะไม่เกิดขึ้นเลย ฝ่ายที่กล่าวขอโทษจึงเริ่มมองไม่เห็นความจำเป็นที่จะอยู่ต่อ
"Um?if you don?t have anything I have to go now (เออ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวนะคะ)" เอ่ยจบเด็กสาวก็เบี่ยงตัวออกก้าวเดินอีกครั้ง
แต่คนที่กำลังพาตัวเองออกจากสถานการณ์ตรงหน้าก็ไม่อาจได้ทำอย่างที่ตั้งใจ เมื่อเธอเบี่ยงตัวหลบไปทางขวาอีกฝ่ายก็ก้าวเข้ามาขวางเธอเอาไว้ พอเธอเบี่ยงตัวไปทางซ้ายอีกฝ่ายก็เก้าตาม
เมื่อเป็นเช่นนั้นคิ้วสวยก็เริ่มขมวดมุ่น พร้อมกับดวงตาหวานสีดำสนิทฉายแววไม่พอใจอีกฝ่ายออกมา ก่อนที่เด็กสาวจะช้อนสายตาที่เริ่มจะไม่สบอารมณ์นิดๆขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างตั้งคำถาม ซึ่งคราวนี้ดูเหมือนเธอจะได้คำตอบ เมื่อเสียงแหบทุ้มเอ่ยขึ้นมาด้วยคำพูดที่ดูจะไม่มีที่มาที่ไปเท่าใดนักเป็นภาษาไทยชัดเจนที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินจากสาวหน้าตาฝรั่งจ๋าเช่นนี้
"ต้องทำยังไง"
"คะ?" คิ้วสวยของสาวน้อยเลิกขึ้นสูง พร้อมสีหน้างงงวยเล็กน้อย กับคำถามของงอีกคน
"ฉันนินพิชชา ลูเซียเน่ กาลันเต้ ฟรอสเตอร์"
"เอ่อ...ฉันพิรญาค่ะ" พิรญาแนะนำตัวอย่างงงๆ เมื่อเธอยังไม่หายสงสัยสิ่งที่อีกคนพูดในคราแรก "แล้ว..." และไม่ทันได้เอ่ยขอให้อีกไขข้องข้องใจ เด็กสาวก็ได้รับคำตอบ
"หลังฉันเสร็จธุระ ฉันอยากให้เธอไปด้วย เป็นผู้ช่วยฉัน ฉันต้องทำยังไงบ้าง เธอต้องการเท่าไร เงื่อนไขว่ายังไง"
"ผู้ช่วยหมายความว่าอย่างไรคะ" เด็กสาวขมวดคิ้ว
"ทำทุกอย่างให้ฉันที่ฉันต้องการ"
"เพี๊ยะ"
สิ้นคำถามก็ตามด้วยเสียงฝ่ามือกระทบใบหน้า เรียกสายตาให้ผู้คนแถวนั้นรวมทั้งบอร์ดี้การ์ดทั้งหลายมองด้วยความอึ้ง เมื่อเด็กสาวอายุ 17 อาจหาญตบหน้านายน้อยแห่งตระกูลฟอร์สเตอร์อย่างไม่ไว้หน้า
ดวงตาคมวาวโรธ เมื่อไม่เคยมีใครทำแบบนี้กับหล่อน และหล่อนก็ไม่เข้าใจว่าหล่อนผิดอะไรถึงต้องขนาดตบหน้ากัน ในเมื่อหล่อนต้องการเด็กสาว อยากให้อีกคนมาอยู่ใกล้ๆ ในความดูแล โดยที่อีกคนก็ไม่ใช่แฟน ไม่ใช่ชู้ แล้วก็ไม่ใช่แค่ one night stand รวมถึงไม่ใช่ผู้หญิงที่คอยตอบสนองหล่อนเพียงอย่างเดียวเมื่อหล่อนต้องการ
"คุณฟังฉันให้ดีนะคะ" เสียงที่เคยหวานถูกเค้นออกมาจนเข้ม ใบหน้าขาวใสขึ้นสีอย่างโกรธจัด พร้อมกับมือบางที่กำแน่นอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ ดวงตาจ้องตอบอีกฝ่ายอย่างไม่ลดละและนึกกลัว
"ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่ต้องนอนกับใครเพื่อเงิน โปรดรู้จักคำว่าให้เกียรติคนอื่นด้วยนะคะ และรู้ด้วยว่าบ้านเมืองมีกฎหมายถ้าคุณจะหัดจำใส่สมองไว้บ้าง นอกจากเรื่องบนเตียงและธุรกิจของคุณ!" พูดจบเด็กสาวก็เดินกระแทกไหล่คนตัวสูงกว่าและจากไปโดยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ตอบโต้และทิ้งไว้เพียบคำพูดเจ็บแสบ

สายตาคมวาวโรธอย่างน่ากลัวจ้องมองตามร่างเล็กที่เดินจากไป มือข้างหนึ่งของนินพิชชากำแน่น เธอไม่เคยถูกใครปฏิเสธและถูกตบฉาดใหญ่ต่อหน้าสาธารณะชนเช่นนี้มาก่อน ความอยากเอาชนะพุ่งพวยเข้ามาในความรู้สึกของคุณหนูตระกูลใหญ่
"คาโล" สาวตาน้ำข้าวเรียกคนสนิทพรางลูบข้ามแก้มที่รอยเจ็บยังไม่จางและป่านนี้คงขึ้นรอยแดงห้านิ้ว
"ครับนายน้อย"
"ส่งคนตามผู้หญิงคนเมื่อกี้ไป แล้วไปสืบประวัติมาสิ"
"ขออนุญาติครับ" บอดี้การ์ดหนุ่มโค้งตัวเป็นเชิงขอนุญาต "ไม่ทราบว่านายน้อยจะให้ผมสืบประวัติคุณหนูคนนั้นไปทำไมครับ" เขาถามด้วยความแปลกใจระคนสงสัย เมื่อปกติผู้เป็นนายไม่เคยออกคำสั่งเช่นนี้หากไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องราวของคนๆเพื่อเหตุผลทางธุรกิจหรือเพราะเพื่อแก้ปัญหาวุ่นวาย แต่กับเด็กสาวที่เจ้านายของเขาจดจ้องนั้นกลับต่างออกไปโดยสิ้นเชิง เขาแน่ใจว่านายน้อยของเขาไม่เคยรู้จักเด็กคนนี้หรือมีความเกี่ยวกันกันแม้แต่น้อย แล้วทำไมกันล่ะ ทำไมคุณหนูผู้เอาแต่ใจถึงต้องให้เค้าไปสืบเรื่องของเด็กสาวคนนั้นด้วย และที่สำคัญยังแนะนำตัวด้วยชื่อจริงที่แสนหวงไว้ให้คนใกล้ชิดออกไปแบบนั้นเสียด้วย
แม้คุณหนูนินพิชชาจะเป็นเจ้านายที่มักพูด แสดงสีหน้าและอารมณ์ให้คนที่พบเห็นให้เดาใจง่ายมากที่สุดในตระกูล แต่ ณ เวลานี้ มันต่างออกไป ครั้นจะให้เขาอ่านใจนายน้อยแห่งตระกูลฟรอสเตอร์ตอนที่แววตาเรียบนิ่งแบบนี้ละก็ ดูจะเป็นการยากมากที่จะคาดเดาได้...
   "ยุ่ง!" ดูเหมือนว่าคาโลจะไม่ได้รับคำตอบ เมื่อนินพิชชาพ่นคำสั้นๆแต่เป็นอันเข้าใจ พร้อมมองลูกน้อยคนสนิทตาขวางเป็นเชิงปราม "ไปตามผู้หญิงคนนั้นอย่าให้คลาดสายตา และสืบประวัติมาให้ละเอียดก็พอ ระหว่างนี้ฉันจะไปธุระเรื่องนั้นสักหน่อย และถ้าภายในสี่สิบแปดชั่วโมงถ้าหาไม่ได้ หรือทำพลาดละก็ นายโดนแน่คาโล" ไม่วายที่นายน้อยอารมณ์ร้อนจะออกคำสั่งขู่ทิ้งท้าย ก่อนจะหมุนตัวออกเดิน  ปล่อยให้บอดี้การ์ดหนุ่มคนสนิท ตอบรับและแยกตัวไปปฏิบัติตามคำสั่ง
   "ครับนายน้อย"
   แม้ว่าเวลากลางวันรถจะแน่นเอี้ยดเต็มท้องถนน หรืออากาศภายนอกจะร้อนแรงชวนหงุดหงิดสักเพียงใด แต่ภายในรถยนต์คันหรูที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำนั้นกลับตาลปัตโดยสินเชิง เมื่อคุณหนูอารมณ์ร้ายอย่างนินพิชชากลับนั่งไขว่ห้างอย่างสบายอกสบายใจ เมื่อเป้าหมายของตนนั้นลุล่วงเป็นไปตามดังใจต้องการด้วยเวลาที่รวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ หลังจากที่เธอออกคำสั่งในสามสิบชั่วโมงถัดมา และสิ่งนั้นก็กำลังอยู่ในมือของเธอ มาโก้ไม่เคยทำนายน้อยผิดหวังเลยจริงๆ...
   มือเรียวข้างหนึ่งของนินพิชชาหยิกยกเอกสารปึกหนึ่งมาถือไว้ พร้อมกับสายตาคมที่กวาดมองตัวหนังสือพร้อมรูปถ่ายที่แนบมา ประวัติระเอียดยิบของใครบางคนกำลังอยู่ในมือของเธอ พร้อมกับที่ข้อมูลส่วนตัวของอีกคนถ่ายทอดสู่หน่วยความจำในหัวของเธอ ยิ่งสมองของนินพิชชาได้รับรู้ข้อมูลในนั้นมากเท่าไร ดูเหมือนว่าตาสีฟ้าอ่อนจะยิ่งเปล่งประกายระยิยระยับมากไปอีก สายตาที่ไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย...
   "พิมพ์ หรือ พิรญา กาญจนวัตร อย่างนั้นเหรอ" นินพิชชาพึมพำ มือข้างที่ยังว่างของนินพิชชาถูกยกขึ้นมาลูบปลายคางอย่างใช้ความคิด มุมปากเป็นกระจับค่อยๆถูกยกสูงขึ้น เป็นรอยยิ้ม พร้อมกับตาเรียวค่อยๆหรี่ลง
   "คาโล"
"ครับนายน้อย"
"สั่งให้คนโทรไปบอกแด๊ด ว่าฉันตกลงไปดูสาขาใหม่ที่อังกฤษ ในอีกสามเดือน แล้วก็เตรียมที่พักให้ฉันด้วย" เสียงเฉียบออกคำสั่งด้านประโยคกระชับ "เสร็จแล้วก็ส่งคนไปติดตามเด็กสาวนั้นอย่าให้คลาดสาย ฉันมีอะไรสนุกๆให้ทำ"
"นายน้อยคิดจะทำอะไรครับ ผมว่า..."
"ไม่ต้องยุ่ง ทำตามคำสั่งก็พอ"
"อ่อ แล้วเรื่องนี้ห้ามใครแพร่งพรายให้พี่นิช หรือพี่ชายรู้รวมทั้งแด๊ดด้วยละ" นายน้อยแห่งตระกูลฟรอซ์เตอร์ออกคำสั่งกำชับเสียงเรียบ พรางปรายตามองผู้ติดตามหนุ่มที่ยืนรับคำสั่ง เพื่อนบอกให้รู้ว่าเรื่องนี้ห้ามถึงหูคนที่กล่าวมาอย่างเด็ดขาด...
เมื่อชายหนุ่มรับคำสั่งและหันกลับไปยังท้องถนนเบื้องหน้า นินพิชชาก็เบนสายตาออกไปนอกหน้าต่าง เหยียดรอยยิ้มแสยะ พรางนึกถึงใบหน้าของคนอ่อนเยาวน์ที่ไม่รู้จะทำหน้าเช่นไรหากรู้ตัวว่าต่อไปนี้เจ้าหล่อนจะไม่อาจให้คำตอบปฏิเสธอะไรเธอได้อีก โดยที่ตัวนินพิชชาเองก็ไม่อาจรู้จำว่าคำตอบเดียวกันนั้น มันจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอและใครอีกคนไปตลอดกาล...


Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น