Yuri-Read

รายชื่อนักเขียน A- Z => Nuffy => Lucky Loser => ข้อความที่เริ่มโดย: nuffy ที่ 23 มกราคม 2014 เวลา 09:07:28

หัวข้อ: Lucky Loser Chapter 9
เริ่มหัวข้อโดย: nuffy ที่ 23 มกราคม 2014 เวลา 09:07:28
Chapter 9

เช้าวันต่อมา ณ จังหวัดมุกดาหาร ปูนตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงียตามเสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์มือถือทั้งของตัวเองและของหยก หลังจากนั้นก็เดินเข้าห้องน้ำเธอปลายหางตามองไปที่เพื่อนร่วมห้องที่กำลังแต่งตัวอยู่หน้ากระจกนิดหนึ่ง เมื่อสาวหมวยเดินออกมาจากห้องน้ำพลางเก็บของลงกระเป๋าเสื้อผ้า เธอก็เห็นเพื่อนร่วมห้องเขียนอะไรขยุกขยิกลงบนกระดาษโน้ตของโรงแรม เหมือนเธอกำลังจดอะไรบางอย่างจากโทรศัพท์มือถืออยู่

“อะไรเหรอ” นักกายภาพสาวถามพลางเดินเข้ามาใกล้ๆ

“เนื้อเพลงอนิเมะ... เพื่อนแปลแล้วก็ส่งมาให้” หยกตอบพลางใช้นิ้วเลื่อนที่หน้าจอโทรศัพท์เพื่อดูบรรทัดที่อยู่ด้านล่าง

“แล้วมันจำเป็นต้องจดลงกระดาษแบบนี้ ตอนนี้ด้วยเหรอ”

“ก็เค้าอยากเอาไว้ร้องตามตอนเบื่อๆ นี่นา อีกอย่างเค้าขี้เกียจอ่านในมือถือด้วย”

ปูนส่ายหน้าอย่างระอาแล้วเก็บของลงกระเป๋าต่อไป เมื่อเสร็จแล้วเธอเปิดทีวีดูข่าวรอจนกระทั่งสาวผมลอนจดเนื้อเพลงทั้งหมดลงกระดาษเสร็จแล้ว

“เสร็จและ ไปกินข้าวกัน”

“อื้อ” แล้วสองสาวก็เดินลงไปที่ห้องอาหารด้านล่าง

เมื่อทานอาหารเสร็จแล้วก็เช็คเอ้าท์แล้วขนกระเป๋าไปที่รถบัส เพื่อออกเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดมุกดาหารต่อไป

“เอาละครับทุกท่าน ตอนนี้เรามาเที่ยวที่จังหวัดมุกดาหารทั้งทีก็ต้องไปในที่ๆ เค้าบอกว่าถ้ามาถึงมุกดาหารแล้วไม่ไปที่นี่ก็คงมาไม่ถึงมุกดาหาร ผมกำลังพูดถึงหอแก้วมุกดาหารขอรับกระผม” ขวดกำลังอธิบายข้อมูลถึงสถานที่เที่ยวของเช้าวันนี้ที่หน้ารถ

“หอแก้วมุกดาหาร ชื่อเต็มๆ คือ หอแก้วมุกดาหารเฉลิมพระเกียรติกาญจนาภิเษก สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ คราวที่ฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี เมื่อปี พ.ศ. 2539 ครับ ถือว่าเป็นหอคอยที่ทันสมัยแห่งหนึ่งของประเทศเลยทีเดียว หอคอยสูง 65.50 เมตร มีทั้งหมด 7 ชั้น ซึ่งชั้นบนสุดจะเป็นหอชมวิวและเป็นที่ตั้งของลูกแก้วมุกดาหาร โดยหอชมวิวมีทุกท่านสามารถชมทัศนียภาพและวิวทิวทัศน์รอบตัวเมืองมุกดาหาร และแขวงสะหวันนะเขตของประเทศลาวได้ด้วยนะครับ ส่วนลูกแก้วมุกดาหารมีลักษณะกลมและมีสีขาวหมอกมัว ตรงกับลักษณะแก้วมุกดาหารซึ่งเป็นหนึ่งในนพรัตน์ 9 ประการในตำนานของสยามประเทศของเรา แถมภายในลูกแก้วมุกดาหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปเนื้อเงินแท้บริสุทธิ์ผสมทองคำปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 20 นิ้วมีชื่อว่า ‘พระพุทธนวมิ่งมงคลมุกดาหาร’ นอกจากนั้นที่ชั้น 7 ก็ยังเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปประจำวันเกิดต่างๆ ทั้ง 7 วัน อีกด้วยครับ”

ไกด์หนุ่มอธิบายต่ออีกว่า “เมื่อกี้ผมเล่าแค่ชั้น 7 ใช่มั้ยครับ ลองมาดูชั้นอื่นๆ กันบ้าง ชั้นที่ 1 กับชั้นที่ 2 เป็นนิทรรศการภาพของชนเผ่าในเมืองมุกดาหารในอดีต 8 เผ่า ซึ่งแสดงถึงวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ของชาวมุกดาหารในอดีต และเก็บสถานที่เก็บรักษาประวัติศาสน์เมืองมุกดาหาร ชั้นที่ 3 – 5 เป็นแกนหอคอย มีบันไดทั้งหมด 321 ขั้น ชั้นที่ 6 เป็นจุดชมวิวครับ พวกเรามีเวลาอยู่ที่นี่กันประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งครับ”

ด้วยความที่หอแก้วมุกดาหารอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมมากนักทำให้เดินทางมาถึงด้วยความรวดเร็ว เมื่อสมาชิกทั้งหมดลงไปจากรถแล้ว พิมพรรณก็คุยกับลูกทีมถึงเส้นทางการเดินทางต่อไป เธอรู้สึกเหนื่อยและง่วงเล็กน้อยอันเนื่องจากเหตุการณ์เมื่อคืนที่ทำให้เธอนอนไม่หลับและกว่าจะข่มตานอนได้ก็ปาไปเกือบตี 4 ของเช้าวันใหม่แล้ว...

...

พิมพรรณกลับมาถึงโรงแรมก่อนคนอื่นๆ หลังจากที่เธอรู้สึกแปลกๆ เมื่อเห็นปูนกับหยกคุยกันและหยอกล้อกันที่ตลาดราตรี ภาพเหล่านั้นทำให้หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ บรรณาธิการสาวพยายามสลัดความรู้สึกและความคิดนี้ออกไปโดยการเข้าไปอาบน้ำ เธอพยายามบอกกับตัวเองว่าวันนี้เธอเหนื่อยเกินไปจนทำให้มีอาการแบบนี้

เมื่ออาบน้ำเสร็จเธอก็เดินไปเปิดทีวีแล้วนั่งลงบนเตียง เธอกดรีโมตเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ เพราะไม่มีอะไรจะดู สายตามองไปที่โทรศัพท์มือถือ ไม่มีข้อความตอบกลับจากภัทร ไม่มีการโทรมา ไม่มีเลย เธอจึงลองกดโทรศัพท์ไปหาเผื่อว่าเขาจะรับสาย แต่พอรอสายอยู่ 2 – 3 นาที ก็ถูกตัดเข้าสู่ระบบรับฝากข้อความ เธอจึงลองกดโทรออกอีกทีแต่แล้วก็ถูกตัดสาย

เสียงโทรศัพท์มือถือของบรรณาธิการสาวดังขึ้น เธอรีบเปิดดูทันทีเมื่อเห็นข้อความจากแฟนหนุ่มที่ตอบกลับมาทำให้สาวตาคมยิ้มอย่างดีใจแต่แล้วก็หุบยิ้มทันทีเมื่อได้อ่านข้อความนั้น

“ผมอยู่กรุงเทพฯ ตอนนี้ประชุมกับเจ้านายอยู่อาจจะได้เลื่อนขั้นเร็วๆ นี้ พิมอย่าเพิ่งกวนผมตอนนี้ได้มั้ย”

‘ทำไมเวลาที่พิมเหงาภัทรมักจะไม่อยู่ด้วย’ เมื่ออ่านข้อความจบสาวตาคมนึกถึงคำพูดระหว่างเธอกับแฟนหนุ่มหลังจากที่พบกันครั้งสุดท้าย หลังจากที่เธอประสบอุบัติเหตุได้ 2 – 3 วัน เขาต้องการให้เธอไปร่วมงานเลี้ยงที่บริษัทของเขา แต่เนื่องจากรถของเธอถูกชนและเธอต้องการพักผ่อนอยู่กับบ้านเพื่อคุยกับยายนิ เขาจึงหัวเสียและเริ่มหาเรื่องทะเลาะกับเธอ

‘พิมก็รู้ว่าผมงานยุ่ง ผมเองก็เหงาเหมือนกันนะ’

‘พิมเข้าใจ... แต่เวลาที่ภัทรไม่สบายใจพิมก็อยู่ด้วยตลอด พิมรับฟังตลอด ทั้งโทรคุย ทั้งข้อความ พอเป็นพิมไม่สบายใจบ้างภัทรกลับไม่อยู่ตรงนั้น ตรงที่พิมต้องการภัทร โทรไปก็ไม่รับสาย ไม่มีแม้แต่ข้อความตอบกลับ ภัทรไม่มีเวลาให้พิมเลย’

‘ก็เวลาพิมโทรมาหรือส่งแมสเสจมาตอนนั้นผมไม่ว่าง ส่วนเรื่องที่ผมไม่มีเวลาให้ ผมว่าพิมถามตัวเองดีกว่า ว่าพิมเคยมีเวลาให้ใครบ้าง นอกจากงานของพิม’ เสียงแฟนหนุ่มตอบกลับมา หลังจากนั้นพวกเขาก็ทะเลาะกันอย่างรุนแรง และไม่คุยกันอีกเลย จนกระทั่งเธอส่งข้อความไปหาเขาเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว และเขาส่งข้อความตอบกลับมาเมื่อ 5 นาทีที่ผ่านมา

บรรณาธิการสาวพยายามโทรศัพท์หาแฟนหนุ่มอีกครั้ง เธอรออยู่ด้วยความอดทนแล้วภัทรก็รับสาย

“ฮัลโหล ภัทรคะ นี่พิมนะคะ” เธอพูดด้วยความดีใจเมื่อแฟนหนุ่มรับสาย

แต่เสียงปรายสายที่ตอบกลับมากลายเป็นเสียงโกรธเกรี้ยวของภัทร “พิมจะโทรมาทำไม ผมกำลังยุ่งอยู่ อย่าเพิ่งกวนใจได้มั้ย ไม่เข้าใจเลยหรือยังไงทำไมถึงไม่ฟังกันบ้าง!”

“ภัทร เดี๋ยวสิ...”

“บอกแล้วไงว่าอย่ามากวน อย่ามายุ่ง” เขาพูดด้วยเสียงดุๆ ด้วยความไม่พอใจ “ครับ... ได้ครับ เดี๋ยวผมจะจัดการให้เลยทันทีครับ” ชายหนุ่มดูเหมือนจะหันไปคุยกับคนอื่นด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน

“แค่นี้ก่อนนะ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องโทรมา เข้าใจมั้ย” แล้วสายโทรศัพท์ก็ถูกตัดไป

“โธ่เอ้ย!” สาวตาคมพูดด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ

เมื่อแฟนหนุ่มกดตัดสายไป พิมพรรณก็โยนมือถือลงบนเตียงด้วยความหงุดหงิด เธอรู้ดีว่าภัทรเป็นคนทะเยอทะยานแค่ไหน เขาเป็นคนที่ทำอะไรได้ทุกอย่างถ้าเรื่องเหล่านั้นมีผลประโยชน์ต่อตัวเองและสามารถทำให้เขาขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดตามที่ตัวเองตั้งเป้าเอาไว้ได้ สาวตาคมพยายามดึงเขาไม่ให้เหลิง หรือทะนงตนตามคำชมหรือสิ่งอื่นๆ ที่เข้ามาหลอกล่อซึ่งภัทรก็ดูเหมือนจะทำตามแต่ก็แค่พักเดียวเท่านั้น พอเวลาที่เขาผิดหวังเธอก็จะเป็นคนปลอบใจเสมอแต่พอเวลาเขาดีใจ เขากลับละเลยเธอ ในทางกลับกัน เวลาที่เธอไม่สบายใจ เดือดร้อน หรือต้องการใครสักคนคุยในสิ่งที่เธอไม่สามารถคุยกับใครได้ ภัทรมักจะไม่อยู่ ไม่คุย และไม่สนใจเธอ จนเธอเริ่มจะท้อใจและเห็นว่าความรักที่เคยหวานซึ้งมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยนั้นคงจะเฉาลงในไม่ช้า นอกจากนี้ความห่างกันทำให้เธอเริ่มที่จะไม่สามารถพูดหรือคุยให้เขาเข้าใจความเป็นไปของตัวเองและความเป็นไปของเธอได้อีกต่อไป

“เฮ้อ... ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้นะ” พิมพรรณบ่นอยู่คนเดียว

จู่ๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น สาวตาคมรีบเดินไปที่หน้าประตูแล้วส่องดูที่ตาแมว คิ้วของเธอขมวดนิดหน่อยเมื่อเห็นตี้ยืนอยู่หน้าห้อง เธอปลดกลอนแล้วเปิดประตู

“มีอะไรหรือเปล่าตี้”

หนุ่มแว่นยื่นถุงน้ำเต้าหู้ให้กับเจ้านายแล้วพูดว่า “คุณปูนฝากมาครับ บอกว่าให้ บก. ทานก่อนนอน”

“เหรอคะ... ขอบใจมากนะตี้”

“ครับ ไปก่อนละครับ”

“คืนนี้อย่านอนดึกล่ะ บอกให้พวกนั้นเพลาๆ กันบ้าง” บรรณาธิการสาวบอกก่อนที่ลูกน้องของตัวเองจะเดินห่างออกไป

“แหม... นานๆ ทีน่ะครับ ถ้าจะให้ดีผมว่า บก. มาเป็นเจ้ามือดีกว่าจะได้เลิกเร็วๆ”

พิมพรรณหัวเราะ “ไปแน่ แต่ไว้ก่อนก็แล้วกันนะ”

“คร้าบบบบบ”

สาวตาคมปิดประตูห้อง เธอวางถุงน้ำเต้าหู้ลงบนโต๊ะข้างทีวีแล้วเดินไปนั่งบนเตียงอีกครั้ง แต่แล้วเธอก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่อยู่ในถุงพลาสติก ดูเหมือนเป็นกระดาษโน้ตเล็กๆ เธอจึงหยิบขึ้นมาอ่านดู

“น้ำเต้าหู้เพื่อสุขภาพค่ะ พักผ่อนมากๆ นะคะ อย่าเครียด อย่าคิดมากด้วยนะคะ... ปูน”

รอยยิ้มกว้างๆ ผุดขึ้นมาบนใบหน้าของเธอทันที

“ขอบคุณค่ะ” เธอพูดเบาๆ ใส่กระดาษใบนั้น

หลังจากที่ดื่มน้ำเต้าหู้จนหมด พิมพรรณก็กลับมานอนคิดเรื่องของเธอ เรื่องของสาวหมวย และเรื่องของภัทร... เธอรู้สึกดีกับปูน รู้สึกหวั่นไหว รู้สึกเขินอายเมื่อได้พบ หัวใจเต้นแรงและทำตัวไม่ถูก ราวกับคนที่กำลังมีความรัก ทั้งๆ ที่เธอมีภัทรอยู่แล้วและสาวหมวยก็มีหยกอยู่ข้างกาย

“คุณทำให้พิมคิดมากอีกแล้วละคะคุณปูน”

...
เมื่อพิมพรรณเดินขึ้นมาถึงชั้น 6 จุดชมวิวของหอแก้ว เธอเห็นหยกยืนฟังเพลงพร้อมกับร้องตามแผ่นกระดาษที่อยู่ในมือตรงกระจกบานหนึ่ง เธอเลิกคิ้วเนื่องจากไม่พบปูน เมื่อหันซ้ายแลขวาก็ไม่มีวี่แววของสาวหมวยอีกด้วย เธอตั้งใจที่จะเดินผ่านสาวผมลอนโดยไม่ทักหรือพูดอะไรเพราะเกรงว่าจะรบกวนการฟังเพลงแต่กลับกลายเป็นหยกที่ส่งเสียงทักทายเธอขึ้นมาเสียเอง

“คุณพิม โอ๊ทส์” คำทักทายแปลกๆ ส่งจากมาสาวผมลอน

พิมพรรณชะงัก “เอ่อ.. สวัสดีค่ะคุณหยก”

“ฮันแน่... มองหาปูนอยู่ใช่ป่ะคะ”

“ห... ม... ไม่เชิงหรอกคะ แค่เห็นว่าไม่ได้อยู่ด้วยกันเท่านั้นเอง”

“อ๋อ… ปูนไปห้องน้ำน่ะค่ะ ท่าจะนานอยู่ เห็นว่าข้าศึกทะลุทะลวง”

สาวตาคมหลุดขำกับคำพูดของอีกฝ่าย “แล้วคุณหยกไม่ขึ้นไปไหว้พระเหรอคะ”

“รอปูนดีกว่าค่ะ ไปพร้อมกันน่าจะดีกว่า แล้วคุณพิมละคะ”

“ก็กะว่าจะขึ้นไปไหว้พระแล้วรีบลงไปที่รถน่ะค่ะ ไปดูแลพวกลูกทีมซะหน่อย เดี๋ยวจะแย่กันหมด”

“หยกว่าลูกทีมคุณพิมไม่แย่หรอกค่ะ ตัวคุณพิมต่างหากที่จะแย่”

บรรณาธิการสาวเลิกคิ้ว “ทำไมเหรอคะ”

“หน้าคุณพิมซีดออก ตาก็คล้ำๆ ด้วย นี่ถ้าปูนเห็นละก็ต้องรีบพาคุณพิมไปพักแน่ๆ เลย จิตวิญญาณเด็กเรียนสายการแพทย์เข้าสิงประทับองค์ชัวร์ๆ”

พิมพรรณยิ้มอีกครั้งเมื่อได้ยินเรื่องเกี่ยวกับสาวหมวย “เอาอย่างงั้นเลยเหรอคะ”

“ค่ะ... เห็นนิ่งๆ เฉื่อยๆ แบบนั้นเอาเข้าจริงๆ แล้วทำอะไรก็เร็วไปหมดแบบติด Hi-speed แบบว่า... เหมือนที่เค้าเป็นกันเวลาไฟไหม้อ่ะค่ะ จะลุกลี้ลุกลนไปหมด”

“เหรอคะ” เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายพิมพรรณก็นึกถึงวันที่ปูนช่วยเธอจากหมอดูก็ดูท่าจะจริงอย่างที่หยกว่า เพราะถึงเวลาคับขันสาวหมวยทำอะไรก็ดูรวดเร็วไปหมดขัดกับภาพเดินเฉื่อยๆ ที่เห็นอยู่เป็นประจำ

หลังจากนั้นความเงียบก็เข้าปกคลุมสองสาว สาวตาคมยืนมองออกไปนอกหน้าต่าง เธอเห็นแม่น้ำโขงอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนักอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำคงจะเป็นเมืองสะหวันนะเขต ประเทศลาว ในขณะที่สาวผมลอนยังคงฟังเพลงอยู่ เธอส่งเสียงฮัมเพลงออกมาเล็กน้อยจนทำให้พิมพรรณต้องหันไปมองอย่างใคร่รู้

“ลองฟังดูมั้ยคะ” หยกชวน

“เพลงอะไรเหรอคะ”

“เพลงญี่ปุ่นค่ะ... อันนี้คำแปล”

เสียงดนตรีแนวป็อปใสๆ พร้อมกับเสียงประสานของนักร้องหญิงดังขึ้นหลังจากทีเสียบหูฟัง บรรณาธิการสาวเห็นว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่ฟังได้เพลินๆ แต่เมื่อฟังไปพร้อมกับอ่านเนื้อเพลงและคำแปลที่อยู่ในกระดาษก็ทำให้เธอคิดมาก กระสับกระส่าย จนเธอต้องรีบคืนหูฟังให้กับหยกอย่างรวดเร็วเมื่อเพลงจบลง

“ข... ขอตัวก่อนนะคะ” พิมพรรณพูด

แต่ก่อนที่เธอจะก้าวขาเดินออกไปนั้นเธอก็ได้ยินเสียงเรียกจากด้านหลัง “คุณพิมคะ”

เมื่อหันไปก็เห็นปูนเดินเข้ามาพร้อมส่งยิ้มให้ เธอได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ตอบกลับไป แล้วรีบเดินขึ้นบันไดไปที่ชั้น 7

“หยก... ทำอะไรคุณพิมอ่ะ” สาวหมวยรีบเดินเข้ามาถามทันที

“เปล่านะ เค้าไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย” สาวผมลอนตอบ เธอหันไปมองทิศทางที่บรรณาธิการสาวเพิ่งเดินออกไปเมื่อครู่แล้วรอยยิ้มบางๆ ก็ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเธอ

Sonna yasashiku shinai de
ไม่ต้องทำเป็นอ่อนโยนกับฉันก็ได้

Donna kao sureba ii no
แล้วจะให้ฉันทำยังไงดีล่ะ

Tsumikasaneta kotoba de
มีคำพูดมากมายที่ซ้อนกันขึ้นมา

Mienai yo kimi no yokogao
เพราะฉันไม่อาจที่จะมองหน้าของเธอได้เลย

เสียงเพลงและคำแปลที่ได้ฟังจากหยกเมื่อครู่ยังคงดังอยู่ในหัวของสาวตาคม ความรู้สึกของเธอดันตรงกับเพลงๆ นี้อย่างน่าประหลาด เป็นแบบนี้ตั้งแต่วันเดินทางและยิ่งคิดมากขึ้นไปอีกเพราะเหตุการณ์เมื่อคืนนี้...

“เลิกคิดสิพิม เลิกคิด” พิมพรรณบอกตัวเองพลางเดินก้มหน้างุดไปตามทางจนเธอชนกับสมาชิกบางคนที่เดินสวนมา

“โอ๊ะ... ขอโทษค่ะ” เธอกล่าวคำขอโทษแล้วรีบเดินตรงไปที่ลิฟต์หวังว่าลงไปที่รถแล้วจะดีขึ้น

Jibun no koto nante wakaranai shi
ตัวฉันจริงๆ แล้วเป็นอย่างไร ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน

Kimi no koto shiritai ki wo suru kedo
ถึงฉันอาจจะรู้เรื่องเกี่ยวกับตัวของเธอก็ตาม

Butsukaru kimochi mou sukoshi osaete
ฉันพยายามควบคุมความรู้สึกทั้งหมดนี้

Mienai kabe tesaguri de sagasu yo
มันเหมือนกับมีกำแพงที่มองไม่เห็นมาบังไว้

เสียงเพลงดังขึ้นในหัวอีกครั้งเมื่อเธอถึงชั้น 1 สาวตาคมรีบเดินจ้ำขึ้นไปบนรถอย่างรวดเร็ว เธอนั่งลงแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ

‘ไม่ใช่น่า... ไม่ใช่ ก็แค่... บังเอิญ’

...

สองสาวที่ยังคงยืนคุยกันอยู่บนชั้น 6 ของหอแก้ว ปูนพยายามคาดคั้นหยกว่าพูดอะไรกับพิมพรรณแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะทำท่าไม่รู้ไม่ชี้

“ก็บอกแล้วไงว่าเค้าไม่ได้ทำอะไรคุณพิมเค้าสักหน่อย” สาวผมลอนพูดพลางเก็บ iPod และเนื้อเพลงลงกระเป๋า

“ไม่ได้ทำอะไรแล้วทำไมคุณพิมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ ทำไมจู่ๆ คุณพิมก็ทำท่าแบบนั้นล่ะ”

“จะไปรู้ได้ยังไงล่ะ... เค้าก็เพิ่งเจอคุณพิมก่อนตัวมาแค่แป๊บเดียวเองนะ”

สาวหมวยเงียบไป เธอเดินตรงไปที่หน้าต่างแล้วถอนหายใจ

“เป็นอะไร... คิดว่าเค้าโกหกหรือยังไง”

“เปล่า... แค่คิดว่าทำไมคุณพิมถึงเป็นแบบนั้น คุณพิมไม่เคยทำกับปูนแบบนั้นมาก่อน มันแปลก...”

รอยยิ้มน้อยๆ ผุดขึ้นมาจากใบหน้าของหยก ในขณะที่อีกฝ่ายไม่เห็นเพราะยืนหันหลังให้อยู่ “อืมม์... อาจเป็นเพราะคุณพิมไม่สบายก็ได้มั้ง”

ปูนหันมาหาสาวผมลอนทันทีที่พูดจบ “ว่าอะไรนะ”

“เค้าบอกว่าอาจจะเป็นเพราะคุณพิมไม่สบายก็ได้ เพราะหน้าคุณพิมค่อนข้างซีดแล้วก็ตาคล้ำๆ เหมือนคนนอนไม่พอ ตอนที่เค้าเจอเมื่อกี้อ่ะนะ”

“จริงเหรอ!”

“อื้อ... จะโกหกทำไมล่ะ เค้ายังบอกคุณพิมอยู่เลยว่าถ้าปูนเจอคุณพิม ปูนคงรีบพาคุณพิมไปพักแหงๆ เลย”

พอหยกพูดจบสาวหมวยก็มีท่าทางกระวนกระวายโดยทันที “คุณพิมไม่สบายเหรอ... คุณพิมไม่สบาย” เธอเดินไปเดินมารวมกับหนูติดจั่น

จู่ๆ สาวผมลอนก็ดันหลังปูนไปที่ลิฟต์ “ถ้าห่วงคุณพิมเค้านักก็รีบไปหาสิ ถ้าไม่อยู่ชั้น 7 ก็คงอยู่ที่รถแล้วล่ะเพราะเห็นบอกว่าไหว้พระเสร็จแล้วจะลงไปที่รถ”

“เหรอ... ปูนควรจะไปงั้นเหรอ”

“อื้อ... ควรมากๆ ไปสิ เวลาไม่คอยท่านะ เดี๋ยวคุณพิมเป็นอะไรไปล่ะแย่เลย”

“งั้นปูนไปก่อนนะ” พูดจบสาวหมวยก็รีบวิ่งไปที่ลิฟต์

หยกโบกมือให้ “เดี๋ยวเค้าตามลงไปแล้วกัน”

เมื่อเห็นปูนลงลิฟต์ไปแล้ว สาวผมลอนก็เดินเล่นอยู่บนชั้น 6 พักหนึ่ง หลังจากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วส่งข้อความไปหาใครบางคนว่า

“Their acts liked as you said so. Well, what’s next? (พวกเขาเป็นอย่างที่คุณว่าเลย แล้วเอายังไงต่อดี)”

อีกไม่กี่อึดใจต่อมา หยกก็ได้รับข้อความตอบกลับมาว่า “Just wait and see (รอดูก็แล้วกัน)”

...
พิมพรรณนั่งเอามือปิดหน้าของตัวเองบนรถบัสที่ไร้ผู้คนพร่ำถามตัวเองว่าทำไมถึงรู้สึกแปลกๆ กับปูน และรู้สึกว่าเพลงที่หยกให้เธอฟังนั้นมันตรงใจเธอมากราวกับว่าเพลงๆ นั้นบอกความรู้สึกที่เธอมีให้กับสาวหมวยออกมาทั้งหมด สาวตาคมรู้สึกกลัว กลัวใจของตัวเองว่าถ้าเธอเกิดชอบปูนขึ้นมาเธอควรจะทำอย่างไรดี ในเมื่อเธอยังมีภัทร และปูนยังมีหยก แถมยังอาจจะถูกคนรอบข้างมองแปลกๆ อีกด้วย

“พอเถอะ พอๆๆๆๆ” บรรณาธิการสาวบ่นพึมพำกับตัวเอง เธอรู้สึกปวดหัวและหายใจไม่ออก อาจจะเป็นเพราะอาการนอนไม่พอ บวกกับอากาศที่ค่อนข้างร้อนจึงทำให้เธอเป็นแบบนี้

“โอ้ยยย ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้นะ” พิมพรรณพูดขึ้นมาเบาๆ อีกครั้ง เธอล้มตัวพิงพนักเก้าอี้แล้วหลับตาลง

จู่ๆ ก็มีเสียงเหมือนคนวิ่งขึ้นมาบนรถ หลังจากนั้นก็มีเสียงเรียกชื่อของสาวตาคม

“คุณพิม!”

หญิงสาวเจ้าของชื่อลืมตาขึ้นมาทันที เมื่อเธอเห็นคนที่ร้องเรียกชื่อของตนเองก็ตกใจอ้าปากค้าง “อ... เอ่อ... คุณปูนเองเหรอคะ”

สาวหมวยมีอาการหอบหายใจที่หน้าผากและไรผมมีหยดน้ำประปรายราวกับเธอไปแข่งวิ่งมาราธอนมา

“คุณพิมเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”

ดวงตาของนักกายภาพสาวที่มองมาที่พิมพรรณนั้นทำเอาหัวใจของคนที่ถูกมองเต้นแรงขึ้นกว่าเก่า หายใจก็เริ่มติดขัดขึ้นกว่าเดิมจนต้องควักยาดมขึ้นมา

Sonna me de mitsumenai de
อย่ามาจ้องมองมาที่ตาของฉันเลย

Donna kao sureba ii no
เพราะฉันไม่รู้จะทำหน้าอย่างไรดี

Mayotte bakka da keredo
มันอาจทำให้ฉันหลงทางก็ได้

เพลงดังขึ้นมาในหัวของสาวตาคมอีกครั้งขณะที่เธอกำลังควานหายาดมในกระเป๋า พิมพรรณไม่รู้จะทำอย่างไร เธอไม่กล้าสบตาสาวหมวยเลยจริงๆ สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คือบอกกับคนที่อยู่ตรงหน้าเบาๆ ว่า

“ไม่เป็นอะไรค่ะ”

“แล้วทำไมคุณพิมถึงหน้าซีดแบบนั้นคะ” ปูนเดินเข้ามาใกล้อีกฝ่ายมากขึ้นซึ่งทำให้บรรณาธิการสาวขยับถอยหนีโดยทันที

สาวหมวยขมวดคิ้วเมื่อเห็นท่าทางของพิมพรรณ “ปูนว่าคุณพิมต้องเป็นอะไรแน่ๆ เลย ดูท่าทางไม่สบายตัว... หรือว่าคุณพิมเป็นไข้คะ” ว่าแล้วปูนก็รีบเข้าไปนั่งข้างๆ สาวตาคมทันที

“เอ่อ... พิม... พิมไม่เป็นไรค่ะ แค่... นอนน้อยไปหน่อยเท่านั้นเองก็เลยมึนๆ”

นักกายภาพสาวไม่ตอบแต่เธอดึงแขนของพิมพรรณขึ้นมาจับชีพจรทันที

“ค... คุณปูนคะ” บรรณาธิการสาวพูดตะกุกตะกักพลางมองอีกฝ่ายที่กำลังก้มมองนาฬิกาข้อมือ “พ... พิมไม่ได้เป็นอะไร... จริงๆ นะคะ”

สาวหมวยเงยหน้าขึ้นมา “แล้วทำไมชีพจรคุณพิมเต้นเร็วจัง ปูนนับได้ตั้ง 150 ครั้ง* แถมมือยังเย็นไปหมดเลยด้วย”

*อัตราการเต้นของชีพจรปกติของผู้ใหญ่อยู่ในช่วง 60 – 100 ครั้งต่อนาที (bpm)

“ก... ก็พิมนอนไม่พอยังไงละคะ หัวใจ เอ้ย ชีพจรเลยเต้นเร็ว”

“นั่นก็มีส่วนค่ะ... เมื่อเช้าคุณพิมทานกาแฟหรือเปล่าคะ”

“3 แก้วค่ะเพราะว่าง่วงมาก”

ปูนส่ายหน้า หลังจากนั้นเธอก็โน้มตัวไปปรับเบาะของพิมพรรณให้เอนลงไปทำให้ใบหน้าของเธอเข้าใกล้ใบหน้าของสาวตาคมมากขึ้นไปอีก บรรณาธิการสาวสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ

“ค... คุณปูน... พิมไม่เป็นอะไรจริงๆ ค่ะ... ค... แค่นอนพักนิดหน่อยก็หายแล้ว”

“ปูนทราบค่ะ ปูนก็เลยกะว่าจะมานั่งเป็นเพื่อนคุณพิมยังไงละคะ”

“ย... อย่าเลยคะ... พิมว่าคุณปูนไปเที่ยวกับคนอื่นๆ ต่อดีกว่าคะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้ปูนไม่ค่อยอยากลงไปไหน”

“แล้วคุณหยกละคะ”

“หยกเหรอ... หยกเค้าเดินเที่ยวคนเดียวได้ค่ะ ถ้าคุณพิมเป็นห่วง เดี๋ยวปูนโทรบอกหยกก็ได้ว่าปูนมาอยู่กับคุณพิม” ว่าแล้วสาวหมวยก็ทำท่าจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา

“เดี๋ยวค่ะ เดี๋ยว... คุณปูนทำแบบนี้พิมรู้สึกไม่สบายใจนะคะ”

“ทำแบบไหนคะ”

“ก็... ที่คุณปูนอยู่กับพิมแบบนี้แล้วปล่อยให้คุณหยกไปไหนมาไหนคนเดียว พิมรู้สึกไม่ดีค่ะ ไม่ดีมากๆ อีกอย่างคุณปูนมาในฐานะลูกค้าของพิมนะคะ พิมจะให้คุณปูนมาดูแลพิมแบบนี้ได้ยังไง”

“เหรอคะ...” นักกายภาพสาวนั่งคิดตามคำพูดของอีกฝ่าย “แต่ปูนเป็นเพื่อนคุณพิมนี่คะ เพื่อนก็ต้องดูแลเพื่อนไม่ใช่เหรอคะ”

“บอกแล้วไงคะว่าพิมไม่เป็นอะไร”

“ปูนไม่เชื่อหรอกว่าคุณพิมไม่เป็นอะไร” สาวหมวยตอบกลับมาทันที

‘ทำไมดื้ออย่างนี้นะ’ พิมพรรณคิดในใจ

สาวหมวยมองหน้าคนที่นอนอยู่จากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “อย่าเกรงใจเลยค่ะ ถ้าคุณพิมไม่สบายใจเอาเป็นว่าปูนขออยู่เป็นเพื่อนคุณพิมตอนนี้ก่อนจนกว่าจะไปอีกที่นึงก็แล้วกันค่ะ เพราะตอนนี้ถ้าคุณพิมนอนอยู่บนรถคนเดียวปูนกลัวว่าคุณพิมอาจจะเป็นอันตราย” ปูนปลายหางตาไปด้านนอกที่คนขับรถและเด็กรถนั่งสูบบุหรี่กันอยู่

บรรณาธิการสาวเข้าใจในสิ่งที่สาวหมวยพูดทันที “ได้ค่ะ... ขอบคุณมากนะคะคุณปูน”

“ค่ะ... คุณพิมนอนพักเถอะนะคะ ปูนจะอยู่เป็นเพื่อนคุณพิมเอง” นักกายภาพสาวยื่นมือมาแตะที่มือของอีกฝ่ายเบาๆ พลางหากระดาษมาพัดให้

พิมพรรณไม่รู้ว่าตัวเองนั้นนอนมองใบหน้าสวยๆ ของสาวหมวยนานเท่าไหร่จนกระทั่งหลับไป เมื่อตื่นขึ้นมาอีกทีเธอก็อยู่ระหว่างทางที่จะเข้าเขตจังหวัดนครพนมเสียแล้ว

“บก. หลับไปนานมากเลยนะคะเนี่ย อดเที่ยวตั้ง 2 ที่แหนะ” ดา สไตลิสต์สาวเปรี้ยวพูดขึ้นเมื่อเห็นเจ้านายสาวค่อยๆ ปรับเก้าอี้ให้ตั้งตรง

“เหรอคะ... ไปไหนกันมาแล้วบ้างละคะ”

“โบสต์คริสต์วัดสองคอนกับแก่งกระเบาค่ะ แต่ที่อยู่ที่แก่งกันแป๊บเดียวเพราะว่าร้อนมากก็เลยออกกันมาเร็วหน่อยน่ะค่ะ” พูดจบสไตลิสต์สาวก็ยื่นข้าวกล่องให้กับพิมพรรณ

“เพื่อน บก. เดินเข้ามาเตือนว่าอย่าลืมเก็บข้าวกลางวันให้ บก. น่ะค่ะ เห็นว่า บก. ไม่ได้ลงไปกินข้าวด้วย นี่ถ้าไม่เตือนนะ ป่านนี้พวกผู้ชายคงกินกันหมดแล้วอีกอย่างช่วงนี้เก๋เค้าเบลอๆ ด้วย นี่ถ้าเพื่อน บก. ไม่เตือนพวกเราก็คงจะลืมกันหมด”

“เพื่อน... คนไหนเหรอคะ” ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าน่าจะเป็นปูนแต่เธอก็อดถามไม่ได้

“รู้สึกจะชื่อคุณปูนน่ะค่ะ คนที่เราเจอกันที่ร้านอาหารเวียดนาม”

“ค่ะ... ขอบใจมากนะ ...เดี๋ยวพิมขอไปล้างหน้าล้างตาที่ห้องน้ำแป๊บนึงนะคะ”

สาวตาคมเดินลุกจากที่นั่งเพื่อเดินลงไปชั้นล่างของรถบัส ช่วงที่เธอเดินผ่านก่อนที่จะลงบันไดเธอเห็นสาวหมวยและหยกนอนหลับอยู่ เมื่อเข้าไปในห้องน้ำพิมพรรณก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางบ่นกับตัวเองว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมถึงเกิดความรู้สึกหวั่นไหวกับปูน ทำไมถึงรู้สึกหวั่นไหวกับเพศเดียวกัน ผู้หญิงด้วยกันเหมือนกับเธอ...

“เป็นอะไรไปนะเรา... จะทำยังไงดีละเนี่ย”

เมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำ บรรณาธิการสาวตัดสินใจว่าจะขออยู่ห่างๆ สาวหมวยสักพักโดยการหิ้วกล่องข้าวเดินลงมานั่งกินที่ชั้นล่างของรถบัส ภายในห้องนั้นลูกน้องส่วนใหญ่ของเธอนั่งอยู่ พวกเขากำลังนั่งเล่นไพ่กันเสียงดัง เสียงหัวเราะของทีมงานอาจจะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นได้บ้าง... แต่ก็ไม่เลย แทนที่จะรู้สึกสนุกสนานกับลูกน้องเธอกลับรู้สึกกระวนกระวายและนั่งอยู่ไม่เป็นสุข พิมพรรณพยายามอดทนและคิดถึงเรื่องสนุกๆ ระหว่างเธอกับแฟนหนุ่มอยู่บ่อยๆ แต่นั่นก็ไม่ช่วยอะไรเพราะสิ่งที่เธอคิดเกี่ยวกับภัทรคือข้อความที่เขาส่งมาเมื่อคืนและเรื่องที่ทั้งสองทะเลาะกัน

‘นี่มันอะไรกันล่ะเนี่ย... งี่เง่าจริงๆ’ สาวตาคมคิดในใจ หลังจากนั้นก็เดินขึ้นไปชั้นบน

บรรณาธิการสาวพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติมากที่สุดเมื่อเธอเดินเข้าไปใกล้ที่นั่งของปูน พร้อมๆ กับพยายามไม่หันไปมองคนที่นั่งอยู่ตรงนั้น พิมพรรณกลั้นหายใจเมื่อเธอเดินผ่านที่นั่งของนักกายภาพสาว เธอแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่ากำลังเดินผ่านใครอยู่ สาวตาคมค่อยๆ ผ่อนลมหายใจเมื่อเธอกำลังจะเดินผ่านสาวหมวยโดยที่อีกฝ่ายหนึ่งไม่ส่งเสียงทัก แต่แล้ว...

“คุณพิมคะ” เสียงเรียกที่คุ้นเคยดังขึ้นพร้อมทั้งสัมผัสที่นุ่มนิ่มบริเวณข้อมือของเธอ

พิมพรรณสะดุ้งเฮือกแล้วหันกลับไปมองช้าๆ “...คะ”

รอยยิ้มของปูนที่ส่งมาให้เธอนั้นทำให้เธอแทบจะหยุดหายใจ “คุณพิมดีขึ้นหรือยังคะ... สีหน้าดีขึ้นมากแล้วนี่คะ มือก็หายเย็นแล้วด้วย”

“เอ่อ... ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณปูน” สาวตาคมพูดเบาๆ เธอไม่กล้ามองอีกฝ่ายเลย สายตาของเธอจึงมองไปที่หยกที่กำลังนั่งฟังเพลงอยู่แทน

“ไม่เห็นจะต้องขอบคุณเลยค่ะ ปูนยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”

บรรณาธิการสาวค่อยๆ ดึงมือตัวเองออกมาเมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายคลายสัมผัสออกแล้ว เธอส่งยิ้มแห้งๆ ให้กับสาวหมวยแล้วขอตัวเดินกลับไปนั่งที่

Sugu ni ai ni ikitai kedo
ไม่รู้ทำไม ฉันถึงได้อยากเจอเธอ

Kotoba wa mitsukaranai shi
แต่ถึงไปหาเธอ ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี

Saigo no ichipeeji kai
ภาพในหน้าสุดท้ายของพวกเรานั้น

Kimi ni wa egao misetai
คงเป็นภาพที่เธอได้เห็นรอยยิ้มของฉัน

(เพลง Irony: ClariS)

http://www.youtube.com/watch?v=aVmsKIxRDec

สาวผมลอนฮัมเพลงขึ้นมาเบาๆ หลังจากที่แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ ปูนยังคงนั่งชะเง้อคอมองพิมพรรณอยู่ ส่วนสาวตาคมก็แอบเหลือบสายตามามองบ้างแต่หลังจากนั้นไม่นานนักเมื่อบรรณาธิการสาวต้องขึ้นไปอธิบายถึงโปรแกรมและสถานที่ในจังหวัดนครพนมที่ด้านหน้ารถบัส ยิ้มสวยๆ ของพิมพรรณที่ส่งออกมานั้นกลับทำให้หยกรู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นถูกส่งมาให้คนที่อยู่ข้างๆ ของเธอที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น