เพียงรัก(ของ)เธอ...ที่ฉันรอ ตอนที่ 4
โพสต์โดย:
อินท์สีเลือด
วันที่: 19 มีนาคม 2017 เวลา 14:29:06
อ่าน: 272
|
อากาศเย็นๆยามเช้าสดชื่นไปด้วยกลิ่นจากดอกกุหลาบก้านแข็งหลายสีที่ปลูกล้อมรั้วไม้สีขาวเตี้ยๆรอบบ้านหลังเล็กชั้นเดียว เมื่อคืนภาพไม่ชัดนักแต่ตอนนี้กลับกระจ่างและดูสวยงามดั่งบ้านที่หลุดมาจากโลกนิยาย บ้านชั้นเดียวที่ทาทาบไปด้วยสีฟ้าอ่อนทั้งหลังด้านนอก ภายในก็ใช้โทนสีขาวอย่างไม่กลัวการทำความสะอาดเพื่อรักษาสภาพ รอบบริเวณมีแต่กอกุหลาบที่คงดูแลอย่างดีมากๆถึงได้ผลิกิ่งก้านและออกดอกได้สวยงามส่งกลิ่นอวลรับอากาศเช้าๆให้สดชื่นสบายอารมณ์เมื่อได้มอง
รัศมีตื่นนอนตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันจะขึ้นแสงแรกของดวงอาทิตย์หลังจากจัดการตนเองและเตรียมข้าวของเพื่อเดินทางต่อ เธอรู้สึกอยากได้กาแฟสักแก้วแต่ไม่อยากล้ำเส้นเจ้าของบ้านที่คงยังไม่ตื่นกันเลยเลือกที่จะดื่มน้ำที่เจ้าของห้องเตรียมวางไว้ให้ในห้องนอนก่อนจะออกมาเดินดูรอบบ้านหลังน้อยหลังนี้ สองขาก้าวตรงไปยังใต้ต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านด้านบนคลุมพื้นที่เบื้องล่างให้ได้ร่มเงาตรงนั้นมีโต๊ะกลมเล็กๆกับเก้าอี้สีขาวเข้าชุดตั้งอยู่ หญิงสาวเลือกนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่มองเห็นพื้นที่โดยรอบได้ในมุมกว้าง นั่งหลับตาซับบรรยากาศอันสดชื่นสูดกลิ่นสะอาดของธรรมชาติที่หาได้ยากในเมืองใหญ่เข้าปอด แสงของฟ้าเริ่มมีมาแต่แรงแดดยังอ่อนตัวสองคนพี่น้องช่างมีบ้านที่น่าอยู่เหลือเกินในความรู้สึกของรัศมี
" ตื่นแต่เช้าเลยนะคะ คุณรัศ กาแฟค่ะ "
" อ๊ะ คุณอิน ขอบคุณค่ะ " รัศมีสะดุ้งเมื่อเสียงเย็นแต่นุ่มนวลเอ่ยปลุกให้เธอตื่นไหวตัวจากธรรมชาติรอบบริเวณบ้าน มองเจ้าของบ้านที่วางแก้วกาแฟโชยกลิ่นกรุ่นหอมลงบนโต๊ะพร้อมกับชิฟฟ่อนก้อนสามเหลี่ยมชิ้นเล็กในจานเคลือบใบน้อยให้เธอ
" หลับสบายดีไหมคะ เมื่อคืน " อินทราเอ่ยถามอย่างเจ้าบ้านที่ดีให้ได้รับยิ้มแรกที่ดูสดใสกลับมา
" นอนสบายเลยค่ะ เช้ามายังสดชื่นได้อีกเพราะบ้านคุณอินดูร่มรื่นและใกล้ธรรมชาติสุดๆ ปลูกกุหลาบเก่งนะคะสวยงามทุกดอกเลย " รัศมีเอ่ยชมเมื่อเจ้าของบ้านทิ้งตัวลงนั่งกินกาแฟที่ชงมาเป็นเพื่อนเธอด้วย
" ฝั่งซ้ายเป็นของอินค่ะ ส่วนด้านขวาเป็นของอร อรเขาชอบโอลด์โรส เขาบอกสีส้มอ่อนๆสวยดีส่วนอินน่ะชอบทุกสีจะพิเศษหน่อยก็ตรงสีขาวเพราะมันดูสะอาด "
" โรแมนติคนะคะ คุณสองคนน่ะ " เพราะการบอกเล่าจากปากทำให้รัศมีอดไม่ได้ที่จะพูดดั่งประเมินคุณลักษณะออกมา
" ไม่หรอกค่ะ อินกับน้องแค่ชอบความเงียบสงบ " อาการตอบนิ่งๆกับเรียวปากที่วางเฉยของอินทราอดไม่ได้ที่รัศมีจะนึกถึงพี่สาวตัวเอง รายนั้นก็มักวางตัวแบบนี้ต่อหน้าผู้คนแต่กับผู้หญิงตรงหน้าคงไม่ใช่แค่การวางตัว อินทราดูหยิ่งกว่าอรอุมาแต่ในความหยิ่งกลับนุ่มนวลไม่เย็นชาสองคนพี่น้องอ่อนวัยกว่าเธอเป็นอย่างนั้นทั้งคู่
" คุณอินพูดแบบนี้ รัศรู้สึกเกรงใจจังเหมือนมารบกวนความสงบของพวกคุณรึเปล่าคะ "
" โอ๊ะ ป่ะ เปล่าค่ะ อินไม่ได้หมายความอย่างนั้น คุณรัศอย่าคิดมากไม่ได้รบกวนอะไรเลยค่ะ อินกับอรเต็มใจที่ได้ช่วยเหลือคุณนะคะ แล้วคุณรัศก็ไม่ต้องเรียกว่าคุณก็ได้ค่ะ ดูแล้วอินน่าจะเป็นน้องคุณด้วยซ้ำ " อินทรารีบอธิบายเร็วไม่ให้อีกฝ่ายเข้าใจตนเองผิด
" ขอบคุณนะคะ ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่รัศก็รู้สึกเกรงใจอยู่ดีแหล่ะค่ะแต่ก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีนะคะที่ได้มารู้จักพวกคุณสองคน " รัศมีเอ่ยอย่างจริงใจเพราะเธอรู้สึกเช่นนั้นจริงๆและไม่รู้ว่าเพราะอะไรหญิงสาวอยากรู้จักสองคนพี่น้องเพิ่มเติมจากที่เห็นด้วยตา การมาเปิดทางธุรกิจที่พื้นที่นี้อาจทำให้เวลาข้างหน้าเธอจะได้คุ้นเคยสนิทได้มากกว่านี้โดยเฉพาะคนน้อง
" ตื่นเช้าจัง นอนไม่หลับเหรอคุณ " เสียงใหม่เอ่ยทักผ่ามากลางวงพร้อมกับแก้วโอวัลตินใบเขื่องลวดลายชวนให้มองหน้าเจ้าของแก้วว่าอายุเท่าไหร่กันแน่ อรอุมาที่อาบน้ำแต่งตัวพร้อมแก่การพาแขกจำเป็นไปส่งกลับคืนยังรถเต่าสีหวานที่จอดทิ้งไว้ในปั้มน้ำมัน
" อร พูดกับคุณรัศก็ให้ดีๆหน่อย คุณเขาท่าจะอายุเยอะกว่าอรและอินนะ " อินทราปรามน้องสาวต่อหน้าแขก จริงอยู่ว่าไม่สมควรแต่หากปล่อยเลยไปแล้วมาพูดเตือนภายหลังคงใช้ไม่ได้กับอรอุมา
" ขอโทษค่ะ คุณรัศ "
" ขอโทษทำไมคะ อร อรไม่ได้พูดไม่ดีกับพี่ไม่ใช่เหรอคะ " อีกประโยคของรัศมีที่ทำให้อินทราแปลกใจในตัวน้องสาว อรอุมาค่อนข้างไม่ยอมใครสักเท่าไหร่นั่นเพราะเธอตามใจน้องมาตลอดแม้จะไม่ทุกเรื่องแต่ก็ยอมให้และเพราะเป็นนิสัยส่วนตัวด้วยแต่ไอ้การที่ทำนิ่งๆก้มหน้าหรือเบือนหน้าหนีนี่มันอาการที่น้องสาวเธออายนี่หน่า ชักจะยังไงๆซะแล้ว
" คุณรัศอายุเท่าไหร่แล้วคะ ขอโทษนะคะที่เสียมารยาทถาม " อินทราเก็บหลายอย่างที่ผิดแปลกไปของน้องสาวแล้วหันไปถามแขกที่ได้มานอนค้างคนแรกของบ้าน
" 26 จ๊ะ อินหล่ะคะ "
" 22 เฉียดจะ 23 แล้วค่ะ อินแก่กว่าอรสามปี "
" งั้นต่อไปถ้าเจอกันอีกขอเรียกแทนตัวว่าพี่นะคะ เรารู้จักกันแล้วถือเป็นชะตาจัดมาและรัศก็อยากมีเพื่อนแบบคุณสองคน " หญิงสาวบอกกับอินทราที่เปิดยิ้มอ่อนจางๆนั่น รัศมีมองอินทราแล้วให้นึกชมในใจ ผู้หญิงคนนี้ ฉลาดและสุขุมอีกทั้งยังวางตัวได้อย่างเหมาะสมทั้งการพูดจาและท่าทางมีบ้างที่จะหลุดแต่ก็ไม่มาก ไม่ใช่หน้ากากเช่นคนอื่นทั่วๆไปหน้าจริงๆเลยทีเดียวแต่เกราะหนาไม่แพ้คนน้องเลย
" คงได้เจอ ถ้าคุณจะแวะมาทำยางแบนแถวๆนี้บ่อย " อรอุมาเหน็บเบาๆ ไม่รู้ทำไมเหมือนจะถูกชะตาแต่ก็คล้ายจะขัดใจตัวเองทุกครั้งยามผู้หญิงมากวัยกว่าคนนี้พูดจาอะไรออกมาทำให้เธอต้องขัดลำบ่อยๆ
" งั้นสงสัยพี่ต้องเตรียมยางอะไหล่ติดรถมาหลายๆเส้นนะคะ อร "
" แต่ถ้ามาแบนกลางคืนแถวนี้ คงไม่โชคร้ายมาเจอกันเพราะเป็นเด็กอนามัยไม่ชอบนอนดึก " อรอุมาพูดพลางยกแก้วโอวัลตินรูปหมีพูห์ขึ้นดื่มให้รัศมีแอบยิ้มขำในลำคอกับคำพูดของเด็กสาวที่น่าจะพ้นวัยบรรลุนิติภาวะมาหมาดๆ
ไม่ต่างกับอินทราที่แสร้งเบือนหน้าไปทางอื่นแล้วปล่อยยิ้มกว้างหากแต่กลั้นเสียงขบขันเอาไว้ ( เด็กอนามัยมากเลย อรเอ๋ยยย....แกนั่งต่อจิ๊กซอร์ถึงตีสามตี่สี่ทุกคืน อนามัยม้าก..มากกกกน้องฉัน )
ภายในอาคารห้าชั้นที่มองจากภายนอกก็แค่อาคารธรรมดาทั่วไปแต่หากได้เหยียบย่างเท้าเข้ามามันคือออฟฟิศหรูขนาดย่อมที่จัดแบ่งสัดส่วนในแต่ละชั้นได้สมแก่การใช้งานได้อย่างเต็มพื้นที่ การตกแต่งดีไซน์ในแต่ละชั้นก็ดูหรูหรา อาคารสีขาวทั้งหลังไม่เว้นแต่ผนังด้านในก็ถูกใช้โทนสีสว่างสะอาดไปทั่ว ห้องริมสุดของอาคารชั้นบนถูกเปิดประตูของห้องออกกว้างก่อนร่างของบุรุษในชุดสูทดูภูมิฐานก้าวเท้าเดินเข้าไปหาคนที่นั่งอยู่ภายในห้องนั้น
" มาเช้าจังครับ แม่นาย กว่าจะประชุมก็ช่วงสิบโมง " เสียงทุ้มอ่อนๆเอ่ยทักให้คนที่นั่งหลับตานิ่งๆบนเก้าอี้หนาตัวใหญ่หลังโต๊ะกว้างเปิดเปลือกตาขึ้นมองเขา
" แล้วรวินหล่ะ ทำไมมาแต่เช้านี่เพิ่งจะแปดโมงกว่าๆเอง สุภางค์กำลังแพ้ท้องหนักทำไมไม่อยู่ดูแลก่อน " เสียงเรียบเย็นติเขาเบาๆให้ชายหนุ่มมากวัยกว่าอมยิ้มน้อยๆบนใบหน้า
" ไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ สุภางค์เขาไล่ผมให้มาทำงาน "
" เด็กในท้องเบื่อหน้าพ่อรึไง "
" ประมาณนั้นมั้งครับ ก็ผมชอบกวนใจแม่ของเขา " คำตอบกลั้วเสียงหัวเราะออกมาให้หญิงสาวผู้เป็นนายเปิดรอยยิ้มขันตามไปด้วย
" ลูกของรวินก็เหมือนหลานของลักษณ์นะ อย่าทำให้เขาเคืองบ่อยหล่ะเดี๋ยวคุณพ่อจะโดนหักเงินเดือนโทษฐานทำให้หลานคนแรกของลักษณ์ไม่พอใจ "
" ขอบคุณครับแม่นาย ที่กรุณาลูกของผมขนาดนั้น เขาคงเป็นเด็กที่โชคดีกว่าเด็กคนอื่นๆ "
" ลักษณ์คงต้องบอกว่าเขาโชคดี ที่มีพ่อที่น่ารักและรักเขากับแม่ของเขาอย่างรวินมากกว่า " ลักษณาบอกให้ชายหนุ่มรู้สึกอิ่มใจและขอบคุณผู้หญิงที่นั่งเบื้องหน้าเขา
" แม่นายเหมือนมีเรื่องกังวลใจ ใช่เรื่องเดิมรึเปล่า " การพยักหน้าเล็กน้อยทำให้ชายหนุ่มรู้สึกบกพร่องในหน้าที่เพราะมาจนป่านนี้เขายังไม่สามารถควานหาตัวเด็กผู้หญิงสองคนเมื่อเจ็ดแปดปีก่อนนั้นได้สักที
" ไม่ต้องคิดมากนะรวิน ลักษณ์ยังรู้สึกว่าเด็กสองคนนั่นปลอดภัยดีแค่อยากเจอและตอบแทนเขาบ้างกับการเข้ามาเสี่ยงช่วยลักษณ์เอาไว้ " ตอบแทนเหรอ.....ไม่ใช่หรอก เพราะเธอเองก็ไม่รู้จะตอบแทนเด็กคนนั้นอย่างไรถึงจะพอกับน้ำใจที่กล้าหาญนั่นแม้จะมั่นใจลึกๆกับความรู้สึกแต่ก็ไม่มั่นใจในโชคชะตาเอาซะเลย
" พรุ่งนี้แม่นายจะไปที่นั่นอีกหรือเปล่าครับ " รวินเอ่ยถามแม้จะรู้คำตอบดีอยู่แล้วแต่ก็อยากได้ยินคำตอบที่เปลี่ยนแปลงบ้าง
" ไปสิ ต้องไปอยู่แล้วหล่ะ รวินไม่ต้องตามนะกลับจากออฟฟิศก็กลับไปอยู่เป็นเพื่อนสุภางค์เถอะ เสร็จจากงานลักษณ์จะไปที่นั่นลำพัง "
" จะดีเหรอครับแม่นาย ผมยังห่วงว่าโครงการใหม่ที่คุณรัศกำลังจะทำจะเป็นอันตรายและหากมีโอกาสพวกนั้นอาจจะลงมือได้ทั้งกับแม่นายและคุณรัศ " ชายหนุ่มกังวลเมื่ออีกคนแสดงเจตนาจะไปสถานที่ที่เคยเจอเด็กสองคนนั่นตามลำพังไร้คนติดตาม
" โครงการที่ยายรัศอยากทำมันอยู่คนละจังหวัด ลักษณ์ห่วงยายรัศมากกว่าที่จะห่วงว่าคนทางเพกาซัสจะมาเล่นงานลักษณ์นะ รวินอย่าห่วงเลยแต่ทางยายรัศ ลักษณ์อยากให้รวินส่งมือดีไปคอยดูและช่วยยายรัศห่างๆอย่าให้เด็กดื้อรู้ตัวหล่ะ รายนั้นเขาไม่ชอบให้ใครวอแวถ้าเขาไม่อยากวอแวด้วย "
" ได้ครับแม่นาย อยากได้สักกี่คนดีครับ "
" ขอที่ฝีมือดีๆสักสามคนก็พอ ฝากด้วยนะรวิน "
" ครับ งั้นผมขอตัวไปสั่งงานก่อนหลังประชุมผมจะรอที่รถนะครับ "
" อืม ไปเถอะ" ลักษณายิ้มให้ชายหนุ่มที่เตรียมเป็นคุณพ่อมือใหม่ หญิงสาวมองเอกสารที่เลขาหน้าห้องเอามาเตรียมไว้ให้เธอสำหรับการประชุมที่จะเริ่มในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ระบบสมองยังไม่พร้อมจะลุยงานเธอมักจะมีอาการอย่างนี้ทุกครั้งที่ใกล้วันสำคัญของเธอ วันที่ไม่ใช่วันเกิดของใคร ไม่ใช่วันที่ใครเดินจากไปแต่เป็นวันที่เธอได้เจอกับเด็กผู้หญิงสองคนนั่นและเด็กคนพี่คือคนสำคัญที่ทำให้วันพรุ่งนี้ในทุกๆปีที่เวียนมากลายเป็นวันสำคัญสำหรับเธอ
" มาเจอฉันสักทีนะเด็กน้อย ให้ฉันได้เห็นว่าเธอปลอดภัยดีก็ได้คนเก่งของฉัน " เพราะไม่รู้ชื่อและไร้รูปถ่ายมีเพียงรูปของเด็กผู้หญิงแม้จะมอมแมมสกปรกแต่จิตใจเด็กคนนั้นสะอาดสะอ้านและกล้าหาญที่บันทึกในความทรงจำของเธอเท่านั้น พรุ่งนี้ก็ครบแปดปีแล้วสินะที่ดวงตาคู่นั้นยังสลักตรึงอยู่ในใจของเธอไม่เลือนหายไปสักที
|
Rating: This article has not been rated yet.
|
|
ความคิดเห็น
|