web stats

ข่าว

 


รักออกฤทธิ์! Seductive Smile! ตอนที่ ๑๒

โพสต์โดย: นิ้วนาง วันที่: 24 เมษายน 2017 เวลา 12:48:18 อ่าน: 258

๑๒

หลังสินาถคุยกับวิรากร เรื่องการเตรียมงานครบรอบก่อตั้งบริษัทเสร็จ เธอเดินไปยังห้องทำงานของตัวเอง ตั้งใจจะชวนพิมพ์อัปสรกลับบ้าน พลันเจอกับใครบางคนที่ไม่ถูกชะตานักดักรออยู่ใกล้ๆ หน้าห้อง
สนธิผู้จัดการชายหนึ่งเดียวของบริษัท และหลานชายของวิรากรเอียงคอมองแบบหาเรื่อง ก่อนเอ่ยวาจาที่ไม่ชวนฟังออกมา

"ถามจริงเถอะ เธอกินน้องเขาไปแล้วใช่ไหม? ถึงได้โปรได้โอ๋ซะขนาดนี้"? น้ำเสียงดัดจริตนิดๆ เหมือนเหล่าตุ๊ดซี่ ทั้งที่จริงเขาไม่ใช่ และไม่ใกล้เคียงเลยสักนิด 

สนธิหมั่นไส้มากที่อีกคนมักมีความคิดเห็นเสนอในที่ประชุม จนเป็นที่โปรดปรานของน้าสาวไม่น้อย จนรู้กันว่า อีกคนคือผู้จัดการมือหนึ่งของ VK Models งานส่วนใหญ่มักจะวิ่งเข้ามาหาสินาถมากกว่าผู้จัดการคนอื่น อาจเพราะเธอเคยเป็นนางแบบชื่อดังมาก่อน จึงมีภาษีดีกว่า

"พูดบ้าอะไร!" สาวร่างสูงกระชากเสียงดัง ไม่ชอบคำเท็จที่อีกคนยัดเยียดมาให้ 

"ใครจะไปรู้ล่ะนึกว่าชิมไปแล้ว" ชายหนุ่มหัวเราะหุหุในลำคอ ยักไหล่แบบไม่แยแส "ยังไงก็ดูแลดีๆ หน่อยแล้วกัน เด็กมันน่าฟัดมากจริงๆ นะขอบอก"
 
สนธิหย่อนระเบิดทิ้งท้าย แล้วรีบจากไป ก่อนจะได้รับของแจกของฟรีจากอีกฝ่าย ยังไม่อยากให้หมอเย็บปากกะทันหัน 

'ไอ้บ้านี่! กินหมาเข้าไปหรือไง'
 
สินาถสบถในใจ หัวเสียกับความปากร้ายของผู้ชายคนนี้ไม่น้อยที่ชอบมาจองเวรจองกรรมไม่จบไม่สิ้น จนไม่รู้ว่าทำบุญด้วยอะไรดีจะได้ต่างคนต่างอยู่ไม่ต้องมาเบียดเบียนกันอีก ลาขาดกันไปเลย เม้มริมฝีปากบาง ถอนหายใจยาวๆ สองสามครั้งเพื่อรักษาจิตใจและอารมณ์ให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนเคาะประตูห้องทำงาน แล้วเปิดเข้าไป

"น้องพิมพ์จะกลับเลยไหมคะ?"

เงียบไม่มีคำตอบรับ ประหนึ่งไร้สิ่งมีชีวิตอยู่ในห้องนั้น ทั้งที่เห็นหล่อนนั่งอยู่

'แปลก!'

สินาถสัมผัสได้ถึงความน่าสงสัย จึงเดินไปหา และทรุดนั่งเก้าอี้ยาวตัวเดียวกัน

"น้องพิมพ์ไม่สบายหรือเปล่าคะ?" ถามไถ่เสียงนุ่มนวลเป็นห่วง

หลังพิมพ์อัปสรยังคงนั่งนิ่งไม่ตอบ เธอจึงถือวิสาสะเอื้อมมือไปอังหน้าผากที่มีปรอยผมสีเข้มบางส่วนปกคลุมอยู่ เพื่อเช็คอุณหภูมิของร่างกาย

"อย่าแตะต้องตัวฉัน!" หล่อนกระชากเสียงอย่างโกรธๆ พร้อมปัดมือของสินาถออกห่างจากร่าง

'ทำไมต้องโกรธกันด้วย?'

สาวผมสั้นทำหน้าไม่เข้าใจ ว่าตนทำอะไรผิด? ด้วยความคาใจจึงเอ่ยปากถามออกไป

"แค่นี้ต้องดุกันด้วยเหรอคะ?"
 
พิมพ์อัปสรเอียงคอจ้องหน้าคมของสินาถเขม็ง ราวกับอยากจะหักคอแยกร่างอีกฝ่ายเป็นสองท่อน...ถ้าทำได้ 

"ทำไมคุณถึงมายุ่งกับฉัน?" ร่างบางหลุดปากพูดเสียงดังออกมา โดยไม่ได้ลดความฉุนเฉียวลงจากเดิมสักเท่าไหร่ ก่อนต่อว่าอีกชุด "คุณรู้ตัวไหมว่า ลับหลังคนอื่นเขาพูดว่าอะไรบ้าง ยังจะมาทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่ได้ บ้าหรือเปล่า?"
 
'เรื่องอะไรอีกละเนี่ย?'

คนฟังทำหน้าเหลอหลา กลอกตาไปมาอย่างงงๆ ยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูก จึงถามออกไป

"พี่ไม่เข้าใจ น้องพิมพ์พูดเรื่องอะไร?"

พิมพ์อัปสรจ้องคนข้างกายเขม็งเหมือนจับผิด ยิงคำถามแบบไม่อ้อมค้อมออกมาด้วยน้ำเสียงกระด้างกว่าปกติ

"ทำไมคุณถึงเลือกฉันเป็นนางแบบ? ทั้งที่มีคนสวยกว่า เก่งกว่าฉันตั้งเยอะที่อยากทำงานกับคุณ ตกลงคุณต้องการอะไรจากฉันกันแน่?"

'อยากได้คำตอบแบบไหนล่ะ?'
 
ผู้จัดการสาวคิดในใจ ปากก็ถามกลับไปว่า

"แปลว่าพี่ควรเลือกคนอื่น?"

หล่อนทำหน้าหงิกงอ นั่งกอดอกหลังตรง ไม่พอใจกับสิ่งที่ได้ยินเอาเสียเลย อารมณ์เริ่มพุ่งจนเกือบทะลุขีดความอดทนอดกลั้น

"อย่ามากวนนะคุณสินาถ" ตวาดเสียงดุใส่คนอายุมากกว่า

'ดุชะมัด!'

ร่างสูงบ่นในใจ เม้มริมฝีปากบางแทบเป็นเส้นตรง ถอนหายใจเบาๆ ก่อนพูดเสียงอ่อนโยน ไม่ต้องการให้เกิดรอยร้าวกับอีกฝ่ายโดยไม่จำเป็น

"พี่ไม่ได้กวน พี่แค่ไม่เข้าใจว่า น้องพิมพ์โกรธอะไรพี่คะ?"
 
"แค่ตอบคำถามตรงๆ มันยากนักเหรอ?"

พิมพ์อัปสรยังไม่ยอมแพ้ ด้วยต้องการรู้อย่างที่สุดว่า แท้จริงแล้วอีกคนต้องการอะไรจากตนกันแน่? ยามนี้ความหวาดระแวงคลางแคลงใจมากขึ้น จนแทบจะแซงความเชื่อใจสินาถอยู่รอมร่อ

ตลอดเวลาเกือบเดือนที่ร่วมงานกัน พิมพ์อัปสรยอมรับว่า ผู้หญิงคนนี้นิสัยดีมาก ดูแลหล่อนได้ไม่ตกหล่นบกพร่อง อบอุ่นอ่อนโยนแบบที่หญิงสาวไม่เคยได้รับจากใคร นอกจากบิดาและน้าพร
สินาถไม่เคยทำให้รู้สึกอึดอัด และไม่เคยล้ำเส้น จนระยะห่างของความสัมพันธ์แคบลงเรื่อยๆ จากที่ไม่เชื่อใจ กลายเป็นความเชื่อใจไว้ใจ 

หญิงสาวมั่นใจว่า ตนไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับผู้จัดการสาว นอก จากความเป็นหุ้นส่วน และเพื่อนร่วมงานที่ลงเรือลำเดียวกัน หล่อนถูกถ่ายทอดความเป็นคนหัวเก่าหัวโบราณจากบิดามาเต็มๆ ในสมองไม่เคยมีความคิดชอบเพศเดียวกันแบบนั้น และไม่มีความคิดจะแหกคอกไปคบหากับผู้หญิง
 
ประกอบกับมีเพื่อนหลายคนที่เป็นคู่รักเพศเดียวกัน รักๆ  เลิกๆ ในเวลาอันสั้น หลงใหลได้ปลื้มกันวูบๆ วาบๆ ยิ่งตอกย้ำให้หญิงสาวไม่ศรัทธาในความรักแบบนี้ มองว่าไม่จีรังยั่งยืน
ที่ผ่านมาพิมพ์อัปสรไม่เคยคิดตั้งแง่รังเกียจด้วยเหตุผลนี้ ใครใคร่เสพเพศไหนเชิญตามสบาย ด้วยถือว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคล

...หญิงสาวเลือกคบคนเพราะอุปนิสัย ไม่ใช่สเปค   
 
หลังหล่อนรู้ชัดว่า ผู้จัดการสาวชื่นชอบเด็ดดอกไม้ หาได้สนใจชายชาตรีอกสามศอกไม่ จึงไม่แน่ใจนักว่าสินาถคิดอย่างไรกับตน? จึงอยากใช้โอกาสนี้พูดกันแบบเปิดอก ให้ร่างสูงรู้ว่าหล่อนไม่ได้รังเกียจ แต่จะไม่ก้าวก่ายล้ำเส้น นั่นคือสิ่งที่คิดจะพูด แต่ยังไม่กล้าเอ่ยปาก

...ที่สำคัญคือ ร่างบางไม่อยากให้ตัวเองมีส่วนทำให้ชื่อเสียงของอีกฝ่ายต้องมาด่างพร้อยกับเรื่องคาวโลกีย์ที่ถูกปั้นแต่งขึ้น จากปากของผู้ไม่หวังดี 

'ฉันไม่มีทางชอบคุณสินาถแบบนั้นแน่'
 
พิมพ์อัปสรมั่นใจในตัวเองมากในเรื่องนี้ ด้วยที่ผ่านมา หล่อนไม่เคยหวั่นไหววอกแวกกับใคร 

สินาถนั่งเอียงตัวจ้องใบหน้าสวยตรงๆ แล้วถามเสียงเรียบ หลังประเมินว่าอีกฝ่ายไม่ยอมรามือง่ายๆ แน่

"แล้วจะให้พี่ตอบคำถามไหนก่อนคะ?"

'ก็แค่นั้นแหละ ทำเป็นท่ามากอยู่ได้'

พิมพ์อัปสรนึกบ่นในใจ ผ่อนอารมณ์ร้อนๆ ลง หลังเห็นฝ่ายตรงข้ามยอมอ่อนข้อให้

"ทำไมถึงเลือกฉันเป็นนางแบบของคุณ ทั้งที่มีคนอื่นคุณสมบัติดี กว่าฉันตั้งเยอะ"
 
เธอกลอกตาไปมาอย่างครุ่นคิด 

"เพราะพี่ไม่ได้คิดแบบนั้นค่ะ"
 
หล่อนขมวดคิ้วแทบเป็นปม ไม่เข้าใจคำตอบที่สั้นกระชับนั้นเลยสักนิด จึงถามเพิ่มเติม ด้วยสุ้มเสียงอ่อนกว่าตอนแรกมาก 

"แปลว่าอะไร?"

"พี่มองว่าน้องพิมพ์มีคุณสมบัติเป็นนางแบบที่ดีได้ ส่วนจะโด่งดังหรือประสบความสำเร็จขนาดไหน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพี่ค่ะ...แต่ขึ้นอยู่กับตัวน้องพิมพ์เองต่างหาก"
 
"ฉันมีคุณสมบัติ?" ถามย้ำอย่างไม่แน่ใจ คิดว่าตนหูฝาดไป

"ใช่ค่ะ พี่เชื่อลางสังหรณ์ของตัวเอง ตั้งแต่วันแรกที่เจอน้องพิมพ์" เธอตอบหน้านิ่งๆ ไม่มีวี่แววของการพูดเท็จแต่อย่างใด

'ให้ตายเถอะ! กำปั้นทุบดินชัดๆ'

คนฟังสบถในใจ กับเหตุผลที่ยากจะพิสูจน์เหลือเกิน นึกหมั่นไส้ปนหงุดหงิด แต่ขณะเดียวกันก็ประหลาดใจไม่น้อยที่ผู้จัดการสาวเชื่อมั่นในตัวหล่อนมาก...มากกว่าที่คิดไว้

"ละ แล้ว เรื่องที่เขาลือกันว่าคุณมีอะไรกับฉัน..." ร่างบางพูดอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่เต็มเสียงกับเรื่องกระดากปาก ลดสายตาต่ำไม่กล้าสบตาด้วย

'หืม!'

ร่างสูงลืมตากว้างขึ้นอย่างลืมตัวไปแวบหนึ่ง ตกใจไม่น้อยที่มีคนพูดอะไรแบบนี้ รีบกลบเกลื่อนทำหน้านิ่งไม่ให้มีพิรุธ ในสมองพยายามตีความประโยคที่นางแบบสาวเอ่ยออกมาเมื่อสักครู่

'มันจริงที่ไหนกัน...น้องพิมพ์ต้องไปได้ยินจากใครมาแน่ๆ ถึงได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟแบบนี้'

"ใครเป็นคนพูด?" ผู้จัดการสาวถามเสียงเย็น แฝงความไม่พอใจออกมา ต้องการรู้ว่าใครปากพล่อยปล่อยข่าวเท็จ   
       
"คุณไม่ต้องรู้หรอก" หล่อนปฏิเสธที่จะบอกชื่อคนนั้นออกไป ไม่อยากให้อีกคนไปเอาความ ไม่อยากให้เรื่องเล็กน้อยกลายเป็นเรื่องใหญ่ อารมณ์ร้อนที่มีก่อนหน้าลดทอนไปกว่าครึ่งโดยไม่รู้สาเหตุ
"แต่พี่อยากรู้"
 
"ฉันไม่บอก" สาวสวยยังคงยืนกรานคำเดิม แต่ไม่กล้าสบสายตาคู่คมของอีกคน ที่ตอนนี้ดูดุดันน่ากลัวไม่น้อย   

สินาถถือวิสาสะใช้ปลายนิ้วชี้เชยคางมนของพิมพ์อัปสร ให้เงยหน้ามองตนชัดๆ แล้วเอ่ยขอร้องเสียงนุ่มต่ำ

"บอกพี่สิคะคนดี"
 
หล่อนเหมือนต้องมนตร์สะกดเข้าอย่างจัง เมื่อสบตากับเธอยามนี้ ใบหน้าของสองสาวอยู่ห่างกันไม่มาก ใกล้พอที่จะได้กลิ่นหอมอ่อนๆ โชยมาเตะปลายจมูก...กลิ่นลาเวนเดอร์ที่พิมพ์อัปสรคุ้นชินและติดใจ   

"ฉะ ฉัน ไม่ บอก" หญิงสาวยังคงยืนกราน แต่ไม่ค่อยหนักแน่นเท่าครั้งแรก จู่ๆ ก็หายใจติดขัดไม่ทั่วท้อง

'ปากแข็งไปนะคะคนเก่ง'
 
สินาถอมยิ้มมุมปาก กับท่าทางที่ดูไม่เป็นตัวของตัวเองของเจ้าหล่อน ซึ่งดูแล้วคงจะแข็งขืนได้อีกไม่นาน 

สาวร่างสูงขยับปลายนิ้วเขี่ยปลายคางมนของพิมพ์อัปสร ไม่ต่างจากลูบไล้คางของเจ้าแมวน้อย ก่อนยกอีกมือหนึ่งขึ้นประคองแก้มเนียนนุ่มเอาไว้อย่างทะนุถนอม

"ปากแข็งจริงๆ" พูดล้อๆ ทีเล่นทีจริงออกมา

"ไม่จริงสักหน่อย" เถียงเสียงสั่นๆ ไม่ยอมรับคำกล่าวหานั้น หัวใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไม่เคยใกล้ชิดกับใครแบบนี้มาก่อน ยามนี้สติสัมปชัญญะของพิมพ์อัปสรแทบไม่ทำงาน หล่อนไม่ได้ถอยหนีหรือปัดป้องสัมผัสของอีกฝ่าย

"ตกลงใครเป็นคนพูดคะ?"
 
"พะ พี่นุ่นค่ะ" นางแบบสาวหลุดปากบอกออกมา

'หืม!'
 
อดแปลกใจไม่ได้ที่ได้ยินชื่อนางแบบคนนี้ ผู้หญิงที่พยายามให้ท่าเธอหลายต่อหลายหน แต่สินาถปฏิเสธ ก่อนกล่าวตัดพ้อออกมา

"แล้วน้องพิมพ์ก็เชื่อนุ่น"
 
"ขอโทษค่ะ" คนอายุน้อยกว่าพึมพำ แทบไม่ต่างจากกระซิบนัก ยังคงไม่เป็นตัวของตัวเองเท่าไหร่

"นุ่นพูดอะไรบ้าง? เล่าให้พี่ฟังสิคะ" ร่างสูงถามด้วยความอยากรู้ ในขณะเดียวกันก็ยังอยากจะอยู่ใกล้ชิดกับหล่อนแบบนี้อีกนานๆ ซึ่งเป็นโอกาสที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก 

'จะพูดยังไงดีละ?'

พิมพ์อัปสรทำหน้าลำบากใจ ไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องที่กระดากปากจะพูดสุดๆ เอียงหน้ามองไปทางอื่น ไม่สบตากับคนตรงหน้า

"ระ เรื่องนั้น..."

ผู้จัดการสาวจึงเป็นฝ่ายกล่าวออกมาก่อน

"เรื่องที่เขาลือกันว่า เราสองคนมีอะไรกัน ใช่ไหม?"

"ใช่ค่ะ" นางแบบสาวยอมรับเสียงอ่อย สบตากับคนตรงหน้า "ฉันไม่อยากให้คุณเสียชื่อเพราะฉัน"
 
"แต่มันไม่ใช่เรื่องจริงสักหน่อย" สาวผมสั้นกล่าวอย่างปลอบโยน ส่งยิ้มน้อยๆ ให้กำลังใจคนตรงหน้า ยกมือลูบแก้มของหล่อนเบาๆ "อีกอย่าง พี่ไม่มีชื่อเสียงต้องให้รักษาหรอกนะคะ จะมีก็แต่ชื่อเสียงของน้องพิมพ์ที่จะต้องไม่ด่างพร้อย"

"แต่-" ร่างบางพยายามจะค้าน แต่ก็ถูกตัดบท

"ชู่ว์ ไม่มีแต่ค่ะ" สินาถขยับนิ้วจากแก้มนวล มาแตะเรียวปากอุ่นอย่างอุกอาจเป็นเชิงห้ามปราม สายตาคมจับจ้องหลงใหลกลีบปากคู่สวยตรงหน้า จนยับยั้งห้ามใจไม่ไหว จึงเอ่ยปากขออนุญาตออกมา "ขอพี่นะคะ"
 
'อะไร?'

พิมพ์อัปสรคิดตามไม่ทัน

รู้ตัวอีกที สินาถโน้มใบหน้ามาใกล้ และครอบครองริมฝีปากอุ่นของหล่อนไปเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวเบิกตากว้างตกใจไม่น้อย ไม่คิดว่าจะโดนรุกเร็วแบบนี้ เร็วจนทำอะไรไม่ทัน ไม่แม้แต่จะคิดขัดขืน ปล่อยให้อีกฝ่ายลิ้มรสชาติของตน ขณะเดียวกันก็รับรู้ได้ถึงไอร้อนจากลมหายใจของสาวร่างสูง

'จูบแรกของฉัน!'

เป็นจุมพิตที่อ่อนหวานนุ่มนวลและไม่จาบจ้วง แค่ช่วงสั้นๆ เพียงไม่กี่วินาทีคนอายุมากกว่าก็เป็นฝ่ายผละออกห่าง มองนางแบบสาวด้วยสายตาเศร้าสร้อยที่ตนเป็นคนล้ำเส้น ทั้งที่พยายามควบคุมตัวเองอย่างดีมาตลอด
 
"พี่ขอโทษ" พึมพำเบาๆ แทบไม่ต่างจากกระซิบนัก ที่เผลอตัวทำอะไรรุ่มร่ามออกมา ที่ผ่านมาเธอเป็นมืออาชีพไม่เคยปักธงเด็กปั้นของตัวเอง ไม่ว่าจะน่ารักน่ากินแค่ไหนก็ตาม

...แต่ไม่ใช่กับเจ้าหล่อน

สินาถไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่า ความรู้สึกคราวนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? แต่เธอมั่นใจว่า

...ไม่ใช่แค่ความหลงใหลในรูปโฉมของอีกฝ่ายแน่

...ไม่ใช่เพียงอารมณ์ชั่ววูบ

หากแต่เป็นอะไรที่มากกว่านั้น ทว่าร่างสูงยังไม่แน่ใจนักว่า มันคือความรัก

'บ้าที่สุด!'
 
พิมพ์อัปสรอารมณ์พุ่งปรี๊ด หลังได้ยินคำพูดที่ไม่ชวนพิสมัยอย่างมาก จนทำให้เสียความรู้สึก จึงเงื้อมือขวาสูง ก่อนตวัดตบลงที่แก้มซ้ายของอีกฝ่ายเต็มเหนี่ยว 

เพี๊ยะ!

เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นห้อง ผู้จัดการสาวถึงกับหน้าหันไปอีกทางตามแรงตบ   

"มันจะไม่เกิดขึ้นอีก!" นางแบบสาวตวาดลั่น ทะลึ่งพรวดออกไปจากห้องนั้นโดยเร็ว ไม่อยากจะเห็นหน้าคนที่ขโมยจูบแรกไปด้วยอารมณ์หลากหลายผสมกันทั้งขุ่นเคืองและอับอาย ในใจนึกว่าอีกฝ่ายชุดใหญ่ 

'บ้า บ้า บ้าที่สุด!'

"โอ๊ย...มือหนักชะมัด" สินาถบ่นกับตัวเอง ยกมือกุมตำแหน่งที่เจ็บ คาดว่าคงขึ้นรอยแดง พยายามสะบัดหน้าหลายครั้ง เพื่อเรียกสติให้กลับคืนมา ไม่คิดจะไล่ตามร่างบางออกไป ด้วยเกรงว่าจะยิ่งทำให้เรื่องเลวร้ายกว่าเดิม รอให้อีกฝ่ายใจเย็นกว่านี้ แล้วคุยกันน่าจะดีกว่า 

นึกโกรธตัวเองที่เผลอไผลล่วงเกินหล่อน และหวังว่าพิมพ์อัปสรคงไม่หนีหายไปจริงๆ เธอทำอะไรไม่ได้ นอกจากนั่งหัวฟัดหัวเหวี่ยงใส่ตัวเอง 

'ทำบ้าอะไรสินาถ!'

หนาว
หนาวพายุหนาวสะท้านไปทั้งร่าง
หนาวน้ำค้างหนาวลมหนาวจนสั่น
หนาวเนื้อหนาวแค่จิ๊บจ้อยถ้าเทียบกัน
หนาวใจนั้นหนาวยิ่งกว่าแทบขาดใจ.

OoXoO

ตอนนี้มีทั้งจูบ แล้วก็ตบ ต้องมาลุ้นแล้วว่าสินาถจะทำอย่างไรต่อ?  :42:

ขอบคุณที่อุดหนุน MEB กันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ไรท์ยิ้มไม่หุบแล้วค่ะ ดีใจมากจริงๆ  :02:

หากสนใจหนังสือก็สอบถามได้ที่เพจ 'นิ้วนาง' นะคะ จองได้ถึง 30 เมษายนค่ะ  :65:

ขอบคุณที่กรุณาติดตามนะคะ  :45:

นาง

OoXoO

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น