web stats

ข่าว

 


Coffee Break [แฟนฟิค] - ตอนที่ 21 My Cute Little Idiot

โพสต์โดย: anhann วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2017 เวลา 21:36:55 อ่าน: 432



แฟนฟิคเรื่องนี้เปิดให้จองแล้ว  และไม่มีขายแบบอีบุ๊ก  สนใจดูรายละเอียดได้ที่นี่ https://goo.gl/forms/948TLr3S47i5BAzD3



ตอนที่ 21 My Cute Little Idiot









สเตฟานี่นั่งอมยิ้มระหว่างมองอีกคนเล่นเป่าฟองอยู่ข้างๆ ราวกับเด็ก  เจสสิก้าไม่รู้นึกอะไรขึ้นมา  เปลี่ยนใจจากการไปเดินหาซื้อช็อกโกแลตมาเล่นแบบนี้ในสวนสาธารณะแทน  แต่ก็น่ารักจนเธอล้มเลิกความคิดจะขัดแย้งกันไป 

อย่างน้อยตอนนี้เราก็ได้อยู่ด้วยกัน

วันลาพักร้อนของเธอยังเหลืออีก 3 วัน  แต่เธออาจจะลาต่ออีกก็ได้  ใช้สิทธิ์ที่ไม่ได้ใช้มาตั้งสามปีให้คุ้ม  นี่ถ้าเอาสิทธิ์ลาทุกสิทธิ์ในแต่ละปีที่เธอไม่ได้ใช้มารวมกันได้  เธออาจจะได้หยุดทั้งปีเลย

"เฮ้  เดี๋ยวนะ  คือมันมี..."

สเตฟานี่เลิกคิ้วสงสัยในทีท่าของเจสสิก้าที่เลิกเล่นเป่าฟองมามองหน้าเธอด้วยท่าทางแปลกๆ  แล้วต่อมาเธอก็มัวแต่มองหน้าอีกฝ่ายที่ขยับเข้ามาใกล้กันจนไม่ทันเห็นว่าเจสสิก้าปัดฟองสบู่ที่ติดบนศีรษะของเธอออกให้

"เสร็จละ"  เจสสิก้าพูดอย่างภูมิใจ  แต่พอจะหันไปเล่นต่อ  แขนเธอก็ถูกคว้าไว้ก่อน  แล้วสายตาของสเตฟานี่ก็ทำให้เธอแอบยิ้ม

"อะไร  หลงฉันแล้วใช่ไหมล่ะ"  เธอถามอย่างหยิ่งๆ  แล้วคนแกล้งเก๊กก็หัวเราะออกมาจนได้  "ปล่อยเลย  ฉันจะเล่น"

"เล่นอะไรนักหนา  เธอกี่ขวบแล้วเนี่ย"  สเตฟานี่บ่น  แต่ที่สุดก็ต้องยอมให้เด็กโข่งได้เล่นอย่างที่ใจอยาก  อาจจะเพราะเธอรู้ล่วงหน้าว่า  ถ้าเล่นจนเหนื่อยแล้ว  เจสสิก้าก็จะนั่งหลับพิงไหล่เธอแบบนี้

ตกลงอายุ 26 หรือ 6 ขวบกันแน่นะ?

"เฮ้  เอาแบบนี้ดีกว่า"  เธอบอก  แล้วช่วยให้คนง่วงได้นอนหนุนตักตัวเองแทนนั่งคออ่อนคอพับแบบน่าปวดคอแทน  และเธอก็มานั่งลูบหัวผู้หญิงร้ายกาจอยู่แบบนี้

นี่มันช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย  แต่จะโทษใครได้  เธออยากยอมเอง

สเตฟานี่คิดจะล้วงเอาโทรศัพท์มือถือมากดเล่นฆ่าเวลา  แต่มือเธอก็ถูกดึงไปด้วยมือของคนที่นอนหลับตาจนคิดว่าหลับไปตั้งนานแล้ว

"บังแดดให้บ้างสิ"  เจสสิก้าพูดเบาๆ  ตาก็ไม่ลืม

"ขี้อ้อน"  เธอว่า  หากก็ทำตามใจอีกคนอยู่ดี  เธอมีความสุขแค่ได้อยู่ด้วยกัน  แล้วจะว่าไป...เจสสิก้าก็ไม่ได้ใจร้ายจริงๆ สักหน่อย  แต่ใครจะมารู้ดีเท่าเธอล่ะ

"อยากกลับหรือยัง"  เสียงเล็กๆ  เอ่ยขึ้นมาทั้งที่ตายังไม่ลืมเหมือนเดิม 

"ยังอยากไปซื้อช็อกโกแลตอยู่หรือเปล่าล่ะ"  สเตฟานี่ย้อน  แล้วยิ้มขำคนที่เปิดตาขึ้นมาทำหน้าเจ้าเล่ห์  "นี่คิดแผนการอะไรร้ายๆ อยู่หรือเปล่า"

"นี่  อย่ามากล่าวหากันนะ"  เจสสิก้าพูดเสียงงอนๆ  หยิกต้นขาอีกคนหนึ่งทีก่อนลุกขึ้นมานั่งจัดทรงผมตัวเองที่คิดว่าไม่เรียบร้อย  แล้วแกล้งตาขวางใส่คนที่มาช่วยจัดให้ด้วย  เธอคงหมั่นไส้ยิ้มของสเตฟานี่นั่นแหละ

"กลับร้านดีกว่า  หายมาทุกวันเลยเนี่ย"

"ฉันก็ว่างั้นแหละ  พักนี้เธอเกเรจัง"  สเตฟานี่เห็นด้วย  แล้วอมยิ้มขำ  เจสสิก้ายังคงน่ารักแม้จะมองเธอด้วยหางตาแบบนี้ 

แน่ละ  เวลาเรารักใครสักคนมากๆ  ตาเราก็มักจะถั่ว  บางทีก็อาจจะบอดไปเลย  สำหรับเธอก็คงตามืดบอดมานานแล้วละมัง

"ฉันเป็นเจ้าของร้าน  ฉันจะทำอะไรก็ได้" 

"โอเค  งั้นฉันคงไม่ได้ยินเธอบ่นเรื่องยอดขายตก  หรือต้นทุนสูงผิดปกติหรอกนะ"

"ฉันไม่เคยบ่นให้เธอได้ยินสักหน่อย  สำคัญตัวผิดไปแล้ว"  เจสสิก้าเชิดหน้าพูด  เห็นอีกคนทำปากขมุบขมิบก็ยื่นมือไปบิดหู  "แอบด่าฉันเหรอ"

"เปล่าๆ  ใครจะกล้ากันเล่า"  สเตฟานี่ร้องเหมือนจะขอชีวิต  ก็ใบหูเป็นอะไรที่อ่อนไหวสำหรับเธอ  และคงเป็นกันทุกคนด้วย  แต่มันก็คล้ายจะเป็นเป้าหมายที่ง่ายที่สุดในการโจมตี  --  มาบิดหูเธอแบบนี้  สู้จูบมันซะดีกว่า

"โอ๊ยๆ  หูขาดแล้ว!"

"ก็ให้มันขาดไปซะเลย"  เจสสิก้าพูดอย่างเคียดแค้น  แต่ก็ต้องยอมปล่อยมือออก  เพราะมีคนอื่นเดินผ่านมาแล้วมองพวกเธอแปลกๆ

"รอดตัวไปนะ" 

สเตฟานี่พ่นลมหายใจพรืดอย่างโล่งอกเมื่อคนเจ้าคิดเจ้าแค้นลุกขึ้นยืนและหันด้านหลังให้  แต่เธอก็ยังไม่ยอมให้ตัวเองพลาดการเอื้อมมือไปสอดประสานมืออีกคน  เจสสิก้าไม่ว่าอะไร  ทว่าก็ไม่ได้จับมือเธอกลับมา  แค่เกี่ยวนิ้วกันไว้หลวมๆ เท่านั้น

"สรุปจะไปไหนต่อ"

"กลับบ้าน"  เจสสิก้าตอบ  เป็นอันสิ้นสุดข้อถกเถียงว่า  เราจะไปไหนกันดี  แต่ระหว่างทางเดินกลับ  สเตฟานี่ก็ยังพยายามหากำไรให้ตัวเองด้วยการยกมือที่จับกันอยู่ขึ้นมา  และแตะปากตัวเองไปบนมือที่ไม่ใช่ของเธอ

"คราวหน้าฉันจะทาโลชั่นเหม็นๆ ที่เธอไม่ชอบมา"

สเตฟานี่ชักสีหน้าประท้วง  เพราะรู้ว่าอีกคนพูดถึงอะไร  คงไม่พ้นโลชั่นกลิ่นบัตเตอร์ผสมน้ำผึ้ง  หวานๆ เลี่ยนๆ นั่นหรอก

"เอาสิ  ฉันจะขโมยไปทิ้งให้หมดเลย  คอยดู"

"ก่อนจะทิ้งก็วางเงินไว้ให้ด้วยละกัน  สองเท่าของราคาของ"

"หูย!  งกจริงๆ"

เจสสิก้าไม่สนใจคำต่อว่า  เธอยักไหล่  แล้วมองไปข้างหน้าพร้อมกับเดินต่อไป  บนถนนเส้นนี้พวกเธอไม่ได้ดูเป็นตัวประหลาด  หรือแตกต่างจากใครๆ  ซานฟรานซิสโกเป็นเมืองที่ผู้หญิงกับผู้หญิง  หรือผู้ชายกับผู้ชายจับมือเดินกันได้โดยไม่ถูกมองว่าผิดปกติ  หรือกลายเป็นข้อสงสัยให้เม้าธ์กันว่าเป็นแฟนหรือแค่เพื่อนสนิท  ต่อให้พวกเธอจูบกันก็คงไม่มีใครว่าด้วย  แค่ไม่ไปทำอะไรกันกลางถนนให้รถชนก็พอ  แต่ก็ใช่ว่าเธอจะทำมากกว่านี้เมื่อไหร่

"ฉันขอยกเลิกเรื่องนั้น"

สเตฟานี่หันขวับไปมองคนที่อยู่ๆ ก็พูดขึ้นมาโดยไม่มีคำเกริ่น  และถึงจะยังไม่รู้อะไรแน่ชัด  เธอก็รู้สึกว่ามันไม่น่าจะเป็นสัญญาณที่ดี  หวังว่าเธอคงแค่คิดมากไป

"เธอหมายถึง..."

"เรื่องที่ฉันไม่ให้เธอทำวันนี้"  เจสสิก้าตอบ  ค่อยๆ หันมาช้าๆ  ราวกับภาพสโลโมชั่น  นั่นทำให้คนเฝ้ามองอย่างใกล้ชิดเช่นสเตฟานี่ยิ่งเห็นได้ถึงความจริงจังในดวงตาสีเข้มที่มองทอดมาหา  และหัวใจเธอก็เต้นแรงด้วยความหวาดกลัวจากความคิดในแง่ลบ

"เธอคงไม่ได้บอกเลิกฉันหรอกนะ"

"เธออยากโดนบอกเลิกก่อนวันวาเลนไทน์ไหมล่ะ"

สเตฟานี่รู้สึกคล้ายโดนตบหัวอย่างแรง  แต่มันก็เป็นแค่ความรู้สึก  ซึ่งจริงๆ แล้ว  เธอก็อยากให้เจสสิก้าลองตบเธอสักทีเหมือนกัน  เผื่อความโง่เง่าจะหลุดออกไปบ้าง

"นั่นแหละ  ไม่ต้องพยายามแก้ผ้าให้ฉันดูอีกแล้วนะ"

"แล้วมันหมายความว่ายังไง"  สาวกูเกิลถามอย่างจนปัญญา  เธอว่าโค้ดที่เธอเขียนยากมากแล้ว  การอ่านใจเจสสิก้ายากมากกว่าเสียอีก

"รู้ไหม  เจ  ทุกครั้งที่ฉันคุยกับเธอ  ฉันรู้สึกว่าตัวเองโง่มาก"

"อ้าว  แล้วปกติไม่ได้โง่อยู่แล้วเหรอ"  เจสสิก้าย้อนหน้าตาย  กลั้นยิ้มก่อนจะหัวเราะคิกเพราะท่าทีงอนๆ ของอีกคน  "คิดว่าทำแล้วน่ารัก  ก็ทำไปแล้วกัน"  เธอว่า  แล้วสเตฟานี่ก็ยกขามาเตะขาเธอเบาๆ  พอถูกเธอทำตาดุใส่ก็เลิกทำ  หันไปทำหน้าหงอยแทน  แต่ต่อมาก็รู้ว่าไม่ใช่เพราะเธออย่างเดียว

"เดือนหน้า  ฉันต้องอยู่คนเดียวแล้วละ"

เธอมองเจ้าของคำพูดนั้นอย่างสงสัย  แล้วก็นึกได้ว่า  หลายวันก่อนพรายกระซิบชื่อซันนี่มาเล่าอะไรให้ฟัง  "เรื่องรูมเมทเธอน่ะเหรอ"

สเตฟานี่ฮัมรับ  ทำหน้าทำตาเหมือนหมาเหงา  "จริงๆ ฉันควรจะดีใจกับเพื่อนนะ  ที่จะได้ไปอยู่ด้วยกันกับคนที่เขารัก  และรอมาตั้งนาน  แต่..."

"เธอรู้สึกว่า  มีบางอย่างในชีวิตหายไป"  เจสสิก้าต่อความให้  อีกฝ่ายอึ้งไปเล็กน้อยแล้วพยักหน้าซึมๆ  เธอถอนหายใจและกระชับมือที่จับกันหลวมๆ ให้แน่นขึ้น  "ถ้าคริสตัลไม่อยู่  ฉันก็คงเป็นแบบเธอ  อะไรที่เธอรู้สึกอยู่  มันไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก  ต่อให้หวังดีกับใครแค่ไหน  คนเราก็ยังเห็นแก่ตัว  และกลัวว่าจะถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว"

"นี่  การอ่านหนังสือมากๆ  ทำให้เธอเป็นแบบนี้เชียวเหรอ"  สเตฟานี่แกล้งทำทะเล้นกลบเกลื่อน  แต่ก็ไม่เป็นผล  เพราะเธอเองก็เป็นแบบนั้นจริงๆ

"ฉันอ่านหนังสือ  ฉันคุยกับตัวเองบ่อยๆ  ฉันถึงผ่านช่วงเวลา 3 ปี นั่นมาได้โดยที่ไม่เป็นบ้าไปก่อน"  เจสสิก้าบอก  "แต่จริงๆ ก็บ้านิดๆ แหละ"

"อันนี้เห็นด้วย"  สเตฟานี่พูดแล้วยิ้ม  เธอคงไม่ได้รู้สึกไปเองว่า  วันนี้เธอเข้าใกล้เจสสิก้ามากขึ้น  และไม่ใช่แค่ร่างกายเหมือนก่อน  เธอเริ่มเห็นด้วยกับการยกเลิกการลงโทษแบบเซ็กซ์สลาฟแล้ว  เพราะคนทำเองก็คล้ายจะไม่มีความสุขอะไรกับมันเลย  และแทนที่จะรู้สึกใกล้กันมากขึ้น  เข้าใจกัน  มันกลับเป็นตรงกันข้าม  --  การได้พูดคุยกันแบบนี้ต่างหากที่ทำให้เราใกล้

"งั้นเธอก็บ้าด้วย  เพราะถ้าไม่  เราก็คุยกันไม่รู้เรื่อง"

"แล้วนี่รู้เรื่องเหรอ  ฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย"  เธอแกล้ง  แล้วก็โดนคนชอบเล่นแรง  เตะจนขาพับ  แถมสะบัดมือเดินหนีไปอีก  กว่าจะตั้งตัวได้ก็เกือบตามไปไม่ทัน  ถ้าเจสสิก้าไม่รีบร้อนจนเดินไปชนใครบางคนเข้า

แล้วก็คุยกับเขาซะงั้น

ไอ้หมอนั่นที่ร้านขายผลไม้นี่นา!

สเตฟานี่รีบถลาไปเกาะแขนเจสสิก้าทันที  ประกาศว่ามาด้วยกัน  เจ้าของแขนก็หันมามองเธอนิดนึงแล้วหันไปคุยกับหนุ่มต่ออย่างไม่สนใจ  แถมยังยิ้มแย้มดีไม่เหมือนตอนคุยกับเธอสักนิด  แบบนี้จะไม่ให้น้อยใจได้ไง

"นี่จะไม่กลับเหรอ  ฉันจะกลับแล้วนะ"  เจสสิก้าพูดหลังจากขอตัวลาจากหนุ่มหล่อพ่อค้าผลไม้เจ้าประจำ  เธอจะก้าวเดินแต่แขนก็โดนยึดไว้แน่น

"เอส..."

"ทำไมไม่คุยกับฉันดีๆ แบบนั้นบ้าง"  สเตฟานี่ถาม  แววตาตัดพ้อ

เจสสิก้าขมวดคิ้วเหนื่อยหน่าย  "ก็เขาเป็นคนอื่น"

"คนอื่นแล้วไง  คนอื่นก็ต้องพูดแบบนั้นเหรอ"

"นี่อย่าเสียงดังได้ป่ะ  มันหนวกหูคนอื่น" 

"คนอื่น... อะไรๆ ก็คนอื่นอยู่นั่นแหละ  เธอจะแคร์คนอื่นทำไมนักหนา  ทีกับฉัน  เธอทำไมไม่แคร์บ้าง"  สเตฟานี่ระเบิดอย่างเหลือทน  ยิ่งอีกคนทำหน้านิ่งๆ  สายตาว่างเปล่ากลับมา  ยิ่งกระตุ้นให้เธอรู้สึกว่าเป็นบ้าอยู่ฝ่ายเดียว

"เธอต่างหากที่กำลังจะทำให้ฉันเป็นบ้า  เจสสิก้า!"  เธอโพล่งเสียงดัง  แล้วปล่อยมือออกจากแขนที่เกาะแน่นมานาน  "เธออยากให้ฉันไปมากใช่ไหม  งั้นฉันก็จะไป"

"ทั้งที่เธอไม่ใช่คนอื่นสำหรับฉันน่ะเหรอ"

ขาทั้งสองข้างของสเตฟานี่ชะงักหยุดราวกับโดนคำสาปให้แข็งเป็นแท่งหิน  มีเพียงส่วนหัวเท่านั้นที่หันกลับมามองเจสสิก้าได้  แล้วเธอก็เห็นน้ำตาของอีกฝ่ายก่อนที่ภาพนั้นจะจางหายไป 

"ให้ตายเถอะ  ทำไมพี่โง่นักนะ"

"คริส?"  สเตฟานี่ขานชื่อนั้นอย่างมึนงงราวกับจับต้นชนปลายไม่ถูก  เธอไม่เข้าใจเลยว่า  ทำไมถึงเห็นคริสตัลยืนกุมขมับอยู่ตรงนี้ได้

"ไม่ต้องคิดเยอะ  ฉันแค่บังเอิญผ่านมา"  คริสตัลพูดอย่างรู้ทัน  แล้วสั่นหัวอย่างปลงๆ เมื่อเห็นอีกคนหน้าแดงอย่างอับอาย  "ตอนแรกฉันก็ไม่คิดจะยุ่งด้วยหรอกนะ  แต่ฉันสงสารพี่สาวฉัน"

"คริสพูดแบบนี้หมายความว่าไง"

"มานี่เถอะ  ฉันไม่อยากดัง" 

สเตฟานี่อ้าปากจะคัดค้าน  แต่เด็กแรงเยอะก็จับแขนเธอลากให้เดินไปด้วยกันแล้ว  คริสตัลพาเธอเข้าไปในร้านหนึ่งซึ่งเงยหน้ามองชื่อร้านก็ได้ความว่า  มันเป็นร้านเบอร์เกอร์ที่พวกเธอเคยมาด้วยกันเมื่อก่อน

"เธอพาพี่มาที่นี่ทำไม"  เธอถามอย่างระแวง  ใจลอยไปถึงเจสสิก้าที่ไม่รู้เดินหายไปไหน  แต่คริสตัลก็ยังทำเหมือนไม่ได้ยิน  สั่งอาหารกับพนักงานตรงเคาน์เตอร์หน้าตาเฉย  สั่งเสร็จก็กระชากเธอให้เดินมานั่งที่โต๊ะ  ทำรุนแรงอย่างกับเธอเป็นวัวเป็นควาย  ไม่เห็นเหมือนตอนนั้น

"คริส?"

"ฉันหิว"  คริสตัลพูดห้วนๆ  แล้วกลอกตาอย่างไม่สบอารมณ์  "จริงๆ  ฉันก็ออกมาหาของกินนั่นแหละ  ไม่คิดเลยว่าจะเจอช็อตเด็ดซะได้  เหมือนซีรีส์น้ำเน่าไม่มีผิด  น่าจะชวนยุนมาดู"

"ขอบใจ  แต่ทางที่ดี  เธอควรเลิกแดกดันพี่  แล้วพูดเรื่องที่เธออยากจะพูดดีกว่า  เพราะพี่สาวเธอน่ะ --"

"เจไม่ฆ่าตัวตายหรอก  ไม่ต้องเป็นห่วง  แต่ถ้าจะกลับไปหาเคเลบก็ไม่แน่"  คริสตัลว่า  จงใจให้มันแทงใจคนฟังเน้นๆ  แต่แล้วก็กลอกตาเซ็งๆ  เพราะสเตฟานี่นั่งทำตาแดงๆ  จะร้องไห้ขึ้นมาอีกแล้ว

"นี่ถ้าเจจะมีแฟนใหม่จริงๆ นะ  ฉันจะสนับสนุนเลยแหละ"

"เธอไปยืมมีดพ่อครัวมาเสียบพี่เลยสิ  คริสตัล"  สเตฟานี่ประชด

"ไม่เอาอะ  ฉันไม่อยากติดคุก  ยิ่งหน้าตาดีๆ แบบนี้ด้วย"  คริสตัลพูดแล้วหัวเราะเพราะคนฟังเบะปาก  และหลังจากที่บริกรมาเสิร์ฟอาหารเรียบร้อยพร้อมกับเดินจากไปแล้ว  สเตฟานี่ก็พูดขึ้นทั้งที่ไม่รู้ว่าคนที่ตั้งหน้าตั้งตากินอยู่จะฟังเธอพูดหรือเปล่า

"พี่รู้นะ  ว่าเราสองคนควรคุยกัน  แต่พี่..."

"ไม่เป็นไร  ฉันเข้าใจว่ามันพูดยาก"

สเตฟานี่ยิ้มจางๆ  อย่างน้อยคริสตัลก็ยังเป็นคนพูดกันเข้าใจง่ายอยู่ 

"แต่พี่ก็ควรรู้ว่า  ฉันกับเจไม่ได้เป็นคนเดียวกัน  ฉันไม่ชอบอ้อมไปอ้อมมา  ไม่ชอบความซับซ้อน  ฉันใจร้อน  ฉันไม่ชอบรอ  ส่วนเจ...ตรงกันข้าม  แต่จะว่าไป  ฉันก็ไม่จำเป็นต้องบอกเรื่องนี้กับพี่ซ้ำซากหรอก  ใจพี่ก็รู้ดีอยู่แล้ว  เพราะในใจของพี่เปรียบเทียบมันอยู่เสมอ"  คริสตัลว่า  แล้วยกแท่งมันฝรั่งทอดขึ้นชี้หน้าอีกคนให้หยุดหาข้ออ้างมาเถียงเธอ  "ไม่ต้องเสียเวลาคิดคำพูดให้ฟังดูดีกว่านี้หรอก  เพราะถ้าพี่ชอบสิ่งที่ฉันเป็น  พี่คงไม่รีบวิ่งแจ้นกลับไปหาเจทันทีที่เขากลับมาแบบนั้น"

สเตฟานี่ก้มหน้า  ไม่กล้าสบตาคนพูดตรงๆ

"เอาละ  เรื่องของฉันกับพี่จบแล้วนะ  ไปได้ละ"

"เฮ้  ง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ" 

"แล้วทำไมต้องทำให้ยากด้วยล่ะคะ"  คริสตัลย้อน  ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปตัวเอง  แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขณะพิมพ์แชทคุยกับใครสักคน

"พวกเธอสองคนพี่น้องก็เหมือนกันนั่นแหละ  รู้ไหม"  สเตฟานี่พูดด้วยท่าทางปลงๆ  แล้วพูดต่อถึงคนอีกฟากจะไม่สนใจ  "ทั้งเธอ  ทั้งพี่สาวเธอทำให้พี่เป็นบ้าพอกัน  แต่..."

"แต่อะไรคะ"  คริสตัลถาม  สเตฟานี่แอบดีใจที่น้องมันยังฟัง

"แต่พี่ชอบ"

คำตอบนั้นทำให้คนเล่นโทรศัพท์เงยหน้ายุ่งๆ ขึ้นมา

"ฉันคิดว่า  พี่ควรไปหาหมอนะ" 

"หมออะไรล่ะ  พี่ไม่ได้ป่วย  สบายดี"

"หมอโรคประสาทไง"

สเตฟานี่หุบยิ้ม  หยิบแท่งมันฝรั่งทอดปาใส่เด็กไม่รู้จักเคารพผู้ใหญ่  แต่พอนึกเสียดายของกินขึ้นมา  และลูกค้าคนอื่นเริ่มมองเธอแบบประณาม  สงครามเฟรนช์ฟรายด์ก็จบลงก่อนที่คริสตัลจะทันได้ปาคืนเธอ

"พี่กับเจควรไปด้วยกันทั้งคู่"  คริสตัลสรุป  "พวกเสพติดความเจ็บปวดเหมือนกัน"  เธอทำหน้านิ่ง  แม้อีกคนจะคิ้วขมวด  "พี่ไปได้ละ  ไปๆ"

"อะไรของเธอเนี่ย"

"ไม่อะไรหรอก  แค่แฟนฉันมา  และฉันต้องการอยู่กันสองคน" 

สเตฟานี่อ้าปากค้าง  แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร  ยุนอาก็โผล่มานั่งข้างคริสตัลด้วยแรงดึงของยายเด็กแสบนั่นเอง  ดวงตาสีเข้มขับไล่เธออีกแล้ว

"ก็ได้  ฉันไปก็ได้"  เธองึมงำขณะลุกขึ้น  แต่ชะงักก่อนก้าวขาเพราะเสียงของยุนอาที่เหมือนนางฟ้าในหมู่ซาตาน

"คุณเจอยู่ร้านค่ะ  นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะตัวเดิม"

สเตฟานี่ยิ้มอย่างตื้นตัน  หากพอจะหันไปหอมแก้มขอบคุณยุนอาอย่างที่ชอบทำ  คริสตัลก็จ้องเธอเขม็งพร้อมกับจับแฟนกดหน้าเข้าหาอกตัวเอง  เธอเห็นแล้วก็อดหน้าแดงแทนไม่ได้  นึกห่วงยุนอาด้วยว่าจะหายใจออกไหม

นมอุดจมูกตายแล้วมั้งนั่น!

"โอเคๆ  ไปละ  หมั่นไส้"  เธอพูด  เบะปากให้คริสตัลนิดๆ  แต่พอหันหลังให้น้องแล้ว  รอยยิ้มของความโล่งใจก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้า

แล้วมันก็ขยายใหญ่เป็นรอยยิ้มของความสุขเมื่อเธอมาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตรงหน้าผู้หญิงที่เธอรักที่สุดในโลก  ยกเว้นแม่ตัวเอง  เพราะเจสสิก้าทำตาขวางใส่เธอแป๊บเดียว  แล้วก็หลุดยิ้มออกมา             




........................................................


เป็นไงๆ  ดีขึ้นหรือยัง  หรือพี่เตฟยังห่วยเหมือนเดิม 

จะอะไรไม่รู้ล่ะ  เรารู้แค่ว่า  พี่เจไม่ได้ใจร้ายละกัน  (เข้าข้างกันสุดๆ อิอิ)

ขอบคุณค่ะ   :44:

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น