web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 183
Most Online Ever: 190
(08 กรกฎาคม 2022 เวลา 19:00:55 )
Users Online
Members: 0
Guests: 157
Total: 157

ผู้เขียน หัวข้อ: ตอนที่ 15  (อ่าน 2202 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Admin

  • แอดมิน
  • เริ่มติด
  • *****
  • กระทู้: 251
  • I'm sociopath. I don't have feelings.
ตอนที่ 15
« เมื่อ: 07 มกราคม 2014 เวลา 18:34:12 »
ตอนที่ 15

   ศศิวิมลเดินมาดูบุตรสาวที่บอกจะจัดกระเป๋าเพื่อเดินทางเองแต่ไม่รู้จัดแบบไหนถึงได้ใช้เวลานานมากขนาดนี้
   “จะขนไปหมดเหรอนั่นน่ะ”
   คนพูดทำหน้าตกใจเมื่อเห็นสิ่งของมากมายวางอยู่บนเตียง
   “ของจำเป็นหมดเลยค่ะ”
   รวิกานต์เอ่ยออกมาพร้อมกับจัดแจงทุกอย่างลงกระเป๋า
   “ไอ้นี่ก็จำเป็นเหรอ”
   คนพูดยกตุ๊กตาหมีตัวใหญ่เกือบเท่าเจ้าของขึ้นมาดู
   “ตัวนี้จำเป็นที่สุดเลยค่ะไปตั้งหลายวันคิดถึงแย่”
   “ทำตัวหยั่งกับเด็ก5ขวบ”
   “แล้วนี่”
   ศศิวิมลเดินไปเปิดกล่องใบใหญ่ที่ข้างในบรรจุของล้ำค่าของเจ้าของห้องแต่หากใครได้มาเห็นคงคิดว่าเป็นกล่องขยะแน่ๆเพราะข้างในมันมีทั้งหนังสือ ทิชชู่ เกม แผ่นซีดีและอื่นๆอีกเยอะแยะมากมาย นี่ลูกสาวเธอคิดจะไปอยู่ที่นั่นถาวรหรือไงนะ
   “แน่ใจเหรอว่าจะเอาไปด้วย”
   “ไม่มีไม่ได้เลยค่ะ”
   “โรงแรมหนูดาวเค้าคงมีให้อยู่มั้ง”
   “ไม่มั้งค่ะพกไปสะดวกดีจะเอาอะไรก็ไม่ต้องไปขอใคร”
   หญิงสาวหยิบฝากล่องมาปิดของสำคัญเอาไว้ก่อนจะหันไปจัดการกับเสื้อผ้ากองโต
   “เหมือนหนูดาวจะบอกแม่ว่าไปอาทิตย์เดียว”
   “เอาไปเผื่อดีกว่าขาดนะคะคุณมลขา…”
   พูดจบรวิกานต์ก็วางมือจากเสื้อผ้าก่อนจะเดินเข้าไปกอดมารดา
   “กานต์ขอจัดเสื้อผ้าแป๊บนะคะ”
   “ก็จัดไปสิ”
   “แม่คะ”
   “แม่ก็ไม่ได้จะมากวนซะหน่อย”
   คนพูดทำหน้างอก่อนจะดึงแขนของคนที่กอดเธอออก
   “ไปก็ได้”
   ศศิวิมลเอ่ยออกมาพร้อมกับเดินออกจากห้องทันทีรวิกานต์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะให้กับการกระทำของมารดาน่ารักแบบนี้สินะคุณพ่อถึงได้หลงจนไม่ยอมออกไปไหน

   ทางด้านคนขี้งอนก็เปลี่ยนเป้าหมายใหม่ เธอเดินลงมาข้างล่างก่อนจะมองไปยังบ้านอีกหลัง
   “หนูดาวจ๊ะ”
   ละอองดาวหันไปตามเสียงเรียกก่อนจะส่งยิ้มคืนกลับไปให้พร้อมกับเดินไปหา
   “สวัสดีค่ะคุณป้า”
   “จ่ะ หนูเก็บของเสร็จแล้วเหรอ”
   “เรียบร้อยแล้วค่ะของดาวมีไม่เยอะ”
   “ดีจัง”
   “คุณป้ามีอะไรหรือเปล่าคะแล้วน้องกานต์เก็บของเสร็จหรือยังคะ”
   “รายนั้นคงต้องรอนานหน่อยไม่รู้จะเอาอะไรไปนักหนา”
   ละอองดาวหัวเราะออกมาน้อยๆกับท่าทางที่คนตรงหน้าแสดงออกมาตอนนี้เริ่มแน่ใจว่าคงจะไม่ใช่เธอคนเดียวที่รู้สึกเบื่อๆเซ็งๆกับรวิกานต์
   “ถ้าขนาดนั้นดาวว่าดาวคงต้องเปลี่ยนเป็นเหมาสิบล้อไปแทนแล้วมั้งคะ”
   “สิบล้อก็ไม่รู้จะพอหรือเปล่า”
   ศศิวิมลอดหัวเราะกับสิ่งที่ตัวเองพูดไม่ได้ก่อนจะปรับสีหน้าให้จริงจังขึ้น
   “ป้าต้องรบกวนหนูด้วยนะ”
   “อย่าพูดแบบนั้นสิคะน้องกานต์ไปช่วยงานดาวดาวต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายพูดขอบคุณ”
   “ป้าว่าจะไปช่วยสร้างปัญหามากกว่า”
   “ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ”
   หญิงสาวสูงวัยส่งยิ้มให้กับคนพูดก่อนจะเอื้อมมือไปจับมืออีกคนเอาไว้
   “ฝากน้องด้วยนะจ๊ะ”
   “อย่าห่วงเลยค่ะดาวจะดูแลให้ดีที่สุด”
   ละอองดาวรับคำอย่างหนักแน่น
   “แต่ถ้าดื้อดาวขอจัดหนักเลยนะคะ”
   “หนูดาว”
   “ดาวพูดเล่นน่ะคะ”
   “เปล่าจ่ะป้าไม่ได้จะว่าอะไรแต่จะบอกว่า…”
   ศศิวิมลปล่อยมือออกจากคนตรงหน้าช้าๆ
   “จัดหนักๆอย่าออมแรงแม้แต่น้อยเลยนะ”
   คนพูดชูกำปั้นพร้อมกับแสดงสีหน้าและแววตาที่แสนเยือกเย็นจนคนมองถึงกับอมยิ้มออกมาให้กับความน่ารักที่ได้เห็นเธอรู้แล้วล่ะว่ารวิกานต์ได้ความทะเล้นมาจากใคร
   “ขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
   “จ่ะ”
   ละอองดาวส่ายหน้าให้กับคำตอบที่อีกคนส่งมาก่อนจะชี้นิ้วไปยังคนที่มาด้านหลัง ศศิวิมลค่อยๆหันไปดูก็พบเข้ากับรอยยิ้มของคนที่คุ้นเคย
   “มาตั้งแต่เมื่อไหร่ผู้ใหญ่คุยกันมาแอบฟังได้ยังไง”
   ศศิวิมลหันมาตีหน้ายักษ์ใส่คนที่จู่ๆก็เดินเข้ามาไม่รู้จักให้ซุ้มให้เสียงทำเอาเธอตกใจหมด
   “ป้าไปเตรียมทำกับข้าวก่อนนะจ๊ะหนูดาวเดี๋ยวจะทำไม่ทัน”
   คนพูดหันมาส่งยิ้มให้คนที่ยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งก่อนจะเดินออกไปโดยไม่สนใจคนที่เพิ่งมาแม้แต่น้อย
   “นี่เพิ่งบ่ายสองเองนะคะ”
   รวิกานต์ตะโกนไล่หลังมารดาที่แกล้งทำเป็นไม่สนใจเธอดูสิว่าคนที่เดินไปจะตอบว่าอะไร
   “เรื่องของแม่”
   ช่างเป็นบทสรุปของคำตอบได้ดีจริงๆดูสิแม่เธอนี่สุดยอดจริงๆหญิงสาวถอนหายใจเบาๆก่อนจะหันไปมองคนที่จู่ๆก็หัวเราะออกมาเสียงดัง
   “ขำอะไรของคุณ”
   “คุณป้าน่ารักดีเนาะ”
   “แม่กับลูกก็ไม่ต่างกันหรอกค่ะ”
   การหัวเราะแทบจะหยุดลงในทันทีที่ได้ยินประโยคจากคนตรงหน้าจากนั้นหญิงสาวตัวเล็กก็ทำการสำรวจคนพูดตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ
   “ถ้าเป็นคุณกรฉันไม่เถียงเร็วๆล่ะให้เวลาอีก5นาที”
   พูดจบละอองดาวก็เดินกลับเข้าบ้านทันทีทิ้งให้คนที่ยืนอยู่ต้องหงุดหงิดกับประโยคที่ได้ยินนี่แหละน๊าผู้หญิงบ้าผู้ชายจนไม่ลืมหูลืมตา…ว่าแต่ได้ข่าวว่าเธอก็เป็นผู้หญิงเหมือนกันนี่นา

   รวิกานต์ถึงกับยิ้มกว้างออกมาเมื่อเดินทางมาถึงยังโรงแรม หญิงสาวเดินลงรถแต่แทนที่จะเข้าโรงแรมเจ้าตัวกลับวิ่งไปทางทะเลแทน
   “นี่เธอจะไปไหน”
   ละอองดาวเปิดประตูรถตามลงมาแต่ก็ไม่ทันเมื่อคนตัวสูงวิ่งหายไปแล้ว
   “ยัยบ้าเอ้ย”
   หญิงสาวหันไปเรียกพนักงานให้มาเอากระเป๋าและรถไปเก็บจากนั้นเธอจึงรีบเดินไปตามเด็กไม่รู้จักโตที่หายไปทางหาด
   “ไปไหนของเขา”
   คนพูดหันซ้ายมองขวาก็ยังไม่เห็นคนที่มาก่อนเลยแม้แต่เงายิ่งเวลาผ่านไปนานเธอก็ยิ่งรู้สึกเป็นห่วงอย่างบอกไม่ถูกหรือว่า…หญิงสาวหันไปสำรวจในทะเลอย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่พบสิ่งมีชีวิตอยู่ในนั้น ละอองดาวถอนหายใจอย่างโล่งอกอย่างน้อยยัยบ้านั่นก็ไม่ได้นอนอึดอยู่ในน้ำแต่…
   “รวิกานต์!”
   นี่คงเป็นครั้งแรกที่หญิงสาวเอ่ยเรียกชื่อใครเสียงดังแบบนี้เพราะเธอเห็นแล้วว่าคนที่ตามหาอยู่ไหนและไม่ต้องเสียเวลาคิดอะไรให้มากมายละอองดาวก็รีบวิ่งลงไปในน้ำทันทีทั้งๆที่แน่ใจว่าเมื่อสักครู่ไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้นแท้ๆแต่เพียงแค่เสียววินาทีเธอก็พบว่าร่างของคนที่ตามหาค่อยๆลอยขึ้นมา
   ละอองดาวว่ายน้ำเข้าไปคว้าตัวคนที่ลอยคออยู่ในน้ำเข้ามาจากนั้นหญิงสาวจึงลากร่างที่ไร้สตินั้นเข้าหาดก่อนจะเขย่าเรียกชื่อคนที่นอนอยู่
   “รวิกานต์ตื่นสิตื่นเดี๋ยวนี้”
   คนเรียกทั้งเขย่าทั้งตีแต่คนที่นอนสลบอยู่ก็ยังคงนิ่งไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อยจนละอองดาวต้องค่อยๆก้มเอาหูแนบกับอกซ้ายของคนที่นอนอยู่เธอกำลังกลัว…กลัวว่าจะไม่ได้ยินเสียงหัวใจของรวิกานต์เต้น ตอนนี้ความกลัวมากมายกำลังก่อตัวขึ้น เธอกลัวมากซะจนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหวแต่แล้วหญิงสาวก็ต้องเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มอย่างเร็วเพราะคนที่เธอคิดว่าตายไปแล้วกำลังระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
   “นี่เธอ!”
   รวิกานต์หัวเราะออกมาอย่างสุดจะกลั้นความจริงตั้งใจจะแกล้งแค่ให้อีกคนตัวเปียกไปกับเธอเท่านั้นแต่ไม่รู้ทำไมมันถึงเลยเถิดมาได้มากขนาดนี้
   “ตลกมากหรือไง!”
   ละอองดาวเอ่ยออกมาด้วยความโกรธ เธอล่ะเกลียดคนที่ชอบเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่นเห็นความรู้สึกของคนอื่นเป็นของเล่นหรืออย่างไร
   ส่วนรวิกานต์ก็ค่อยๆหุบยิ้มเมื่อเริ่มเห็นคนตัวเล็กมีอาการโมโหมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
   “ไม่ตลกค่ะ”
   “แต่เธอหัวเราะ”
   “เอ่อ…งั้นตลกนิดหน่อยก็ได้ค่ะ”
   “รวิกานต์!”
   คนถูกดุไม่รู้จะงัดคำตอบอะไรมาเพื่อให้คนตรงหน้าพอใจเธอรู้ว่าครั้งนี้เล่นแรงเกินไปจริงๆ   
   “ฉันขอโทษ”
   “เธอก็เก่งแต่ทำร้ายความรู้สึกคนอื่น”
   หญิงสาวตัวเล็กเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงตัดพ้อก่อนจะลุกเดินกลับไปทางโรงแรม รวิกานต์ตกใจกับท่าทางที่อีกคนแสดงโดยเฉพาะสายตาที่ละอองดาวมองมามันทำให้เธอรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก
   “ฉันขอโทษ”
   รวิกานต์วิ่งอ้อมไปดักหน้าคนที่กำลังจะเดินไปแต่ก็เหมือนเธอพูดคนเดียวเมื่ออีกคนไม่มีท่าทีที่จะสนใจเลยแม้แต่น้อย
   “คุณดาวยกโทษให้ฉันนะคะ”
   การเรียกชื่อออกมาทำให้คนฟังรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกแต่มันก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้เธอใจอ่อนได้ คนง้อรู้สึกกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูกถ้าหากเป็นพ่อของเธอจะง้อแม่ยังไงนะหญิงสาวใช้ความคิดอยู่นานก็ไม่อาจหาคำตอบได้แบบนี้มันต้องรวิกานต์วิ่งไปช้อนตัวคนหน้าบูดขึ้นมาอุ้มก่อนจะแกว่งแขนไปมา
   “ทำอะไรของเธอปล่อยนะ”
   ละอองดาวทั้งทุบทั้งหยิกคนที่อยู่ๆก็อุ้มเธอวิ่งลงทะเลแต่อีกคนก็ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยเลยแม้แต่น้อยหน่ำซ้ำยังแกว่งแขนแรงยิ่งกว่าเดิมจนเธอต้องเปลี่ยนจากการทุบมาเป็นการโอบรอบคอกันตกแทน
   “ไม่ดิ้นแล้วเหรอ”
   คนทำพิเรนยังไม่หยุดแกว่งแถมด้วยพูดแซวให้คนตัวเล็กต้องได้อายแต่ละอองดาวจะมีปัญญาไปทำอะไรได้นอกจากเกาะให้หมั้นที่สุด
   “ปล่อยฉันเดียวนี้นะ”
   ถึงเธอจะแสดงออกทางร่างกายไม่ได้แต่เธอก็ยังมีปากที่ส่งเสียงได้ หญิงสาวตัวเล็กตะโกนร้องออกมาอย่างดังจนคนอุ้มต้องหยุดการแกว่งแขนไปก่อนจะค่อยๆก้มหน้าเอาจมูกไปแตะกับจมูกของคนขี้โวยวายแทนและก็ได้ผลเมื่อละอองดาวหุบปากลงจะทันที
   “ดีมากถ้าไม่เงียบคุณคงรู้นะว่าส่วนต่อไปที่จะติดกันของเราคืออะไร”
   รวิกานต์เอ่ยออกมาเสียงเบาก่อนจะยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย
   “ฉันจะปล่อยคุณก็ได้แต่คุณต้องยกโทษให้ฉันก่อน”   ละอองดาวสะบัดหน้าไปทางอื่นทันทีคิดใช้ไม้นี้กับเธอเหรอไม่มีทาง
   “ก็ได้”
   คนพูดเอ่ยออกมาสั้นๆพร้อมกับย่อตัวลงนั่งในทะเลช้าๆทำให้คนที่เธออุ้มอยู่ตกใจจนเผลอกอดเธอแน่นมากขึ้นกว่าเดิม
   “ทำบ้าอะไรของเธอ”
   “ก็คุณไม่ยกโทษให้”
   “แล้วยังไงก็ปล่อยฉันไปสิ”
   “ไม่ได้ถ้าคุณไม่ยกโทษให้ฉันก็จะคุกเข่าอยู่ตรงนี้”
   รวิกานต์พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
   “เธอก็ปล่อยฉันสิเอาไว้ถ้าฉันยกโทษให้เดี๋ยวจะมาตาม”
   “ไม่ได้ถ้าคุณหาว่าฉันไม่ได้คุกเข่าอยู่ตรงนี้ตลอดฉันก็แย่สิ”   
   “พูดอะไรของเธอ”
   หญิงสาวตัวเล็กอดไม่ได้ที่จะหันมามองหน้าคนที่ไม่ยอมปล่อยตัวเองโดยที่ลืมคิดไปว่าเธออยู่ใกล้กับอีกคนมากแค่ไหน ตอนนี้เวลาหัวค่ำแสงของพระอาทิตย์กำลังกระทบเข้ากับผิวน้ำทะเลทำให้เกิดแสงสีทองสะท้อนไปทั่วหากแต่สิ่งที่ละอองดาวมองอยู่ตอนนี้กลับเป็นชายฝั่งและดวงตาที่เธอคิดว่ามันเปล่งประกายซะยิ่งกว่าสีของน้ำทะเลซะอีก
   “เราต้องอยู่ด้วยกันที่นี่จนกว่า…”
   รวิกานต์ยิ้มออกมาน้อยๆถึงแม้ตอนนี้น้ำทะเลจะมีอุณหภูมิที่ต่ำลงแต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกหนาวเลยแม้แต่น้อยหญิงสาวดึงมือออกมาข้างหนึ่งก่อนจะค่อยๆเอื้อมไปสัมผัสกับเส้นผมที่เปียกปอนของคนตรงหน้า   
   “พูดว่ายกโทษให้ฉันสิคะ”
   ประโยคนั้นดังขึ้นราวกับกำลังสะกดจิตคนที่หยุดนิ่งให้ต้องพูดตามและมีหรือที่ครั้งนี้ละอองดาวจะเอ่ยสิ่งอื่นออกมาได้
   “ฉันยกโทษให้ก็ได้”
   “เราดีกันแล้วนะ”
   หญิงสาวตัวสูงเอ่ยออกมาก่อนจะค่อยๆโน้มหน้าเอาจมูกไปติดกับคนตรงหน้าอีกครั้ง
   “เวลาพ่อง้อแม่สำเร็จก็จะทำแบบนี้แหละ”
   พูดจบรวิกานต์ก็ปล่อยตัวคนที่อยู่ในอ้อมกอดก่อนจะเปลี่ยนเป็นจับมือแล้วเดินจูงมือเข้าฝั่งช้าๆส่วนละอองดาวก็ได้แต่เดินตามอย่างเงียบๆหญิงสาวมองที่แผ่นหลังของคนที่เดินนำหน้าด้วยหัวใจที่เต้นแรง…เธอกำลังต้องมนต์อยู่ใช่มั้ย
 




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.