web stats

ข่าว

 


Viewfinder - บทที่ 13 Lips Don't Lie

โพสต์โดย: anhann วันที่: 21 กันยายน 2019 เวลา 23:28:45 อ่าน: 593



บทที่ 13 Lips Don't Lie





นารูมิได้กลับบ้านตัวเองเมื่อจอร์แดนกลับมา  เธอจึงคิดว่าจะมาทำความสะอาดบ้านที่ปล่อยร้างมาเกือบเดือน  แต่ปรากฏว่าไม่มีอะไรให้ทำ  ดูเหมือนจะมีคนใจดีส่งคนมาทำให้ก่อนแล้ว  แม้แต่หญ้าในสนามก็ไม่เหลือ 

คนที่ชอบใช้เงินแก้ปัญหาทุกอย่าง

ในเมื่อไม่มีอะไรทำอีก  เธอจึงเดินเข้าห้องแม่  เป็นห้องเดียวที่ไม่มีใครมายุ่มย่ามด้วย  เธอล็อกกุญแจเอาไว้  และกุญแจนั้นก็ห้อยอยู่ที่คอเธอตลอด  เธอไม่ต้องการให้ใครมายุ่งกับห้องแม่  เธออยากทำดูแลมันเอง 

จักรเย็บผ้าเก่าๆ ไร้คนใช้งานมาสองปีแล้ว  มีผ้าสีขาวคลุมกันฝุ่น  ตู้เก็บแบบแปลนผ้า  ตู้เก็บอุปกรณ์  โต๊ะเขียนหนังสือตัวเล็ก  เตียงนอนขนาดสามฟุตครึ่ง  ตุ๊กตาหมีตัวโต (ที่เธอเคยแซวแม่ว่าคนแก่เขาเล่นตุ๊กตากันด้วยหรือ  แล้วโดนดุกลับมาว่าอย่ายุ่ง) ก็ยังอยู่บนเตียง  นั่งติดกับผนัง  มองมาทางเธอด้วยสายตาว่างเปล่า  ไร้ชีวิต  ตุ๊กตาก็ไม่มีชีวิตอยู่แล้วนี่นา

นารูมิกำลังจะเดินออกไปเอาอุปกรณ์มาทำความสะอาด  แต่กลับเจอใครบางคนที่ไม่คิดว่าจะมาที่นี่ได้  และเธอก็ไม่แน่ใจว่าควรดีใจดีไหม

"ขายไหม"  วิคโตเรียเอ่ย  เดินมองภายในห้องนั่งเล่นอุดอู้  แต่ไร้ฝุ่นกวนใจอย่างพิจารณา  และคิดว่าครั้งหนึ่งมันคงเป็นห้องที่อบอุ่นน่าดู

"ไม่ค่ะ"  นารูมิตอบ  "ฉันพอจะมีเงินเสียภาษีให้มันอยู่"

"ก็แค่ถามดูเฉยๆ  ยังไงเธอก็ไม่ได้อยู่ที่นี่อยู่แล้ว"

"พอคุณเลิกจ้างฉัน  ฉันก็จะกลับมาอยู่  หรือหลังจากคุณคลอด"

"งั้นฉันคงต้องท้องใหม่สินะ  ถ้าจะให้เธออยู่ด้วยต่อ"  วิคโตเรียพูดหน้าตาย  นารูมิส่ายหน้า  มองเธอเหมือนเห็นเธอเป็นบ้าไปแล้ว

"ก็เธอชอบทำแบบนั้น  ทำให้ฉันรู้สึกว่าเธอสนใจฉันเพราะฉันมีลูก  หรือเธอชอบนอนกับผู้หญิงท้อง"

"ฉันไม่เคยมีอะไรกับผู้หญิง  คุณคนแรก"  นารูมิแก้  หงุดหงิดที่เห็นวิคโตเรียอมยิ้มเหมือนชอบใจ

"คุณมาทำไมคะ  วันนี้วันหยุดฉันนะคะ  เท่าที่จำได้"

"มาเที่ยวมั้ง"  วิคโตเรียตอบหน้าตาเฉย  เดินสำรวจบ้านราวกับเป็นของตัวเอง  เข้าห้องนั้นออกห้องนี้  แต่พอถึงห้องหนึ่ง  แค่ยืนอยู่ตรงหน้ามัน  นารูมิก็เดินมาขวางทางแล้ว

"ห้องนี้ขอค่ะ" 

"ทำไมล่ะ"  คนเอาแต่ใจถาม  ตามองเข้าไปข้างในห้องที่ประตูถูกเปิดค้างไว้  เธอสะดุดตากับจักรเย็บผ้าเก่าๆ  จึงเดาได้ว่าห้องนี้เป็นห้องใคร  เธอจึงอาศัยความตัวเล็กให้เป็นประโยชน์  ก้มตัวลงลอดใต้แขนนารูมิที่กั้นประตูอยู่  แล้วเดินเข้าไปหน้าตาเฉย  เจ้าของบ้านจึงได้แต่ถอนใจเฮือกก่อนจะเดินตามเข้ามา

"ไม่มีอะไรให้ดูหรอกค่ะ  ไม่มีอะไรน่าดู"

"แค่อยากรู้ว่าทำไมเธอจะต้องหวงนักหนา"  วิคโตเรียพูด  "ทำไมจะต้องลำบากมาทำความสะอาดเอง  แม่บ้านพวกนั้นไม่ขโมยของหรอก  ถ้าขโมย  ฉันจะจัดการให้"

"คนแบบคุณไม่มีทางเข้าใจหรอก"  นารูมิหลุดปาก  คนสูงแค่ติ่งหูจึงเงยหน้าขึ้นมองเธออย่างไม่พอใจ  "ขอโทษค่ะ  ฉันหมายถึง..."

"ถูก  ฉันไม่เข้าใจหรอก  เรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้"  วิคโตเรียยอมรับ  เดินต่อไป  พลางใช้ปลายนิ้วลากไปตามเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ภายในห้อง  ยู่คิ้วเมื่อพบว่ามีฝุ่นติดมา  และผ้าเช็ดหน้าก็ถูกส่งมาให้เธอเช็ดมันออก

"ฉันยังไม่ได้ทำความสะอาด  คุณมาเร็วไป"  นารูมิบอก  รับผ้าคืนมาจากมือเรียวเล็กน่าทะนุถนอมแบบคนไม่เคยทำงานหนักมาก่อนในชีวิต  ไม่เหมือนเธอที่มือใหญ่หยาบกร้านสมบุกสมบัน  แต่วิคโตเรียกลับชมมันว่าสวยและแข็งแรงดี

"คุณออกไปรอข้างนอกได้ไหมคะ  ฉันขอเวลาครึ่งชั่วโมง  หรือจะกลับบ้านไปก่อนก็ได้  เดี๋ยวฉันตามไป"

"ฉันจะรอในห้องโถง  หรือเธอเรียกมันว่าอะไรนะ  ห้องนั่งเล่น..."

"ห้องนั่งเล่นค่ะ  คุณผู้หญิง" 

วิคโตเรียลอบยิ้มชอบใจ  เธอจับปลายคางนารูมิอย่างหยอกเอิน  จูบแผ่วเบาบนริมฝีปากสวย  ผละออกและเดินออกไปจากห้อง  นารูมิมองตามหลังหล่อน  ไม่เคยเข้าใจวิคโตเรียเลยสักที 

แต่ผู้หญิงบางคนก็ไม่ได้มีไว้ให้เข้าใจ  แค่ตามใจหล่อนก็พอแล้ว

.........................................

เรานั่งรถไฟอีกสองต่อเพื่อไปหุบเขามิโนะ  ใช้เวลาร่วมสามสิบนาทีในการเดินทางจากที่พักในอูเมดะไปจนถึงสถานีรถไฟมิโนะ  และทางเดินขึ้นเขาก็เริ่มต้นจากที่สถานีนี้เลย

นับเป็นการเดินทางถ่ายทำรายการที่ค่อนข้างลำบากสำหรับแอนน์  เธอไม่เคยทำรายการแบบนี้  ส่วนใหญ่เธอก็จะนำเที่ยวอยู่แต่ในนิวยอร์กและนิวเจอร์ซีย์  ไกลสุดเกาะโคนีย์  ใกล้ๆ บ้านเพื่อจะได้ไม่ต้องไปค้างที่อื่น  เป็นการรีวิวร้านอาหาร  ร้านขนมเป็นส่วนใหญ่  ที่เที่ยวหรูหรา  น่าสนใจ  ตอนที่เธอออกไปลาสเวกัสนั่นเป็นครั้งแรกที่เธอได้ทำงานไกลบ้าน  ถ่ายรายการนอกบ้านตัวเอง  และมันก็ได้เสียงตอบรับที่ดีมาก  พอดีกันกับที่วิคโตเรียเริ่มปล่อยให้เธอได้ทำอะไรตามใจตัวเองมากขึ้น  สนใจเธอน้อยลง  (คงมีใครให้สนใจมากกว่าแล้ว)  เธอจึงตัดสินใจออกนอกประเทศบ้าง  พอเคลลี่รู้เข้าจึงแนะนำให้เธอลองมาญี่ปุ่นดู  จากนั้นก็เอาหุบเขานี้ยัดเข้าไปในตารางการเดินทางของเราเลยทันที  แต่เธอก็เชื่อใจเคลลี่เหมือนทุกครั้งที่น้องมันแนะนำ  เคลลี่มักจะมีความคิดดีๆ มาเสนอเสมอ  คงเป็นสิ่งที่อยู่ในหัวของคนที่เคยเรียนด้านการทำภาพยนตร์มา  เคลลี่ไม่ได้เรียนแค่ในมหาวิทยาลัย  แต่เรียนเสริมที่วิทยาลัยข้างนอกด้วย 

ที่จริงเธอน่าจะเอะใจตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว  ไม่มีเงินเรียน  แล้วทำไมจึงมีเงินซื้ออุปกรณ์แพงๆ ได้ขนาดนี้  แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องของเธอที่ต้องไปสงสัยว่าใครเอาเงินที่ไหนมาใช้จ่ายในเรื่องของพวกเขานี่นา  เธอยังไม่อยากให้ใครรู้เลยว่าเธอมีคนเลี้ยง  มีคนคอยเปย์ทุกอย่าง  เขาเรียกว่าพื้นที่ส่วนตัว

"ดื่มหน่อย" 

แอนน์รับขวดน้ำแร่มาจากมือเคลลี่ที่เปิดฝามาให้แล้วเรียบร้อย  คงกลัวเธอจะงอแงร้องกลับละมัง  เลยมาเอาใจกันอย่างนี้  เมื่อเช้าก็ปะเหลาะพอแล้วแหละน่า 

หญิงสาวยิ้มเขินๆ อยู่คนเดียวเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนออกมาขึ้นรถไฟที่สถานีอูเมดะ  ควรจะย้อนไปจนถึงเมื่อวานเลยด้วยซ้ำ  เมื่อวานเคลลี่จ่ายค่าอาหาร  ค่าเที่ยว  ค่าทุกอย่างทั้งยังตามใจเธอสุดๆ  เธอทั้งอิ่มท้องทั้งอิ่มใจ  ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าถ้าเราเป็นแฟนกันจริงๆ ได้ก็คงดี  แต่มันไม่ใช่แค่เพราะเคลลี่ขี้ตามใจหรือเอาใจเก่งหรอกนะ  เธอชอบอยู่กับเคลลี่ต่างหาก

การอยู่กับใครที่ให้ความรู้สึกดี  ก็ย่อมรู้สึกดีตามไปด้วยอยู่แล้วละ

เมื่อคืนเราอยู่ด้วยกันโดยที่ไม่มีเซ็กซ์  เป็นอะไรที่แปลกสำหรับเธอ  ถ้าเป็นกับวิคโตเรีย  เธอคงเดินแบบนี้ไม่ไหว  คงเจ็บสะโพกและเจ็บตรงนั้นจนก้าวขาไม่ออกแน่ๆ  เราทำอย่างมากแค่จูบกัน  และเคลลี่จับหน้าอกเธอนิดหน่อย  เหมือนมันเป็นของต้องจับเวลาจูบ  มันคงนุ่มมือดีละมัง  เธอก็ไม่เคยบีบหน้าอกตัวเองเล่น  ยกเว้นตอนมีอารมณ์  แล้วตอนมีอารมณ์แบบนั้นก็จำอะไรไม่ค่อยได้หรอก  มันเหมือนร่างกายเทคโอเวอร์ทุกอย่างไปหมด  หลายครั้งหลังจากร่วมเพศกับวิคโตเรีย  เธอจึงตื่นขึ้นมาพร้อมอาการปวดระบมทั้งตัวซึ่งจำไม่เคยได้ว่าเกิดจากอะไร  แค่สันนิษฐานได้ว่าคงจะโดนเอาหนักไปหน่อย  บางเช้าเธอก็มึนหัวจนแทบจะลุกไม่ขึ้น  เวียนหัว  อาเจียนเหมือนคนแพ้ท้อง  ทว่าจริงๆ คือเป็นโรคกระเพาะที่เกิดจากความเครียด

เธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองเครียดอะไร  คงเป็นความเครียดสะสม  จากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่ได้ดังใจ  และอาจเพราะการใช้ยาบางตัวที่มีผลกัดกระเพาะตอนท้องว่าง

เธอก็ไม่เคยโทษวิคโตเรียหรอกนะ  กับอาการที่เธอเป็นหลังจากนั้น  เพราะเธอก็ต้องการมันเหมือนกัน  เวลาออกัสซึ่มก็เหมือนได้เสพยา  เวลาที่สารแห่งความสุขแล่นไปทั่วร่างเธอ  แม้จะชั่ววูบสารเคมีนั่นก็หลั่งออกมาช่วยเธอได้เยอะแล้ว  เป็นไปได้ว่าเธอก็เสพติดเซ็กซ์แบบเดียวกับวิคโตเรีย  แต่กับเคลลี่  เธอรู้สึกว่าตัวเองหักห้ามใจเก่งขึ้น  ไม่จำเป็นต้องมีเรื่องแบบนั้นกันตลอดเวลา  แค่เคลลี่จูบเธอ  เธอก็มีความสุขจนยิ้มได้ทั้งวันแล้ว

ความรู้สึกนี้มันเรียกว่าอะไร  จะใช่  "ความรัก"  หรือเปล่านะ

หรือจะเรียกว่า  "หลง"  เพราะเธอไม่เคยมีใครดีด้วยแบบนี้มาก่อน  ขนาดเคลลี่โกหกเธอ  เป็นเศรษฐีปลอมตัวเป็นยาจกมาทำงานกับเธอตั้งสี่ปี  เธอยังไม่โกรธ  แค่น้อยใจนิดๆ เหมือนเป็นพิธีเท่านั้น  แค่เคลลี่ขอโทษ  และอธิบายความจำเป็นให้ฟัง  เธอก็เลิกสนใจมันแล้ว  เอาไว้ตอนเคลลี่หลอกให้เธอรักแล้วทิ้งเธอไปก่อน  ค่อยจัดการทีเดียว 

แต่บางทีตอนนั้น  เธออาจจะชาจนคิดอะไรไม่ออกแล้วก็ได้

"ถ้าไม่ไหวก็บอกนะ"

"จะให้ขึ้นหลังไปเหรอ" 

"ได้สิ" 

แอนน์สั่นหัว  แต่ขยับปากขอบคุณแบบไม่มีเสียงกลับไป  และเริ่มบันทึกภาพระหว่างเดินทางขึ้นเขาด้วยกล้องของตัวเองที่สปอนเซอร์ให้มา  ทริปโอซาก้าทั้งทริป  เธอจะต้องใช้กล้องนี้เท่านั้น  อย่างน้อยก็ตอนโชว์  และเวลาตัดต่อเคลลี่ก็คงจะเสริมภาพจากกล้องเจ้าตัวลงไปด้วย

เธอใช้เวลาส่วนใหญ่กับการพูดกับกล้อง  ขณะเดียวกันคนร่วมทางก็กำลังเก็บภาพของตัวเองไปด้วย  ปกติเราก็ทำงานกันแบบนี้  และหลังจากเธอหยุดบันทึกภาพ  เราก็เดินไปกันเงียบๆ  แค่มองกันเป็นระยะ  เราเป็นทีมที่เข้าใจกันดี  ไม่จำเป็นต้องมีคำอธิบายอะไรมากมาย  บางครั้งเธอเป็นฝ่ายพูดคนเดียวตลอดทาง  เพราะเคลลี่ไม่ใช่คนช่างพูด  ชอบยิ้มเฉยๆ  แต่บางทีไม่พูดก็จะน่าจะดีกว่า  ปากเสียไม่ค่อยน่าอภิรมย์เท่าไหร่

ด้วยความโด่งดังของหุบเขาแห่งนี้  มองไปทางไหนจึงเจอแต่หัวดำๆ ของนักท่องเที่ยวเต็มไปหมด  ทำให้ค่อนข้างจะหาที่ถ่ายรูปได้ยากกว่าที่คิด  แต่เคลลี่ก็ยังทำได้  ใช้ความตัวสูงให้เป็นประโยชน์  ความสูงที่มากกว่าเธอบวกกับไม้กันสั่นช่วยได้มาก

"นี่  แอนน์  ลองอันนี้สิ"  เคลลี่จับแขนแอนน์ที่ต้องแทรกตัวหลบคนมาหาร้านขายของข้างทางที่เธอแวบมาหนีมาก่อนเพื่อดูลาดเลา 

"อะไรอะ"

"ใบเมเปิ้ลญี่ปุ่นชุบแป้งทอด"

"จริงดิ  แล้วกินได้เหรอ"  แอนน์ไม่มั่นใจ  แต่เตรียมจะเอากล้องถ่ายแล้ว  เธอลองถามคนขายว่าถ่ายได้หรือไม่  ทางนั้นก็พยักหน้าอย่างยินดี  ทั้งยังพยายามจะอธิบายให้เธอฟังด้วยว่ามันทำมาจากอะไร  แต่เธอฟังไม่รู้เรื่อง

เพราะแม่ค้าชาวญี่ปุ่นเล่นพูดญี่ปุ่นใส่เธอทุกคำ

"เขาใช้ใบเมเปิ้ลแก่ที่ร่วงจากต้นมาล้างทำความสะอาด  หมักเกลือและน้ำตาลทำให้ใบเมเปิ้ลมีรสชาติ  แล้วก็เอามาชุบแป้งทอด"  เคลลี่พากย์  กลายเป็นล่ามให้แอนน์ที่มองหน้าเธออย่างสงสัย

"ฟังไม่ออกหรอก  แค่เคยอ่านมาน่ะ"  เธอกระซิบ  แอนน์ทำหน้าตาเหมือนไม่ค่อยเชื่อ  "โอเค  เดี๋ยวเปิดให้ดูว่าอ่านมาจากไหน"

"ไม่ต้อง  ไปลองขอเขาถ่ายข้างในสิ  เผื่อเขาจะให้"

"ทำไมต้องเป็นฉันล่ะ  พี่ก็ขอได้"

"หน้าตาเธอให้"  แอนน์โบ้ยให้เคลลี่ไปคุยกับแม่ค้าแทนเธอ  เพราะแม่ค้าผู้หญิงไม่ว่าจะแก่หรือสาวก็ชอบคุยกับเคลลี่มากกว่าเธอทั้งนั้นแหละ

และมันก็ได้ผลจริงๆ  ไม่รู้ด้วยหน้าตาเคลลี่หรืออะไร  เราได้เข้ามาถ่ายวิดีโอการทำโมมิจิ  เทมปุระหรือใบเมเปิ้ลชุบแป้งทอดกันถึงในครัว  และเจ้าของร้านก็ให้สัมภาษณ์เราเป็นภาษาญี่ปุ่นด้วย  เคลลี่บอกว่าจะไปหาคนแปลและใส่ไปในคลิปให้

เราออกจากร้านเมเปิ้ลเทมปุระด้วยอาการเลี่ยน  เพราะกินของทอดมากไปหน่อย  โชคดีที่พกน้ำสปาร์คกลิ้ง (Sparkling water) มาด้วยจึงพอจะช่วยลดความมันออกจากปากจากท้องเราได้บ้าง

"นั่นสปอนเซอร์ด้วยหรือเปล่าน่ะ"  เคลลี่ถาม  เห็นแอนน์ดื่มน้ำซ่าอั้กๆ  และทำท่าจะเรอออกมา  แต่หันไปปิดปากเรอทางอื่น  แล้วยังหันมาทำหน้าแดงใส่เธอให้อยากฟัดแก้มซะอีก

"แหม  ก็นิดนึงน่า"  แอนน์บอก  หยิบกล้องที่สะพายคอตัวเองขึ้นมา  ดื่มน้ำซ่าอีกรอบโดยที่บันทึกภาพไปด้วย  เห็นว่าเคลลี่ขำเธอ  แต่ช่างปะไร

ใบไม้เปลี่ยนสีสร้างความตื่นตาตื่นใจให้เธอจนหยุดถ่ายรูปไม่ได้  ส่วนคนข้างๆ ไม่ต้องพูดถึง  เคลลี่เอาแต่ถ่ายรูป  พูดกับเธอนับคำได้เลย

"นั่นสะพานสีแดง"

แอนน์มองตามมือเคลลี่ที่ชี้ไปหาสะพานสีแดงที่มีใบไม้สีแดงจากต้นไม้ข้างๆ แผ่กิ่งก้านมาบังจนนึกว่าเป็นชิ้นเดียวกัน  ที่นี่สวยสมคำร่ำลือ  การเดินทางก็ไม่ลำบาก  เธอไม่กลัวว่าจะหลงทางเลย  กลัวแค่จะหลงกับคนที่มาด้วยกันเท่านั้น  เพราะคนเยอะมากๆ  ขนาดเรามาตั้งแต่เช้าแล้วนะ

"เขาทาสะพานให้เป็นสีเดียวกับต้นไม้หรือต้นไม้เลียนแบบสะพานกันแน่เนี่ย"  เธอพึมพำ  มองคนข้างๆ ที่ยืนถ่ายรูปด้วยสีหน้ามีความสุข

"เดินไปอีกหน่อยจะเจอน้ำตกมิโนะ"  เคลลี่บอก  จับมือแอนน์จูงเดินไปด้วยกัน  เพื่อให้คนที่ต้องถ่ายงานด้วยกล้องกับไม้กันสั่นในมือไม่ต้องห่วงว่าเราจะหลงจากกัน

เธอจะพูดเท่าที่จำเป็นเพื่อไม่ให้เสียงเข้าไปในวิดีโอที่แอนน์กำลังพูดกับแฟนๆ อยู่  และปล่อยมือแอนน์เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้ว  หรือต้องการจะถ่ายภาพสวยๆ ไว้ไปลงในอินสตาแกรมแอนน์  ให้ผู้ติดตามของแอนน์ได้เห็นและตามมาดูคลิป  บางภาพก็เป็นของเธอ  ภาพของเธอจะใช้สไตล์การถ่ายที่ต่างกันกับของแอนน์  มุมกล้องที่ใช้จะต่างกัน  ภาพจะให้ความรู้สึกที่แตกต่าง  เป็นการเล่าเรื่องด้วยภาพที่เธอถนัด

"หิวหรือเปล่า  ตรงข้างน้ำตกมีร้านอาหาร"  เคลลี่ถาม  ดูท่าทางแอนน์แล้วก็คงยังไม่ถ่ายวิดีโอตอนนี้ 

"มานี่ก่อน"  แอนน์ว่า  ยื่นมือมาคว้ามือคนตัวสูง  พาเดินลัดเลาะไปอีกทาง  เป็นทางแยกสำหรับคนอยากเดินป่า  เธอไม่ได้อยากเดินป่า  แค่อยากอยู่เงียบๆ กันสองคนบ้าง  ยอมรับว่าที่นี่สวยมาก  แต่คนเยอะเกินไป

ก็นะ  ของสวยๆ งามๆ ใครก็ต้องการชม...

เคลลี่เดินตามแรงดึงของมือเล็กๆ ไปจนถึงจุดที่ไม่มีคน  เป็นทางเลียบแม่น้ำมิโนะ  แต่คนละฝั่งกันกับทางเดินที่คนอื่นๆ ชอบเดิน

"ถ่ายรูปให้หน่อยสิ"  แอนน์ขอ  เคลลี่ทำหน้าแปลกใจ  "ไม่ใช่แบบที่ถ่ายประจำ  เข้าใจไหมเนี่ย"

"เพคะ  เจ้าหญิง"  เคลลี่ตอบ  จับมือแอนน์มาใกล้กัน  โอบไหล่และมองตาสีช็อกโกแลต  เธอล้วงเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมา  กดถ่ายในจังหวะที่แอนน์หอมแก้มเธอพอดี 

มันไม่ใช่ภาพที่สวยอะไรมากมาย  แต่มีความหมายสำหรับพวกเรา  แอนน์ไม่แน่ใจว่ากลับจากญี่ปุ่นไปแล้วจะเจออะไรที่บ้านบ้าง  วิคโตเรียเงียบจนน่าสงสัย  เป็นเรื่องแปลกมาก  จริงๆ ก็แปลกตั้งแต่ปล่อยให้เธอออกนอกประเทศมาได้แบบนี้แล้วแหละ  วิคโตเรียคงมีคนอื่นแล้วจริงๆ  ไม่ผิดแน่

และคงไม่ใช่ใครนอกจากคนใกล้ตัว...

"กลับเลยไหม  หรือไปปราสาทโอซาก้าต่อ"

"ขาลากแล้ว"  แอนน์บอก  หัวเราะคิกเมื่อคนตัวสูงย่อตัวหันหลังให้  และทำท่าชวนให้เธอขึ้นไป  "ไม่เอาอะ  เธอก็เหนื่อยเหมือนกัน"

"งั้นไปหาที่นั่งพักไหมล่ะ"

"ค่อยๆ เดินไปก็ได้"

"โอเค"  เคลลี่ตอบ  จับมือแอนน์เดินไปช้าๆ  ใจจริงอยากจะหยุดเวลาไว้ที่นี่ด้วยซ้ำ  วันนี้เธอสนุกมาก  ถึงท่าทางจะไม่เหมือนสนุก  จนแอนน์ทำท่าเป็นห่วง  คอยถามนู่นถามนี่เธอตลอด

"เราจะอยู่โอซาก้ากันอีกสองวัน  แล้วขึ้นเครื่องจากสนามบินอิตามิกลับบ้านเลย"  แอนน์บอกแผนให้เคลลี่ฟัง  "เราจะพักกันวันหนึ่ง  แล้วต่อไปโรดไอแลนด์"

"ว้าว  ชีพจรลงเท้าเลยแฮะ"

"ไม่ชอบเหรอ"

"ใครว่าล่ะ"  เคลลี่ส่ายหน้า  มองเห็นไม่มีคนจึงก้มลงจูบแอนน์

แอนน์จูบกลับ  ลูบแก้มนุ่มๆ ของคนตัวสูง  ยิ้มเคอะเขินตอนเคลลี่ผละออกไปกระหยิ่มยิ้มน่ามันเขี้ยว  เราจูบกันบ่อยจนเธอมั่นใจว่าเคลลี่เป็นนักจูบตัวยงแล้วละ

"สองวันที่เหลือเราจะไปไหนล่ะ" 

"แค่ย่านที่เราพักก็เดินเที่ยวไม่ไหวแล้ว"

"อืม  มีชิงช้าสวรรค์สีแดงด้วยละ" 

"ไม่เคยขึ้นชิงช้าสวรรค์หรือไง" 

"ก็เคย  แต่ไม่ใช่ที่นี่"  เคลลี่ตอบ  "ไม่อยากขึ้นก็ตามใจ"

"ใครว่าไม่อยาก"  แอนน์พูดขึงขัง  "ฉันเขียนไว้ในทริปนี้ด้วยแล้ว"

"จริงอะ  ไม่ใช่เพิ่งจะนึกขึ้นได้หรอกนะ"  เคลลี่ล้อเลียน  เลยโดนเตะขาไปหนึ่งที  แต่คนเจ็บกลับเป็นคนเตะไม่ใช่เธอ

แอนน์กระโดดเหยงๆ จับหน้าแข้งที่เตะคนตัวโตไปเต็มแรง  เคลลี่หัวเราะตัวงอจนน่าตี  แต่สุดท้ายก็ตีไม่ลง  เพราะเคลลี่ให้เธอนั่งบนก้อนหินแล้วตัวเองนั่งยองๆ อยู่ตรงหน้า  เอาขาเธอไปพาดเข่า  ดึงขากางเกงยีนเธอขึ้นสำรวจว่าขาเล็กๆ ของเธอเขียวไปแล้วหรือยัง

"เอาอะไรมาทาน่ะ"

"ยาแก้ฟกช้ำ"

"เอามาด้วยเหรอ"

"ก็เอามาติดๆ ไว้เผื่อต้องใช้"  เคลลี่บอก  "เคยไปตั้งแคมป์กับที่บ้านบ่อยน่ะ  เราก็ต้องมีของแบบนี้ไปด้วย"

"พ่อเธอคงชอบเดินป่าสินะ"

"ใช่  ชอบมากจนหายไปในนั้นเลยละ" 

แอนน์หน้าเสีย  นึกเสียใจที่ไม่น่าพูดถึงเรื่องสะเทือนใจแบบนี้  แต่เคลลี่กลับส่ายหน้า  บอกเธอว่าไม่เป็นไร  กลับกันถ้าเป็นเธอคงร้องไห้แล้ว

"เสร็จละ  ทีนี้ก็กลับมาซนได้เหมือนเดิม"

"ฉันไม่ใช่เด็กเล็กๆ นะ"

"เหรอคะ  เจ้าหญิงแสนซน"  เคลลี่ล้อ  เช็ดมือที่เปื้อนยากับทิชชูและเก็บทิชชูใช้แล้วใส่ถุงพลาสติกจะเอาไปทิ้งตรงที่มีถังขยะ  พ่อเธอสอนไว้เสมอว่า  เวลาไปเที่ยวป่าหรือที่ไหนๆ ก็ตาม  ห้ามทิ้งขยะไว้ให้ใครดูต่างหน้า  ทิ้งไว้แค่รอยเท้าก็พอ  และไม่ต้องเอาอะไรกลับมาด้วย  นอกจากรูปภาพกับความทรงจำ 

"น่าเสียดายที่เจ้าหญิงคงจะกลับปราสาทไม่ได้แล้ว"

"ไม่ต้องมาแกล้งเลยนะ"  แอนน์ว่า  หน้างอ  อยากจะผลักเคลลี่ให้ตกลงไปในแม่น้ำ (หรือน่าจะเรียกลำธารมากกว่า  เพราะมันเล็กและตื้น) แต่ก็กลัวกล้องที่เคลลี่สะพายอยู่จะพัง  งานทั้งนั้นเลยนะในนั้น

"มา  จับมือพี่มา"  เคลลี่พูด  ลุกขึ้นยืน  ยื่นมือให้แอนน์จับเพื่อช่วยให้ลุกขึ้นได้สะดวกขึ้น  แอนน์ค้อนเธออย่างไม่จริงจัง  และถองเอวเธอเบาๆ

"อยากเป็นพี่นักหรือไง  อยากแก่งั้นสิ"

"เปล่า  แค่อยากดูพึ่งพาได้  ถ้าเป็นพี่ก็จะดูเป็นแบบนั้นใช่ไหมล่ะ"

"ไม่เห็นจะเกี่ยวกันสักนิด"  แอนน์ส่ายหัว  "ตรรกะประหลาด"

เคลลี่ไม่เถียง  ยังไงแอนน์ก็ถูกอยู่แล้ว 

เราใช้เวลากลับมาจากหุบเขามิโนะนานกว่าขาไป  เพราะมัวแต่เดินเล่นไปเรื่อยเปื่อย  กว่าจะถึงที่พักก็เล่นเอาหมดพลัง  แอนน์งอแงจะขึ้นแท็กซี่ตั้งแต่กลับมาจากหุบเขาแล้ว  แต่ไม่มีรถจึงต้องนั่งรถไฟกลับมาสถานีอูเมดะแล้วจึงต่อแท็กซี่กลับโรงแรม  เคลลี่ขำที่เห็นแอนน์ทำหน้าเบ้ระหว่างขึ้นลิฟต์  เธอนึกว่าแอนน์จะไม่รอดเสียแล้ว  เกือบได้เห็นคนงอแงเพราะหมดแรง 

พอลากสังขารอ่อนเปลี้ยมาจนถึงห้องได้และเปิดห้องสำเร็จ  แอนน์ก็แทบจะพุ่งเข้าไปเลย  รักห้องพักกับเตียงนอนมากที่สุดก็ตอนนี้

"ไม่ไปไหนแล้วนะ"  แอนน์พูดขึ้นก่อนที่เคลลี่จะทันได้เอ่ยปากชวน  เธอทิ้งของลงบนเตียง  เดินเข้าห้องน้ำ  ล้างมือ  แล้วมาทิ้งตัวลงเตียงบ้าง 

"แล้วไม่หิวเหรอ"  เคลลี่ถาม  เดินไปล้างมือบ้าง  ว่าจะมาจัดของสักหน่อย  แต่มือเล็กๆ ก็มาดึงขอบกางเกงด้านหลังเธอจนเซ  ต้องลงไปนั่งบนเตียงด้วยกัน 

"อะไรคะ"

"อยากนอน  ขอนอนกอดหน่อย"  แอนน์บอก  คางเกยไหล่คนตัวโต  ทำปากยื่นให้เคลลี่ต้องเอานิ้วจิ้มเล่นอย่างมันเขี้ยว  และก็โดนมือเล็กๆ ตีเอา

"หรือจะเอาแบบนี้ดี"

"แบบไหน"  เคลลี่ไม่ต้องถามต่อแล้ว  แอนน์จูบเธอและดันบ่าเธอให้เอนลงไปนอนก่อนจะขึ้นมาคร่อม  นั่งทับบนหน้าท้อง  มือเธอก็เลื่อนมาจับเอวบาง  ลูบไล้ก้นแน่นๆ

"อาห์  มีความสุข"  แอนน์กระซิบ  ผละออกไปยิ้มร่า  จุ๊บปากเคลลี่อีกทีและทรุดตัวลงนอนทับ  คนตัวโตกว่าก็ไม่ว่าอะไร  ลูบหลังเธอคล้ายกับจะกล่อมให้นอนด้วยซ้ำ

"เราทำอะไรกันอยู่  แอนน์"  เคลลี่ถาม  สงสัยในพฤติกรรมแปลกๆ ของคนที่ปกติหวงตัวกว่านี้เยอะ  แต่พักนี้ยั่วเธอก่อนตลอด

"เล่นเกม"

"เกมอะไร"

"ชู้"

"หืมม์?"

"ล้อเล่นน่า"  แอนน์ว่า  แต่แววตาแบบนี้เคลลี่ไม่คิดเลยว่าจะเชื่อได้  แอนน์คงจะมีแผนอะไรอยู่ในหัว  หากเธอก็เหนื่อยเกินไปที่จะถาม  แอนน์จะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ

"นอนก่อนนะ  ห้ามลักหลับล่ะ"

เคลลี่เลิกคิ้ว  ก้มมองคนที่นอนหนุนอกตัวเอง  แอนน์ยกมือขึ้นมาปิดตาเธอ  งึมงำในลำคอบอกให้นอนได้แล้ว

แต่สักพักก็เหมือนจะเปลี่ยนใจ

"มีแฟนเป็นเศรษฐีแล้ว  เลิกทำงานดีไหมนะ"  แอนน์พูดขึ้นใหม่  จับมือเคลลี่ไปงับเบาๆ  จ้องตาคมที่หรี่ตามองเธออย่างไม่ชอบใจนัก

"ก็ได้  ไม่พูดก็ได้  แต่จำไว้นะ  ค่าตัวฉันแพง  รู้ไว้ด้วย  มีแค่ตัวกับหัวใจไม่เอา"

"งั้นเอาตับ  ไต  ไส้พุงไปด้วยละกัน"

"ไม่เอา  ไอ้บ้า" 

เคลลี่หัวเราะในลำคอ  มองตาแอนน์ที่ไม่ได้พูดแบบเดียวกันกับคำที่หลุดออกมาจากปาก  ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังไม่เข้าใจว่าแอนน์ต้องการอะไรจากเธอกันแน่ 

"จอร์แดนคนนั้นเป็นคนยังไงงั้นเหรอ"

ในที่สุดแอนน์ก็พูดออกมาจนได้  เคลลี่อยากจะหัวเราะเยาะตัวเอง  เธอไม่น่าหลงคิดว่าแอนน์จะชอบเธอจริงๆ  ถ้าเป็นเจ้าเคลลี่ที่แทบไม่มีเงินติดกระเป๋า  ก็คงไม่มีใครสนใจหรอกกระมัง  ผู้หญิงก็เป็นเหมือนกันหมด

"ถามวิคโตเรียสิ"  เคลลี่ตอบ  ดันตัวแอนน์ออกจากตัวเอง  และลุกขึ้นไปพร้อมกุญแจห้องกับกล้องคู่ใจ

"เค --"

"ฉันอยากสูบบุหรี่" 

แอนน์นิ่งไปเหมือนถูกสตัฟฟ์  มองเคลลี่เดินออกจากห้องไปโดยไม่ได้ลุกตามไปด้วย  เธอทิ้งตัวลงนอน  มองเพดานว่างเปล่าใจลอย 


......................................



 :58: :44:

Viewfinder เปิดจองวันนี้ - 5 ตุลาคม 2562

สั่งจอง >>> http://bit.ly/2kxIxn3  หรือ ไลน์ anhann นะคะ

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

22 กันยายน 2019 เวลา 12:58:49
เห็นป่าวว่าคนรวย คบยาก มักจะคิดอะไรๆที่คนจนอย่างเรานึกไม่ถึง
แสดงความคิดเห็น