web stats

ข่าว

 


กระดาษกั้นใจ yuri ตอนที่ 3

โพสต์โดย: meAyou วันที่: 22 ธันวาคม 2018 เวลา 13:10:46 อ่าน: 25

   อันที่จริงมอหกมันก็ไม่ได้แก่อะไรมากมายหรอกหากแต่จะเทียบกับน้องมอหนึ่งที่เข้ามาใหม่มันก็ทำให้รู้สึกสะกิดใจอยู่บ้างนิดหน่อย
   ?แกๆ น้องมอหนึ่งที่เข้ามาใหม่มีแต่หน้าตาดีๆ ทั้งนั้นเลยอะ"
   ?นั่นสิเสียดายนะมีคนหน้าตาดีๆ เข้ามาเราก็ต้องไปอยู่ที่อื่นเสียแล้ว"
   นิพาดากับสาธกาเอ่ยด้วยใบหน้าเศร้าๆ เพราะอีกเพียงแค่ไม่กี่เดือนพวกเธอก็ต้องไปเรียนต่อที่อื่นแล้ว
   ?ถ้าเสียดายพวกแกก็เรียนซ้ำอีกปีสิ"
   เจ้าของใบหน้านิ่งเอ่ยข้อเสนอให้เพื่อนสาวทั้งสองได้หันมามองตาขวางก่อนที่สายตาจะไปสะดุดเข้ากับใครบางคนเข้าให้
   ?จะว่าไปน้องแกก็ขึ้นมอหนึ่งนิยิกา"
   ?นั่นสิดูท่าจะฮอทไม่แพ้พี่สาวเสียด้วย"
   ?แต่ฉันว่าน้องอัธยาศัยดีกว่าพี่นะ"
   ?ทำไมล่ะ"
   ?ก็ถ้ามีคนมาส่งยิ้มหวานขนาดนั้นให้ยัยยิกาคงได้ไล่ตะเพิดจนหางจุดตูดไปแล้ว"
   ?นี่แกสองคนลืมไปหรือเปล่าว่าฉันนั่งหัวโดอยู่ตรงนี้"
   ฐายิกาเอ่ยเสียงเย็นให้คนลืมตัวทั้งสองได้หันมาส่งยิ้มแห้งให้หากแต่เพียงฉุกใจคิดถึงคำพูดของเพื่อนรักก็ทำให้ต้องเปลี่ยนความสนใจไปยังบุคคลที่มีชื่ออยู่ในบทสนทนาอีกคนทันที
   มาวันแรกก็ทำตัวเป็นเด็กแก่แดดแก่ลมอีกจนได้สินะ!
   
   เป็นอีกครั้งที่นิพาดาและสาธกาคว้าตัวเพื่อนสาวเอาไว้ไม่ทันและเป้าหมายหลักคงไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากคนสองคนที่กำลังคุยหัวเราะต่อกระซิกกันอยู่
   ระเบิดน้ำแข็งกำลังจะทำงานอีกแล้วสินะ
   ?ทำไมยังไม่ไปเรียน"
   เป็นคำถามที่ทำให้คนฟังนึกแปลกใจก่อนจะก้มดูนาฬิกาเพียงครู่ก็ยื่นมันไปให้กับเจ้าของคำถามได้ดูด้วย
   ?อะไร?"
   ?นาฬิกาไงคะ"
   ?ฉันรู้แล้วแต่ส่งมาให้ทำไม"
   ?ก็ให้ดูไงคะว่าตอนนี้มันพักเที่ยงอยู่จะให้เค้าไปเรียนกับใครกันล่ะ"
   กวนประสาทฐายิกาคิดได้เพียงเรื่องนี้แม้เธอจะผิดที่ไม่ได้ดูเวลาแต่รอยยิ้มของคนอธิบายก็ทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดไม่ชอบใจอยู่ดี
   ?งั้นก็ไปกินข้าวสิมายืนทำไมตรงนี้"
   ?เค้าก็กำลังจะไปค่ะแต่พอดีพี่บาสเข้ามาทักก็เลยหยุดคุยก่อน"
   ?แล้วคุยจบหรือยัง"
   ?เอ่อ..."
   ?จบแล้วก็แยกย้ายสิเดี๋ยวก็กินข้าวไม่ทันหรอก"
   ?ที่จริงก็ยังไม่จบนะครับพี่ว่าไปคุยต่อที่โรงอาหารก็ได้น้องฝุ่นจะได้ไม่เสียเวลากินข้าวด้วย"
   เมื่อยังไม่อยากไปคนชวนคุยจึงเสนอในเรื่องที่ตัวเองมีแต่ได้กับได้โดยไม่รู้เลยว่ากำลังทำให้ใครอีกคนโมโหมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
   ?งั้น..."
   ?ไม่ต้อง"
   ?ครับ?"
   ?นายจะไปกินข้าวที่ไหนก็ไปส่วนสมิตาฉันจะเป็นคนพาไปกินเอง"
   ?แต่ว่าผม..."
   ?ทรงผมนายผิดระเบียบนะคงไม่อยากให้ฉันไปรายงานอาจารย์ฝ่ายปกครองหรอกนะ"
   คำขู่เกิดขึ้นให้คนอยากเท่ห์ได้ใจเสียความจริงก็รู้กิตติศัพท์ของรุ่นพี่คนสวยคนนี้มาบ้างหากแต่ก็ไม่คิดว่าจะเจอฤทธิ์กับตัวเองแบบนี้
   ?งั้นเอาไว้ครั้งหน้านะครับน้องฝุ่น"
   คนพูดส่งยิ้มคมเข้มบาดใจสาวๆ มาให้รุ่นน้องที่ชอบก่อนจะรีบเดินถอยห่างออกจากเจ้าของดวงตาคู่หาเรื่องที่มองจ้องราวกับจะทุบหัวกัน
   ?ขอตัวก่อนนะครับรุ่นพี่"
   ฐายิกามองคนที่กล่าวลาเพียงหางตาดูท่าคงอยากจะเปลี่ยนทรงผมใหม่จริงๆ สินะถึงได้ยังวอแวไม่จบไม่สิ้นแบบนี้
   ?ไปได้หรือยังคะเค้าหิวข้าวแล้ว"
   สมิตาเอ่ยด้วยรอยยิ้มหวานและแม้จะไม่ได้รับคำตอบคนอายุน้อยก็ไม่สนใจอะไรอีกแล้วเมื่อพี่ยิกาหลวมตัวพูดออกมาแล้วเธอก็จะถือว่าเป็นข้อตกลงระหว่างกันยังไงเสียคนโตกว่าก็ต้องไปกินข้าวกับเธอตามที่ประกาศเอาไว้
   วันนี้โรงอาหารดูคึกคักเป็นพิเศษเมื่อมีคนหน้าตาดีโต๊ะนั่งร่วมโต๊ะกันอันที่จริงมันก็ดูแปลกอยู่เหมือนกันกับบทสนทนาที่ราวกับว่ามีคนๆ เดียวเท่านั้นที่เปิดประเด็นส่วนอีกคนก็ถามเพียงพยักหน้าไปมาแทบจะไม่ปริปากตอบเลยสักคำแต่โดยรวมของภาพที่เห็นนั้นกลับทำให้นึกเขินอย่างไรบอกไม่ถูก
   ?รีบๆ กินสิพูดมากแบบนี้เมื่อไหร่จะอิ่มกัน"
   ฐายิกาเอ่ยเตือนเมื่อผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงข้าวในจานของคนที่นั่งฝั่งตรงกันข้ามยังไม่พร่องลงเลยสักนิด
   เอาแต่พูด พูด พูดอยู่ได้น่าเบื่อชะมัด
   ?ก็เค้าอยากอยู่กับตัวนานๆ"
   ?ที่บ้านก็เจอยังไม่เบื่ออีกหรือไง"
   ?ไม่ค่ะเค้าชอบอยู่กะตัว"
   ?แต่ฉันเบื่อหน้าเธอรีบกินจะได้แยกย้ายกันเสียที"
   เป็นประโยคร้ายกาจที่ทำให้คนฟังได้มีสีหน้าเจื่อนลงซึ่งมันชัดเจนจนทำให้คนปากร้ายเริ่มคิดได้กับคำพูดที่ไม่ค่อยดีของตัวเอง
   ?คือฉัน..."
   ?พี่ยิกาไปก่อนเลยค่ะเดี๋ยวอิ่มแล้วฝุ่นจะไปห้องเอง"
   ?แต่..."
   ?ไปสิคะ"
   ก็ใช่ว่าจะไม่รู้ว่ากำลังถูกใครอีกคนโกรธเข้าให้แต่จะให้เธอมายอมตามใจในสถานที่ที่มีคนพลุกพล่านแบบนี้ก็คงไม่เหมาะและที่สำคัญยัยเปี๊ยกนี่ควรลดความเอาแต่ใจลงเสียบ้าง
   ทำกับคนที่บ้านยังไม่พออีกอย่างนั้นหรือถึงได้มาร้องขอความสนใจจากเธอแบบนี้
   แต่เสียใจด้วยนะที่เล่ห์กลของเด็กเอาแต่ใจมันใช้ไม่ได้กับเธอ
   ?งั้นฉันไป..."
   ?ยิกาครับ"
   ยังไม่ทันบอกลาก็มีเสียงหนึ่งร้องเรียกให้คนจะไปได้หันไปมองก่อนจะจ้องหน้าคนที่เอ่ยชื่อตัวเองด้วยความแปลกใจ
   ฐายิกาจำไม่ได้ว่าเคยรู้จักผู้ชายคนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
   ?นายเป็นใคร"
   เป็นคำถามที่ทำให้นักบาสที่เชื่อว่าตัวเองรอเราที่สุดในโรงเรียนถึงกับหน้าเสียเล็กน้อย
   ก็รู้อยู่หรอกนะว่าผู้หญิงคนนี้ขึ้นชื่อว่าไม่สนใจใครแต่ก็ไม่คิดว่าจะรวมถึงตัวเองด้วย
   เขาเป็นถึงนักบาสของโรงเรียนนะ สาวๆ ที่ไหนเห็นก็ต้องพากันกรี๊ดใส่แล้วและที่สำคัญกว่าอะไรทั้งหมดก็คือ?เขาและฐายิกาเรียนอยู่ห้องเดียวกัน
   ?ผมคินครับเราเรียนอยู่ห้องเดียวกันแปลกจังที่ยิกาไม่เคยเห็นผม"
   ?แล้วทำไมฉันต้องเห็น"
   ?เอ่อ นั่นสินะครับ"
   เจ้าของประโยคเปิดเสียงหัวเราะกลบเกลื่อนก่อนจะปิดมันลงเมื่อรู้สึกถึงความกระอักกระอ่วนที่ก่อตัวขึ้น
   ?ไม่เป็นไรครับเรามารู้จักกันใหม่ก็ได้"
   ?อะไรนะ?"
   ?ผมหมายถึงเรามาทำความรู้จักกันเถอะนะครับ"
   ?นี่นาย..."
   ?สำหรับยิกามันอาจจะเร็วไปแต่สำหรับผมคนที่มองคุณมาตลอดมันเรียกว่าช้าไปด้วยซ้ำและก่อนที่จะหมดโอกาสผมเลยตัดสินใจมาขอโอกาสจากยิกา"
   ฐายิกาพอจะรู้แล้วว่าทำความรู้จักที่ว่าคืออะไรนี่คงกะให้คนทั้งโรงอาหารเป็นพยานในเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้สินะ
   ?ผมชอบยิกาได้โปรดให้โอกาสผมเป็นคนดูแลคุณต่อจากนี้ด้วยเถอะนะครับ"
   เป็นคำขอที่ทำให้คนกรีดร้องทั่วทั้งโรงอาหาร บ้างก็อิจฉา บ้างก็ร้องเชียร์เพราะความเหมาะสมที่มองด้วยตาเปล่าก็เห็น
   ผู้ชายก็หล่อผู้หญิงก็สวยดูยังไงก็ลงตัวไปเสียหมด
   ?ยิกาครับได้..."
   ?คงไม่ได้หรอกนะคะรุ่นพี่"
   ในที่สุดคนที่เงียบอยู่นานก็ทนไม่ไหวจึงได้ลุกเดินไปแทรกกลางระหว่างคนสองคนที่กำลังร้องขอความรักกัน
   ?น้องเข้าใจผิดหรือเปล่าครับคนที่พี่ถามคือยิกานะ"
   ?ก็ถูกแล้วค่ะเพราะถ้าคนที่พี่ขอโอกาสชื่อฐายิกาคำตอบนี้ก็ใช้ได้"
   ?หมายความว่ายังไงครับ"
   ?ก็หมายความว่าพี่ไม่ได้รับโอกาสน่ะสิคะ"
   ?พี่ว่าให้ยิกาเป็นคนตอบดีกว่านะครับ"
   เจ้าของประโยคเอ่ยด้วยความมั่นใจเพราะจากสีหน้าและแววตาของคนกลางมันทำให้เขาเชื่อว่าเด็กรุ่นน้องคนนี้กำลังพูดจาเหลวไหลอยู่แน่ๆ
   เขาทั้งหล่อเป็นหนุ่มนักกีฬาของโรงเรียนมีแต่สาวๆ หมายปองจึงเชื่อมั่นว่าจะไม่มีผู้หญิงคนไหนปฏิเสธตัวเองแน่ๆ
   ?ยิกาครับได้โปรดให้โอกาสผมด้วยเถอะนะครับ"
   ?นี่! ก็ฉันบอกแล้วไงว่า..."
   ?พอได้แล้ว!"
   ประโยคเอ่ยห้ามทำให้คนร้องขอความรักได้เปิดยิ้มที่เหนือกว่าส่วนคนถูกตวาดก็ทำได้เพียงนิ่งอึ้งเพราะไม่คิดว่าจะถูกใครอีกคนใช้น้ำเสียงแบบนี้กับตัวเอง
   ?ตัวตะโกนใส่เค้าเพราะผู้ชายคนนี้งั้นเหรอ"
   ?ฉันแค่อยากให้เธอเงียบไม่อยากให้โวยวาย"
   ?แต่ตัวไม่เคยใช้น้ำเสียงแบบนี้กับเค้า"
   ?ไปกันใหญ่แล้ว"
   ?ชอบเหรอ"
   ?เปล่..."
   ?ก็ตามใจ"
   นี่เป็นครั้งแรกที่ฐายิกาได้รับน้ำเสียงและสายตาว่างเปล่าจากคนอายุน้อยกว่าแล้วไหนจะท่าทางเย็นชาก่อนจะเดินออกไปนั่นอีกที่มันทำให้คนเป็นพี่รู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมา
   หากท่าทางแบบนี้เกิดขึ้นที่บ้านเธอคงได้ถูกบิดามารดาคาดโทษอีกเป็นแน่
   ใช่แล้ว! เธอเพียงแค่ห่วงว่าตัวเองจะถูกบิดามารดาลงโทษเท่านั้นหากท่านทั้งสองไม่เพ่งเล็งมาในเรื่องนี้เธอจะไม่มีวันสนใจคนที่เดินห่างออกไปเป็นอันขาด
   ?ออกไปให้ห่างฉัน"
   ?ยิกาว่าอะไรนะครับ"
   ?ฉันบอกให้นายไปให้พ้นหน้าฉัน"
   ?ครับ?"
   ?ไปร้องขอโอกาสจากคนอื่นเพราะสำหรับฉันแค่คำว่าเพื่อนก็ให้นายไม่ได้"
   ?ดะ ดะ เดี๋ยวก่อนสิครับยิกาจะปฎิเสธผู้ชายเพรียบพร้อมอย่างผมงั้นเหรอครับ"
   การตามตื๊อยังคงมีอยู่ให้คนร้อนใจได้นึกหงุดหงิด
   ไม่ควรเลย เธอไม่ควรปล่อยให้ผู้ชายคนนี้พูดมากขนาดนี้เลย เสียเวลาชะมัด!
   ?ใช่ฉันปฏิเสธและแม้จะเจอกันในห้องก็อยากเข้ามาทักเพราะฉันไม่อยากเห็นหน้านาย"
   ฐายิกาเอ่ยเสียงดังฟังชัดเพื่อให้คนรอบตัวได้ยินและเป็นพยานว่าเธอไม่อยากข้องแวะกับผู้ชายคนนี้เลยสักนิด
   เมื่อจัดการกับตัวปัญหาได้แล้วหญิงสาวก็รีบเดินออกมาจากโรงอาหารมองซ้ายมองขวาหาคนที่ออกมาก่อนหน้า
   ขาสั้นๆ แบบนั้นไม่น่าจะเดินเร็วไปได้
   ?มองหาใครเหรอคะ"
   เจ้าของเสียงเอ่ยรอยยิ้มที่ต่างออกไปจากตอนเดินออกมานั่นจึงทำให้ฐายิกานึกสับสนในสถานการณ์ขึ้นมา
   เมื่อสักครู่ยังทำหน้าเหมือนโกรธ?
   เดี๋ยวก่อนนะ! เธอถูกยัยเปี๊ยกนี่แกล้งเข้าให้อีกแล้วสินะ...
   ?นี่เธอ..."
   ?อย่าให้มีอีก"
   ?อะไร"
   ?ก็เรื่องแบบเมื่อกี้ไงคะ"
   ?ทำไมฉันต้องเชื่อเธอ"
   ?เพราะว่าถ้ามีอีกเค้าจะโกรธตัวจริงๆ"
   เป็นคำเฉลยที่ทำให้คนฟังเกิดอาการนิ่งค้างไปครู่ใหญ่ก่อนจะปรับเปลี่ยนสีหน้าให้เป็นปกติเมื่อมองเห็นรอยยิ้มของคนพูดขู่ผุดขึ้นมา
   ?จะโกรธก็เรื่องของเธอฉันไม่สนใจหรอก"
   ?งั้นเหรอคะ"
   สมิตาเอ่ยรับรอยยิ้มยังคงมีประดับอยู่ที่ใบหน้าให้คนที่มีอายุมากกว่าได้เมินหน้าหนีด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบายแต่ดูเหมือนการกระทำนี้จะเข้าล็อกเจ้าของรอยยิ้มเข้าให้อีกฝ่ายถึงเดินมาประชิดตัวพร้อมกับเขย่งเท้าเพื่อแตะริมฝีปากบนแก้มของคนเผลอให้ได้ตกใจ
   ?เค้าไปเรียนก่อนนะคะ คุณคู่หมั้น?"
   ไม่ใช่ประโยคที่เอ่ยมาลอยๆ หากแต่คนพูดจงใจให้คนที่อยู่รอบๆ บริเวณได้ยินด้วยต่างหากเพราะดูแล้วสมิตราคิดว่าคงไม่ได้มีแค่คนๆ เดี๋ยวเท่านั้นที่อยากจะสารภาพรักกับคู่หมั้นของเธอและเพื่อไม่ให้เหนื่อยจนเกินไปเธอก็ควรจะพูดรวบรัดตัดตอนให้สั้นที่สุด
   ?คู่หมั้น" เป็นเพียงคำสั้นๆ แต่ก็หวังว่าจะทำให้หลายๆ คนเข้าใจในอะไรๆ ได้ง่ายขึ้น?

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น