web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 11
Most Online Ever: 190
(08 กรกฎาคม 2022 เวลา 19:00:55 )
Users Online
Members: 0
Guests: 41
Total: 41

ผู้เขียน หัวข้อ: Lucky Loser Chapter 6  (อ่าน 1642 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ nuffy

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 93
Lucky Loser Chapter 6
« เมื่อ: 23 มกราคม 2014 เวลา 09:02:13 »
Chapter 6

หลังจากที่ปูนเดินออกไปพิมพรรณก็รู้สึกกระสับกระส่าย เนื่องจากแน่ใจว่าเธอรู้ความลับที่ไม่ควรรู้ของสาวหมวยเสียแล้ว เธอนั่งคิดเงียบๆ ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป เธอควรจะบอกนักกายภาพสาวว่าอย่างไร เธอควรจะเดินเข้าไปบอกปูนเลยมั้ยว่าแฟนของตัวเองนั้นคบกับคนอื่นอยู่หรือไม่ควรจะเข้าไปยุ่งกับเรื่องความรักของคนอื่นเขา คิ้วของสาวตาคมขมวดแน่น

“อ้าว... หนูปูนไปไหนแล้วล่ะเนี่ย” คุณตาชูเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะอีกครั้ง ทำให้บรรณาธิการสาวตื่นขึ้นมาจากห้วงความคิดของตนเอง

“อ้ะ... เอ่อ เห็นบอกว่าจะกลับไปที่ห้องทำกายภาพน่ะค่ะ คงจะไปดูว่ามีใครมารอหรือเปล่าน่ะค่ะ”

“อ๋อ... ขยันดีเนอะหนูปูนเนี่ย เอ... หรือว่าหนีตาเรื่องดูดวงกันแน่” ชายชราพูดติดตลก

พิมพรรณหัวเราะน้อยๆ “แล้วทำไมคุณปูนถึงหนีคุณตาละคะ”

“เหมือนกับว่าหนูปูนเค้าไม่ค่อยชอบดูดวงน่ะ ยิ่งเป็นเรื่องความรักยิ่งไม่ดูใหญ่เลย”

“งั้นเหรอคะ”

ทั้งสองคนนั่งเงียบกันไปพักหนึ่งแล้วคุณตาชูก็พูดทำลายความเงียบขึ้นมาว่า “ตารู้แล้วล่ะว่าทำไมหนูปูนถึงไม่อยากดูเรื่องความรัก”

“คะ... ทำไมเหรอคะ”

“เพราะดวงของหนูปูนเนี่ยเป็นดวงที่มักจะผิดหวังเรื่องความรักบ่อยๆ ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นคนซื่อตรงกับความรักมากๆ อาจจะซื่อเกินไป บวกกับขี้หึง แถมดื้อเงียบ ก็เลยทำให้คนรักเบื่อเอาง่ายๆ ก็เลยทำให้ต้องเจ็บช้ำและผิดหวังกับเรื่องความรักบ่อยๆ ประเภทที่ว่าต้องเจ็บก่อนที่จะมีรักแท้”

“งั้นเหรอคะ”

“ดวงของหนูปูนเรื่องความรักเป็นแบบนี้ล่ะ ดูเหมือนเจ้าตัวก็คงจะรู้อยู่แก่ใจก็เลยไม่ยอมให้ตาดู ดื้อตามเคย”

“เหรอคะ”

“ก็น่าเห็นใจนะ ท่าทางจะเจ็บมาเยอะ” คุณตาพูดด้วยสำนวนวัยรุ่นทำเอาบรรณาธิการสาวหัวเราะ

“ค่ะ... แล้วเนื้อคู่ของคุณปูนนี่จะเป็นยังไงเหรอคะ”

“เนื้อคู่ของหนูปูนเหรอ... หนูปูนเป็นคนตรงไปตรงมา ดื้อ แล้วก็รักอิสระ คนที่เป็นเนื้อคู่ของหนูปูนจะเป็นคนที่เข้าใจเขา ให้อิสระกับเขาได้ หนูปูนจะเหมาะกับคนที่อายุมากกว่าที่ดูแลและควบคุมเขาได้ แต่ควบคุมในที่นี้มันก็หมายถึงดูแลอยู่ห่างๆ เพราะคนอย่างหนูปูนจะเป็นพวกยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ คนที่เป็นผู้ใหญ่พอและมีเหตุผลจะเป็นคนที่คุมเขาได้ ประเภทที่ว่าอยู่ได้โดยที่ไม่ต้องอยู่ด้วยกันแล้วมีความสุขเวลาใช้เวลาอยู่ร่วมกัน”

“อย่างนั้นเหรอคะ”

“แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะว่าจะนอกใจ เพราะดวงอย่างหนูปูนเป็นคนรักใครรักจริง ก็อย่างที่ตาบอก บางทีก็ติดขี้หึงมากเสียด้วยซ้ำ ถ้าทำให้รักได้ ให้อิสระกันได้ ก็อยู่ด้วยกันยืด”

“ค่ะ” สาวตาคมรับคำสั้นๆ พลางนึกถึงสาวผมลอน เธอคนนั้นจะเป็นเนื้อคู่ของสาวหมวยจริงๆ หรือเปล่า หรือเป็นใครอีกคนหนึ่งที่ทำให้ปูนจะต้องเจ็บช้ำอีกครั้งหนึ่ง

“ในเมื่อเจ้าตัวเค้าไม่ยอมฟัง ตาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากมาบ่นให้หนูพิมฟังนั่นแหละ อย่าว่าคนแก่เลยนะ” ชายชราพูดพลางยิ้มให้กับบรรณาธิการสาว

“ไม่เป็นไรค่ะ พิมไม่เอาเรื่องนี้ไปพูดหรอกค่ะ”

เสียงของพิธีกรเชิญสมาชิกเข้าร่วมกิจกรรมยามบ่ายดังขึ้น พิมพรรณกับคุณตาชูจึงลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วเดินกลับเข้าไปยังลานกิจกรรมอีกครั้ง สาวตาคมคิดถึงคำพูดของนักกายภาพสาว มันเป็นคำพูดเหมือนกับคนที่รู้ว่าตนเองเป็นคนที่ไร้โชคด้านความรัก ทั้งๆ ที่ได้ชื่อว่าหมวยนำโชค

‘ไม่อยากดูค่ะ’ เสียงของสาวหมวยดังขึ้นในหัวของพิมพรรณ ‘ไม่ตอบดีกว่า เดี๋ยวคุณพิมจะคิดมาก’

‘คุณทำให้พิมคิดมากแล้วล่ะค่ะ คุณปูน’

...

ปูนเดินกลับมาถึงห้องทำกายภาพบำบัดที่ว่างเปล่าไร้ผู้คน เมื่อมาถึงเธอก็หย่อนตัวลงนั่งบนเตียงข้างหน้าต่างบานหนึ่งพลางเหม่อมองออกไปยังสวนหย่อมด้านนอก สาวหมวยนั่งคิดถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมาในวันนี้ เธอยิ้มเล็กน้อยเมื่อนึกถึงพิมพรรณ สาวตาคมผิวเข้มร่างสูงโปร่งที่มักจะเกิดโชคร้ายและเรื่องแย่ๆ กับตัวเองบ่อยๆ แต่ท่าทางเขินอายและยิ้มของเธอคนนั้นทำให้เธอรู้สึกสบายใจ รู้สึกดี และทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงเหมือนกับที่เคยเป็นมาก่อน...

สิ่งที่คุณตาชูบอกกับสาวตาคมเกี่ยวกับดวงชะตาของเจ้าตัวนั้นสาวหมวยรู้สึกเฉยๆ แต่การที่เธอเสนอให้คุณตาดูดวงขึ้นมาก็เพื่อที่จะหาอะไรคุยกับพิมพรรณต่างหาก เพราะไม่รู้ว่าจะคุยอะไรดีหลังจากที่สาวตาคมทำให้เธอเขินและละสายตาไม่ได้ตอนรำวง แต่กลับกลายเป็นว่าเธอถูกบรรณาธิการสาวถามเกี่ยวกับเนื้อคู่ของเธอเองเสียอย่างนั้น เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เธอเลี่ยงที่จะคุยกับคนอื่นมาตลอดเธอรู้ตัวดีว่าตัวเองไม่มีโชคด้านความรักเอาเสียเลย

นักกายภาพสาวมีแฟนคนแรกตอนเรียนชั้นมัธยมปลายแต่คบได้แค่ 2 อาทิตย์ก็เลิกกัน เพราะเธอไม่ชอบให้ใครมาจ้ำจี้จ้ำไชคอยมาบอกว่าต้องทำอะไร อย่างไร ที่ไหน เมื่อไหร่ หลังจากนั้นมาเธอก็เลิกรากับผู้ชายอีกหลายต่อหลายคน ทั้งที่ทนความดื้อเงียบและไม่ค่อยสนใจใครของเธอไม่ได้หรือเธอเองทนพฤติกรรมของพวกเขาไม่ได้ แม้กระทั่งการนอกใจ สิ่งเหล่านี้ทำให้ปูนเริ่มเบื่อกับการมีแฟน การมีคนรัก จนกระทั่งเธอได้รู้จักกับคนๆ หนึ่งในช่วงฝึกงานที่ประเทศสวีเดน คนๆ นั้นทำให้เธอรู้ว่าการมีชีวิตอยู่เพื่อใครบางคนอย่างที่หลายต่อหลายคนเขาพูดกันนั้นเป็นอย่างไร

“อุ้ย... ดีจังเลยวันนี้หนูปูนมาด้วย” คุณยายคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องกายภาพบำบัดทำให้สาวหมวยตื่นขึ้นจากภวังค์

“สวัสดีค่ะคุณยาย” นักกายภาพสาวยกมือไหว้หญิงชราร่างผอมที่เดินถือไม้เท้าเข้ามาในห้อง

“ไหว้พระเถอะลูก”

“วันนี้คุณยายไม่ไปร่วมงานที่ลานกับคนอื่นๆ เหรอคะ”

“ไปมาแล้วเมื่อเช้า แต่ชักเริ่มไม่ไหวแล้วล่ะลูกขอเอนหลังสักหน่อยเถอะ”

ปูนกุลีกุจอเข้าไปพยุงคุณยายไปนั่งที่เตียง “งั้นเดี๋ยวปูนประคบร้อนให้คุณยายก็แล้วกันนะคะ”

“จ้ะ”

“ขออนุญาตไปเตรียมของแป๊บนึงค่ะ” ว่าแล้วก็เดินออกจากห้องไป

เมื่อสาวหมวยเดินกลับมาพร้อมอุปกรณ์เธอก็เห็นคุณยายกำลังเปิดวิทยุอยู่ หญิงชราหมุนหาคลื่นอยู่พักหนึ่งแล้วก็พบกับคลื่นที่เปิดเพลงสากลยุคเก่า

“คุณยายชอบฟังเพลงฝรั่งเหรอคะ”

“ใช่จ้ะ ฟังตามสามีน่ะ เขาจีบยายด้วยเพลงนี้เลยนะ” คุณยายตอบ ตอนนี้วิทยุส่งเสียงเพลง Can’t Help Falling in Love ของ Elvis Presley อยู่

“ค่ะ” นักกายภาพสาวยิ้ม

คุณยายนอนฟังเพลงไป ร้องตามไปด้วย ส่วนสาวหมวยก็ทำหน้าที่ของตัวเองไปเงียบๆ จนกระทั่งเพลงจบ เสียงดีเจก็ดังขึ้น

“ผ่านไปแล้วนะคะกับราชาร็อคแอนด์โรลของเรา ต่อไปขอเป็นเพลงช้าๆ เศร้าๆ ก็แล้วกันนะคะกับเพลงนี้ Not A Day Goes By ของ Stephen Sondheim เป็นเพลงที่มาจากละครเพลงเรื่อง Merrily We Roll Along เพลงนี้ร้องโดยนักแสดงบอรดเวย์และนางเอกเรื่อง The Sound of Music และ Marry Poppins จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Julie Andrews... เชิญรับฟังได้เลยค่ะ”

เสียงเปียโนพร้อมกับเสียงร้องหวานใสของนักแสดงสาวใหญ่เจ้าของรางวัลออสการ์ปี ค.ศ. 1964 ดังขึ้น เมื่อฟังไปได้สักพักนักกายภาพสาวก็รับความรู้สึกของเพลงมาแบบเต็มๆ เพราะเนื้อเพลงมันแทงใจเธอมากถึงมากที่สุด

Not a day goes by,
Not a single day
But you're somewhere a part of my life
And it looks like you'll stay

ไม่มีวันใดเลยที่ผันผ่านไป
ไม่มีแม้แต่หนึ่งวันที่ฉันไม่คิดถึงเธอ
ฉันรู้สึกได้ว่าเธอยังคงอยู่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตฉัน
และดูเหมือนว่าเธอจะยังคงอยู่ตลอดไป

As the days go by,
I keep thinking, "When does it end?
Where's the day I'll have started forgetting?"

ทุกคืนวันที่ผันผ่าน
ฉันได้แต่เฝ้าคิดว่า "เมื่อไรกันนะที่จะสิ้นสุดกันสักที
วันใดกันนะที่ฉันจะลืมเลือนเธอไปได้"

But I just go on
Thinking and sweating
And cursing and crying
And turning and reaching
And waking and dying

แต่ฉันก็ยังลืมเธอไม่ลง
ได้แค่เฝ้าคิดคำนึง กระวนกระวาย
ทั้งครวญคร่ำ ทั้งโกรธเคืองด่าทอ
ไม่รู้จะหันไปทางใด หรือจะเอื้อมไปหาใคร
เฝ้าแต่ผวาตื่น เหมือนตายทั้งเป็น

And no,
Not a day goes by,
Not a blessed day
But you're still somewhere part of my life
And you won't go away

แต่ก็ไม่เลย
ไม่มีวันใดที่ผันผ่านไปโดยไม่คิดถึงเธอ
ไม่มีวันใดเลยที่ฉันเป็นสุข
ก็เพราะเธอยังคงอยู่ที่นั่น เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตฉัน
และเธอก็ไม่ยอมจากไปเสียที

So there’s hell to pay
And until I die
I'll die day after day
After day after day
After day after day
After day
Till the days go by
Till the days go by

เพราะฉะนั้น ฉันคงต้องชดใช้เวรกรรมนี้ต่อไป
จนกว่าฉันจะตายจากโลกนี้ไป
แต่ก่อนหน้านั้น ฉันคงเหมือนตายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เหมือนกับต้องขาดใจตายทุกๆ วัน
จนกว่าวันแห่งความทุกข์นั้นจะผ่านพ้นไป
จนกว่าวันคืนจะผันผ่านไป

(เพลง Not A Day Goes By: Julie Andrews)
คำแปล ruiN’ blog

น้ำตาของปูนไหลพรากเมื่อเพลงจบ เพลงนี้เศร้า... เศร้ามาก แถมยังกระแทกใจของเธออย่างแรง เมื่อเห็นน้ำตาของตัวเองหยดลงบนเตียงนักกายภาพสาวรีบใช้มือเช็ดน้ำตาร้อนๆ ที่ไหลลงแก้มทันที หลังจากนั้นก็ขอตัวออกไปข้างนอก

“ทำไม... พอเถอะ... หยุดเลยนะ...” สาวหมวยบอกกับตัวเองหน้ากระจกในห้องน้ำ เธอล้างหน้าเพื่อไม่ให้เหลือคราบน้ำตาเมื่อครู่ เมื่อน้ำตาหยุดไหลเธอก็ยืนมองเงาสะท้อนของตัวเองครู่หนึ่ง หลับตาลง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินกลับไปที่ห้องทำกายภาพอีกครั้ง

“ขอโทษค่ะ พอดีมีฝุ่นเข้าตาค่ะ น้ำตาเลยไหล” ปูนบอกกับคุณยาย แต่... หญิงชราที่นอนอยู่บนเตียงหลับไปแล้วแถมมีเสียงกรนเบาๆ อีกต่างหาก

“เฮ้อ... ดีนะที่หลับ Lucky”

สาวหมวยเก็บของแล้วกลับมานั่งที่โต๊ะเขียนรายงาน เสียงเพลงจากวิทยุยังคงดังอยู่ตอนนี้เป็นเพลง  Fly me to the moon ของ Frank Sinatra

“Fly me to the moon. Let me sing among those stars. Let me see what spring is like on Jupiter and Mars. (พาฉันโบยบินไปยังดวงจันทร์ ขอให้ฉันได้ร้องเพลงกับหมู่ดาว ขอให้ฉันได้เห็นใบไม้ผลิบนดาวพฤหัสและดาวอังคารนั้นว่าเป็นเช่นไร)” ปูนร้องเพลงคลอขึ้นมาเบาๆ เพลงนี้ก็เป็นเพลงโปรดของคนๆ นั้น... คนที่เธอเหม่อมองหาอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม

“เฮ้อออออ” นักกายภาพสาวฟุบหน้าลงกับโต๊ะแล้วหลับตาลง

...
พิมพรรณนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานพลางอ่านตารางการเดินทางของทริปที่นิตยสารจะจัดขึ้นในเดือนหน้า วันนี้เธอไม่มีสมาธิในการทำงานมากนักหลังจากที่เห็นรายชื่อของสมาชิกของนิตยสารจำนวน 30 คนที่จะร่วมเดินทางไปกับทีมงานด้วย…

“บก. คะ อันนี้เป็นรายชื่อของสมาชิกที่คอนเฟิร์มมาค่ะ ส่วนอันนี้เป็นรายชื่อของสมาชิกที่ยกเลิก แล้วก็อันนี้เป็นรายชื่อของคนที่โอนสิทธิ์ให้คนอื่นไปแทนค่ะ” เก๋ เลขาสาวนำเอกสาร 3 ฉบับมาให้เจ้านายดู

“ค่ะ... แล้วมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”

“ไม่มีค่ะ ของคนที่คอนเฟิร์มกับยกเลิกแล้วทางทีมกำลังเตรียมเรื่องห้องพัก ส่วนของคนที่จะไปแทนทีมกำลังขอรายละเอียดเพิ่มเติมอยู่ค่ะ ก็จะเป็นพวกสำเนาบัตรประชาชนที่ไว้ทำประกันอุบัติเหตุ แล้วก็จองห้องเพิ่ม ถ้าได้จำนวนแน่นอนยังไงแล้วเก๋จะรายงานให้ทราบนะคะ”

“โอเคค่ะ งั้นเดี๋ยวพิมขอดูแป๊บนึงก็แล้วกันนะคะ มีอะไรเพิ่มเติมเดี๋ยวพิมจะบอกอีกที”

“ค่ะ”

หลังจากที่เลขาสาวเดินออกจากห้องแล้วไปแล้ว พิมพรรณก็อ่านเอกสารทั้ง 3 ฉบับทันที ถึงแม้ทริปนี้จะไม่ใช่ทริปแรกที่เธอจัด แต่เส้นทางของทริปนั้นถือว่ายังไม่เป็นที่รู้จักกันมากนักสำหรับทีมงานนั่นคือเส้นทางเที่ยวอีสาน 5 จังหวัด ได้แก่ ร้อยเอ็ด มุกดาหาร นครพนม หนองคาย และบึงกาฬ จังหวัดที่ 77 ของประเทศไทย โดยใช้ชื่อทริปว่า ‘อิ่มบุญ เพลินใจ เที่ยวอีสาน 5 จังหวัด’ โดยใช้เวลา 5 วัน 4 คืน

เมื่อไล่สายตาดูรายชื่อของผู้ที่ยกเลิกแต่ขอใช้สิทธิ์ให้คนอื่นไปแทน บรรณาธิการสาวก็สะดุดตากับชื่อของคนๆ หนึ่ง

“น.ส. นพนลัท พิศิษฐโกศล... นี่มันชื่อคุณปูนนี่นา!” พิมพรรณอุทานขึ้นมาเบาๆ

ชื่อของสาวหมวยนั้นเขียนว่าไปแทนสมาชิก 2 คือ คือ นายสงวน และนางพิชยา ลีวิบูลย์กิจ แต่คนที่จะไปแทนสมาชิกสองคนนี้นั้นไม่มีเพียงแค่ปูนเพียงคนเดียว ยังมีชื่อของหญิงสาวอีกคนไปด้วยเธอคนนั้นมีชื่อว่า น.ส. ธัญยกันต์ ลีวิบูลย์กิจ

‘ใช่ผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่านะ’ สาวตาคมคิดในใจ

หลังจากนั้นทั้งภาพที่สาวหมวยกับสาวผมลอนตอนอยู่ในห้างฯ สาวผมลอนกับสาวผมบ๊อบที่ร้านอาหารก็พรั่งพรูเข้ามาในสมองของพิมพรรณ

‘ดวงของหนูปูนเนี่ยเป็นดวงที่มักจะผิดหวังเรื่องความรักบ่อยๆ ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นคนซื่อตรงกับความรักมากๆ’ เสียงของคุณตาชูดังขึ้นมาในหัว

‘ตั้งสติไว้พิม สมาธิๆ อย่าคิดเยอะ อย่า... คิดมาก’ สาวตาคมบอกกับตัวเองไม่ให้คิดมากและพยายามสลัดภาพและความคิดเกี่ยวกับปูนให้ออกไปจากหัวของเธอ จริงๆ แล้วเธออยากจะคุยเรื่องนี้กับสาวหมวยตรงๆ แต่ติดตรงที่ว่าเธอไม่กล้าที่จะคุยแบบเผชิญหน้าถ้าจะต้องไปเจอกับปูนที่โรงพยาบาลแถมยังไม่ได้ขอเบอร์โทรศัพท์เอาไว้อีกด้วย เรื่องที่อยากจะพูดก็เลยจะเก็บเอาไว้กับตัวเธอคนเดียว

ด้วยความกังวลและความเครียดทำให้เธอเผลอกำมือแน่นจนทำให้ดินสอกดด้ามเก่งที่ใช้มาตั้งแต่มัธยมปลายของเธอหักทันที พิมพรรณสะดุ้งความความตกใจแล้วมองที่ดินสอกดด้ามนั้นด้วยใบหน้าเซ็งๆ

“อะไรกันเนี่ย อีกแล้วเหรอ... ซวยแล้ว”

...

และแล้ววันเดินทางก็มาถึง ทีมงานของนิตยสารและสมาชิกรวมทั้งหมด 50 คนก็มาถึงจุดนัดพบในเวลา 19.00 น. ตรง ณ ลานจอดรถหน้าบริษัทเพื่อขึ้นรถบัส 2 ชั้น โดยมีรถตู้อีก 2 คันขับตามไปด้วย จุดหมายแรกของการเดินทางคือจังหวัดร้อยเอ็ด

“สวัสดีค่ะสมาชิกทุกท่านขอต้อนรับเข้าสู่ทริปเดินของเรา... อิ่มบุญ เพลินใจ เที่ยวอีสาน 5 จังหวัดค่า” บรรณาธิการสาวกล่าวต้อนรับสมาชิกนิตยสารที่อยู่บนรถบัส เสียงปรบมือดังขึ้น

“ดิฉันพิมพรรณ เรียกว่าพิมก็ได้นะคะ เป็นบรรณาธิการบริหารนิตยสาร Health Variety ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนับสนุนเสมอมานะคะ ทริปนี้จะต้องเป็นทริปที่สนุก และสร้างความประทับใจให้กับทุกท่านแน่นอนค่ะ...” เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง “ต่อไปจะขอแนะนำทีมงานที่เดินทางพร้อมกับทุกท่านในครั้งนี้นะคะ พวกเราทุกคนจะดูแลทุกๆ ท่านตลอดการเดินทางเลยค่ะ”

หลังจากนั้นสาวตาคมก็แนะนำทีมงานแต่ละคนทั้งที่เป็นนักเขียน สไตลิสต์ ช่างภาพ ฝ่ายบริหาร รวมไปถึงคนขับรถ เด็กรถและมัคคุเทศก์ประจำทริป

“รู้จักหมดทุกคนแล้วนะคะ เอาเป็นว่ามีอะไรก็เรียกใช้ได้ จะจิกหัวใช้ก็ได้ไม่ว่ากัน แต่อาจมีเคืองค่ะ แล้วถ้ามีอะไรขัดข้องก็บอกกับพวกเราได้นะคะ... ยินดีรับฟังค่ะแต่อาจจะช่วยไม่ได้” บรรณาธิการสาวปล่อยมุกตลกทำเอาทุกคนบนรถหัวเราะร่วน หลังจากนั้นก็ส่งไมโครโฟนให้หน่อยและขวดมัคคุเทศก์หนุ่มสาวประจำทริปทำหน้าที่อธิบายถึงการเดินทางและกิจกรรมต่างๆ ต่อไป

ก่อนที่พิมพรรณจะเดินกลับไปนั่งที่ของตัวเอง เธอก็สบตากับปูนที่นั่งอยู่ห่างออกไปจากเธอ 2 – 3 แถวด้านฝั่งตรงข้ามกับที่นั่งของเธอ สาวหมวยยิ้มกว้างๆ และโบกมือให้กับเจ้าของทริปที่ยิ้มตอบกลับไปแบบเขินๆ นักกายภาพสาวอยู่ในชุดลำลองสไตล์วัยรุ่นคือเสื้อยืด กางเกงห้าส่วนและรองเท้าผ้าใบ คนที่นั่งข้างๆ ปูนติดกับหน้าต่างจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากสาวผมลอนที่อยู่ในชุดคล้ายๆ กัน

สาวตาคมเมื่อเห็นสาวหมวยก็จำเป็นต้องเดินไปทักอย่างเสียไม่ได้ ถึงแม้ว่าใจในไม่อยากจะเกี่ยวข้องกับเรื่องความรักของปูนถึงแม้ว่าอยากจะบอก อยากจะคุยแค่ไหนก็ตามที แต่ในเมื่อมีคนรู้จักมาด้วยก็จำเป็นต้องทักทายตามมารยาท

“สวัสดีค่ะคุณปูน ไม่คิดเลยว่าจะมาทริปของพิมด้วย”

“ค่า พอดีเค้าให้มาแทนอ่ะค่ะ อยากเที่ยวด้วยก็เลยตอบตกลง”

“ค่ะ...” สายตาของพิมพรรณเลื่อนไปยังสาวผมลอนที่นั่งเล่นเกมส์พกพาอยู่อย่างเสียไม่ได้

เมื่อปูนเห็นสายตาของอีกฝ่ายเธอรีบสะกิดคนข้างๆ ทันที “นี่ๆ อย่าเพิ่งเล่นเกมส์ดิ พักก่อนๆ มารู้จักกับเพื่อนปูนก่อน”

เธอคนนั้นทำตกใจแล้วลดเกมส์ที่อยู่ในมือลงแล้วส่งยิ้มหวานๆ ให้กับบรรณาธิการสาว “หือ... อะไรเหรอ... อ๋อ... สวัสดีค่ะ หยกค่ะ”

“สวัสดีค่ะ พิมค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณหยก”

“คุณพิมเป็นเพื่อนปูนเหรอ” สาวผมลอนพูดพลางหันไปหาคนนั่งข้างๆ ซึ่งปูนก็พยักหน้าน้อยๆ “รู้จักกันได้ยังไงอ่ะคะ”

“ก็... พอดีคุณยายของคุณพิมเค้ามาทำกายภาพกับปูนน่ะก็เลยรู้จักกัน” สาวหมวยตอบแทน “คุณพิมเป็น บก. ของนิตยสารที่ป๊ากะม๊าของหยกเป็นสมาชิกไง”

“อ๋อ... ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ป๊ากับม๊าชอบอ่านมากเลยค่ะแบบว่าติดหนึบ ถ้าไม่ได้อ่านสักเดือนทำท่าอย่างกะจะลงแดงตาย” หยกพูด

พิมพรรณยิ้มกับคำพูดของอีกฝ่าย “ดีใจจังเลยค่ะ แบบนี้ทำงานกันแบบลืมตายแน่ๆ เลยค่ะ”

“โห... คุณพิมพูดแบบนี้ก็น่ากลัว พักผ่อนบ้างคะนะ ปูนว่าคุณพิมดูซูบๆ ไป” สาวหมวยเอียงคอมองคนที่ยืนอยู่พลางพิจารณาไปทั่วร่างสูงโปร่งของสาวตาคม “คุณพิมผอมกว่าคราวที่แล้วที่เจอกันอีกค่ะ”

“ก็นิดนึงค่ะ พอดีงานมันเร่ง” พิมพรรณรู้สึกว่าหน้าของตัวเองร้อนขึ้นคงเป็นเพราะสายตาและท่าทางของนักกายภาพสาวมันน่ารักมาก... จนเธอรู้สึกเขิน

“อย่าหักโหมนะคะ พักผ่อนบ้าง เดี๋ยวคุณยายแอบมาฟ้องปูนไม่รู้ด้วยน้า”

สาวตาคมหัวเราะออกมาเล็กน้อย “รับทราบค่ะ ขอตัวก่อนนะคะคุณปูน คุณหยก” แล้วบรรณาธิการสาวขอตัวออกมาเพราะเธอรู้สึกเขินกับคำพูดและท่าทางของสาวหมวย แถมยังแอบมองเห็นสายตาแปลกๆ ของสาวผมลอนที่ส่งมาให้เธออีกต่างหาก

“ค่ะ” สองสาวรับคำ

เมื่อพิมพรรณเดินกลับมานั่งที่ของตัวเองเธอรู้สึกกังวลกับปูนมากยิ่งขึ้น เรื่องที่สาวผมลอนกินข้าวแบบกระหนุงกระหนิงกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งยังคงวนเวียนอยู่ในหัว

“พอเลยๆ เลิกคิดๆ” สาวตาคมบอกกับตัวเองแล้วหยิบหมอนใบเล็กขึ้นมากอดแล้วมองไปที่จอโทรทัศน์ที่อยู่ตรงหน้า

หลังจากที่บรรณาธิการสาวเดินจากไปแล้ว หยกก็ยกเกมส์ขึ้นมาเล่นต่อส่วนปูนยังคงชะเง้อมองไปยังที่นั่งของเจ้าของทริป

“มองอะไรอ่ะ คอยื่นคอยาวจนจะเป็นยีราฟอยู่แล้ว” เสียงของคนที่นั่งข้างๆ ดังขึ้นมาแต่สายตาของเธอยังไม่ละออกจากเกมส์

“ยุ่งน่า เล่มเกมส์ไปสิ”

“โห... เดี๋ยวนี้พูดแบบนี้กะเค้าแล้วเหรอ” หยกหันมามองสาวหมวยแบบเคืองๆ

“...เปล่า”

สองสาวเงียบกันไปพักหนึ่ง แล้วจู่ๆ สาวผมลอนก็พูดขึ้นมาว่า “คุณพิมน่ารักดีเนอะ”

ปูนสะดุ้งกับคำพูดนั้นเพราะเธอยังคงชะเง้อมองที่นั่งของพิมพรรณอยู่ “เล่นเกมส์อะไรน่ะ” สาวหมวยรีบเปลี่ยนเรื่องพูด

“เกมส์จีบสาว... นี่! ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลยนะ”

“เล่นมั่งดิ” ปูนไม่สนใจคำพูดของคนที่นั่งข้างๆ แล้วยื่นมือหมายที่จะแย่งเกมส์ออกจากมือหยกแต่ก็ถูกอีกฝ่ายใช้มือดันเอาไว้ไม่ให้เอื้อมถึง

“โอ๊ะๆๆๆ ปูนเป็นโอบาค่อน*เหรอ” หยกแหย่

*Obacon – ผู้ที่ชอบคนที่มีอายุมากกว่า

“อะไรเล่า พูดอะไรไม่เข้าใจ” สาวหมวยร้อง

“แหนะๆ มีเถียงๆ คุณพิมดูท่าทางจะอายุเท่าเค้าใช่ม้า ปูนถึงได้ชอบ ฮิฮิ”

ปูนหยุดแย่งเกมส์แล้วนั่งกอดอกพิงพนักเก้าอี้ด้วยใบหน้าบูดบึ้ง สาวผมลอนได้ทีก็ยิ่งแหย่ใหญ่

“อะไรกันงอนซะแล้วเหรอ แทงใจดำเหรอ... ชอบคุณพิมเค้าแล้วอ่ะซี่... ถึงว่าช่วงนี้ไม่ค่อยคุยกะเค้าบ้างเลย ทำตัวมีความลับนักนะ” หยกใช้นิ้วจิ้มแก้มคนที่นั่งข้างๆ

“หยุดเลยนะ ปูนไม่ชอบ”

“ไม่ชอบอะไร”

“ไม่ชอบให้พูดแบบนี้ ไม่ชอบให้พูดถึงคุณพิมแบบนี้ด้วย”

“พูดแบบไหน”

“ก็พูดแบบเมื่อกี้”

สาวผมลอนยิ้มน้อยๆ “ก็เค้ายังไม่ได้พูดอะไรเลยนี่นา งอนอะไรเนี่ย...”

“เปล่า ไม่ได้งอน”

“ไม่งอนก็ไม่งอน” หยกเล่นเกมส์ต่อไปพักหนึ่งแล้วพูดว่า “จะว่าไปมันก็แปลกนะเนี่ย”

สาวหมวยหันมามอง “อะไรแปลก”

“ก็ที่ปูนมานี่กะเค้าไง ปกติตัวไม่ค่อยชอบเที่ยวอะไรแบบนี้เท่าไหร่ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงยอมมากับเค้าได้ล่ะ” สาวผมลอนพูดด้วยที่ท่าที่ไม่ใส่ใจอะไรมากนักแต่ก็แอบมองปฏิกิริยาของอีกฝ่ายแบบไม่วางตา

“ก็ป๊ากับม๊าหยกขอให้ปูนมาไม่ใช่เหรอ ปูนจะไปขัดผู้ใหญ่ได้ยังไง”

“ก็จริง... แต่จริงๆ แล้วเค้าจะมากะพวกเฮียๆ เจ้ๆ ก็ได้นี่นา”

“ก็พวกนั้นไม่ว่างไม่ใช่เหรอ... คิดจะพูดอะไรน่ะ” ปูนพูดพลางมองตาขวาง

“โห... ทำหน้าซะน่ากลัวเลย ไม่พูดก็ได้” หยกพูดแล้วก็ก้มหน้าก้มตาเล่นเกมส์ต่อไป

เวลาผ่านไปได้สักพักหนึ่ง สาวผมลอนก็เห็นว่าคนที่นั่งข้างๆ ยังคงมองไปยังที่นั่งของพิมพรรณอยู่ดี ดูเหมือนว่าปูนจะรู้สึกหงุดหงิดกับคำพูดของเธอเมื่อครู่แถมดูเหมือนใจจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัว สาวหมวยนั่งกระสับกระส่ายไม่อยู่นิ่งในขณะที่คนอื่นๆ กำลังหัวเราะกับ DVD จำอวดหน้าม่านที่เปิดให้ดูอยู่ในทีวีจอใหญ่ด้านหน้า หยกยิ้มน้อยๆ ให้กับท่าทางของคนที่นั่งข้างๆ 

“อ้ะ... เอาไป” สาวผมลอนยื่นเกมส์ให้เล่น ปูนรับไปอย่างงงๆ

“อยากเล่นไม่ใช่เหรอ เค้าเบื่อแล้วอ่ะจะดูทีวี”

“อื้อ... มี cooking mama มั้ยอ่ะ” สาวหมวยถาม

“มี หาเอาเองก็แล้วกัน”

สาวผมลอนชายตามองไปยังบรรณาธิการสาวที่หัวเราะให้กับมุกตลกในจอทีวีแล้วหันมามองคนที่นั่งข้างๆ ของตัวเองที่เล่นเกมส์ไปแอบมองพิมพรรณไป หยกยิ้มเล็กน้อยหลังจากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วพิมพ์ข้อความอะไรบางอย่างลงไป

“Hi, honey. I’m on the way to the 1st province. I found something interesting, I think I’ll tell you when I arrive. Miss you so much. Love you XXX (หวัดดีค่ะที่รัก ตอนนี้เค้ากำลังเดินทางไปจังหวัดแรกนะคะ เค้าเจออะไรน่าสนใจด้วยล่ะ เดี๋ยวเค้าจะโทรบอกตัวตอนที่เค้าถึงแล้วนะ คิดถึงตัวมากเลย รักค่ะ)”

เมื่อส่งข้อความเสร็จเธอก็เอนตัวลงไปซบไหล่คนที่นั่งข้างๆ แล้วก็แอบมองสาวหมวยและสาวตาคมด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม





 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.