web stats

ข่าว

 


กระดาษกั้นใจ yuri ตอนที่ 4

โพสต์โดย: meAyou วันที่: 24 ธันวาคม 2018 เวลา 10:45:12 อ่าน: 29

   ในที่สุดฐายิกาก็ได้เริ่มต้นใช้ชีวิตของวัยรุ่นอย่างเต็มตัวในรั่วมหาวิทยาลัยนี่คงเป็นครั้งแรกที่เธอจะไม่ถูกยัยเด็กน่าเบื่อนั่นวอแวในตอนกลางวัน
   คิดแล้วก็รู้สึกมีความสุขกับคำว่าอิสรภาพเสียแล้ว
   "แกๆ นั่นพี่เก่งนิ"
   นิพาดาเอื้อมมือไปสะกิดคนข้างๆ เพื่อหวังให้มาชื่นชมคนหล่อด้วยกัน
   "จริงด้วย! เดินมาทางเราด้วยนะ ตื่นเต้นจัง"
   สาธกากล่าวเสริมก่อนจะมองเห็นเค้าลางของบางเรื่องที่มักวกกลับมาฉายซ้ำ
   ไม่นะ มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ ไม่!!!
   "น้องยิกาครับ"
   ว่าล่ะ! นิพาดาและสาธกาหันมามองหน้ากันเลิ่กลั่กหากแต่คงช่วยอะไรไม่ได้นอกจากยืนไว้อาลัยให้สุดหล่อ
   ฐายิกาเงยหน้าขึ้นจ้องมองคนที่เอ่ยเรียกตัวเองดวงตาคู่ว่างเปล่าที่จ้องมาทำเอาความกล้าที่มีค่อยๆ หดหายไปทีละน้อยๆ
   "พี่ชอบ..."
   "ขอปฏิเสธค่ะ"
   "ครับ?"
   "อย่ามายุ่งกับฉัน"
   "แต่พี่ยังพูดไม่จบเลยนะครับ"
   "จะจบหรือไม่จบฉันก็ขอปฏิเสธมีเรื่องแค่นี้ใช่มั้ยคะ"
   "เอ่อ..."
   "ฉันต้องการสมาธิกรุณาอย่ารบกวนขอบคุณค่ะ"
   ชายหนุ่มหันไปมองคนที่นั่งร่วมโต๊ะของคนที่เขาต้องการมาสารภาพความในใจด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถามหากแต่คนถูกมองก็ทำเพียงได้แค่ส่งยิ้มให้กำลังใจเท่านั้น
   จะว่าไปตั้งแต่เข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยเหตุการณ์แบบนี้ก็เกิดขึ้นบ่อยครั้งจนทำให้รู้สึกเริ่มชินหากแต่ก็ยังมีคนอยากลองดีอยู่เรื่อยๆ และผลก็ออกมาเหมือนๆ กันนั่นก็คือการถูกปฏิเสธหรือหากดื้อดึงยืนกรานไม่ยอมถอยก็จะถูกฐายิกาตอกหน้าหงายกลับไปทุกคน
   จนในตอนนี้เพื่อนของเธอได้รับฉายาเจ้าหญิงน้ำแข็งที่มักจะแผ่ขยายความเย็นให้คนที่เข้าใกล้ได้รู้สึกขยาดและถอยหนีไปเอง
   จะมีสักกี่คนที่อยากเข้าใกล้ความเย็น จะมีสักกี่คนที่เจ้าหญิงน้ำแข็งเปิดประตูให้ได้เข้ามาอย่างเต็มใจหายากนะ
   ?แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี?

   เด็กมัธยมหน้าใสในชุดพละดูจะเรียกความสนใจจากคนที่พบเห็นได้มากเอาการและหนึ่งในจำนวนนั้นก็เป็นบุคคลที่ได้ชื่อว่าไม่สนใจสิ่งรอบข้างเลยซักอย่าง
   ฐายิกาเงยหน้าจ้องมองไปยังบุคคลที่เรียกความสนใจจากทุกสายตา
   เห็นแล้วก็ทำให้นึกหงุดหงิดขึ้นมาชอบนักหรือไงนะกับการที่เป็นจุดสนใจแบบนั้น
   "ยิกาคู่หมั้นแกมาแหนะ"
   เป็นการเอ่ยบอกที่เรียกสายตาจิกกัดได้ไม่น้อยหากแต่มันคือเรื่องจริงที่เจ้าของชื่อนึกเถียงไม่ออก
   หวังว่าคงจะไม่มาสร้างเรื่องเพิ่มในที่เรียนที่ใหม่ของเธอหรอกนะ
   "มาทำไม"
   คำถามแรกก็ทำเอาคนฟังหลายคนนึกสงสารคนที่เข้ามาเสียแล้วหากแต่น่าแปลกที่คนได้รับประโยคนี้โดยตรงกลับไม่มีท่าทีสะทกสะท้านเลยสักนิด
   รอยยิ่มบนใบหน้าของสมิตายังคงมีเท่าเดิมและมันดูจะเพิ่มมากขึ้นเมื่อดวงตาของคนทั้งสองประสานเข้าหากัน
   "วันนี้เค้าเรียนครึ่งวันก็เลยว่างมาอยู่กับตัว"
   "ฉันไม่ได้อยากอยู่กับเธอ"
   ถ้อยคำไม่รักษาน้ำใจดังขึ้นอีกครั้งหากแต่ก็ไม่ได้ทำให้คนฟังรู้สึกใจฝ่อเลยสักนิดกลับกันสมิตายิ่งเผยยิ้มมากขึ้นและนั่นยิ่งทำให้คนคนไม่พอใจรู้สึกอารมณ์เสียมากขึ้นไปอีก
   "เพี้ยนหรือไงฉันว่าให้เธออยู่นะยังจะยิ้มได้อีก"
   ใบหน้าที่เคยนิ่งบัดนี้ได้เปลี่ยนเป็นขึ้งขังขึ้นมานั่นจึงทำให้คนคิดแกล้งที่เริ่มรู้สึกพอใจแล้วปิดยิ้มที่ดูเหมือนว่าคนอายุมากกว่าจะไม่ชอบนี้ลง
   "แล้วตัวจะไปไหน"
   สมิตาเอ่ยถามเมื่อเห็นคนหน้างอกวาดของทุกอย่างลงกระเป๋าท่าทางแบบนี้คงจะหาทางชิ่งเธออยู่แน่ๆ
   "เรื่องของฉัน"
   "แกก็ตอบคำถามน้องมันดีๆ หน่อยสิ"
   "นั่นดิฉันยังไม่เห็นน้องฝุ่นทำอะไรเลยนะแกก็โมโปใส่แล้ว"
   "เลือดจะไปลมจะมาแบบนี้บ่อยๆ เป็นฉันๆ ถอนหมั้นไปแล้วนะเนี่ย"
   เป็นคำพูดลืมตัวที่เมื่อคนพูดทั้งสองพูดจบก็รีบเอามือตะปบปากของกันและกันทันทีก่อนจะเดินถอยไปอยู่ด้านหลังของคนอายุน้อยกว่าเพื่อหวังให้เป็นโล่กำบังในภยันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้
   "เอ่อคือฉัน ฉันนอนน้อยไปหน่อยก็เลยพูดไม่คิด"
   "ส่วนฉันนอนมากไปหน่อยสมองก็เลยบวมน่ะ"
   สองเพื่อนซี้เอ่ยแก้ต่างกันพัลวันและแม้มันจะฟังไม่ขึ้นหากแต่ก็มั่นใจว่ายืนอยู่ตรงนี้จะไม่มีทางเป็นอันตรายอย่างแน่นอน
   ทุกที่บนโลกนี้ฐายิกาไปได้หมดยกเว้นทางที่มีรุ่นน้องคนนี้ยืนอยู่เจ้าตัวจะไม่แม้แต่จะเฉียดใกล้กับเรื่องนี้พวกเธอก็ไม่รู้เหตุผลแต่ที่รู้ๆ ก็คือการยืนอยู่ตรงนี้ปลอดภัยจากไอเย็นของเจ้าหญิงน้ำแข็งแน่ๆ
   "ตกลงจะไปไหนคะ"
   คำถามเดิมวนกลับมาอีกครั้งให้ฐายิกาได้ดึงสายตาอาฆาตออกจากเพื่อนรักกลับไปจ้องยังเจ้าของคำถามอีกครั้ง
   "ว่ายังไงคะ"
   "ฉันจะไปห้องสมุด"
   พูดจบฐายิกาก็ลุกเดินออกจากโต๊ะไปแต่เพียงสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่แปลกไปเจ้าตัวก็อดที่จะหันกลับไปยังโต๊ะนั่งที่เพิ่งลุกออกมาไม่ได้
   ไม่มีการมาวอแว ไม่มีการถามไถ่เพิ่มเติม ไม่มีการเกี่ยวรั้ง ไม่มี ไม่มีอะไรสักอย่าง
   "มีอะไรคะ"
   "ทำไมเธอยังนั่งอยู่ล่ะ"
   "ทำไมเค้าจะนั่งไม่ได้ล่ะคะก็บอกแล้วไงว่าว่าง"
   คนพูดเปิดยิ้มไร้เดียงสาแต่มันดูไม่น่าไว้วางใจเลยสำหรับคนที่เคยเห็นมันมาก่อน
   ฐายิกาไม่ไว้ใจ ไม่ไว้ใจยัยเปี๊ยกนี่!
   "ลุก! แล้วไปห้องสมุดกับฉัน"
   "ตัวไม่ได้อยากให้เค้าไปนี่นาเค้าไม่ไปก็ได้ค่ะ"
   "ไม่ได้!"
   "คะ?"
   "ฉันหมายถึงฉันเปลี่ยนใจแล้วให้เธอไปด้วยได้"
   หากคนอายุมากกว่าเอ่ยประโยคแบบนี้ออกมาตั้งแต่แรกการเล่นตัวนี้คงไม่เกิดขึ้นแต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วสมิตาก็นึกสนุกจนไม่อยากที่จะหยุดมัน
   "ไม่ล่ะค่ะเค้าเบื่อไม่อยากไป"
   "แต่เธอมาหาฉันถ้าฉันไม่นั่งอยู่ตรงนี้เธอจะนั่งอยู่อีกทำไม"
   "เค้าก็อาจเป็นเหมือนตัวที่อยู่ๆ ก็เปลี่ยนใจ"
   ไม่พูดเปล่าหากแต่เจ้าของประโยคค่อยๆ ชายตาไปทีละจุด ทีละจุดให้คนฟังในคำตอบได้นึกโมโหกับพฤติกรรมที่ได้เห็น
   แก่แดดตั้งแต่เล็กจนโตแก้ไม่หายเลยสินะ!
   "นั่นแกจะทำอะไรยิกา"
   สาธกาหลุดปากถามด้วยความสงสัยเมื่อคนที่บอกจะไปทิ้งตัวลงนั่งที่เดิมแถมยังดึงหนังสือที่เก็บไปแล้วออกมาอ่านอีกครั้ง
   "ฉันไม่ไปล่ะ"
   "ทำไมล่า"
   "เรื่องของฉัน"
   อะจ้าๆ เรื่องของเพื่อนก็เรื่องของเพื่อนใครจะกล้าไปมีปัญหาด้วยล่ะเจ้าคะเมื่อตอนที่คนอายุน้อยยังไม่มายังเป็นเจ้าหญิงน้ำแข็งที่เงียบสงบอยู่เลยแต่พอคู่หมั้นโผล่มาเท่านั้นแหละจากเจ้าหญิงน้ำแข็งกลายร่างเป็นผีบ้าแทบจะทันที
   ตามอารมณ์ไม่ทันกันเลยทีเดียว...

   ดูเหมือนเธอจะทำให้ใครอีกคนไม่พอใจและหัวเสียมากทีเดียวบรรยากาศถึงได้ดูวังเวงและน่ากลัวแบบนี้
   ในเมื่อเธอสามารถกวนอารมณ์ของคนอายุมากกว่าได้เธอก็ต้องสามารถดึงมันกลับมาให้เป็นปกติได้เช่นกันขืนปล่อยให้ฐายิกาอยู่ในอารมณ์ขุ่นมัวเช่นนี้นานๆ คงจะพานทำให้คนรอบข้างหนาวตายไปกันหมด
    ความรู้สึกเย็นที่บริเวณแก้มทำให้คนที่ตั้งใจอ่านหนังสือตกใจไม่น้อยก่อนจะหันไปจิกตาใส่คนแกล้งที่ดูจะไม่สนใจกับความหงุดหงิดของเธอเลยสักนิดถึงได้ยังดูอารมณ์ดีอยู่เช่นเดิม
   "คิดจะทำอะไร"
   "เค้าจะป้อนไอตีมตัว"
   "ฉันไม่กิน"
   "แต่นี้รสวนิลาที่ตัวชอบเลยนะวันนี้เค้าให้ตัวกินหนึ่งวัน"
   เป็นการเชิญชวนที่ทำให้คนฟังรู้สึกสงสารตัวเองขึ้นมาปกติหากกินไอศครีมกันเธอก็มักจะได้กินแต่รสช็อคโกแลตที่ยัยเปี๊ยกนี่ชอบทั้งๆ อันที่จริงก็กินกันคนละถ้วยอยู่แล้วแต่ยัยเด็กผีนี่บอกว่าเหม็นวนิลาที่เธอชอบและเพียงเท่านั้นทั้งบิดาและมารดาก็สั่งห้ามเอาไอศครีมรสโปรดของเธอเข้าบ้าน!!!
   "ฉันควรดีใจใช่มั้ย"
   "แน่นอนสิวันนี้เค้าตามใจตัวนะ"
   "แต่ฉันไม่ได้อยากกิน"
   "เค้าซื้อมาแล้ว"
   "ก็เรื่องของเธอ"
   "ตัวนี่เอาใจยากจริงๆ"
   "มันเรื่องของฉัน"
   ดูเหมือนใครอีกคนยังคงอารมณ์เสียอยู่เช่นเดิมหากเป็นคนอื่นคงท้อกับการง้อนี้ไปแล้วแต่ไม่ใช่สมิตาที่ยังคงยิ้มออกมาได้
   "งั้นถ้าตัวไม่กินเค้าเอาไปป้อน?"
   พูดยังไม่ทันจบก็ถูกสายตาคู่ดุคู่เดิมตวัดมาจ้องด้วยความไม่พอใจยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
   "หมายถึงเอาไปให้คนอื่นน่ะค่ะ"
   "ไม่มีใครอยากจะกินของเหลือของคนอื่นหรอกนะ"
   "เหลือที่ไหนกันคะตัวยังไม่ได้กินซักคำ"
   เป็นการพูดคุยด้วยน้ำเสียงทั่วๆ ไปหากแต่กลับทำให้คนที่อยู่ในเหตุการณ์เกิดอาการขนลุกขนพองไปหมด
   ราวกับว่าคนทั้งสองกำลังฟาดฟันกันด้วยจิตวิญญาณยังไงยังงั้น
   "ยิกาฉันว่าแค่เรื่องไอตีมมันไม่น่าจะ?"
   "เพราะมันเป็นของฉันใครคนอื่นก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะได้ไป"
   "หมายถึงไอตีม?"
   "แล้วเรากำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่ล่ะ"
   สีหน้าเอาเรื่องทำให้คนที่คิดจะช่วยเคลียร์ทั้งสองต้องล่าถอยไปโดยปริยายและแม้จะยังมีข้อสงสัยในบางอย่างแต่ใครกันจะกล้าเอาชีวิตมาเสี่ยงในสถานการณ์ดุเดือดเช่นนี้
   ฐายิกาหันกลับไปยังคนที่ทำให้หงุดหงิดอีกครั้งรอยยิ้มของอีกคนยังคงมีอยู่หากแต่สิ่งที่เพิ่มเติมมาก็คือสายตาล้อเลียนในบางเรื่องที่ดูจะชัดเจนเหลือเกินในเวลานี้
   "ไม่ให้คนอื่นหรอกค่ะเค้าให้ตัวแล้วจะเหลืออะไรไปให้คนอื่นอีกล่ะ"
   สิ้นสุดคำพูดนี้ทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบฐายิกาหันกลับมาอ่านหนังสือดังเดิมหญิงสาวไม่ได้แตะต้องไอศตรีมที่คนอายุน้อยซื้อมาง้อเลยสักนิดหากแต่ก็ไม่ได้ยกให้ใครกินต่อปล่อยให้มันละลายไปกับอากาศที่ร้อนแบบนี้แหละดีแล้ว
   ส่วนคนน้องก็ไม่ได้วอแวคนพี่อย่างเก่าเพียงแต่เขยิบเข้าไปนั่งเบียดใกล้ยิ่งขึ้นจนถูกใครอีกคนหันกลับมามองแรงแต่สมิตาใช่จะสนใจรอยยิ้มเปิดกว้างเมื่อไม่มีปัดป้องหรือขยับตัวหนี
   ?เท่านี้แหละ เพียงเท่านี้ก็ทำให้เธอพอใจมากแล้ว?


Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น