web stats

ข่าว

 


รักสุดช๊อค!!...ผีหรือคน ตอนที่ 10

โพสต์โดย: อินท์สีเลือด วันที่: 22 มีนาคม 2017 เวลา 14:24:43 อ่าน: 203


ช่วงเย็นสร้อยทิพย์ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งที่เรือนครัวหล่อนมาทำอาอาหารเตรียมไว้ให้กับจรัญธาราที่ตอนนี้คงเดินเล่นเรื่อยเปื่อยอยู่ในบริเวณสวนฝั่งที่ติดกับบ้านสีขาวหลังน้อยนั่น 
กับข้าวสองสามอย่างที่บรรจงทำให้แต่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะชอบหรือกินได้ไหม  พลรบชอบกินข้าวต้มเครื่องตอนเช้าๆแต่พอกลับมาเกิดใหม่อาหารโปรดกลายเป็นสิ่งที่ไม่ถูกปากไปเสียแล้วไม่แน่ว่าเรื่องที่คาดหวังจะสำเร็จตามเวลา 

ความรักกับความหวังมันดูริบหรี่ด้วยข้อจำกัด  ผีสาวมองกับข้าวที่เตรียมพร้อมรอแค่คนมากินเท่านั้นและมื้อนี้หล่อนคงไม่อยู่ร่วมกินกับจรัญธารา  เรื่องที่คาใจคือเรื่องที่บั่นทอนตนเองจรัญธาราเสียใจกับรักครั้งแรกแต่กับใครที่อยู่ในบ้านหลังนั้น  ผู้หญิงคนนั้นกำลังคิดอะไรทำไมดวงจิตหล่อนจะรับรู้ไม่ได้และหากจรัญธารารับความคิดบนความรู้สึกนั้นเรื่องของหล่อนคงจบลง  คงได้จากกันด้วยความทรมานของหล่อนแค่เพียงฝ่ายเดียว


" คุณทิพย์ก็ผู้หญิงต่างก็แค่ไม่ใช่คน โอกาสดีกว่าเพราะต้องอยู่ร่วมชายคาเดียวกันทำไมไม่ทำให้มันง่ายหล่ะคะ  มองคุณฟลุ๊ค ณ ปัจจุบันสิคะคุณทิพย์  ผู้หญิงไม่ชอบให้ขุดอดีตหรอกนะคะ " เสียงใสกังวานแนะนำให้ผีสาวยิ้มกว้างเมื่อได้เจอร่างทิพย์ของเจ้าที่ที่ปกปักรักษาอาณาเขตแห่งนี้


" ลงมาจากด้านบนแต่เมื่อไหร่คะ ท่านภูมิษาเทพ "  ผีสาวยกมือไหว้นอบน้อมร่างเรืองรองผ่องแสงสีขาวนวลไปทั้งร่างให้เทพรักษาอาณาเขตแห่งนี้ยกมือรับการนอบน้อมนั้นจากร่างทิพย์ที่ไม่ธรรมดาแม้แต่เทพอย่างเธอยังต้องเกรงใจ


" จริงๆยังไม่ครบเวลาที่จะได้ลงมาหรอกค่ะ  พอดีท่านผู้ทรงฤทธิ์ให้มารอรับข่าวจากอเวจารีเทพที่นี่ " ภูมิษาเทพบอกถึงหน้าที่สำคัญที่ได้รับคำสั่งให้ลงมาจากการบำเพ็ญศีลบนพรตสวรรค์ก่อนกำหนด


" เรื่องไม่ดีหรืออย่างไรคะ" ผีสาวรีบถามเมื่อได้ยินชื่อของเทพจากขุมอเวจีย่อมไม่ใช่ข่าวดี


" ก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่มีเพียงอเวจารีเทพเท่านั้นที่เป็นผู้ถือข่าวและกำลังมาอย่างระวังตัว  ท้าวองค์เวศเจ้าท่านเป็นผู้สั่งการทางนั้นมาเช่นกัน " 


" ทิพย์จะร่วมรู้ได้หรือไม่คะ " หล่อนถามอย่างใคร่รู้เรื่องสำคัญระหว่างแดนนรกและถิ่นสวรรค์


" เห็นจะไม่ได้นะคะคุณทิพย์ " แม้อีกฝ่ายจะมีอำนาจพิเศษเต็มในฐานแห่งเจ้าเรือนก็ตามที  " แต่หากว่ามันเกี่ยวข้องกระทบกันอาจจะได้รู้ "


" แล้วท่านอเวจารีจะมาถึงตอนไหนคะ " สร้อยทิพย์ถามถึงเทพจากดินแดนกักขังวิญญาณบาป


" น่าจะหลังเที่ยงคืน"


" หลังเที่ยงคืน นี่ยังไม่ทันจะหกโมงเย็นนะคะแล้วทำไม......." สร้อยทิพย์แปลกใจที่เทพบนแดนสรวงใยมารอล่วงหน้านานเพียงนี้


" ไม่มีอะไรหรอก  ก็แค่อยากมาคุยกับคุณทิพย์ไม่ได้คุยนานแล้วตั้งแต่เราขึ้นไปข้างบนนั่น "


"นานที่ไหนกันคะ ท่านภูมิษาเทพเพิ่งไปไม่ทันจะพ้นหนึ่งเดือนมนุษย์เลย " 


" เออเนอะ  เราลืมไปก็เวลาบนนั้นยาวนานกว่าแดนมนุษย์  อย่างว่าแหล่ะเราคงชินกับมนุษย์มากกว่าเหล่าเทพเมืองสวรรค์ " เทพสาวผู้มีตำแหน่งปกปักรักษาอาณาเขตให้กับบ้านเรือนของมนุษย์กล่าวออกมาให้ผีสาวหัวเราะเบาๆกับเทพอารมณ์ดี


" กับข้าวหน้าตาน่ากินจังเห็นแล้วคิดถึงตอนที่คุณทิพย์ยังเป็นมนุษย์  ช่วงนั้นเรานี่อิ่มท้องทุกวันขนาดอิ่มทิพย์ยังไม่วายจะชิมนั่นนิดนี่หน่อยสุดท้ายหมดทุกจานที่คุณสร้อยเอาขึ้นถวายไหว้เราทุกเช้าเลยนั่น "


" ขนาดกินทุกวันแต่ไม่ยักอ้วนนะคะเทพท่าน " ผีสาวสัพยอกเทพสาวให้ยิ้มขัน


" แหม เราเป็นเทพรักษ์จะมาปล่อยให้ร่างไม่งามก็เสียชื่อเทพสวรรค์นางฟ้ากันสิคะคุณทิพย์  แล้วนี่พ่อพลรบรูปสวยไปไหนเสียหล่ะ "


" ระดับท่านยังจะต้องถามหาหรือคะ เพียงแค่นึกก็รู้แล้ว "


" ก็เห็นผีแถวนี้ทำเมินเราก็เลยลองเชิงดู  เวลามีน้อยนะคุณทิพย์อย่าปล่อยให้มันเสียไปเปล่าเลยไม่ใช่ใครจะได้สิทธิ์พิเศษนี้จากเทวทูตแห่งผู้นำแสงชีวิตของมนุษย์ได้  คุณทิพย์จะมากังขากับภพก่อนและภพนี้ของเขาทำไมกัน " เทพภูมิรักษาเอ่ยต่อวิญญาณผีสาวผู้มีกายทิพย์เหนือวิญญาณทั่วไปให้สร้อยทิพย์ได้คิดตาม 


" ท่านกล่าวเช่นนี้แสดงว่าเขาจะไม่มีวันรู้สึกเช่นนั้นกับทิพย์ใช่หรือเปล่าคะ  เทพผู้ล้างความทรงจำคงไม่ทิ้งความเป็นพลรบมากับเขาขนาดเพศบุรุษยังเปลี่ยนให้กลายเป็นหญิงไปเสีย ทิพย์คงไม่มีวันทำอะไรได้หรอกค่ะ "


" ทุกอย่างอยู่ที่คุณทิพย์ค่ะ  อย่างไรเสียเขาก็ไม่ได้ครองคู่กับบุรุษคนใดแน่ๆในชาตินี้เวลาที่เดินทางมันอาจเปลี่ยนแปลงหลายอย่างแต่ไม่ได้เปลี่ยนไปทั้งหมด  สายเชือกวิเศษแห่งเทวทูตจะนำทุกอย่างให้คุณทิพย์หากคุณทิพย์จะละทิ้งและแปลงสัญญานั่นใหม่ซะ "


" ข้อจำกัดระหว่างภพมันทำให้ทิพย์ไม่กล้าจะทำอย่างที่ท่านแนะนำหรอกค่ะ "


" แล้วถ้าเขายอมหล่ะ คุณทิพย์จะทำเช่นไรจะเลือกอย่างไหนเหรอระหว่างจากกันไปเมื่อถึงกำหนดผูกไว้แค่สายใยของชะตาเนื้อคู่ที่ไม่รู้อีกนานกี่ร้อยโกฏิปีถึงจะเวียนมาเจอะเจอ  กับได้ครองคู่กัน ได้หัวใจที่สัมผัสถึงกันทั้งสองฝ่ายแม้จะต้องจากไปตามเวลา " ทางเลือกที่เทพสวรรค์ถามมาอาจฟังว่ามีค่าไม่แตกต่างกันแต่สร้อยทิพย์รู้ว่ามันผิดแผกแยกต่างกันตรงไหนแต่หล่อนก็ตอบไม่ได้ทำได้แค่นิ่งเงียบให้ผู้เป็นเทพได้แต่ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามทางของมัน





จรัญธารามองกับข้าวที่ถูกจัดวางครอบไว้ใต้ฝาชีที่ปิดกันแมลงตอมไต่บนโต๊ะในเรือนครัว  เธอลองแตะที่จานกับข้าวดูก็ยังคงมีความอุ่นกรุ่นไอร้อนอยู่แสดงว่าพี่ทิพย์เพิ่งทำเสร็จได้ไม่นาน 
เพราะเธอมัวแต่คุยโทรศัพท์กับเพื่อนรักนัดแนะอีกคนให้มาหาพร้อมกับพ่อและแม่ของตนเองหลังจากที่อีกฝ่ายไม่ได้ห้ามจนลืมไปว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่รู้ตัวอีกทีขอบฟ้าก็เริ่มโรยแรงแสงจ้าเมื่อวางสายจากทั้งเพื่อนและแม่ของตัวเอง  หญิงสาวปิดครอบฝาชีตามเดิมและเดินขึ้นเรือนสายตากวาดหาร่างของผีสาวที่คาดว่าจะได้เจอ  เรือนทั้งเรือนเหมือนเธออยู่คนเดียว


" พี่ทิพย์คะ  อยู่แถวนี้รึเปล่า " คำถามเดิมๆที่ร้องเรียกอยู่หลายหนหากแต่สนิทเงียบไม่ได้ยินเสียงตอบไร้เงาเลือนลางสุดท้ายจรัญธาราเลยเดินเข้าห้องนอนจัดการอาบน้ำเสียก่อนที่จะค่ำมืด  เพราะอยู่ท่ามกลางความร่มรื่นอากาศรอบข้างหลังตะวันลาขอบฟ้าน้ำมักจะเย็นจรัญธาราไม่ชอบอาบน้ำที่เย็นถึงเย็นจัด  เธอเป็นคนหนาวง่ายจึงเลี่ยงอาบน้ำก่อนค่ำอากาศที่นี่ไม่เหมือนกรุงเทพที่ความหนาวเย็นไปเยือนน้อยเต็มที


มือเรียวปักก้านธูปลงกระถางกลางตรงเวลาที่สามทุ่มสี่สิบเก้านาทีเป๊ะตามที่ยายกรองทองกำชับไว้หลังการจุดไหว้พระและอีกแปดกระถางเรียบร้อยหลังจากที่อาบน้ำเสร็จจรัญธารายังไม่ยอมลงจากเรือนเพื่อไปหาข้าวกินหญิงสาวรอที่จะกินพร้อมผีพี่ทิพย์แต่ไม่รู้ผีสาวหนีหายหลบไปอยู่ซะที่ไหน  จรัญธารายังนึกไม่ออกว่าอะไรที่ผีสาวยังค้างคาและเธอจะช่วยได้ยังไงแบบไหนแต่การที่เธอบอกว่าจะดูแลผีสร้อยทิพย์เอาเข้าจริงๆเหมือนผีสาวจะเป็นฝ่ายดูแลเธอเสียมากกว่า  เมื่อเย็นเธอคิดจะเดินข้ามไปดูที่บ้านศศิชาเสียหน่อยแต่พอคิดถึงประโยคที่สร้อยทิพย์พูดถึงทางนั้นเธอก็เลือกที่จะกลับขึ้นเรือนอย่างน้อยหากจะไปหาศศิชาเธอก็ควรจะบอกอีกฝ่ายเสียก่อน  การผูกข้อไม้ข้อมือในข้อตกลงของคำว่าคู่ชีวิตจะต่างอะไรกับการผูกแขนแต่งงาน กันแค่ไม่มีพิธี  ไม่มีการรดน้ำสังข์  ต่อให้อีกฝั่งไม่ใช่คนแต่คนอย่างเธอก็ควรให้เกียรติกันไม่ใช่หรือไง 



กลิ่นธูปที่จุดขึ้นสะกิดวิญญาณที่มัวแต่ไปยังจุดต่างๆของอาณาเขตที่กว้างขวางเพราะเทพภูมิรักษาเอ่ยชวนไปดูอาณาเขตและผู้คนรวมทั้งสรรพสัตว์ที่อาศัยอยู่โดยรอบ  ทั้งผีและเทพเลยเพลินจนไม่ได้จับจิตถึงคนที่อยู่เพียงลำพังกระทั่งได้กลิ่นธูปหอมมาสะกิด


" ถือว่าเขาใช้ได้เลยนะ  ทำตามเวลาได้ไม่บกพร่อง " เทพสาวเอ่ยเบาๆกับสร้อยทิพย์ที่กำลังยิ้มรับกลิ่นที่เหมือนจะเพิ่มแรงแห่งกายละเอียดให้ร่างเรืองรองแสงอ่อนเหลืองนวลล้อมรอบร่างกาย


" ค่ะ  กรองทองมักพูดชมเสมอในเรื่องนี้  เขาเป็นคนละเอียดแม้จะติดหลงๆลืมๆไปบ้างแต่หากเรื่องใดสำคัญก็ไม่เคยละเลย "


" คุณทิพย์ขึ้นเรือนเถอะ เราจะแวะไปคุยกับเทพเทพาเสียหน่อยเดี๋ยวพอเรารับข่าวจากอเวจารีเทพแล้วเราจะแวะไปลาที่เรือน "  เทพสาวสวรรค์เอ่ยบอกเพราะมองด้วยทิพย์จักษุของตนเองเห็นจรัญธารานั่งพิงเสาเรือนหลับรออีกฝ่ายอยู่


" ทิพย์จะรอที่เรือนนะคะ " ผีสาวบอกก่อนจะค่อยๆเลือนหายกายตัวเองไปจากจุดที่ออกมาตรวจตราเยี่ยมเยือนกันเหลือเพียงเทพสาวที่มองไกลเห็นอะไรบางอย่างด้วยญาณบารมีแล้วก็ได้แต่เอาจิตภาวนาช่วยวิญญาณสาวที่น่าสงสาร ( ...ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์....แต่ถ้าทนทุกข์ได้สุขก็จะเกิด.......)





สร้อยทิพย์ปรากฏตัวตรงหน้าคนที่นั่งหลับคอพับคออ่อนพิงเสาต้นใหญ่กลางเรือนไม่ห่างจากจุดที่ตั้งร่างหยาบของหล่อน  ใจแรกอยากใช้แรงที่เหนือธรรมชาตินำร่างตรงหน้าไปหลับยังเตียงนอนหากแต่สมองของคนหลับไม่ได้หลับตามเสียงแห่งความคิดจึงลอดมาให้หล่อนรู้


" ไปไหนนะพี่ทิพย์  ฟลุ๊ครอกินข้าว " เสียงจากห้วงความคิดแม้จะหลับไปแล้วทำเอาผีสาวทั้งปลื้มใจและรู้สึกผิดที่ปล่อยให้คนหิ้วท้องรอผีอย่างหล่อนมากินข้าวด้วยจนได้นั่งหลับรอกันแบบนี้


" ฟลุ๊ค  ฟลุ๊คคะ  ตื่นค่ะ "  กลิ่นมวลดอกไม้หอมสดชื่นกับเสียงเรียกอ่อนนุ่มให้จรัญธาราที่ไม่รู้เผลอหลับไปตอนไหนลืมตามองภาพที่เบลอเลือนก่อนจะปรับสายตาและขยับไหวร่างกายตนเองโดยเฉพาะต้นคอที่รู้สึกปวดหน่อยๆ


" ไปไหนมาคะพี่ทิพย์  ฟลุ๊คเรียกหาตั้งนาน "


" ข้าวปลาพี่ทำไว้ให้ทำไมไม่กินคะ "  สร้อยทิพย์ไม่ตอบคำถามหญิงสาวหากแต่ท้วงถามอีกฝ่ายกับเรื่องปากท้องแทน


" ก็ฟลุ๊ครอพี่ทิพย์ "  คำตอบที่เบาบางจากคนเพิ่งตื่นยิ่งทำให้ผีสาวอยากกอดร่างตรงหน้าเพื่อขอบคุณที่ยอมทำอะไรเพื่อหล่อนอย่างนี้


" ฟลุ๊ค  พี่อิ่มทิพย์ได้ฟลุ๊คลืมหรือคะ "


" ไม่ลืมค่ะ กับข้าวตั้งเยอะฟลุ๊คกินคนเดียวคงกร่อย  อีกอย่างฟลุ๊คอยากกินพร้อมพี่ "


" งั้นฟลุ๊ครอบนนี้นะ เดี๋ยวพี่ไปอุ่นร้อนให้และจะเอาขึ้นมานั่งกินบนเรือนด้วยกัน " 


" เดี๋ยวฟลุ๊คไปช่วยยกค่ะ  อย่าให้ฟลุ๊คเอาเปรียบพี่สิคะ " จรัญธาราไม่ยอมให้ผีสาวเหนื่อยหาให้เธอฝ่ายเดียว  สร้อยทิพย์พยักหน้าและลงเรือนไปพร้อมกับจรัญธาราเป็นครั้งแรกที่หล่อนไม่ได้หายตัวแต่กลับเดินลงเรือนไปพร้อมกับหญิงสาว




" เอิ๊กกกก....." เสียงเรอดังเมื่อกินอิ่ม สงสัยได้อ้วนเป็นหมูตัวน้อยๆแน่หากเจริญอาหารทุกมื้อขนาดนี้ 


" กินแบบนี้ระวังกระเพาะจะครากเอานะคะ "  กิริยาธรรมชาติของจรัญธาราเป็นสิ่งที่ไม่ได้ขัดตาขัดหูแต่ดูใสสะอาดสำหรับสร้อยทิพย์แต่ก็ยังอดปรามออกมาไม่ได้เพราะอีกฝ่ายซัดข้าวไปสามจานใหญ่ๆน่ากลัวพุงจะแตก


" พี่ทิพย์ทำกับข้าวอร่อยนี่คะ  รู้ได้ไงคะว่าฟลุ๊คชอบกินอะไร " จรัญธาราถามออกไปเพราะทั้งแกงเขียวหวาน  ยำถั่วพูและแกงจืดหมูสับนั่นอีกกับข้าวพวกนี้เธอชอบนักสามารถกินได้ไม่เบื่อ


" ไม่รู้หรอกค่ะตอนทำยังกลัวว่าจะไม่ถูกปากด้วยซ้ำ "


" ค่ะ  ไม่ถูกปากแต่เข้าปากไหลลงท้องเลยหล่ะค่ะ  นี่นะถ้าทำขายที่กรุงเทพรสชาติแบบนี้ลูกค้าตรึม "


" แต่ถ้าคนซื้อรู้ว่าคนขายไม่ใช่คนคงวิ่งป่าราบมากกว่ามั้งฟลุ๊ค "


" ก็จะไปประกาศบอกเขาทำไมหล่ะพี่ทิพย์  ฮ่า...ฮ่า..." เสียงหัวเราะไม่ดังนักจากคนที่อิ่มเปล้เอาหลังพิงเสาเพราะรออาหารย่อยทำเอาผีสาวได้พลอยหัวเราะตาม  ไม่นานทั้งสองก็พากันช่วยเก็บจานอาหารไปเก็บล้างก่อนจะขึ้นเรือนมานั่งเล่นริมระเบียงชานเรือนมองแสงจันทร์เคล้าเสียงแมลงยามดึกที่พากันส่งเสียงร้องราวดนตรีที่ฟังไม่รู้เรื่อง   หน้าตักของสร้อยทิพย์จึงกลายเป็นหมอนหนุนหัวให้อย่างไม่ตั้งตัวเมื่อจรัญธาราทอดตัวนอนตามความยาวของเนื้อไม้ที่ต่อเติมเสริมยื่นต่อจากแนวซี่รั้วฉลุของระเบียงชานเรือนให้เป็นที่นั่งเล่นโดยไม่ต้องสรรหาเฟอร์นิเจอร์ใดมาตกแต่งให้สิ้นเปลือง 


" มันผิดข้อห้ามนะฟลุ๊ค " ผีสาวท้วงเสียงอ่อนแต่ไม่กล้าจะเลือนกายหายเกรงอีกคนจะไม่พอใจ


" นิดๆ หน่อยๆเองแค่หนุนตักไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยนี่คะพี่ทิพย์ " แย้งกลับดวงตาใสจ้องมองใบหน้าสวยๆของวิญญาณสาว


" อย่าบ่อยนะคะ  ไม่ดี "


" ดาวเยอะดีเนอะ อยู่กรุงเทพฟลุ๊คไม่ค่อยได้เห็นเท่าไหร่ " จรัญธาราไม่อยากทำลายความสุขในใจของตนเองเลยเสชวนคุยเลี่ยงสายตามองท้องฟ้าแทน


" ถ้าคืนเดือนมืดจะเห็นชัดกว่านี้เยอะค่ะ  นี่เราเปิดไฟตรงระเบียงแม้จะเยอะแต่ก็ไม่สวยงามเท่าไหร่ " สร้อยทิพย์บอกให้หญิงสาวรีบยกหัวตนเองที่หนุนตักผีสาวขึ้นมา


" ถ้างั้นเราก็ปิดไฟกันเถอะ ฟลุ๊คอยากเห็นท้องฟ้ากลางคืนที่เกลื่อนไปด้วยดาว "  ไม่ทันจะท้วงร่างที่ประเปรียวกว่าก็วิ่งไปกดสวิทซ์ทันที 


" ฟลุ๊ค......"


" พี่ทิพย์  ทำไมมันมืดตื๋อเงี้ยอ่ะ  ฟลุ๊คมองไม่เห็น " เพราะไม่ทันคิดว่าแสงด้านนอกมันใช้หลอกแรงเทียนต่ำเอาสว่างแค่สลัวพอให้เห็นทางเมื่อปิดลงทุกอย่างก็มืดมิด  ครั้นจะกดเปิดสวิทซ์ก็กลัวจะไม่ได้เห็นดาวที่ปรากฏอยู่ในสายตาตอนนี้ว่าดาษดื่นสวยงามมากแค่ไหน  จรัญธาราพยายามที่จะใช้ความจำและค่อยๆก้าวขาไปตามพื้นระเบียงเรือนแต่ก็ได้แค่ก้าวเดียวตัวช่วยก็เรืองแสงให้เธอเดินหาจุดที่วิญญาณสาวนั่งอยู่


" พี่ทิพย์........" จรัญธาราไม่คิดว่าสร้อยทิพย์จะเป็นผีหากบอกว่าเป็นนางฟ้าน่าจะใช่มากกว่าเมื่อร่างของแม่ผีสาวมีออร่าประกายแสงอ่อนเป็นรัศมีทั่วตัวดั่งแสงตะเกียง


" เรียกทำไมคะ "


" ยังมีอะไรให้ฟลุ๊คต้องประหลาดใจอีกหรือเปล่าคะ  ตกลงพี่เป็นผีจริงๆป่าวเนี่ย "


" แล้วฟลุ๊คว่าพี่เป็นอะไรหล่ะ "


" เทวดา นางฟ้า น่าจะเหมาะกว่าคำว่าผีหรือวิญญาณ " ตอบอย่างใจคิดให้ผีสาวยิ้มอ่อนระบาย


" พี่คงเป็นนางฟ้าไม่ได้เพราะพี่ยังมีกิเลสของมนุษย์อยู่  พี่ยังห่วงหาคนรักของพี่ "


"  พี่คงหมายถึงนายพลรบ ฟลุ๊คเป็นเขาให้พี่ทิพย์ไม่ได้หรอกค่ะ " จรัญธาราเสียงแข็งขึ้นมานั่งแหงนหน้ามองท้องฟ้าคอตั้งเพื่อไล่อะไรบางอย่างคืนลงไป  เสียงทอดถอนหายใจอ่อนบางแต่ก็ทำให้ผีสาวเป็นกังวล


" ไม่นอนตักมองดาวแล้วหรือคะ  แหงนหน้าแบบนั้นเดี๋ยวก็ปวดคอพอดี "


" อย่าดีกว่าค่ะ พี่เก็บตักพี่ไว้ให้เขานอนหนุนเถอะ "  ( เออ  เฮ้ย...คนงอนผีขอประชดสักหน่อยเหอะ )



สร้อยทิพย์มองเสี้ยวหน้าของหญิงสาวช่างเอาแต่ใจประชดหล่อนแหงนหน้ามองท้องฟ้า  หล่อนขยับกายและดึงคนงอนจับศีรษะให้หนุนตักไว้เหมือนทีแรก  ต่างฝ่ายต่างประสานสายตาจ้องมองกันแววตาผีสร้อยทิพย์มีแต่ความรักที่บ่งบอกออกมาแต่ก็ฉาบปนด้วยความเศร้าที่ทับซ้อนในนั้นจรัญธาราเห็นแววตานั้นก็ให้พลันอ่อนไหว  เธอใจร้ายกับวิญญาณตรงหน้าไม่ลงแววตาเธอจึงมีแต่ความรู้สึกเสียใจที่พูดบั่นทอนความรู้สึกของอีกฝ่าย 

บนความเงียบท่ามกลางความมืดที่มีแสงเพียงจุดเดียวคือกายที่สว่างของวิญญาณ จะบรรยากาศพาไปหรือใจลึกๆที่ต้องการหรือจะเพียงความรู้สึกสงสารเสียใจก็สุดจะเดา  จรัญธาราเอื้อมมือจับต้องใบหน้างดงามแต่เศร้าสร้อยด้วยดวงตาที่บอกรักใครไม่รู้แน่ระหว่างเธอหรืออดีตในภพก่อนของเธอ  ร่างกายที่ยกยันดันเคลื่อนใบหน้าของตัวเองพร้อมกับโน้มใบหน้าสวยให้เคลื่อนหากัน 


" ฟลุ๊ค......."  สร้อยทิพย์เอ่ยเสียงเรียกสติแต่มันเบาจนสติของคนไม่ได้ยินและไม่สนข้อห้ามยิ่งได้กลิ่นกายที่หอมดั่งมวลดอกไม้จากอีกฝ่ายเหมือนเจอะสารฟีโรโมนกระตุ้นให้ร่างกายทำในสิ่งที่เกินจะห้าม 
เรียวปากที่ประสานแตะบางเบาและเริ่มร้อนมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อมนุษย์ห้ามใจตนเองไม่อยู่รุกล้ำเมื่ออีกฝ่ายหลงเปิดทางให้สำรวจหาความนุ่มหวาน 

รอยจูบที่เริ่มร้อนจากหญิงสาวที่ทำเอาผีป่วนปั่นอารมณ์ปารถนาแต่สุดท้ายแล้วด้วยความห่วงกับข้อห้ามที่จะส่งผลให้แก่ผู้เริ่มความร้อนรุ่มก็ยังมีมากพอให้สร้อยทิพย์จำต้องเลือนกายหายไปทันใดก่อนที่หล่อนจะคุมไม่อยู่  จรัญธาราตกใจและประหวั่นว่าเธอทำให้ร่างของวิญญาณสาวเป็นอะไรหรือไม่กับการทำผิดข้อห้ามที่ตนเองก่อขึ้นเมื่อร่างที่ตนกำลังกอดจูบซุกไซร้เลือนหายไปจากอ้อมแขนและการสัมผัส


" พี่ทิพย์     พี่ทิพย์     ฟลุ๊ค   ขอโทษ ....... พี่ทิพย์ "  เสียงที่ร่ำหาวิญญาณที่เลือนหายก้องดังไปในความมืดมิดไร้เสียงตอบกลับให้ได้ยินแต่เสียงสะอื้นผิดของคนที่ถูกปล่อยทิ้งอ้างว้างในความมืดที่กระจ่างไปด้วยดาวเดือน  หากอีกฝ่ายจะสัมผัสได้จะรู้ว่าผีสาวไม่ได้ห่างหนีไปไหนเลยยังคงนั่งใกล้ๆอยู่นั่นเองเพียงแต่พรางร่างไว้ไม่ให้สัมผัสถึงด้วยหัวใจที่รวดร้าวเพราะไม่อาจทำร้ายคนที่ตนรักให้สูญสิ้นพลังมนุษย์



" ข้อห้ามที่เจ้าจำพึงระลึกไว้ว่าอย่าให้เขาเข้าใกล้และอย่าได้แตะกายอีกฝ่ายเด็ดขาดหาไม่แล้วความรักที่เจ้าอยากได้จากเขาจะทำลายชีวิตเขาเอง " เสียงจากหัวหน้าเทวทูตผู้นำแสงแห่งดวงจิตที่ดับสูญสั่งไว้เมื่ออนุญาตให้หล่อนรอความรักกลับมาเพื่อรอแก้และปลดปล่อยสัญญาแห่งพันธนาการตนเองให้จบสิ้น


" พลคะ......ทิพย์  ขอโทษ " เสียงที่ร่ำร้องไม่ต่างกันได้แต่ก้องในอกอย่างทำอะไรไม่ได้ดีไปกว่านี้  ทั้งดีใจและก็เจ็บปวดไปในคราเดียวกัน  ความรักที่กลับมากำลังทำให้หล่อนไม่อยากจากไปเมื่อกำหนดเวลานั้นมาถึง สัญญาที่ยังคั่งค้างจะยิ่งติดค้างให้ยิ่งเกาะเกี่ยวทรมานไปอีกกี่ชาติกันหากหล่อนปล่อยมันลงไม่ได้แบบนี้  ......ยิ่งคิด  ยิ่งนึก  ดวงจิตผีสาวก็ยิ่งแสนจะทรมาน........








ต้นไทรต้นใหญ่ที่ขึ้นท่ามกลางท้องทุ่งนาชายป่าที่ห่างไกลบ้านเรือนผู้คนยามค่ำคืนมาเยือนชวนน่าสะพรึงกลัวหากใครคิดจะเดินผ่านหรือแม้แต่จะขับรถให้ล่วงพ้นไปก็คงได้หวาดหวั่นกันไม่น้อย  ลำพังต้นไม่ก็ว่าน่ากลัวแต่ซากปรักหักพังของศาลพระภูมิที่แตกหักพร้อมหุ่นนางรำและตุ๊กตาเจ้าที่  รูปปั้นเด็กที่เรียกแทนว่ากุมารสภาพชำรุดที่ถูกนำมาทิ้งไว้รอบๆโคนต้นไทรใหญ่ยิ่งเพิ่มความน่ากลัวแก่ผู้คนที่อาจสัญจรผ่านให้หนักขึ้นกว่าหลายเท่า  ลำแสงหนึ่งสว่างวาบก่อนดับลงที่ใต้โคนต้นไทรและตามมาด้วยเสียงกรีดร้องเซ็งแซ่โหยหวนก่อนจะเงียบลงไปในเวลาไม่นาน


" ฮ่า  ฮ่า  ฮ่า   นรกก็นรกเหอะวะ ถุย! ...  ฮ่า  ฮ่า  ฮ่า "  เงาทะมึนใหญ่ไร้รูปร่างเหมือนกลุ่มควันหากแต่ส่งเสียงหยามหยันสะใจดังไปทั่วจนไทรใหญ่สะเทือนไหวให้เหล่านกกาที่พามานอนอาศัยได้บินแตกฮือพึ่บพับวนส่งเสียงรอบต้นไม้และร่วงกรูหล่นลงพื้นมานอนตายเกลื่อนด้วยอำนาจลึกลับจากก้อนกลุ่มควันที่ค่อยๆซึมหายเข้าไปในต้นไทรใหญ่นั่น

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น