web stats

ข่าว

 


กระดาษกั้นใจ yuri ตอนที่ 6

โพสต์โดย: meAyou วันที่: 28 ธันวาคม 2018 เวลา 14:44:19 อ่าน: 36

   ในที่สุดกิจกรรมเชื่อมความสามัคคีก็จบลงให้คนที่นึกเบื่อเดินลุกแยกตัวออกมาหากแต่การได้เห็นว่าใครกำลังเดินมาหาก็ทำให้ฐายิกาเกิดความรู้สึกที่เรียกว่าเซ็งยิ่งกว่าเดิม
   "ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะคะ"
   "เบื่อขี้หน้าเธอ"
   คำตอบตรงไปตรงมาทำเอาคนอายุน้อยถึงกับสะอึกไปชั่วขณะจะมีวันไหนบ้างไหมนะที่คนตรงหน้าจะพูดดีๆ กับเธอบ้าง
   "เบื่อก็ต้องทนค่ะเพราะยังไงตัวก็หนีเค้าไม่พ้นอยู่แล้ว"
   ใช้เวลาเพียงไม่นานสมิตราก็สามารถเรียกกำลังใจกลับมาได้อีกครั้ง กับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้เธอไม่คิดที่จะเอามาใส่ใจให้มากนักหรอก
   "ฉันอยากพักวันนี้อย่ามากวนได้มั้ย"
   "เค้าอยู่เป็นเพื่อน"
   "ฉันบอกว่าฉันอยากพัก"
   "ตัวก็พักไปสิเค้าไม่กวนหรอก"
   "ฉันอยากอยู่คนเดียว"
   "สัญญาเลยว่าจะไม่พูดมาก"
   "นี่ทำไมถึงเป็นคนที่พูดไม่รู้เรื่องแบบนี้กันนะ"
   "ก็เค้าอยากอยู่ใกล้ตัวนี่นา"
   "แต่ฉันไม่อยากอยู่ใกล้เธอเลยสักนิด"
   "ใจร้ายจัง"
   "รู้แล้วก็ไปไกลๆ เลย"
   ฐานิดาพูดจบก็เร่งฝีเท้าในการเดินที่เร็วขึ้นแต่ดูเหมือนใครอีกคนจะไม่ยอมแพ้ถึงได้รีบวิ่งตามมาติดๆ แบบนี้
   "รอเค้าด้วย "
   "ฉันบอกว่าอยากอยู่คนเดียวไง"
   "เค้าแค่?"
   "พี่ว่าน้องเลิกเซ้าซี้น้องยิกาเถอะนะครับ"
   อยู่ๆ คนไม่เกี่ยวข้องก็เดินเข้ามาแทรกกลางระหว่างคนสองคนให้สมิตราได้มองตาขวาง
   "เกี่ยวอะไรกับนายด้วย"
   "ก็คงไม่เกี่ยวหรอกครับถ้าคนที่น้องตื้ออยู่ไม่ใช่รุ่นน้องของพี่"
   ชายหนุ่มหน้าตาดีเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสุภาพหากแต่มันกลับทำให้สมิตรานึกเกลียดท่าทางที่ได้เห็นเอาเสียมากๆ
   "อย่ามายุ่ง!"
   "ทำไมถึงได้พูดจากับคนอายุมากกว่าแบบนี้ล่ะครับไม่น่ารักเลยนะ"
   "มันเรื่องของฉันไม่เกี่ยวกับนาย"
   "เป็นเด็กไม่น่ารักเอาซะเลยนะแบบนี้ใครจะอยากไปด้วยกัน"
   "นี่นาย?!"
   "พอได้แล้วสมิตรา! ทำไมถึงก้าวร้าวแบบนี้กันนะ"
   ดูเหมือนว่าการเข้าข้างของคนกลางจะทำให้คนยื่นมือเข้ามาช่วยรู้สึกเป็นต่อมากขึ้นตรงกันข้ามกับใครอีกคนที่รู้สึกหัวร้อนมากกว่าเดิมเสียอีก
   "ไปครับน้องยิดาเดี๋ยวพี่เดินไปเป็นเพื่อนจะได้ไม่ถูกคนน่ารำคาญตามอีก"
   ด้วยความหวังดีและหวังทำคะแนนคนที่ได้ชื่อว่าเป็นรุ่นพี่จึงเอ่ยเสนอให้ฐายิกาที่ไม่อยากถูกตามตื้อพยักหน้าตอบรับคำชวนแต่ดูเหมือนใครอีกคนจะไม่ยอมจบด้วยจึงได้เดินมาจับมือรั้งเอาไว้แบบนี้
   "เค้าไม่ให้ไป"
   "แต่ฉันไม่อยากอยู่กับเธอ"
   "ห้ามไป"
   เมื่อเห็นการยื้อยุดและการโต้เถียงที่มีคำตอบชัดเจนคนหวังดีจึงรีบออกหน้าเพื่อหวังจะโกยคะแนนให้ตัวเองมากที่สุด
   "น้องยิกาไม่อยากไปด้วยก็ควรจะพอนะครับน้อง"
   "อย่ามายุ่ง"
   "เธอนั่นแหละที่อย่ามายุ่งฉันจะไปกับรุ่นพี่คนนี้ส่วนเธอกลับห้องไปซะ"
   "ไม่ให้ไป"
   "ฉันจะไป"
   การโต้เถียงยังคงสลับกันไปมาให้ชายหนุ่มเพียงคนเดียวได้เกิดความรำคาญจนต้องเอื้อมไปปัดมือของคนที่ฉุดรั้งคนที่จะไปกับตัวเองออกแต่ดูท่าเจ้าของมือนั้นจะไม่ยอมง่ายๆ เขาจึงตัดสินใจผลักคนไม่ยอมจบให้ออกห่างและแม้จะออกแรงไม่มากแต่ก็สามารถทำให้คนถูกผลักกระเด็นไปไกลได้แล้วและอาจเพราะความโชคร้ายของอีกฝ่ายจึงได้เซไปเหยียบหินจนล้มไม่เป็นท่าอยู่แบบนี้
   สมิตรามีสีหน้าไม่ดีนักเมื่อความชุลมุนก่อให้เกิดอุบัติเหตุที่แม้จะไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่ก็ทำให้ร่างกายรู้สึกเจ็บจากการล้มที่ตั้งตัวไม่ทันนี้จนได้
   ความรู้สึกปวดหนึบที่ข้อมือทำให้หญิงสาวต้องก้มมองก่อนจะพบว่ามันถูกฉาบด้วยน้ำสีแดงอันเกิดมาจากความคมของก้อนหินที่ตัวเองเอามือไปทับเข้าใส่อย่างแรง
   เจ็บชะมัด! สมิตราทำได้เพียงพูดในใจเพราะดูจากสถานที่และบุคคลแล้วคงไม่มีใครจะมานึกสงสารตัวเองเป็นแน่แต่แล้วความสนใจก็ถูกดึงออกจากอาการบาดเจ็บของตัวเองเนื่องจากเสียงของบางอย่างที่ดูจะหนักหน่วงและรุนแรงเป็นที่สุด
   แรงปะทะจากการโดนตบ ใช่แล้ว! โดนตบ...เขาเพิ่งจะถูกตบโดยรุ่นน้องของตัวเองอาจเพราะแรงกระแทกที่แรงจึงทำให้สมองมึนเบลอจนไม่อาจคิดได้ว่าสาเหตุของความรุนแรงในครั้งนี้คืออะไร?
   เขาช่วยหล่อนจากคนที่น่ารำคาญแต่ผลลัพธ์ของมันทำไมถึงได้ออกมาเป็นแบบนี้กันล่ะ?
   "น้องยิกาตบพี่ทำไมครับ?"
   "ออกไปให้พ้นหน้าฉันแล้วก็ไม่ต้องมายุ่งกันอีก"
   "โกรธอะไรครับพี่กำลังช่วยเราอยู่นะ"
   "ฉันไม่ได้ขอ"
   "แต่เมื่อกี้เรากำลังจะไปด้วยกันพี่ช่วยน้องจากคนน่ารำคาญน้องควรจะมีรางวัลให้กับพี่ไม่ใช่มาตบกันแบบนี้"
   "ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ได้ขอไปซะฉันไม่อยากเห็นหน้านาย"
   ฐานิดาเอ่ยเสียงห้วนก่อนจะเดินย้อนกลับไปดูคนที่ยังนั่งที่พื้นดวงตาคู่ดุฉายแววสั่นไหวและเพียงข้อมือถูกคนพูดไม่รู้เรื่องฉุดเอาไว้ก็ทำให้ความอดทนอันน้อยนิดหมดลงในทันที
   แรงปะทะเกิดขึ้นอีกครั้งและครั้งนี้ดูเหมือนจะรุนแรงมากกว่าเมื่อฐานิกาออกแรงผลักคนตัวโตกว่าให้ล้มลงไปกับพื้นจากนั้นก็ทำท่าราวกับจะเดินเข้าไปตบซ้ำแต่เดินได้ไม่กี่ก้าวความตั้งใจก็สะดุดลงโดยการรั้งมือของคนที่ถูกยัดเยียดให้เป็นคนน่ารำคาญตั้งแต่แรก
   "พอแล้วค่ะ"
   สมิตราเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อเข้าถึงตัวคนที่ดูเหมือนจะควบคุมตัวเองไม่ได้ เกิดมาก็ยังไม่เคยเห็นพี่ยิดาในโหมดปรี๊ดแตกขนาดนี้ น่ากลัวชะมัด!
   "แต่เค้าทำ?"
   พูดไม่ออกเพราะเพียงแค่นึกถึงก็ให้รู้สึกเจ็บปวดราวกับตัวเองได้รับบาดแผลนั้นเสียเอง
   ฐายิกาหันกลับไปมองยังแผลที่มือของคนอายุน้อยนึกโทษตัวเองที่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
   หากเธอไม่ดื้อรั้นใครอีกคนก็คงไม่ต้องมาเจ็บตัวแบบนี้
   เป็นเพราะเธอ เพราะเธออีกแล้ว

   ดูเหมือนว่าเรื่องการบาดเจ็บของสมิตราจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปเสียแล้วเพราะทันทีที่บิดาและมารดาของฐายิการู้เรื่องคนอายุน้อยก็ถูกเรียกตัวกลับทันที
   สมิตราไม่ได้อยากทำตามคำสั่งแต่ก็ไม่สามารถขัดได้เจ้าตัวจึงจำใจต้องไปขึ้นรถที่มารับและที่น่าหงุดหงิดเป็นที่สุดก็คือวันนี้ตั้งแต่เช้าเธอยังไม่ได้เห็นหน้าพี่ยิกาของเธอเลยสักนิด
   ในตอนนี้เริ่มจะนึกสงสัยซะแล้วสิว่าเธอกับอีกฝ่ายได้นอนห้องเดียวกันจริงๆ หรือเปล่าหากแต่ทันทีที่ประตูรถเปิดออกคนหัวเสียก็ต้องแปลกใจเมื่อพบคำตอบแล้วว่าคนที่ตัวเองตามหาหายไปอยู่ที่ไหน
   "ตัวมาส่งเค้าเหรอ"
   คำพูดแรกดังขึ้นมาอาจเพราะสมิตรายังอยู่ในช่วงอาการมึนเบลอถึงได้เรียบเรียงคำถามไม่ค่อยเข้าท่านี้ออกมา
   ถามให้ตายก็ไม่มีทางได้รับคำตอบที่ถูกใจไปได้
   "เอ่อ...เค้าหมายถึงตัวมาทำอะไรบนรถคันนี้คะ"
   "ทำไม? ฉันจะนั่งในรถคันนี้แล้วมันจะทำไม"
   นี่ขนาดยังไม่ได้ทำอะไรเธอก็สามารถจุดประกายอารมณ์เดือดดาลของคนอายุมากกว่าได้แล้วจะถือว่าเป็นความสามารถพิเศษเฉพาะตัวได้หรือเปล่านะ
   "เค้าไม่ได้หมายถึงแบบนั้นแต่แค่สงสัยว่าตัวมาทำอะไรในนี้"
   "แล้วเธอจะทำไม"
   "ก็ไม่ทำไมค่ะแต่เค้ากำลังจะกลับบ้านโดยใช้รถคันนี้ตัวจะมานั่งเล่นไม่ได้"
   ในเมื่อถามหาเหตุผลของอีกคนไม่ได้สมิตราก็ต้องยกเหตุผลของตัวเองขึ้นมากล่าวอ้างหรือว่าคุณลุงคุณป้าจะยังไม่ได้บอกข่าวนี้กับพี่ยิกากันนะอีกฝ่ายถึงได้เข้ามานั่งเล่นราวกับหลบกิจกรรมที่อาจมีคนตามหาเจอ
   "ฉันจะนั่ง"
   ผู้ใหญ่ดื้อ! นี่คือคำนิยามที่เธอมอบให้คนที่ไม่ยอมลงจากรถหากแต่ที่ทำให้แปลกใจก็คือการขยับตัวปล่อยให้มีพื้นที่ว่างของคนข้างใน
   ทำราวกับว่ากำลังเชื้อเชิญให้เธอไปนั่งด้วยอย่างไงอย่างนั้น
   "ตัวคิดจะทำอะไร"
   "เปล่า"
   "งั้นก็ลงรถสิคะเค้าจะได้กลับ"
   "ไม่"
   "ทำไม?"
   "เพราะฉันจะกลับด้วย"
   "คะ!?"
   "รีบขึ้นมา"
   "แต่..."
   "เร็วๆ"
   ไม่ได้รับทั้งคำตอบแถมยังถูกฉุดให้ลงไปนั่งไม่เป็นท่าโดยที่ไม่สามารถเอ่ยปากถามอะไรได้อีกเพราะทันทีที่ประตูรถปิดลงคนขับก็เริ่มทำหน้าที่ของตัวเองทันที
   นั่งไปเพียงชั่วครู่สมิตราก็ถูกดึงรั้งศีรษะเอามาวางที่ไหล่ของคนเอาแต่ใจทันที
   "เอ่อ..."
   "นอนซะถ้าถึงแล้วจะปลุก"
   ดูเหมือนคำสั่งนี้จะไม่ได้ผลเมื่อใครอีกคนยังคงจ้องมองกันตาปริบๆ ให้จับสัมผัสได้ฐายิกาก้มหน้าจดจ้องไปยังเจ้าของดวงตาคู่ใสแป่วพร้อมกับพูดประโยคเน้นย้ำที่ทำให้คนที่มองรีบหลับตาแทบจะทันที
   "นอนนนนนนนนนน"
   ลมหายใจฟึดฟัดเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อมองเห็นรอยยิ้มของคนที่หลับตาหากแต่การต่อว่าในเวลานี้คงจะไม่เหมาะเพราะหากเธอเปิดประเด็นขึ้นมายัยเด็กเปี๊ยกนี่คงไม่รีรอที่จะต่อล้อต่อเถียงอีกเป็นแน่
   ฐายิกาค่อยๆ ปิดเปลือกตาลงช้าๆ รู้สึกเหนื่อยล้าเหลือเกินในช่วงเช้าที่เธอต้องไปทำเรื่องขอกลับก่อนในขณะที่เพื่อนๆ ยังทำกิจกรรมไม่เสร็จ
   ดูเหมือนรุ่นพี่บางคนจะไม่ยอมและเอ่ยขัดจนใช้เวลานานพอสมควรในการเจรจาแต่ท้ายที่สุดเธอก็ได้รับการอนุญาตจากอาจารย์ผู้ดูแล
   นี่คงเป็นข้อดีของการมีบิดาเป็นผู้สนับสนุนหลักของกิจกรรมในมหาลัยสินะ
   อะไรๆ มันถึงได้ง่ายและรวดเร็วถึงเพียงนี้

   หลับแล้วสินะ...
   ดวงตาคู่ใสเปิดขึ้นช้าๆ พร้อมรอยยิ้มรู้สึกเป็นปลื้มที่ใครอีกคนยอมกลับมาด้วยแม้จะยังไม่รู้เหตุผลแต่สมิตราก็รู้สึกขอบคุณอยู่ดี
   ใบหน้าขาวเนียนค่อยๆ เคลื่อนไปใกล้คนที่ดูท่าจะหลับสนิทจากนั้นก็แนบริมฝีปากลงที่แก้มของอีกฝ่ายหมายจะมอบเป็นรางวัลที่แม้เจ้าตัวอาจจะไม่อยากได้แต่เธอก็อยากที่จะมอบให้อยู่ดี
   "ขอบคุณนะคะ"
   สมิตราเอ่ยเสียงแผ่วก่อนจะแตะริมฝีปากลงบนแก้มนุ่มนั้นอีกครั้ง อีกครั้งและอีกครั้งแม้จะนึกเกรงว่าเจ้าของแก้มอาจจะตื่นขึ้นมาได้ทุกเมื่อแต่ก็ตามทีเถอะแต่เธอก็อดใจไม่ได้จริงๆ นี่นา
   แก้มของพี่ยิกาทั้งนุ่มทั้งหอมทำให้เธอรู้สึกติดใจอยู่แบบนี้และความคิดนี้ก็ทำให้ต้องนึกไปถึงเรื่องคืนก่อนมันทำให้สมิตรานึกอยากจะรู้ขึ้นมาบ้างว่า?แก้มของตัวเองจะทำให้คนที่สัมผัสรู้สึกติดใจได้บ้างหรือเปล่า
   จะติดใจกันบ้างหรือเปล่านะ?
   อยากจะรู้จริงๆ?
   

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น