web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 110
Most Online Ever: 190
(08 กรกฎาคม 2022 เวลา 19:00:55 )
Users Online
Members: 0
Guests: 101
Total: 101

ผู้เขียน หัวข้อ: Hidden Agenda Chapter 5  (อ่าน 1954 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ nuffy

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 93
Hidden Agenda Chapter 5
« เมื่อ: 25 มกราคม 2014 เวลา 08:31:44 »
Chapter 5

ปีนี้ฝนตก น้ำท่วมถึงหน้าต่าง มันคงลดลงยาก ใช่มั้ยเธอ
เมื่อในปีที่แล้ว ผู้คนก็ได้เจอะเจอ น้ำท่วมมา
นั่งอยู่คนเดียว เหลียวมองที่หน้าต่าง หากน้องน้ำเข้าบ้าน ก็คงจะวอดวาย
นายกฯ ไม่รู้ว่าฉันเดือดร้อนเท่าใด ถ้าท่วมบ้านนายกฯ ก็คงเข้าที

กี้เล่นกีต้าร์ร้องเพลงตามคำขอของเพื่อนแต่เนื้อเพลงที่เธอร้องนั้นกลับไม่เป็นไปตามเนื้อเพลงจริงๆ ซึ่งทำเอาผู้ฟังนั่งหัวเราะกันท้องแข็ง จนคนขอเพลงอย่างโชคต้องร้องห้าม

“ไอ้กี้... กูขอเพลงฝนตกที่หน้าต่างของพี่เสก มึงร้องเพลงอะไรของมึงวะ”

“ก็เพลงพี่เสกไง แต่เปลี่ยนจากฝนตกที่หน้าต่างเป็นน้ำท่วมถึงหน้าต่างแทนไง กูกำลังอินเพราะก่อนออกมาทริปนี้ฝนตกหนัก พายุจะเข้า กูกลัวบ้านกูน้ำท่วมเหมือนปีที่แล้ว” สาวเซอร์ตอบ

“กลัวแต่ก็อย่ามาใส่ในเนื้อเพลงสิเว้ย! เพลงพี่เสก ไอด้อลของกูเสียหมด จากฝนตกที่หน้าต่างกลายเป็นน้ำท่วมถึงหน้าต่างเลยนะมึง” หนุ่มสกินเฮดพูด “เล่นใหม่เลย เดี๋ยวกูร้องเอง”

“เออ ได้ๆ”

เสียงกีต้าร์เริ่มขึ้นใหม่อีกครั้งและตามมาด้วยเสียงร้องของโชค หลังจากนั้นก็เป็นเพลงอื่นๆ ตามคำขอของคนนั้นคนนี้

“กลุ่มนั้นเค้าสนุกได้ตลอดเวลาเลยเนอะ” แจน PR สาวพูดกับวีนัสและพีท ดาราหนุ่มหน้าตี๋ที่ได้รับมอบหมายมาร่วมงานนี้จากบริษัท

“ก็ค่ะ... สนุกดี มาทีไรได้หัวเราะท้องแข็งทุกทีเลยค่ะ” ดาราหน้าหวานตอบ ทริปนี้เป็นทริปที่ 3 แล้วที่เธอเข้าร่วมงานกับสถาบันฯ เธอเริ่มคุ้นเคยกับสมาชิกของสถาบันฯ มากขึ้นเรื่อยๆ และการซ้อมในบทกี้ของเธอก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนผู้กำกับชมและออกปากว่าเธอไม่จำเป็นต้องใช้แอ๊คติ้ง โค้ชอีกต่อไป แต่อย่างไรก็ตามเธอก็ยังร่วมงานกับโครงการ CSR ของบริษัทอย่างต่อเนื่อง และเริ่มชินกับการที่ถูกสาวเซอร์เรียกว่า “ดาว” นอกเวลางานบ้างแล้วถึงจะไม่ชอบใจอยู่นิดๆ ก็ตามที

แต่สิ่งที่วีนัสไม่เข้าใจก็คือ ทริปที่แล้วเธอถูกสั่งไม่ได้เดินทางไปกับทีมซึ่งสร้างความโล่งใจให้กับจ๋า ผู้จัดการส่วนตัวของเธอมาก แต่พอมาถึงครั้งนี้เธอก็ถูกทางฝ่าย PR ติดต่อมาว่าให้มาทำกิจกรรมร่วมกับสถาบันฯ อย่างกะทันหัน

‘สงสัยมี Hidden agenda อีกแล้ว’ ดาราสาวคิด

ดาราหนุ่มที่รู้สึกสนุกไปกับเสียงกีต้าร์เพลงเพื่อชีวิตของทีมจากสถาบันฯ ก็เริ่มตะโกนขอเพลงจากอีกฝ่ายบ้าง

“พี่ครับ ผมขอบัวลอย”

ก่อนที่เพลงที่พีทขอจะถูกบรรเลง เสียงของชา หรือปรีชา หนุ่มอีสานผิวคล้ำหนึ่งในทีมของสถาบันฯ ที่มาแทนตั้มในทริปนี้ก็ตะโกนตอบออกมาว่า

“อ้ะๆๆๆ พวกเราไม่ใช่ร้านขายขนมหวานนะคร้าบบ มาขอบัวลอยได้ยังไง” แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็ร้องเพลงบัวลอยให้กับพีทฟังตามคำพอ

“ขอบคุณครับพี่ มันส์มากเลย” ดาราหน้าตี๋บอก

“ไม่มีปัญหาค่ะ... คุณพีทอยากมาช่วยพวกเราร้องเพลงมั้ยคะ” จอยตะโกนถาม

“ไม่มีปัญหา จัดให้เลยครับ”

ดาราหน้าตี๋ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปอยู่ระหว่างกลุ่มจากสถาบันฯ และบริษัท เขาหันหน้าไปหาวีนัสแล้วเริ่มร้องเพลงจีบเธอ

รักเธอคนนี้ 24 ชั่วโมง
เช้าสายบ่ายเย็นก็ยัง I love you
ไม่ว่าจะกินไม่ว่าจะนอน อะไรอะไรยังไงก็เถอะ
หัวใจเปิดให้เธอ All day and night
ให้เธอเข้ามานั่งนอนเดินข้างในใจ
บอกใครต่อใคร ว่าใจข้างในฉันมีเจ้าของก็คือเธอ

(รักเธอ 24 ชั่วโมง: แกงส้ม The Star)

พีททั้งร้องทั้งเต้นพร้อมกับส่งสายตาวิบวับไปให้ดาราหน้าหวาน ทุกคนที่ได้ยินเพลงนี้ก็ต่างพากันโห่ และเป่าปากแซวสองดาราหนุ่มสาวที่มาในทริปนี้ราวกับถูกล็อคตัวมา หลังจากกระแสข่าว Gossip เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพราะดาราหน้าตี๋นั้นไปให้สัมภาษณ์กับนักข่าวออกโทรทัศน์ว่าชอบอีกฝ่ายมากหลังจากที่เธอแสดง MV ร่วมกับเขา และประกาศว่าอยากจะพัฒนาความสัมพันธ์กับเธอให้มากขึ้น มากกว่าแค่เป็นดาราร่วมค่าย ดูเหมือนว่าการเดินทางในครั้งนี้ก็เป็นโอกาสอันดีของเขาที่จะทำอย่างที่เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อเอาไว้

ดาราหนุ่มยังคงร้องเพลงและส่งตาหวานให้วีนัสต่อไป ในขณะที่อีกฝ่ายก้มหน้าหนี ท่าทางของเธอดูเหมือนจะเขินอายแต่จริงๆ แล้วเธอรู้สึกขำกับภาพที่เห็นตรงหน้าเท่านั้นเอง

“โห... เพิ่งจะเคยเห็นร้องเพลงคนจีบกันแบบเสี่ยวๆ เชยๆ ก็วันนี้เองนี่แหละ แถมยังเป็นดาราอีกด้วย แหม... ทำไปได้” สองกระซิบบอกกับกี้ที่ทำหน้าที่เป็นมือกีต้าร์

“เออว่ะ...” สาวเซอร์ตอบสั้นๆ

“แล้วคุณนัสเค้าจะตอบกลับมาว่าเนี่ย นั่งก้มหน้าซ่อนเขินซะขนาดนั้น” สาวหมวยพูดต่อ

“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ” กี้ตอบพลางเล่นกีต้าร์จนจบเพลงแล้วก็ยื่นเครื่องดนตรีให้กับโชค “ไปฉี่ก่อนนะ เดี๋ยวมา” เธอลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากกลุ่มไป

ดาราหน้าหวานที่เห็นสาวเซอร์เดินออกจากกลุ่มไปก็ลุกขึ้นแล้วเดินตามไปทันที เธอเลี้ยวตามอีกฝ่ายเข้าไปในห้องน้ำที่ตอนนี้ไร้ผู้คนยกเว้นพวกเธอสองคน เมื่อเห็นว่าปลอดคนวีนัสก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาชุดใหญ่ สร้างความประหลาดใจให้กับกี้เป็นอย่างมาก

“เอ้ย! คุณเป็นอะไรอ่ะ หัวเราะอย่างกะคนบ้า”

“ก็มันขำนี่นา เกิดมาก็เพิ่งเคยเจอคนร้องเพลงจีบแบบไม่อายใครก็วันนี้นี่แหละ คนอะไรช่างกล้า” วีนัสพูดแล้วก็หัวเราะต่อไป

สาวเซอร์ยิ้ม ก่อนที่เธอจะเดินเข้าห้องน้ำก็พูดออกมาว่า “เหรอ... งั้นก็ดีใจด้วยนะ”

ช่วงระหว่างที่อีกฝ่ายกำลังทำธุระส่วนตัวอยู่ดาราหน้าหวานก็เดินเข้าไปพิงประตูห้องน้ำที่อีกฝ่ายกำลังใช้อยู่แล้วพูดออกมาเบาๆ ว่า

“นี่... คุณคิดว่า... คนที่รักกันแล้วอยู่ไกลกัน ไม่เจอกัน ยังจะรักกันได้อยู่หรือเปล่า”

“หือ... ก็ไม่รู้สิ ก็แล้วแต่คนมั้ง ฉันตอบแทนคนอื่นไม่ได้หรอก”

“เหรอ...” วีนัสพูดแล้วก็ถอนหายใจออกมา

“ทะเลาะกันอีกแล้วเหรอ” กี้ถามอีกฝ่าย

“...อื้อ หนักด้วยล่ะคราวนี้”

ความเงียบเข้าปกคลุมทั่วบริเวณ กี้ได้ยินเสียงถอนหายใจของอีกฝ่ายบ่อยครั้ง ดูท่าทางดาราสาวจะหนักใจกับเรื่องหัวใจของเธอเป็นอย่างมาก ทุกครั้งที่พบกันดาราหน้าหวานมักจะมาเล่าเรื่องนี้ให้กับเธอฟังอยู่เสมอ จนเธอรับรู้ว่าคู่รักคู่นี้มีปัญหากันมากขึ้นทุกทีๆ

“มีคนบอกฉันว่าความสัมพันธ์แบบ Long distance love จะทำให้ฉันต้องเสียใจ โทษทีนะ ฉันไม่รู้ว่าจะพูดเป็นภาษาไทยยังไง” วีนัสพูด

สาวเซอร์กดชักโครกแล้วเปิดประตูออกมา เธอเดินตรงไปที่อ่างล้างมือแล้วพูดว่า “แล้วใครที่บอกคุณล่ะ”

“ก็...”

“หมอดูใช่มั้ยล่ะ” กี้พูดต่อ

“อื้อ”

“จะว่ายังไงดี อันที่จริงฉันก็ไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้เท่าไหร่นะ” กี้หันมาหาดาราสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ

“ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องให้คนอื่นมาบอกว่าอนาคตจะเป็นยังไง นิสัยตัวเองเป็นยังไง จะมีคนรักแบบไหน คนเราทำอะไรมันก็ต้องรู้ตัวสิ ทำไมต้องให้คนอื่นมาคอยบอกด้วย”

วีนัสยืนฟังอีกฝ่ายพูดต่อไปอย่างเงียบๆ “ฉันว่านะไอ้เรื่อง Long distance love ที่คุณพูดมาน่ะ ก็มีแค่ตรรกะง่ายๆ แค่ว่าคุณกับแฟนอยู่ห่างกันและเพราะมันเป็นแบบนั้นก็เลยทำให้จูนกันไม่ติด แฟนคุณอาจจะเหงา หรืออาจจะไปมีคนอื่น ฉันไม่ได้แช่งนะ แต่แค่พูดตามหลักความน่าจะเป็น”

“ฉันเข้าใจ” ดาราหน้าหวานตอบ

“เพราะงั้นฉันว่านะ ตอนนี้คุณมีหน้าที่อะไรคุณก็ทำตามหน้าที่นั้น สิ่งที่คุณทำได้มีอะไร คุณก็แค่ทำมัน ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ต้องฝืน ยิ่งฝืนคุณเองก็ยิ่งเจ็บ อยู่กับตัวเองอยู่กับปัจจุบันดีกว่านะฉันว่า”

“งั้นเหรอ...”

“คุณคิดว่าคุณอ่านใจคนอื่นออก หรือคุณห้ามคนอื่นไม่ให้ทำในสิ่งที่คุณไม่ต้องการได้มั้ยล่ะ” สาวเซอร์ถาม

วีนัสส่ายหน้า “ไม่ได้หรอก”

“ใช่ คุณทำไมได้ คุณห้ามไม่ให้ดาราเพื่อนคุณร้องเพลงจีบคุณไม่ได้ คุณห้ามไม่ให้ฉันเรียกคุณว่าดาวนอกเหนือจากเวลาทำงาน หรือเวลาเดินตลาดนัดไม่ได้...” พูดถึงประโยคนี้ดาราสาวก็หลุดขำออกมา

“แล้วคุณก็ห้ามไม่ให้แฟนคุณชวนทะเลาะไม่ได้เหมือนกันถูกมั้ย”

“ถูกค่ะ”

“เพราะงั้นก็ทำแค่เฉพาะในสิ่งที่ตัวเองทำได้ และคิดว่าน่าจะทำได้ดีกว่า”

“ค่ะ... ขอบคุณนะ” วีนัสพูด

กี้ตอบกลับมาเหมือนเดิมทุกครั้งที่เธอคุยปรับทุกข์ว่า “ขอบคุณทำไม... ฉันยังไม่ได้ทำอะไรให้คุณสักหน่อย”

เสียงหัวเราะของผู้เข้าร่วมประชุมดังขึ้นมาพร้อมๆ กับเสียงกรี๊ดเมื่อพีทและวีนัสเดินมายืนด้านหน้าเวที เสียงชัตเตอร์ดังกันระงมจากกล้องหลายสิบตัวทั้งของช่างภาพจากบริษัท สถาบันฯ หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น และช่างภาพสมัครเล่นอย่างผู้เข้าร่วมประชุม

“แหม... ถ้าเกิดมาหล่อแบบน้องพีทนี่น่าจะดี สาวจะได้กรี๊ดแบบนี้บ้าง” ปรีชาพูดแซวหลังจากที่ปล่อยให้ถ่ายรูประยะเวลาหนึ่ง

“เดี๋ยวนี้เห็นว่าไม่ต้องเกิดมาหล่อแล้วละค่ะ แค่มีเงินก็สวยก็หล่อได้แล้ว” จอยที่ขึ้นไปเป็นพิธีกรคู่กับเพื่อนก็รับมุกต่อทันที

“เหรอครับ ถ้างั้นผมคงต้องเก็บเงินเอาไว้ไปทำศัลยกรรมที่เกาหลี”

“เอ่อ แต่จอยได้ข่าวมาว่าคุณชาไปเกาหลีมาแล้วไม่ใช่เหรอคะ แล้วทำไม...” สาวอวบชะโงกหน้าไปพิจารณาใบหน้าของเพื่อน “ยังออกมาเป็นหินโสโครกแบบนี้อยู่อีกละคะ”

“ผมไปมาจริงๆ นะครับ อันนี้ไม่ได้โกหก” สิ้นเสียงของหนุ่มอีสานทุกคนก็ส่งเสียงออกมาอย่างไม่น่าเชื่อ

“จริงเหรอคะ”

“ครับ ผมซื้อคอร์สทำหน้าที่เกาหลี แต่ดันส่งผมไปเกาหลีเหนือนี่สิ... มันก็เลยออกมาเป็นแบบนี้ไง” เมื่อปรีชาพูดจบทุกคนก็หัวเราะกันยกใหญ่ “แต่ไม่เป็นไรนะครับ ถึงผมจะไม่หล่อเท่าน้องพีท แต่ผมก็อร่อย”

“อะไรอร่อยอ่ะคะ” จอยถามต่อ

“อันนี้ต้องละไว้ในฐานที่เข้าใจ ผมพูดเยอะไม่ได้แถวนี้มีเด็กเยอะ”

หลังจากที่เล่นมุกไปพอหอมปากหอมคอก็เข้าสู่ช่วงพิธีการซึ่งสองดาราที่มาด้วยก็ทำหน้าที่ได้อย่างดี ทั้งพูดคุย กล่าวขอบคุณ มอบของที่ระลึก และหน้าที่อื่นๆ โดยมีทีมจากสถาบันฯ คอยสนับสนุนอยู่

“น้องวีนัส ร้องเพลงหน่อยๆ” ผู้ประสานงานคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาหลังจากที่ดาราหน้าตี๋ขึ้นมาร้องเพลงโชว์ไปแล้ว

“อยากฟังเพลงอะไรเหรอคะ” ดาราสาวถาม

เสียงเสนอเพลงดังขึ้นขรมมาจากด้านหน้าเวที แล้วจู่ๆ ก็มีคนตะโกนขึ้นมาว่า “แพ้ใจ... เมื่อกี้พี่พีทร้องเพลงรักเธอ 24 ชั่วโมงไปแล้ว ขอให้พี่วีนัสร้องเพลงแพ้ใจให้พี่พีทหน่อย”

เสียงกรี๊ดจากผู้เข้าร่วมงานก็ดังขึ้น ดูเหมือนพวกเขาต้องการจะจับคู่ให้กับสองดาราที่มางานในวันนี้เสียแล้ว รายการ Gossip ซุบซิบดาราทำให้คนไทยกลายเป็นแม่สื่อไปได้ถึงขนาดนี้เลยทีเดียวเชียว

“เอ่อ... คือร้องน่ะร้องได้ค่ะ แต่นัสไม่แม่นเนื้อเพลง ขอร้องไปด้วยดูเนื้อเพลงไปด้วยได้มั้ยคะ” ดาราหน้าหวานตอบ และก็ได้ยินเสียงตอบกลับมาว่า “ได้”

วีนัสเดินไปหลังเวทีมองซ้ายมองขวาหากี้ แล้วก็รีบเดินตรงไปหาคนที่เธออยากเจอ “คุณๆ”

“อะไรเหรอ”

“มีเนื้อเพลงมั้ย เพลงแพ้ใจน่ะ”

สาวเซอร์หันไปหาสองทันที “เฮ้ยสอง! ปริ้นท์เนื้อเพลงให้หน่อย... รอแป๊บนึงนะ”

“อื้อ ขอร้องอีกอย่างนึงสิ” ดาราสาวพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ

“ว่ามา”

“ขึ้นไปเล่นกีต้าร์ให้หน่อย ฉันไม่อยากร้องคนเดียว ไม่มี backing track (คาราโอเกะชนิดหนึ่ง มีดนตรีครบขาดแต่เสียงร้อง) มาด้วย” สองมือของเธอกำแน่นด้วยความรู้สึกเกร็งและตื่นเต้นที่จะต้องร้องเพลงที่เธอไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน

‘อยากจะตบปากตัวเองจัง ทำไมถึงไปถามเค้าว่าอยากฟังเพลงอะไร โดนจนได้สิเรา’ วีนัสคิดในใจ

“อ่า ก็ได้ เดี๋ยวไปหยิบกีต้าร์มาก่อน”

ระหว่างที่ดาราสาวกำลังรอเนื้อเพลงจากสอง กี้ก็ขึ้นไปเซ็ตเครื่องดนตรีหน้าเวทีซึ่งช่วงที่เซ็ตกีต้าร์อยู่นั้นเธอก็พูดไปด้วยว่า

“ถ้าใครมาโวยวายว่ารับเงินค่าเดินทางช้า หนูขอโยนความผิดนี้ให้กับคุณวีนัสรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวนะคะ เพราะหนูกำลังเร่งทำให้อยู่ แต่แล้วคุณวีนัสก็มากระชากคอขอให้มาเล่นกีต้าร์ช่วยเค้าน่ะค่ะ จบเพลงแล้วถึงจะลงไปทำงานต่อได้” เสียงหัวเราะของทุกคนก็ดังขึ้น

สาวเซอร์แอบมองที่ด้านหลัง ดาราสาวได้เนื้อเพลงแล้วแต่ยังไม่ครบ “เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เดี๋ยวร้องเพลงแพ้ใจเวอร์ชั่นของหนูให้ฟังก่อนก็แล้วกันค่ะ”

“เก็บใจไว้ในลิ้นชัก เหม็นกลิ่นกายใต้รักแร้ เบื่อกับการดูแล ทาแป้งแคร์ก็ไม่หาย...” กี้เล่นกีต้าร์ร้องเพลงไปแบบขำๆ ที่ทำให้ทุกคนหัวเราะจนท้องแข็งจนปรีชาต้องร้องห้าม

“เฮ้ยๆๆๆๆ แพ้ใจเวอร์ชั่นไหนของแก... มีกลิ่นจั๊กแร้ด้วย”

“เวอร์ชั่นไม่ได้ทาโรลออน” มือกีต้าร์ตอบพลางทำหน้ายียวน

“แพ้ใจเวอร์ชั่นบั่นทอนปัญญามากๆ” ว่าแล้วหนุ่มผิวเข้มก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา “คิดได้ยังไงกันละครับเนี่ยเพลงนี้”

“ก็...” สาวเซอร์จะอ้าปากตอบก็ถูกอีกฝ่ายขัดคอเพราะดาราหน้าหวานเดินยิ้มกว้างๆ มาที่หน้าเวทีแล้ว

“พอเลยๆ อ้า! น้องวีนัสมาพอดีเลย เอาละครับขอเชิญทุกท่านรับฟังเพลงแพ้ใจเวอร์ชั่นของสาวสวยที่ไม่เสื่อมได้เลยครับ”

วีนัสร้องเพลงให้กับทุกคนฟัง ระหว่างที่ร้องไปเธอก็หันไปมองมือกีต้าร์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาสดใส เธอเกือบจะไม่ได้ออกมาจากด้านหลังเพราะหยุดหัวเราะกับเนื้อเพลงที่แต่งขึ้นมาใหม่ของคนๆ นี้ไม่ได้ เธอคิดว่าสิ่งที่กี้ทำเมื่อครู่คงจะทำเพื่อไม่ให้เธอรู้สึกเกร็งกับการที่ต้องร้องเพลงที่ไม่คุ้นเคยและจำเนื้อเพลงไม่ได้ ดาราสาวคิดว่าเธอได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ จากคนๆ นี้มากกว่าบุคลิกที่จะต้องใช้ในงานแสดงเสียแล้ว

...

“อีกแล้วนะจอม จอมโบ้ยความผิดมาให้เราอีกแล้วนะ” วีนัสพูดเสียงดังใส่โทรศัพท์

ดาราสาวเดินวนไปเวียนมาในห้องของตัวเองราวกับหนูติดจั่น เธอกำลังโกรธบุคคลที่อยู่ปลายสายเป็นอย่างมาก

“ถ้าจะโทรมาหาเรื่องทะเลาะกับเราละก็ จอมก็อย่าโทรมาอีกดีกว่า เราเพิ่งกลับมาจากทำงานนะ เราเหนื่อย เราเพลีย...”

หลังจากนั้นวีนัสก็เถียงใส่หูโทรศัพท์อยู่อีกพักหนึ่งก่อนที่จะกดวางสาย เธอโยนโทรศัพท์ทิ้งไปที่เตียงด้วยความอ่อนใจ

“เฮ้อ... บ้าชะมัดเลย”

ดาราหน้าหวานล้มตัวนอนบนเตียง เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดดูอีกครั้ง ภาพในแกลลอรี่เป็นภาพของเธอกับคนรักที่เพิ่งจะทะเลาะกันไปเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว เมื่อเธอเลื่อนดูภาพไปเรื่อยๆ ก็พบกับภาพที่เธอถ่ายรูปร่วมกับทีมจากสถาบันฯ เธอมองไปที่กี้... สาวเซอร์ที่กำลังเล่นกีต้าร์

“ถ้าจะเล่าให้คุณฟัง คุณก็คงจะบอกว่า ‘แล้วยังไง’ อีกใช่มั้ย” วีนัสพูดออกมาเบาๆ

“แล้วคุณก็จะบอกอีกว่า... ‘ฉันไม่ใช่คุณ ฉันคิดแทนคุณไม่ได้’ แล้วคุณก็จะฟังฉันพูดๆๆๆๆ คุณก็จะตอบฉันออกมากวนๆ แต่ก็ทำให้ฉันหัวเราะได้ แล้วก็ทำให้ฉันหายเครียด... เฮ้อออ”

ดาราหน้าหวานหลับตาลง แล้วพูดออกมาเบาๆ ว่า “ถ้าตอนนี้มีคุณอยู่ตรงนี้ก็ดีน่ะสิ”


สามวันต่อมา...

“เฮ้ย! คุณมาได้ยังไงอ่ะ” กี้พูดด้วยน้ำเสียงตกใจเมื่อเห็นร่างของหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่หน้าบ้านตัวเอง

วีนัสที่อยู่ในชุดเสื้อยืด กางเกงยีนส์ธรรมดาๆ ส่งยิ้มเศร้าๆ ให้กับเธอ ใบหน้าของดาราสาวซีดเซียว ไม่แต่งหน้า ดวงตาบวมแดง และใต้ตามีรอยคล้ำเล็กน้อย

“ฉันโทรไปถามคุณสองว่าบ้านคุณอยู่ที่ไหน แล้วก็ขับรถตามคำบอกมาเรื่อยๆ” ดาราหน้าหวานตอบ

สาวเซอร์ขมวดคิ้ว แต่ยังจะไม่ทันเชิญแขกเข้าบ้าน หญิงวัยกลางคนผิวคล้ำร่างผอมก็เดินก็มาจากหลังบ้านแล้วร้องทัก

“กี้... ใครน่ะ ลูกค้าหรือเปล่า”

“ไม่ใช่น่ะน้ากาน เพื่อนกี้เอง” กี้ตอบแล้วกันไปหาดาราสาวว่า “นี่น้าฉันเอง”

“สวัสดีค่ะ... เอ่อ... วี... เอ้ย ดาวค่ะ”

หญิงกลางคนรับไหว้ “สวัสดีจ้ะ... กี้พาเพื่อนขึ้นไปคุยบนบ้านก่อนไป เดี๋ยวน้าเฝ้าหน้าร้านเอง”

“อ้าว แล้วงานหลังบ้านเสร็จแล้วเหรอน้า”

“เสร็จแล้ว เหลือรอปั่นผ้าเท่านั้นแหละ ถ้ายังไงเห็นฟ้าครึ้มๆ ก็ขึ้นไปเก็บผ้าให้น้าด้วยก็แล้วกัน”

“ค้าบบบบ” สาวเซอร์รับคำแล้วก็เดินนำดาราหน้าหวานขึ้นบันไดไป

วีนัสเดินขึ้นมาบนชั้น 3 ของตึกแถวที่ตั้งอยู่บนมุมถนนในซอยแห่งหนึ่งในจังหวัดนนทบุรีที่มีป้ายสติ๊กเกอร์ติดอยู่หน้าบ้านว่า ‘กานดา ซัก อบ รีด’ สองบอกกับเธอว่าที่นี่เป็นบ้านของกี้ เจ้าของบ้านเปิดประตูเข้าไปในห้องซ้ายมือซึ่งดูเหมือนจะเป็นห้องของเธอเอง

“เข้ามาสิ” สาวเซอร์บอก

ดาราหน้าหวานเดินเข้ามาในห้องนอนเล็กๆ ของอีกฝ่าย เธอมองซ้ายมองขวาเพื่อหาที่นั่งภายในห้องที่เต็มไปด้วยหนังสือ ซีดีเพลง กระเป๋าเป้กองอยู่ด้านหนึ่งข้างๆ ชั้นหนังสือ ตู้เสื้อผ้าขนาดกลาง ส่วนตรงกลางห้องก็มีเตียงที่ขนาดคน 2 คนนอนได้แบบพอดีๆ

“อยากนั่งตรงไหนก็นั่งเถอะ นั่งบนเตียงก็ได้” เจ้าของห้องบอก

“อื้อ”

วีนัสหย่อนตัวลงนั่งบนปลายเตียงส่วนกี้ก็ทรุดตัวลงนั่งขัดสมาธิบนพื้นตรงข้ามกับผู้มาเยือนแล้วเอื้อมไปหยิบกระเป๋าเป้เพื่อจัดของลงกระเป๋า

“จะออกต่างจังหวัดอีกแล้วเหรอ”

“อื้อ”

“ครั้งนี้ไปกี่วันล่ะ”

“ก็... 5 วัน”

“เหรอ...” ดาราหน้าหวานพูดออกมาเบาๆ หลังจากนั้นก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

กี้เหลือบตาขึ้นมามองอีกฝ่ายครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “มีปัญหาอีกแล้วเหรอ”

“อื้อ... เค้าบอกเลิกฉันเมื่อคืนนี้”

“บอกเลิกทางไหนล่ะ โทรศัพท์ อีเมล์ Skype หรืออย่างอื่น”

“โทรศัพท์” วีนัสตอบเสียงเบา “เค้าโทรมาว่าฉันแล้วก็บอกเลิก แล้วก็ส่งเมล์มาอีก”

สาวเซอร์ทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอราวกับไม่พอใจ “ทำแบบนี้เป็นฉัน ฉันก็คงจะเลิกแหละ แต่ก่อนเลิกคงจะขอชกหน้าสักทีเพื่อความสะใจ”

ดาราสาวยิ้มออกมาเล็กน้อยกับคำพูดของอีกฝ่าย เธอมองไปรอบๆ ห้องก็เห็นรูปถ่ายครอบครัวที่ตั้งอยู่บนโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็ก

“นั่นพ่อกับแม่คุณเหรอ”

กี้หันไปมองที่รูป “อื้อ... แล้วก็พี่ชายฉัน”

“ฉันยังไม่ได้เจอพวกเค้าเลย อยู่ไหนกันเหรอ”

“พ่อกับแม่ฉันไปสบายแล้ว”

วีนัสอึ้งแล้วรีบพูดออกมาว่า “ขอโทษ”

“หยิบไฟฉายที่หัวเตียงให้หน่อยสิ” สาวเซอร์พูดราวกับไม่ใส่ใจอะไร “ขอโทษทำไม ถ้าพวกเค้าไปแล้วไม่สบายก็คงกลับมานานแล้วสิ แต่ถ้ากลับมาฉันคงไม่เอาด้วยล่ะ... กลัว”

ดาราหน้าหวานหัวเราะออกมาเล็กน้อยกับคำพูดของเจ้าของห้อง “อื้อ... เห็นด้วย ครั้งนี้คุณไปไหนเหรอ”

“สิงห์บุรี เคยไปมั้ย”

“ไม่เคย... ฝากซื้อของฝากหน่อยได้มั้ย”

“ได้ แต่ต้องเอาตังค์มาให้ก่อนนะ ของฝากซื้อ ไม่ใช้ซื้อฝาก”

วีนัสยิ้ม “คุณนี่งกจริงเชียว”

“ไม่ได้งก แต่เรียกว่าแฟร์ๆ กันมากกว่า คุณบอกเองนะว่าฝากซื้อของ ไม่ใช่ให้ฉันซื้อมาฝาก”

“ค่ะ... เข้าใจแล้ว” ดาราสาวยิ้มมากขึ้น “แล้วนี่คุณอยู่กับคุณน้าของคุณแค่ 2 คนเหรอ”

“อื้อ ใช่ หลังจากพ่อกับแม่ฉันตายน้าก็เข้ามาดูแลอะไรๆ แทนให้ ร้านนี้ก็ด้วย”

“กานดา ซัก อบ รีดน่ะเหรอ”

“ใช่... กานดาน่ะชื่อแม่ฉัน ส่วนน้าก็ชื่อกานเฉยๆ น้ามาทำร้านต่อจากแม่เพราะตอนนั้นฉันยังเรียนไม่จบ จริงๆ แล้วก็อยู่ด้วยกันมาตลอดแหละ เพราะน้าก็มาเป็นลูกมือแม่นานแล้ว” สาวเซอร์ตอบ

“แล้วพี่ชายคุณล่ะ”

“บวชเป็นพระ ไม่ได้เจอกันนานแล้ว สงสัยออกธุดงค์ที่ไหนสักที่อยู่มั้ง ”

“แล้วญาติๆ คนอื่นๆ ล่ะ”

กี้เงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่ายที่ยิงคำถามใส่เธอเรื่อยๆ “นี่คุณมาหาฉันที่บ้านเพื่อจะมาบอกฉันแค่ว่าคุณถูกแฟนบอกเลิกหรือจะมาสำรวจสำมะโนประชากรบ้านฉันกันแน่”

วีนัสหัวเราะคิกคัก “ก็แค่อยากรู้เรื่องของคุณบ้างเท่านั้นเอง”

“รู้ไปก็เอาไปซื้อหวยไม่ได้หรอกน่า” สาวเซอร์เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วค้นเสื้อผ้าออกมาโยนลงบนเตียงนอน เธอกำลังเลือกชุดสำหรับออกต่างจังหวัดซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเสื้อยืดกับกางเกงยืนส์

“ช่วยพับมั้ย” ดาราหน้าหวานถาม

“ไม่ขัดศรัทธา”

สองสาวเตรียมของสำหรับออกต่างจังหวัดอยู่อย่างเงียบๆ จนกระทั่งวีนัสพูดออกมาเบาๆ ว่า

“ฉันเจอกับจอมตอนที่เรียนอยู่มหา’ลัยที่อเมริกา จริงๆ แล้วฉันเกิดที่นั่นนะ เกิดแล้วก็ย้ายมาอยู่เมืองไทยได้พักนึง แล้วก็กลับไปเรียนต่อ High school ที่นั่นอีกทีนึง... จอมเค้าเป็นนักเรียนทุนที่ได้ทุนไปเรียนที่นั่น” เธอกำลังเริ่มเล่าเรื่องของตัวเองบ้างแล้ว สาวเซอร์เดาว่าอีกฝ่ายคงกำลังอยากจะระบายความในใจออกมา

“เหรอ... คุณอยู่รัฐไหนล่ะ”

“มิชิแกน” ดาราหน้าหวานตอบ “ฉันเจอกับจอมที่งานเลี้ยงของนักเรียนไทยคนนึง ถึงฉันจะไม่ใช่นักเรียนทุนแต่ก็รู้จักนักเรียนไทยที่นั่นเยอะพอสมควร บ้านฉันมักจะช่วยพวกเด็กนักเรียนทุนที่เพิ่งจะมาอยู่ใหม่ๆ ประมาณว่าพาไปแนะนำร้านค้า สอนขับรถ พาไปสอบใบขับขี่ หรือไม่ก็ทำอาหารไทยเลี้ยงบ้าง”

วีนัสนั่งกอดเข่ามองเจ้าของห้องที่ยังคงจัดของลงกระเป๋าเป้ไปอยู่เงียบๆ

“จอมเค้าเป็นคนน่ารัก เค้าเข้ามาจีบฉันแล้วบอกว่าฉันเป็นรักแรกพบของเค้า เราออกเดทกัน 2 – 3 ครั้งแล้วก็ตกลงคบกัน เค้าน่ารักแล้วก็ใจดีมาก มีเสน่ห์... เค้าร้องไห้ด้วยนะตอนที่ฉันบอกว่าจะกลับมาอยู่เมืองไทยหลังจากเรียนจบ แล้วบอกว่าจะรีบเรียนให้จบแล้วกลับมาอยู่กับฉันที่นี่”

“ถ้าเค้าดีขนาดนั้น แล้วทำไมเค้าถึงบอกเลิกคุณล่ะ” คำถามสั้นๆ ถูกส่งกลับมา เล่นเอาคนถูกถามสะอึก

“เค้าอ้างนู่นอ้างนี่ไปเรื่อยๆ แต่เท่าที่ฉันรู้จากเพื่อนๆ ที่นั่นเห็นบอกว่าเค้ามีคนใหม่”

“ก็นะ... ก็พอจะเดาคำตอบได้อยู่” กี้พูดสั้นๆ

“อื้อ... รู้สึกแย่ชะมัดเลย”

“เหรอ... แต่ฉันว่าดีออกนะ”

“ดีตรงไหน” ดาราหน้าหวานถาม

“ก็ดีตรงที่คุณจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่อง Long distance love ที่คุณเคยบ่นให้ฉันฟังไง ก็ในเมื่อมันจบไปแล้วก็ปล่อยให้มันจบไปแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน หรือไม่ก็หาแฟนใหม่อย่าง... อย่างดาราคนที่ร้องเพลงจีบคุณวันนั้นไง”

วีนัสหัวเราะออกมา “นี่ฉันเพิ่งจะโดนหักอกนะคุณ คุณจะให้ฉันหาแฟนใหม่แล้วเหรอ ไอ้แบบนั้นน่ะไม่เอาด้วยหรอก มาร้องเพลงจีบอะไรแบบนั้น ขำจะตาย”

“เอ๋า! ก็เห็นว่าหมอนั่นจริงใจก็เท่านั้นเอง ทั้งร้องทั้งเต้นส่งตาหวานให้คุณแบบไม่อายพวกฉันซะขนาดนั้น แถมยังออกทริปกับคุณ 2 งานติด รู้เปล่าว่าไอ้จอยมันจิ้นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ถ้าคุณเป็นแฟนกับหมอนั่นจริงๆ ไอ้จอยมันคงจะฟินน่าดู เพราะเชียร์เอาไว้เยอะ... แต่ไม่ได้ว่านะ คนอะไรจีบหญิงได้เชยแล้วก็โบราณมากๆ เป็นดาราแท้ๆ ไม่สร้างสรรค์มุกใหม่ๆ บ้างเลย”

ดาราหน้าหวานหัวเราะออกมาอีกครั้งหลังจากที่เพิ่งจะหยุดไป “ไม่เอาน่า ไม่มีอะไรหรอก... มันก็แค่รักโปรโมทที่บริษัทเค้าจัดขึ้นมาเพราะ MV ที่ถ่ายด้วยกันมีเรตติ้งดียอดดาวน์โหลดพุ่งพรวดก็เท่านั้นเอง” ดาราสาวพูด “ตั้งแต่ฉันทำงานในวงการมานะ Hidden agenda เยอะมาก ทั้งที่รู้ตัวแล้วก็ไม่รู้ตัว แต่ทำไงได้ก็เซ็นสัญญาไปแล้ว บอกเลิกกลางคันเพราะไม่ชอบเรื่องแบบนี้ก็เสียแย่”

“พูดอย่างกะมีใครเอาปืนจ่อหัวคุณให้คุณไปเป็นดาราอย่างนั้นแหละ” สาวเซอร์พูด

“ไม่มีหรอก ก็แค่ฟลุ๊ค ไปซื้อของกับแม่แล้วมีคนเข้ามาทาบทามน่ะ บอกให้ลองไปถ่ายโฆษณา ตอนนั้นเพิ่งกลับมากำลังเซ็งๆ เหงาๆ ไม่มีอะไรทำก็เลยลองไปดู”

“อ่าฮะ... เฮ้ยฝนมามืดเลย ฉันขึ้นไปเก็บผ้าก่อนนะ” กี้รับคำสั้นๆ แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง เมื่อเธอเห็นเมฆฝนครึ้มมาแต่ไกลก็รีบลุกขึ้นยืน

“เดี๋ยวฉันช่วย” วีนัสลุกขึ้นตาม

สองสาวเดินขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้าของร้านซักรีดที่ใช้เป็นที่ตากผ้า สาวเซอร์หอบเสื้อผ้ากองใหญ่ลงใส่ลงในตะกร้าที่เตรียมมาด้วย ระหว่างที่กำลังวุ่นวายกับกองผ้านั้นเธอก็สังเกตอีกฝ่ายที่กำลังเดินเข้าไปใกล้ระเบียงฝั่งที่ไม่มีราวกั้นมากขึ้นเรื่อยๆ

“เฮ้ยคุณจะทำอะไรน่ะ!” กี้รีบวิ่งไปดึงมือดาราสาวให้ออกห่างจากระเบียงทันที ขาของวีนัสกำลังจะถึงขอบระเบียงอีกแค่ไม่กี่เซนติเมตร

“เอานี่ลงไปไว้ชั้น 2 เลย” เจ้าของบ้านยัดตะกร้าผ้าเข้ามือดาราหน้าหวานที่กำลังซึม เธอดูเบลอๆ และเศร้า ซึ่งต่างกับช่วงที่นั่งอยู่ในห้องอย่างสิ้นเชิง

“รีบไปรีบมาล่ะ ยังมีผ้าอีกหลายกอง” สาวเซอร์ตะโกนสำทับอีกทีนึง

เมื่อวีนัสกลับขึ้นมาบนดาดฟ้าก็เห็นกี้กำลังเก็บผ้าปูที่นอนอยู่ เธอวางตะกร้าผ้าลงแล้วเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายเงียบๆ

“อ้ะ” สาวเซอร์ตกใจเมื่อรู้สึกว่ามีคนกอดเธอจากด้านหลัง เธอเอี้ยวตัวไปดูก็เห็นดาราสาวกอดเธออยู่พลางซุกหน้าลงบนไหล่ของเธอ

“ขอโทษ... ฉันไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ ขอโทษ” คนกอดพูดออกมาเบาๆ ราวกับกระซิบ

“เจ็บใช่มั้ย...” กี้พูด

“อื้อ”

“แย่ใช่หรือเปล่า”

“อื้อ... My life is bullshit (ชีวิตฉันแม่งโคตรแย่เลย)” ดาราหน้าหวานพูด

“งั้นก็ร้องไห้ออกมาสิ... จะกลั้นไว้ทำไมล่ะ”

“ฉ... ฉันอาย”

“ไม่เห็นน่าอายเลย ร้องสิร้องออกมาเลย”

สาวเซอร์หันตัวกลับมาแล้วกอดอีกฝ่ายไว้ “ไม่เห็นจำเป็นต้องอดทน ไม่เห็นจะต้องฝืนยิ้มเลย ถ้ารู้สึกเศร้า รู้สึกแย่ อยากจะร้องไห้ ก็ร้องออกมาสิ... if you wanna cry just cry (ถ้าอยากจะร้องไห้ก็ร้องออกมาเลย)”

สิ้นเสียงกี้ น้ำตาร้อนๆ ของวีนัสก็ไหลออกมาและค่อยๆ พรั่งพรูออกมาเรื่อยๆ ไม่หยุด

“ถ้าขมขื่นนักก็ตะโกนออกมาสิ ตะโกนออกมาเลย” กี้บอกกับคนที่เธอกอดอยู่

“God damn it. You are such a bastard, a jerk. Douchebag! Getta Hell Out of My Way! (บ้าเอ้ย ไอ้สารเลว ไอ้คนใจดำ ไอ้แสรดดดด! ไปลงนรกซะไป๊!)” ดาราสาวพ่นคำสบถและคำด่าภาษาอังกฤษออกมาเป็นไฟ

หลังจากร้องไห้ไปได้พักใหญ่ดาราหน้าหวานก็เงียบเสียงลง เมื่อสงบสติอารมณ์ได้แล้วสาวเซอร์ก็เช็ดน้ำตาให้แล้วพูดขำๆ ว่า

“คุณนี่ปากจัดไม่ใช่เล่นเลยนะ ด่าซะแบบว่า... โหย แรงนะเนี่ย ถ้าฉันเป็นคนนั้นนะป่านนี้คงนอนสะดุ้งบวกจามหลายสิบรอบไปแล้ว”

วีนัสหัวเราะ “ก็... คนมันเก็บกดนี่นา ฉันไม่ได้ร้องไห้ให้ใครเห็นง่ายๆ หรอกนะ คุณเป็นคนแรกที่เห็นฉันเป็นถึงขนาดนี้”

“เป็นเกียรติอย่างสุดซึ้งเลยนะเนี่ย ดีนะที่คำด่าพวกนั้นฉันไม่ได้โดนเอง ไม่งั้นคงมีวางมวยล่ะ” กี้ตอบพลางเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า

“อ้าวแดดออกซะแล้ว ดูสิ” สาวเซอร์ชี้นิ้วขึ้นไปด้านบน

“ท้องฟ้าสวยจัง สีฟ๊า ฟ้า” ดาราหน้าหวานตอบพลางมองท้องฟ้าที่เป็นสีฟ้าสดใส

“ถึงฝนจะไม่ตกแต่ก็เรียกว่าฟ้าหลังฝนก็น่าจะได้ละมั้ง” กี้ตอบพลางมองหน้าอีกฝ่าย “ก็น่าจะใช้กับคุณได้เหมือนกัน ร้องไห้ซะเสื้อฉันเปียกไปหมดแล้ว”

วีนัสหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง “ขอโทษที”

“ไม่ให้อภัย”

“แล้วถ้าฉันอยากให้คุณยกโทษให้ คุณจะให้ฉันทำยังไงล่ะ”

“เย็นนี้ว่างมั้ยล่ะ” สาวเซอร์ถาม

ดาราสาวพยักหน้าเล็กน้อย

“งั้นก็ไปด้วยกันหน่อยสิ ถ้าไปแล้วจะยกโทษให้”

วีนัสยิ้มกว้างตอบ “ด้วยความยินดี”




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.