กระดาษกั้นใจ yuri ตอนที่ 7
โพสต์โดย:
meAyou
วันที่: 04 มกราคม 2019 เวลา 11:00:42
อ่าน: 46
|
กาลเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วเพราะในเวลานี้ฐายิกาเหลืออีกแค่เทอมเดียวก็จะเรียนจบมหาลัยแล้ว ว่าแต่?ก่อนจบทำไมงานมันถึงได้เยอะแบบนี้กันนะ! พูดบ่นไปพร้อมกับจ้องมองไปยังเบื้องหน้าที่เต็มไปด้วยเอกสารรายงานที่ต้องทำ วันนี้ก็จะเข้าสู่วันที่ห้าแล้วสินะที่เธอมาอาศัยนอนคอนโดของเพื่อนสนิทที่ต้องทำรายงานด้วยกันนั่นก็คือนิพาดาและสาธกาความจริงก็นึกแปลกใจอยู่เหมือนกันที่พวกเธอได้เรียนที่เดียวกัน เข้าคณะเดียวกัน แถมเวลาทำงานก็ยังจะจับฉลากได้อยู่กลุ่มเดียวกันอีก อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้นกัน ?ยิกาเมื่อไหร่คนส่งข้าวจะมา? สาธกาเอ่ยขึ้นเมื่อได้รับการโจมตีจากกระเพาะที่ร้องเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่ยัดมื้อเช้าไปอยู่มากโขแต่ทำไมถึงได้รู้สึกหิวขนาดนี้กันนะ ?แกเพิ่งกินขนมไปเมื่อกี้? ?นั่นมันขนมไม่ใช่ข้าว? คนหิวเอ่ยเถียงคนพูดมากที่พูดขัดตัวเองแต่กลับถูกพลักจนล้มหงายหลังกลิ้งเป็นลูกบอลที่ไม่ได้รับความสนใจจากใครเลยซักคน ?ยิกาจ๋า...? ?ทำไมไม่โทรสั่งข้างล่างคอนโดก็เป็นร้านอาหารไม่ใช่หรือไง? ?ก็ใช่แต่มันไม่เหมือนกัน? ?ทำไมจะไม่เหมือนกินอิ่มเหมือนกัน? เจ้าของประโยคเฉยชาเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาทำรายงานต่อให้คนหิวได้เกิดอาการฟึดฟัดงอแงอยู่เพียงลำพัง ?สมน้ำหน้า? ?ดูท่าแกจะอยากมีเรื่องกับฉันจริงๆ สินะนี? เมื่อถูกความหิวเข้าครอบงำก็ทำให้คนธรรมดาเกิดอาการตกมันได้แล้วแต่เพราะสายตาอาฆาตที่มองมาจึงทำให้นิพาดาต้องรีบพาตัวเองออกจากจุดเสี่ยงทันทีแต่ดูเหมือนจะไม่ทันเมื่อคนตกมันดูท่าจะไม่ปล่อยกันไปง่ายๆ ?ฉันไม่...? ?ขอตบฆ่าเวลาหน่อยเถอะ? พูดจบสาธกาก็ลุกพรวดตรงไปยังคนพูดยั่วทันทีและท่าทางขึงขังน่ากลัวขนาดนั้นคงไม่มีคนบ้าที่ไหนยืนรอต้อนรับได้อยู่อีก นิพาดาออกวิ่งอย่างไวให้คนอยากลงมือได้วิ่งตามดูแล้วก็เป็นภาพที่ชวนให้นึกปวดหัวเสียจริงๆ เวลาผ่านไปไม่ถึงสิบนาทีความหิวก็เริ่มทำงานของมันโดยการดูดแรงทั้งหมดของคนวิ่งไล่ให้ต้องทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างหมดแรง ?สมน้ำหน้า? ถ้อยคำถูกเอ่ยมาโดยคนเดิมที่กลับมาทำหน้าตากวนประสาทอีกครั้งแม้จะติดหอบไปบ้างแต่มันก็ยังดูน่าตบอยู่เช่นเดิม ?นี่แกจะเอาให้ได้ใช่มั้ย? ?ได้หรา...? ?นี่!? ?พอแล้วเล่นอะไรเป็นเด็กๆ กันไปได้? ในที่สุดการเอ่ยห้ามปรามก็เกิดขึ้นเสียทีหลังจากที่ฐายิกาเอาแต่เงียบมานานจนนึกสงสัยว่าต้องมีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กันเสียก่อนหรือเปล่าจึงจะเรียกร้องความสนใจจากเพื่อนคนนี้ได้ ?แกรู้ด้วยเหรอว่าฉันกับยัยอินทะเลาะกัน? ?ฉันไม่ได้ตาบอด หูตึงนะจะได้ไม่เห็นไม่ได้ยิน? ?ก็เห็นเอาแต่เงียบ? ?ก็ไม่อยากจะสนใจ? ?แล้วมาสนใจทำไม? เป็นคำถามที่ไม่ต้องเอ่ยตอบเมื่อปรากฏร่างของบุคคลที่สี่ที่เป็นดังระฆังช่วยชีวิตคนที่หิวโซ ?น้องฝุ่นมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะ? ?นั่นสิทำไมพี่ไม่...เห็นเลย? ดูเหมือนว่าสองคนที่ก่อนหน้าแทบจะฟาดฟันใส่กันหันมาจับมือสมานนะฉันกันชั่วคราวอันเนื่องมาจากเกิดคำถามในเรื่องเดียวกันขึ้นมา ?ฝุ่นเพิ่งมาถึงค่ะ? ?แล้วขึ้นมาคอนโดได้ยังไงคะ? ?แกก็ถามแปลกน้องฝุ่นมาตั้งหลายครั้งคนดูแลคอนโดแกก็ต้องจำได้บ้างแหละ? ?จำได้ไม่ได้ยังไงเขาก็ไม่ให้ขึ้นมันเป็นกฎ? นิพาดาเอ่ยในกฎระเบียบที่เคร่งครัดของคอนโดหากแต่ในวันนี้ทำไมถึงได้ล่ะหลวมแบบนี้หัดเป็นคนแปลกหน้าที่ปลอมตัวเข้ามาจะทำอย่างไรนะ ?เลิกพูดมากแล้วก็มากินได้แล้วไหนบอกว่าหิวไง? ?ก็ฉันสงสัย? ?จะสงสัยอะไรนักหนา? ?ก็...? ?ฉันเป็นคนลงไปรับเองพอใจหรือยัง? ?แกลงไปรับน้องฝุ่น?? ?ก็ใช่น่ะสิไม่งั้นเด็กนี่จะขึ้นมาได้ยังไง? ฐายิกาพูดจบก็จัดการเทกับข้าวใส่จานทำทีเป็นเมินคนจับผิดที่ดูจะเกิดคำถามไม่เข้าท่าเต็มไปหมด ?แปลก?? ?มากๆ? นิภาดาและสาธกาหันมามองหน้ากันด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยโดยปกติไม่เธอก็คนข้างๆ นี่แหละที่ถูกไล่ตะเพิดให้ลงไปรับคนที่เอาเสบียงมาส่งและเพียงแค่ทะเลาะกันก็ไม่น่าจะมีน้ำหนักมากพอที่จะเปลี่ยนใจให้ใครอีกคนฝืนใจทำในสิ่งที่ไม่ชอบใจได้ ?จะยืนตรงนั้นอีกนานมั้ยถ้าฉันอิ่มแล้วพวกแกยังไม่มากินจะเททิ้งให้หมดเลยคอยดู? คำพูดข่มขู่ดังขึ้นให้ร่างกายมีการตอบสนองและเมื่อกระเพาะเริ่มทำงานอีกครั้งก็ให้สองสาวได้รีบก้าวเดินไปยังโต๊ะอาหารทันทีโดยที่หลงลืมความสงสัยไปเสียหมด ?น่ากินทั้งนั้นเลยนะคะ? ?นั่นสิเยอะมากด้วยแบบนี้ตอนถือมาคงหนักแย่? ?ก็หนักอยู่ค่ะถ้าเมื่อกี้พี่ยิกาไม่รีบลงมาฝุ่นคงได้กลายเป็นนักกล้ามแน่ๆ? สมิตาเอ่ยปนขำเมื่อนึกถึงสภาพของตัวเองเมื่อสักครู่และเพียงนึกถึงการที่ใครอีกคนรีบลงมาหาก็ทำให้เจ้าตัวต้องปิดยิ้มที่กว้างขึ้นเพราะรู้สึกราวกับว่าได้รับความห่วงใยจากคนๆ นั้น ?แล้วใครบอกให้เอามาเยอะแยะขนาดนี้กันล่ะ? ?ก็กลัวคนแถวนี้จะไม่อิ่ม? ?ฉันไม่ได้กินจุขนาดนั้น? ฐายิกาเอ่ยเสียงห้วนก่อนจะตวัดสายตาไปหาคนสองคนที่ทำท่าทางล้อเลียนตัวเอง ?จะเริ่มกินกันได้หรือยัง ชักช้าอยู่ได้? เมื่อต่อมโมโหของเพื่อนรักเริ่มทำงานคนล้อเลียนทั้งสองจึงต้องรีบเร่งปฏิบัติทำตามคำบังชาเพราะฟังจากน้ำเสียงและดูจากสีหน้าแล้วฐายิกาดูจะน่ากลัวยิ่งกว่าคนโมโหหิวเสียอีก
หลังจากกินอาหารเย็นอิ่มทั้งสามสาวก็หันกลับมาทำรายงานอย่างตั้งใจอีกครั้งจวบจนเวลาล่วงเลยมาเกือบสี่ทุ่มอยู่ๆ ฐายิกาก็เหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ ห่างตาเหลือบไปมองใครบางคนที่ตีเนียนอยู่เงียบๆ จนทำให้เธอลืมไปเลยว่าในห้องนี้มีมากกว่าสามคน ?ทำไมยังไม่กลับบ้าน? ประโยคคำถามถูกยิงมาโดยตรงทำเอาคนที่พยายามอยู่เงียบแอบตกใจเล็กน้อยก่อนจะเปิดยิ้มแหยๆ ออกมาเพราะนึกคำตอบไม่ทัน ก็ไม่คิดว่าจะถูกจับได้เร็วแบบนี้นี่นา ?ตอนนี้ดึกแล้ว? สมิตาเอ่ยขึ้นเมื่อคิดถึงความตั้งใจของตัวเองยังไงวันนี้เธอก็จะไม่มีวันยอมกลับบ้านเป็นอันขาด ?ก็ใช่ไงเธอถึงสมควรที่จะกลับบ้านได้แล้ว? ?แต่นี่มันก็มืดแล้วนะคะพี่ยิกาจะให้ฝุ่นขับรถกลับมืดๆ ค่ำๆ แบบนี้คนเดียวเหรอคะ? ?คนเดียว? นี่อย่าบอกนะว่าเธอขับรถมาเอง? ?ค่ะ? ?เพิ่งไปเรียนขับมาแค่ไม่กี่วันกล้าออกถนนแล้วอย่างนั้นเหรอ? ?ก็เค้าคิดถึงตัวแล้วที่บ้านก็ไม่มีใครว่างด้วยเค้าก็เลยต้องขับมาเอง? ถ้อยคำออดอ้อนดังขึ้นให้คนแอบฟังทั้งสองได้เกิดอาการหน้าแดงเพราะรู้สึกเขินราวกับว่าคำพูดนั้นเป็นของตัวเองส่วนคนที่ถูกบอกโดยตรงกลับยังมีสีหน้าบึ้งตึงเพราะยังอยู่ในอาการไม่พอใจที่ได้รู้ว่าใครอีกคนขับรถมาด้วยตัวเอง ?ทำไมถึงได้ทำตัวน่าเบื่อน่ารำคาญขนาดนี้กันนะ? น้ำเสียงหงุดหงิดดังขึ้นทำลายมโนคู่จิ้นลงจนหมดนึกอยากรู้จริงๆ ว่าตอนเด็กมารดาของฐายิกาเลี้ยงด้วยข้าวหรืออาหารเม็ดถึงได้ดุมากถึงเพียงนี้ ?เค้าผิดเองแต่ตัวคงไม่ใจร้ายไล่เค้ากลับอีกใช่มั้ย? ?ไม่ไล่แต่จะโทรให้คนที่บ้านมารับ? ก็ยังไม่ยอมสินะแต่ไม่เป็นไรทางอ้อมไม่ได้ก็ใช้ทางตรงมันนี่แหละไม่ตอบตกลงครั้งนี้ก็ไม่รู้ว่าจะต้องใช้ไม้ไหนแล้ว ?ไม่ต้องบอกค่ะเค้าบอกคุณลุงคุณป้าไว้แล้วว่าจะมานอนกับตัว? ?อะไรนะ!? ?เค้าจะมานอนที่นี่? ?มานอนทั้งๆ ที่ฉันไม่อนุญาตเนี่ยนะ? สมิตาพยักหน้าหากแต่คนที่กำลังจะซวยคือเจ้าของห้องตัวจริงที่กำลังถูกเหมารวมว่ารู้เห็นเป็นใจด้วย ?นี่แกรู้เรื่องนี้ใช่ไหม? ?เปล่านะฉันก็เพิ่งรู้พร้อมแก? ?แน่ใจนะ? ?เพื่อนจะไม่โกหก...? นิพาดาทำท่าราวกับสาบานและเมื่อเห็นว่าทำให้คนถามเชื่อได้แล้วเจ้าตัวก็อดที่จะถอนหายใจไม่ได้ เธอไม่ได้มีปัญหาว่าจะมีใครมานอนเพิ่มแต่ก็น่าจะบอกกันเสียหน่อยจะได้เตรียมใจยอมรับการถูกมองแรงแบบนี้ น้องฝุ่นนะน้องฝุ่นถ้าไม่เห็นแก่ของกิน เอ้ย! จะพูดว่ารู้จักกันมานานต่างหากใช่! ถ้าไม่เพราะรู้จักกันมานานเธอจะไม่มีวันยอมรับลูกหลงของระเบิดปรมาณูลูกนี้เป็นอันขาด! ?ฝุ่นนอนโซฟาได้ค่ะ? ประเด็นใหม่ถูกเปิดขึ้นอีกครั้งให้เจ้าของห้องตัวจริงพึงระลึกถึงความจริงในข้อนี้ขึ้นมา หากแต่แค่นอนบนโซฟามันจะเป็นเรื่องใหญ่ให้เพื่อนของเธอมีสีหน้าบึ้งตึงมากขนาดนี้เชียวหรือ ?ใจเย็นๆ นะยิกาค่อยๆ พูดค่อนจากัน? ?จะค่อยพูดอะไรอีกโซฟามันแข็งบอกให้ไปนอนเตียงที่บ้านนุ่มๆ ก็ไม่เชื่อ? ?เค้าบอกว่าเค้านอนได้สบายมาก? ?โซฟามันแข็ง? ?ไม่ใช่ปัญหา? ?แต่...? ?เอาน่ะยิกาน้องโตแล้วอีกอย่างโซฟาฉันก็เป็นแบบอย่างดี ไม่แข็งหรอก? ?แต่ก็นอนไม่สบายอยู่ดีเกิดพรุ่งนี้เช้าตื่นมาแล้วปวดหลังจะทำยังไง? ?แกเป็นห่วงฝุ่น?? ?...........? เป็นคำถามที่ทำให้ฐายิกาถึงกับเกิดอาการนิ่งค้างไปชั่วขณะ อย่างเธอเนี่ยนะจะห่วงยัยเด็กนี่ ไม่มีทาง! ?ตัวเป็นห่วงเค้าจริงๆ เหรอดีใจจัง? ?ไม่! ฉันไม่ได้เป็นห่วงเธอ? ?ฮั่นแน่ กิ๊วๆ? เมื่อรู้สึกเหมือนคำพูดของตัวเองจะถูกนิพาดาก็รีบเอ่ยแซวคนหน้างอทันทีโดยที่ไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ล้อเลียนจะวนกลับมาสร้างความลำบากให้กับตัวเองภายหลัง ?ดูอารมณ์ดีนะ? ?ก็นิดนึ่ง? ?งั้นตามนี้? ?....?....? ?ฉัน อิน ฝุ่นนอนในห้องส่วนแกนอนโซฟา? ?ห๊ะ!?? ?โอเคนะ? ?ดะ ดะ เดี๋ยวววววว นี่ฉันไปตกลงตอนไหน? ?ก็เห็นแกยิ้ม? ?ฉันไม่ได้ยิ้มเรื่อง...? ?แค่นี้แหละแยกย้ายกันไปนอนดีกว่านะง่วงแล้ว? คนพูดเดินห่างออกไปอย่างรวดเร็วเสียงปิดประตูที่ดังขึ้นทำให้เจ้าของห้องได้สติขึ้นมาและพบว่า?โซฟาตัวที่เป็นปัญหานี้ได้กลายมาเป็นที่นอนของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทะเลาะกันไป ทะเลาะกันมาทำไมกลายเป็นเธอล่ะที่ต้องออกมานอนโซฟาอยู่แบบนี้นี่ตกลงพวกนั้นเห็นว่าเธอเป็นเจ้าของห้องจริงๆ หรือเปล่านะ แล้วนี่ไม่คิดจะเอาหมอนกับผ้าห่มมาให้เธอเลยงั้นเหรอเกิดเธอหนาวตายขึ้นมาจะทำยังไง จะทำยังไงงงงงงงงงงงงงง!
|
Rating: This article has not been rated yet.
|
|
ความคิดเห็น
|