web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 110
Most Online Ever: 190
(08 กรกฎาคม 2022 เวลา 19:00:55 )
Users Online
Members: 0
Guests: 95
Total: 95

ผู้เขียน หัวข้อ: Hidden Agenda Chapter 3  (อ่าน 2183 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ nuffy

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 93
Hidden Agenda Chapter 3
« เมื่อ: 25 มกราคม 2014 เวลา 08:24:18 »
Chapter 3

“จะทำยังไงดีล่ะเนี่ยฉัน ไม่น่ารับปากเลย” สายป่านเดินวนไปเวียนมาอยู่ในห้องนอนของตัวเองหลังจากที่กลับมาถึงบ้านแล้ว

หลังจากนั่งสงบสติอารมณ์ได้พักหนึ่งสาวแว่นก็ตัดสินใจกดโทรศัพท์ไปหาแจน PR สาวเพื่อขอเบอร์โทรศัพท์ของสอง เธอคิดว่าการติดต่อกี้ผ่านทางสาวหมวยนั้นน่าจะคุยง่ายกว่าเจ้าตัวตรงๆ และเมื่อได้เบอร์ของสองมาแล้วเธอก็สูดลมหายใจลึกๆ ก่อนที่จะกดหมายเลขลงไป

“ฮัลโหล” สาวหมวยรับสายหลังจากที่ปล่อยให้อีกฝ่ายถือหูรออยู่พักใหญ่

“เอ่อ... คุณสองใช่ป่ะคะ”

“ค่ะ... ใครอ่ะคะ”

“สายป่านค่ะจากบริษัท GNN คุณสองจำได้ป่ะคะ”

สองทำเสียงสูงทันที “อ๋อ... จำได้ค่ะ จำได้”

สาวแว่นแอบได้ยินเสียงของสาวหมวยหันไปคุยกับใครบางคนอยู่ด้วยน้ำเสียงเกรงใจหลังจากที่คุยกับเธอเมื่อครู่ว่า “เรื่องที่ทำงานน่ะ รอแป๊บนึงนะคะอุ้ม”

“ป่านโทรมารบกวนเวลาคุณสองหรือเปล่าคะ” นักเขียนบทถามด้วยเสียงเกรงใจ

“ไม่เป็นไรค่ะ แล้วคุณป่านมีอะไรให้สองช่วยเหรอคะ เสียงดูเครียดเชียว”

“เอ่อ... คือ... ก็มีแหละค่ะ แต่ป่านไม่รู้จะอธิบายยังไงดี โอ้ย...” สาวแว่นพูดตะกุกตะกัก แต่หลังจากนั้นก็พูดออกมาด้วยความรวดเร็วจนอีกฝ่ายฟังแทบไม่ทันว่า “คุณสองช่วยนัดเจอคุณกี้ให้ป่านได้ป่ะคะ”

“หะ... อะไรนะคะ”

สายป่านพูดช้าลงหลังจากที่สงบสติอารมณ์เรียบร้อยแล้ว “โอเค... ใจเย็น ป่าน ใจเย็น เอ่อคือ... คุณสองช่วยนัดเจอคุณกี้ให้ป่านได้ป่ะคะ”

เสียงของสาวหมวยบ่งบอกถึงความไม่เข้าใจ “นัดเจอกี้... คุณป่านอยากเจอกี้เหรอคะ”

“ไม่ใช่ป่านหรอกค่ะ แต่ป่านจะนัดให้น้องอีกคนนึงต่างหาก คุณสองช่วยนัดคุณกี้ให้หน่อยได้มั้ยคะ พอดีว่ามันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก... สำคัญอย่างยิ่งยวด สำคัญต่อชีวิตของป่าน เอ้ย! ของน้องเค้าเลยล่ะค่ะ”

“เรื่องอะไรอ่ะคะ บอกได้มั้ย คือถ้าจะนัดเจอก็นัดได้ล่ะค่ะ แต่เผื่อว่ากี้เค้าถามอะไรเพิ่มสองจะได้บอกเค้าถูก ยัยคนนี้บางทีอยากรู้หรือไม่อยากรู้อะไรก็เดาใจยาก”

สายป่านถอนหายใจ “มันเกี่ยวข้องกับเรื่องงานของป่านล่ะค่ะ... แต่เรื่องรายละเอียดป่านขอไปอธิบายวันที่นัดเจอได้หรือเปล่าล่ะคะ พอดีว่ามันพูดยาก”

“บอกสักนิดไม่ได้เลยเหรอคะ” สองถาม “คือยังไงดี... สองเป็นคนกลางน่ะค่ะ เป็นคนนัดกี้ให้ ถ้าคุณป่านไม่บอกอะไรมาเลยบางทีเผลอๆ ยัยนั่นอาจจะไม่ไปเจอคุณป่านกับน้องคุณป่านเลยก็ได้นะคะ”

“คืองั้นเอางี้นะคะ ป่านขอบอกสั้นๆ ก็แล้วกัน” สาวแว่นพูดหลังจากที่เงียบไปพักใหญ่

“เอ่อ... คือว่าป่านเป็นคนเขียนบทหนัง แล้วทีนี้ป่านเอาบุคลิกของคุณกี้มาเป็นตัวละคร ตอนนี้ป่านถูกผู้กำกับสั่งมาว่าให้พาต้นแบบของตัวละครมาคุยกับทีมหน่อยอ่ะค่ะ อันนี้พอโอเคป่ะคะ”

“เอ่อ... ค่ะ เข้าใจแล้ว”

“คุณกี้เค้าคงไม่ว่าอะไรใช่มั้ยอ่ะคะ”

“ว่าเรื่องอะไรเหรอคะ” สาวหมวยถามด้วยความไม่เข้าใจ

“ก็เรื่องที่ป่านเอาเค้าไปเป็นต้นแบบตัวละครในหนังอ่ะค่ะ”

สองหัวเราะ “สองไม่คิดว่ากี้จะว่าอะไรนี่คะ ถึงคุณป่านจะเขียนอะไร เอากี้ไปเป็นต้นแบบหรืออะไร สองว่ากี้ก็คงจะแค่ยักไหล่แล้วก็ไม่สนใจน่ะค่ะ”

“ร... เหรอคะ โล่งอกไปที... ถ้างั้นป่านรบกวนคุณสองช่วยนัดคุณกี้ให้หน่อยได้มั้ยอ่ะคะ”

สาวหมวยเงียบไปพักหนึ่ง “ก็ได้ค่ะ แล้วเวลากับสถานที่ละคะ”

“อืม... ป่านไม่แน่ใจอ่ะค่ะ งั้นยืนพื้นขอเป็นช่วงบ่ายสามโมงที่จามจุรีสแควร์ก่อนก็แล้วกันค่ะ แล้วรบกวนขอเบอร์โทรศัพท์คุณกี้เอาไว้ด้วยนะคะ จะได้นัดเจอกันทีหลัง”

“งั้นเดี๋ยวสองโทรกลับนะคะ ขอคุยกับกี้ดูก่อน”

“ได้ค่ะ ขอบคุณมากเลยนะคะคุณสอง แล้วป่านจะรอนะคะ”

สาวแว่นถอนหายใจอีกครั้งหลังจากที่กดวางสายจากสองไปแล้ว เธอเข้าไปอาบน้ำระหว่างรอโทรศัพท์ของอีกฝ่าย แต่ด้วยความเหนื่อยอ่อนเธอก็ผล็อยหลับไปจนไม่ได้รับโทรศัพท์จากคนที่เธอรออยู่

...

“หะ... แกว่าอะไรนะ เอาใหม่อีกทีดิ” กี้กรอกเสียงดังใส่โทรศัพท์ ตอนนี้บรรยากาศรอบข้างของเธอมีแต่เสียงอึกทึกของผู้คนและเสียงดนตรี

“แกเดินออกห่างจากลำโพงได้มั้ยเล่า ฉันตะโกนบอกแกคอจะแตกอยู่แล้วนะ” สองส่งเสียงกลับมา

“ไม่ได้ยินเลย แป๊บนะ” สาวเซอร์พูดพลางเดินออกจากบริเวณที่เธอยืนอยู่

ตอนนี้กี้อยู่ในคอนเสิร์ตคาราบาว ณ โรงเบียร์แห่งหนึ่งย่านชานเมือง เธอมาดูคอนเสิร์ตกับเพื่อนๆ ในแก๊งค์คาราบาวเฟสบุ๊คที่มีสมาชิกหลากหลายอายุมากกว่า 300 คนทั่วประเทศ สาวเซอร์ถือว่าเป็นสมาชิกที่อายุเกือบจะน้อยที่สุดของกลุ่มก็ว่าได้ถ้าเทียบกับอายุของแฟนคลับในเฟสบุ๊ค ระหว่างที่เธอฟังเสียงที่ได้ยินบ้างไม่ได้ยินบ้างจากเพื่อนร่วมงาน กี้ก็สาวเท้าเดินหลบหลีกผู้คนที่กำลังยืนร้องและเต้นเพลงเมดเล่ย์ที่กำลังบรรเลงอยู่บนเวทีเพื่อหามุมสงบในการคุยโทรศัพท์

“ว่าไง พอได้ป่ะ” กี้กรอกเสียงลงโทรศัพท์อีกครั้ง มุมนี้อยู่ไกลจากเวทีและลำโพงมากพอสมควร แต่ก็ยังคงได้ยินเสียงเพลงอยู่

“พอไหวๆ คือฉันจะโทรมาถามแกว่าแกว่างวันไหน คุณป่านอยากจะนัดเจอ” สาวหมวยพูด

“คุณป่าน... ป่านไหนวะ”

“คุณป่านจาก GNN ไง ที่เจอกันที่ยโสธรอ่ะ”

“อ๋อ... แล้วนัดเจอเรื่องอะไรอ่ะ”

“คุณป่านเค้าบอกว่า...” ระหว่างที่สองกำลังบอกข้อมูลที่เธอรู้มานั้นเสียงกรี๊ดของบรรดาแฟนเพลงก็ดังขึ้นเมื่อเพลงยอดฮิตของวงเริ่มบรรเลงแทนที่เพลงที่เพิ่งจะจบลงไป ส่งผลให้สาวเซอร์ไม่ได้ยินคำอธิบายของเพื่อนเลยแม้แต่น้อย

“เอ้ย... ไม่ได้ยินเลยว่ะสอง”

“ฉันก็ไม่ได้ยินแกเหมือนกันว่ะ ได้ยินแต่เสียงกรี๊ด” สาวหมวยตอบกลับมา “สรุปเลยละกัน แกว่างจะไปเจอคุณป่านกับเพื่อนเค้าวันไหน ฉันจะได้โทรไปบอกเค้าถูก”

“แกไปด้วยป่ะล่ะ”

“ขอดูก่อนนะ ช่วงนี้อุ้มเป็นอะไรก็ไม่รู้ งอนบ่อยมาก เอาเป็นว่าไม่รับปากแต่จะพยายามก็แล้วกัน”

กี้ยกมือข้างที่ว่างอยู่ขึ้นมาอุดหู เพราะเสียงกรี๊ดดังขึ้นอีกแล้ว “เออๆ เข้าใจๆ ถ้าว่างจริงๆ ก็วันอาทิตย์หน้าอ่ะ”

“งั้นก็วันอาทิตย์บ่ายสามโมงที่จามจุรีสแควร์โอเคป่ะ”

“ได้ๆ... แล้วสรุปคุณป่านเค้าอยากเจอฉันเพราะอะไรวะ” สาวเซอร์ตอบแล้วก็ถามกลับ

“ไปถึงเค้าก็คงอธิบายให้แกฟังเองแหละ” สองพูดอย่างเหนื่อยอ่อน เธอขี้เกียจจะอธิบายแข่งกับลำโพงเต็มทีแล้ว

“เออๆๆๆ”

ก่อนที่สาวหมวยจะวางหูไปเธอก็สำทับกับเพื่อนว่า “เฮ้ยกี้! ไปเจอคุณป่านกับเพื่อนเค้าแกทำตัวให้มันดีๆ หน่อยก็แล้วกันนะ”

“ทำไมวะ”

“เออน่า... อย่าไปกวนเค้าล่ะ เค้ามาขอให้แกช่วยก็ช่วยๆ เค้าหน่อยก็แล้วกัน”

“อ่าฮะ... ได้ๆ”

“งั้นแค่นี้แหละ ไปล่ะ”

“เออ แล้วเจอกันที่ออฟฟิศ” สาวเซอร์พูดจบก็กดวางสายไป

กี้มองซ้ายมองขวาไปรอบๆ ตัว ตอนนี้เธออยู่ห่างจากเวทีและอยู่ใกล้กับประตูทางออก อยู่ห่างจากเพื่อนๆ ในกลุ่มแฟนคลับ เมื่อก้มมองดูนาฬิกาข้อมือก็เกือบจะห้าทุ่มแล้วแต่ดูเหมือนคอนเสิร์ตจะยังไม่จบลงง่ายๆ เพราะยิ่งดึกก็ยิ่งเพิ่มดีกรีความสนุกมากขึ้นตามสไตล์ของวง จริงๆ การคุยโทรศัพท์กับสองไม่ได้มีผลอะไรกับคอนเสิร์ตที่เธอตั้งใจมาดูเท่าไหร่แต่ตอนนี้เธอดันรู้สึกอยากลับบ้านดื้อๆ ขึ้นมาเสียอย่างนั้น

“กลับบ้านดีกว่า” สาวเซอร์พูดกับตัวเองเบาๆ เธอหันไปมองที่เวทีอีกครั้งหนึ่งแล้วยักไหล่ เดินตรงออกไปที่ประตู เรียกแท็กซี่กลับบ้าน

หลังจากที่วางหูจากเพื่อน สาวหมวยก็เพียรพยายามโทรหาสายป่านอยู่หลายรอบแต่อีกฝ่ายก็ไม่รับสาย เธอจึงส่งข้อความส่งไปหาแทน หลังจากนั้นก็ถอนหายใจแล้วเดินตรงไปหาหญิงสาวหุ่นดีหน้าฝรั่งที่นั่งกอดหมอนใบเล็กอยู่บนโซฟามองเธอด้วยสายตางอนๆ อยู่ด้วยใบหน้าเซ็งๆ

วันอาทิตย์ต่อมา...

วีนัสขับรถออกจากบ้านด้วยอารมณ์ที่ไม่สู้ดีนัก เนื่องจากเมื่อคืนเธอได้คุยกับคนที่เธอคาดหวังและรอมาเกือบสองสัปดาห์ทางโทรศัพท์ แต่การพูดคุยนั้นกลับกลายเป็นการทะเลาะและโต้เถียงกันอยู่เป็นเวลานาน หลังจากนั้นดาราหน้าหวานก็นอนไม่หลับเพราะมัวแต่คิดถึงเรื่องที่ทะเลาะกันทั้งคืนและส่งผลมาถึงเช้าวันนี้ด้วย เมื่อเธอได้รับเมล์ต่อว่าจากอีกฝ่ายว่าเธอเป็นคนผิดที่ทำให้ต้องทะเลาะกันเมื่อคืนนี้

“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ บ้าชะมัดเลย” เธอบ่นกับตัวเองแล้วขับรถตรงไปที่สถานที่นัดพบที่สายป่านบอกข้อมูลกับเธอมา

พักใหญ่ต่อมาวีนัสก็พบกับสาวแว่นที่หน้าร้านเบเกอรี่แห่งหนึ่งในจามจุรีสแควร์ ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะมาเร็วกว่าเวลาที่นัดเอาไว้ ดูท่าทางนักเขียนบทจะดูกระสับกระส่าย ในขณะที่ดาราหน้าหวานก็นั่งทำหน้าเรียบเฉยเพราะอารมณ์ที่ยังไม่สู้ดีนัก สองสาวนั่งทานกาแฟและเค้กไปเงียบๆ

“สอง... แกอยู่ไหนวะ” กี้กดโทรศัพท์หาเพื่อนเมื่อเธอมาถึงหน้าสถานที่นัด

“โทษที ฉันไปไม่ได้แล้วว่ะ” สาวหมวยตอบด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ

“ทำไมวะ”

“ต้องไปกับบ้านอุ้มอ่ะดิ ถ้าวันนี้ไม่ไปนะมีหวังโดนเชือดแน่เลยอ่ะ เบี้ยวเค้ามาหลายครั้งแล้ว”

สาวเซอร์ตอบกลับไปว่า “เออ ฉันเข้าใจ รู้มาตั้งแต่ตอนที่แกบอกว่าไม่รับปากแต่จะพยายามแล้วเว้ย”

“เออ... ขอบใจมากที่เข้าใจ” สองตอบออกมาแบบขำๆ

“ฝากบอกเพื่อนอุ้มด้วยล่ะว่าอย่างอนมาก เดี๋ยวหน้าจะเหี่ยว แล้วไอ้หมวยข้างๆ จะหนีเที่ยว”

“ตลกแล้วมึง... พอเลย” สาวหมวยพูดออกมาพร้อมกับเปลี่ยนสรรพนามของเพื่อนไปด้วย

กี้หัวเราะ “พอก็ได้ เอ้ย! แล้วเค้านัดเจอกันที่ไหนล่ะเนี่ย”

“เห็นบอกว่าเป็นร้านกาแฟอ่ะนะ ชื่ออะไรว้า... เออ Cream by Café De Tu”

“แล้วไอ้ร้านนี้มันอยู่ตรงส่วนไหนของที่นี่ละเนี่ย”

“จะไปรู้เหรอ ฉันเคยไปกินซะเมื่อไหร่เล่า มีขาก็เดินหาเอาเองก็แล้วกัน ถ้าหาไม่เจอ มีปากก็ถามเอาดิ”

“โห... ถามแค่เนี้ยด่ามาชุดใหญ่เลย กลัวแฟนแต่มาลงกะเพื่อนเนี่ยนะ” สาวเซอร์แซวเพื่อน

“พอเลยไอ้กี้ ไม่คุยด้วยแล้ว... เอ้อ ฝากขอโทษคุณป่านด้วยก็แล้วกันว่าฉันไปไม่ได้จริงๆ แล้วก็อย่างที่บอก อย่าไปกวนตีนใส่เค้าล่ะ เข้าใจมั้ย”

“ค่า... คุณแม่ หนูจะพยายามแต่ไม่รับปาก”

“ไอ้กี้!”

“เออๆ แค่นี้นะ”

กี้กดวางสายแล้วสาวเท้าเดินเข้าไปในตัวอาคาร เพื่อมองหาร้านกาแฟที่สาวหมวยให้ข้อมูลมาว่าเป็นสถานที่นัดพบ สาวเซอร์ใช้เวลาหาอยู่ประมาณ 10 นาทีก็เจอร้าน และที่เก้าอี้ตัวหนึ่งด้านข้างเธอก็พบกับสาวแว่นที่กำลังนั่งคุยกับหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งหันหลังให้กับเธอ

“คุณป่านป่ะคะ” สาวเซอร์เดินเข้าไปทักสาวแว่น ซึ่งอีกฝ่ายก็มีท่าทางตกใจเล็กน้อย

“คะ... ค่ะ คุณกี้” สายป่านรีบยืนขึ้นทันที

เมื่อวีนัสได้ยินเสียงของคู่สนทนาเรียกคนที่เดินมาทักว่ากี้ เธอก็รีบหันไปมองทันที... แล้วเธอก็ได้พบกับสาวร่างสูง ท่าทางเซอร์ๆ ผมยาวหยักศกที่มัดเป็นมวยกลมอยู่ด้านหลังศีรษะ ผิวสีน้ำผึ้ง ใส่เสื้อยืดผ้ามัดย้อมคอวี กับกางเกงยีนส์สีซีด รองเท้าผ้าใบและกระเป๋าสะพายแบบสานเดินเข้ามานั่ง นี่คือกี้ตัวจริง ต้นแบบของตัวละครที่เธอได้รับบทมา ดาราหน้าหวานพูดได้คำเดียวเลยว่าเธอคนนี้ช่าง ‘แตกต่าง’ จากที่จินตนาการเอาไว้มากๆ เพราะเธอคิดว่ากี้นั้นน่าจะเป็นคนที่มีลักษณะตามกับบท นั่นคือน่าจะมีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับเธอนั่นเอง

“ขอโทษทีค่ะ มาช้าไปหน่อย พอดีไม่ค่อยได้มาแถวนี้เท่าไหร่ก็เลยกะเวลาผิด” สาวเซอร์ตอบแล้วหันมามองที่หญิงสาวอีกคนหนึ่ง

“ม... ไม่เป็นไรค่ะ ช... เชิญนั่งก่อนนะคะ” สาวแว่นรีบยกกระเป๋าของตัวเองที่วางทับเก้าอี้ด้านข้างของดาราสาวให้กับอีกฝ่าย

เมื่อกี้นั่งลงเรียบร้อยแล้วเธอก็มองสายป่านและวีนัสแบบงงๆ ราวกับเธออยากจะรู้จุดประสงค์ที่เรียกเธอมาที่นี่ แต่ก่อนที่จะอ้าปากถามสายป่านก็รีบแนะนำดาราหน้าหวานให้กับอีกฝ่ายได้รู้จักก่อน

“คุณกี้คะ... นี่น้องนัสค่ะ วีนัส”

สาวเซอร์หันไปยิ้ม “หวัดดีค่ะ กีรติค่ะ เรียกว่ากี้ก็ได้”

“ค่ะ วีนัสค่ะ เรียกนัสเฉยๆ ก็ได้ค่ะ”

“คือว่า... ก่อนที่จะคุยเลยนะคะ พอดีผู้จัดการของน้องนัสเนี่ยเค้าบอกกับป่านว่า คือ... รบกวนไม่ให้คุณกี้คุยเรื่องส่วนตัวของน้องนัสอ่ะค่ะ จำพวกเรื่องที่บ้าน เรื่องแฟน หรือเรื่องอะไรก็ตามที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องงาน เพราะเค้ากลัวว่าจะเสียหาย”

“พี่จ๋าโทรมาหาพี่ป่านเหรอคะ ทำไมนัสไม่เห็นรู้เรื่องเลย” วีนัสถามสาวแว่นด้วยความไม่เข้าใจ เธอรู้สึกไม่ดีที่จู่ๆ ผู้จัดการส่วนตัวของเธอโทรไปหานักเขียนบทแถมยังมาห้ามไม่ให้คู่สนทนาพูดคุยกันเรื่องส่วนตัวอีกด้วย

“ไม่ให้คุยเรื่องส่วนตัวเหรอคะ... แล้วคุณนัสทำงานอะไรอ่ะคะถึงไม่ให้คุยเรื่องนี้ แถมยังมีผู้จัดการส่วนตัวด้วย” คำถามของกี้ทำเอาสาวอีกสองคนอึ้งไปเลย

“อะไรกัน คุณกี้ไม่รู้จักน้องนัส... วีนัสหรอกเหรอคะ”

สาวเซอร์ส่ายหน้าน้อยๆ แล้วหันไปมองดาราหน้าหวาน “อืม... ก็คุ้นๆ อยู่ เหมือนเคยเห็นที่ไหนสักที่นึง... อ๋อ! บนหน้าปกหนังสือเล่มนึงอ่ะค่ะที่จอยซื้อในเซเว่น”

สิ้นเสียงของกี้ วีนัสก็หลุดขำออกมา นี่ยังจะมีคนที่ยังไม่รู้จักเธออีกเหรอเนี่ย! แปลกจริงๆ เชียว ผู้หญิงคนนี้!

“เอ่อ... คือนี่น้องวีนัสไงคะ น้องนัสเป็นดาราของที่บริษัทค่ะ... แต่คุณกี้อย่าพูดเสียงดังไปนะคะ เดี๋ยวเราจะคุยกันแถวนี้ไม่ได้” สาวแว่นพูดเสียงเบา

“คุณกี้ไม้รู้จักน้องนัสจริงๆ เหรอคะ” สายป่านถามย้ำ

“ก็บอกตรงๆ เลยว่าไม่รู้จักอ่ะค่ะ ฉันทำงานออกต่างจังหวัดบ่อย ไม่ค่อยได้ดูทีวี อยู่บ้านก็ไม่ค่อยได้ดูทีวีอยู่แล้วด้วยก็เลยไม่รู้อะไรหรอกค่ะว่าใครเป็นใครบ้าง ดูแต่ข่าว สารคดี ไม่ก็รายการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานมากกว่า” กี้อธิบาย ทำให้อีกสองสาวเข้าใจได้กระจ่างมากขึ้น

“คือ... ที่ป่านขอให้คุณกี้มาวันนี้ก็... จะเริ่มยังไงดีหว่า เอ้อ! แล้วคุณสองละคะ” นักเขียนบทพูดเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้

“อ๋อ พอดีสองเค้าติดภารกิจด่วนพิเศษค่ะแบบว่าไม่ไปไม่ได้ ก็เลยฝากมาขอโทษคุณป่านน่ะค่ะ” สาวเซอร์ตอบ

“งานด่วนเหรอคะ... แล้วคุณกี้ไม่ต้องไปกับคุณสองเหรอคะ” สายป่านถามต่อ

“จะไปกะเค้าทำไมอ่ะคะ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับกี้สักหน่อย งานของสองนี่ถ้าสองไม่ไปก็คงจะโดนแฟนหักคออ่ะค่ะ”

‘จะบอกว่าเพื่อนไปกับแฟนดีๆ ก็ไม่ได้ ทำไมต้องพูดกวนด้วย หรือว่าจะเป็นสไตล์ของเค้าละเนี่ย’ ดาราหน้าหวานคิดในใจ เธอได้แต่นั่งฟังผู้ร่วมโต๊ะอีกสองคนเฉยๆ

เมื่อได้ยินว่าสองไม่ได้มาด้วย ความกล้าของสาวแว่นที่คุยกับกี้เมื่อครู่ก็หดลงเท่าเม็ดถั่ว เมื่อกี้นี้ที่เธอคุยกับสาวเซอร์ได้ก็เพราะคิดว่าเดี๋ยวสาวหมวยก็คงจะมา แต่เมื่อได้ยินว่าสองไม่มาแล้วก็ทำให้สายป่านที่รู้สึกกลัวและเกร็งกี้อยู่แล้วก็ไม่สามารถทำใจดีสู้เสือคุยกับอีกฝ่ายได้อีกต่อไป เธอเกิดอาการกระสับกระส่ายอยู่ไม่สุขขึ้นมาทันที เพราะเธอเริ่มกลัวที่จะเล่าและอธิบายให้กับกี้ฟังถึงจุดประสงค์ที่เรียกอีกฝ่ายมาพบในวันนี้ อาการของเธอทำเอาสองสาวที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่มองด้วยสายตาไม่เข้าใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา หลังจากนั้นไม่นานนักแล้วจู่ๆ สาวแว่นก็ลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้แล้วพูดกับวีนัสว่า

“น้องนัสคะ พี่ขอโทษ... แต่พี่ขอตัวก่อนนะคะ ถ้าสงสัยอะไรก็ถามคุณกี้เองก็แล้วกันนะคะ แล้วก็รบกวนอธิบายให้คุณกี้รู้ว่าทำไมพวกเราถึงขอให้คุณกี้มาวันนี้แทนพี่ได้มั้ยคะ”

“พี่ป่านเป็นอะไรไปคะ จะให้นัสไปส่งมั้ย” ดาราหน้าหวานพูดงงๆ แล้วทำท่าจะลุกขึ้นตามสายป่าน

สาวแว่นโบกมือเร็วๆ เพื่อห้ามอีกฝ่ายทันที “ไม่ต้องๆๆๆๆๆๆๆ น้องนัสคุยกับคุณกี้เถอะค่ะ พี่ไม่เป็นอะไรค่ะ ไปก่อนนะคะ ไปนะคะคุณกี้ ขอบคุณนะคะที่มาวันนี้” แล้วสายป่านก็รีบเดินจากไปด้วยความรวดเร็ว

“อะไรของเค้าวะ” สาวเซอร์พูดขึ้นมาเบาๆ หลังจากที่เห็นสาวแว่นเดินออกไปแล้ว

เมื่อกี้หันกลับมาอีกทีเธอก็สบตากับวีนัสที่หันมามองเธออยู่ เมื่อทั้งสองสบตากันดาราหน้าหวานก็ยิ้มให้แล้วลงมือกินคัพเค้กที่เหลืออยู่ตรงหน้าต่อไปจนหมด

‘สวยแฮะ’ สาวเซอร์คิดในใจพลางพิจารณาหญิงสาวที่นั่งข้างๆ

‘ผมยาว ผิวขาว ตาโต หน้าเนียน หุ่นก็... ดีนะ แต่ผอมไปหน่อย ก็... ดารานี่เนอะ ถ้าไม่ให้ผอม ไม่ให้สวยก็คงจะเป็นไม่ได้’ หลังจากนั้นก็นั่งมองไปรอบๆ ตัว ก็เห็นว่ามีคนที่เดินผ่านไปผ่านมาอยู่หลายคนจ้องมองไปที่วีนัสแล้วซุบซิบกันราวกับกำลังปรึกษากันว่าหญิงสาวคนนี้ใช่ดาราชื่อดังหรือไม่

“เอ่อ คือว่า...” เสียงหวานๆ ที่ดังขึ้นมาข้างๆ ทำเอาสาวเซอร์สะดุ้ง

“หะ... ว่าไงคะ”

“คุณกี้พอจะรู้เรื่องที่คุณกี้มาคุยกันพี่ป่านกับนัสวันนี้หรือเปล่าคะ”

กี้ส่ายหน้า “ไม่รู้เลยค่ะ เห็นว่าอยากเจอก็เลยมา แล้วมีอะไรเหรอคะ”

“คือว่านัสกำลังมีหนังเรื่องใหม่น่ะค่ะแล้วพี่ป่านเป็นคนเขียนบทเรื่องนี้ บทที่นัสได้เป็นบทที่พี่ป่านบอกว่าเอาคุณกี้มาเป็นต้นแบบน่ะค่ะ”

“ฮะ... เอาฉันเป็นต้นแบบ” สาวเซอร์ทำหน้างง “บ้าๆ บอๆ อย่างฉันเนี่ยอ่ะนะ”

ดาราหน้าหวานหัวเราะเมื่อเห็นปฏิกิรยาของอีกฝ่าย “ก็ค่ะ... แต่มีปัญหาตรงที่ว่านัสเล่นบทนี้ไม่ค่อยได้ พี่อ๊อด ผู้กำกับเค้าก็เลยอยากจะให้นัสมาลองๆ คุยกับคุณกี้น่ะค่ะเผื่อจะมีไอเดียในการปรับการแสดงของตัวเองน่ะค่ะ”

วีนัสอธิบายพลางมองใบหน้าของอีกฝ่ายที่ยังคงงงอยู่ ดูท่าทางอีกฝ่ายไม่รู้สึกเกร็งอะไรแม้แต่น้อยหลังจากที่รู้ว่าคนที่กำลังคุยด้วยอยู่นั้นเป็นดาราชื่อดัง ซึ่งก็ไม่เหมือนกับคนอื่นๆ ที่เกร็งหรือดูตื่นๆ เมื่อได้พบหรือพูดคุยกับเธอ

เมื่อดาราสาวพูดจบกี้ก็พูดขึ้นมาว่า “ก็ไม่เห็นจะมีอะไรไม่ใช่เหรอคะ ฉันก็เป็นคนธรรมดาไม่ได้มีอะไรมาก บ้าๆ บอๆ ทำงานไปวันๆ คุณนัสเองก็น่าจะเล่นได้ไม่ใช่หรือไงคะ ไม่เห็นต้องมาถามมาคุยสักหน่อยนี่นา แต่ตอนนี้ฉันแค่สงสัยว่าทำไมคุณป่านต้องเดินหนีไปแบบนี้ด้วย”

“เรื่องพี่ป่าน นัสเองก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่ถ้าเป็นเรื่องบท... จะบอกว่าไงดี นัสเองก็พยายามแล้วนะคะ แต่ผู้กำกับก็บอกว่ายังใช้ไม่ได้ ก็เลยสั่งมาว่าถ้าได้คุยกับคุณกี้ตัวจริงก็น่าจะเข้าใจถึงคาแรคเตอร์ที่พี่ป่านเขียนลงในบทได้มากกว่าอ่านจากตัวหนังสือน่ะค่ะ”

“งั้นเหรอ...” สาวเซอร์นั่งเท้าคาง “แล้วคุณนัสคิดว่าฉันเป็นยังไงล่ะ”

“ก็เท่าที่ดู... คุณกี้ก็เป็นคนที่มีบุคลิกเฉพาะตัวน่ะค่ะ แต่เรื่องอื่นนี่ก็... ยังไม่รู้เหมือนกัน” ดาราหน้าหวานพูดแล้วหยุดไปสักพักหนึ่งเหมือนกำลังคิดหาคำพูดอื่นอีก “เอ่อ... ถ้ายังไงคุณกี้ลองเล่าเรื่องส่วนตัว หรือสิ่งที่ตัวเองชอบให้นัสฟังได้มั้ยคะ เผื่อว่าจะได้...”

“ขอปฏิเสธ” กี้ตอบออกมาอย่างทันควัน ทำเอาอีกฝ่ายอึ้ง

“ท... ทำไมละคะ”

“ถ้าเป็นแบบนั้นฉันก็จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ถึงฉันจะเป็นคนธรรมดา แต่ฉันก็ไม่ชอบให้ใครมาเอาเปรียบดึงข้อมูลส่วนตัวของฉันไปง่ายๆ หรอกนะ”

“หะ... คือ... ยังไงอ่ะคะ ฉ... ฉันไม่เข้าใจ” ด้วยความตกใจสรรพนามที่วีนัสเรียกตัวเองจึงเปลี่ยนไป

“โอ๊ะ พูดแทนตัวเองว่าฉันแล้วน่าฟังกว่านัสตั้งเยอะแฮะ” สาวเซอร์พูดออกมาแบบยิ้มๆ

ดาราหน้าหวานยังมีสีหน้างง “ร... เหรอ... เอ้ย! เดี๋ยวนะ ฉันไม่เข้าใจว่าทำไม...”

“ฉันถึงไม่บอกเรื่องส่วนตัวของฉัน ใช่มั้ยล่ะ”

“อื้อ” วีนัสพยักหน้าน้อยๆ

“ก็ผู้จัดการส่วนตัวของคุณบอกว่าไม่ให้ฉันถามหรือคุยเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของคุณ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม แต่พอคุณจะให้ฉันเล่าเรื่องส่วนตัวของฉัน ฉันก็คิดว่าฉันมีสิทธิ์ที่จะไม่เล่าเรื่องของฉันให้คุณฟัง”

“หมายถึงเพราะฉันไม่เล่า คุณก็เลยไม่เล่าใช่หรือเปล่าคะ”

“ฮื่อ...” กี้รับคำในลำคอ

สิ้นเสียงตอบรับของอีกฝ่าย คิ้วของดาราสาวก็ขมวดขึ้นมาทันที ‘ไม่เล่าแล้วจะรู้เรื่องได้ยังไงกันละเนี่ย คนอะไรกวนชะมัดยาด กวนยิ่งกว่าในบทอีก’

หลังจากนั้นบรรยากาศระหว่างสองสาวก็มีแต่ความเงียบ ท่ามกลางความจอแจที่หน้าร้านกาแฟ ที่เงียบเพราะเนื่องจากไม่รู้จะคุยอะไรกันดีเพราะต่างฝ่ายต่างก็ไม่คุยกันเรื่องส่วนตัว ทั้งสองนั่งมองหน้ากันพักหนึ่งแล้วจู่ๆ สาวเซอร์ก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วงั้นก็กลับก่อนนะคะ ไปนะ” กี้บอกกับอีกฝ่ายแล้วก็เดินออกจากร้านไป ระหว่างนั้นเธอก็ยืดตัวบิดขี้เกียจไปด้วยแล้วบ่นกับตัวเองเบาๆ ว่า “เมื่อยชะมัด”

วีนัสรีบลุกขึ้นด้วยความตกใจทันที “เดี๋ยวสิ... คุณ” เธอรีบเดินเร็วๆ ตามคนที่อยู่ข้างหน้า

“หือ... ว่าไงอ่ะคะ”

“เอ่อ... คือว่าฉันมีเรื่องที่อยากจะถามคุณตั้งเยอะแยะเลยนะ”

“แล้วทำไมเมื่อกี้ไม่ถามล่ะ... มีอะไรก็ว่ามาสิ”

“จะถามได้ยังไงล่ะ ก็ในเมื่อคุณบอกว่าไม่คุยเรื่องส่วนตัว สิ่งที่ฉันอยากจะถามคุณก็มีแต่เรื่องส่วนตัวของคุณทั้งนั้นเลย” ดาราหน้าหวานพูด

“ก็ในเมื่อคุณไม่บอกเรื่องของคุณ แล้วฉันจะบอกเรื่องของฉันทำไม... บอกแล้วไงฉันไม่ชอบเสียเปรียบใคร” สาวเซอร์ตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“แต่สิ่งที่ฉันจะถามคุณมันก็คือเรื่องงานนะคะ”

“ก็งานของคุณนี่นา ไม่ใช่ของฉัน” กี้ตอบ “ไม่มีอะไรแล้วเนอะ ฉันจะได้ไป”

ด้วยความที่อุปนิสัยส่วนตัวที่ไม่ค่อยจะมีคนอื่นรู้มากนักว่าเป็นคนที่ไม่ค่อยจะยอมใคร วีนัสจึงรีบเดินตีคู่อีกฝ่ายที่ออกเดินนำหน้าไปก่อนแล้ว สาวเซอร์หันมามองด้วยใบหน้าประหลาดใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร สองสาวเดินเคียงคู่ตรงไปที่สถานีรถไฟใต้ดิน ดาราหน้าหวานไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายจะไปไหน เพียงแต่เธอคิดว่าในเมื่อกี้ไม่ยอมตอบ วันนี้เธอก็จะขอตามไปสาวเซอร์คนนี้จนกว่าจะยอมบอกเรื่องเกี่ยวกับตัวเองให้เธอฟังบ้าง... แค่เรื่องเดียวก็ยังดี!

กี้ยืนมองดาราสาวที่นั่งกอดอกมองเธออย่างไม่คลาดสายตาบนรถไฟใต้ดินเงียบๆ เธอไม่อยากจะเดาว่าผู้หญิงคนนี้ตามเธอมาทำไม แต่ก็พอจะรู้ว่าคงอยากจะรู้เรื่องเกี่ยวกับเธอแต่เธอก็ไม่อยากบอกและไม่อยากจะเล่าเรื่องส่วนตัวให้คนอื่นฟังโดยเฉพาะคนที่เพิ่งจะรู้จักวันนี้ แถมคนที่อยากรู้ยังเป็นดาราอีกต่างหาก เรื่องที่อยากจะรู้ก็แค่เอาไปเป็นข้อมูลในการแสดง เธอรู้สึกว่ากำลังถูกลุกล้ำความเป็นส่วนตัวมากเกินไปหลังจากที่ได้ฟังคำอธิบายจากอีกฝ่าย แบบนี้ให้ตายยังไงก็ไม่เล่าให้ฟัง

วีนัสเลิกคิ้วเมื่อเห็นสาวเซอร์ลงที่สถานีลุมพินีแล้วเดินตรงเข้าไปในสวนลุมพินีซึ่งวันนี้ดูเหมือนจะมีงานอะไรบางอย่างตรงศาลากลางสวน

“โอ๊ะมาทันด้วยแฮะ ยังไม่เริ่มด้วยดีจัง” กี้พูดขึ้นมาเบาๆ แล้วเดินตรงเข้าไปหาที่นั่งใกล้กับศาลา

สาวเซอร์ทรุดตัวลงนั่งบนพื้นหญ้า เหยียดขาแล้วถอดรองเท้าผ้าใบออก เธอหันมามองดาราหน้าหวานที่เดินมายืนข้างๆ แล้วนั่งลงข้างๆ เธอ

“Concert in the Park เหรอ” วีนัสพูดขึ้นมาเบาๆ หลังจากที่เห็นป้ายตรงบริเวณเวทีการแสดง

“ฮื่อ...” กี้รับคำในลำคอ

ก่อนเริ่มการแสดงเสียงเครื่องดนตรีคลาสสิคบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีดังขึ้น สองสาวและผู้ชมก็ต่างลุกขึ้นยืนจนกระทั่งจบเพลง หลังจากนั้นก็มีพิธีกรขึ้นมากล่าวต้อนรับและเล่าข้อมูลของการจัดงานให้ผู้ชมฟัง งานในวันนี้เป็นการแสดงของวงบางกอกซิมโฟนี่ BSO ซึ่งเล่นเพลงของสุนทราภรณ์ในรูปแบบเพลงคลาสสิครวมทั้งเพลงอื่นๆ ในยุค 60s – 70s โดยไวทยากรที่มีชื่อว่า นรอรรถ จันทร์กล่ำ





ออฟไลน์ nuffy

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 93
Hidden Agenda Chapter 3(continued...)
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 25 มกราคม 2014 เวลา 08:25:13 »
Chapter 3 (continued...)

“คุณชอบฟังเพลงแนวนี้เหรอ” ดาราหน้าหวานถามคนที่นั่งข้างๆ หลังจากเพลง Gonna Fly Now เพลงประกอบจากภาพยนตร์เรื่อง Rocky จบลง

“เปล่า” สาวเซอร์ตอบสั้นๆ “ก็แค่รู้ว่ามีงานก็เลยมานั่งฟังเฉยๆ”

“เหรอ”

กี้ลุกขึ้นยืนหลังจากนั่งฟังเพลงไปอีก 2 – 3 เพลง ดาราสาวกำลังจะชันตัวลุกตามแต่กลับถูกอีกฝ่ายโยนกระเป๋าสะพายให้แล้วพูดว่า

“ฝากแป๊บ เดี๋ยวมา” แล้วเธอก็เดินจากไป

พักใหญ่ต่อมาสาวเซอร์ก็เดินกลับมานั่งอีกครั้งพร้อมกับถุงจากร้านสะดวกซื้อติดมือมาด้วย เธอยื่นขวดน้ำขวดหนึ่งให้กับวีนัส แล้วก็ยื่นถุงจากร้านสะดวกซื้อให้

“ไม่รู้ว่าคุณชอบกินอะไร เลือกเอาเองก็แล้วกัน” กี้ว่าแล้วเธอก็นั่งเคี้ยวสโมกกี้ไบร์ทตุ้ยๆ

วีนัสหัวเราะกับภาพที่เห็นตรงหน้าแล้วก็หยิบถุงขนมขึ้นมาถุงหนึ่ง เธอพยายามจะแกะแต่ก็แกะไม่ออกจนอีกฝ่ายดึงออกจากมือไปแล้วแกะให้

“อ้ะ”

“ขอบคุณนะ” ดาราหน้าหวานพูดแล้วก็ลงมือกินขนม

สองสาวนั่งฟังเพลงไปแบบเงียบๆ โดยที่วีนัสนั่งกอดกระเป๋าของกี้อยู่ด้วย จนกระทั่งงานใกล้จะจบลง สาวเซอร์ปรบมือดังลั่นเมื่อได้ยินเสียงอินโทรของเพลง Can’t Buy me Love ของ The Beatles

“I don't care too much for money, money can't buy me love (ฉันไม่แคร์เรื่องเงิน เพราะเงินซื้อความรักจากฉันไม่ได้) wowwww”

กี้ร้องตามนักร้องรับเชิญพลางโยกตัวตามจังหวะเพลงไปด้วย ดาราหน้าหวานที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็หัวเราะแล้วก็โยกตัวตามอีกฝ่ายที่กำลังสนุกอยู่อย่างเสียไมได้ เพราะเธอก็รู้สึกสนุกกับเพลงไปด้วยน่ะสิ!

สองสาวนั่งฟังจนจบงานและเดินออกจากสวนลุมพินีเมื่อเวลาประมาณสองทุ่มกว่าๆ สาวเซอร์ก็ทำให้อีกฝ่ายส่งเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้งเมื่อกระเพาะของเธอส่งเสียงร้องออกมาดังมาก

“หิวเหรอคะ”

“ร้องดังขนาดนี้ไม่หิวก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว... ยังไม่ได้กินข้าวกลางวันด้วยเจ้าพวกนี้ก็เลยงอแงหนัก” กี้ตอบพลางลูบพุงตัวเองไปด้วย

“กินอะไรดีน้า... คุณล่ะ หิวยัง” สาวเซอร์หันไปถามคนข้างๆ “โอ๊ะๆๆ ลืมๆ ขอบคุณนะ” เธอยื่นมือไปขอกระเป๋าคืนจากอีกฝ่าย

“ก็นิดหน่อย” แต่หลังจากที่อ้าปากตอบเสียงท้องของดาราหน้าหวานก็ร้องดังลั่นทำเอาอีกฝ่ายหัวเราะร่วน ส่วนคนที่ท้องร้องนั้นก็ก้มหน้างุดด้วยความอาย

“อื้อ... เห็นเพื่อนแนะนำร้านเด็ดแถวนี้ ไปกันเถอะ” ว่าแล้วกี้ก็ดึงมือดาราสาวเดินออกไปตามถนนเลียบทางไปถนนสีลม เลี้ยวซ้ายแล้วก็มาหยุดยืนอยู่หน้าร้านอาหารอีสานที่ตั้งอยู่ริมทางร้านหนึ่งที่มีพนักงานใส่เสื้อสีเขียวยืนรอต้อนรับอยู่

“ร้านนี้แหละๆ” สาวเซอร์พูดแล้วก็เดินไปหาที่นั่งพร้อมกับลากวีนัสที่ยังคงทำหน้างงๆ อยู่ลงไปนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเธอ

“เฮ้ย! ลืมไปเลย... คุณกินไอ้พวกนี้ได้มั้ย” กี้ที่กำลังจะสั่งอาหารก็เงยหน้าถามอีกฝ่ายราวกับเพิ่งนึกขึ้นมาได้

“ก็กินได้ แต่ไม่เอาที่เผ็ดมากนะคะ ฉันท้องไม่ค่อยดี”

ดาราหน้าหวานรู้สึกตื่นตากับจิ้มจุ่มมื้อแรกของเธอเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าเธอจะเคยกินอาหารอีสานแต่ก็ไม่ใช่แบบนี้ เธอลองกินอาหารเกือบทุกอย่างราวกับเด็กได้ของเล่นใหม่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มกว้างๆ ที่ทำให้คนนั่งฝั่งตรงข้ามอดที่จะยิ้มตามไปด้วยไม่ได้

“เป็นไง อร่อยมั้ย” สาวเซอร์ถาม

“ก็... กินแบบหม้อดินเผา นั่งข้างทางก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบนึง” วีนัสตอบ

“ตอบไม่ตรงคำถามเลยนะคุณเนี่ย... เคยกินแบบนี้ครั้งแรกเหรอ”

“อื้อ... ครั้งแรก อร่อยดี”

กี้ขมวดคิ้ว “อย่างคุณไม่น่าจะเคยได้กินของอะไรแบบนี้ครั้งแรกนี่นา ฉันว่าพวกกองถ่ายก็ต้องพาออกไปกินบ้างแหละ”

ดาราสาวส่ายหน้า “อยู่กองถ่ายก็กินแต่ข้าวกล่อง... พอเลิกกองก็แยกย้ายกันห้องใครห้องมัน กลับบ้านใครบ้านมัน จะมีเลี้ยงอีกทีก็ตอนปิดกล้อง แต่ก็เลี้ยงกันในร้านอาหาร แบบนี้ฉันไม่เคยกินจริงๆ ครั้งนี้นี่แหละครั้งแรก”

“เหรอ...”

เมื่อท้องอิ่มสองสาวก็รีบเดินกลับไปที่สถานีรถไฟใต้ดิน เนื่องจากวีนัสจอดรถทิ้งเอาไว้ที่นั่นและห้างฯ ก็ใกล้จะปิดแล้ว สาวเซอร์เดินไปส่งอีกฝ่ายที่ลานจอดรถแล้วก็ขอตัวกลับ

“จะให้ไปส่งมั้ยคะ” ดาราหน้าหวานถาม

“ไม่เป็นไร ฉันกลับเองได้ ฉันว่าคุณรีบกลับเถอะ”

“ทำไมอ่ะ” วีนัสเลิกคิ้วด้วยความสงสัย

“คุณบอกว่าคุณเพิ่งจะเคยกินอาหารอะไรพวกนี้ครั้งแรก แถมยังบอกอีกว่าท้องคุณไม่ค่อยดี ฉันก็กลัวว่าคุณจะท้องเสีย รีบๆ กลับก็แล้วกัน ชิ่วๆ” กี้โบกมือไล่อีกฝ่าย

“เอ่อ... ค่ะ”

“ไปล่ะ” สาวเซอร์โบกมือแล้วเดินจากไป

วีนัสนั่งอมยิ้มตลอดทางจนเธอลืมไปเลยว่าตั้งแต่เช้าของวันนี้เธออารมณ์เสียเพราะเสียความรู้สึกกับใครคนหนึ่งที่อยู่ห่างไกล แต่อารมณ์ขุ่นมัวของเธอกลับถูกลบไปได้เพราะความกวนของต้นแบบตัวละครที่เธอสวมบทบาทนั่นเอง



 :62: :62: :62:

 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.