web stats

ข่าว

 


เพียงรัก(ของ)เธอ...ที่ฉันรอ ตอนที่ 41

โพสต์โดย: อินท์สีเลือด วันที่: 15 สิงหาคม 2017 เวลา 20:29:37 อ่าน: 347



ดั่งความฝันในความรู้สึกแต่รอยอุ่นที่กำลังได้รับบนเรียวปากกลับเหมือนจริงให้ใจสับสนว่าคนที่กำลังจูบตนอยู่นี่ใช่ความจริงหรือเป็นเพียงภาพฝันกระทั่งอีกฝ่ายถอนเรียวปากนุ่มออกไปและจ้องมองที่เต็มไปด้วยความรักในดวงตาคู่สวยนั่น


" แองเจิ้ล...เธอจริงๆใช่ไหม  ฉันไม่ได้กำลังฝันใช่ไหม "  รอยยิ้มอ่อนส่งให้กับคนที่คิดว่าเป็นภาพฝันละเมอพร้อมกับลูบใบหน้าสวยที่เงยมองหาตน

" ฉันสัมผัสเธออย่างนี้  เธอยังคิดว่าเป็นภาพฝันอีกเหรอ...เธอยังไม่หลับนะ "  คนป่วยแสนดื้อ 

" แองเจิ้ล!!..." ร่างอ่อนแรงพลันมีกำลังโถมโผกอดรัดสิ่งที่ไม่ใช่ฝันนั่นให้ร่างสูงโอบกระชับตอบอย่างเต็มใจ ใบหน้าที่ซุกซบกับหน้าอกสร้างรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของบารอนสาว แต่ไม่นานรอยยิ้มที่มีก็เปลี่ยนไปเมื่อคนป่วยขยับตัวออกแล้วระดมกำปั้นจากมือบางเข้าใส่

" คนบ้า...บ้า...บ้าที่สุด... ฉันเสียน้ำตาไปเท่าไหร่รู้ไหม  รู้บ้างรึเปล่า...ใจฉันมันจะตายตามไปด้วยอยู่แล้ว...ใจร้าย  เธอมันใจร้ายที่สุด...คนบ้า " มือข้างที่เป็นอิสระจากสายน้ำเกลือทุบเข้าที่ลำตัวของคนที่ยังไม่ตายตามข่าวอย่างระบายทุกมวลของความรู้สึกที่อัดอั้นอยู่ข้างในใจของตนออกมาพร้อมหยาดน้ำตาใสที่ไหลริน 

คนถูกทุบได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายกระทำมันแม้ว่าแรงที่ทุบลงมานั่นจะตรงกับบาดแผลที่ยังไม่หายของตัวเองก็ไม่ได้ปริเสียงบอกห้ามหรือปัดป้อง  ได้แต่ปล่อยให้คนที่ตนรักทุบตีอยู่อย่างนั้นกระทั่งรอยแผลที่เย็บมาเมื่อช่วงบ่ายเริ่มปริซึมแตกเรียกเม็ดเลือดให้ไหลจนชุ่มซึมผ่านเนื้อผ้าที่สวมใส่อยู่  เพชราชะงักมือของตนเองเมื่อมองเสื้อสีอ่อนที่ตอนนี้ซึมสีอื่นแทรกออกมาเป็นวงกว้าง


  เลือด!!!...



" แองเจิ้ล...เธอ เป็นอะไร   ฉ่ะ...ฉัน  ฉันขอโทษ "  เสียงร้องถามอย่างตกใจพลางมองเจ้าของดวงตาสีเขียวจางที่นิ่งปากสนิทไม่ได้กล่าวโทษใดๆออกมา

" เข้าไปข้างในห้องกันเถอะนะแพทชี่ ...เธอป่วยอยู่อย่ามาตากอากาศกับยุงข้างนอกนานๆเลย  หายช้าฉันจะไม่ได้พาเธอไปด้วยกันพอดี "  แองเจิ้ลเอ่ยชวนอีกฝ่ายไม่ได้ใส่ใจกับท่าทางตกใจของอีกคนแถมยังจับสองมือบางนั่นไว้และประคองคนเจ็บกลับเข้าด้านในห้องแทน

" แอง...เจิ้ล..."

" เจ็บมากไหม...ฉันขอโทษ ฉันไม่รู้ว่า..."

" ฉันไม่เป็นไร  เธอต่างหากหล่ะ  ที่ฉันต้องถามว่ายังเจ็บตรงไหนอยู่ไหม "  คำถามที่มีมาทำเอาคนฟังน้ำตาร่วงหล่น...ผู้หญิงที่นั่งเบื้องหน้าเธอใจร้ายหรือเธอใจร้ายกว่ากันแน่

" แค่เห็นเธอ...แค่ได้รู้ว่าเธอยังไม่ตายฉันก็หายเจ็บหมดแล้วแองเจิ้ล  อย่าทำแบบนี้อีกนะอย่าทิ้งฉันไว้อย่างนี้อีก มาให้ฉันดูแผลเธอหน่อยสิ "  น้ำเสียงเครือสั่นบอก มือบางค่อยๆปลดกระดุมเสื้อของอีกคนออกเพื่อดูบาดแผลหลังถูกพาเข้าห้องมานั่งกันตรงโซฟาที่มีไว้สำหรับญาติที่มาเฝ้าไข้  เพชราเปิดผ้าปิดแผลที่ชุ่มเลือดจนเจอเห็นรอยเย็บที่ปริแตกเพราะแรงมือของตนเองแล้วให้ยิ่งน้ำตาไหลออกมามากขึ้นอย่างรู้สึกผิด

" หยุดร้องเถอะแพทชี่...แผลแค่นี้เอง  ฉันไม่เป็นไรหรอกน่า "

" ไม่เป็นไรซะที่ไหน...นี่เธอไปโดนอะไรมา  ฉันจะโทรหาลักษณาให้เรียกหมอมาทำแผลให้ "

" ไม่ต้องหรอก...ฉันอยากอยู่กับเธอสองคนนะ " กว่าจะเปิดใจกันได้สาวเชื้อยุโรปก็อยากมีเวลาอยู่กับคนที่ตนรักลำพังมากกว่าที่จะเรียกให้ใครมาจัดการกับบาดแผลที่ยังทนไหวในตอนนี้

" ไม่ได้! "  คนป่วยออกเสียงกระชากใส่ก่อนจะผ่อนลง...  " เดี๋ยวแผลติดเชื้อ  นะ..."  ร่างสูงเผยยิ้มบนเรียวปากกับคำว่า " นะ " ที่ฟังดูอ้อนๆกับดวงตาที่แม้จะเช็ดน้ำตาออกแต่ก็ยังฉ่ำน้ำนั่นอ้อนวอนมาจำให้ต้องพยักหน้าเบาๆพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ของตัวเองมากดเบอร์เพื่อนรักให้





" เรียบร้อยค่ะ หมอฉีดยาแก้อักเสบให้ยังไงก็ระวังหน่อยนะคะอย่าให้แผลได้ปริอีก  หากติดเชื้อขึ้นมาจะไม่ดีเท่าไหร่ "  หมอสาวบอกกับร่างสูงที่นั่งให้เย็บแผลโดยไม่แสดงอาการเจ็บปวดใดๆบนใบหน้าให้เห็นนั่น

" คงต้องบอกคนมือหนักแล้วมั้งคะหมอ ขนาดตัวเองก็เจ็บอยู่ยังออกฤทธิ์ได้อีก "  ลักษณาเหน็บคนที่ขัดจังหวะหวานให้ตนเองต้องรีบมาที่โรงพยาบาลอีกรอบแถมยังต้องปดกับคนรักว่ามีงานด่วนซะอีกนั่น

" ก็ฉันไม่รู้นี่ " เพชราย้อนเสียงอ่อยเบา

" เอาน่า...เสร็จเรื่องแล้ว ยูกับหมอก็กลับได้แล้วหล่ะ " แม่สาวนัยน์ตาสีมรกตบอกเพื่อนสาวให้ได้เจอะค้อนทางสายตา

" เออดีนะยะ  หมดประโยชน์ก็รีบไล่กันเชียว แอง..."

" ใช่ที่ไหนหล่ะ  ยูเองก็คงไม่ได้บอกอินทราหรอกมั้งว่ามาโรงพยาบาล  รีบกลับก่อนที่เด็กน้อยของยูจะสงสัยดีกว่านะ "  เขาเรียกว่าทันกันให้ลักษณาพยักหน้าพลางเอ่ยชวนคุณหมอสาวที่ไม่ทันจะได้หลับก็ต้องมาจัดการแผลให้กับเพื่อนตัวดีเดินทางกลับกัน

" ขอบคุณนะคะ หมอ " เพชราส่งรอยยิ้มให้หมอสาวที่ต้องย้อนมารักษาบาดแผลให้กับร่างสูงเพราะฝีมือของตน

" ยินดีค่ะ คุณเพชรา"  หมอสาวหันมายิ้มสวยให้กลับคืนแต่ดูท่าจะไม่เป็นที่พอใจของคนที่เพิ่งรับการเย็บแผลไปหมาดๆ จนหมอสาวต้องรีบหุบยิ้มและฉวยเก็บอุปกรณ์การรักษาลงกระเป๋าแพทย์ก่อนจะออกไปกับลักษณาปล่อยให้คู่รักเขาได้มีเวลาหวานอ้อนกันไป








" ขอโทษนะคะหมอฟิวส์ที่ต้องรบกวนอย่างนี้ " ลักษณาเอ่ยขึ้นขณะที่เดินมาส่งหมอสาวที่รถ

" ไม่เป็นไรค่ะ คุณลักษณา  สำหรับคุณ หมอยินดีเสมอ "  สายตาหมอสาวส่งให้ด้วยความหมายและลักษณาก็เข้าใจความนัยที่แฝงมา

" หากวันไหน หมออยากให้ลักษณ์ช่วยเรื่องไหนที่ช่วยได้ให้บอกนะคะ  ลักษณ์ไม่ได้มองหมอเป็นแค่แพทย์ประจำครอบครัวแต่หมอคือเพื่อนคนหนึ่งของลักษณ์ "  ลักษณาหยิบคำว่าเพื่อนมอบให้เพราะนั่นคือคำตอบที่ดีและตรงที่สุดดีกว่าให้อีกคนอยู่บนความหวังที่ไม่มีทางเป็นไปได้และต้องปวดร้าวกับมัน

" ขอบคุณค่ะในไมตรีที่คุณลักษณามีให้หมอ...ขับรถกลับดีๆนะคะ " หมอสาวรู้ความหมายที่อีกฝ่ายบอกมาเช่นกันและเธอก็ไม่ดื้อดึงที่จะสานสิ่งไหนกับผู้หญิงที่ดูดีไปทั้งตัวอย่างลักษณาอีกในเมื่อคำตอบมันชัดแล้ว ที่แน่นอนอาชีพอย่างเธอก็คงไม่มีเวลาให้กับคำว่าความรัก อาชีพของหมอต้องเสียสละในเวลาของชีวิตให้กับคนไข้มากกว่าเรื่องของตนเอง

" เรียกลักษณ์เถอะค่ะ หมอฟิวส์  เราเป็นเพื่อนกันแล้วนะคะและก็หากหมอถึงที่พักแล้วก็บอกหน่อยนะคะ ลักษณ์จะได้ไม่ห่วง "  ลักษณาเบาใจที่อีกคนเข้าใจหญิงสาวจึงมอบอีกระดับในความสนิทให้เพื่อตอบแทนในน้ำใจแห่งมิตรภาพจากอีกฝ่ายมีให้เธอมาแม้จะหลบซ่อนและไม่เคยเอ่ยบอกก็ตาม

" งั้นคุณลักษณ์ก็เรียกหมอแค่ฟิวส์ก็พอค่ะ และเช่นกันนะคะหากคุณลักษณ์ถึงบ้านแล้วก็บอกฟิวส์ด้วยได้รึปล่าวคะ  ฟิวส์จะได้ไม่กังวล " สายตาที่ส่งให้มันหมายถึงความห่วงใยจริงๆที่ได้เปิดเผยกับนักธุรกิจสาวเป็นครั้งแรก

" ได้สิคะ " ลักษณายิ้มและรับข้อตกลงนั้นอย่างเรียบง่าย

" ขอบคุณค่ะ...งั้นไปนะคะ " 

" ค่ะ " รถเก๋งของหมอสาวเคลื่อนตัวออกจากลานกว้างด้านหน้าของโรงพยาบาลให้อีกคนยืนส่งจนเห็นแค่ไฟท้ายที่เลี้ยวลับหายจากสายตาจึงเดินไปยังรถของตนเองและขับออกไปเช่นกัน










เมื่อคืนจัดเป็นค่ำคืนแรกที่อรอุมาไปนอนห้องเดียวกันกับรัศมีเมื่อได้กลับมานอนที่บ้านของตนเอง  แต่ทุกอย่างก็ยังเป็นปกติไม่มีการล่วงล้ำก้ำเกินนอกจากการนอนใกล้ชิดให้ไออุ่นของอ้อมกอดและรอยหวานบนปากนุ่มที่ต่างมอบรอยจูบให้แก่กันพอได้ชุ่มชื่นหัวใจ   แม้ในหลายจังหวะที่ความน่ารักของรัศมีจะมีมากในสายตาของหญิงสาวจนเกือบจะหักห้ามใจตนเองเอาไว้ไม่อยู่ก็ตามแต่เพราะอรอุมายังไม่ได้เคลียร์ใจในหลายสิ่งหลายอย่างจึงจำต้องสะกดจิตใจเอาไว้ไม่ให้เกินเลยกว่าที่ได้กระทำ


" อร  จะไปไหนคะยังไม่ทันหกโมงเช้าเลยนะ " รัศมีงัวเงียถามเพราะกายที่ได้ซุกมาตลอดคืนหายไปจากเตียงกว้างให้ต้องลืมตามองหาและก็ได้เห็นคนรักเดินจากห้องน้ำออกมา

" อรจะไปหากินโจ๊กที่ตลาดเช้าและว่าจะซื้อไปให้พี่เพที่โรงพยาบาลด้วย สนใจจะไปด้วยกันไหมคะ" อรอุมาเอ่ยถามให้คนที่เพิ่งตื่นตาสว่าง

" ไปสิ...ยังไม่เคยกินเลยอ่ะ  ว่าแต่ไม่ชวนสองคนนั่นเหรอ " รัศมีพลางถามไปหาอีกสองสาวที่คงยังไม่ตื่น

" พี่อินยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ อรอยากให้พักผ่อนเยอะๆและเมื่อคืนพี่ลักษณ์ก็ไปงานด่วนกว่าจะกลับมาก็เกือบเที่ยงคืนแระ ปล่อยให้นอนกันไปเดี๋ยวพอตื่นก็คงพากันตามไปที่โรงพยาบาลอยู่ดี "

" อืม...งั้น เค้าไปอาบน้ำก่อนจะได้รีบไปกัน น้ำย่อยเริ่มออกแล้ว " รัศมีพูดให้อรอุมาหัวเราะเพราะพอเอ่ยเรื่องของกินทีไรหญิงสาวมากวัยกว่าจะกลายร่างเป็นเด็กทันทีทุกครั้ง






เรื่องที่แองเจิ้ลยังไม่ได้เสียชีวิตอย่างที่ข่าวประโคมมันถูกเก็บเป็นความลับตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง หากไม่ใช่เพราะเพชราและสองสาวพี่น้องมีเรื่องซ้อนขึ้นมาจำให้คนที่โลกต่างคิดว่าตายจากไปแล้วจำต้องปลอมตัวซ่อนตนมาดูแลคนที่ตนรักด้วยความห่วงที่คงจะให้ทนนิ่งอยู่เฉยๆเพื่อรอแค่ข่าวอย่างเดียวไม่ได้  และเช้านี้ก็เหมือนว่าความลับที่หลบซ่อนนี้จะได้เปิดออกให้อีกหลายคนได้รู้อย่างน้อยๆก็สองคนที่กำลังมาจากตลาดเช้าพร้อมด้วยถุงโจ๊กในมือนั่น

บานประตูที่ถูกเคาะเบาๆตามมารยาทก่อนจะเปิดออกพร้อมกับสองสาวที่หน้าตาสดชื่นพร้อมเยี่ยมคนป่วยยามเช้าอย่างไม่ทันได้คาดฝันว่าจะเจอภาพที่เหมือนผีหลอกแต่เช้า


" พี่เพคะ  อรเอาโจ๊ก...ม่ะ..." คำมาฝากของเด็กสาวกลืนหายลงคอเมื่อภาพบนเตียงคนป่วยมันตรึงให้ชะงักค้างไม่ต่างจากรัศมีที่เดินเข้ามาด้วยกันนั่น  สองสาวมองสองร่างบนเตียงคนไข้พลางขยี้ตาตนเอง  เหมือนนางฟ้าสองตนนอนบนเตียงซ้อนกอดกันให้ดูน่าอิจฉา  ภาพของแองเจิ้ลที่ซ้อนตัวกอดเพชราจากด้านหลังหลับใหลไม่รู้สึกตัวทั้งคู่ให้สองสาวที่หิ้วมื้อเช้ามาฝากมองหน้ากันเงียบกริบ


" งานนี้พี่ลักษณ์คงตอบได้ค่ะอร "  รัศมีพูดเสียงเบาพลางเดินไปวางถุงโจ๊กบนโต๊ะที่อยู่ด้านหนึ่งของห้องนี้

" แต่อรว่า  คำตอบที่ชัดกว่าน่าจะเป็นจากปากของคนที่ยังหลับนั่นมากกว่าค่ะพี่รัศ "  อรอุมาพาตนเองไปนั่งบนโซฟาพร้อมกับกวักมือเรียกคนรักให้มานั่งด้วยกัน

" พี่ว่าเราสองคนกลับกันก่อนดีไหม " รัศมีออกความเห็นถามพลางมองภาพน่ารักบนเตียงนั่น

" เรานั่งรอที่นี่ดีกว่าค่ะ  อรจะขอเก็บภาพนี้ไว้แบล๊คเมล์เผื่อวันหน้าอยากเกงานจะได้มีข้อต่อรองกับพี่เพ "

" หืม...จะดีเหรอหมีพูห์ " 

" เชื่อสิว่าดี โกโร่จัง " อรอุมาเปิดยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ก่อนต่างคนจะพากันเอาโทรศัพท์ของตนเองมาถ่ายรูปของสองสาวบนเตียงที่ยังหลับไม่รู้เรื่องในหลายๆมุมแล้วก็พากันมานั่งดูรูปภาพที่ถ่ายกันเอาไว้นั่นรอคนป่วยและคนที่ว่าจากโลกไปแล้วให้ตื่นมาตอบคำถามที่รอฟังคำตอบนั่น









ลักษณาตื่นสายกว่าปกติเพราะเห็นว่าไม่ต้องรีบไปหาแองเจิ้ลที่โรงพยาบาล  หากแต่หญิงสาวตื่นขึ้นมาก็ไม่เจอะอินทราบนเตียงซะแล้ว 

" คงไปนั่งดูกอกุหลาบตามเคย  สงสัยต้องเปลี่ยนสวนที่บ้านใหม่ให้เหมือนที่นี่ " หญิงสาวนิ่งคิดในใจก่อนจะลุกจากเตียงไปจัดการตนเองหลังมองนาฬิกาเลยเก้าโมงเช้าไปแล้วนั่น

" ลุกหนีพี่มานั่งคนเดียวไม่ปลุกอีกแล้วนะคะ " ลักษณายื่นสัมผัสอุ่นข้างแก้มให้กับอินทราที่นั่งอยู่ยังที่ประจำของเจ้าตัวยามเช้าๆสายๆใต้ต้นไม้ใหญ่นอกตัวบ้านหลังน้อย

" กาแฟไหมคะ เดี๋ยวอินไปชงให้  เช้านี้อินไม่ได้ทำอะไรเพราะไม่มีใครอยู่ " อินทรายิ้มอ่อนให้กับคนรักหากแต่สายตากลับซ่อนอะไรบางอย่างที่ตนเองนั่งรออย่างใจเย็นเพื่อจะซักถามคนที่เพิ่งลุกตื่นจากที่นอนมา

" หือ...ยายรัศกับอร ไปไหนคะอิน "

" พากันไปโรงพยาบาลตั้งแต่เช้ามืดแล้วค่ะ " คำตอบจากปากของอินทราทำเอาร่างสวยชะงักค้างมองใบหน้าคนรักอย่างหวั่นๆ  ลักษณาเพิ่งเห็นแววตาที่ซ่อนเร้นความนัยของอินทราก็ตอนนี้

" อินไม่เข้าใจอะไรมากหรอกนะคะพี่ลักษณ์แต่อย่างหนึ่งที่อินรู้คือ หากเราสองคนเหมือนดั่งคนเดียวกันจริงๆมันก็ไม่ควรมีเรื่องที่ต้องปิดกันเท่านั้นเอง "

" อิน พี่มีเหตุจำเป็นนะคะ "

" ค่ะ แต่เหตุจำเป็นของพี่ลักษณ์ก็ไม่เห็นต้องปิดอินเลยนี่คะ อ้อ!...แล้วอินก็ยังไม่อยากฟังความจำเป็นของพี่ตอนนี้  เดี๋ยวอินไปชงกาแฟมาให้ค่ะ " อินทราลุกออกจากโต๊ะด้านนอกเดินเข้าตัวบ้าน  อารมณ์น้อยใจมันกำลังมีมากกว่าที่จะมานั่งฟังในเหตุผล  ห่างสักนิดเพื่อปรับอารมณ์จะได้หันกลับมาคุยกันได้อย่างไม่ต้องทะเลาะกันหากแต่ลักษณากลับร้อนใจให้รั้งเด็กสาวเอาไว้

" พี่ไม่อยากกินตอนนี้เหมือนกันค่ะ อิน "

" ปล่อยอินค่ะ พี่ลักษณ์ " น้ำเสียงอินทราแข็งจนน่ากลัวจนลักษณาจำต้องปล่อยมือที่ดึงไว้แล้วให้อินทราเดินเข้าบ้านไป  หญิงสาวทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ตัวน้อยพลางตำหนิตัวเองที่น่าจะรู้ว่าอินทราไม่ชอบเรื่องการปิดบังใดๆ ไม่ว่าเรื่องนั้นจะหนักหนาหรือว่าเล็กน้อยก็ตามที








ที่โรงพยาบาลสองสาวบนเตียงเพิ่งจะขยับกายรู้สึกตัวตื่นหลังจากที่เมื่อคืนพากันนอนคุยถามไถ่เรื่องราวต่อกันจนกระทั่งพากันหลับไปเพราะฤทธิ์ของยาที่หมอให้ไว้  ด้วยเพราะเป็นครั้งแรกของการนอนใกล้ชิดกันด้วยความเข้าใจ คิดถึงและโหยหาด้วยกันทั้งคู่การนอนจึงทอดเวลาให้หลับใหลบนความอบอุ่นไปถึงในใจแทบไม่อยากลุกก็ว่าได้แม้จะไม่ได้ทำกิจกรรมแห่งความรักเพราะต่างคนก็ต่างเจ็บกายด้วยกันทั้งคู่แต่ความหวานก็อวลในใจสองดวงตั้งแต่เมื่อคืนยันเวลานี้    แม่สาวผมทองรู้สึกตัวไวกว่าขยับไหวร่างกายซุกใบหน้าสูดกลิ่นผมของอีกคนในอ้อมกอดก่อนเปิดเปลือกตาขยับตัวขึ้นมองร่างที่ตนนอนกอดมาทั้งคืนนั่นอย่างแสนรักในแววตาไม่ได้ทันรู้สึกหรือผิดสังเกตบางอย่างที่นิ่งเงียบและเฝ้ามองการกระทำของตนอยู่ไม่ต่างจากอีกคนที่ขยับตัวตื่นตามในเวลาไล่เลี่ยกันแล้วเปิดดวงตาสวยมองใบหน้าที่ลอยเด่นเหนือสายตาตนเอง


" ตื่นนานยังคะ " คำถามที่ดูอ่อนหวานที่สุดที่ได้ยินเปิดยิ้มแรกของวันบนเรียวปากแม่สาวต่างชาติและพลันส่ายใบหน้าน้อยๆให้แทนคำตอบ " ยังเจ็บแผลอยู่ไหม " เพชราขยับตัวยกมือลูบบนช่วงอกบริเวณแผลของอีกฝ่ายอย่างระวัง

" หายเจ็บตั้งแต่เจอเธอแล้วหมือนกัน ที่รัก " ดวงตาสีเขียวจ้องมองคนถามก่อนลดระดับใบหน้าหาเรียวปากนุ่มที่เมื่อคืนได้ชิมอย่างที่เจ้าของยินดีให้สัมผัสอีกครั้ง

" แหม...มดพากันปีนขึ้นเตียงแล้วค่ะ พี่สาว " เสียงประท้วงขัดแรงหวานที่ดังขึ้นให้สองกายขยับผละห่างและผุดกายที่นอนอ้อนกันอยู่ลุกขึ้นมองสองสาวที่นั่งส่งยิ้มจากโซฟามาให้อย่างตกใจ



" อรลี่ / น้องอร "



" ค่ะ อรเอง  ไม่นึกนะคะว่านางฟ้าจะมีจริง  บนสวรรค์เขาอนุญาตให้ลงมานานแค่ไหนคะ พี่แองเจิ้ล " คำถามประชดส่งให้ทันควันแต่อรอุมาก็โดนฝ่ามือเล็กๆจากรัศมีเบาๆ ก่อนสองสาวบนเตียงจะเขินอายสายตาพวกเธอไปมากกว่านี้ที่โดนจับได้แบบจะจะคาตา

" มิน่า...พี่ลักษณ์ถึงว่าเช้านี้ พี่เพจะลุกขึ้นวิ่งได้ปร๋อ เพราะได้ยาวิเศษจากนางฟ้าแสนสวยนี่เอง " รัศมีส่งคำแซวพร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆที่ชวนให้อรอุมาหัวเราะตามไปด้วย

" รัศมี..." เพชราหน้าขึ้นสีระเรื่อหน่อยๆด้วยอายหญิงสาววัยอ่อนกว่า  ก็เธอไม่เคยประเจิดประเจ้อในการแสดงความรักทางกายต่อหน้าคนอื่นอย่างนี้

" เอ่อ...มากันนานรึยัง รัศมี " แองเจิ้ลเลี่ยงถามเอากับน้องสาวของเพื่อนแทน

" นานมากค่ะ  นานจนอิจฉาคนบนเตียง " เป็นอรอุมาที่ชิงตอบแทนพลางทำสีหน้าหยอกล้อให้คนมากวัยกว่าอย่างเพชราได้เขินอายมากกว่าเดิม

" แล้ว...." คำถามที่เพิ่งมีจากปากคนเจ็บที่ถูกพาตัวมารักษาไกลเอ่ยค้างให้อรอุมาเข้าใจและบอกกลับจนได้ยินเสียงถอนหายใจของร่างสูงผมทอง

" อรส่งไลน์ไปบอกข่าวดีนี้กับพี่อินเรียบร้อยแล้วค่ะ พี่เพ  ตอนนี้เหลือแค่รอให้ทางนั้นมาที่นี่  แต่ตอนนี้พี่แองเจิ้ลต้องเล่าแล้วค่ะว่าเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่  แล้วข่าวที่กระหึ่มมาเป็นอาทิตย์นั่นคืออะไร " อรอุมาเบี่ยงเข็มหาต้นตอข่าวร้ายที่ให้เศร้าข้างในใจเสียหลายวันทันที


" ร้ายจริงๆ เลย โดยเฉพาะพี่ลักษณ์  เนียนมาก..." อรอุมาเหน็บไปถึงพี่สาวของคนรักและยังมีศักดิ์เป็นคนรักของพี่สาวตนเองอีกฐานหนึ่งนั่นหลังจากได้ฟังทุกเรื่องราวจากปากของร่างสูง

" อย่าไปตำหนิเชอร์รี่เลย อรลี่  พี่เองแหล่ะที่เป็นคนขอเขาเอาไว้  เรื่องบางเรื่องมันก็จำเป็นต้องทำให้ศัตรูตายใจนะ " แองเจิ้ลบอก

" แปลกจังเลย...นี่มันก็เกือบจะเที่ยงแล้วทำไมสองคนนั่นยังไม่มาที่โรงพยาบาลอีก " รัศมีมองเวลาแล้วอดที่จะสงสัยจนต้องออกปากมาไม่ได้

" นั่นสินะ หมอเองก็ยังไม่เข้ามาตรวจอาการของพี่เพเลยด้วย " อรอุมาร่วมเสริมอีกแรง

" คงเพราะเมื่อคืนกลับกันดึกมั้ง ทั้งหมอและเชอรร์รี่ " แองเจิ้ลบอกให้สองสาวมองหน้ากัน

" เมื่อคืนพี่ลักษณ์ย้อนมาที่นี่เหรอคะ "

" ค่ะ พอดีว่าแองเจิ้ลเขาแผลฉีกน่ะ พี่เลยโทรไปรบกวนให้ลักษณาเรียกหมอให้ " เพชราบอกแก่อรอุมา

" งานงอกพี่ลักษณ์แน่ๆ "

" ยังไงเหรอคะ อร " รัศมีถามพลางเลื่อนโต๊ะสำหรับทานอาหารคนไข้ไปยังเตียงที่เพชรากึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่โดยมีแองเจิ้ลนั่งไม่ยอมห่างเตียงหลังจากที่พาคนไข้เข้าไปจัดการหน้าตาในห้องน้ำมาเรียบร้อยแล้ว

" ก็ตอนออกไปเอานมให้โกโร่ เค้าเจออินยืนส่งพี่ลักษณ์หน้าบ้านพอถามดูว่าไปไหน  อินก็บอกว่าพี่ลักษณ์มีงานด่วน  หากอินรู้ว่าพี่ลักษณ์โกหกนะคงไม่แค่งอนแน่ " อรอุมาขยายความให้แต่ละคนที่ฟังพากันห่วงใยคนที่ยังมาไม่ถึงโรงพยาบาลว่าจะโดนหางเลขอะไรบ้างเวลานี้เพราะตอนนี้อินทราก็รู้เรื่องที่แองเจิ้ลยังมีชีวิตอยู่แล้วด้วย










" อิน ฟังพี่ก่อนได้ไหมคะ " ลักษณาพยายามที่จะไม่ร้อนตามอารมณ์ของอีกคนที่แม้ภายนอกจะไม่แสดงอะไรแต่อาการเงียบนิ่งของอินทรานี่หล่ะสำคัญว่ากำลังโกรธเธอมากทีเดียว

" ฟังเรื่องโกหกอีกหรือเปล่าคะ พี่ลักษณ์ "

" ไม่ใช่ค่ะ แต่อินคะ บางเรื่องมันก็จำเป็นไม่ใช่เหรอ พี่ยกตัวอย่างนะ สมมุติว่าเพรชราอาการหนักแล้วแต่หมออยากให้คนไข้มีกำลังใจต่อสู้หล่ะคะ  ก็ต้องปิดอาการที่ว่าไว้และให้กำลังใจแก่เธอใช่ไหมเพื่อที่จะได้ฮึดสู้กับอาการที่หนักนั่น " ลักษณาเปรียบเทียบแต่การยกตัวอย่างกลับทำให้อีกคนยิ่งขุ่นเคืองเข้าไปใหญ่

" ยกเรื่องได้ดีนะคะพี่ลักษณ์ งั้นพี่บอกอินทีสิคะ ที่พี่เพอาการหนักในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาจนเวลานี้  นี่คือการให้กำลังใจของพี่รึเปล่าคะหรือว่าลึกๆแล้วพี่อยากให้พี่เพตายไปตามข่าวลวงโลกนั่น  พี่รู้อยู่แก่ใจว่าพี่แองเจิ้ลยังอยู่ไม่ได้เป็นอะไรหากพี่ไม่คิดจะบอกใครแต่พี่ก็ควรจะบอกพี่เพไว้ไม่ใช่หรือไงกันแต่พี่เลือกที่จะปิดเอาไว้ นั่นใช่ไหมคะเรื่องที่จำเป็นของพี่ "

" อินทรา..." ลักษณาพูดไม่ออกมองหน้าเด็กสาวที่เธอรักหมดใจด้วยความน้อยใจ คำพูดที่กล่าวก่นเหมือนดั่งว่าเธอจงใจอยากให้เพชราเป็นอะไรไปในช่วงเวลาเลวร้ายที่ผ่านมานั่น  หญิงสาวไม่อยากเชื่อว่าเรื่องเพียงเท่านี้จะทำให้อินทราคิดไกลอย่างไร้เหตุผลและการฟังคำอธิบายไปได้  ก้อนจุกขมที่เบียดมาในความรู้สึกมันทำให้เธอเริ่มร้อนขึ้นมาเช่นกัน

" ถ้าพี่ลักษณ์มีหลายเรื่องที่บอกใครไม่ได้เพราะไม่วางใจกันแม้แต่คนที่พี่เรียกและใช้คำว่าครอบครัวมายกอ้างในทุกครั้ง  พี่ก็เก็บเรื่องเหล่านั้นไว้กับตัวพี่เถอะค่ะ  กับอิน...พี่ก็ไม่ต้องบอกมันออกมาเพราะอินมันก็แค่คนข้างถนนคนหนึ่งที่บังเอิญพี่มาเจอและเมตตามาก็เท่านั้นเอง  คงไม่ใช่ใครในครอบครัวของพี่ได้และไม่ใช่ใครที่สำคัญพอที่พี่จะวางใจแก่กัน "

" อิน...!! " ลักษณายิ่งร้อนข้างในอกเมื่อเด็กสาวกำลังดูหมิ่นน้ำใจของเธอ... หญิงสาวจ้องลึกเข้าในดวงตาคู่นั้นที่แน่วแน่และเด็ดขาดไม่ต่างจากตนเองสักเท่าไหร่  เธอไม่คิดว่าบางมุมของอินทราจะแข็งกร้าวและไร้ซึ่งเหตุผลได้แบบนี้  การสะกดอารมณ์ต่างๆที่กำลังจะระเบิดมันทำยากในขณะที่อีกคนปะทุเชื้อในใจออกมาให้เธอได้รู้สึกเจ็บปวดบ้างแล้วนั่น


" ตั้งแต่เราได้เจอกันอีกครั้ง อินยอมให้พี่ลักษณ์ทุกอย่างแม้มันจะฝืนความเป็นตัวตนของอินแต่อินก็จำได้ว่าเคยบอกและขอพี่ลักษณ์ไปแล้ว ว่าอย่าปิดบังกันไม่ว่าเรื่องไหนแต่อินคงจะขอพี่มากเกินไป  ตอนนี้อินจะขอพี่อีกครั้ง...อินจะขอใช้ชีวิตในแบบของอินสักพัก  บางทีพี่ลักษณ์อาจต้องการใครที่เข้าใจพี่ได้มากกว่าอิน " สถานการณ์กำลังแย่ลงเพราะอินทรากำลังหยิบเอาความเป็นเด็กมาใช้กับอีกฝ่ายให้ลักษณาไม่พูดอะไรอีกต่อไป  เดินออกจากบ้านหลังน้อยของเด็กสาวขึ้นรถและขับออกไปอย่างรวดเร็วในขณะที่อินทราก็ทรุดนั่งกับโซฟาแล้วปล่อยให้สมองคิดอะไรต่อมิอะไรลำพังเหมือนคนที่เรียกหาสติที่ขาดไปจากร่างกายและสำนึกชั่วขณะนั่น 










" ใจเย็นนะคะ พี่ลักษณ์   อินคงไม่ได้หมายความอย่างที่พี่คิดหรอกค่ะ "

" นั่นสิคะ พี่อินน่ะคงเข้าสู่โหมดงี่เง่าเดี๋ยวพอได้สติก็มาขอโทษพี่เองแหล่ะค่ะ พี่ลักษณ์ " รจิตบอกกับลักษณาให้ได้รอยมือจากเพื่อนฟาดใส่

" เกินไปแก พี่ชั้นนะโว้ย...แกระวังไว้เลยไอ้จิตถ้าพี่อินรู้ว่าทั้งแกและภาก็ร่วมด้วยหล่ะก็นะ... " อรอุมายังไม่ทันได้เฉ่งเพื่อนรักสองคนที่รู้เรื่องแต่ดันเงียบกริบเก็บงำ

" อย่าไปต่อว่าจิตกับอาภาเลยนะอรลี่  พี่เป็นคนขอไว้เองและเรื่องนี้มันก็สำคัญมากๆ ด้วยที่จะให้ใครรู้ไม่ได้ " แองเจิ้ลออกรับให้กับสองสาวเจ้าของบ้านกลางสวนลึกแห่งนี้ที่ให้ความช่วยเหลือตน  ร่างสูงรีบเผ่นออกจากโรงพยาบาลมาที่นี่ทันทีเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของลักษณามาตามคลื่นโทรศัพท์โดยสองคนที่เข้ามาเจอความจริงอย่างบังเอิญตามมาด้วยปล่อยให้เพชราอยู่กับคุณหมอสาวที่โรงพยาบาล

" แล้วนี่จะเอายังไงดีหล่ะ หมีพูห์  ปล่อยนานไม่ดีแน่เลย " รัศมีนั่งปลอบพี่สาวตนเองที่ดูจะเสียใจจนต้องเสียน้ำตาออกมาเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอได้เห็นพี่สาวผู้แสนจะแข็งแกร่งจิตใจน้ำตาริน

" ไม่รู้สิ โกโร่  เค้าคิดไม่ออก " อรอุมาก็จนใจและจนทาง  หญิงสาวรู้จักนิสัยพี่สาวของตัวเองดีเหมือนกัน  มีทางเดียวคือต้องปล่อยไปก่อนในตอนนี้

" เชอร์รี่  อีกสองวันเราต้องเดินทางกันแล้วนะ  จิตใจของยูจะพร้อมไหม " แองเจิ้ลเอ่ยถามเพราะหากว่าลักษณาไม่ไหวหล่อนจะไม่ดึงเพื่อนสาวให้ไปเสี่ยงกับเรื่องของตนเองเด็ดขาด

" ไอ โอเค... แต่ตอนนี้  ไอขออยู่ลำพังได้ไหม ยูกับน้องๆพากันไปอยู่กับเพชราก่อนเถอะ  ไอไหว..." ลักษณาไม่อยากคุยหรือได้ยินอะไรในตอนนี้ทั้งนั้น  จิตใจและสมองมันมีแต่ถ้อยคำของอินทรากรอกลับไปกลับมาอยู่เท่านั้นเอง


" งั้น ให้ซีลอยู่เป็นเพื่อนยูละกัน แล้วค่ำๆ ไอจะกลับมาและหากหมออนุญาตคงจะได้พาแพทชี่มาพร้อมกันด้วยเลย " แองเจิ้ลวางมือลงบนบ่าของเพื่อนรักและบีบเบาให้กำลังใจ  รู้สึกผิดอยู่หรอกที่เป็นต้นเหตุให้เพื่อนรักต้องทะเลาะกับหวานใจแต่รายนั้นก็ดูจะมีความคิดเป็นเด็กไปสำหรับเรื่องนี้ 


" อืม... ไปเถอะ  รัศ อร  ฝากดูอินให้พี่ด้วยนะ " รัศมีกับอรอุมามองหน้ากันเล็กน้อย  ขนาดทะเลาะกันก็ยังห่วงจนต้องฝากฝัง...ถ้าอินทรางี่เง่ากับเรื่องแค่นี้เวลาที่ผ่านมาคงไร้ค่าและความหมายในทุกๆเรื่องที่ผจญมาด้วยกันนั่น  ที่น่าเห็นใจคงเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก  งานนี้ทุกคนลงคะแนนให้อินทราเป็นฝ่ายผิดเต็มประตูแต่ที่มากกว่านั้นคือมันจะจบสวยเข้าใจง่ายหรือจะบานปลายจนต่อไม่ติดก็ต้องรอดูหัวใจของฝ่ายที่เด็กกว่าแล้วว่าจะเลือกทำตามอย่างที่พูดจริงหรือเปล่า  หรือแค่ประชดเพราะอารมณ์โกรธกันแน่

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น