Chapter 3 : ปล่อยวาง“อะไรนะ.. ไหนพูดใหม่ซิ..มิเชล” เสียงร้องถามอย่างตกใจดังออกมาจากร่างสูงที่หันมาคว้าตัวหญิงสาวในชุดกาวน์ซึ่งนั่งบนเก้าอี้ประจำหน้าที่ของเขาให้หันหน้ามาหากัน มือเรียวทั้งสองข้างเผลอลงแรงบีบต้นแขนของฝ่ายนั้น พร้อมการจ้องตาอย่างคาดคั้นเข้าไปในดวงตาสีเขียวน้ำทะเลที่กลมโตผ่านเลนส์ใสของแว่นอีกฝ่ายสวมใส่ เหงื่อเม็ดโตผุดพราวเต็มใบหน้าขาวราวหิมะของผู้ที่ถือวิสาสะและสถานะที่สูงกว่าบีบบังคับหาคำตอบจากหญิงสาว สร้างความหวั่นกลัวให้เจ้าหล่อนโดยไม่รู้ตัว
“สะ..สัญญาณ.. ดะ.. ดาวเทียมที่เชื่อมโยงตำแหน่งของสการ์เลตหายไปค่ะ ท่าน.. ท่านผู้การ..”
ดวงตาสีฟ้าครามเบิกกว้างค้างอย่างตกตะลึงในนาทีที่ได้ฟังคำตอบอย่างชัดเจน แม้มันจะเป็นเสียงที่ออกมาอย่างตะกุกตะกักและสั่นเครือก็ตามที แววตาจากดวงตาคู่สวยของเธอเองดูว่างเปล่า คล้ายจิตใจล่องลอยไปไกล ไล่เลี่ยกับที่ละมือทั้งสองข้างออกจากตัวคนใกล้ๆ เหมือนคนไร้เรี่ยวแรง ร่างสูงแทบจะทรุดลงทั้งยืน ถ้าไม่ได้ฝืนพาตัวเองไปยืนพิงผนังห้องนั้น เพราะมันคงไม่ใช่เรื่องที่ดีนักหากพฤติกรรมของเธอดูเหมือนคนอ่อนแอ ยิ่งถ้ามันถูกแสดงออกมาต่อหน้าผู้ใต้บังคับบัญชามากมายภายในห้อง แม้หัวใจจะคล้ายถูกเข็มนับหมื่นนับพันเล่มทิ่มแทงให้เจ็บก็ตาม เจ้าของร่างสูงผมสีบลอนด์พยายามสะกดอารมณ์ความรู้สึกของตนให้อยู่ภายใต้หน้ากากเย็นชาเฉกเช่นเดิม
“เพราะระเบิดนั่น.. ใช่มั้ย..” คำถามฟังดูแผ่วเบาจนคล้ายเป็นเพียงคำพึมพำ แต่ก็ทำให้คนฟังในชุดกาวน์สีขาวที่พยายามรวบรวมความกล้าเดินเข้ามาหาร่างสูง พยักหน้าน้อยๆเป็นคำตอบให้ และนั่นก็ทำให้รู้สึกได้เลยว่าขอบตาของตัวเองเกิดอาการร้อนผ่าวขึ้นมา คนผมยาวสีบลอนด์ทองรีบหันหลังให้อีกฝ่ายในทันที เพื่อหวังปิดบังอาการไม่สู้ดีที่เกิดขึ้นกับตน เวลาเดียวกันที่หันหลังให้คนมากมายในห้องที่เรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางของกองบัญชาการของเมือง
“ท่านคะ..”
เสียงที่บ่งบอกถึงความห่วงใยแฝงเข้ามาในการเรียกขานตำแหน่งแทนชื่อของเธอ ช่วยดึงความพร่าเบลอของดวงตาสีฟ้าครามให้กลับมาเป็นปกติ พร้อมสติที่กระจัดกระจาย เสียงถอนหายใจอย่างเป็นทุกข์ดังไล่หลังมา ก่อนคนตัวสูงในชุดสูทสีดำเข้มจะพาตัวเองออกจากห้องไป ภายหลังสิ้นเสียงคำสั่งสุดท้ายที่ตั้งใจให้คนด้านหลังทำตาม
“มิเชลจัดคนให้ฉันที.. ฉันจะไปดูที่เกิดเหตุด้วยตัวเอง..”
--The Red Project—
“อา...บ้าจริง.. ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย” เสียงบ่นพึมพำเล็ดลอดไรฟันออกมาจากริมฝีปากสวยแต่แห้งผาดของหญิงสาวผู้ที่ไม่มีสิ่งใดปกปิดร่างกายมากไปกว่าเสื้อโค้ทขนาดความยาวเหนือหัวเข่าสีขาวซึ่งคว้ามาได้ระหว่างทางการเดินออกมาจากห้องใดสักห้องที่ตัวเองไม่รู้จัก
เธอพบตัวเองอยู่ในท่านอนหมอบราบกับพื้นและค่อยๆยืนขึ้นอย่างงงๆ คงจะเป็นเพราะระเบิดนั่นแน่ๆ ที่พาให้สัญชาตญาณในการเอาตัวรอดของเธอตื่นขึ้น ดึงออกจากอันตราย กระนั้น เธอยังแน่ใจว่า ตอนที่ระเบิดทำงาน มีบางสิ่งบางอย่างแตกกระจายมากระทบตัวเธอเหมือนกัน แล้วทำไมมันไม่มีแผลเลยสักนิด เรือนกายสวยงามที่มีความขาวบริสุทธิ์ราวเด็กแรกเกิดของเธอเองรอดปลอดภัยจากการถูกสะเก็ดระเบิด มันเหลือเชื่อ...
“โอ้..นี่มันอะไรกัน..” หญิงสาวยังคงบ่นความมึนงง เจ้าของร่างกายที่ขาวราวหิมะต้นฤดูหนาวออกเดินด้วยเท้าเปล่า ผ่านกองเศษหินและวัตถุที่กระจัดกระจายไม่มีชิ้นดี ภายหลังกลุ่มควันค่อยๆจางหายไป ดวงตาสีฟ้าอมเขียวกระพริบถี่ๆเพื่อให้เวลาสายตาตัวเองสามารถรับได้กับแสงจ้าที่เข้ามากระทบดวงตาของตน และในที่สุดเธอก็มองเห็นจุดที่ตัวเองยืนอยู่...ใช่..ท่ามกลางกองซากปรักหักพัง
ร่างสูงในเสื้อโค้ทหันมองรอบๆตัวเอง ดวงตาคู่คมฉายแววความสงสัย คิ้วเรียวสีทองแดงขมวดเข้าหากันอย่างคนคิดหนัก เพราะกำลังหาคำตอบว่า เหตุใดเธอจึงมายืนอยู่ที่นี่ และแล้วไม่นานแววตาจากดวงตาคู่สวยก็เปลี่ยนไป เพราะภาพเหตุการณ์ที่ระลึกได้
“ใช่ ฉันตื่นขึ้นมาในห้องอะไรสักห้อง ที่ตอนนั้นไม่มีใครอยู่เลย ห้องสีขาว มีเครื่องมืออะไรไม่รู้ เต็มไปหมด ฉันไม่ได้ใส่อะไรสักอย่าง หนาวมาก แต่ก็ยังดีที่ห้องนั้นมีอะไรแบบนี้อยู่ให้ใส่ ไม่งั้นฉันคงไม่กล้าเดินออกมาทั้งที่โป๊แบบนั้น” เสียงนุ่มรำพึงรำพันเล่าเรื่องความทรงจำของตัวเอง หากแต่นึกไปนึกมาดวงตาก็ต้องถูกปิดลง ด้วยอาการเจ็บที่แทรกเข้ามาภายในศีรษะ มือข้างหนึ่งยกขึ้นกุมหัวตัวเองไว้ บีบนวดขมับหวังคลายจากอาการที่เป็น กระนั้นยังอยากจะพูดต่อ
“อา... แล้วฉัน.. แล้วฉันก็เดินออกมา คนหลายคนวิ่งกันให้วุ่นไปหมด ไม่มีใครสนใจฉัน จากนั้น... ฉันก็มาถึงทางออกนั่น” ร่างสูงพูดทั้งก้มหน้า หากแต่ก็ถลึงตากว้างเมื่อบางอย่างแล่นเข้ามาในสมอง
“แล้วก็.. ระเบิด ใช่..ระเบิด เสียงดังมาก แต่ทำไม.. ทำไม..ฉันถึงไม่ตายล่ะ” ความพร่าเบลอของดวงตายังคงอยู่เมื่อเธอเปิดมันขึ้นมาใหม่ด้วยอาการตกใจกับสิ่งที่ระลึกได้ สายตาจากดวงตาสีฟ้าอมเขียวมองเหลียวมองกวาดไปรอบๆ เพื่อดูสถานที่ที่ยืนอยู่อีกครั้งเหมือนอยากจะแน่ใจว่า ตัวเองอยู่ที่ไหน ความเสียหายของสถานที่ยังคงทำให้ตกใจไม่คลาย จนต้องก้มมองตัวเอง เป็นไปได้อย่างไรที่เธอไม่ได้เป็นอะไรเลย มือเรียวสวยทั้งสองข้างค่อยๆลูบคลำสำรวจร่างกายของตน พิสูจน์เรื่องสงสัยในใจ
ทำไมฉันไม่เป็นอะไรเลยล่ะ แค่ถลอกนิดเดียว น้อยมาก.. กับแรงระเบิดขนาดนั้น ที่ทำให้ตึกทั้งตึกกับอะไรใต้ดินที่ฉันเดินผ่านมา พังไปหมดแบบนี้... คนความจำเสื่อมรำพึงรำพันในใจ
หากแต่ในระหว่างที่สมองยังคงวุ่นวายอยู่กับการประมวลภาพเหตุการณ์ที่ผ่านมา และค้นหาคำตอบของความแคลงใจของเธอ ดวงตาคมก็มองเหม่อเรื่อยๆไป และแล้วก็ตกใจใหม่อีกครั้ง เพราะเสียงใครบางคนที่ดังขึ้นมาทำลายความเงียบนี้ลง
“แล้วในที่สุด ฉันก็ไม่เสียเวลาเปล่า กับการอดทนรอให้ถึงตอนนี้ที่จะได้เจอเธอ...บรอนซ์..”
--The Red Project—
“เจอรึยัง.. เจอเธอรึยัง..” คำถามออกมาด้วยความรีบร้อนเหมือนอาการร้อนรนของคนตัวสูงที่คล้ายพุ่งมาด้วยความเร็วยังสถานที่แห่งนั้น ที่ที่เหลือเพียงซากของความเสียหายและหมอกควันจางๆ
ดวงตาสีฟ้าครามละออกจากการจดจ้องหาคำตอบจากคนคนหนึ่งซึ่งอยู่ในทีมเดียวกันกับที่ตัวเองพาออกมาสำรวจสถานที่ เมื่อเห็นฝ่ายนั้นเอาแต่ส่ายหน้าให้ ร่างสูงหันหลังกลับจากอีกฝ่ายอย่างว่องไว และเคลื่อนตัวจากไป เพื่อไปเสาะถามคนอื่นที่ทำหน้าที่แบบเดียวกัน คนแล้วคนเล่าก็ให้คำตอบเหมือนกัน จนหัวใจสั่นหนักขึ้นทุกที ร่างกายเริ่มรู้สึกอ่อนล้ากับการเดินไปมาและร่วมกันรื้อกองเศษของความเสียหายกับทีมงาน รวมเวลาได้หลายชั่วโมง
“ผู้การคะ พักหน่อยเถอะค่ะ ให้คนอื่นทำก็ได้..”
เสียงที่ออกมาเป็นทำนองเอ่ยเตือนแฝงไว้ด้วยความห่วงใยอยู่ข้างในนั้น ซึ่งก็ทำให้ได้แค่เห็นการส่ายไปมาเป็นคำตอบกลับมาให้จากผู้ที่กำลังอยู่ในท่าโน้มตัวของเขาลง และบรรจงยกย้ายก้อนอิฐก้อนหินด้วยมือเปล่า ด้วยความพยายามค้นหาสิ่งที่เขาต้องการ ดวงตาคู่สวยสีเขียวที่มองผ่านเลนส์ใสของแว่นที่ตนสวมใส่มีแววตากังวลใจ เมื่อได้แลเห็นความเปลี่ยนไปจากคนตัวใหญ่กว่า ใบหน้าที่เคยขาวราวหิมะเริ่มมีความแดงระเรื่อขึ้นที่สองแก้ม พร้อมเหงื่อซึ่งผุดพราวออกมา รู้ได้ทันทีเลยว่า มันเพราะความเหน็ดเหนื่อยจากการออกค้นหาคนสำคัญของการทำงาน ไม่ใช่สิ..ไม่ใช่แค่นั้น.. เธอสำคัญกับชีวิตฉันมากนะ..สการ์เลต
“สการ์เลต.. สการ์เลตยังอยู่ใช่มั้ย..มิเชล..”
คำถามจากเขาฟังแล้วน่าใจหาย ยิ่งเมื่อได้เห็นการกระทำที่ตั้งอกตั้งใจจากเขา ร่างสูงผมสีบลอนด์ซึ่งรีบร้อนมาในที่เกิดเหตุแทบจะเร็วกว่าผู้ช่วยเหลือซึ่งนับเป็นมือขวาให้เช่นเธอ หญิงสาวเจ้าของความงามอันสง่างามรวบรวมความกล้าของตัวเอง เพื่อขยับหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับเหงื่อออกจากเจ้าของคำถาม เจ้าของนัยย์ตาสีฟ้าครามที่แววตาดูหม่นเศร้าเหลือใจ
ฉันไม่เคยเห็นคุณเป็นแบบนี้สักครั้งเลยนะ..ผู้การ.. เค้าคงมีความสำคัญมากกว่า.. เป็นแค่ผลงานการทดลองชั้นยอดของคุณ.. สการ์เลต...
ดวงตาสองสีมองสบกัน เมื่อเจ้าของร่างสูงที่ได้รับบริการซับเหงื่อที่ใบหน้าหันกลับมาหาคนร่างเล็กใกล้ตัว หัวใจยังคงไม่คลายความหวาดหวั่นกับผลลัพธ์จากการทำงานในครั้งนี้ แต่ก็รู้สึกดีขึ้น เมื่อสามารถมองเห็นความห่วงใยจากคนที่คล้ายเป็นมากกว่าผู้ใต้บังคับบัญชา
“ถึงทีมค้นหาของเราจะยังไม่เจอตัวเธอ แต่ก็ไม่ใช่ว่า..เราจะหมดความหวังเสียทีเดียวนะคะ เรายังจับสัญญาณชีพของเธอได้ ถึงมันจะค่อนข้างไม่ชัดเจนนัก..”
คำชี้แจงที่เข้าหูมา แม้ว่าจะเหมือนมาช่วยปลอบใจ แต่ก็สามารถทำให้จิตใจดีขึ้น เจ้าของร่างสูงพยักหน้าน้อยๆให้เป็นการรับรู้เรื่องราวที่อีกฝ่ายพยายามบอกมา ริมฝีปากสวยของเธอส่งยิ้มน้อยๆให้กลับไป ก่อนจะหันไปทำตามความตั้งใจของตัวเองต่อ..ค้นหาคนสำคัญ แต่ในระหว่างนั้นที่กลับมาวุ่นวายกับการออกเสาะหาคนที่ต้องการ ความหวังเพียงน้อยนิดก็เกิดขึ้นมาใหม่ในหัวใจของเธอ เพราะเสียงตะโกนซึ่งดังมาจากหนึ่งในทีมงานของตัวเอง
“ผู้การครับ.. เจอแล้วครับ.. เราเจอเธอแล้วครับ..ผู้การ..”
--The Red Project—
“ไม่เจอเหรอ..นาเดีย.."
“ไม่.. ไม่เลยคลอเดีย.. ทั้งสองคนเลยล่ะ”
“โธ่..ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้นะ ทำไม..”
“เฮ้...อย่าเพิ่งร้องไห้.. สองคนนั่นยังอยู่ดี..เชื่อฉัน..”
“เธอเห็นเหรอ.. เห็นพวกเค้าเหรอ..นาเดีย”
“ไม่ใช่.. ฉันแค่ได้ยิน พวกมิสท์เป็นคนเจอ.. เนบิวล่าของผู้การเคอร์เนียร์ พวกเค้าตะโกนบอกกัน และฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องจริง พวกเค้าเจอตัวเอเวอร์แน่นอน”
“งั้นเหรอ.. งั้นก็ดีสินะ แล้วบรอนซ์ล่ะ เค้าอยู่ไหน..”
“เรื่องนั้น ฉันไม่รู้.. แต่คิดว่าเค้าคงไม่เป็นไรหรอก ยัยนั่นอะไรก็ทำอันตรายไม่ได้ เธอก็รู้นี่..”
“อื้ม..ก็จริงนะ เค้าแข็งแกร่งมากนี่ เดี๋ยวเราค่อยออกตามหาเค้าอีกที แต่ว่า..เมื่อกี้เธอว่าอะไรนะ เธอว่าใครเป็นคนเจอเอเวอร์นะนาเดีย”
“พวกมิสท์.. เนบิวล่า.. ผู้การเคอร์เนียร์..”
“อะไรนะ อะไรนะ ใครเจอ..”
“ใช่..เคอร์เนียร์!”
...ขอให้พวกเค้าไม่ทำอะไรเธอนะ..เอเวอร์...
--The Red Project—
“เอาตัวเองบังเด็กคนนั้นไว้เหรอ คิดอะไรอยู่นะ..สการ์เลต” เสียงนุ่มนวลรำพึงออกมาเบาๆคล้ายเป็นประโยคคำถาม ทั้งที่รู้ดีว่าคนในสายตาตัวเองตอนนี้ไม่สามารถเอ่ยตอบมันได้ก็ตาม
ดวงตาสีฟ้าครามมองร่างของหญิงสาวที่ไม่มีสิ่งใดปกคลุมนอกจากผ้าห่มสีขาวผืนเดียว ร่างนั้นซึ่งมีสายท่ออะไรต่างๆมากมายเชื่อมต่ออยู่กับตัวของเขา กำลังนอนนิ่งเงียบอยู่บนเตียงสีเดียวกันกับผ้าและห้อง เสียงอุปกรณ์และเครื่องมือดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้รู้ว่าเจ้าของร่างซึ่งนอนนิ่งไม่ไหวติงตรงนี้ ยังมีอาการที่ดีเพียงพอ ภายหลังการซ่อมแซม
...ใช่แล้ว..ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เพราะเจ้าหล่อนเป็นมนุษย์ทดลอง..
“โชคดีของเธอนะ..แม่นางฟ้าตัวน้อย ที่เทพธิดาของฉันช่วยเธอไว้” เสียงเดิมเปรยคำบางคำออกมาอย่างเรียบเฉยเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลยกับเรื่องที่พูด หากแต่สายตาที่มองดูใบหน้าของคนบนเตียง มันเต็มไปด้วยความห่วงใย
บลูอายส์เลี่ยงที่จะนั่งลงกับเก้าอี้ข้างเตียงนั้น เพื่อจะมายืนใกล้ๆแทน ดวงตาสีฟ้าครามมองร่างนั้นบนเตียงราวกับกำลังแสกนหาสิ่งผิดปกติที่อาจจะมี แต่ไม่นานก็ส่งเสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมา ด้วยรู้แล้วว่า ทุกอย่างยังคงไปได้ดีตามทางของมัน
“ช่างเถอะ..เอเวอร์ลีน ไม่เป็นอะไรมากกว่านี้ก็ดีแล้วนะ” เธอเอ่ยขึ้นแผ่วเบาด้วยเสียงที่ไม่ดังกว่าเสียงกระซิบ ขณะที่โน้มตัวของตัวเองลงเล็กน้อย เพื่อหวังมองใบหน้าสวยหวานของคนบนเตียงให้ถนัดขึ้น
มือเรียวสวยข้างหนึ่งยกขึ้นลูบเบาๆที่หน้าผากซึ่งปกคลุมด้วยปอยเส้นผมสีเข้มอย่างทะนุถนอม และประทับจุมพิตลงเบาๆตรงจุดนั้น ดวงตาคมสีฟ้าครามปิดลงอย่างผ่อนคลาย บลูอายส์ปล่อยให้การเคลื่อนไหวของเธอนิ่งค้างอยู่อย่างนั้น คล้ายกำลังต้องการให้ความรู้สึกจากใจส่งถึงคนที่ยังไม่ได้สติกลับคืน แต่ก็ทำไม่ได้นานเท่าที่ใจต้องการจะทำ สัญญาณบางอย่างจากเครื่องมือสื่อสารขนาดเล็กตรงกกหูก็ดังขึ้น ขัดจังหวะ
“ว่าไง..มิเชล.. มีอะไรว่ามา..” น้ำเสียงที่ใช้ออกมาเป็นคำถามให้คนที่อยู่ปลายสาย ฟังดูต่างจากเมื่อครู่อย่างเห็นได้ชัด มันเย็นชาเหมือนสีหน้าที่เปลี่ยนไป บลูอายส์ขยับตัวออกจากผู้ที่อยู่บนเตียงและเลี่ยงเดินให้ห่างไปจนใกล้ทางออกของประตู แววตาจากของเธอแสดงออกมาถึงความเหนื่อยหน่ายเต็มทีระหว่างที่เอ่ยพูดจากับเครื่องมือสื่อสาร แม้ที่ปลายสายจะเป็นหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าเป็น “มือขวา” ของเธอเอง
“อื้ม...เธอรู้ดีนี่ว่าควรทำยังไง.. ทำตามที่เธอเห็นว่าดีล่ะกันนะ ฉันไว้ใจเธอ ส่วนเรื่องบรอนซ์ ปล่อยไปก่อน เพราะฉันจะรอให้สการ์เลตฟื้น และไปตามหาเค้าเอง.. เข้าใจนะ”
วาเลนไทน์.. จะไปไหนได้ไกลสักแค่ไหนกันล่ะ สักวันฉันก็ต้องหาเขาจนเจอจนได้ หรือไม่..เขาก็จะกลับมาหาเราเอง..
.............................
รีไรท์ค่ะ