web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 110
Most Online Ever: 190
(08 กรกฎาคม 2022 เวลา 19:00:55 )
Users Online
Members: 0
Guests: 86
Total: 86

ผู้เขียน หัวข้อ: Lucky Loser Chapter 7  (อ่าน 1851 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ nuffy

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 93
Lucky Loser Chapter 7
« เมื่อ: 23 มกราคม 2014 เวลา 09:03:28 »
Chapter 7

เสียงเพลงลูกทุ่งที่คนขับรถเปิดดังขึ้นตอนประมาณ 06.00 น. ของเช้าวันรุ่งขึ้นเพื่อปลุกสมาชิกทุกคนให้ตื่นจากการหลับใหล ณ ตอนนี้รถบัสได้เข้าสู่ตัวเมืองจังหวัดร้อยเอ็ดเรียบร้อยแล้ว และจะไปหยุดพักที่โรงแรมเพื่อเช็คอินและรับประทานอาหารเช้า

“...รบกวนทุกท่านตามทีมงานไปเช็คอินที่หน้าเคาน์เตอร์นะคะ เก็บของเสร็จแล้วก็ทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารได้เลยค่ะ พวกเราจะออกเดินทางไปสถานที่แรกเวลาประมาณ 8 โมงนะคะ” พิมพรรณยืนอธิบายโปรแกรมอยู่หน้าตัวรถ

“อย่าลืมเตรียมกล้องถ่ายรูป ร่ม หรือหมวกไปด้วยนะคะ เพราะวันนี้อากาศค่อนข้างร้อน แดดแรง อ้อ... อย่าลืมครีมกันแดดด้วยนะคะ SPF เท่าไหร่ก็เตรียมไปให้หมดค่ะ อย่าหาว่าไม่เตือนนะคะ ถ้าจบทริปแล้วเขียนจดหมาย ส่งอีเมล์มาบอกพิมว่าดำลงเนี่ย พิมก็ช่วยอะไรไม่ได้นะคะ” เสียงหัวเราะดังขึ้นเมื่อสาวตาคมพูดจบ 

“โรงแรมที่เราจะไปพักคือโรงแรมเพชรรัตน์การ์เด้นท์นะคะ เอาเป็นว่าถ้าสงสัยอะไรถามพิม... ถามทีมงาน หรือถามน้องหน่อยกับน้องขวดได้เลยนะคะ”

ชายหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งอยู่ด้านหลังยกมือขึ้น “ด้านหลังว่ายังไงคะ”

“คุณพิมมีแฟนหรือยังครับ”

สิ้นคำถามเสียงโห่ดังขึ้นมาทันที “ฮิ้วววววววววววววววววววว”

บรรณาธิการสาวหัวเราะน้อยๆ “อยากรู้เหรอคะ”

“คร้าบบบบบ”

“ไม่บอก ปล่อยให้งง” เสียงโห่ดังขึ้นมาอีกครั้ง หยกที่นั่งมองอยู่ก็หัวเราะออกมาเล็กน้อย

‘ลูกล่อลูกชนเยอะเหมือนกันแฮะ’

“เรื่องนี้ไม่ตอบค่ะ บอกแล้วว่ารับฟังได้อย่างเดียวแต่อาจจะช่วยอะไรไม่ได้” พิมพรรณพูดต่อ “ขอส่งไมค์ต่อให้น้องหน่อยก็แล้วกันค่ะ”

ก่อนที่สาวตาคมจะลงไปนั่งที่ของตัวเองเธอก็เห็นสายตาและรอยยิ้มของสาวผมลอนที่ส่งมาให้เธอ เมื่อมองไปที่นั่งข้างๆ ก็เห็นว่าปูนยังคงหลับอยู่ พิมพรรณส่งยิ้มกลับไปให้หยกอย่างเสียไม่ได้แล้วนั่งลง

เมื่อรถบัสเข้าจอดที่ลานจอดรถของโรงแรม บรรดาสมาชิกก็ลุกขึ้นยืน บ้างหยิบกระเป๋าลงจากชั้น บ้างก็ยืนบิดขี้เกียจเพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้า บ้างก็โทรศัพท์หาคนที่บ้านว่าถึงโรงแรมแล้ว หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ทยอยลงจากรถ รับกระเป๋าแล้วเดินเข้าไปที่ล็อบบี้โรงแรม

บรรณาธิการสาววิ่งไปมาระหว่างล็อบบี้และรถบัสเพื่อเช็คดูความเรียบร้อย คิ้วของเธอขมวดเมื่อเห็นสาวผมลอนเดินลงมาจากรถคนเดียวพร้อมกระเป๋าถือ เธอกำลังหากระเป๋าเสื้อผ้าของเธออยู่

“เอ่อ... แล้วคุณปูนละคะ” สาวตาคมเดินเข้าไปถามหลังจากเห็นหยกยกกระเป๋าเสื้อผ้าขึ้นมา 2 ใบ ใบหนึ่งคงเป็นของเธอเอง ส่วนอีกใบเป็นของสาวหมวย

สาวผมลอนทำหน้าเซ็งแล้วพูดว่า “ไม่ยอมตื่นค่ะ เป็นแบบนี้ทุกที”

“เหรอคะ”

“ค่ะ ปูนเค้าขี้เซามาก ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่น หยกต้องรีบลงมาก่อนเพราะว่าอยากเข้าห้องน้ำน่ะค่ะ รบกวนคุณพิมขึ้นไปตามได้มั้ยคะ พอดีว่าจะไม่ไหวแล้ว” หน้าตาของหยกบ่งบอกว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ

“ได้ค่ะ เดี๋ยวพิมขึ้นไปตามให้”

“ขอบคุณค่ะ อ้อ... แล้วก็รบกวนบอกให้ปูนไปรอที่ห้องอาหารเลยก็ได้นะคะ ขานั้นคงจะกินข้าวก่อนขึ้นไปดูห้องแหงๆ”

“ค่ะ... คุณหยกนี่รู้จักคุณปูนดีจังเลยนะคะ”

สาวผมลอนยิ้ม “อยู่แล้วค่ะ ก็คบกันมาตั้งนานแล้วนี่คะ”

“เอ่อ... ค่ะ... งั้นพิมขอตัวไปตามคุณปูนก่อนแล้วกันนะคะ”

“ค่ะ... ขอบคุณนะคะ” หยกยิ้มให้ เมื่อเห็นสาวตาคมเดินขึ้นไปบนรถเธอก็เดินหิ้วกระเป๋าของตัวเองและสาวหมวยเข้าโรงแรมไป

เมื่อพิมพรรณเดินขึ้นมาบนรถก็พบว่าสมาชิกเกือบทั้งหมดได้ลงไปจากรถแล้วเหลือแต่ปูนที่ยังคงหลับสนิทอยู่ สาวตาคมเดินตรงเข้าไปหาสาวหมวยแล้วเขย่าตัวเบาๆ

“คุณปูนคะ คุณปูน”

หญิงสาวเจ้าของชื่อส่งเสียงรำคาญออกมาจากลำคอเล็กน้อยแต่ก็ยังหลับตาอยู่

“คุณปูนคะ” บรรณาธิการสาวส่งเสียงดังมากขึ้น

“อื้อออ ม๊าอ่ะขอนอนต่ออีกหน่อยสิ วันนี้วันหยุดปูนน้า”

พิมพรรณหัวเราะกับเสียงที่ส่งออกมา นี่คิดว่าตัวเองนอนอยู่บ้านหรือยังไงกันนะ เธอเรียกและเขย่าตัวปูนแรงขึ้นแต่ก็ไม่เป็นผล

“ขี้เซาจริงๆ แลยแฮะ” สาวตาคมบ่นพลางมองไปยังหญิงสาวที่ยังคงหลับใหลอยู่บนเก้าอี้

ใบหน้าขาวๆ ปากบางๆ สีแดงธรรมชาติ และแพขนตายาวของปูนทำให้พิมพรรณยืนมองอยู่นาน เธอค่อยๆ ยื่นมือไปปัดปอยผมที่ตกลงมาปรกแก้มขาวของคนที่อยู่ตรงหน้าพลางคิดว่าทำไมผู้หญิงน่ารักและนิสัยดีคนนี้ คนที่มีโชคในทุกด้านกลับไม่สมหวังในความรัก แถมคนที่มากับปูนคนที่สาวตาคมคิดว่าเป็นแฟนนั้นกลับนอกใจ มีกิ๊ก คบอยู่กับหญิงสาวอีกคนหนึ่งลับหลังสาวหมวย คิดไปคิดมาพิมพรรณก็เผลอลูบแก้มใสของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าไปเสียแล้ว

สัมผัสที่อบอุ่นแต่ไม่คุ้นเคยบนแก้มทำให้ปูนลืมตาตื่นขึ้นมา เธอมองซ้ายมองขวาด้วยใบหน้างงงันแล้วสายตาของเธอก็เห็นใบหน้าของพิมพรรณที่มองเธออยู่ด้วยสายตาที่อ่อนโยน

“อ้ะ... ตื่นแล้วเหรอคะ” บรรณาธิการสาวตกใจเมื่อเห็นสาวหมวยตื่น เธอรีบเอามือซุกกระเป๋ากางเกงทันที

“ห... เอ่อ... ถึงแล้วเหรอคะ”

“ค่ะ... ถึงได้สักพักแล้วล่ะค่ะ”

“แล้วคนอื่นๆ ไปไหนหมดอ่ะคะ” ปูนถามพลางมองซ้ายมองขวา “หยกหายไปไหนอ่ะคะ”

พิมพรรณหัวเราะออกมาเล็กน้อย “ลงกันไปหมดแล้วล่ะคะ คุณหยกก็ด้วยเหลือคุณปูนคนเดียวแล้วล่ะค่ะ”

“อ้าวแล้วกัน” นักกายภาพสาวรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันทีแล้วบิดขี้เกียจ “ทำไมไม่ปลุกกันบ้างเลยเนี่ย” สาวหมวยบ่นออกมา

“คุณหยกบอกว่าปลุกคุณปูนนานแล้วค่ะ แต่คุณปูนไม่ยอมตื่นเองเลยลงไปก่อน เห็นว่าอยากจะเข้าห้องน้ำ”

“อ๋อ... งี้นี่เอง หยกเค้าไม่ค่อยชอบเข้าห้องน้ำบนรถอ่ะค่ะ แต่ทำไมต้องรบกวนคุณพิมด้วยก็ไม่รู้ ขอโทษด้วยนะคะ”

“ไม่เป็นไรคะ... เราไปกันเลยมั้ยคะ” สาวตาคมชวนพลางออกเดินนำไปที่ประตูรถ

“ค่ะ โอ้ยยย ง่วง”

พิมพรรณหัวเราะอีกครั้ง รอยยิ้มสวยๆ กับเสียงใสๆ ของคนที่อยู่ตรงหน้าทำให้ปูนตื่นเต็มตาทันที เธอยิ้มตอบแถมยังรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองร้อนขึ้นมาอีกต่างหาก เมื่อสองสาวลงจากรถแล้วสาวหมวยก็มองซ้ายมองขวาหากระเป๋าของตัวเอง

“คุณหยกถือไปให้แล้วค่ะ เห็นบอกว่าให้คุณปูนไปรอที่ห้องอาหารได้เลย”

“โอ๊ะจริงเหรอคะ Lucky” นักกายภาพสาวยิ้มแล้วก็เดินตรงเข้าไปที่โรงแรมอย่างร่าเริง ภาพนั้นทำให้สาวตาคมยิ้มได้อีกครั้ง เช้าวันนี้เธอรู้สึกสดใสเพราะสาวหมวยขี้เซาคนนี้นี่เอง

จู่ๆ ปูนก็หันมาหาพิมพรรณแล้ววิ่งเข้ามาดึงมือของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว แรงฉุดทำให้สาวตาคมโผตัวเข้ากอดสาวหมวยแบบไม่ทันตั้งตัว

“อ... อะไรเหรอ...”

ยังไม่ทันจะพูดจบประโยครถกระบะคันหนึ่งก็พุ่งเข้ามาที่ลานจอดรถอย่างรวดเร็ว ถ้าบรรณาธิการสาวยังยืนอยู่ที่เดิมเธออาจจะถูกรถคันนี้ชนได้

“...คะ” เมื่อเสียงสุดท้ายออกมาจากลำคอของพิมพรรณ หลังจากนั้นเธอก็หันไปมองที่ๆ เธอยืนอยู่เมื่อครู่ ตอนนี้กลายเป็นฝุ่นและควันตลบอบอวนหลังจากที่รถกระบะคันนั้นแล่นผ่านไป

พอหันกลับมาหาปูนอีกทีใบหน้าของสาวตาคมก็ร้อนขึ้นเพราะตอนนี้ใบหน้าของเธอห่างจากสาวหมวยเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น บรรณาธิการสาวตกใจเล็กน้อยพร้อมกับยืนนิ่งตอนนี้ปูนยังคงกอดเอวของเธออยู่ พิมพรรณสังเกตว่าสาวหมวยนั้นตัวเล็กกว่าเธอเล็กน้อยอาจจะแค่ไม่กี่เซนติเมตร ริมฝีปากของเธออยู่ตรงปลายจมูกของปูนพอดี ดวงตาของนักกายภาพสาวที่ดูไกลๆ แล้วเป็นสีดำ แต่ ณ ตรงนี้เธอเห็นเป็นสีน้ำตาลเข้ม...

พอสาวหมวยหันมามองพิมพรรณเธอก็ตกใจ แก้มของเธอเปลี่ยนเป็นสีชมพูอย่างรวดเร็วด้วยความเขิน เธอคิดว่าจะดึงตัวสาวตาคมเข้ามาให้ห่างจากจุดที่รถกระบะที่พุ่งเข้ามาแต่ไม่คิดว่าใบหน้าของพิมพรรณจะใกล้เธอขนาดนี้ หัวใจของนักกายภาพสาวเต้นเร็วและแรงขึ้น ดวงตาสวยๆ ของคนที่อยู่ตรงหน้านั้นไม่อาจทำให้เธอมองไปทางอื่นได้เลย ไหนจะเอวคอดสวยที่เธอกอดเอาไว้อยู่ด้วยแล้วยิ่งทำให้มือสั่น

‘นี่เรา... เรา...’ ปูนคิดในใจพลางมองหน้าบรรณาธิการสาวที่จ้องมองเธอด้วยสายตาที่อ่อนโยน

ระฆังช่วยชีวิตดังขึ้นเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือดังออกมาจากกระเป๋ากางเกงของพิมพรรณทำให้สองสาวผละตัวออกจากกันแทบจะในทันที ท่าทางเก้อเขินของทั้งคู่ทำให้ไม่รู้ว่าจะเดินไปทางไหนดีจนกระทั่งสาวตาคมเรียกสติคืนมาให้กดรับโทรศัพท์

“ค่ะ... ว่าไงนะคะ อ๋อ... โอเคค่ะ ตรงนี้ก็เรียบร้อยแล้วค่ะ... เช็คอินให้พิมได้เลยค่ะ ...ค่ะ”

พอวางสาย ปูนก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิมเหมือนกำลังรอเธออยู่

“เอ่อ... เข้าไปข้างในกันมั้ยคะ” สาวหมวยถาม

“...ค่ะ”

เมื่อเดินเข้ามาถึงล็อบบี้ นักกายภาพสาวก็ขอตัวไปที่ห้องอาหารส่วนอีกฝ่ายก็ต้องไปเช็คความเรียบร้อยที่เคาน์เตอร์ลงทะเบียน

“เมื่อกี้ขอบคุณนะคะคุณปูน ช่วยพิมไว้อีกแล้ว”

“ไม่เป็นไรค่ะ ถือว่า Lucky ก็แล้วกันนะคะ”

“ค่ะ Lucky ค่ะ” แล้วสาวตาคมก็ขอตัว

เมื่อสาวหมวยเดินเข้าไปในห้องอาหาร เดินหาที่นั่งแล้วคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ เธอมองที่มือทั้งสองของตัวเอง มือที่ดึงตัวของพิมพรรณเข้ามากอดเพื่อให้รอดจากอุบัติเหตุ มือนั้นสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและความอ่อนโยนจากตัวของสาวตาคมพร้อมกับการได้ใกล้ชิดกับผู้หญิงคนนี้มากขึ้น
 
“Lucky” เธอพูดกับตัวเองเบาๆ

...
“ทำอะไรน่ะ มองมือตัวเองอยู่ได้ โรคจิตอ้ะเปล่า” หยกถามขึ้นหลังจากที่สมาชิกทุกคนกลับขึ้นมาบนรถบัสอีกครั้งเพื่อเดินทางไปสู่สถานที่แรกของโปรแกรมนั่นก็คือวัดบูรพาภิราม

“เปล่า” ปูนตอบด้วยเสียงเบาๆ

“เปล่าแล้วทำแบบนั้นทำไมอ่ะ เค้ากลัวนะ”

“ไม่ทำก็ได้” สาวหมวยตอบแล้วก็นั่งกอดอกพิงพนักเก้าอี้เหมือนเดิม

“ตัวเป็นอะไร ทำไมดูแปลกๆ หรือว่าตัวไปทำอะไรคุณพิมเค้า”

นักกายภาพสาวรีบตอบทันทีว่า “เปล่า ไม่ได้ทำอะไร”

“ไม่ได้ทำอะไรแล้วทำไมเป็นแบบนั้น บอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ” ว่าแล้วหยกก็ยื่นมือไปบีบแก้มของสาวหมวยทันที

ปูนรีบยกมือขึ้นมาป้องกันตัว “ไม่เอานะ ปูนไม่เล่นนะ” เธอจับมือทั้งสองของสาวผมลอนเอาไว้แบบไม่ปล่อย

“อายุก็มากกว่าทำตัวเป็นเด็กๆ ไปได้” สาวหมวยว่า

“ใช่ซี่... เค้าไม่ได้เป็นผู้ใหญ่ ใจดี น่ารักเหมือนคุณพิมของตัวนี่ เชอะ งอนแล้ว”

“งอนอะไรอีกล่ะ ปูนไม่ง้อนะจะบอกให้”

หยกสะบัดหน้าหันไปมองที่หน้าต่างโดยไม่หันมามองคนที่นั่งข้างๆ อีกเลยจนกระทั่งถึงที่หมาย

“สิบเอ็ดประตูงาม เรืองนามพระสูงใหญ่ ผ้าไหมสาเกตุ บุญผะเหวดประเพณี มหาเจดีย์ไชยมงคล งามน่ายลบึงพระลานชัย เขตกว้างไกลทุ่งกุลา โลกลือชาข้าวหอมมะลิ... นี่เป็นคำขวัญของจังหวัดร้อยเอ็ด และเราก็ได้มาอยู่ตรงหน้าของหนึ่งในคำขวัญของจังหวัดนี้นะครับ เรืองนามพระสูงใหญ่หรือพระพุทธรัตนมงคลมหามุนี หรือพระเจ้าใหญ่ พระพุทธรูปปางประทานพรที่สูงที่สุดในประเทศไทยและเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดร้อยเอ็ดด้วยครับ” ขวด ไกด์หนุ่มผมสกินเฮดยืนอธิบายด้านหน้าพระพุทธรูปองค์ใหญ่ประทับยืนเด่นเป็นสง่ามองเห็นได้จากระยะไกล

หลังจากฟังมัคคุเทศก์อธิบายจนจบบรรดาสมาชิกก็แยกย้ายกันไปถ่ายรูป ไหว้พระขอพร และเดินเที่ยวกันในวัดอย่างเพลิดเพลินจนกระทั่งถึงเวลานัด พิมพรรณสังเกตว่าสองสาวที่เธอรู้จักนั้นแยกกันเดิน ปูนเดินถ่ายรูปตรงนั้นตรงนี้พร้อมกับคนอื่นๆ ส่วนสาวผมลอนนั้นยืนคุยโทรศัพท์อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม

‘เกิดอะไรขึ้นกันละเนี่ย...’ สาวตาคมคิดในใจ แต่เมื่อเธอสบตากับสาวหมวยแล้วส่งยิ้มตอบกลับไปนั้นเธอก็คิดอีกทีว่า ‘อย่ายุ่งกับเรื่องของคนอื่นเลยน่า’

หลังจากที่กราบขอพรองค์พระใหญ่แล้ว รถบัสและรถตู้ก็พาเหล่าสมาชิกมุ่งหน้าไปยังอีกสถานที่หนึ่งคือปรางค์กู่ หรือปราสาทหนองกู่ โบราณสถานที่อยู่ใกล้กับตัวเมือง และมุ่งหน้าต่อไปที่อำเภอเกษตรวิสัย เพื่อเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอีกที่หนึ่งของจังหวัด นั่นก็คือกู่กาสิงห์ โบราณสถานที่ประกอบด้วยพระปรางค์ 3 องค์ ที่ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงเดียวกันก่อสร้างตามสถาปัตยกรรมแบบเขมรเรียกว่า ‘แบบบาปวน’ อายุราว พ.ศ. 1560 – 1630 เพื่อเป็นเทวสถานอุทิศถวายแด่พระอิศวร เทพเจ้าสูงสุดองค์หนึ่งในศาสนาพราหมณ์

เหล่าสมาชิกแวะพักกินข้าวที่ร้านอาหารในตัวอำเภอ หลังจากนั้นก็มุ่งหน้ากลับเข้าไปที่ตัวเมืองจังหวัดร้อยเอ็ดอีกครั้งเพื่อเข้าเยี่ยมชมสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด อันเป็นสถานที่สุดท้ายในวันนี้ สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่และเป็นอควาเรี่ยมแห่งแรกและแห่งเดียวในภาคอีสานตั้งอยู่ใกล้กับบึงพลาญชัยถือว่าเป็นสถานที่จัดแสดงสัตว์น้ำจืดขนาดใหญ่และทันสมัยที่สุดอีกแห่งหนึ่งของประเทศ

ระหว่างที่หยกและปูนกำลังเดินเข้าชมอุโมงค์แก้วอยู่นั้น จู่ๆ สาวผมลอนก็พูดขึ้นมาว่า “ปูนคิดยังไงกับคุณพิม”

“ก็... น่ารักดี”

“แค่นั้นเองน่ะเหรอ”

สาวหมวยนึกถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับพิมพรรณทั้งโชคร้าย ทั้งความน่ารัก ความคิดต่างๆ ที่ได้แลกเปลี่ยนจากการพูดคุย นิสัยใจคอที่เธอสัมผัสเองและจากที่ยายนิเล่าให้ฟัง เมื่อนึกถึงก็ทำให้รอยยิ้มน้อยๆ ผุดขึ้นมา

“ก็... เป็นคนที่น่าคบคนนึงนั่นแหละ”

“เหรอ... ก็แสดงว่าชอบคุณพิมเค้าสินะ”

“ชอบเหรอ...” ปูนนึกถึงรอยยิ้มของสาวตาคม “ก็คงงั้น เป็นเพื่อนที่จริงใจดี”

“เพื่อนเหรอ” หยกถาม

“อื้อ... คุณพิมเค้ามีแฟนอยู่แล้ว เคยเจอแฟนคุณพิมแล้วด้วย”

“เหรอ” สาวผมลอนทำท่าครุ่นคิดแต่ก่อนที่เธอจะพูดอะไรออกไปเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เธอยิ้มเมื่อเห็นชื่อของคนที่โทรมา

“เค้าโทรศัพท์แป๊บนึงนะ ถ้ายังไงเค้าไปรอที่รถก็แล้วกัน”

“อื้อ” สาวหมวยรับคำสั้นๆ

พิมพรรณที่ยืนอยู่สั่งการลูกทีมอยู่ด้านหน้าอาคารเลิกคิ้วเมื่อเห็นหยกเดินออกมาพร้อมกับคุยโทรศัพท์ไปด้วยท่าทางดีใจ สาวผมลอนเดินเข้ามาถามเธอว่าขึ้นไปรอคนอื่นๆ บนรถบัสได้หรือไม่ บรรณาธิการสาวได้แต่พยักหน้าตอบไป หยกจึงเดินขึ้นไปบนรถ หลังจากนั้นไม่นานเธอก็เห็นสาวหมวยเดินลากขาเฉื่อยๆ ออกมาจากตัวอาคาร

“สนุกมั้ยคะ” สาวตาคมถาม

“ก็ดีค่ะ คุณพิมทำงานเหนื่อยมั้ยอ่ะคะ”

“นิดหน่อยค่ะ”

จู่ๆ สาวหมวยก็ยื่นลูกอมให้ “หน้าซีดหมดแล้วค่ะ ทานอะไรหวานๆ แล้วก็พักบ้างนะคะ ปูนเป็นห่วง”

“ขอบคุณค่ะ” สาวตาคมรับลูกอมแล้วแกะใส่ปากทันที เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำตามที่บอกปูนก็ยิ้มแล้วเดินขึ้นไปบนรถ

ทีมงานจัดให้สมาชิกทานอาหารเย็นที่โรงแรม เนื่องจากทุกคนเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางจากกรุงเทพฯ มาถึงจังหวัดร้อยเอ็ดตั้งแต่เมื่อคืนรวมทั้งออกเที่ยวกันในวันนี้อีก สมาชิกส่วนใหญ่ค่อนข้างอิดโรยและอยากจะพักเต็มทีแล้ว ดา สไตลิสต์สาวเปรี้ยวประกาศออกไมค์ถึงตารางในวันพรุ่งนี้ที่จะต้องเดินทางต่อไปที่จังหวัดมุกดาหารพร้อมกับนัดแนะเวลาเช็คเอ้าท์

เมื่อทานอาหารเสร็จทีมงานและมัคคุเทศก์ก็นั่งประชุมกันในห้องอาหารสำหรับตารางการเดินทางในวันรุ่งขึ้น บรรณาธิการสาวสรุปการประชุมให้เร็วและกระชับที่สุดเพราะรู้ว่าลูกทีมของเธอเองก็เหนื่อยไม่แพ้กัน พอประชุมเสร็จทุกคนก็แยกย้ายกันกลับห้อง เหลือแต่เธอกับนุ่น ฝ่ายการเงินของนิตยสารก็เข้าไปเช็คความเรียบร้อยของใบเสร็จรับเงินที่หน้าเคาน์เตอร์หลังจากนั้นก็กลับขึ้นไปที่ห้องพัก

...

พิมพรรณตื่นแต่เช้าตรู่อาจเป็นเพราะเมื่อคืนเธอหลับสนิทแบบรวดเดียว เธอจึงรู้สึกสดชื่นและตื่นเต็มตาในเช้าวันนี้ เธออาบน้ำและเก็บกระเป๋าเสื้อผ้า หลังจากนั้นก็หิ้วของลงไปด้านล่าง รับคูปองอาหารเช้า และคืนกุญแจห้อง

เมื่อเดินมาถึงห้องอาหารเธอก็เห็นสองสาวหยกและปูนนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่งพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้า ทั้งสองคนกำลังทานอาหารเช้าอยู่ เธอยิ้มเมื่อเห็นสาวหมวยอยู่ในสภาพสลึมสลือเหมือนคนยังไม่ตื่นดีและดูเหมือนสาวผมลอนจะรู้ว่าเธอกำลังมองอยู่ หยกจึงสะกิดคนที่นั่งข้างๆ ให้ทำท่าบุ้ยใบ้มาหาเธอ เมื่อนักกายภาพสาวหันมาพบเธอ รอยยิ้มกว้างๆ ก็ถูกส่งให้แบบที่ทำให้คนรับหน้าแดง

สาวตาคมยิ้มตอบกลับไป เธอเลี่ยงที่จะไม่เดินผ่านไปใกล้โต๊ะของสองสาวแต่ไปนั่งร่วมโต๊ะกับหน่อย ไกด์สาวอวบที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว

หลังจากเช็คเอ้าท์และเช็คความเรียบร้อยทั้งหมดเสร็จแล้ว รถบัสก็ออกเดินทางไปแวะที่บึงพลาญชัยสัญลักษณ์ของจังหวัดร้อยเอ็ดที่ตั้งอยู่ในกลางเมือง บึงพลาญชัยเป็นบึงกลางน้ำตกแต่งด้วยสวนไม้ดอกขนาดใหญ่ มีพันธุ์ไม้ต่างๆ ร่มรื่น และในบึงน้ำมีปลาชนิดต่างๆ หลายสายพันธุ์ รวมทั้งเป็นที่ตั้งของศาลหลักเมืองและประดิษฐานพระพุทธรูปปางลีลาขนาดใหญ่กลางสวนดอกไม้ เหล่าสมาชิกและทีมงานแวะกราบขอพรศาลหลักเมืองและนมัสการพระพุทธรูป และกิจกรรมส่วนใหญ่ที่ผู้คนทำกันหลังจากขอพรนั่นก็คือเสี่ยงเซียมซี...

พิมพรรณมองบรรดาสมาชิกและทีมงานที่ต่างพากันต่อแถวรอเสี่ยงเซียมซีด้วยใบหน้ายิ้มๆ เธอไม่คิดจะทำตามพวกเขาเพราะรู้อยู่แก่ใจว่าเธอคงได้ใบที่ไม่ดีมาแน่นอน...

“ลองเสี่ยงเซียมซีดูมั้ยคะคุณพิม” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นด้านหลังเธอ เมื่อหันไปก็พบกับปูนที่ยืนอยู่พร้อมกับกระบอกเซียมซีอยู่ในมือ

“ไม่หรอกคะ เพราะคงจะจับได้ใบไม่ดีตามเคย”

“ลองดูสักหน่อยสิคะ... ปูนอยากรู้ว่าคุณพิมจะจับได้ใบไม่ดีอย่างที่พูดจริงๆ หรือเปล่า” สาวหมวยพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ

สาวตาคมรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองร้อนขึ้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสายตาและน้ำเสียงของคนที่อยู่ตรงหน้าหรือเป็นเพราะแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้ากันแน่ เธอยิ้มแล้วยื่นมือไปรับกระบอกเซียมซีมาจากมือของอีกฝาย

“ลองดูสักหน่อยก็ได้ค่ะ”

ปูนยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เธอรอจนกระทั่งแผ่นไม้แผ่นหนึ่งตกลงมาจากกระบอกที่พิมพรรณเขย่าแล้วก้มลงไปเก็บ

“ได้ใบที่ 20 ค่ะ... คุณพิมรอแป๊บนึงนะคะ ปูนขอเสี่ยงบ้าง” หลังจากนั้นสาวหมวยก็เริ่มเขย่ากระบอก แผ่นไม้ที่หล่นลงมานั้นเป็นหมายเลข 28

“เราไปดูคำทำนายกันเถอะค่ะ” ปูนชวน สาวตาคมเดินตามนักกายภาพสาวด้วยใบหน้ายิ้มๆ

เมื่อมาถึงบริเวณที่ติดแผ่นทำนาย สองสาวก็หยิบใบที่ตนเองได้ บรรณาธิการสาวยื่นกระดาษคำทำนายของตนเองให้สาวหมวย “คุณปูนลองอ่านดูสิคะว่าเป็นอย่างที่พิมพูดหรือเปล่า”

ปูนรับแผ่นกระดาษนั้นมาแล้วอ่านออกเสียง “ใบเซียมซีที่ 20 ที่ยี่สิบกลับกลอกความนับถือ ไม่สัตย์ซื่อแท้จริงในสิ่งสาร์ ถ้ามั่นคงตรงสิ้นในวิญญาณ์ จะมีท่าสมหวังเหมือนดั่งใจ เร่งระวังกายาให้สามารถ ด้วยเขาขาดผู้พิงอิงอาศัย เป็นคราวเคราะห์เพราะกรรมจะช้ำใจ จงแก้ไขเร่งทำตามพิธี ตามประทีปจุดอยู่ที่บูชา น้ำมันหาเติมใส่ให้เรืองศรี จะสะเดาะเคราะห์ร้ายหายเป็นดี บังเกิดมีคุณงามตามอารมณ์ ถามโรคาว่าทุเลาเบาที่สุด จะขอบุตรบอกได้ว่าไม่สม แม้ถามลาภเปล่าไปไม่ได้ชม บอกคาราความที่สู้ดูดี เอยฯ ใครเสี่ยงได้ใบนี้ต้องไปทำบุญ เคราะห์ร้ายจะกลายเป็นดี... โห... เอาอย่างงี้เลยเหรอเนี่ย”

สาวตาคมส่งเสียงหัวเราะเมื่อได้ยินคำสุดท้ายที่ออกมาจากปากสาวหมวย “บอกแล้วไงคะ เสี่ยงทีไรได้ใบแบบนี้มาทุกที จนเลิกเสี่ยงเซียมซีไปนานแล้วค่ะ นี่เสี่ยงครั้งแรกในรอบ 3 ปีเลยนะคะเนี่ย วันนี้เสี่ยงเพราะคุณปูนชวนเลยนะคะ”

“ปูนว่าเลขที่เราได้ตอนเสียงเซียมซีมันก็คือความน่าจะเป็นในทฤษฎีตรรกะศาสตร์น่ะค่ะ ใครจะได้ใบไหนมาก็ได้ คุณพิมอย่าคิดมากเลยนะคะ... งั้นคุณพิมลองอ่านของปูนให้ฟังหน่อยได้มั้ยคะ บางทีปูนอาจจะได้ใบที่แย่กว่าคุณพิมก็ได้นะคะ” ว่าแล้วก็ยื่นใบเซียมซีของตัวเองให้

“ได้ค่ะ... ใบเซียมซีที่ 28 ใบที่ยี่สิบแปดบอกความไปตามคิด สองสามจิตตรึกตรองทำนองหมาย ไปข้างหน้าว่าดีพาทีทาย คงสมหมายสมปองทำนองใน ภูเขาสูงน้ำลึกจนตรึกตรา สุริยาส่องแจ้งดูแสงใส คนดีอยู่เคียงข้างไม่ห่างไกล คงได้สมคิดเหมือนจิตจง แม้นใบนี้ถ้าถามเป็นความกัน อันข้อนั้นร้ายนะอย่าประสงค์ ถามคนที่เจ็บช้ำในจำนง ท่านบอกตรงว่าหนักเหมือนทักทาย ถามหาลาภใบนี้ว่าดีแท้ ถามคนแน่ที่เหมาะสงเคราะห์หมาย มีอยู่ด้วยนั่งเคียงมาเรียงราย จบทำนายพาทีเท่านี้ เอยฯ... ได้ใบดีจังเลยค่ะ สมกับเป็นหมวยนำโชคเลย”

ปูนหัวเราะร่วนหลังจากที่ได้ยินคำว่าหมวยนำโชคออกมาจากปากของอีกฝ่าย “รู้ด้วยเหรอคะ ฉายานี้”

“ก็ได้ยินคนที่โรงพยาบาลเค้าพูดกัน น่ารักดีค่ะ ใครตั้งให้คะเนี่ย”

“อาจารย์หมอคนนึงน่ะค่ะ ตอนแรกๆ ก็ไม่ชอบเท่าไหร่แต่ก็เริ่มชินแล้วล่ะค่ะ” ว่าแล้วสาวหมวยก็พับใบเซียมซีของตัวเองแล้วยื่นให้กับพิมพรรณ

“ให้ค่ะ”

“คะ...” สาวตาคมรับมาด้วยใบหน้างงๆ “ทำไมคะ”

“เผื่อว่าคุณพิมจะได้โชคจากปูนไปบ้างยังไงละคะ... ส่วนของคุณพิม” นักกายภาพสาวมองไปที่ใบเซียมซีของอีกฝ่าย “เอาไปฝากไว้ที่ศาลแล้วก็ไปเติมน้ำมันตะเกียงกันดีกว่าค่ะ ทำตามที่เค้าบอกซะหน่อยก็ไม่เสียหาย”

บรรณาธิการสาวยิ้มแล้วเก็บใบเซียมซีของสาวหมวยลงกระเป๋าเป้ “ค่ะ”

เมื่อทุกคนกลับขึ้นมาบนรถเรียบร้อยแล้วก็เริ่มออกเดินทางไปยังที่ต่อไป พิมพรรณมองไปที่นั่งของปูนก็เห็นสองสาวนั่งคุยและหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มเมื่อครู่ก็ค่อยๆ จางลง เธอถอนหายใจแล้วทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ สาวตาคมเปิดดูโทรศัพท์มือถือของตัวเองแก้เก้อเพื่อไม่ให้หันไปมองสาวหมวย เธอก็พบแต่ความว่างเปล่าที่หน้าจอโทรศัพท์ ภัทรไม่ได้ติดต่อกับเธอมาเกือบเดือนแล้วเพราะว่างานยุ่ง เธอเข้าใจและไม่อยากจะรบกวนเขาแต่ในเวลานี้ทำไมเธอถึงรู้สึกแปลกๆ และคิดถึงเขาเหลือเกินหรือว่าเป็นเพราะเธอเห็นปูนสวีทกับหยก... แฟนสาวก็เป็นได้

...
รถบัสและรถตู้พาสมาชิกและทีมงานไปยังสถานที่ๆ อยู่ในคำขวัญของจังหวัดร้อยเอ็ดอีกสถานที่หนึ่ง นั่นคือพระมหาเจดีย์ชัยมงคลที่ตั้งอยู่ในอำเภอหนองพอกและห่างออกไปนอกเมืองประมาณ 70 กิโลเมตร

“พระมหาเจดีย์ชัยมงคลนี้นะคะ สร้างโดยใช้ศิลปกรรมร่วมสมัยระหว่างภาคกลางและภาคอีสาน คือลักษณะจะเป็นการผสมกันระหว่างพระปฐมเจดีย์ของจังหวัดนครปฐมกับพระธาตุพนมของจังหวัดนครพนมค่ะ” หน่อย ไกด์สาวอวบอธิบายข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ๆ กำลังจะเข้าไปเที่ยว

“พระเจดีย์มีทั้งหมด 5 ชั้น แต่ละชั้นนี่จะแบบว่าดูโออ่า กว้างใหญ่ ฟินนาเล่” เสียงหัวเราะดังขึ้นจากคนที่นั่งอยู่ด้านหลัง “ตกแต่งด้วยลวดลายไทยวิจิตรพิสดารแต่ไม่เท่าของอาจารย์เฉลิมชัยที่วัดร่องขุ่นนะคะ... พระเจดีย์นี้นะคะใช้งบประมาณก่อสร้างกว่า 3,000 ล้านบาทตอนนี้ก็ยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ดีด้วยค่ะ ซึ่ง ‘พระอาจารย์ศรี มหาวิโร’ ที่เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่น ภูริตทัตโตเป็นผู้ควบคุมการก่อสร้าง ส่วนกรมศิลปากรก็เป็นผู้ออกแบบองค์พระเจดีย์” ไกด์สาวอธิบาย

“ด้านนอกของพระเจดีย์ทาสีขาวตกแต่งลวดลายด้วยทองเหลือง มีเจดีย์องค์เล็กรายล้อมทั้ง 8 ทิศ ความสูงขององค์เจดีย์รวมยอดทองคำประมาณ 109 เมตร ใช้ทองคำหนัก 4,750 บาท หรือประมาณ 60 กิโลกรัม ซึ่งเจดีย์ชั้นบนสุดเป็นรูประฆัง 8 เหลี่ยมบรรจุพระบรมสารีริกธาตุค่ะ บอกตัวเลขมาซะตั้งเยอะ สนใจเลขไหนก็ตามสบายเลยนะคะ มีบ้านขายบ้านมีรถขายรถกันไปเลยค่ะ” มัคคุเทศก์สาวปล่อยมุกต่อไป

“แล้วเลขไหนดีล่ะหนู” คุณป้าคนหนึ่งถามขึ้นมา

“อันนี้ก็ไม่ทราบนะคะ ถ้าคุณป้าคิดออกก็ช่วยมาบอกหนูด้วยนะคะ หนูขอตาม”

เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้ง สาวตาคมแอบหันไปมองสาวหมวยที่นั่งอยู่ด้านหลังแต่แล้วใบหน้าของเธอก็ร้อนขึ้นเมื่อเห็นว่าปูนเองก็มองมาที่เธออยู่เช่นกัน พอสายตาของทั้งสองสบกันต่างฝ่ายต่างก็แกล้งหันหน้าไปทางอื่น

‘นี่ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย ฉันมีแฟนแล้วนะ คุณปูนก็มีแฟนแล้วด้วย’ บรรณาธิการสาวคิดในใจ แต่ก็ยังไม่วายแอบหันไปมองคนที่นั่งข้างหลังอีกจนได้

เมื่อหันไปอีกครั้งก็เห็นนักกายภาพสาวส่งยิ้มกว้างๆ ให้กับเธอ พิมพรรณตกใจแล้วก็ได้แต่ส่งยิ้มกลับไป เธอพยายามบังคับไม่ให้หัวใจของตัวเองเต้นแรง ทั้งๆ ที่มันส่งเสียงโครมครามอยู่ภายใน สาวตาคมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วหันกลับไปนั่งตัวตรงเช่นเดิมจนกระทั่งถึงพระมหาเจดีย์

ช่วงระหว่างที่เดินเที่ยวนั้น สาวหมวยก็อาสาเป็นตากล้องถ่ายรูปให้หยกที่ยืนเป็นนางแบบในบริเวณสวนหย่อมรอบพระเจดีย์ สองสาวเดินเคียงคู่กันด้วยท่าทางกระหนุงกระหนิงและหัวร่อต่อกระซิกที่ดูแล้วน่ารักจนมีหลายต่อหลายคนมาขอถ่ายรูปด้วย

ตี้ หนุ่มแว่นฝ่ายศิลป์ที่ยืนถ่ายรูปอยู่ข้างเจ้านายสาวนั้นก็เป็นอีกคนหนึ่งที่แอบถ่ายรูปสองสาวที่ยืนคุยเล่นอยู่ด้วยกันไม่ไกลจากพวกเขามากนัก

“ถ่ายเยอะไปแล้วมั้งตี้” สาวตาคมพูด

“แหม ไม่เยอะหรอกครับ บก. แค่ 20 กว่าช็อตเอง”

พิมพรรณยิ้มน้อยๆ กับคำพูดของลูกน้อง “แถวบ้านพิมเค้าเรียกเยอะแล้วค่ะ ไปแอบถ่ายเค้าแบบนั้นเสียมารยาทออก”

“โห... บก. ครับมีสาวๆ น่ารักๆ มาเที่ยวกับเราด้วยทั้งที ขอผมถ่ายรูปบ้างเถอะเผื่อจะเอาไปลงโฆษณาให้กับทริปหน้าของเรายังไงละครับ” หนุ่มแว่นพูด “ว่าแต่...”

“ว่าแต่อะไรเหรอ” พิมพรรณถาม

“เหมือนว่า บก. จะรู้จักกับสองคนนั้นใช่ป่ะครับ เมื่อวานนี้กับวันนี้ผมเห็น บก. เข้าไปยืนคุยด้วยตั้งนานสองนาน”

“ก็... ใช่ค่ะ คุณปูนเค้าเป็นนักกายภาพบำบัดที่คุณยายของพิมไปรักษาด้วยก็เลยเป็นเพื่อนกัน”

“คุณปูนนี่คนไหนเหรอครับ”

“คนนั้น” บรรณาธิการสาวชี้ไปที่หญิงสาวที่ถือกล้องถ่ายรูปและกำลังบอกให้หญิงสาวอีกคนโพสท่ากับพุ่มไม้

“โอ้... น่ารักสุดๆ” ตี้พูด “บก. ไม่ไปถ่ายรูปกับเพื่อนสักหน่อยเหรอครับ”

“หือ... ไม่เอาหรอก... ถึงจะเป็นเพื่อน แต่ตอนนี้เค้าเป็นลูกค้าของเราอยู่นะ”

“ไปเถอะครับแถวบ้านผมเค้าไม่ถือกันหรอก เพื่อนกันมาเที่ยวด้วยกันก็ต้องถ่ายรูปคู่กันเป็นที่ระทึก เอ้ย ที่ระลึก เดี๋ยวผมพาไปเอง” ว่าแล้วหนุ่มแว่นก็ดึงมือเจ้านายเข้าไปหาสองสาวซึ่งตอนนี้ดูเหมือนว่าสาวผมลอนจะหย่อนตัวลงนั่งที่ม้านั่งตัวหนึ่งที่อยู่แถวๆ นั้น

“ตี้... เดี๋ยว...”

“ขอโทษคร้าบบบ ขออนุญาตถ่ายรูปคู่กับเจ้านายของผมได้มั้ยคร้าบบบ” ตี้เดินเข้าไปหาปูนที่กำลังจะหามุมถ่ายรูปอยู่

“คะ...” สาวหมวยหันไปหาคนที่เดินเข้ามาหา พอเห็นพิมพรรณเธอก็ยิ้มให้ “ไม่ขัดข้องค่ะ... ขอฝากถ่ายด้วยก็แล้วกันนะคะ” ว่าแล้วก็ยื่นกล้องให้กับหนุ่มแว่น

“เอ้า... ชิดๆ กันหน่อยสิคร้าบบ ยืนห่างเป็นกิโลแบบนั้นเดี๋ยวก็ตกเฟรมหมด” ตี้บอกกับสองสาวให้จัดท่าทางการถ่ายรูปของทั้งคู่ “บก. เขยิบเข้าไปใกล้คุณปูนอีกหน่อยสิครับ คุณปูนกอดแขนเจ้านายผมหน่อยครับ โอ๊ะ... แจ๋วครับสวยมาก ถ่ายละนะครับ หนึ่ง สอง สาม”

หยกยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นท่าทางเขินๆ ของสองสาวที่กำลังถ่ายรูปอยู่แล้วเธอก็ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาปรับเป็นโหมดกล้องถ่ายรูป ซูมเข้าไปที่ใบหน้าของทั้งสองคนที่มองหน้ากันแล้วยิ้มให้กันแบบเขินๆ แล้วกดชัตเตอร์หลังจากนั้นก็ส่งภาพนั้นไปให้ใครบางคนดู

“Humm Interesting… What you gonna do next? (ฮืมม์ น่าสนใจแฮะ แล้วคุณจะทำอะไรต่อล่ะ)” มีข้อความตอบกลับมาหลังจากที่ภาพนั้นส่งไปได้ไม่นาน

“Don’t know, I think just let them be like this for a while (ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่คงจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปก่อนละกัน)”

แล้วสาวผมลอนก็นั่งมองสองสาวที่ถ่ายรูปด้วยกันอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งปูนเดินเข้ามาหาเธอเพื่อให้เข้าไปถ่ายรูปต่อในพระเจดีย์




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.