web stats

ข่าว

 


The Twins Diaries - บทที่ 20 You Belong With Me

โพสต์โดย: anhann วันที่: 20 พฤศจิกายน 2016 เวลา 21:06:44 อ่าน: 474




นิยายเรื่องนี้เปิดให้จองแล้ว  สนใจดูรายละเอียดได้ที่ http://www.yuriread.com/index.php?topic=1401.0







บทที่ 20 You Belong With Me




ฤดูหนาวของลอสแองเจลิสเหมือนไม่ใช่ฤดูหนาว  ถ้าเทียบกับบ้านที่สวิตเซอร์แลนด์ของพวกเธอ  เจสซี่มองเม็ดฝนที่พราวอยู่บนหน้าต่าง  มองมันค่อยๆ ไหลลงไปที่ละเม็ด  และคิดเล่นๆ ว่ามันอาจจะกลายสภาพเป็นก้อนหิมะอยู่ด้านล่าง  ตรงพื้นดินพื้นหญ้าข้างบ้านของเธอแทนที่น้ำขังเจิ่งนองน่ารำคาญพวกนั้น  เธอไม่เคยได้เห็นหิมะเลยตั้งแต่ย้ายมาอยู่แคลิฟอร์เนีย  ตอนนี้เลยเริ่มจะคิดถึงบ้านเจอร์ซี่ที่นิวยอร์กขึ้นมานิดๆ แล้วสิ

"ฝนตกหน้าหนาว  ว้าว!" 

นัยน์ตาสีม่วงเทาถูกดึงออกจากเม็ดฝน  เธอลืมไปเลยว่า  เพอร์กินส์มานั่งเล่นอยู่ในห้องด้วย  และแม่เพนนีก็เห็นพ้องด้วยว่า  ดีแล้วละ  เธอจะได้ไม่เหงา  เหงาอะไรกันล่ะ  หนวกหูมากกว่าน่ะสิ!

"ตกลงว่า  ที่นี่ไม่มีหิมะใช่ไหม"  เพอร์กินส์ถาม  นอนคว่ำ  ศอกเท้ากับที่นอน  กระดิกเท้าไปมาอยู่บนเตียง  ตรงหน้ามีหนังสือเรียนกับสมุดปากกาเกลื่อนอยู่

"ยังไม่เคยเห็น"  เจสซี่ตอบสั้นๆ  คิดถึงอากาศเย็นๆ อุณหภูมิติดลบแบบที่บ้านเก่า  "บ้านเธออยู่ไหนนะ  นาโกย่า"

"ใช่  อยากลองไปดูไหมล่ะ"  เพอร์กินส์ชวนอย่างไม่ได้คิดอะไร

"ฉันยังไม่เคยไปญี่ปุ่นเลย" 

เด็กสัญชาติญี่ปุ่นและอังกฤษมองเจ้าของบ้านอย่างไม่เชื่อ  "เฮ้  แต่ฉันจำได้ว่า  เคยเห็นเธอเมื่อนานมาแล้วนะ  ไม่ใช่ที่สวิสด้วย  อ้อ  แต่ตอนนั้นเรายังเด็กกันมากๆ นี่เนอะ"

"ช่าย  ตอนนั้นเธอยังไม่ได้พูดมากปากเสียแบบนี้ด้วย"  เจสซี่ตอบ  พูดตรงจนคนฟังทำตาโต  "ทำไม  แล้วมันไม่จริงหรือไง"

"จริง"  เพอร์กินส์ตอบหวั่นๆ  จ้องหน้าอีกคนนานกว่าปกติ  "ฉันนึกว่าเธอเป็นพวกเนิร์ดๆ  เซื่องๆ เหมือนเจอร์ซี่นะ"

"โอ้  เสียใจด้วยนะ  ที่ฉันไม่ใช่"  เจสซี่ประชด  ทิ้งตัวลงนอนหงายข้างเพอร์กินส์  คว้าหนังสือนิยายที่อ่านค้างไว้ขึ้นมาอ่านต่อ

"เฮ้  นี่นิยายเพี้ยนๆ ของนักเขียนสวีเดนนี่นา" เพอร์กินส์อุทานตื่นเต้น  จับหนังสือในมือเจสซี่มาดูหน้าปก  "ชายร้อยปีผู้ปีนหน้าต่าง  และหายตัวไป"

"เยส  ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะรู้จัก"

"นี่  เห็นแบบนี้ฉันชอบอ่านหนังสือนะ  ถึงจริงๆ มันจะเป็นหนังสือของเอฟที่ทิ้งไว้ก็เหอะ"

เจสซี่ลดหนังสือลง  มองหน้าอีกคนอย่างสงสัย  "เธอสนิทกับเอฟหรือเปล่า  แต่คงไม่  เพราะเขามาอยู่ซานฟรานตั้งแต่เจ็ดขวบ  เธอเกิดแล้วหรือยัง"

"เกิดแล้วสิ  ฉันเกิดปีเดียวกับเธอกับเจอร์ซี่นั่นแหละ"

"เออใช่  ลืมไป" 

เพอร์กินส์ทำท่างอนอย่างหาสาเหตุไม่ได้  แล้วพูดขึ้น  "พอไอ้โย่งมันมาปุ๊บ  ทุกคนก็กลายเป็นของมันไปหมด"

"ใช่เลย"  เจสซี่เห็นด้วย  แปะมือกับเพอร์กินส์อย่างเห็นดีเห็นงาม 

เธอพลิกตัวมานอนคว่ำในท่าเดียวกับเพอร์กินส์  มองตาสีฟ้าซีดจาง  แล้วชวนคุยอย่างที่ไม่คิดอยากทำมาก่อน  "ไหนๆ เราก็ออกไปไหนกันไม่ได้  เรามาผลัดกันเล่าเรื่องของตัวเองกันดีไหม"

"อะไรเจสซี่  เธอเป็นเด็กไฮสกูลหรือไง"  เพอร์กินส์ว่ากึ่งหัวเราะ  "แต่ก็โอเคนะ  มันดีกว่าเธอหน้าบึ้งใส่ฉันทั้งวันเยอะเลย"

"ฉันไม่ได้เป็นแบบนั้นสักหน่อย"  เจสซี่งึมงำ  ไม่ยอมรับทั้งที่ก็รู้ตัว

เพอร์กินส์สั่นหัวอย่างเหลือเชื่อ  ดึงหนังสือที่อีกคนถือเล่นอยู่ออกมาวางไว้  รีดเล่มจนเรียบปิดพับไว้อย่างดี  เธอรู้ว่าเจสซี่มองอยู่จึงพูดขึ้น  "ฉันเคยเข้าไปอ่านหนังสือในห้องเอฟ  แล้วเผลอหลับนอนทับหนังสือเขาเยินหมด  ทีนี้ก็ไม่รู้จะทำยังไง  เลยเอามาซ่อนที่บ้าน  แต่แม่แพทดันเห็นเลยโดนเอ็ดยกใหญ่  แล้วแม่ก็ให้ฉันเก็บเงินค่าขนมไปซื้อเล่มใหม่มาคืน  นั่นแหละ"

เจสซี่เลิกคิ้ว  พอเข้าใจพฤติกรรมการรักหนังสืออย่างผิดบุคลิกของเพอร์กินส์บ้างแล้ว  "เธอเข้าไปเล่นห้องเอฟบ่อยเหรอ  ทั้งๆ ที่ไม่มีใครอยู่น่ะนะ"

"อือ  ฉันชอบห้องเอฟน่ะ  ป้าเม็ททำมันไว้เหมือนตอนที่เอฟอยู่เปี้ยบ  แต่เวลาเขากลับมา  ฉันไม่เคยโผล่ไปเลยนะ  มันอายยังไงไม่รู้สิ"  เพอร์กินส์เล่าเขินๆ  "เธอคงไม่คิดว่า  ฉันเป็นซิสเตอร์คอมเพล็กซ์หรอกนะ"

"ไม่หรอก  บางทีฉันก็ทำแบบนั้น  เวลาแฝดไม่อยู่"  เจสซี่พูด  "แต่ฉันไม่ใช่ญาติเขาจริงๆ นี่นะ  ไม่เหมือนเธอ"

"อ๋อ  เพราะงั้นก็เลยขยับจากเด็กข้างบ้านไปเป็นแฟนได้สินะ"

"นี่พูดมากน่ะ"  เจสซี่ว่า  กระแทกไหล่ใส่เพอร์กินส์จนเกือบตกเตียง 

"ฉันไม่เคยคิดมาก่อน  ว่าจะเป็นแบบนี้"  เธอสารภาพ  นึกดีใจที่มีคนยอมรับฟังคำพูดของเธอด้วยแววตาสนใจใคร่รู้  นอกจากเจอร์ซี่ที่ตอนนี้เหมือนจะไร้ตัวตนไปแล้ว  เธอไม่คิดมาก่อนว่า  ยายเด็กเนิร์ดตาสีมะกอกนั่นจะเป็นแบบนี้ไปได้  แค่มีแฟนคนแรก  แต่มันจะแปลกอะไรในเมื่อเจอร์ซี่แอบรักพี่เอฟของพวกเราทุกคนมาตั้งแต่สามขวบโดยที่ใครๆ ไม่รู้เลย  ยกเว้นเธอ

มันเหมือนเรื่องบังเอิญที่อยู่ๆ เจอร์ซี่ก็พูดขึ้นมาระหว่างโทรทางไกลคุยกันเรื่องการบ้านอย่างทุกวัน  ตอนนั้นแปดหรือสิบขวบ  เธอก็จำเวลาชัดๆ ไม่ได้  แต่จำได้แม่นว่าเจอร์ซี่บอกกับเธอแบบนั้น  แล้วให้สาบานว่าจะเก็บมันเป็นความลับ  เธอก็เก็บมันจริงๆ แม้จะไม่ได้สาบานเพราะคิดว่ามันน่ากลัว  แล้วก็เก็บมันจนลืมไปเลยด้วย  จนกระทั่งตอนโตแล้วมาเห็นสายตาเพื่อนที่ใช้มองพี่เขาอีกทีนี่แหละ  เลยนึกขึ้นมาได้ 

แล้วยายนั่นก็คว้าเอาพี่เอฟไปจนได้จริงๆ ด้วยละ!

"แล้วเธอชอบผู้หญิงเหรอ"  เพอร์กินส์สงสัย  แล้วรีบอธิบายเมื่อเจสซี่จ้องหน้า  "คือว่า  ตัวฉันเองก็ยังไม่แน่ใจไง  ตอนเรียนที่บ้าน  ก็มีเด็กผู้ชายมาจีบๆ อยู่นะ  แบบส่งจดหมายสารภาพมาในตู้รองเท้าที่โรงเรียนเหมือนในการ์ตูนญี่ปุ่นน่ะ  เธอเคยอ่านไหมล่ะ"

"ก็มีบ้างนะ  ในเว็บที่เขาแปลเป็นอังกฤษน่ะ  ไม่เคยซื้อหรอก"  เจสซี่สารภาพอายๆ  "แล้วไง  เธอได้ตอบตกลงหรือเปล่า"

เพอร์กินส์สั่นหัว  "ไม่  ไม่เอาด้วยหรอก"

"ทำไมล่ะ  ก็เธอไม่ได้เป็นเกย์ไม่ใช่เหรอ"

"ฉันไม่ได้พูดแบบนั้น"  เด็กหัวทองปฏิเสธ  "ฉันแค่ไม่แน่ใจเฉยๆ  แต่ที่ฉันแกล้งทำเป็นไม่สนใจจดหมายรักบ้าบอนั่น  ฉันก็มีเหตุผลนะ"

"เหตุผล?"  เจสซี่ทวนคำ  อีกคนพยักหน้า  "เต็มใจจะแชร์ให้ฟังไหม"

เพอร์กินส์มองคนรุ่นเดียวกันอย่างลังเล  แต่ก็รู้สึกว่าอยากจะเล่าให้เจสซี่ฟังยังไงก็ไม่รู้  "ก็...เธอดูฉันสิ  หัวทอง  ตาสีฟ้า  หน้าตาก็แบบนี้  แล้วฉันก็อยู่โรงเรียนญี่ปุ่น  ไม่ได้อยู่นานาชาติแบบเอฟ  แล้วเธอคิดไหมล่ะว่า  ฉันจะไม่เหมือนมนุษย์ต่างดาวในนั้น  ถึงฉันจะพูดญี่ปุ่นคล่องแค่ไหน  ฉันก็ยังดูเป็นคนต่างชาติอยู่ดี  แม้แต่เพื่อน  ฉันยังไม่ค่อยมีเลย  ไม่มีใครกล้าคุยกับฉัน  แล้วจะให้ฉันไว้ใจผู้ชายเหรอ  อย่าดีกว่า"

"โห  แล้วเธอเรียนจบมาได้ยังไงเนี่ย"

"ไม่รู้สิ  ก็จบมาแล้ว  สอบติดยูซีแอลเอด้วย  เห็นไหมล่ะ" เพอร์กินส์อวดอย่างภูมิใจ  เห็นอีกคนเบะปากให้ก็หัวเราะ  แล้วกลับมานิ่งขรึมอีก  "ฉันมีเอฟเป็นไอดอลน่ะ  พอดีฉันเคยได้ยินคุณคิมกับป้าเม็ทคุยกัน  เรื่องที่เอฟต้องปรับตัวมากเลยตอนมาอยู่ซานฟรานใหม่ๆ  เขาโดนคนที่โรงเรียนแกล้ง  เพื่อนร่วมชั้นก็ไม่คุยด้วย  บางทีเจ็บตัวกลับบ้านก็ไม่บอกใคร  แต่เขากลับเรียนเก่งมากๆ  แถมยังเลี้ยงไอ้โย่งได้ด้วย  ฉันก็เลยยึดหลัก  ไม่ต้องไปสนใจใคร  เรียนคนเดียวก็ได้  ไม่เห็นต้องมีเพื่อน  แล้วฉันก็จบมาได้นี่แหละ"

เจสซี่ฟังแล้วเข้าใจทันที  เพราะกรณีของเธอก็คล้ายกัน  "ตอนฉันมาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ ก็เป็นเหมือนกัน  แต่ฉันโชคดีที่มีแฝด"

"น่าอิจฉาจริงๆ"  เพอร์กินส์วิจารณ์  ยิ้มล้อเลียนเจสซี่ที่ส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เห็นด้วย  "แอนดี้น่ารักนะ  แต่ฉันกลัวเอ็ม"

"เอ็มก็น่ารัก  เขาแค่เหมือนพวกตัวร้ายที่จริงๆ แล้วมีจิตใจดีน่ะ"

"ดูๆ ไป  เหมือนเธอจะชอบเอ็มมากกว่าแอนดี้อีกนะ  ไหงกลายเป็นแอนดี้ไปได้ล่ะ  หรือเพราะเขาตื้อเก่ง  หรือเพราะเอ็มมีเมียแล้ว"

"ไม่รู้สิ  จริงๆ นะ  ฉันไม่รู้หรอก"  เจสซี่พึมพำ  "ตอนแรก  ฉันก็คิดว่า  ฉันชอบเอ็มนะ  เขาเป็นพวกตัวร้ายที่เท่ดี  พวกแบดเกิร์ลน่ะ  แต่ฉันก็รู้อยู่แหละ  ว่าเขาเห็นฉันเป็นแค่น้อง  แล้วเขาก็...ชอบคนแบบ  แบบเมียเขาปัจจุบันนี่ละ"

เพอร์กินส์หัวเราะอย่างอดไม่ได้  เพราะท่าทางเขินๆ ตอนพูดคำว่า 'เมีย' ของเจสซี่  "สรุปคือ  นั่นเมียเขาจริงๆ ใช่ไหม  แต่เมื่อก่อนเคยเป็นแฟนแอนดี้ไม่ใช่เหรอ"

"มันซับซ้อนน่ะ  อย่าไปสนใจเลย"  เจสซี่บอกปัด  ไม่อยากพาดพิงถึงคนอื่นมากนัก  "ฉันแค่ได้ยินแว่วๆ  ว่าพวกเขาจะหมั้นกันแล้ว  เหลือแค่แต่งกันก็เป็นเมียแล้ว  เมียตามกฎหมาย  ใช่ไหมล่ะ"

"แต่เป็นเมียตามพฤตินัยมานานโคตรแล้วสินะ"  เพอร์กินส์พูดตรงๆ  เธอพอมองภาษากายออก  ดูออกว่าใครอะไรยังไงกัน  ถึงจะไม่เคยมีแฟนเอง

"เรื่องของเขาเถอะน่า"  เจสซี่ไม่อยากพูดถึง  "ทำงานของตัวเองไปเถอะ  เดี๋ยวก็ไม่เสร็จ  เยอะไม่ใช่เหรอ"

"แล้วเธอล่ะ  ไม่มีรายงานอะไรบ้างหรือไง  ไหนว่าเรียนหมอ"

"ทำเสร็จนานแล้วย่ะ"

"เหรอ  เก่งจัง"  เพอร์กินส์ล้อเลียน  แล้วรีบเปลี่ยนเรื่องเมื่ออีกคนหันมาจ้องเขม็ง  "แล้วตกลงเธอเป็นแฟนแอนดี้หรือยัง"

"ถามทำไม"

"ก็ถ้าไม่เป็น  ฉันจะจีบไงล่ะ"

เจสซี่ทำตาเหลือกทันทีที่ได้ยินแบบนั้น  "ไม่ได้  ไปหาคนอื่น  คนนี้ของฉัน"  เธอว่า  จริงจังจนเพอร์กินส์หัวเราะ  มองอย่างล้อเลียน

"เอาไว้ถึงตาเธอบ้างเถอะ"

"อุ๊ย  เจ้าคิดเจ้าแค้นด้วย"  เพอร์กินส์แซว  แล้วหยุดเมื่ออีกคนทำท่าโกรธจริงๆ  "ล้อเล่นแค่นี้เอง"

"ฉันก็ล้อเล่นเหมือนกัน"  เจสซี่บอก  หัวเราะคิกเมื่ออีกฝ่ายหรี่ตา 

"ฉันไม่อยากเชื่อเลย  ว่าเราเป็นญาติกัน"  เพอร์กินส์เอ่ย  มองเจสซี่แล้วมองอีก  "เธอไม่เห็นเหมือนป้าเจสตรงไหนเลย"

"แล้วเธอน่ะเหมือนตายล่ะ" เจสซี่พูด  ดันหัวเพอร์กินส์ไปห่างๆ อย่างหมั่นไส้  หากอีกฝ่ายก็ยังตอแย  นอนหงายใช้แผ่นหลังเธอเป็นหมอนหนุนหัวเสียอย่างนั้น  "นี่... อะไรเนี่ย --"

"เพื่อความสนิทสนมกลมเกลียวกันไง"  เพอร์กินส์ตอบอย่างขำขัน  เจสซี่ไม่ได้ขำด้วย  แต่ก็ไม่ได้คิดรังเกียจ  หากจะให้ญาติห่างๆ ที่นึกอยากจะมาสนิทกันตอนนี้  จะอาศัยพักพิงบนหลังของเธอนานไปอีกสักหน่อย

.........................................

แอนเดรียกึ่งนั่งกึ่งนอนซุกตัวอยู่ในผ้าห่มบนเตียง  บนตักมีกระดานรองวาดภาพทาบด้วยกระดาษปอนด์  มือคล่องแคล่วขยับร่างภาพอาคารที่อาจารย์ให้ออกแบบไปส่งพร้อมด้วยโมเดล (ที่จะต้องทำทีหลัง  หลังจากร่างนี้ผ่านก่อน) บนโต๊ะเขียนหนังสือข้างๆ อมีเลียก็ทำแบบเดียวอยู่เช่นกัน  ในห้องนี้จึงเงียบสนิท  จะมีแค่เสียงงึมงำของบุคคลที่สามซึ่งกางสมุดบัญชีพร้อมด้วยเครื่องคิดเลขอยู่บนเตียงของแฝดพี่ที่บ่นออกมาเป็นระยะเท่านั้น

"นี่พวกเธอ  หิวกันไหม"  ลิทซ์เอ่ยขึ้นในที่สุด  หมดความอดทนต่อตัวเลขน่าปวดหัวตาลายพวกนี้แล้ว  แค่ฝนตกออกไปไหนไม่ได้ก็น่าเบื่อพอแล้ว  ยังต้องทำงานส่งอาจารย์อีก

"หิว  เอามาเผื่อด้วยนะ"  อมีเลียเอ่ยโดยไม่เงยหน้าขึ้นจากงาน 

ลิทซ์มุ่นคิ้วพอดีกับที่แอนเดรียหันไปเห็นเข้า  ตาสีเทาสบกับสีฟ้า  เธอส่ายหน้าบอกว่า  ไม่เป็นไร  เรื่องจิ๊บจ๊อย  แต่จริงๆ ก็แอบงอนนิดหน่อยละ

"เธอจะเอาอะไรด้วยไหม  แอนดี้"

อมีเลียชะงักดินสอราวกับเกรงว่า  เสียงเวลาที่มันขูดกับกระดาษจะทำให้ไม่ได้ยินเสียงพูดคุยของลิทซ์กับแอนเดรีย  เธอรู้สึกผิดที่ระแวงพวกเขา  แต่ก็แกล้งทำเป็นไม่สนใจไม่ได้ 

"เธอไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ"

เสียงลิทซ์ดังขึ้นใกล้ๆ  แฝดพี่เงยหน้าขึ้นมองก็พบตาสีเทาจ้องอยู่  เธอไม่อยากลุกขึ้น  อยากทำงานต่อ  แต่ด้วยอำนาจอะไรสักอย่างในดวงตานั้น  ก็ฉุดร่างของเธอขึ้นจากเก้าอี้จนได้  แล้วลิทซ์ก็สอดแขนมาคล้องแขนเธอพาออกเดิน  อมีเลียหันมองแอนเดรียอย่างอดไม่ได้  แฝดน้องยักคิ้วแบบล้อเลียนกลับมาให้  มือที่ถือดินสอคาอยู่โบกหยอยๆ  แถมด้วยทำปากจู๋ส่งเสียงจุ๊บๆ แซวตามมาอีกต่างหาก

"ไอ้บ้า  เดี๋ยวโดน"  อมีเลียต่อว่าน้องจอมทะเล้นเสียงเบา  แต่ลิทซ์ก็ยังได้ยิน  แล้วถามว่าเธอพูดอะไร  "เปล่า  รีบๆ เดินไปเถอะน่า"

ลิทซ์มองท่าทีรำคาญของเธอด้วยสายตาเหมือนมองเด็กเล็กๆ  ไม่รู้ว่า  ลิทซ์จะรู้ตัวหรือไม่ว่า  ทำตัวเหมือนแม่เธอขึ้นมากทุกวัน  แต่เธอกลับชอบที่มันเป็นแบบนี้  แล้วหวนนึกถึงเรื่องที่เคยคุยกับคูเปอร์  ที่เขาบอกว่าเธอมีความคิดเหมือนพวกผู้ชาย  ผู้ชายบางคนก็ชอบให้แฟนหรือเมียมีลักษณะคล้ายแม่ของตัวเอง  สามารถจะกอดปลอบเขาได้เวลาเหนื่อยล้าหรือไม่สบายใจ  ให้เขาได้ซุกซบอยู่ในอ้อมอกอุ่นๆ อันเต็มไปด้วยความรัก  ความปรารถนาดี

"สองคนนี้มาพอดีเลย  กลิ่นขนมอบลอยขึ้นไปตามมาหรือไง"  ดาเรนทักรื่นเริงเมื่อเห็นลูกสาวกับแฟนเดินเข้ามาในครัวระหว่างที่ตนกำลังช่วยเอาถาดขนมอบออกมาจากเตาให้ภรรยา 

"มะม๊าให้ช่วยเฝ้าเตาเหรอคะ"  อมีเลียเย้า  น้อยครั้งจะเห็นแม่คนนี้ของตนขลุกอยู่ในครัว  และเรื่องทำขนมแบบนี้มันเรื่องของแม่นิกกี้เท่านั้น

"อยากฟังเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งดีล่ะ"  ดาเรนถาม  น้ำเสียงขี้เล่น  ยกหน้าที่นำคุกกี้มาจัดเรียงใส่ถาดพักให้เด็กสองคนทำแทน 

"งั้นก็เดาได้แล้วค่ะ"  อมีเลียบอกขณะสองมือทำงานอย่างขันแข็ง 

ดาเรนถอนหายใจอย่างหมดสนุก  หันไปหาเหยื่อรายใหม่ที่อาจจะหลงกลยอมเล่นด้วย  "ลิทซ์คะ  หนูทำขนมเป็นไหม"

ลิทซ์ชะงักเหลือบมองอมีเลียเพื่อขอคำแนะนำว่าควรจะตอบว่ายังไงดี  แต่แฝดพี่ไม่สนใจเธอ  นอกจากพเยิดหน้าส่งสัญญาณให้พูด

"ไม่ค่ะ  ไม่เป็นสักอย่าง"  เธอตอบ  หน้าแดงอย่างอับอาย  แปลกใจที่ไม่มีใครหัวเราะเยาะเธอหรือเอ่ยตำหนิ  แม้แต่อมีเลียซึ่งปกติจะหาเรื่องแขวะเธอได้ตลอดเวลา  แถมดูเหมือนว่าตอนนี้เธอจะถูกตาสีช็อกโกแลตสองคู่มองมาอย่างเห็นใจเสียด้วย

"เอ่อ..."

"ฉันจะสอนให้  ถ้าอยากทำ"

"ใช่ค่ะ  ไม่ต้องเกรงใจนะ"  ดาเรนสนับสนุนอย่างจริงใจ  เข้าใจดีว่าลิทซ์ไม่ได้อยู่กับแม่  ใช้ชีวิตตามลำพังมาตลอด  ถึงจะมีรุจิกานต์คอยตามดูแล  แต่มันก็ไม่เหมือนกัน  รุจงานยุ่งออกอย่างนั้น  แล้วยังมีครอบครัวตัวเองอีก

"แต่จริงๆ ให้อมีเลียทำให้ก็ได้นะคะ  รายนี้เขาช่วยแม่นิกกี้ทำประจำ"

"นั่นสิ  ซุ่มซ่ามแบบเธอ  ทำครัวฉันพังหมดพอดี" 

ลิทซ์เกือบจะอ้าปากโต้แย้งอย่างที่เคยทำแล้ว  หากไม่เห็นว่าดาเรนยกแขนขึ้นกอดคอลูกสาว  แล้วทำท่าเหมือนล้อเลียนกัน  แถมยังหัวเราะคิกคักขณะที่อมีเลียหน้าแดงด้วย

พวกเขาเล่นอะไรกันอยู่นะ 

"ป๋าออกไปหามะม๊าเลยค่ะ  เอาขนมไปให้ด้วย"  อมีเลียเอ่ยปากไล่แม่ดาเรนที่เรียกติดปากมาตั้งแต่เด็กว่า ปะป๋า 

แรกๆ ลิทซ์ก็งงอยู่เหมือนกัน  แต่ตอนนี้มันกลับเป็นคำที่ดูน่ารักไปเสียแล้ว  อาจจะเพราะเธอต้องมนต์คนบ้านนี้  ไม่ว่าพวกเขาทำอะไร  ก็ดูดี  ดูวิเศษในสายตาไปเสียหมด

"ทำไมต้องรีบไล่ป๋าด้วยล่ะคะ  เรายังสนุกกันอยู่เลย  ใช่ไหมคะลิทซ์"

ลิทซ์เกือบจะตอบว่า ใช่ ไปแล้ว  หากไม่เห็นสายตาคาดโทษส่งมาจากแฝดพี่เสียก่อน  เธอจึงทำแค่ยิ้ม  และปิดปากสนิท  แต่ดาเรนก็ยังรู้อยู่ดีว่า  อมีเลียทำอะไรกับเธอ  ดูจากสีหน้าเอือมๆ ของสถาปนิกใหญ่ที่มองลูกสาว

"ลิทซ์คะ  บางเรื่องเราก็ต้องแข็งบ้างนะคะ  อย่ายอมให้โดนข่มอยู่ตลอด  มันเสียการปกครอง"

"ป๋า!  ป๋าออกไปเลย  ไม่งั้นหนูจะฟ้องว่าป๋าเสี้ยมลูกสะใภ้ให้แข็งข้อ"

"โอ้  ตกลงยอมรับแล้วเหรอ"  ดาเรนหันมาแซวลูกสาวที่กำลังดันหลังตัวเองอยู่  อมีเลียดูตกใจเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าหลุดปากออกไปคำโต  ส่วนลูกสะใภ้คนที่ว่าก็ยืนหน้าแดงหน้าชมพูอยู่ข้างกล่องคุกกี้

"สงสัยต้องรีบไปขอกับอลิซแล้วละ  เดี๋ยวจะมีคนอื่นมาตัดหน้า" 

"ป๋า  ออกไป!"  อมีเลียโวยวายเป็นครั้งสุดท้าย  มันสามารถไล่ดาเรนออกไปได้สำเร็จ  แต่กว่าจะเรียบร้อย  เธอก็หอบแฮกเพราะแม่ตัวใหญ่กว่ามาก  แล้วก็ยังฉุนจัดอีกด้วย

ฉุนเพราะดาเรนพูดแทนเธอไปเสียหมดแล้ว

ใช้เวลาอยู่เกือบสองนาทีเธอจึงกล้าสบตาลิทซ์ได้  ตาสีเทามองเธอเหมือนคาดหวังให้เธอพูดอะไรสักอย่าง  เธอก็อยากพูดนะ  แต่มันอาย...

"เธอไปก่อนก็ได้  เดี๋ยวฉันยกน้ำตามไป  หรือเธอจะให้ฉันถือคุกกี้ --"

"ฉันชอบบ้านเธอ  ฉันอบอุ่นทุกครั้งที่อยู่ที่นี่"  ลิทซ์เอ่ยแทรก  ยกถาดขนมขึ้น  และกำลังจะเดินไปตอนที่อมีเลียพูดขึ้น

"งั้น...ก็ไม่ต้องไปไหน  อยู่กับพวกฉัน  จนกว่าเธอจะเบื่อ"

"ฉันจะไม่มีทางเบื่อ  และเธอก็ห้ามเบื่อฉันด้วย"  สาวตาสีเทาพูดด้วยรอยยิ้มสดใส  แล้วเร้นตัวหายไปจากปากประตูห้องครัว 

อมีเลียสั่นหัวอยู่ตามลำพัง  ยิ้มและเปิดตู้เย็นหาเหยือกน้ำส้มคั้น

....................................

กว่าฝนจะหยุดตกก็ปาเข้าไปดึกแล้ว  เจสซี่เปิดหน้าต่าง  รับอากาศที่ยังมีกลิ่นดินเปียกน้ำกับกลิ่นฝนจางๆ เข้าปอด  เพอร์กินส์กลับห้องตัวเองไปแล้ว  บอกว่าค่อยเจอกันอีกทีตอนเช้าพรุ่งนี้  ตอนนี้เธอจึงใช้เวลาส่วนตัวอยู่กับความเปียกชื้นหลังฝนตก  ท้องฟ้าไม่มีอะไรให้ดูแล้วแม้แต่นกบินกลับรัง (มันคงกลับไปตั้งแต่เย็นแล้ว  หรือไม่ได้ออกมาเลย)  เหลือแค่เมฆก้อนดำๆ  และแสงไฟสีเหลืองสลัวจากโคมไฟสนามตั้งขนาบกันอยู่บนถนนภายในบ้าน 

เจสซี่ลดสายตาจากท้องฟ้าที่ไร้ความน่าสนใจแล้วไปหาจุดใหม่  อาจเพราะบางอย่างสะดุดตาอยู่ตรงหน้าต่างบานนั้นที่บ้านของฝาแฝด  ตรงห้องของฝาแฝด 

ห้องนั้นมีแสงไฟสว่างจ้าเหมือนห้องของเธอ  แต่แทนที่จะมีคนยืนอยู่หรือถูกปล่อยให้ว่างเปล่า  กลับมีเจ้าหมีเทดดี้สีน้ำตาลตัวเท่าคนโผล่ขึ้นมาโบกมือให้  และต่อมาก็มีกระดาษแผ่นหนึ่งแทรกขึ้นมาตรงพุงเจ้าหมี  อ่านได้ว่า

"หวัดดีเจสซี่  เหงาไหมจ๊ะ"  เจสซี่อ่านมันให้ตัวเองฟัง  เธอหรี่ตามองเทดดี้แล้วส่ายหน้า  แล้วก็มีกระดาษอีกแผ่นขึ้นมาทับแผ่นเดิม  มีตัวอักษรใหม่ที่เป็นลายมือเดิม  ลายมือที่เธอรู้ดีว่าเป็นใคร

"ไม่เหงาก็พูดออกมาดังๆ สิ  แล้วตอบด้วยว่า  คิดถึงฉันหรือเปล่า"

เธออ่านทุกตัวอักษรพลางเหลือบขึ้นมองหน้าเจ้าหมียักษ์  ซึ่งเชื่อว่า  สีหน้าของเธอคงอยู่ในรัศมีการมองเห็นของคนทะเล้นที่เล่นอะไรประหลาดๆ นี้อยู่แล้วแหละ

"ไม่คิดถึงหรอก  คนบ้า  เล่นอะไรเป็นเด็กอยู่ได้" 

"ไม่ได้เล่นนะ  คิดถึงจริงๆ  วันนี้ยังไม่เห็นหน้าเลย" 

เจสซี่ส่ายหน้าอย่างเหลือเชื่อให้กับความไวในการเขียนของผู้ควบคุมเจ้าหมี  แล้วก็วิธีการพูดเลี่ยนๆ แบบนี้ด้วย

"แล้วหน้าตัวเองล่ะ  อยู่ไหน  เห็นแต่เทดดี้ --"

"อยู่นี่แล้ว  พอจะส่งจูบให้สักจุ๊บได้ไหมล่ะ"  ผู้หญิงผมทองตาสีฟ้า  โผล่พรวดขึ้นมาแทนที่หมีเทดดี้ซึ่งโดนเหวี่ยงไปไหนไม่รู้หลังจากหมดหน้าที่ 

เจสซี่ไม่อยากจะยิ้มเลยนะ  แต่กล้ามเนื้อตรงมุมปากมันทรยศเธอ

"ไงล่ะ  เดี๋ยวนอนไม่หลับนะ"  แอนเดรียทวง  ทั้งที่ไม่ได้มีอะไรติดค้างกันสักหน่อย  "เร็วเข้าสิ  เจสซี่  แค่จุ๊บเดียวเอง"

"ไม่เอา  หน้าไม่อายหรือไง  เล่นอะไรบ้าๆ"

"ไม่ทำใช่ไหม  งั้นจะตะโกนแล้วนะ"

"หยุดนะแอนดี้!"  เจสซี่ร้องห้ามหน้าแดง  แต่คนที่ทำให้เธออายยังไม่รู้สึกสำนึกเลย  ยิ้มตาพราวอยู่ตรงนั้นเอง

"เร็วเข้า  เดี๋ยวสองคนนั้นก็มาหรอก"

"โอ๊ย  ทำไมต้องบังคับด้วยนะ"

แอนเดรียเงียบไปอึดใจหนึ่ง  แต่เจสซี่ไม่ทันสังเกตเพราะมัวแต่อายอยู่  จนกระทั่งได้ยินเสียงพูดที่เบาจนแทบไม่ได้ยิน  ยิ่งอยู่ห่างกันแบบนี้ด้วย

"งั้นก็ฝันดีนะ  อย่าลืมห่มผ้า"

"เธอก็ด้วยนะ  อย่ามัวแต่บอกฉัน"  เจสซี่ตะโกน  หยุดคนที่กำลังจะเดินห่างไปจากหน้าต่างบานนั้นไว้ก่อน  เธอกัดริมฝีปากล่าง  ข่มความกลัวกับอะไรไม่รู้ที่ตัวเองไม่เข้าใจ  แล้วเอ่ยต่อ

"ถึงจะไม่ได้พูด  เธอก็รู้อยู่แล้ว  ว่าฉันคิดถึง  บีสอง"  เธอเสียงดังตรงคำสุดท้าย  แล้วผลุบหายลงมาจากกรอบหน้าต่าง  ไม่กล้ารอดูปฏิกิริยาของแอนเดรีย  กว่าจะทำใจค่อยๆ โผล่ขึ้นไปอีกครั้งก็เกือบห้านาทีต่อมา

แล้วเธอก็เห็นกระดาษอีกแผ่นเขียนว่า...

"ห้ามฝันถึงคนอื่นนอกจากฉันนะ  เธอเป็นของฉันแล้ว"

"ขี้ตู่"  เจสซี่พูดแบบนั้น  แล้วหนีหายจากหน้าต่างมาหมกตัวบนเตียง



............................................................


ไม่มีอะไรจะลง  เอาแฝดมาลงดีกว่า  อิอิ

เรื่องแฝดมันเยอะค่ะ  คนมาแยะ  อิอิ   :27:

แล้วเจอกัน  ขอบคุณค่ะ   :44: :45:

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น