สัญญาซ่อนรัก yuri ตอนที่ 12
โพสต์โดย:
meAyou
วันที่: 21 พฤศจิกายน 2016 เวลา 13:51:01
อ่าน: 879
|
การเริ่มทำตามข้อตกลงเป็นไปอย่างแนบเนียนโดยที่ไม่มีใครระแคะระคายในความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไปของคนทั้งคู่เลยสักนิดเพราะมันเป็นเรื่องสำคัญและเพราะทนแรงเซ้าซี้ไม่ไหวปิ่นมณีจึงต้องรับปากใครอีกคนว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับจนกว่าจะครบหนึ่งอาทิตย์ "รูปนี้ก็สวยนะคะ" เจ้าของประโยคเอ่ยด้วยรอยยิ้มหวานพร้อมๆ กับส่งสายตาระยิบระยับไปให้กับคู่สนทนาที่แทบจะกระโดดลุกหนีเมื่อหันมายังดีที่เธอกดตัวอีกฝ่ายไว้ได้ทันไม่อย่างนั้นคงทำให้สายตาหลายๆ คู่ที่มองมาเกิดความสงสัยเป็นแน่ "อย่าทำตัวมีพิรุธสิคะเดี๋ยวคนอื่นก็สงสัยหรอก" ถ้อยคำเตือนที่ถูกเอ่ยออกมาเสียงเบาทำให้คนตกใจต้องข่มความไม่ชอบใจของตัวเองเอาไว้ก่อนจะรีบปรับท่าทางและสีหน้าให้เป็นปกติที่สุดเพราะเริ่มสังเกตเห็นสายตาสงสัยจ้องมองมาแต่ก็อดไม่ได้ที่จะหันไปแอบดุคนฉวยโอกาสไม่ได้จริงๆ "ออกไปไกลๆ หน่อยได้มั้ยฉันอึดอัด" "ไม่ได้หรอกค่ะถ้าทำแบบนั้นคนอื่นก็ไม่เชื่อสิคะว่าเรารักกัน" "แต่ฉัน?" "นะคะอดทนหน่อยแป๊บเดียวก็ครบอาทิตย์แล้ว" คนพูดเอ่ยด้วยสายตาวิงวอนที่ทำให้คนขี้รำคาญต้องยอมแพ้และใจอ่อนในที่สุดอย่างน้อยก็คิดเสียว่าทำตามความตั้งใจของบิดาและพิสูจน์ให้ท่านได้เห็นว่าเธอไม่มีทางรักคนที่ท่านจับคู่ให้เป็นอันขาด ท่าทางขัดขืนที่หมดไปทำให้สมิตรารู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้างหากแต่เมื่อมองเห็นการก้าวเข้ามาของใครบางคนก็ทำให้ละครเรื่องนี้ถูกจัดฉากขึ้นมาอีกครั้ง "เราจะไปฮันนิมูนที่ไหนดีคะ" "ฮันนิมูน? อะไร" "ก็ที่คุยกันเมื่อคืนไงคะอย่าบอกนะว่าเพลินกับอย่างอื่นจนลืมไปแล้ว" คำพูดสื่อได้สองแบบทำให้คนฟังถึงกับตาโตก่อนจะหันไปมองรอบๆ ตัวอย่างอายๆ เพราะเชื่อว่าคนที่ได้ยินคงคิดกันไปไกลถึงไหนต่อไหนแล้วแน่ๆ "นี่?!" "เขินเหรอคะ" "เลิกพูดเรื่องบ้าได้แล้ว" "ไม่เห็นบ้านิคะน่ารักออกใครๆ เค้าจะได้รู้ว่าคู่เราหวานกันแค่ไหน" "ยังไม่หยุดอีก" คนพูดเอ่ยเสียงดุแต่กลับเรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากคนถูกดุมาเสียได้ให้คนที่มองมานึกอิจฉาและหมั่นไส้กันเป็นแถวโดยเฉพาะคนที่ต้องการมาจับผิดที่แทบไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เห็นเพราะมันไม่มีความเกี่ยวโยงกับสิ่งที่ได้ยินมาเลยสักนิด หากแต่ไม่เป็นไรเพราะเขาจะยังไม่เชื่อและจะพิสูจน์สิ่งที่ได้ยินมาด้วยสายตาของตัวเอง "สวัสดีครับคุณสมิตราแล้วก็คุณปิ่น" พ่อเลี้ยงอรรถกรเอ่ยด้วยท่าทางเป็นมิตรหากแต่สายตากลับจ้องเขม็งไปยังบุคคลที่สองที่ถูกเอ่ยชื่อให้คนถูกมองนึกระแวงจนต้องเคลื่อนตัวไปเบียดคนที่ตัวเองบอกให้ถอยออกไปไกลๆ เสียเอง สมิตราโอบไหล่ปลอบคนตัวสั่นให้หายกลัวทันทีก่อนจะส่งสายตาไม่พอใจไปยังเจ้าของประโยคทักทายอย่างเปิดเผย "ได้ยินแว่วๆ จะไปเที่ยวไหนกันเหรอครับให้ผมเป็นคนพาไปมั้ย" "อย่าลำบากเลยค่ะอีกอย่างนี่มันทริปส่วนตัวคนนอกไม่เกี่ยว" ประโยคเน้นย้ำที่สื่อถึงความต้องการของคนพูดอย่างชัดเจนทำให้พ่อเลี้ยงหนุ่มถึงกับหน้าเสียหากแต่เจ้าตัวก็ยังสามารถปั้นแต่งรอยยิ้มร้ายออกมาได้อีกครั้ง "ผมแค่หวังดีนะครับไม่ได้มีเจตนาอื่นแอบแฝงเลย" "เก็บความหวังดีของคุณไว้เถอะแล้วก็เชิญพักผ่อนในสถานที่ที่ทางรีสอร์ทจัดให้ด้วยอย่าเข้ามาในที่ส่วนตัวโดยไม่ได้รับอนุญาตแบบนี้อีก" "โถ คุณสมิตราครับคนรู้จักกันจะถือสาเรื่องเล็กๆ แบบนี้ไปทำไม" "พ่อเลี้ยงคงเข้าใจอะไรผิดแล้วมั้งคะ" สมิตราเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะลุกขึ้นประจันหน้ากับคนคิดอยากจะลองดีด้วยสายตาเอาจริง "ที่ส่วนตัวก็หมายถึงสถานที่ซึ่งมีเพียงคนของคีรีมาสเท่านั้นที่จะเข้าได้และคงไม่เหมาะที่ใครจะเอาความสนิทสนมมาแอบอ้างพล่อยๆ แบบนี้" "ไม่แรงไปเหรอครับ" น้ำเสียงไม่พอใจถูกเอ่ยออกมาด้วยท่าทางที่ยากจะควบคุมหากแต่พ่อเลี้ยงหนุ่มก็ต้องระงับความโกรธของตัวเองเอาไว้เพราะไม่อยากนำภัยมาสู่ตัวเองมากไปกว่านี้แค่นี้เขาก็ดูออกแล้วว่าทำให้คนตรงหน้าโกรธเข้าให้เสียแล้วและคงไม่ดีแน่หากจะหาเรื่องให้ตัวเองไปมากกว่านี้ "ผม ผมขอโทษครับคุณสมิตราพูดถูกผมควรไปเสียที" "เดี๋ยว!" ใบหน้าตึงถูกฉาบทับด้วยรอยยิ้มอย่างไม่เต็มใจนักหากแต่เจ้าของมันก็ต้องทำเมื่อต้องหันหน้าไปยังเจ้าของเสียงเรียกอีกครั้ง "คุณปิ่นมณีไม่ชอบให้คนแปลกหน้าเรียกชื่อเล่นของเธอครั้งหน้าถ้าเจอกันหวังว่าพ่อเลี้ยงจะจำเรื่องนี้ไว้ด้วย" คนถูกหยามกำหมัดจนแน่นหากแต่รอยยิ้มก็ยังปรากฏไม่จางหายเขากำลังถูกสมิตราหักหน้าอย่างไร้ความปราณีหากแต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้นอกเสียจากเก็บความเจ็บใจซ่อนเอาไว้ข้างใน ในเวลานี้ทุกอย่างชัดเจนแล้วว่านายน้อยของเกาะคีรีมาสจะมีท่าทางเช่นไรหากเขายังไปตอแยกับคนของอีกฝ่ายอยู่ เพิ่งได้รู้ว่าสมิตราน่ากลัวพอๆ กับคนที่เป็นพ่อก็วันนี้นี่แหละ "ผมจะจำเรื่องนี้ไว้ครับไม่ทราบว่าคุณสมิตรามีอะไรที่จะตักเตือนผมอีกมั้ยครับ" "วันนี้ไม่มีแล้วค่ะ" "ถ้างั้นผมขอตัวเลยแล้วกันนะครับ" "เชิญ?" สมิตราผุดรอยยิ้มขึ้นมาน้อยๆ หากแต่กลับทำให้คนได้รับแทบจะล้มทั้งยืนเพราะบนใบหน้าที่เปื้อนยิ้มนั้นมันกลับมีบางอย่างฉายชัดอยู่ในดวงตาที่มองจ้องมาด้วยความแข็งกร้าว "ขอ ขอตัวก่อนนะครับ" คนพูดเดินออกไปอย่างไวให้คนทั้งโต๊ะได้มองตามก่อนที่ทุกสายตาจะหันมาจับจ้องยังใครบางคนที่มีท่าทางเปลี่ยนไปจนน่ากลัวหากแต่พอสมิตราหันไปหาทุกสายตาที่มองมาก็พากันหลบเป็นพัลวัน "ทำเป็นเข้ม" คงจะมีแต่เจ้าของเสียงนี่กระมังที่ไม่มีความหวาดกลัวในท่าทางที่เปลี่ยนไปของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักเลยสักนิดอาจเพราะเธอเคยเห็นมาบ้างแล้วและรู้ดีถึงเหตุผลของท่าทางที่เปลี่ยนไปนี้จนหมดนั้นจึงทำให้ไม่นึกกลัวมันเลยสักนิด "ก็มิหวงพี่ปิ่นนิคะ" คำพูดตรงไปตรงมาทำเอาคนฟังถึงกับหน้าแดงก่อนจะรีบทำหน้าไม่พอใจกลบเกลื่อนอารมณ์ที่อยู่ๆ ก็ปะทุขึ้นในใจอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว "อย่าพูดเล่นบ่อยได้มั้ยฉันอายคนอื่นเค้า" "เล่นที่ไหนคะจริงต่างหาก" "สมิตรา!" "เรื่องจริงนิคะมิเป็นคนขี้หวงคนทั้งเกาะเค้ารู้กันหมดแหละค่ะ" สมิตราเอ่ยด้วยรอยยิ้มหวานก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังใครอีกคนที่ถูกตัวเองหมายหัวอย่างลับๆ และใบหน้าที่ซีดลงของคนถูกมองก็ทำให้เจ้าตัวต้องยกยิ้มออกมาอย่างชอบใจ "มิไปทำงานดีกว่าไว้จะมาหาใหม่นะคะ" พูดจบสมิตราก็ฉกหอมแก้มคนข้างๆ ก่อนจะรีบลุกเดินหนีเพราะฝ่ามือที่เคลื่อนตามมาติดๆ หากแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรเธอได้เพราะไหวตัวทันเสียก่อน ปิ่นมณีมองตามคนลุกหนีอย่างหัวเสียหากแต่พอหันกลับเข้ามาในโต๊ะก็พบเข้ากับสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามของเพื่อนรักทั้งสองหากแต่หญิงสาวก็เลือกที่จะเมินหน้าหนีแล้วหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านแทนเพราะในเวลานี้เธอยังไม่พร้อมจะตอบข้อข้องใจของใครทั้งนั้น อีกแค่หกวันเท่านั้น หกวันเท่านั้นทุกอย่างก็จะจบลงเธอต้องอดทน ต้องอดทนให้ได้!
รอยยิ้มพอใจเกิดขึ้นเมื่อการประชิดตัวครั้งนี้ไม่ได้ถูกต่อต้านจากใครอีกคนและท่าทีสบายๆ ของเจ้าหล่อนก็ทำให้รอยยิ้มพอใจเปิดกว้างมากยิ่งขึ้นก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนมือไปโอบที่เอวของคนที่ยังไม่มีท่าทีขัดขืนอย่างช้าๆ ปิ่นมณีหันไปมองคนที่ทำรุ่มร่ามกับตัวเองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับมาให้ความสนใจกับหนังสือในมือต่ออาจเพราะสองสามวันนี้เธอถูกใครอีกคนจู่โจมประชิดตัวแบบนี้บ่อยเลยทำให้เกิดความเคยชินและที่สำคัญการขัดขืนก็ดูจะไม่ได้ประโยคอะไรมีแต่จะทำให้เธอเสียเปรียบเพิ่มมากขึ้นไปอีก "อ่านอะไรคะ" "หนังสือ" "รู้แล้วค่ะว่าเป็นหนังสือแต่ช่วยเจาะจงประเภทหน่อยได้มั้ยคะ" น้ำเสียงอ้อนที่เวลาได้ยินแล้วทำให้ขนลุกมาตลอดมาบัดนี้เพราะความเคยชินหรืออะไรสักอย่างถึงทำให้คนฟังไม่นึกอยากข่วนหน้าคนพูดอย่างที่ควรจะเป็นหากแต่กลับเกิดความอยากรู้จนต้องหันมามองหน้าคนพูดว่าจะทำหน้าเช่นไรมากกว่า "ทำไมมองหน้ามิแบบนี้ล่ะคะ" "ฉันแค่อยากรู้ว่าเธอจะทำหน้าแบบไหน" "แบบไหนยังไงคะ" "ก็เวลาเธอพูดน้ำเสียงแบบนี้ทีไรก็ชอบทำหน้าอย่างกะเด็กร้องอยากได้ขอเล่น" "ยังไงคะ" "ก็อ้อนเหมือนเด็กขอของเล่นพ่อแม่ไง" "ถ้าเป็นแบบนั้นพี่ปิ่นจะใจอ่อนมั้ยล่ะคะ" "ไม่มีทาง" คนพูดหันกลับมาสนใจหนังสือต่อหากแต่การเอาคางมาเกยที่ไหล่ของคนขี้อ้อนก็ทำให้ดวงตาคู่กลมทอประกายความสั่นไหวออกมาอย่างชัดเจนจนคนที่ร่วมโต๊ะต้องพากันเบือนหน้าไปมองที่อื่นเพราะไม่อาจทนจ้องมองความออดอ้อนของคู่รักได้อีก "คืนนี้เค้าบอกว่าจะมีดาวตกเราไปดูกันนะคะ" "ฉันไม่ชอบคนเยอะ" "มิก็ไม่ได้บอกนิคะว่าเราจะไปดูกับคนอื่น" รอยยิ้มหวานเปิดกว้างเมื่อเจ้าของไหล่บางหันกลับมาจ้องมองยังตัวเองแม้จะไม่มีรอยยิ้มใดๆ ส่งกลับมาหากแต่เพียงได้ใกล้ชิดแค่นี้ก็เพียงพอกับหัวใจของคนที่มักน้อยที่สุดแล้ว สมิตราเคลื่อนหน้าออกห่างโดยมีสายตาละห้อยมองตามอย่างไม่รู้ตัวปิ่นมณีรีบดึงสายตากลับทันทีเมื่อเริ่มคิดได้ถึงอาการแปลกไปของตัวเอง เธอไม่ควรที่จะเป็นแบบนี้หากแต่ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองอ่อนลงไปมากเสียจนแทบจะควบคุมไม่ได้ "ขอเชิญพี่กรองกับคุณพศุตม์ด้วยนะคะ" "จะดีเหรอครับ" "ดีสิคะนานๆ จะมีฝนดาวตกทีพวกคุณจะพลาดได้ยังไง" เจ้าของประโยคเอ่ยด้วยรอยยิ้มก่อนจะหันสายตาไปหยุดยังใครอีกคนที่ทำหน้าตาราวกับคนไม่สบายให้นึกเป็นห่วงจนต้องเอ่ยถามออกมา "พี่กรองไม่สบายหรือเปล่าคะ" "ปะเปล่าค่ะ" คนถูกถามเอ่ยด้วยความตกใจเพราะไม่คิดว่าจะได้รับความสนใจจากใครอีกคนหากแต่รอยยิ้มและความห่วงใยที่ได้รับก็ทำให้กรองแก้วอดที่จะส่งยิ้มตอบกลับไปให้เจ้าของคำถามไม่ได้ "ถ้าอยากได้อะไรหรือเป็นอะไรก็บอกพี่ปิ่นหรือว่ามิได้นะคะ" "ขอบใจนะที่ห่วงพี่แต่พี่สบายดีค่ะ" คนพูดเอ่ยด้วยรอยยิ้มหวานก่อนมันจะค่อยๆ จางลงเพราะภาพของการเอนตัวมาพิงไหล่ของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ สมิตราซึ่งหากเป็นคนอื่นเธอคงคิดไปแล้วว่าทำเพราะหวงของหากแต่นี่เป็นเพื่อนรักของตัวเองซึ่งยืนยันอย่างหนักแน่นว่าไม่ได้คิดอะไรเธอจึงไม่อาจที่จะเข้าใจในการกระทำนี้ได้ จะว่าปิ่นมณีกระทำไปเพราะไม่คิดอะไรก็อาจเป็นไปได้แต่สำหรับใครอีกคนนี่สิที่คงจะชอบใจจนถึงกับละสายตาจากเธอไปอย่างง่ายดาย สายตาแบบนั้นหากขอให้มองมาทางเธอบ้างสมิตราจะให้ได้หรือเปล่านะ?? เปิดจอง "สัญญาซ่อนรัก , ในม่านฝน" วันนี้ - 25 พ.ย 59 1. สำหรับคนที่สั่งจอง 1 เรื่อง ราคาเล่มละ 350 บาท ค่าส่งลงทะเบียน 30 บาท (EMS 50) รวมที่ต้องโอน 380 บาท
2. สำหรับคนที่สั่งจอง 2 เรื่อง ราคา 700 บาท ค่าส่งลงทะเบียน 50 บาท (EMS 70) รวมที่ต้องโอน 750 บาท
สำหรับการสั่งซื้อแบบ pdf ราคาเรื่องละ 250 บาท โอนเงินมาได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย สาขาเซ็นทรัลแอร์พอร์ตเชียงใหม่ 457-211-232-8 ชื่อบัญชี สมทรัพย์ โอนเสร็จแจ้งวันเวลาการโอนมาได้ที่ Mail mydestiny_k@hotmail.com Tel 087-0591110 Line samakae facebook https://www.facebook.com/mea.you.927 ถ้าสั่งแบบpdf ให้แจ้งเมล์ที่จะให้จัดส่งไฟล์ด้วยนะคะ
หมายเหตุ** เรื่องนี้จัดทำเป็น pdf และ e-book แล้วนะคะ ส่วนหนังสือต้องรอสรุปยอดจองถึงจะพิมพ์ได้ อาจจะช้าหน่อยแต่ถ้าได้ยอดที่แน่ชัดจะส่งพิมพ์ทันทีไม่ต้องห่วงน๊า :)
|
Rating: This article has not been rated yet.
|
|
ความคิดเห็น
|