(https://fbcdn-sphotos-f-a.akamaihd.net/hphotos-ak-xap1/v/t1.0-9/p180x540/1010705_684130948295676_8111588587044427113_n.jpg?oh=ee2031d417de0f5da5918db38c0aeac6&oe=54AE15C7&__gda__=1422511342_aba7ef0885ce79b93d6faf5950b88168)
Book Review : Gone Girl เล่นซ่อนหาย
เขียน : Gillian Flynn
แปล : อาสยา ฐกัดกุล สนพ.น้ำพุ
เรื่องย่อ:
ในวันครบครอบแต่งงานปีที่ 5 ของคู่สามีภรรยา นิกและเอมี่ ซึ่งตามธรรมเนียมแลกของวันครบรอบแต่งงานเอมี่จะเล่นเกมส์หาสมบัติโดยซ่อนคำใบ้ให้นิกเป็นคนหา ซึ่งทุกปีเขาก็หาของแบบไม่เต็มใจเพราะไม่ใส่ใจที่จะหา และไม่เก่งในเรื่องการจำข้อมูลของภรรยาตัวเอง และในปีนี้เอมี่ก็เล่นเกมส์หาสมบัติอีก แต่ที่พิเศษไปกว่านั้นคือ... เธอหายตัวไปจากบ้านพร้อมกับร่องรอยการต่อสู้และคราบเลือดที่ถูกเช็ดออก แถมเบาะแสทุกอย่างชี้ว่านิกเป็นคนลงมือทำให้ภรรยาตัวเองหายไป
Review (ความเห็นส่วนตัว)
1. ชีวิตสมรส การโกหก และพ่อแม่รังแกฉัน
ชีวิตสมรสของนิกและเอมี ดูดีในช่วงสามปีแรก แต่พอทั้งคู่ต้องตกงาน ย้ายจากนิวยอร์กเพื่อมาอยู่รัฐมิซูรี บ้านเกิดของนิก ที่เอมีไม่เคยชอบเลย ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เงินเก็บก้อนสุดท้ายของเอมี นิกนำไปเปิดผับชื่อ 'เดอะ บาร์' กับน้องสาวฝาแฝดของเขา มาร์โก้ ในขณะที่นิกต้องรับผิดชอบทั้งค่าใช้จ่าย ดูแลแม่ผู้ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย พ่อที่ป่วยเป็นอัลไซเมอร์ และภาวะเครียดจากการตกงานอยู่นั้น เอมีก็เครียดเพราะปรับตัวไม่ได้ จากที่เคยเป็นสาวไฮโซอยู่ในนิวยอร์กกลับต้องมาอยู่บ้านนอก ตกงาน หญิงผู้ที่ต้นฉบับ 'เอมี สาวน้อยมหัศจรรย์' ผู้เคยเป็นแบบเรียนของสหรัฐมากว่า 20 ปี ย่อมทนแทบไม่ได้ ชีวิตคู่ทั้งสองจึงอยู่ในสภาพร่อแร่เต็มที กระนั้น เอมีก็พยายามยื้อสามีกลับมาให้ได้ ในวันครบรอบแต่งงานปีที่ 5 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้
การโกหก คนเราเมื่อโกหกเล็กๆ ได้ครั้งนึง ก็จะโกหกต่อไปเรื่อยๆ และเรื่องที่โกหกก็จะยิ่งเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ด้วย ทั้ง นิก และ เอมี เป็นคนขี้โกหกด้วยกันทั้งคู่ แต่ต่างกันตรงที่ว่า นิก โกหกเพื่อจะได้ไม่ต้องเผชิญหน้า หรืออยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ส่วนเอมี เธอโกหกเพื่อปกปิดความไม่เพอร์เฟคของตัวเอง ตัวละครสองตัวนี้สร้างบุคลิกในอุดมคติขึ้นมาเพื่อให้ตกหลุมรักกันและกัน แต่เมื่อโกหกมากๆ เข้า ก็มีเหนื่อยกันบ้าง ทั้งสองเลยแย่งชิงกันว่า ใครจะโกหกได้เนียนและได้อึดกว่ากัน
พ่อแม่รังแกฉัน ทั้งนิกและเอมีเกิดมาในครอบครัวต่างกัน แต่มีภาวะนี้ด้วยกันทั้งคู่ นิกเกิดมาในครอบครัวไม่อบอุ่น ไม่ร่ำรวย พ่อเอาแต่ด่าแม่ ต้องทำงานหาเช้ากินค่ำ สุดท้ายแล้วทั้งคู่ก็หย่ากัน พ่อจบลงด้วยการต้องไปอยู่สถานสงเคราะห์เพราะอัลไซเมอร์ ส่วนแม่ก็ได้เข้าทำงานร้านขายรองเท้าที่ห้างท้องถิ่นจนกระทั่งห้างถูกปิดตัว น้องสาวฝาแฝดมีอุปนิสัยคล้ายผู้ชาย โสด และสู้ชีวิต ตัวเขาเองก็ด้วย นิกอยากให้ใครๆ ชอบเขา เขาจึงติดการยิ้มเพื่อให้ดูเป็นมิตร แต่นั่นคือการเสแสร้ง และโกหกเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้ตัวเองดูดี ส่วนเอมี เป็นลูกคนเดียว หลังจากที่แม่แท้งมาแล้ว 7 ครั้ง พ่อแม่ของเธอเป็นนักจิตวิทยาที่เกิดมาเพื่อกันและกัน เลี้ยงดูเอมีเพื่อเอาไปเขียนเรื่อง เอมี หนูน้อยมหัศจรรย์ เรียกได้ว่าหากินกับลูกมาตั้งแต่เด็ก เธอได้รับความสนใจมาตลอด บ้าความเนี้ยบจากการเลี้ยงดูของพ่อแม่ จนถ้าใครพบความไม่เนี้ยบของเธอเข้า เธอจะกำจัดทิ้งทันทีด้วยวิธีที่แยบยล นั่นคือการโกหกและมารยาหญิง เธอไม่สนวิธีการว่าจะรุนแรงเช่นไรขอให้จบกำจัดคนนั้นไปได้และไม่มีข้อมูลใดสาวมาถึงตัวเธอ
ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องของ 'ผัวเมียผู้มีปัญหาและขี้โกหก' แต่โกหกครั้งนี้ สุดตรีนจริงๆ
2. คนเราล้วนมีความบ้าอยู่ในตัว
จากสภาพครอบครัว การเลี้ยงดู การโกหก และความปลิ้นปล้อนของนิกและเอมี่ ทำให้ทั้งสองคนมีลูกบ้าและแสดงออกได้ออกมาอย่างบ้าคลั่งได้ และทำให้เรื่องราวของคดีพลิกไปพลิกมา เป็นการเล่าเรื่องในฝั่งของนิก สลับกับไดอารี่ของเอมี่ที่เขียนเอาไว้ตลอด 7 ปี ในช่วงก่อนที่จะพบกับนิกและแต่งงานกัน อ่านของแต่ละฝั่งจะรู้ว่าต่างคนก็ต่างบอกว่าตัวเองไม่ผิด อีกคนต่างหากที่ผิด และยิ่งอ่านก็จะยิ่งรู้สึกว่าทั้งคู่โกหกและซ่อนความปลิ้นปล้อนของตัวเองเอาไว้ ทั้งสองคนอยากจะไปจากอีกฝ่ายและแทบอยากจะฆ่ากัน แต่ก็มองไม่เห็นว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่อย่างไรถ้าขาดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไป
3. การเขียนที่ทำให้เกลียดตัวละครแต่ก็วางไม่ลง
การเขียนไหลลื่นมาก พริ้วไหวดุจสายน้ำ บรรยายลักษณะตัวละครได้ละเอียดยิบ รวมไปถึงบรรยากาศต่างๆ รอบตัว อ่านแล้วโคตรกดดัน ตอนที่นิกเป็นผู้ต้องสงสัยและหลักฐานมัดตัวเขาแน่นขึ้นเรื่อยๆ ส่วนเอมี อ่านแล้วจะเกลียดตัวละครตัวนี้ไปเลย แต่คนเขียน เขียนนางได้ฉลาดมาก แล้วก็ต้องบอกว่า นางตอแหลได้เนียนสุดๆ การวางแผนของนางแต่ละอย่างฉลาดล้ำลึก พ้นจากการตกเป็นผู้ต้องหาด้วยมารยามาได้แบบเนียนๆ คนแบบนี้ถ้าเป็นฆาตกรจะน่ากลัวที่สุด การที่นางเป็นแบบนี้ ก็อาจจะเป็นผลพวงของการเลี้ยงดูของครอบครัวที่ได้กล่าวไปข้างต้นซึ่งก็เข้าใจได้ แต่นางดูไม่เป็นมนุษย์เท่าไหร่ นิกยังดูมีความเป็นมนุษย์มากกว่านาง
ชอบแนวการที่เขียนให้ตัวละครไม่ขาวไม่ดำ แต่เป็นสีเทาๆ การเขียนของ Gillian Flynn เป็นการเขียนที่ทำให้เรารู้สึกเกลียดตัวเอกที่เป็นตัวเดินเรื่อง แต่อีกนัยหนึ่งก็ทำให้เราวางไม่ลงเพราะลุ้นและอยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จาก Gone Girl ที่ทำให้เราเกลียดทั้งนิกและเอมี่ จนไปถึง Dark Places ที่ทำให้เกลียดลิบบี้ เดย์!
อ่านเรื่องนี้ ชวนให้นึกถึงหนังฝรั่งเศส ที่มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Love me if you dare เป็นเรื่องราวของคู่รักวิปริต 2 คน ที่ชอบท้าทายให้อีกฝ่ายทำอะไรเพื่อพิสูจน์ความรักด้วยการเล่นเกม เช่น ไปขโมยของ ไปนอนกับคนอื่น ชกต่อย ฯลฯ แต่ความเก๋าของเรื่องนี้มีเยอะกว่ามาก กล่าวคือฝ่ายหญิงจัดฉากทุกอย่างเพื่อเอาสามีตัวเองเข้าคุก ส่วนฝ่ายชายต้องโกหกเอาตัวรอดจากคุกให้ได้ เล่นกันแรงขนาดนี้ แต่ทั้งสองฝ่ายก็ขาดกันและกันไม่ได้ แม้จะเกลียดกันขนาดไหนก็ตาม ฆ่ากันก็ไม่ได้ เพราะมีชนักติดหลังด้วยกันทั้งคู่ จึงเป็นคู่รักที่นอกจากจะวิปริตแล้ว ยังอึดอัดที่สุดอีกด้วย
และเรื่องนี้ได้นำไปสร้างเป็นหนัง แถมจะเข้าฉายในวันที่ 23 ตุลาคมนี้ด้วย! กำกับโดยเดวิด ฟินเชอร์
(http://www2.tnews.co.th/userfiles/image/1(1058).jpg)
http://www.youtube.com/watch?v=LeF5eJtsGjE
สรุป:
สนุกมากกกกกก ไม่มีศพ ไม่มีเลือดสาด มีแต่หักมุก ลองภูมิชั้นเชิงกันไปมา ใครจับโกหก และแก้เกมได้เร็วกว่าหรือดีกว่าก็ชนะ แต่ความชนะนั้นไม่ยั่งยืน เพราะอีกฝ่ายจะหาวิธีมาลองภูมิกันอยู่ตลอด เป็นอีกเรื่องที่ต้องบอกว่า Must Read and Must Have