web stats

ข่าว

 


ได้รัก : ตอนที่ 4

โพสต์โดย: ลำเนา วันที่: 28 เมษายน 2017 เวลา 21:41:24 อ่าน: 243

   พชรเห็นปัณฑาเดินไปเดินมาพูดคุยโทรศัพท์อยู่พักใหญ่ หน้าตาดูไม่ค่อยดีนัก พยายามเตือนตัวเองไม่ให้ห่วงใยหรือกังวลใจไปกับสาวสวยที่ยัง คงวนเวียนอยู่ในความรู้สึก ซึ่งทำให้รู้สึกผิดกับคนที่ชวนพูดคุยอยู่ใกล้ๆ

   "อยากกินอะไรไหม วาดออกไปซื้อให้" วันวาดถาม อยากเอาใจคนที่เงียบไป เมื่อเริ่มพูดคุยกันด้วยน้ำเสียงเรียบๆ และเริ่มจะชวนทะเลาะ

   "ไม่ล่ะ วาดอยากกินอะไรก็ซื้อเถอะ"

   "งั้นเดี๋ยวซื้อมาเผื่อ" วันวาดยิ้มให้พชร

   "ขอบคุณนะ"

   พชรมองดูคนที่เพิ่งขับรถออกไปได้ครู่หนึ่ง และมองเลยไปยังบ้านข้างๆ แค่เพียงครู่หนึ่งเสียงเปียโนก็ดังขึ้น ทำให้คนที่ชะเง้อคอยาวอยู่นั้นมีรอยยิ้มด้วยความอยากแกล้งบ้าง จึงเริ่มเล่นเพลงตามเสียงเปียโนที่ได้ยิน

   "ยิ้มกันอยู่ไกลๆ แบบนี้ ก็ยังดีนะ" พชรพูดคล้ายบอกกับคนที่อยู่อีกบ้านหนึ่ง

   "แกล้งปัณหรือ" พชรยิ้มๆ กับเสียงที่ได้ยินหลังจากกดรับสาย

   "เปล่านะ อยากเล่นเพลงนี้พอดี"

   "ได้งั้นเล่นตามให้ครบทุกเพลงเลยนะ" ปัณฑายิ้ม

   "โห เล่นของบีโธเฟน ก็แย่ดิ แขนหายเจ็บแล้วหรือ"

   "ไม่เจ็บแล้วนะ แต่เหมือนมันขัดๆ ยังใช้งานไม่สะดวกนัก"

   "ยูโดสายสีอะไร ถามจริง" พชรยิ้มมองดูคนที่เดินไปเดินมาอยู่ในห้องรับแขก

   "ไม่เห็นต้องมีสายเลย มีสติรับรองได้ว่ารอด" ปัณฑาหัวเราะ

   "เหมือนถูกหลอกด่าเลย ว่าเพชรไม่มีสติอยู่ล่ะสิ"

   "เปล่า แต่เป็นห่วง" ปัณฑาบอกตามตรง ยิ้มจางๆ กับตัวเองไม่กล้าหันไปทางคนที่นั่งอยู่หน้าบ้าน

   "หันหน้ามาให้เห็นหน่อย อยากรู้ว่าห่วงจริงหรือเปล่า" พชรจ้องมองไปทางบ้านของปัณฑารู้สึกลุ้นระทึกกับการเฝ้ารอให้ปัณฑาหันมา

   "เห็นยัง" ปัณฑายิ้มๆ ทำท่าโบกมือให้ พชรหัวเราะกับความน่ารักของคนที่ทั้งดุ ทั้งขี้แกล้ง บอกแค่ให้หันมายังทำท่าโบกไม้โบกมือให้อีก

   "ทำแผลทุกวันหรือเปล่า" พชรถาม

   "ไปหาหมอทุกวัน"

   "เพชรก็เป็นห่วงนะ" พชรพูดไม่เต็มเสียงนัก

   "ถ้าปัณไม่อยู่ แล้วแฟนเพชรเป็นเหมือนเมื่อคืน ไม่ออกไปเปิดให้เข้าไปในบ้านได้ไหม" ปัณฑาถอนใจ คนที่อยู่ปลายสายนั้นได้ยินชัด

   "ได้สิ แล้วปัณล่ะ ไปทำอะไรมา แผลน่ะ เพชรรู้นะว่าแผลจากกระสุนปืน" พชรจ้องมองคนที่มองอยู่เช่นกัน

   "บ้าใครจะมายิงปืนใส่ปัณ" ปัณฑาพูดอ้อมแอ้ม

   "นั่นสิ ใครล่ะ เมื่อคืนเห็นมีรอยช้ำด้วย"

   "ช่างสังเกตไปนะ"

   "ปัณยังห่วงเพชรเลย ทำไมเพชรจะไม่ห่วงปัณล่ะ" พชรยิ้ม

   "หายแล๊ว" ปัณฑาทำท่าชูข้างที่มีผ้าพันแผลมือขึ้น ทำให้คนที่เห็นนั้นอดที่จะขำไม่ได้

   "แต่ดีขึ้นหน่อย เพราะเล่นเปียโนได้แล้ว"

   "ขอบคุณนะ เพชร แค่นี้ก่อนปัณต้องออกไปข้างนอก"

   "ขับรถดีๆ นะ สาวโหด" พชรหัวเราะ

   "ไม่โหดจะจบไหมล่ะ" ปัณฑาพูดเสียงเข้ม

   "จริงด้วย ไปหลายวันหรือเปล่า" พชรมองเห็นปัณฑายิ้มๆ ให้อยู่ถึงแม้จะอยู่ห่างกันแต่ก็พอเห็นรอยยิ้มนั้นได้

   "เพชรว่า เราสองคนแปลกๆ ปะ เดินไปที่รั้วแล้วคุยกันน่าจะง่ายกว่าเนอะ" ปัณฑาเลี่ยงที่จะไม่พูดถึงเรื่องที่พชรถาม

   "ไว้คราวหน้า เจอกันริมรั้ว ดูแลตัวเองด้วยนะ" พชรบอกและโบกมือให้ปัณฑาที่สัมผัสได้กับความห่วงใยจากสิ่งที่ได้ยิน โดยเฉพาะน้ำเสียงจากประโยคสุดท้าย ซึ่งพอจะเดาได้ว่า พชรรู้ว่าปัณฑาไม่อยากตอบคำถามที่ได้ถามไป

   วันวาดกลับมาเป็นคนเดิม อาจจะเพราะเวลาไปหาที่บ้านนั้นแทบจะไม่ได้เห็นปัณฑาเลย พชรเองก็เช่นกันหรือบางทีอาจจะแค่รู้สึกดี เพราะบังเอิญเข้ามารู้จักกันในจังหวะที่กำลังพบเจอกันปัญหา พชรเปิดดูข้อความที่ถูกส่งมาเป็นรูปภาพบัตรเชิญจึงยิ้มกับความน่ารักของภารดา

   "เทียบเชิญงานสังสรรค์ประจำปีของชาวดนตรี ฝากเชิญเพื่อนที่วงด้วยและสาวนักเปียโนปัณฑาด้วยนะจ๊ะ" พชรยิ้มกับข้อความยาวๆ ที่ถูกส่งมาและกำลังจัดการส่งต่อให้เพื่อนร่วมวงดนตรี ซึ่งคงจะดี๊ด้ากันน่าดู หากได้รับรู้เรื่องเทียบเชิญจากเจ้าแม่ดนตรีอย่างภารดา

   "ขอบคุณค่ะ พี่ภา ส่งเทียบเชิญต่อให้เรียบร้อยแล้วนะคะ" พชรตอบข้อความกลับและได้รับข้อความจากเพื่อนร่วมวงที่ไม่มีใครปฏิเสธเลย

   "สวัสดีปัณ คุยได้หรือเปล่า" พชรยิ้มกว้างในทันที เมื่อได้ยินเสียง

   "ได้เป็นไงบ้าง สบายดีหรือเปล่า" ปัณฑายิ้มๆ และกำลังชะลอรถเข้าข้างทางเพื่อคุยโทรศัพท์กับพชร

   "สบายดี ปัณล่ะ"

   "สบายดี งานยุ่งนิดหน่อย" ปัณฑาอยากบอกว่าคิดถึง แต่คงได้แค่คิดและจะเก็บไว้เงียบๆ อย่างนี้ต่อไป

   "หายไปที่หลายวันเลย"

   "เพชรมีอะไรหรือเปล่า" ปัณฑาถามและแอบถอนใจเบาๆ กับน้ำ เสียงที่ได้ยินคล้ายบ่นๆ ปนต่อว่าที่หายไปไม่ค่อยได้กลับบ้าน

   "พี่ภาจัดงานสังสรรค์ ชวนคนทำงานโฆษณากับดนตรีไปพบกันงานจัดที่บ้าน ฝากมาชวนปัณด้วย" พชรรู้สึกใจเต้นแปลกๆ เหมือนหัวใจเต้นเร็วและแรงขึ้นอยากให้ปลายสายตอบตกลง

   "ขอดูวันก่อนนะ เพชร"

   "งั้นเดียวเพชรส่งรูปไปให้นะ แจ้งวันเวลาไว้เรียบร้อย"

   "ขอบคุณจ๊ะ"

   "เพชรมีอะไรจะบอก แต่ไม่รู้ควรจะพูดหรือเปล่า" พชรไม่เคยรู้สึกตื่นเต้นกับการต้องพูดคุยกับใคร ไม่ว่าจะเรื่องงานหรือแม้แต่ในการคบหากับใครก็ตาม แต่กับปัณฑานั้นห่วงใยความรู้สึกของคนที่เงียบไป

   "เป็นอะไร มีอะไรร้ายแรงหรือเปล่า เพชรอยู่ไหน ทำอะไรอยู่"

   "อยู่บ้าน ไม่ได้เป็นอะไร" พชรยิ้มกับความห่วงใยของปัณฑา

   "นึกว่าเป็นอะไร จะได้รีบขับไปหา" ปัณฑาบอก

   "ไม่มีอะไร แค่นี้ก่อนนะ"

   "ตกลงจะบอกอะไร อยู่ๆ ก็จะไปซะงั้น" ปัณฑาหัวเราะ

   "คิดถึงปัณ นั่นแหละที่อยากบอก"

   "ปัณก็คิดถึงเพชร ปัณต้องไปแล้วไว้กลับบ้านค่อยเจอกันริมรั้วนะ" ปัณฑาหัวเราะ รู้สึกสุขใจและสบายใจทั้งสิ่งที่ได้ยินและได้บอกออกไป

   ปัณฑาหายไปอีก หลังจากได้พูดคุยกันทางโทรศัพท์เมื่อหลายวันก่อนและไม่ได้แจ้งกลับด้วยว่าจะมางานตามคำเชิญของภารดาหรือไม่ พชรไม่สามารถติดต่อได้เพราะโทรฯ ไปสองสามครั้งส่วนใหญ่ให้ฝากข้อความทำให้รู้สึกกังวลใจ แต่คงทำได้แค่เพียงเป็นห่วงและเฝ้าภาวนาว่า ปัณฑาจะมาร่วมงานด้วย

   "ว่าอย่างไรจ๊ะ ทำไมหน้าไม่สะเบยเลย ไม่สบายหรือเปล่า" ภารดาถามพชร เมื่อสามารถแยกตัวออกมาจากแขกที่มาร่วมงานและเห็นน้องสาวนั่งอยู่เพียงลำพัง

   "ไม่มีอะไรคะ" พชรบอก

   "ตกลงไม่ดื่มเหล้าแล้วจริงๆ หรือ" ภารดามองแก้วน้ำอัดลมที่พชรถืออยู่นั้นทำให้แปลกใจ

   "ดื่มบ้างค่ะ แต่ไม่มากแล้ว"

   "ดื่มได้นะ นอนที่นี่แหละไม่ต้องขับกลับ" ภารดาบอกแล้วหยิบแก้วที่มีน้ำสีคล้ายน้ำชามาเปลี่ยนให้

   "พี่ภาคะ ควรห้ามนะ ไม่ใช่ยุแบบนี้" พชรพูดต่อว่าคนที่หัวเราะอยู่

   "จะได้หายจ๋อย ถ้าเขาอยากมาอย่างไรก็ต้องมาเชื่อสิ"

   "ใคร" พชรแกล้งถาม

   "ก็คนที่รออยู่ไง" ภารดาอมยิ้ม รู้สึกเป็นต่อที่ได้พูดจายียวนใส่พชรซึ่งนานๆ ทีจะยอมสิโรราบ

   "ไม่ได้รอใครสักหน่อย" พชรบอก

   "แช่งให้ไม่มางั้น" ภารดาหัวเราะ เมื่อเห็นน้องสาวทำหน้างอ

   "ขำเข้าไป"

   "แล้ววาดล่ะ" ภารดาพูดเพียงสั้นๆ แต่พชรเข้าใจคำถามนั้น

   "พี่ภาเคยสับสนไหม ตอนที่รู้สึกชอบพี่ปูน"

   "เรื่องปกติ ไม่ว่าหญิงชายสับสนทั้งนั้นแหละ" ภารดายิ้มให้พชร

   "เพชรไม่รู้ว่า รู้สึกอย่างไร แต่รู้สึกดีนะ เวลาเขาพูดเหมือนห่วง"

   "แล้วไงต่อ" ภารดาถาม

   "ตอนทะเลาะกับวาด ปัณวิ่งเข้ามาขวาง ทุ่มวาดคว่ำลงกองกับพื้นทั้งๆ ที่วาดยังไม่ได้ทำอะไรเลย แค่เสียงดังแล้วเดินเข้ามาหาเพชร วันที่วาดเมาที่ร้านพี่ภาจำได้ไหมคะ" พชรเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ภารดาได้รับรู้ ซึ่งคนฟังนั้นนิ่งเงียบ

   "เพชรมีวาดอยู่แล้วนะ"

   "เพชรรู้นะ พี่ภา ก็เตือนตัวเองอยู่" พชรบอก

   "ถ้าวันนั้นเป็นปัณโดนรังแกอยู่ เพชรจะเข้าไปขวางเหมือนกันไหม" ภารดาถามจ้องมองคนที่ตอบทันทีแบบไม่ต้องคิด

   "เป็นเพชร วาดคงโดนหนักกว่านั้น ปัณแค่ทุ่มลงไปกองยังบอกให้หิ้วไปนอนด้วย" ภารดาได้ยินเข้าก็ยิ้มๆ กับความน่ารักของปัณฑาที่ทำเพียงแค่เข้ามาห้ามทัพแล้วก็กลับไป

   "ตัวนิดเดียว ทุ่มลงไปกองได้ ไม่ธรรมดา"

   "ไม่คุยแล้วดีกว่า" พชรพูดเสียงอ่อยๆ

   "คิดถึงล่ะสิ พี่ปูนยังรู้เลยว่าเพชรน่ะ ชอบปัณ" ภารดาหัวเราะเมื่อเห็นปูนปั้นเดินมาสมทบ

   "บ้า ใครบอกคะ พี่ปูน"

   "เห็นเงาในตาฉันไหม เห็นเธออยู่ในนั้นไหม รู้ใจกันบ้างไหมว่าฉันนั้นคิดอะไร ถ้ามาร้องเพลงจีบเลย" ภารดาหัวเราะกับคนที่กล้าร้องเพลงออก มาทั้งๆ ที่อายจนแก้มแดง

   "หน้าแตก ใครจะเย็บให้น้องคะ"

   "ส่งโรงพยาบาลสิคะ" ภารดาพูดยิ้มๆ

   "ไอ้ข้างในนี้บอกว่าคนไหน ก็คนนั้น วาดกลับมาน่ารักเหมือนเดิมแล้วไม่ใช่หรือ" ปูนปั้นถามและเอามือทาบทับไปที่หน้าอกด้านซ้ายของพชร

   "ใช่ค่ะ เพราะหึงปัณเลยแสดงท่าทางแปลกๆ" พชรบอกกับปูนปั้น

   "วาดยังดูออกเล๊ย ภาวนาให้มาก็แล้วกัน" ปูนปั้นยิ้มและลุกตามภารดาเพื่อไปต้อนรับแขกที่เพิ่งมาถึง

   พชรหลบมานั่งอยู่ในห้องทำงาน ซึ่งเป็นห้องอัดเสียงที่พาปัณฑามาเมื่อครั้งก่อน เพิ่งสังเกตว่าที่เปียโนนั้นมีรูปหนูพุกลูกสาวของภารดาตั้งอยู่เห็นแล้วอดที่จะคิดถึงไม่ได้

   "น้าเพชร หนูพุกคิดถึงมากๆ เลยค่ะ" หนูพุกโบกมือทักทายทันทีเมื่อมีภาพปรากฎให้เห็น

   "คิดถึงหลานที่สุดในโลก สบายดีไหมคะ"

   "สบายดีค่ะ น้าเพชรอยู่บ้านแม่ภาหรือคะ" หนูพุกถาม

   "ใช่ค่ะ จะคุยไหมคะ"

   "รอแม่ว่างก่อนค่ะ ปกติคุยกันทุกวัน ถ้าแม่ภายุ่งได้คุยกับแม่ปูน แต่ปกติได้คุยสองคนเลยค่ะ" สองสาวได้คุยกันเรื่องโน้นเรื่องนี้ หนูพุกร่าเริงสดใสไม่เคยเปลี่ยน ความน่ารักนั้นทำให้คนที่รู้จักและพูดคุยด้วยมีความสุขไปด้วยเสมอ อีกหน่อยคงต้องหาโอกาสโทรศัพท์หาหนูพุกบ่อยๆ เสียแล้ว

   "ฮัลโหลค่ะ" หนูพุกโบกมือไหวๆ แต่มองเลยไปทางด้านหลังจากพชร คนที่คุยอยู่นั้นสังเกตเห็นได้

   "ฮัลโหลค่ะ" เสียงที่ดังขึ้นทำให้พชรรีบหันไปในทันที หนูพุกยิ้มแป้นเพราะเห็นน้าสาวนิ่งงันไป หลังจากหันไปมองเห็นคนที่โบกมือให้หนูพุก

   "น้าเพชร น้าเพชรคะ" หนูพุกอมยิ้มมองไปทางปัณฑา

   "เพชร หลานเรียก" ปัณฑายิ้มๆ กับหนูพุกที่ยิ้มได้น่ารักมาก

   "เอ่อ หนูพุกคะ น้าปัณค่ะ" พชรหันรีหันขวางอยู่ครู่หนึ่ง หนูพุกยิ้มกับท่าทางแปลกๆ แต่พอจะรู้ว่า น้าสาวนั้นคล้ายๆ กับมารดาทั้งสองของตัวเองจึงไม่แปลกใจที่เห็นปัณฑาและน้าสาวของตัวเองนั้นท่าทางแปลกๆ

   "สวัสดีค่ะ น้าปัณ"

   "สวัสดีค่ะ หนูพุก"

   "นั่งก่อนไหม" พชรเขยิบไปนิดหนึ่งเพื่อให้ปัณฑานั่งลงข้างๆ ได้

   หนูพุกกับปัณฑาพูดคุยทำความรู้จักกัน สองสาวคุยกันสนุกสนาน พชรเพียงแค่นั่งฟังแล้วยิ้มๆ กับการสนทนานั้น รู้สึกสุขใจที่ได้ยินสองสาวคุยกันและหัวใจรู้สึกพองโตขึ้นมา ยามที่ปัณฑาหัวเราะและขยับตัวจนไหล่เบียดเข้ากับไหล่ของพชร รวมถึงบางทีเบียดตัวเข้าแนบชิดด้วย

   "น้าเพชร โทรฯ หาหนูพุกบ่อยๆ ได้ไหมคะ นะ น๊า" หนูพุกพูดอ้อน

   "ได้ค่ะ เอาเป็นวันหยุดดีไหมคะ เดี๋ยวคุณพ่อจะว่าเอา" พชรยิ้ม

   "จริงนะ น้าเพชร" ปัณฑายิ้มๆ กับคนที่ท่าทางจะไม่ค่อยได้โทรฯ หลานสักเท่าไร

   "จริงสิคะ"

   "ชวนน้าปัณด้วยนะคะ" หนูพุกยิ้มให้ปัณฑา

   "น้าปัณของหนูพุกน่ะ งานยุ่งจะตาย บ้านช่องก็ไม่กลับ" พชรยิ้มเมื่อได้พูดฟ้องไปกับหนูพุกที่หัวเราะออกมา

   "น้าปัณทำงานอะไรคะ เป็นนักดนตรีเหมือนแม่ภาหรือเปล่าคะ"

   "รับราชการค่ะ" ปัณฑาบอก หนูพุกพยักหน้า

   "หยุดเสาร์อาทิตย์ คุยได้สิ น้าเพชร"

   "หนูพุกต้องอ้อนน้าปัณเองแล้วล่ะ"

   "โอเคนะคะ น้าปัณ" หนูพุกทำมือเป็นท่าโอเค ปัณฑายิ้มและทำมือแบบเดียวกันหนูพุกเช่นกัน

   พชรเงียบไปไม่ได้หันไปมองคนที่ยังนั่งอยู่ข้างๆ หนูพุกได้รับคำตอบทุกคำถามและยังนัดแนะเรื่องการโทรศัพท์คุยกับปัณฑา พชรถอนใจพอเจอเข้าหาเรื่องพูดคุยไม่ได้เอาเสียเลย

   "แบตหมดเหรอ คุยกับหลานน่ะ" ปัณฑาพูดขึ้นก่อน

   "มาได้ไง"

   "พี่ภาเชิญ" ปัณฑายิ้มให้กับที่ยังคงไม่ยอมหันมา

   "งานพี่ภาอยู่ข้างนอก" พชรพูดขึ้น รู้สึกอยากตบปากตัวเองขึ้นมา

   "ปัณได้พักสองสัปดาห์ ไม่ต้องไปทำงาน บอกเผื่อไว้จะได้หายงอน"

   "เพชรจะงอนเรื่องอะไร" พชรบอก

   "นั่นสิเนอะ" ปัณฑายิ้มให้กับคนที่โบกมือให้อยู่ด้านนอก พชรมองตามและโบกมือให้เช่นกัน ปัณฑาจึงเดินออกไปทักทายและพูดคุยกับคนที่เข้าสวมกอดในทันที เพราะเป็นเพื่อนต่างคณะตอนเรียนมหาวิทยาลัย

   "ไม่ยักรู้นะ อยู่ในแวดวงนี้ด้วย" พชรพูดทักทายเพื่อนที่เคยเรียนมาด้วยกัน

   "ทักซะ แล้วคิดว่าฉันอยู่แวดวงไหนยะ" เพื่อนของพชรยิ้มทะเล้นให้ กับการพูดจาหยอกล้อกัน

   "แวดวงเม้าท์มอยซอยบ้านป้อมไง" พชรหัวเราะ

   "ปากนะ นางเพชรเดี๋ยวจะโดน"

   "รู้จักปัณด้วยหรือ ป้อม"

   "ไม่รู้จักจะมายืนคุยกันอยู่หรือ สองคนนี้ยังไงกันหลบไปอยู่กันสองคนมีอะไรอัฟเดตกันหรือเปล่า" พชรส่ายหน้ากับการเป็นขาเม้าท์ที่ท่าทางจะยั่งยืนตลอดชีพ

   "ไม่มีจะบ้าเหรอ" พชรรีบพูดขึ้น

   "นั่นสิ จะถามต่ออยู่ว่า สาวไฮโซวันวาดหายไปไหน"

    "เพิ่งมาใช่หรือเปล่า ไปหาพี่ภาเลย ไปเลยปะ" พชรจับเพื่อนกลับหลังหันแล้วดันหลังให้รีบเดินไป

   "รู้จักยายป้อมขาเม้าท์ด้วยเหรอ" พชรถามปัณฑา

   "มั้ง"

   "ตอบหนูพุกยาวเหยียด รับราชการ ตอบเพชร คำเดียว มั้ง" พชรพูดด้วยน้ำเสียงงอนๆ

   "ถามสิจะได้ตอบยาวๆ" ปัณฑาอมยิ้มจ้องมองคนที่ยิ้มน้อยๆ ให้อยู่

   "ทำไมถึงมาได้ล่ะ"

   "คิดว่า มีคนอยากเจอ" ปัณฑาบอก

   "แขนหายดีหรือยัง"

   "หายแระ" ปัณฑายกแขนให้ดู พชรอมยิ้ม

   "ไม่รู้จะถามอะไรแล๊ว" พชรบอก ปัณฑาหัวเราะกับคนที่ยิ้มได้น่ารักอยู่ข้างๆ

   "อยู่เฉยๆ นะ" ปัณฑาจ้องมองดวงตาคู่สวยนั้นของพชรและกำลังนำผมที่ตกลงมาทัดเข้าที่หูให้

   "ขอบคุณค่ะ"

   "สวยแล้ว เข้าไปข้างในไหม" ปัณฑายกแขนเล็กน้อยให้พชรทำท่าคล้ายๆ อยากให้พชรเป็นคู่ควงเข้าไปภายใน

   "พี่ภากับพี่ปูนน่ะ หวงน้องนะจะบอกให้" พชรหัวเราะและคล้องแขนเข้ากับแขนของปัณฑา

   "คนอื่นก็หวงด้วย" ปัณฑารำพึงออกมาเบาๆ

   ภารดาหัวเราะ เมื่อเห็นปัณฑาควงพชรเข้ามาภายในงาน ซึ่งอันที่จริงนั้นเป็นงานเล็กๆ ของคนที่สนิทสนมและเคยทำงานร่วมกันมากกว่าดูไปสองคนนั้นถือได้ว่า น่ารักด้วยกันทั้งคู่ ถ้าเป็นอย่างที่คิดคงจะดี แต่ก็นะกว่าชีวิตคนเราจะลงตัวหรือมีความสุขได้ในแต่ละเรื่อง ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเอาไว้ ภารดายิ้ม เพราะคิดแผนเอาคืนน้องสาวสุดที่รักได้แล้ว

   "ขออนุญาตประกาศนิดหนึ่งค่ะ ไหนๆ ค่ำนี้เรามีนักร้องสาวเสียงดีและนักดนตรีฝีมือเยี่ยม ซึ่งถ้าโชว์ด้วยกันน่าจะกลมกล่อม ทุกคนปรบมือต้อนรับเพชรกับปัณด้วยค่ะ" ภารดาเริ่มตบมือก่อนและผู้ร่วมงานส่งเสียงวี๊ดว้าวตามมาพร้อมด้วยเสียงปรบมือที่ดังลั่น ตามมาด้วยเสียงเชียร์ คนที่เพิ่งเดินเข้างานรู้ตัวเลยว่า โดนพี่สาวเล่นงานเข้าให้แล้วหันไปมองสบตากับคนที่ยืนยิ้มอยู่และพยักหน้าให้ พชรนึกถึงเพลงที่ปูนปั้นร้องให้ฟังก่อนหน้าจึงอมยิ้มออกมา แต่คนที่เลือกเพลงนั้นเป็นปัณฑาไม่ใช่ตัวเธอ

   "เธอเห็นท้องฟ้านั่นไหม ฉันเก็บเอาไว้ให้เธอ และจะเป็นเช่นนั้นเสมอ โวโฮวโหว" เสียงร้องของพชรกับเสียงเปียโนของปัณฑาผสมผสานรวม กันได้ดีจนน่าทึ่ง ภารดารู้สึกอย่างนั้น โดยเฉพาะเวลาผสานสายตากัน

   "ออกงานได้เลยนะนั่น" เสียงรำพึงจากคนที่มารวมงานทำให้ภารดายิ้มและภูมิใจในตัวน้องสาว ซึ่งหวังว่า จะได้พบเจอความรักที่ดีและความสุขที่แท้จริง ปูนปั้นโอบไหล่ภารดาที่นั่งยิ้มกับเสียงเพลงที่ได้ยินได้ฟังอย่างสุขใจ สองสาวกลายเป็นดาวเด่นแห่งค่ำคืน เพราะปัณฑาถือเป็นหน้าใหม่สำหรับคนกลุ่มนี้ ซึ่งฝีไม้ลายมือทางดนตรีนั้นภารดาการันตีได้ว่า ดีมาก แผนไปได้สวยเพราะมีคนเข้าพูดคุยและยื่นนามบัตรให้ปัณฑา บางทีอาจจะได้คนในวงการโฆษณาและทำดนตรีเพิ่มขึ้นมา

   "ดังเลยเพลงเดียว" พชรยิ้ม เมื่อปัณฑาเดินมานั่งลงข้างๆ

   "ไม่ยักรู้ว่า เสียงดีขนาดนี้ แอบอัดเสียงไว้ด้วยล่ะ" ปัณฑาอมยิ้มยกโทรศัพท์ขึ้นมาให้พชรดู

   "อย่าฟังก่อนนอนล่ะ เดี๋ยวจะนอนไม่หลับ" พชรหัวเราะ

   "อาจจะฝันดีก็ได้นะ เวลาไม่ได้กลับบ้าน" ปัณฑายิ้มน้อยๆ

   ภารดากับปูนปั้นเข้ามาพูดคุยกับสองสาว โดยเฉพาะเริ่มทาบทามปัณฑาซึ่งยิ้มอายๆ และออกตัวว่าไม่ได้มีความสามารถอะไรมากมาย

   "ไว้พาตัวมาทดสอบหน่อย พวกถ่อมตัวน่ะ ส่วนใหญ่จะไม่ธรรมดา" ภารดายิ้มให้ปัณฑา

   "พี่ภาจริงจังหรือเปล่าคะ" พชรเอ่ยปากถามแทน

   "จริงสิ เห็นเพชรมาเล่าว่า เล่นฟรุทได้ด้วย" ภารดายิ้มให้ปัณฑาที่หันไปมองสบตากับพชร

   "เม้าท์อะไรปัณให้พี่ภาฟัง" ปัณฑาพูดคล้ายดุพชร

   "พูดแต่เรื่องดีๆ ทั้งนั้นเลย"

   "จริง ชมตลอดแหละ"

   "ปัณทำงานทางด้านนี้หรือเปล่าคะ" พชรยิ้มรู้สึกอยากกอดปูนปั้นขึ้นมาทันที เพราะพชรอยากรู้เช่นกัน แต่ไม่ค่อยกล้าถามมากนัก

   "พี่ภา ไม่คิดจะเชิญวาดบ้างเลยนะคะ" เสียงของวันวาดดังขึ้นทำเอาทุกคนที่นั่งอยู่หันไปมอง

   "วาด" พชรมองสบตากับวันวาดที่ยิ้มจางๆ ให้อยู่

   "นั่งก่อนสิคะ" ปูนปั้นหันไปมองสบตากับภารดาที่อึ้งไปกับคำพูดที่ได้ยิน

   "ไม่ดีกว่าค่ะ ไม่ได้รับเชิญ แค่อยากรู้ว่า เพชรมากับใครเท่านั้นเอง" วันวาดบอกมองไปทางปัณฑาที่ยิ้มให้เป็นปกติ

   "เพชรมาคนเดียว วาดมีอะไรหรือเปล่า" พชรพูดเสียงเข้มไม่ค่อยพอใจนักกับคำพูดที่วันวาดพูดกับภารดา ซึ่งเงียบไปไม่อยากต่อปากต่อคำกับคนที่เพิ่งมา

   "จะกลับหรือยัง" วันวาดพูดด้วยน้ำเสียงห้วนๆ

   "ยัง ว่าจะนอนที่นี่"

   "นอน" วันวาดมองไปทางปัณฑา

   "ถ้าจะหาเรื่องไปที่อื่น วาดโตแล้วนะ ขอร้องล่ะ" ภารดาลุกขึ้นเผชิญ หน้ากับคนที่ยืนค้ำหัวอยู่นานมากแล้ว เสียงพูดอันเฉียบขาดตามสไตล์ของภารดาเวลาจะดุนั้น ทำให้หลายคนที่ได้ยินหันมามอง เพราะวันนี้ถือเป็นงานรื่นเริง ซึ่งไม่คิดว่า จะได้ยินน้ำเสียงเย็นเฉียบของภารดาในยามปกติจะร่าเริงสดใสเสมอ หากเป็นนอกเวลาทำงาน

   "พี่ภากำลังไล่อยู่ หรือเปล่าคะ" วันวาดไม่ยอมลดราวาศอก
   
   "ถ้าไม่มีมารยาท พี่พร้อมไล่นะคะ" ภารดาเริ่มเสียงเข้มกว่าเดิม

   "ใจเย็นๆ ภา" ปูนปั้นบอกกับภารดา

   "วาดตามมานี่เลย ไปคุยกันหน่อย" พชรพยายามดึงตัววันวาดให้ออกมาจากวงสนทนาและขณะนี้กำลังมีใครหลายคนหันมามอง

   "คุยตรงนี้ก็ได้นะ เพชร"

   "คุยตรงนี้ก็ได้นะ มีอะไรพี่สองคนจะได้เป็นพยานได้" ปูนปั้นพูดทำให้คนในงานยิ่งหันมาสนใจมากขึ้น

   "ตกลงจะไปคุยกันดีๆ หรือจะไม่คุยกันอีกเลย" พชรปล่อยมือและบอกกับวันวาด ซึ่งเริ่มอ่อนลงไม่ได้แข็งขืนเหมือนเมื่อสักครู่

   "ไม่ยักรู้นะ ว่าเป็นแบบนี้" เสียงรำพึงจากคนอื่นทำให้ภารดาไม่ค่อยสบายใจนักกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

   "เดี๋ยวปัณไปดูอยู่ห่างๆ ให้ค่ะ พี่ภา" ปัณฑาออกอาการกังวลไม่น้อยไปกว่าภารดานัก

   "ขอบใจนะ ปัณ ฝากด้วย" ภารดาตบไหล่ปัณฑาที่กำลังตามสองสาวที่เพิ่งออกไป

   "เดี๋ยวปูนออกไปดูให้อีกคน ไม่ต้องห่วงนะ" ปูนปั้นยิ้มให้ภารดาที่เข้าสวมกอดเป็นการขอบคุณ

   ปัณฑายืนอยู่ห่างพอสมควร ไม่อยากได้ยินการสนทนาระหว่างสอง คนนั้นสักเท่าไร แต่จากที่เคยเจออารมณ์เกรี้ยวกราดของวันวาดมาบ้างทำให้เป็นห่วงคนที่ดึงวันวาดออกมาสนทนาการด้านนอก คงเป็นเพราะเกรงใจ เจ้าของบ้าน ซึ่งไม่ควรจะต้องมารับฟังปัญหาส่วนตัวของคนสองคน ปูนปั้นเดินมายืนอยู่ข้างๆ ปัณฑาที่หันมายิ้มจางๆ ให้

   "มารอจับทุ่มลงไปกองกับพื้นหรือคะ" ปูนปั้นอมยิ้ม

   "พี่ปูน ก็ล้อปัณ" ปัณฑาหัวเราะ

   "พี่ไม่ค่อยเคยเจอคนแบบนี้เลยนะ"

   "เพราะเห็นปัณมากกว่าค่ะ ถ้าปกติคงไม่เป็นแบบนี้" ปัณฑารู้สึกได้ว่า ตัวเองมักสร้างปัญหาให้กับพชรเสมอ โดยเฉพาะเวลาได้พบวันวาด

   "ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลยปัณ รักกันต้องไว้ใจกัน ถ้าหากใครอีกคนจะไปรู้สึกดีกับคนอื่น คงต้องปล่อยแต่เท่าที่เห็นน่ะ ปัญหาไม่ใช่ปัณนะ พี่ว่า"

   "ปัณเห็นรักกันดีนะคะ เห็นมานานมากแล้ว" ปัณฑาบอก

   "นานมากแล้ว หมายถึงอะไรคะ" ปูนปั้นรู้สึกแปลกๆ ในเมื่อปัณฑาเพิ่งย้ายมาอยู่บ้านข้างๆ พชรได้ไม่นานนัก ทำไมพูดคล้ายกับว่ารู้จักกับสองคนนี้มานานมากแล้ว

   "ยุให้เลิกดีกว่าค่ะ พี่ปูน" เสียงของป้อมเพื่อนของพชรเดินออกมาสมทบทำเอาปูนปั้นกับปัณฑาถอนใจ
   
   "เป็นพี่จะไปยุแบบนั้นได้ไง" ปูนปั้นยิ้ม

   "ยายเพชรไม่รู้หรืออย่างไร ควงคนโน้นคนนี้ไปทั่ว ป้อมเจอบ่อยไปไม่สนใจใครด้วยนะคะ ดีนะที่ไม่ได้สนิทสนทด้วยตั้งแต่สมัยเรียน ไม่รู้เหมือน กันว่า ยายเพชรไปเห็นอะไรดีๆ ในตัวยายคนนั้นได้อย่างไร"

   "เบาๆ หน่อย แต่เพชรบอกพี่ว่า ไม่ได้เป็นแฟนกันนะ" ปูนปั้นยิ้มตั้งใจจะพูดให้คนแถวนี้ได้ยิน ซึ่งทั้งป้อมและปัณฑาหันมามองปูนปั้นในทันที ที่ได้ยิน

   "งั้นดีเลยค่ะ แสดงว่า ยายเพชร ฉลาดเหมือนกัน คบหามาตั้งนานยังไม่ยอมตกลงเป็นแฟน" ป้อมอมยิ้ม

   "นานขนาดนี้ ไม่ได้เป็นแฟน ไม่ดูแปลกๆ หรือคะ พี่ปูน" ปัณฑาอดที่จะถามไม่ได้เพราะเข้าใจมาตลอดว่า สองคนนั้นเป็นแฟนกัน

   "คนหนึ่งไม่เคยขอ ไอ้อีกคนก็คงไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไร แต่ที่คบกันนาน วาดคงดีกับเพชรอยู่เหมือนกันนะ เราไม่รู้หรอกเวลาเขาสองคนอยู่ด้วย กันน่ะ" ปูนปั้นพูดฟังดูมีเหตุผล

   "แต่คนรักกันไม่ใช่แค่คนสองคนนะคะ อย่างพี่ภาใครๆ ก็รู้ว่า เพชร เคารพนับถือขนาดไหนน่าจะให้เกียรติ์กันบ้าง ยืนค้ำหัวพี่ปูนกับพี่ภาอยู่ตั้งนานคนหันไปมองกันทั้งงานยังไม่เห็นจะสนใจ ถ้าพากันดิ่งลงเหวไม่เรียกว่าคนรักกันหรอกมั้งคะ พี่ปูน" ป้อมบอกกับปูนปั้น ซึ่งเห็นด้วยกับสิ่งที่เพื่อนของพชรคิด

   "รอดูเจ้าตัวดีกว่า พวกเรามีหน้าที่ประคับประคอง"

   "คนดี ไม่เคยจะมองเห็น" ป้อมพูดยิ้มๆ เมื่อปัณฑาหันมาทำหน้ามุ่ยใส่
   
   "ยังไงกัน"

   "ป้อมก็พูดไปเรื่อยล่ะคะ อย่าไปฟังมากนักเลย" ปัณฑาบอก

   "ป้อมกันปัณเหมือนรู้จักกันมานานแล้วเลย" ปูนปั้นถาม

   "ตั้งแต่สมัยเรียนเลยค่ะ" ป้อมบอกพร้อมด้วยรอยยิ้ม

   "มัธยมหรือ" ปูนปั้นถาม ปัณฑาหันไปจ้องเพื่อนเขม็ง

   "มหาวิทยาลัยค่ะ" ป้อมอมยิ้มยักคิ้วหลิ่วตาให้ปัณฑา

   "ปัณจบมหาวิทยาลัยเดียวกับเพชรล่ะสิ" ปูนปั้นถามคนที่ยิ้มจางๆ ให้แต่ไม่ได้ตอบคำถามนั้น

   สองสาวที่คุยอยู่กันนั้น เริ่มเสียงดังขึ้น พชรคงไม่ค่อยพอใจนักเรื่องที่มาสร้างความกังวลใจให้กับภารดา วันวาดเวลาโกรธท่าทางจะไม่สนใจใครเลยจริงๆ ถ้าไม่ให้ความเคารพนับถือภารดา คงจะคบหาต่อไปไม่ไหว

   "ไม่น่าจะเกี่ยวกับเรื่องพี่ภานะ เรื่องของคนข้างบ้านมากกว่าที่ทำให้เพชรเปลี่ยนไป" วันวาดพูดเสียงดัง สามคนที่รอดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ ถึงกับถอนใจ

   "สรุปว่า วาดเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร แต่เพชรไม่เคยรู้ไม่เคยเห็น ไม่ได้เคารพนับถือคนที่เพชรให้ความเคารพ วาดเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า"

   "วาดก็เป็นวาด พี่ภายุยงส่งเสริมด้วยหรือเปล่า ถึงได้ให้ขึ้นไปร้องเพลงส่งสายตาหวานเยิ้มให้กันน่ะ" เสียงตบหน้าดังฉาดใหญ่ พชรอดรนทนไม่ไหวกับคำพูดก้าวล่วงไปถึงภารดา

   "แตะต้องไม่ได้เลยนะ" วันวาดผลักพชร

   "พอได้แล้วนะ" ปูนปั้นกับป้อมไม่ทันจะได้เข้าไปห้ามปราม แต่คนที่เดินไปยืนขวางอยู่นั้นทำเอาทั้งสองคนที่ยืนอยู่ด้วยเมื่อครู่แปลกใจ

   "โห ไวมากเลยไอ้ปัณเอ๊ย" ป้อมรำพึงออกมา ปูนปั้นยิ้มๆ

   "ทำไมต้องพอ เราต้องฟังเธอด้วยเหรอ ตบหน้าขนาดนี้ใครจะยอม" วันวาดจ้องพชรเขม็ง
   
   "เธอเข้าใจผิดอยู่ เพชรกับเราไม่ได้เป็นอย่างที่คิดสักหน่อย ถ้าอยากสบายใจเราจะอยู่ห่างๆ เลิกฟาดงวงฟาดงาใส่คนอื่นได้แล้ว รักก็ช่วยดูแลให้มีความสุขด้วยสิว๊ะ" ปัณฑาพูดโดยที่ยังยืนเอาตัวขวางพชรเอาไว้

   "รู้ด้วยว่า เป็นตัวปัญหา ฉันไม่มีความสุข เธอก็ไม่ควรมี"

   "หยุดได้แล้ว เสียงดังไม่อายชาวบ้านเขาหรือไง เธอไม่อายแต่เพชรเขาอาย แล้วก็ไม่ต้องขู่ ไม่ได้กลัว แต่ขอร้องดูแลเพชรให้ดีกว่านี้หน่อย"

   "ต้องเชื่อด้วยเหรอ"

   "พอแล้วทั้งสองคนนั่นแหละ" พชรพูดขึ้น

   "ขอโทษ" ปัณฑาบอกกับพชรและเดินไปที่รถ ซึ่งจอดอยู่ไม่ไกลนัก ปูนปั้นกับป้อมจึงตามปัณฑาไป แต่ไม่ทันเพราะขับรถออกไปเสียก่อน

   "แย่กว่าที่คิดไว้เยอะเลย คนอะไรว๊ะ" ป้อมรำพึงออกมา

   "วาดกลับไปเดี๋ยวนี้เลย ถ้าไม่กลับพี่จะแจ้งตำรวจ" ปูนปั้นเดินมาหาคนที่ยังคงยืนทะเลาะกันอยู่

   "อยู่ข้างโน้นกันหมด เอ๊ะอะอะไรก็ไล่กลับ"

   "พี่ไม่ได้เลือกข้าง แต่วาดกำลังมาสร้างความเดือดร้อน เสียงดังแบบนี้ต้องเกรงใจเพื่อนบ้านด้วย ตกลงจะไปดีๆ หรือจะให้แจ้งความ" ปูนปั้นเสียงเข้มขึ้น ป้อมดึงตัวพชรให้ตามเข้ามาภายใน

   "เพชรต้องกลับกับวาด" วันวาดยังคงหาเรื่องอยู่ไม่ยอมไปดีๆ

   "ไม่ล่ะ คนแบบนี้พี่ไม่ยอมให้ไปด้วยหรอกกลับไปสงบสติตัวเองแล้วคิดให้ดีว่าที่ทำอยู่น่ะ ถูกต้องหรือเปล่า เพชรเข้าบ้านไปกับป้อม" ปูนปั้นหันมามองพชรที่ตอนแรกไม่ยอมตามป้อมไปดีๆ แต่เมื่อได้ยินปูนปั้นบอกจึงยอมกลับเข้าไปในบ้าน

   ภารดาส่ายหน้ากับสิ่งที่ได้เห็นและได้ยิน รู้สึกสงสารพชรขึ้นมาจับใจทำไมคนที่ดูดีพร้อมถึงได้มีนิสัยแบบนี้ไปได้ ก่อนหน้าที่ได้รู้จักกันนั้นไม่ได้เป็นแบบนี้เลยหรือเพราะความโกรธที่ไม่ได้ดั่งใจ จึงทำให้เผยธาตุแท้ออกมา เปลือกนอกของคนเรากว่าจะแสดงออกมาให้เห็นใช้เวลานานอยู่เหมือนกัน

   "ยอมกลับหรือ" ภารดาถามปูนปั้น

   "ถ้าไม่กลับคงต้องแจ้งความ" ปูนปั้นยิ้มจางๆ ให้ภารดา

   "ขอบคุณนะ ปูน" ภารดาโอบกอดปูนปั้นเอาไว้

   "เพชรล่ะคะ" ปูนปั้นมองเข้าไปภายในไม่เห็นพชร

   "ป้อมลากเข้าห้องทำงานไปแล้ว" พูดถึงยังไม่ทันขาดขำ พชรเดินรี่เข้ามาหาปูนปั้นกับภารดา ซึ่งคิดว่าจะออกมาดูวันวาด แต่ผิดคาด

   "เพชรขอไปดูปัณก่อนนะคะ พี่ภา" พชรบอกด้วยท่าทางร้อนรน

   "เฮ๊ยเดี๋ยวไปดูที่ไหน" ภารดารั้งตัวเอาไว้

   "โทรฯ ไปไม่ยอมรับสาย จะกลับไปดูที่บ้านก่อนค่ะ" พชรบอกพนมมือไหว้ปูนปั้นกับภารดาและรีบออกไปในทันที

   "ยายปัณเอ๊ย จะหนีไปได้สักกี่น้ำ" คำพูดของป้อมซึ่งเป็นเพื่อนทั้งกับพชรและปัณฑาทำให้ทั้งภารดาและปูนปั้นหันมาจ้องมองพร้อมกัน

   "มานี่เลย รู้อะไรมาเล่าให้หมด" ภารดาลากป้อมที่ยิ้มเจื่อนๆ มีหวังโดนซักฟอกนานแน่

   พชรจอดรถอยู่ที่หน้าบ้านของปัณฑาและพยายามกดออดหน้าบ้านอยู่หลายครั้ง เพราะเห็นว่า มีแสงสว่างจากดวงไฟนั้นเปิดอยู่ทั้งชั้นบนและชั้นล่าง

   "รับสายหน่อยสิ ปัณ" พชรรำพึงออกมาเบาๆ หันไปมองซ้ายและขวาถือได้ว่าเป็นเวลาค่อนข้างดึกพอสมควรไม่เห็นใครผ่านไปมา จึงตัดสินใจปืนรั้วเข้าไปภายในเผื่อปัณฑาจะยอมเปิดประตูให้

   "ปัณเปิดประตูหน่อย ปัณเปิดประตูก่อนคุยกับเพชรหน่อย" ไม่มีเสียงตอบใดๆ มองดูภายในไม่เห็นใคร พชรยังคงเคาะประตูหน้าบ้านอยู่พอเห็นปัณฑาเดินลงมาจากชั้นบนจึงยิ้มออก และทำท่าพยักพเยิดให้คนที่อยู่ข้างในเปิดประตู ปัณฑาส่ายหน้าแต่คนที่อ้อนวอนถึงกับพนมมือไหว้

   "ค่อยคุยพรุ่งนี้ก็ได้ ดึกแล้ว ปัณจะนอนแล้ว"

   "เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็หายไปอีก" พชรพูดขึ้นและเดินเข้าไปสวมกอดคนที่ออกอาการตกใจไม่คิดว่าจะโดนจู่โจม

   "ปล่อยปัณนะ เพชร"

   "ไม่ปล่อย" คนพูดเริ่มร้องไห้ ปัณฑาไม่คิดว่าพชรจะร้องไห้ออกมาหัวใจที่มีความห่วงใยมากมายอยู่แล้วนั้น ทำให้อ่อนแออยู่เสมอทั้งๆ ที่บอกและเตือนตัวเองอยู่ว่า คนที่กอดเอาไว้แน่นนั้นมีคนรักอยู่แล้ว

   "เพชรเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม" ปัณฑากอดปลอบโยนพชร

   "ปัณจะไปไหน เพชรไม่ให้ไปไหนนะ" พชรพูดทั้งน้ำตา

   "เพชรกอดปัณอยู่ ปัณไม่ได้ไปไหน" ปัณฑาพูดปลอบโยนคนที่ยัง คงฟูมฟายและกอดเอาไว้แน่น

   "แต่ปัณจะไป"

   "เพชรจะได้สบายใจ คนของเพชรจะได้ไม่ต้องชวนทะเลาะ" ปัณฑาบอกน้ำเสียงเริ่มสั่นเครือ

   "อยู่แบบนี้ไม่ได้เหรอให้เพชรได้เห็นปัณบ้าง" พชรออกอาการงอแงจนคนที่กอดอยู่นั้นแปลกใจ

   "เขาเห็นก็ชวนเพชรทะเลาะอยู่ดี คงอีกนานกว่าปัณจะกลับมาบ้าน" ปัณฑาบอก พชรยิ่งกอดเอาไว้แน่นกว่าเดิม

   "ปัณไม่ห่วงเพชร แล้วหรือ" พชรคลายอ้อมกอดออกและเช็ดน้ำตาของตัวเองมองสบตากับคนที่มีน้ำตาเอ่ออยู่

   "ทำไมถามแบบนี้ล่ะ" พชรขยับเข้าใกล้และทาบทับริมฝีปากเบียดชิดกับปัณฑาที่ดึงตัวคนที่อยู่ใกล้ให้ขยับเข้าใกล้ขึ้นมาอีก

   "อยู่กับเพชรนะ ปัณ" พชรจ้องมองแววตาที่แสนอ่อนโยน ซึ่งไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่ยอมให้จูบของพชรคลอเคลียอยู่ไม่ห่างและกำลังถูกรุกเร้าด้วยริมฝีปากอันอบอุ่นที่เริ่มทาบทับไปที่แก้มและลำคอ

   "เพชร" ปัณฑาเรียกชื่อพชร ไม่รู้เพื่อที่จะห้ามคนที่กำลังรุกเร้าอยู่หรือกำลังเตือนตัวเองอยู่กันแน่ แต่ไม่เป็นผลเพราะยิ่งห้ามตัวเองนั้นยิ่งดึงตัว พชรให้แนบชิดมากขึ้นอีก

   "เพชรชอบปัณ" ปัณฑายิ้มจางๆ ถ้ายิ่งห้ามหัวใจก็ยิ่งอยากอยู่ใกล้ ทั้งๆ ที่คิดเพียงแค่ได้เห็นบ้าง ได้ดูแลบ้าง ไม่ได้อยากสร้างปัญหา แต่ผู้หญิงมีเสน่ห์อย่างพชรนั้นเหมือนมีแรงดึงดูด โดยเฉพาะการเอาใจใส่ จูบคลอเคลียนั้นดั่งมนต์สะกดเมื่อเสื้อผ้าชิ้นนอกถูกถอดออกและเจ้าของบ้านกำลังล้มตัวลงบนเตียงนอนของตัวเอง โดยไม่รู้ตัวเลยว่า ขึ้นมาได้อย่างไรเพราะมัวแต่มองจ้องดวงตาที่มีแววทะเล้นเล็กๆ ที่แสนจะน่ารัก เมื่อปัณฑาไม่ได้ปฏิเสธและตอบรับสัมผัสให้รู้ว่า หัวใจนั้นคิดคล้ายกัน

   จูบคลอเคลียอันอ่อนหวานของพชรกำลังล่อหลอกให้ปัณฑาคล้อยตามจนไม่มีอาภรณ์ใดๆ ติดกาย เรือนร่างที่เบียดชิดกันอยู่นั้นทำให้หัวใจร้อนรุ่มและสั่นไหว ปัณฑาจ้องมองพชรที่พรมจูบเคล้าคลอที่ริมฝีปากและลำคอจนเริ่มเค้าคลึงที่เนินอก ซึ่งทำให้หัวใจเต้นโครมครามหนักขึ้นกว่าเดิม ปัณฑาไม่แน่ใจว่า การได้อยู่ใกล้ชิดกันนั้น คือ ความฝันหรือความจริงกันแน่จึงเริ่มลูบไล้ไปที่บริเวณลำตัวและไล่เรื่อยไปเคล้าคลออยู่ที่บริเวณสะโพกของคนที่มีรอยยิ้มน้อยๆ เมื่อเริ่มโดนหยอกล้อเข้าบ้าง พชรยิ้มจนตาหยีจ้องมองปัณฑาที่ยิ้มอายๆ เริ่มขยำไปที่เนินอกของพชรที่หายใจแรงขึ้นและเริ่มพรมจูบไปที่ริมฝีปากของปัณฑาให้แนบชิด จนเมื่อขยับออกทำให้คนที่ถูกจูบนั้นถึงกับต้องหายใจทางปาก เนินอกอันได้รูปของผู้หญิงตัวเล็กๆ นั้นช่างน่าหลงใหล พชรอยากซึมซับความรู้สึกของการได้ใกล้ชิดจึงหลับตาลงหยอกล้อจุดสัมผัสที่ทำให้ปัณฑาบิดตัวไปมา ปลายลิ้นอันนุ่มนวลที่กำลังบอกความ รู้สึกจากคนที่คลอเคลียอยู่นั้น อาจจะทำให้รู้ว่า ความรู้สึกของร่างกายที่มีความร้อนแรงของไฟที่ประทุอยู่ภายในนั้นเป็นอย่างไร ปัณฑาคิดว่า ถ้าปล่อยให้พชรคลอเคลียอยู่ที่เนินอกคงขาดใจตายไปก่อนจึงลุกขึ้นนั่งและเริ่มจูบริมฝีปากของคนที่ยิ้มน้อยๆ อยู่นั้น ทำให้รู้สึกหลงรักหนักกว่าเดิม เพราะรู้ดีว่า รอยยิ้มนั้นคือการยั่วยวน

   "อยู่เฉยๆ เลยให้ปัณจูบบ้าง" ปัณฑาพูดเสียงเข้มและยักคิ้วล้อที่หัวเราะเล็กๆ ออกมากับคำสั่งนั้น

   "แบบนี้ก็ได้เหรอ ปัณ" ปัณฑาไม่ได้สนใจฟังเริ่มพรมจูบไปที่เนินอกคล้ายกับสัมผัสที่ได้รับจากพชรไปเมื่อสักครู่ ปัณฑามีรอยยิ้มน้อยๆ กับคนที่คงรู้สึกอย่างเดียวกันเหมือนก่อนหน้า พชรจึงดึงตัวปัณฑาให้กลับมานั่งเหมือนเดิมและเริ่มจูบไปที่ริมฝีปากซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มือของทั้งสองยังคงคลึงเคล้าคลอเคลียอยู่ที่เนินอกของกันและกัน จนขยับเข้าใกล้กันมากขึ้น สัมผัสอ่อนโยนที่เริ่มรุกเร้านั้นทำให้สองสาวยิ้มน้อยๆ ขยับตัวเข้าหาการรุกเร้าที่กำลังคืบคลานเข้าสำรวจเรือนร่างภายใน ร่างกายซึ่งเคลื่อน ไหวตามจังหวะของความรู้สึกกำลังทำให้รู้สึกไร้การควบคุม ปัณฑาตะกองกอดพชรที่ยังคงรุกเร้าจนรู้สึกได้ว่า ได้บอกความรู้สึกบางสิ่งผ่านการใกล้ชิดของกันและกัน ปัณฑากอดกระชับพชรเอาไว้แนบแน่น ร่างกายที่รัดเกร็งนั้นทำให้จิกเล็บเข้าที่หลังของคนที่ยิ้มน้อยๆ และจูบไปที่ไหล่เป็นการปลอบโยน

   "ยิ้มอะไร" ปัณฑาพูดดุเมื่อเห็นรอยยิ้มของพชร จึงแอบกัดเบาๆ ไปที่ไหล่ของคนที่ยังคงนั่งยิ้มอยู่

   "ปัณน่ารัก" พชรยิ้มอายๆ จูบเล็กๆ ไปที่ริมฝีปากสีซีดของปัณฑา

   "ตัวเล็กล่ะสิ"

   "ไม่เล็กนะ" พชรหัวเราะ

   "ไอ้บ้าเพชร ทะลึ่งนะ" ปัณฑาทุบไปที่ไหล่ด้วยความเขินอายเมื่อถูกจ้องมองไปที่หน้าอกจึงรีบล้มตัวลงนอนและดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมเอาไว้

   "เพชรไม่ได้ทะลึ่ง พูดความจริงต่างหาก" พชรล้มตัวลงนอนข้างๆ ปัณฑาช่วยดึงผ้าห่มมาคลุมให้

   "ขอบคุณนะ เพชร" ปัณฑาถอนใจจ้องมองคนที่มีแววตาสงสัย

   "ขอบคุณอะไร" พชรถาม จูบเล็กๆ ไปที่ริมฝีปากอีกครั้ง

   "ไม่มีอะไร" ปัณฑายิ้มจางๆ

   "เพชรยอมขนาดนี้แล้ว อย่าไปไหนนะ นะ ปัณนะ" พชรพูดด้วยน้ำ เสียงอ้อน โดยเฉพาะแววตาที่ทรงเสน่ห์นั้นทำให้ปัณฑาเริ่มมีน้ำตาคลอ

   "วันหนึ่ง เพชรอาจจะไล่ปัณก็ได้นะ"

   "ปัณมีอะไรในใจ" ปัณฑาไม่ได้ตอบแต่ซุกใบหน้าไปกับแผ่นอกอันเปลือยเปล่าของพชรโดยไม่พูดอะไร พชรจูบเบาๆ ไปที่ศีรษะและโอบกอดเอาไว้เพื่อปลอบโยนคนที่น่าจะมีอะไรในใจแต่ยังไม่ยอมที่จะพูดออกมา

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น