web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 183
Most Online Ever: 190
(08 กรกฎาคม 2022 เวลา 19:00:55 )
Users Online
Members: 0
Guests: 162
Total: 162

ผู้เขียน หัวข้อ: Vampire Hunter the beginning : Intro  (อ่าน 2249 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Admin

  • แอดมิน
  • เริ่มติด
  • *****
  • กระทู้: 251
  • I'm sociopath. I don't have feelings.
Vampire Hunter the beginning : Intro
« เมื่อ: 27 ธันวาคม 2013 เวลา 19:31:04 »


Intro :


ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18.. New England.



เสียงควบม้าดังกังวานแทรกความเงียบของยามรัตติกาลเข้ามา ดวงตาสีแดงวาววับเป็นประกายอย่างมาดหมาย เจ้าของมันแสยะยิ้มอย่างยินดี เผยให้เห็นเขี้ยวแหลมที่มุมปาก “มาสิ อาหารอันโอชะของข้า ข้ารอเจ้าอยู่นานแล้ว”

หญิงสาวในชุดสีเดียวกับท้องฟ้าเมื่อราตรีมาเยือนเลื่อนตัวเองออกจากกิ่งไม้ เธอหมายจะมองเงาดำมืดที่กำลังเคลื่อนที่มาใกล้ให้ชัดขึ้น หัวใจของเธอกำลังเต้นตึกตักอยู่ในอก มันตื่นเต้น กี่คืนแล้วเล่าที่เฝ้ารอเจ้ามา เลือดหยดสุดท้ายในกายข้าใกล้เวลาจะสิ้นสูญ ข้ากำลังจะสิ้นไร้เรี่ยวแรง

ใช่.. ตั้งแต่นังเด็กผู้หญิงคนนั้นได้รับคัดเลือก!

เธอ..ปีศาจแห่งรัตติกาล พวกของเธออยู่อาศัยภายในดินแดนแห่งนี้มาตั้งแต่สมัยบรรพกาลหลังจากที่เหล่าผู้อาวุโสพากันย้ายถิ่นฐานมาจากทรานซิลเวเนีย มาตั้งรากปักฐานที่นี่ เมืองเล็กๆที่เงียบสงบแต่อาหารไม่เคยขาดตกบกพร่อง ความเป็นทางผ่านจากชนบทไปสู่เมืองหลวงทำให้มันคึกคักคลาคล่ำไปด้วยอาหารสองขา เดินได้ มีกลิ่นหอม พวกมนุษย์ยินยอมที่จะเสี่ยงตายเดินทางผ่านเส้นทางนี้แม้มันจะขึ้นชื่อว่าเป็นเส้นทางสายมรณะ เพียงเพื่อจะได้เหรียญสีทองมีราคาลงสู่กระเป๋าหนังวัว หนังควายหรือกระเพาะแพะของพวกมัน แต่กระนั้นพวกมันก็ยังฉลาดพอที่จะไม่เดินทางผ่านมาเมื่อความมืดมาเยือน

แต่ก็ไม่ใช่ทุกคน...

มันต้องมีสักคนที่หลงกลมายากลของป่า หรือโชคร้ายพอที่จะผ่านเส้นทางนี้ไปไม่ทันในตอนที่ดวงตะวันยังอยู่เป็นเพื่อน และพวกเขาก็จะได้เจอเพื่อนใหม่ที่งดงามกว่าในยามราตรี เพียงแต่ว่า นั่นจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ลมหายใจจะอยู่กับพวกเขา

มันเป็นเช่นนี้มาเนิ่นนานแล้วหลายศตวรรษ จนกระทั่งความเจริญเข้ามาถึง มนุษย์ตัวเล็กๆเริ่มแพร่พันธุ์มากขึ้น พวกมันต้องการที่อยู่อาศัยมากขึ้น การขยายตัวของเมืองลุกล้ำมาจนถึงดินแดนแห่งนี้ที่พวกเธอยึดครองอยู่ดั่งบ้านของตัวเอง และจากเมืองเล็กๆที่เงียบสงบ ก็เปลี่ยนไปเมื่อพวกมันย้ายเข้ามา พวกมันไม่เกรงกลัวคำเล่าขานของคนเก่าๆเกี่ยวกับตำนานของพวกเธอสักนิด พวกมันเริ่มสร้างบ้าน สร้างเมือง ก่อตั้งนู่นนี่ รวมถึงสภาบ้าบอที่ตั้งใจจะมาต่อต้านพวกเธอ สภาที่ถูกเรียกว่า..

สภาสูงของผู้ก่อตั้งเมือง.. มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของมนุษย์ผู้อ่อนแอ พวกมันคงจะดูแลตัวเองไม่ได้ จึงต้องหาคนมาดูแลแทน แต่นั่นคงไม่ใช่ปัญหาของเธอหรอก หากสภาบ้าๆนั่นไม่มีหน่วยงานหนึ่งที่ตั้งใจคิดขึ้นมาเพื่อทำลายพวกเธอโดยตรง...

สมาคมนักล่าปีศาจ...

เสียงฝีเท้าม้าตัวมันดำทมิฬได้ยินใกล้ขึ้น ความหวังของเธอก็ใกล้เข้ามา หากแต่ดวงตาสีโลหิตที่เคยนิ่งกลับกระพริบ เธอรู้สึกถึงสิ่งมีชีวิตอื่นที่ไม่ใช้ผู้คนในรถม้า

นังเด็กบ้า เจ้าจะมารังควานข้าไปถึงไหน พรรคพวกของข้ากี่ตนแล้วเล่าที่เจ้าเอาชีวิตไป หรือเจ้าคิดว่าแค่นั้น เจ้าจะเก่งมากแล้ว หรือเจ้าเองที่ต้องการให้เขี้ยวของข้าฝังลงที่ลำคอของเจ้า! หญิงสาวสบถในใจ เธอพยายามใช้ความสามารถที่มนุษย์ไม่มีแยกแยะเสียงที่เกิดขึ้น และหวังว่าความหิวโหยจะไม่ทำให้เธอล้มเหลวในการใช้มัน

และ...

ข้าเจอเจ้าแล้ว..ฮันเตอร์ เธอคิดอย่างลิงโลด ตั้งใจรวบรวมกำลังที่เหลือกระโดดลงมาใส่รถม้า หมายใจว่า หากไม่ได้ลิ้มรสเลือดมนุษย์ อาชาสีดำพันธุ์ดีนี่แหละจะกลายเป็นอาหารจานต่อไป แต่ก่อนอื่น ต้องกำจัดอุปสรรคชิ้นโตนี้ให้ได้ก่อน

บางที..เลือดสาวของเจ้าอาจทำให้ข้ากระชุ่มกระชวยมากกว่าก็เป็นได้..

ริมฝีปากสีแดงดั่งเลือดแสยะยิ้มเย็นเมื่อดวงตาเห็นอีกสาวยืนนิ่งอยู่บนกิ่งไม้บนต้นไม้อีกต้น ตอนนี้ต่อให้รถม้ากำลังเลื่อนผ่านอยู่ด้านล่าง เธอก็ไม่สนใจ ข้าจะเอาเลือดเจ้ามาชโลมตัวข้า นังเด็กเมื่อวานซืน

“ถึงเจ้าจะเป็นฮันเตอร์ เป็นเด็กสาวหนึ่งในร้อยในพันที่ถูกเลือกมา อย่างไรซะเจ้าก็เป็นแค่มนุษย์ สิ่งมีชีวิตอ่อนแอที่สุดในโลก ไม่มีเขี้ยว ขาดเล็บ ผิดแล้วที่เจ้าคิดรวมหัวกับเจ้าพวกแก่หงำเหงือกหัวงอกขี้ขลาดตาขาวในสภาเน่าๆนั่น ยอมให้พวกมันใช้งานเป็นเครื่องมือ เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายแทนพวกมัน เจ้าน่าจะรู้ดีว่า ตัวข้าไม่ใช่กระจอกอย่างเช่นที่เจ้าเคยเจอมา และเจ้าก็เป็นแค่เด็กเท่านั้น..ฟลอเรน มาแชล!”

เจ้าของชื่อที่ถูกขานยังยืนนิ่งอยู่ เธอสุขุมเยือกเย็นราวกับมิใช่เด็กสาวอายุเพียงสิบเจ็ดปี การเติบโตมาในครอบครัวของผู้ก่อตั้งเมืองใหม่แห่งนี้ ปั้นแต่งให้เธอแตกต่างจากเด็กสาวในวัยเดียวกัน เพราะเธอรู้ เธอเกิดมาพร้อมหน้าที่ หน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ และพละกำลังที่เหนือยิ่งกว่าใครในหมู่มนุษย์ตัวเล็กๆในสายตาของปีศาจแห่งรัตติกาลตรงหน้า และมันก็หมายความว่า...

With great power comes great responsibility.

พลังอันยิ่งใหญ่มาพร้อมภาระอันใหญ่ยิ่ง...

“ฉันแค่ทำหน้าที่ของฉันเท่านั้น” ฟลอเรนตอบเสียงนิ่งหน้าตายากจะบอกความรู้สึกที่แท้จริง

เธอไร้วี่แววของเด็กผู้หญิงหน้าหวานอ่อนโยนผู้ร่าเริงก่อนการเข้ารับตำแหน่งที่กำหนดไว้ว่าต้องเป็นเธอตั้งแต่ก่อนลืมตาดูโลก ตั้งแต่ย่างเข้าอายุหกขวบแล้วที่เธอลืมไปว่าความไร้เดียงสาอ่อนต่อโลกเป็นเช่นไร การฝึกฝนอย่างหนักกับตำแหน่งหน้าที่นี้ทำให้เธอลืม และหากปราศจากการตรากตรำฝึกฝนอันยากลำบากนั้น ลมหายใจคงถูกพรากไปจากเธอแล้วตั้งแต่งานแรกและคืนแรกที่คำสั่งจากสภามาถึงหน้าประตูบ้านเมื่อวันเกิดรอบที่สิบหกปีของเธอ...

คำตอบแม้เนื้อเสียงจะหวานจับใจหากแต่ความนิ่งของมันก็ทำให้คนฟังหนาวสะท้านไปถึงทรวง เกิดมายังไม่เคยมีผู้ใดทำให้ตนรู้สึกกลัวได้ถึงเพียงนี้ แต่เรื่องอะไรข้าจะบอกเจ้าให้ได้ใจ!

“เจ้าจะทำหน้าที่ของเจ้า แม้ว่าเจ้าจะต้องตายเพราะมัน เช่นนั้นหรือ..” ปีศาจแห่งราตรีถามยิ้มเยาะ เธอผิดหวังที่เด็กสาวยังนิ่งสนิท ทำอย่างไรจึงจะยั่วโมโหเจ้าได้ หรือว่า...

ความคิดหนึ่งที่พุ่งเข้ามา พาให้คมเขี้ยวที่มุมปากปรากฏชัด ในลำคอมีเสียงขู่คำราม และร่างในเงามืดก็พุ่งลงจากต้นไม้ใหญ่ อาศัยความว่องไวที่เชื่อว่ามนุษย์ไม่มีซ่อนเร้นในความดำของค่ำคืนและความรกชัฏของป่า พุ่งไปหารถม้าคันเดิม

ปีศาจแห่งราตรีพาตัวเองขึ้นในอากาศอีกครั้ง สองเท้าในรองเท้าบู๊ธหนังมันเงาหย่อนลงอย่างดีบนหลังคารถ คนขับมิได้ล่วงรู้ถึงการมาของเธอ ฝีเท้าที่เบาเสียยิ่งกว่าแมวช่วยได้มาก เสียงเกือกม้าที่กระทบผืนดินกลบการได้ยินของพวกเขา หากกระนั้น สิ่งมีชีวิตที่มีสัญชาตญาณล่วงรู้ถึงความไม่ปลอดภัยก็แสดงปฏิกิริยา แม้มันจะถูกปิดตาทั้งสองข้างเพื่อให้วิ่งไปแต่ในทางที่ถูกสั่ง มันยังรู้ว่าเธออยู่ที่นี่ อาชาทมิฬสองตัวเริ่มวิ่งเร็วขึ้นไปอีก ได้ยินเสียงพลขับส่งเสียงปรามมัน ทั้งแส้ยาวฟาดลงไปยังลำตัวมันเงา สัตว์สี่เท้านั่นก็ใช่ว่าจะเชื่อฟัง

วิ่งไป.. วิ่งไป... พวกเจ้าจะได้ไปสู่นรกเร็วขึ้น...

เธอมั่นใจว่าฮันเตอร์ตามเธอไม่ทัน ลำพังแค่วิ่งตามรถม้าในความเร็วธรรมดาก็ไม่มีเปอร์เซ็นต์ที่จะสำเร็จ และนี่วิ่งตามรถม้าที่กำลังตื่นกลัว เด็กมาแชลนั่นจะตามมาได้อย่างไร เสียใจด้วยนะที่เจ้าพลาดงานนี้..ฮันเตอร์ มนุษย์พวกนี้ข้าจะดูแลอย่างดีที่สุด ในกระเพาะของข้า เธอคิดอย่างกระหยิ่มใจ หากแต่เพียงไม่กี่นาที ดวงตาสีเลือดก็กระพริบตาไม่เข้าใจ เสียงม้าวิ่งมาอย่างไรอีกตัว

เด็กนั่นขี่ม้า ?!

เด็กสาวบนหลังม้าสีขาว หล่อนโดดเด่นท่ามกลางความมืดยามดวงตะวันหมดหน้าที่และดวงจันทร์ไม่ขยัน หล่อนใกล้เข้ามาทุกวินาที ในมือหนึ่งถือดาบเงาวับคมกริบ พร้อมจะหั่นคอใครสักคน หรือแทงทะลุอกใครสักคนที่หล่อนพอใจ แต่นั่นย่อมไม่ใช่ข้า!

“จูเลีย.. ยอมกลับไปกับเราเถอะ เป็นพวกเดียวกับเรา แล้วเธอจะปลอดภัย เราจะดูแลเธอเอง จะไม่มีใครทำร้ายเธอได้อีกเมื่อเธอช่วยเรา” เสียงหวานนิ่งกระซิบกับสายลมลอยมาเข้าหู ผู้ฟังเบ้ปากในทันที

“ในความฝันของเจ้าเถอะ..ฟลอเรน!” จูเลียเน้นเสียงขณะดึงหน้าไม้จากเป้สะพายหลังขึ้นมา หมายจะจ่อยิ่งไปยังเด็กสาวบนหลังม้าที่มาวิ่งคู่กันแล้ว แต่เสียงอุทานที่ดังแทรกมาก็พาให้เป้าหมายเปลี่ยนไป ชายหนุ่มผู้ควบคุมรถม้าเห็นเธอในที่สุดและเขาตะโกนเสียงดังก้อง

“แวมไพร์! ช่วยด้วย! ช่วย---” หนุ่มเคราะห์ร้ายพูดได้เพียงเท่านั้น เส้นเลือดใหญ่ที่ลำคอของเขาก็ปริแตก แต่ไม่ใช่จากลูกดอกของหน้าไม้ในมือเธอเมื่อครู่ มันคือ..

“จูเลีย!” ฟลอเรนตะโกน ดวงตาสีม่วงครามแทบถลนออกจากเบ้าเมื่อภาพที่เห็นคือแวมไพร์กำลังกัดคอผู้ชายบนรถม้า หล่อนหันหน้ามาทางเธอตั้งใจที่จะให้เห็นในสิ่งที่ทำ ท้าทาย ดวงตาสีเลือดกำลังท้าทายเธออยู่ แล้วเธอจะทำอย่างไรต่อไป รถม้ากำลังจะขาดผู้ควบคุม หล่อนกำลังจะโยนร่างไร้ชีวิตของเขาลงพื้นดินอย่างไม่ไยดี

“ทำไมฟลอเรน.. นี่ยังไม่ได้ครึ่งท้องข้าเลยนะ เพราะเจ้า!” แวมไพร์สาวชี้หน้าเด็กสาวบนหลังม้า หน้าตาขึงขัง “เจ้าทำให้ข้าขาดอาหารมานาน เจ้านั่นแหละที่ต้องรับผิดชอบ” เธอบอก คราวนี้ยิ้มเยาะ ฟลอเรนหน้านิ่งเริ่มขมวดคิ้วให้เห็น ในที่สุด..

“เราบอกเธอแล้วว่า พวกเราอยู่ด้วยกันอย่างสงบได้ หากเธอให้ความร่วมมือ เหมือนที่คนอื่นๆยอม” ฮันเตอร์ยังพยายามอยู่แต่ดูเหมือนเธอจะยังไม่มีเวลารอว่าผลของมันจะออกมายังไงเมื่อตอนนี้ที่ปลายตาเห็นมือของบางคนกำลังจะเปิดประตูเหล็กหนาของรถม้าออกมา “หยุดนะ อย่าออกมา!” ฮันเตอร์ตะโกนห้าม หากดูเหมือนเธอจะช้าเกินไป แวมไพร์ที่อยู่ใกล้กว่าใช้พละกำลังเหนือมนุษย์กระชากประตูออกต่อหน้าเธอ หล่อนเอื้อมมือเข้าไปดึงคนในนั้นออกมาหนึ่งคน และกำลังจะ....

ฟลอเรนไม่ขอพูดอีกต่อไปแล้ว มีดสั้นที่ดึงออกมาจากซองที่ต้นขาพุ่งออกไปจากมือ แม้จะไม่โดนแวมไพร์เลยแม้แต่เส้นผม มันก็ทำให้หล่อนปล่อยมือออกจากผู้หญิงน่าสงสารผู้นั้นได้ หล่อนกระโดดหลบมัน

“ฟลอเรน!” จูเลียตะโกนขณะเดียวกันกับที่ฮันเตอร์ขี่ม้ามาเทียบรถม้าและกระโดดขึ้นควบคุมมันแทนคนขับที่ถูกทิ้งเป็นขยะไร้ค่าไปแล้ว ดวงตาสีแดงมองตามหลังรถม้าที่กลายเป็นเงามืดเคลื่อนไหวเร็วมันพุ่งไปบนถนนเส้นเล็กๆที่กำลังจะเข้าสู่เมืองอีกภายในไม่กี่ไมล์ และนั่นก็หมายความว่าอาหารของเธอก็จะไปไกลจนยากที่จะเอื้อมมือถึง ซึ่งเธอจะไม่ยอม!

เลือดของพลขับหนุ่มคืนพลังให้เธอได้พอสมควร จูเลียเริ่มออกวิ่ง หมายจะตามอาหารสองขาอันโอชะให้ทัน หากเธอโชคดีล่ะก็ อาจจะได้ ‘ฟลอเรน มาแชล’ มาเป็นทาสด้วย เธอจะเปลี่ยนหล่อนให้มาเป็นเหมือนที่เธอเป็น

เจ้าชวนข้าไปเป็นพวกหรือ.. เจ้าต่างหากที่สมควรจะมาเป็นพวกของข้า...

แวมไพร์สาววิ่งเข้าใกล้รถม้ามากพอที่เห็นว่าเด็กสาวสิบเจ็ดควบคุมม้าสองตัวที่กำลังตื่นตระหนกได้ดีขนาดไหน สมแล้วที่เป็นเจ้า..คุณหนูมาแชล..

แต่เจ้าเกิดที่หลังข้าเป็นร้อยปี มีหรือที่จะเก่งกว่าข้า!

จูเลียตั้งท่าจะกระโดดลอยตัวขึ้นในอากาศอีกครั้ง เป้าหมายคือนั่งบนหลังม้าตัวใดตัวหนึ่งที่กำลังลากรถอยู่ หากแต่สิ่งที่เธอไม่คาดคิดก็มาถึง เงามืดหนึ่งพุ่งเข้ามาชนร่างของเธอจนกระเด็นออกจากทาง และดวงตาสีโลหิตก็เบิกกว้างอย่างตกใจ เพราะนั่นคือ...

“อัลร์ เรฟแลนด์ ! เจ้าคนทรยศ!” จูเลียตะโกนใส่ร่างสูงในเงามืดที่กำลังเดินใกล้เข้ามาทุกที มนุษย์ปกติอาจจะไม่เห็นหน้าตาหล่อนที่เป็นเจ้าของชื่อนั้น แต่แวมไพร์ย่อมเห็น ผิดเพียงแต่ว่า บางอย่างในตัวของหล่อนจะทำให้เข้าใจผิดไป..

“เสียใจนะจูเลีย.. ข้าไม่ใช่อัลร์” เสียงกระซิบขี้เล่นพาคนฟังกระพริบตางง หากแต่คงไม่ต้องถามให้มากความ เมื่อดวงตาสีแดงคืนกลับเป็นสีเดิมของมันพร้อมเขี้ยวคมที่หดสั้น ความจริงก็ปรากฏ

“แอล!”

“ถูกแล้ว!” หญิงสาวตัวสูงดีดนิ้วเปาะ ยิ้มถูกใจ ดวงตาสีมรกตเป็นประกายในความมืดของราตรี “แค่นี้ก็จำกันไม่ได้หรือไง น่าน้อยใจจริง” แอลกระซิบขี้เล่นแต่มือที่ดึงหอกไม้แหลมออกมาดูไม่ได้เล่นเลย และเธอคงได้ใช้มันกับแวมไพร์ตรงหน้า หากไม่มีใครมาถึงก่อน หล่อนดึงมันไปจากมือเธอให้หันขวับ “อัลร์ มาช้าแล้วยังจะมาตัดหน้าเอาผลงานอีกหรือไง..คู่แฝด!” พูดทีเล่นทีจริงและผู้หญิงหน้าเหมือนเธอก็ยิ้มให้ หล่อนหันไปหาอีกสาวที่กำลังทรงตัวลุกขึ้นจากพื้น

“ไปกับเราเถอะจูเลีย” อัลร์พูดเสียงเรียบแต่มือควงหอกแหลมราวกับหลวงจีนนักสู้จากเส้าหลิน และไม่ผิดที่เธอจะได้ยินอีกเสียงตอบกลับมาทำนองนี้

“ข้าไม่ใช่พวกเจ้า.. เจ้าพวกทรยศพวกพ้อง!”

“เรามาอย่างสันติ..จูเลีย” แฝดพี่พยายามแต่เป็นไปตามคาด เธอต้องหันหน้าหลบลูกดอกหน้าไม้ที่พุ่งมาหา และเมื่อหันมาอีกครั้ง ร่างตรงหน้าก็หายไป

“หนีไปอีกแล้วล่ะ” แอลบอกเสียงเซ็งหากแต่ฝาแฝดของเธอยังนิ่งอยู่ แปลกใจที่หล่อนยิ้ม “คิดอะไรอยู่อัลร์” ถามไปอีกคนก็สั่นศีรษะกลับมา

อัลร์ส่งอาวุธคืนให้เธอและเดินนำหน้า บอกกลับมาเพียงประโยคเดียวว่า “ไปหาฟลอเรนกันเถอะ”

เธอเดินหลังพี่สาวไปเช่นเคย แต่ในใจคิดว่า เรื่องสนุกวันนี้จบเร็วจังนะ หรือว่ามาช้าเกินไป.... ก็ไม่บอกกันเลยนี่นา..ฟลอเรน.. เล่นสนุกอยู่คนเดียวทุกที...


..........................................................


นึกสนุกขึ้นมาจึงหาเรื่องเขียนนิยายเรื่องนี้ให้ภาคเริ่มต้นเมื่อครั้งชาติที่แล้วของนางเอกของเรา "ฟลอเรน มาแชล" ใครไม่เคยอ่านเรื่องนี้มาก่อน แนะนำที่นี่ค่ะ http://yuri-read.net/vampire-hunter-season-1 และนี่ค่ะ  http://yuri-read.net/vampire-hunter-season-2




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.