web stats

ข่าว

 


ลงตัวด้วยรัก ตอนที่ 8

โพสต์โดย: อินท์สีเลือด วันที่: 17 มีนาคม 2017 เวลา 14:12:42 อ่าน: 243

" ว้าวว! เย็นนี้ลาภปากอีกแล้ว...พี่ไผ่หุงข้าวสองหม้อเลยนะ" ตัวป่วนของบ้านทำเสียงตื่นเต้นเมื่อเห็นว่าใครกลับบ้านมาพร้อมกันกับพี่สาวของเขา

"ไม่ค่อยจะตะกละเลยนะ นายเทศ" ไผ่มณีแดกดันน้องชายก่อนยิ้มและไหว้สาวสวยที่มาร่วมกินข้าวเย็นกับที่บ้านในวันนี้

"พี่ย่าน่ะ..ทำนายเทศเคยตัว ทีหลังไม่ต้องแวะซื้ออะไรมานะคะ แค่พี่มาทำให้พี่เอมยิ้มได้ทุกเวลากระทั่งตอนหลับก็พอแล้วหล่ะค่ะ" ไผ่มณีบอกกับย่านางแต่แซวผ่านไปถึงพี่สาวตนเองราวจะบอกว่าพี่ตนเพ้อหาแค่ไหนเวลาอยู่บ้าน

"น้อยๆหน่อย เดี๋ยวนี้แปรพรรคเลยนะ" ชะเอมชักจะหมันไส้น้องๆที่เข้ากันดีเกิ้นนนกับคนข้างกายที่ตอนนี้เดินยิ้มกับคำบอกเล่าถึงตนเองพลางยกถุงกับข้าวหลายอย่างที่พากันแวะซื้อจากตลาดนัดไปวางบนโต๊ะด้านในครัวโดยมีมันเทศเดินตามติดส่องของกินที่ซื้อมา

"นี่ถ้าไม่ใช่พี่ย่านะ คงได้โดนแม่บ่นเป็นกระบุงเลย ดูนายเทศทำสิ" ไผ่มณีชักเหมือนปรียาเข้าไปทุกวันกับการบ่นให้พี่สาวและพี่สาวคนใหม่ยิ้มส่งให้กันน้อยๆนั่น

"แล้วแม่หล่ะคะไผ่  อยู่ข้างบนเหรอ" ย่านางเรียกคำแทนตัวปรียาได้อย่างไม่ขัดเขินพลอยเรียกยิ้มจากร่างบางได้อีกครั้ง

"อยู่ที่โดมดินครับ" มันเทศตอบไม่เต็มเสียงเพราะยัดกุ๊ยช่ายเข้าปากหลายชิ้นเคี้ยวตุ้ยราวกับเป็นเด็กให้ย่านางอมยิ้มนึกเปรียบเทียบกับน้องชายตนเอง ถ้าเป็นชนม์เวศคงไม่เห็นมุมนี้ยิ่งเดี๋ยวนี้แทบไม่เห็นรอยยิ้มเลย

"พี่ย่าไปตามแม่ที่โดมดินกับเอมไหมคะ"ร่างเล็กเอ่ยชวน

"ไปสิ พี่มาบ้านหลายครั้งแล้วยังไม่เคยเห็นโดมดินเหมือนกัน"  ย่านางตอบรับก่อนเดิมตามร่างบางออกไปยังพื้นที่ด้านข้างที่เชื่อมทางเดินต่อไปยังพื้นที่กว้างขวางเกือบไร่ด้านหลังของตัวบ้าน ปล่อยสองคนที่เหลือวางมวยแย่งขนมในจานกันไป






ภาพโครงเหล็กคล้ายโดมขนาดใหญ่คลุมด้วยผืนผ้าใบชนิดพิเศษสีขาวขุ่นตลอดรอบปิดชิด เปิดทางเข้าด้วยรอยต่อของผืนผ้าเป็นช่องสี่เหลี่ยมเหมือนบานประตูเบื้องหน้าเป็นที่สนใจไม่น้อยสำหรับคนที่เพิ่งได้มาเห็น รู้มาบ้างจากคำบอกเล่าว่าปรียาเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องดินแต่ไม่คิดว่าจะทำโรงวิจัยไว้ในอาณาเขตของบ้านแบบนี้   กองดินรูปภูเขาขนาดจอมปลวกเรียงรายหลายกองห่างจากตัวของโดม มีกองกระสอบพลาสติคและกระถางหลายขนาดจัดวางแบ่งเป็นสัดส่วน บอกการทำงานที่เป็นระเบียบให้เห็น เมื่อเดินผ่านช่องประตูเหมือนหลุดเข้ามาอยู่ในโลกวิจัยของนักวิทยาศาสตร์มือเอก  แท่งหลอดแก้วทดลองหลายขนาดลอยค้างบนแท่นวางที่ทำเฉพาะบางหลอดมีดินนอนตัวอยู่ ถ้วยบิ๊กเกอร์ใสวางเรียงรายบนโต๊ะไม้ขนาดใหญ่กลางอาคาร ให้ตื่นตาตื่นใจปนขยะแขยงเมื่อเดินผ่านไปเจอกะบะใสหลายขนาดด้านในเต็มไปด้วย สัตว์ที่อาศัยตัวในดินหลากหลายชนิดบ้างเคยเจอบางตัวไม่เคยจะคิดว่ามันมีด้วยในโลกใบนี้

"กลัวเหรอคะพี่ย่า" ชะเอมถามคนรักที่มักไปรับและเลยมาร่วมกินข้าวเย็นด้วยบ่อยๆหลังจากที่ตกลงคบหาศึกษากัน

"อืม..ค่ะ" ไม่โป้ปดย่านางรู้สึกกลัว กลัวกับบรรดาสํตว์ในกะบะใสเหล่านั้นแม้จะปิดมิดชิดก็ตามที

"เข้ามาบ่อยๆเดี๋ยวก็ชินค่ะ"  เด็กสาวบอกพลางเก็บอีกหนึ่งเรื่องของคนที่เดินเคียงข้างจดจำไว้   สองสาวคู่รักเดินต่อเข้าไปยังจุดที่เห็นคนนั่งก้มๆเงยๆอยู่และก็พอรู้ว่าคนที่เอาแต่สนใจผลพิสูจน์ตรงหน้าหาได้สนใจต่อสิ่งรอบข้าง ย่านางมองอีกด้านของปรียากับมุมงานที่น้อยคนจะสนใจตั้งหน้าตั้งตาทำแบบนี้  ชักอยากถ่ายภาพรุ่นพี่สุดเท่ของเพื่อนเธอส่งไปให้เพื่อนสาวได้ดูคงร้องกรี๊ดกร๊าดลั่นแน่ 
เสื้อเชิ้ตแขนยาวพับล้ำเกินข้อศอกกับกางเกงขาสั้นอวดปลีน่องที่กลมกลึงเลยถึงต้นขาที่พ้นขอบโชว์ผิวเนื้อน่ามอง ดูแปลกตาไปอีกแบบ ถ้าฤดีได้เห็นคงกรี๊ดสลบ

"แม่คะ"ชะเอมส่งเสียงเรียกรบกวนโลกส่วนตัวของมารดา

"อ้าว! เอม..." ใบหน้าสะอาดมีกรอบแว่นทรงกลมสวมอยู่เงยหน้าจากแผ่นจดผลทดลองในมือมองบุตรสาวและเลยไปยิ้มรับให้อีกหนึ่งสาวที่ยกมือขึ้นไหว้ "มาส่งน้องเหรอคะ ย่า"

"ค่ะ แวะตลาดนัดก่อนเข้ามาเลยจะฝากท้องด้วยน่ะค่ะ" หญิงสาวตอบรุ่นพี่

"พอก่อนเถอะค่ะแม่ ไปกินข้าวกันเอมกับพี่ย่าซื้อมาหลายอย่างเลย" เด็กสาวบอกจำให้ปรียาต้องวางงานในมือทิ้งไว้

" ไปสิ พูดแบบนี้น้ำย่อยออกพยาธิเริ่มดิ้นเลย" ปรียาลุกขึ้นไปจัดเก็บเครื่องมือบางอย่างลงกล่องโฟมหลายใบที่วางไม่ห่างโดยมีสองสาวช่วยเก็บก่อนจะพากันเดินออกจากที่ตรงนั้นเพื่อไปกินข้าวเย็นอีกมื้อที่จะเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ





หลังมื้อเย็นผ่านพ้นไปด้วยความอร่อยเพราะคนร่วมโต๊ะต่างหยอกเย้าแหย่กันระหว่างกินเลยเจริญอาหารกันไป  ไผ่กับเทศหลังจากช่วยเก็บโต๊ะล้างถ้วยชามเก็บเสร็จก็ขอแยกย้ายห้องใครห้องมันด้วยต่างคนต่างมีการบ้านทำค้างอยู่  ปล่อยผู้ใหญ่ที่เหลือพากันมานั่งคุยให้อาหารที่กินไปได้ย่อยสลายก่อนนอนกันต่อที่โต๊ะนั่งม้าหินเข้าชุดหน้าลานชานตัวบ้าน

"กาแฟหลังอาหารค่ะแม่" แก้วกาแฟถูกวางลงพร้อมด้วยเค้กแยมชิ้นเล็กที่ชะเอมจัดมาเหมือนทุกครั้ง

"พี่ปรีนอนได้หรือคะ ดื่มกาแฟหัวค่ำอย่างนี้" ย่านางทักถาม

"สบายค่ะพี่ย่า สารต่อต้านคาเฟอีนของแม่เยอะน่ะ" สาวชะเอมตอบแทน

"ที่จริงมันเป็นกาแฟหมดอายุน่ะ ให้แค่รสแต่ไม่ออกผลกดประสาท "  คนยกแก้วกาแฟดื่มลงคอตอบ ( พูดซะกาแฟเสียชื่อดีว่าไม่เอ่ยยี่ห้อออกมา )

" คุยกันไปก่อนนะคะ เอมขอไปอาบน้ำแป๊บนึง "

" อย่าหลับในห้องน้ำหล่ะ ประเดี๋ยวพี่ย่าหนีกลับก่อนแม่ไม่รู้ด้วยนะ " ปรียาแหย่

" แม่อ่ะ...เผากันอีกแล้ว เดี๋ยวนี้แปรพรรคเปลี่ยนพวกครบเลยนะเหลือเอมคนเดียวเลย "

" ใครว่าคะ...พี่ไงคะที่อยู่ข้างเอมเสมอ " ย่านางหยอดหวานน้อยๆช่วยให้หน้างอๆได้คลายงอน

" แม่อิจฉานะคะลูก หวานก็เกรงใจบ้างก็ได้ " ขัดคอเบาๆให้คู่รักยิ้มกริ่ม   ปรียามองหน้าเด็กรุ่นน้องที่มองตามลูกสาวตาไม่วาง ไม่คิดว่าอะไรๆจะไวขนาดนี้ คล้อยหลังจากที่ได้เจอและรู้จักรุ่นน้องคนนี้เพียงไม่นานผันกลายเปลี่ยนมาเป็นหวานใจของลูกสาวคนโตไปซะแล้ว แต่ก็นะความรักไม่มีเวลาหรอก คิวปิดยิงศรปักมาไม่รีบคว้าไว้ก็ชวดกันพอดีถ้ามัวแต่รอเวลา 




"พี่ปรีคะ"

"ว่าไงคะย่า"

"ย่าจะขอพาเอมไปให้คุณแม่รู้จักน่ะค่ะ วันอาทิตย์นี้ย่าปิดร้านหนึ่งวันเพราะอยากพักให้ลูกจ้างได้หยุดพร้อมกันสักวัน" 

"ก็เอาสิ ถึงไม่ยอมรับแต่คิดซะว่าไปไหว้ผู้ใหญ่รู้จักไว้ไม่เสียหายอะไรนี่คะ และถ้ามีอะไรพี่อยากให้ย่าใช้สติมากกว่าอารมณ์ ใช้เหตุผลมากกว่าดื้อดึงนะ" คำบอกเหมือนรู้สร้างความแปลกใจระคนตกใจกับคนด้อยวัยกว่า

"พี่ปรี...."

"ย่าจ๊ะ ตอนที่เรามาบอกพี่ว่าชอบและขอพี่คบหากับยายเอม ไม่สงสัยบ้างเหรอคะว่าทำไมพี่ยอมและยินดี "

" ค่ะ...สงสัยแต่ไม่กล้าถาม "  เด็กสาวยอมรับพร้อมนิ่งฟัง

"ย่าทำให้พี่เห็นว่าย่าจริงใจและพี่ก็เห็น เห็นดวงตาที่ฉายความรักอยู่ในดวงตาของย่า ยายเอมก็เหมือนกันถึงอย่างนั้นแต่พี่ก็คาดเดาว่าทางผู้ใหญ่ของย่าคงจะไม่ได้พูดง่าย เข้าใจง่ายเหมือนพี่ใช่ไหม "  คำถามส่งมาให้อีกฝ่ายพยักหน้ารับตามตรง

"จริงค่ะ บอกตามตรงค่ะว่าย่ากลัวแต่ย่าเลือกแล้วค่ะพี่ปรี  ชะเอมเป็นกำลังใจให้ย่าได้เยอะมากค่ะรวมทั้งพี่และน้องสองคนด้วย" 

"เหมือนได้ลูกสาวเพิ่มนะแต่อย่าเรียกพี่ว่าแม่ละกัน ใครไม่รู้จะหาว่าพี่เป็นเด็กใจแตก"  พูดชวนผ่อนคลายปรียาเข้าใจความรู้สึกของรุ่นน้องสาว

"อยากให้แม่คิดอย่างพี่ปรีบ้างจังค่ะ แม่คงผิดหวังกับย่ามากตั้งแต่พ่อเสียไปแม่เลี้ยงย่ากับน้องมาอย่างดีไม่เคยที่ย่าจะทำให้แม่ร้องไห้เว้นแค่เรื่องนี้  แต่ย่า...." คำพูดขาดลงเพิ่มความหนักใจสู่ใบหน้าสวยเข้มให้หม่นสวย

"ความคิดเปลี่ยนได้ค่ะย่า ใช้การกระทำสิคะทำให้แม่ของย่าเห็นว่าทั้งตัวและหัวใจของย่ามีความสุขกับความรักที่ย่าเลือก ไม่มีแม่คนไหนที่จะไม่อยากให้ลูกมีความสุขหรอก พี่ก็เหมือนกัน"

"พี่ปรีไปด้วยได้ไหมคะ ย่าอยากให้พี่ปรีไปด้วย บางเรื่องย่าก็ไม่ใช่คนใจเย็นค่ะ...เรื่องนี้ย่าอยากได้กองหนุน" ย่านางพูดแกมขอร้องรุ่นพี่สาว

"ดูก่อนนะ อาทิตย์นี้พี่มีไปที่มหาลัยนัดคุยงานกับอาจารย์กริชไว้  ถ้าเสร็จเร็วอาจจะไป" ไม่ได้ตกปากรับคำซะทีเดียวแต่ก็สร้างความอุ่นใจให้ในคำตอบแบ่งรับแบ่งสู้

"ขอบคุณค่ะพี่ปรี  ขอย่าเรียกว่าแม่ตอนอยู่ที่นี่เหมือนน้องๆได้ไหมคะ"

"อย่าเลยค่ะย่า เรียกพี่น่ะดีแล้ว"

"แต่ยังไงย่าก็คงต้องเรียกอยู่ดีหล่ะค่ะ ก็พี่ปรีเป็นว่าที่แม่ยายนี่เนอะ"

"ฟังดูแปลกๆนะคะย่า" สองสาวปล่อยเสียงหัวเราะใส่กันด้วยความเข้าใจถึงเหตุผลที่พูดคุยกันรู้เรื่องถ่องแท้หยั่งถึงความรู้สึกและเห็นอกเห็นใจกัน 

เสียงหัวเราะจางไปเหลือแค่เสียงพูดคุยกันในเรื่องอื่นๆที่พากันเอามาหาข้อคิดหาประเด็น ชะเอมที่เดินลงมาหลังอาบน้ำเรียบร้อยแต่ได้ฟังบทสนทนาของสองคนด้านนอกบ้านก่อนหน้านี้เลยหลบมุมหาที่นั่งคิดอยู่เงียบเชียบ ความรักไม่ใช่เรื่องของคนสองคนแม่สอนไว้แต่ถ้าต้องสู้เพื่อให้ได้รักมาหล่ะตัวเธอพร้อมจะสู้จริงๆรึเปล่า  ตั้งแต่ตกลงรับรักคนข้างนอกก็ทำอะไรๆให้หวาดเสียวใจจะวายบ่อยๆ เหมือนวันแรกขอมาส่งเธอที่บ้านพอมาถึงเจอแม่เท่านั้นใจงี้ตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม  คนสวยแต่เลือดบ้ากล้าหาญเยอะเล่นบอกกับแม่ว่ารักเธอขออนุญาตคบด้วยแต่ก็นะแม่ทำให้ช๊อคมากกว่าเพราะว่า

"....ถ้าตกลงกันได้แล้วก็เอาไปเลย ห้ามคืน...." ไม่พอค่ะไม่พอ พี่เธอเล่นหอมแก้มโชว์แม่อีก โอ๊ย!!...แล้วนี่อะไร อุตส่าห์เลี่ยงมาได้หลายรอบ พี่แกเล่นขอแม่แบบนี้ฉันจะตายปล่าวเนี่ย  แม่คนรักไม่ปลื้มวันข้างหน้าไม่เกิดกรณีแม่ผัวฆ่าทารุณลูกสะใภ้หรอกเหรอ (น่ากลัวอ่ะ..หนีไปขลุกลี้ภัยบ้านไอ้เอ๋ดีกว่า...ใช่...ไอ้เอ๋!...อรทัยเพื่อนเลิฟฟฟฟฟ )





Ck_am: ไอ้เอ๋...ช่วยกูด้วย!!

Jittok: ..เป็นไรมึง  โดนพี่ย่าปล้ำเหรอ

Ck_am: {สติ๊กเกอร์รูปเท้าโตๆ} ...ถ้าโดนปล้ำจะไลน์หาเรอะ..หุหุ

Jittok: มีรายยย

Ck_am: มึงโทรบอกแม่กูทีว่าอาทิตย์นี้มึงจะชวนกูไปไหนก็ได้สักที่สิ

Jittok: ไมอ่ะ

Ck_am: เออน่า...เดี๋ยวค่อยเหลา

Jittok: ไรแว๊...



"แล้วจะให้บอกว่าไปไหนดีวะ " อรทัยมองหน้าจอโทรศัพท์ทำสีหน้ายุ่งเหยิง (...อีเอมนะอีเอม คราวก่อนก็โดนใช้หลังแทบลาก โกหกรอบนี้ไม่ผ่านจะตายไหมกู....) หน้าจอโชว์ไลน์เข้าระหว่างนึกว่าจะบอกมารดาสายโหดของเพื่อนยังไงให้อรทัยรีบกดดู



Ck_am: ไม่ต้องโทรหลอกแม่นะเอ๋...คนร้ายถูกจับแล้ว



"เอิ๊กกกก!! งอกแล้วงานตรู..อีเอ๊มมมม...มึงเล่นกูอีกแว้ววว..."  อรทัยรีบส่งสติ๊กเกอร์รูปกราบกรานส่งกลับทันทีแต่อีกด้านส่งไอคอนรูปหมูถูกเชือดกลับมาให้ "....ฮือ..ฮือ..น้ำตาจิไหลลล..."






ชะเอมทำหน้าจ๋อยไม่กล้ามองหน้ามารดาเมื่อโดนจับได้เพราะไม่รู้ตัวที่สองสาวมายืนดูตนเองจิ้มไลน์เตี้ยมกันอยู่กับเพื่อนซี้กอดคอกันตาย  เหลือบมองร่างโปร่งที่นั่งเยื้องกันทางนั้นก็เอาแต่วางสีหน้านิ่งๆ

"เอม!!!...." เน้นหนักในน้ำเสียงที่เรียกเอาเด็กสาวสะดุ้งไหว

"ขาาา....ค่ะ" รับคำเสียงหวานสู้แต่เปลี่ยนกลับแทบไม่ทันเมื่อแม่ไม่หวานด้วย แม่ปรีโหมดหน้าโหดฝุดๆ

" มีไรแก้ตัวไหม "

"ม่ะ...ไม่มีค่ะ  เอมขอโทษค่ะแม่ ก็เอมกลัวนี่" บอกเสียงอ่อยสำนึกผิด

"แล้วเอมไม่คิดว่าพี่ย่าเขาก็กลัวรึไง แม่สอนให้เอมวิ่งหนีปัญหางั้นสิ"

"ปล่าวค่ะ"

 "รู้ไหมทำแบบนี้เท่ากับเราไปทำร้ายใจพี่ย่าเขา  เรื่องแค่นี้ยังหนีปล่อยให้พี่เขาสู้อยู่คนเดียวจะเรียกว่ารักกันได้ไงหล่ะ" 

"ขอโทษค่ะแม่"

"ไม่ใช่แม่นะเอม..คนที่ลูกควรจะขอโทษคือพี่เขา  คิดเองนะโตแล้ว"  ปรียาบอกเหลือบส่งสายตาไปทางรุ่นน้องสาวให้รู้ว่าเคลียร์กันเองพลางลุกเดินออกไปจากตรงนั้น 

"แม่...จะไปไหนคะ" เด็กสาวรีบท้วงเมื่อเห็นแม่ลุกหนี

"แม่ก็ไปทำงานของแม่ต่อสิ  อ้อ!..ถ้าคิดกุเรื่องเตี้ยมกับเพื่อนได้ก็ลองคิดว่าจะพูดขอโทษพี่เขายังไงแต่เอาที่ออกจากใจนะ" ปรียาบอกทาง

"ย่าจ๊ะ...พี่ขอตัวนะเคลียร์กันเองละกันและหากใครแถวๆนี้ไม่เคลียร์พี่แนะนำว่ากลับบ้านแล้วหาใหม่เลยนะ" คำบอกกดดันให้ลูกสาวอึ้งกิน (......งึ้ดดดดด....ไหงแนะนำแบบนั้นหล่ะแม่......) เด็กสาวรีบเหลือบมองร่างโปร่งที่นิ่งเฉยแต่ผงกหัวรับคำแม่ของตนเอง

"ค่ะ"  อ่า...กดดันเพิ่มเสียงเข้มขุ่นคลั่กได้ใจ ชะเอมตายยยยยย 




ชะเอมนิ่งคิดหาทางรอดทางแก้เหลือบมองร่างโปร่งที่เอาแต่นิ่งเฉยบนโซฟาเป็นระยะๆแต่เหมือนมืดสนิทคิดไม่ออก  "....โอ้ย!...สมองบ้าเอ้ยย...มาทึบเอาอะไรตอนนี้ฟระ...."

ย่านางที่คิดหวังว่าอีกคนต้องเอ่ยอะไรออกมาให้ได้ยินบ้างแต่ดูท่าว่าที่คาดหวังคงจะไม่ได้เป็นไปตามนั้นหล่อนมองนาฬิกาบนข้อมือก็เห็นว่าเลยเวลาปกติมามากแล้ว  ป่านนี้แม่ของคงขึ้นนอนแล้วจึงคิดว่ากลับบ้านก่อนคงดีกว่าเพราะดูไปแล้วแม่สาวเกษตรร่างอุ่นของหล่อนคงอึดอัด และหล่อนก็ไม่ต้องการแบบนั้น เวลาให้ได้และหล่อนเองก็อยากขอเวลาเหมือนกัน บางทีอาจจะเร็วไปกับการตัดสินใจพาสาวน้อยตรงหน้าไปเจอแม่ของตน อีกอย่างหล่อนก็ยังไม่ได้บอกทางมารดาตัวเองให้รับรู้ด้วยเหมือนกันหากทางนี้ยอมไปแล้วทางนั้นปฏิเสธมันก็ไม่ได้ต่างอะไรกันเท่าไหร่  คิดแบบนั้นแล้วหล่อนจึงลุกไปหยิบกระเป๋าสะพายให้เด็กสาวหันมองการกระทำไร้เสียงแต่ชัดเจนด้วยภาพว่าอีกคนกำลังจะกลับไม่รอคำแก้ตัวแก้ต่าง

"พี่ย่า..." เสียงแผ่วเรียกให้คนที่กำลังจะเดินออกจากประตูบ้านชะงักค้าง

"พี่กลับก่อนละกันค่ะเอม ไว้ค่อยคุยกันนะ" ย่านางบอกด้วยน้ำเสียงปกติแต่ก็ไม่ได้หันกลับมา ภาพที่ย่านางกำลังเดินออกไปทำให้ชะเอมลนลานทางความคิด

"...คิดสิ..คิด..นังเอม..คิดเร็วๆสิเฟ้ย!..เจ๊เขางอนจนเดินหนีกลับบ้านแล้ว"   เออ..ตรูคิดอยู่นี่ถ้าเป็นเกมส์คิดง่ายกว่า...เกมส์?..ตึ๊ง!...สมองใสทันที  "อ่า...หากว่ากำลังเสียท่าพลาดโดนกระบี่สูญPower Charge...จะ Up level skill เพิ่มอาวุธคงเสียของเปล่าฉะนั้นต้อง Up level skill  ปลดล๊อคกลุ่มทางเลือกให้มาช่วยและเพิ่มค่าxp blood charge ...แต่ถ้าไม่ไหวก็Over level push Try again  แต่เฮ้ย!..ถ้ารักจบมันContinueไม่ได้นังเอ้มมม....Game Over หมดโอกาสให้ Try Again   เจ๊งอน..ใช่..เจ๊งอนเกมส์งอนก็ต้องกอด...สกิลการกอดคืออาวุธการง้อที่ดีเยี่ยม "  คิดได้แบบนั้นรีบสาวเท้าวิ่งตามร่างโปร่งออกไปทันที

ชะเอมโผเข้ากอดร่างโปร่งจากข้างหลังก่อนย่านางจะเดินถึงรถที่จอดของตนเอง กอดนิ่งนานซบใบหน้าลงบนแผ่นหลังของร่างโปร่ง เมื่อได้กอดน้ำตาของความกลัวก็เริ่มทำงานให้ย่านางยินเสียงสะอื้นแผ่วเบาคนถูกกอดรั้งไว้รีบพลิกหันตัวในวงแขนที่ยังกอดไว้อยู่  แววตาอุ่นเอื้อทอดมองใบหน้าหวานที่แม้แต่น้ำตารดรินก็ไม่ได้บดบังในความสวยหวานนั่น

"พี่ย่าคะ...ฮือ...ฮือ...เอมขอโทษ...." เมื่อเห็นดวงตาที่ก้มมองมายิ่งกระตุ้นให้ร่างกายรีบเอ่ยคำขอการอภัย

"ไม่เอาค่ะ...เอม ไม่ร้องนะคะคนดีของพี่..." ย่านางกอดร่างสั่นไหวปลอบโยนให้ได้สั่นโยกแรงสะอื้นหักขึ้น

"แต่..ฮึก!!..เอม..."  เมื่อร้องไห้จึงพูดไม่ออกยิ่งเป็นฝ่ายผิดทำอีกคนจะเดินหนีก็ยิ่งร้องหนัก

"เอม...เอมคะ เงียบนะคะอย่าร้อง ตาบวมแล้วไม่สวยนะคะ" ร่างโปร่งดันกายเด็กสาวในอ้อมกอดพลางยกมือวาดนิ้วลบรอยน้ำใสที่หยดรินให้อย่างเบามือ

"พี่ย่า..." ชะเอมมองการกระทำนั้นให้ยิ่งรักและยิ่งนึกโทษความขี้ขลาดในใจตัวเอง

"พี่เข้าใจค่ะ เอมยังไม่พร้อมก็ยังไม่ต้องไปเจอก็ได้ พี่รอได้ค่ะคนดี"  เพราะหล่อนโตกว่าเป็นผู้ใหญ่กว่าการให้เวลาแก่คนในอ้อมแขนไม่ได้ลำบากอะไร หล่อนอยากให้คนรักพร้อมไปพบมารดาจริงๆไม่ใช่ฝืนใจไป

"เอมพร้อมค่ะ...พี่ย่า  เอมจะไม่เลี่ยงอีกแล้ว...เอมขอโทษ" เด็กสาวรีบบอกไม่ได้บอกเพราะเอาใจแต่บอกเพราะเธอพร้อมจะเสี่ยงจะสู้ไปกับคนคนนี้ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรขอแค่ได้อยู่เคียงข้างตลอดไปก็พอ

ย่านางเปิดรอยยิ้มทั้งที่เรียวปากและดวงตาส่งผ่านบอกความรักล้น ร่างโปร่งก้มจูบซับน้ำที่เปลือกตาบางเบาทั้งสองข้างประพรมรอยจูบไปทั่วแก้มก่อนเคลื่อนต่ำจบบนเรียวปากที่เผยอรับอย่างเต็มใจ 
สัมผัสจูบรสหวานที่ต่างมอบให้กันและกันท่ามกลางความสลัวของแสงไฟตรงหัวเสาชานบ้านชวนมองเป็นฉากรักคลาสสิคชวนฝันหากเป็นหนังหรือละคร




"อ่ะแฮ่ม!!" เสียงขัดในลำคอเบาๆทำเอาคนสองคนที่กำลังยืนมองฉากหวานๆบนระเบียงบ้านสะดุ้งสุดตัวพากันหันมามองต้นเสียงขัดจังหวะแอบดู

"แม่../...แม่" ไผ่มณีกับนายมันเทศสองศรีพี่น้องวัยเดียวกันเรียกคนยืนด้านหลังด้วยความตกใจอย่างพร้อมเพรียง

"ละครจบตอนก็ไปนอนกันได้แล้ว" ปรียาบอกให้ลูกทั้งสองขำหัวเราะเบาๆออกมา

"ยังไม่จบค่ะแม่ ถ้าจบต้องแบบนี้" ไผ่มณีตอบมารดาที่น่ารักฝุดๆก่อนหันไปสะกิดน้องชายแล้วยักคิ้วหลิ่วตาให้อย่างรู้งาน

" พี่ๆคร้าบบบ...เข้าบ้านเถอะคร้าบ ดาวเดือนร้องอิจ..อิ๊จ กันทั่วฟ้าแล้วพี่ คืนนี้ค้างที่นี่ก็ได้นะแม่อนุญาต" เสียงตะโกนแว่วของนายมันเทศดังจากด้านบนให้คู่ที่กำลังเกี่ยวเก็บความหวานให้กันด้านล่างรีบผละตัวออกจากกันอย่างเขินอายด้วยความรวดเร็วพากันแหงนหน้ามองไปก็เจอครบทุกองค์ประชุมให้ทำตัวไม่ถูกเมื่อคนที่ใหญ่สุดในบ้านยกนิ้วชี้ราวคาดโทษนั่น



Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น