web stats

ข่าว

 


Another Me - Chapter 15

โพสต์โดย: nuffy วันที่: 04 พฤศจิกายน 2017 เวลา 15:43:59 อ่าน: 1034


แจนกลับมาทำงานหลังจากที่ลาไปงานศพต้าร์มาได้ประมาณ 1 สัปดาห์แล้ว หลังจากที่กลับมาจากเชียงรายจอยก็ยังคงมานอนเป็นเพื่อนอยู่อีก 2 - 3 วัน

"แกแน่ใจนะว่าอยู่คนเดียวได้" สาวอวบถามในวันที่อีกฝ่ายบอกว่าอยู่คนเดียวได้

"อื้อ... เราอยู่ได้"

"มีอะไรก็บอกนะเว้ย ไม่ต้องเกรงใจ" จอยยังคงแสดงท่าทีว่าเป็นห่วง

"ไม่เป็นไร ตอนที่แกมานอนด้วยเพราะเป็นห่วงเรื่องเรากับต้าร์ แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่แล้ว ก็คงไม่มีเรื่องอะไรหรอก"

"แต่ฉันก็ยังเป็นห่วงแกอยู่ดี กลัวแกเหงา กลัวแกจะเป็นอะไร สาวโสดอยู่คนเดียวแบบนี้แกไม่กลัวอะไรบ้างหรือไง"

สาวลูกครึ่งยิ้ม "ไม่ต้องห่วงหรอกน่า หน้าบ้านก็เป็นถนนในหมู่บ้าน ปลอดภัยดี เพื่อนบ้านก็รู้จักกันหมดตั้งแต่สมัยพ่อแม่ยังอยู่ ประตูหน้าต่างก็ติดเหล็กดัดหนาๆ เห็นมะ..." ว่าแล้วก็เคาะประตูเหล็กดัดที่หน้าต่างให้ดู

"เรื่องเหงาเหรอ... บางทีก็เหงาแหละแต่ทำงานกลับมาก็เหนื่อยแล้ว เราไม่ใช่คนขี้เหงาอยู่แล้ว ถึงบ้านก็นอนอ่านหนังสือเพลินๆ ไปเดินเล่นบ้าง ไปคุยกะข้างบ้านมั่ง ไม่คิดอะไรมากหรอก ตอนมืดก็ล็อคบ้าน ล็อครั้วให้เรียบร้อย"

"แล้วไม่กลัวผีเหรอวะ?"

"เรากลัวคนมากกว่ากลัวผีว่ะ แต่ต้าร์คงไม่มาเป็นผีหลอกเราหรอกมั้ง ตอนจุดธูปไหว้บอกไปแล้วว่าไม่ต้องมา ไม่อยากเจอ ตอนเป็นคนก็โดนหลอกมาแล้วถ้าจะใจร้ายมาเป็นผีมาหลอกนี่จะแช่ง"

"โหดดดด"

แจนหัวเราะน้อยๆ "ถ้าจะกลัวผี ก็กลัวผีในหนังมากกว่า"

สาวอวบยิ้ม "ฉันดีใจนะที่แกเริ่มกลับมาเป็นตัวแกเองเหมือนเดิมแล้ว แจนผู้ไม่กลัวอะไร ยกเว้นหนังสยองขวัญ"

"อื้อ... ตอนนี้เราไม่กลัวอะไรแล้วล่ะ ยกเว้นเรื่อง..."

สาวลูกครึ่งเว้นคำพูด เรื่องที่เธอรู้สึกกลัวก็คือเรื่องคนที่มีหน้าเหมือนตัวเธอเอง ซึ่งทุกวันนี้ทุกคนต่างก็เรียกเธอคนนั้นว่า 'ฝาแฝดของแจน'

.
.
.

มีคนเห็นฝาแฝดที่ไม่รู้ที่มาของเธออีกครั้ง และครั้งนี้คนที่พบก็คือพี่วิชัย หัวหน้าฝ่ายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุและครอบครัวของเขาพร้อมกับคนอื่นๆ ที่ทำงาน เมื่อหัวหน้าฝ่ายและภรรยาเห็นหน้าเธอ พวกเขาก็ยิ้มและดีใจกันมาก

"น้องแจนมาเยี่ยมอีกแล้ว ขอบใจนะ" วิชัยพูด

หญิงสาวเจ้าของชื่อเลิกคิ้ว เธอหันไปมองหน้าเพื่อนๆ ด้วยความงุนงงแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา

"วันก่อนก็มาเยี่ยม ซื้อแอปเปิ้ลมาให้ แถมยังพาลูกๆ พี่ออกไปกินไอติมตอนที่แมวเขากำลังยุ่งๆ ด้วย"

"เอ่อ... ค่ะ"

"อะไรเนี่ย ทำเป็นมาซุ่มเงียบไม่บอกใคร นี่กะทำคะแนนตอนประเมินผลงานเหรอวะ" โอ๊คที่เห็นเพื่อนพยายามเก็บอารมณ์ทางสีหน้าแกล้งพูดแซว

"ใช่ ทำไมอ่ะ" สาวลูกครึ่งแกล้งทำเป็นรับมุกเพื่อน

"แต่ขอโทษเหอะ พี่วิชัยไม่ได้เป็นคนประเมินให้โบนัสแกนะเว้ย พี่ด้วงต่างหาก" จอยพูดต่อ

"อ้ะเหรอ..." แจนทำท่าเสียใจแบบแบ้วๆ เพื่อให้ทุกคนหัวเราะ

เมื่อบรรยากาศในห้องพักผู้ป่วยดีขึ้น ทั้งหมดก็พูดคุยกับคนไข้พักหนึ่งแล้วขอตัวออกมาเมื่อหมดเวลาเยี่ยม สีหน้าของสาวลูกครึ่งดูแย่ลงทันทีเมื่อเดินออกมาจากโรงพยาบาล

"เรายังไม่เคยมาเยี่ยมพี่วิชัยเลยนะ นี่เราเพิ่งมากับพวกแกครั้งนี้ครั้งแรก"

"แล้วพี่แมวบอกหรือเปล่าว่าเจอแกเมื่อไหร่ วันไหน?" เกย์หนุ่มถาม

"ช่วงที่มีเรื่องต้าร์เข้ามาพอดี"

แจนถอนหายใจ "นี่เราไม่รู้เลยนะว่าเขาเป็นใคร ดูเหมือนจะมาดี แต่ทำไมเรารู้สึกว่าเขาทำอะไรๆ แทนเราทุกอย่างเลย บางทีเราก็ไม่รู้ว่าที่ๆ คนบอกว่าเจอเราที่นู่นที่นี่เป็นเรื่องจริงหรือแกล้งอำเราเล่น"

"แล้วแกเคยทำอะไรอย่างที่คนพวกนั้นเจอแกหรือบอกแกมั้ยล่ะ?" สาวอวบถาม

"ไม่รู้สิ... บางทีเราก็รู้สึกเหมือนเดจาวู เหมือนเราเคยมาที่นี่มาก่อน เคยคุยกับคนๆ นี้มาก่อน แต่มันก็แค่ความรู้สึก มันเลือนๆ มันไม่ชัด เหมือนความจำมันขาดๆ หายๆ"

โอ๊คแตะไหล่อีกฝ่าย "มีคนรู้เรื่องนี้กี่คนอ่ะ เรื่องที่มีคนเห็นแกที่นั่นที่นี่ ฝาแฝดของแกอ่ะ"

"มีแกสองคนกับตองที่รู้เรื่องเยอะที่สุด"

"แล้วน้องว่ายังไง?"

"น้องอยากให้เราลองไปหาจิตแพทย์ ไม่ก็นักจิตวิทยา"

จอยกับเกย์หนุ่มมองหน้ากัน "ทำไมวะ?"

"ตองบอกว่าอาจจะเป็นภาวะกลไกอะไรบางอย่างด้านจิตเวชที่ทำให้เรารู้สึกว่ามีร่างแยก หรือมีดอพเพลแกงเกอร์ หรืออะไรก็ตามที่ทำให้เรารู้สึกแบบนี้ก็ได้"

"แล้วแกจะไปมั้ย?" สาวอวบถาม

"ก็อยากลองดูนะ แต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง ตองบอกว่าจะหาข้อมูลมาให้"

"แล้วตอนนี้น้องเป็นยังไงบ้างล่ะ?" โอ๊คถาม

"ยังอยู่เชียงราย รอเก็บกระดูก ลอยอังคาร กับจัดการเรื่องเอกสารที่นู่นน่ะ เห็นโทรมาบอกว่าจะให้คนเอารถมาเก็บของของต้าร์ออกจากบ้านเรา แต่ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่"

"แล้วแกกับน้อง... เป็นยังไงบ้าง?" เกย์หนุ่มถามต่อ

เมื่อถูกเปลี่ยนเรื่องคุยกลางคันและเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสาวแก้มป่อง ผู้ถูกถามก็หน้าแดงขึ้นมาทันที นั่นก็เป็นเพราะเธอนึกถึงช่วงที่นอนค้างในห้องนอนของตอง และทุกคืนที่นอนด้วยกันนั้นเธอแอบขโมยจูบแก้มและริมฝีปากของเจ้าของห้องไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งในช่วงทีอีกฝ่ายกำลังนอนหลับ

"หน้าแดงทำไมวะ? หรือว่า..." จอยถามเมื่อเห็นปฏิกิรยาของเพื่อน "ได้กันแล้ว"

"ไอ้บ้า! นี่เราไปงานศพพี่เขานะเว้ย ถึงจะเลิกกันแล้วแต่คนอื่นๆ ก็ยังเข้าใจว่ายังเป็นแฟนกันอยู่ คิดอะไรอกุศลแบบนั้นวะ"

"อ้ะเหรอ... แล้วทำไมแกต้องหน้าแดง"

"ร้อน..." เธอทำท่าพัดให้กับตัวเอง

"ไม่เนียน" สาวอวบแขวะ

สาวลูกครึ่งรีบเดินไปขึ้นรถเพื่อหนีสายตาของเพื่อนๆ พอขึ้นรถได้เธอก็บอกกับเพื่อนทั้งสองว่า

"ตอนนี้เราอยากโฟกัสกับงาน ไม่อยากคิดเรื่องอะไรแบบนี้หรอกนะ เราก็คิดว่าน้องเขาก็อยากรีบเรียนให้จบเหมือนกัน"

"ปากแข็ง" ผู้ฟังทั้งสองพูดพร้อมกัน หลังจากนั้นก็เริ่มพูดเรื่องของตองให้เธอฟังมากขึ้นว่าน่ารักอย่างนั้น เอาใจใส่แบบนี้ ดูเป็นผู้ใหญ่สุดๆ

"ไม่รู้สิ เราเองบางทีก็รู้สึกว่าคนบางคนเราอาจมีความรู้สึกดีๆ ให้ แต่ก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องคู่กันนะ" แจนพูดขัดขึ้นมา

"แต่คำพูดแบบนั้นแสดงว่าแกชอบน้อง และจริงจังกับน้องมากขึ้น" จอยพูด

"..." สาวลูกครึ่งไม่ตอบ

"ถ้าชอบ ถ้ารักก็บอกไปเลยเหอะ อย่าเก็บเอาไว้นาน คนที่รู้ใจช่วยเหลือกันแบบแกกับน้องมันหายากนะเว้ย"

"เรื่องนินทาที่ว่าเลิกพี่มาเอาน้องอะไรงี้ก็ช่างพวกปากหอยปากปูไปเหอะ คนรักกันจะคบกันก็เรื่องของคนสองคน ไม่ใช่มี 5 6 7 8 อย่างที่แกเคยพูดหรอก ชีวิตแกไม่ได้ขึ้นอยู่เพราะปากใคร ไม่มีใครไม่ถูกนินทาหรอกว่ะ ก็แค่ทำตัวในแบบที่เหมาะสม เราว่าทั้งแกทั้งน้องเข้าใจตรงกันก็พอแล้ว" โอ๊คพูด

"เรื่องน้องอ่ะถามใจตัวเองดูอีกทีเหอะ ส่วนเรื่องฝาแฝดแกพวกฉันจะช่วยดู ช่วยระวังให้ก็แล้วกัน ที่น้องแนะนำให้ไปหาจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาก็ฟังดูมีเหตุผล ถ้าอยากไปเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกันจะได้ไปเป็นเพื่อน"

"อื้อ... ขอบคุณนะ"

...

แจนนอนมองเพดานในห้องของตัวเองเงียบๆ พลางคิดถึงเรื่องราวของเธอกับสองพี่น้อง... ต้าร์และตอง ในช่วงที่ไปร่วมงานศพนั้นเธอพยายามทำตัวนิ่งๆ ไม่อยากรับรู้ ไม่อยากพาปัญหาให้กับตัวเองและครอบครัวของสาวแก้มป่องต้องเดือดร้อนด้วยการพยายามเก็บอารมณ์ไม่ให้เข้าไปทะเลาะกับเสียงซุบซิบนินทาของบรรดาสาวๆ ของสาวหล่อที่พูดถึงเธอ

ตลอดเวลาที่คบกันมา เธอคิดว่าเธอและต้าร์ต่างรักกัน แต่สาวหล่อไม่ค่อยเปิดใจคุยกับเธอเท่าไหร่นัก ทั้งๆ ที่อยู่ด้วยกันทุกวัน ยิ่งนานวันเข้าเขาก็ไม่ค่อยสนใจสิ่งที่พูด จากที่เคยคุยกันสนุกสนานกลายเป็นอยู่ด้วยแล้วอึดอัด ไม่รู้จะคุยอะไร เหมือนมีเส้นบางๆ มากั้นอยู่ตรงกลาง เวลาอยู่กับต้าร์... เหมือนเขาคิดเรื่องอื่นอยู่ตลอด ยิ่งตอนนี้เขาได้จากไปแล้วแต่ก็ยังทิ้งให้คนอื่นได้แต่เจ็บใจ เสียใจ เสียความรู้สึก

ส่วนเรื่องของสาวแก้มป่อง... ในใจลึกๆ แล้วเธอชอบตองมากกว่า สาวแก้มป่องเป็นคนที่พึ่งพาได้และเป็นผู้ใหญ่เกินตัว บุคลิกแบบนี้ทำให้เธอสนใจมาก พอยิ่งรู้จักก็ยิ่งชอบมากขึ้นแต่ก็ทำได้แต่เก็บไว้ในใจเท่านั้น

'คนที่ตองชอบมาตลอดคือพี่แจน' คำพูดของพิมดังขึ้นมา

เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าตองคิดแบบนี้กับเธอ ตลอดเวลาที่ผ่านมาบางครั้งเธอก็แอบคิดว่าสาวแก้มป่องน่าจะมีใจให้เธอบ้าง ไม่เช่นนั้นอีกฝ่ายก็คงไม่ตามใจเธอหรือดูแลเธอมากถึงขนาดนี้ แต่ตองก็ไม่เคยที่จะปริปากพูดอะไรออกมาในขณะที่เธอเองก็สานสัมพันธ์กับต้าร์มากขึ้นจนกระทั่งตอบตกลงคบกัน สาวลูกครึ่งรู้ว่าอีกฝ่าย เป็นคนประเภทที่ชอบอยู่เงียบๆ จึงทำให้การแสดงออกของสาวแก้มป่องกลายเป็นแบบอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ

'ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก' แจนคิดในใจ 'ถ้าบอกก่อนก็ไม่คบกับต้าร์หรอก'

สาวลูกครึ่งเปิดโทรศัพท์มือถือดู ไม่มีข้อความใหม่จากคนที่เธอคิดถึง ไม่มีแม้แต่ความเคลื่อนไหวในเฟซบุ๊ค เธอได้แต่พิมพ์ข้อความไปหาอีกฝ่าย

[พักผ่อนเยอะๆ นะ พี่เป็นห่วง Good Night]

.
.
.

แจนกำลังเดินอยู่ในสวนสาธารณะ เธอจำได้ว่าเป็นสวนจัตุจักรเพราะเห็นสถานีรถไฟใต้ติดอยู่ห่างจากเธอไม่ไกลนัก เธอเดินสวนกับคนที่กำลังวิ่งออกกำลังกายและกลุ่มของผู้สูงอายุที่กำลังรำไทเก๊กอยู่ สาวลูกครึ่งก้าวเท้าเดินไปเรื่อยๆ แล้วทรุดตัวลงนั่งที่ม้านั่งตัวหนึ่งใกล้กับหอนาฬิกา

Hello my friend, we meet again
It's been awhile, where should we begin?
Feels like forever

(สวัสดีเพื่อนเอ๋ย ได้พบกันอีกครั้ง
จากไปเนิ่นนานเหลือเกิน ฉันควรจะเริ่มต้นอย่างไรดี
เวลาที่ผ่านพ้นไปเหมือนชั่วนิรันดร์)

เสียงเพลงๆ หนึ่งดังขึ้น เธอจำได้ว่าเป็นเพลงที่พ่อของเธอชอบและเปิดฟังบ่อยๆ ในช่วงที่เขายังมีชีวิตอยู่

Within my heart are memories
Of perfect love that you gave to me
Oh, I remember

(แต่ที่ติดอยู่ในใจฉันคือความทรงจำแห่งความรัก
อันยิ่งใหญ่ที่เธอมอบให้ไว้
ติดตราประทับใจฉันเสมอ)

เธอฮัมเพลงตาม แล้วจู่ๆ ก็มีเสียงๆ หนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลัง

"เหงามั้ย?"

สาวลูกครึ่งหันไปมอง เธอเห็นคนที่หน้าเหมือนตัวเองเดินเข้ามาหา ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม สายลมที่พัดเส้นผมยาวๆ ของเธอผ่านใบหน้าไปมานั้นดูเย็นสบาย

"อื้อ..."

"นั่งด้วยได้มั้ย?"

"เอาสิ"

เธอคนนั้นทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ขณะที่ท่อนฮุคของเพลงโปรดของพ่อดังขึ้นพอดี

When you are with me, I'm free
I'm careless, I believe
Above all the others we?ll fly
This brings tears to my eyes
My sacrifice

(เมื่อยามสองเราอยู่ใกล้ ฉันเป็นอิสระ
ไร้ซึ่งกังวลใดๆ และฉันเชื่อแน่ว่า
เราสองจะออกโบยบินเหนือสิ่งอื่นใด
ด้วยความรักนี้ทำให้ดวงตาฉันเอ่อล้นด้วยน้ำตา
ฉันอุทิศให้กับความรักนี้)
[My sacrifice - Creed]

ทั้งสองฮัมเพลงขึ้นมาพร้อมกัน และเมื่อเสียงเพลงเงียบลงไปทั้งสองก็หันมามองหน้ากัน

"How quickly life can turn around (ชีวิตคนเรานี่มันเปลี่ยนเร็วเนอะ)" ฝาแฝดของเธอพูด

"I really wanna know who you are. You know, my life isn't the same since you've been met (อยากรู้จริงๆ ว่าคุณเป็นใคร รู้มั้ยว่าชีวิตเราไม่เหมือนเดิมตั้งแต่มีคนเจอคุณ)"

เธอคนนั้นไม่ตอบและได้แต่จ้องหน้าแจน ตอนนี้คนที่ถูกจ้องหน้ารู้สึกว่าตัวเองกำลังส่องกระจก เธอรู้สึกหลอนเล็กๆ เหมือนกำลังนั่งมองตัวเองอยู่ พวกเธอเหมือนกันมากราวกับโคลนนิ่งออกมา

"I know (ฉันรู้)" เธอคนนั้นตอบออกมาแค่สั้นๆ แล้วหันไปมองทางอื่น

"I just wanna help you (ฉันก็แค่อยากช่วย)"

น้ำเสียงของเธอคนนั้นดูจริงใจและดูเหมือนจะหมายความอย่างที่พูดจริงๆ อีกทั้งหลายๆ เรื่องที่เกิดขึ้นมันก็ดูเป็นสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกสบายขึ้น ทั้งเรื่องงาน เรื่องการเยี่ยมไข้ หรือเรื่องอื่นๆ คล้ายกับเธอคนนี้เป็นภูติประจำตัวที่คอยช่วยเหลือเธอ

สาวลูกครึ่งค่อยๆ เอื้อมมือไปแตะที่มือของอีกฝ่าย "Thanks but please don't do that (ขอบคุณนะ แต่ขอร้องล่ะอย่าทำแบบนี้อีกเลย)"

ฝาแฝดของเธอหันมามองหน้าช้าๆ "What should I do? (จะให้ฉันทำยังไง?)"

"I don't know. To be honest, I feel uncomfortable from many things you did. I feel I lose myself and seem you stole my life from me (ไม่รู้สิ เอาจริงๆ นะ เรารู้สึกไม่สบายใจกับสิ่งที่คุณทำ รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง เหมือนคุณกำลังขโมยชีวิตเราไป)"

"I'm sorry (ฉันขอโทษ)"

เธอคนนั้นลุกขึ้นยืนทันทีหลังจากพูดจบ หันมามองที่แจนนิดหน่อยแล้วออกเดิน

"Wait! (เดี๋ยว!)" สาวลูกครึ่งร้องเรียก เธอรีบเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย

แจนมองหน้าคนที่หน้าเหมือนเธอแล้วสวมกอดอีกฝ่าย เธอคนนั้นกอดตอบแล้วกระซิบที่ข้างหูของเธอว่า

"I'm with you (ฉันอยู่กับเธอนะ)"

สาวลูกครึ่งลืมตาตื่นหลังจากที่คำๆ นี้จบลง และเป็นเวลาเดียวกับที่นาฬิกาปลุกพอดี

...

สองวันต่อมา ตองก็โทรมาหาเรื่องที่จะขนของที่เหลือของต้าร์กลับ สาวแก้มป่องนั่งรถกระบะมาหาเธอที่บ้านในวันหยุด

"หวัดดีค่ะ" ตองทัก

แจนมองหน้าอีกฝ่ายที่ดูซูบลง ตองดูเหนื่อยหลังจากเสร็จจากงานศพของพี่ตัวเอง เธอมองตามอีกฝ่ายที่บอกกับลุงคนขับรถให้ไปยกลัง 2 ใบ และกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่จากห้องนอนเล็กขึ้นไปบนรถ ขณะที่สาวแก้มป่องเดินเข้าไปดึงปลั๊กคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและเครื่องสำรองไฟที่อยู่ในห้องนั่งเล่น

สาวลูกครึ่งมองแผ่นหลังของตองที่กำลังก้มๆ เงยๆ กับปลั๊กไฟ เธอรู้สึกว่าอีกฝ่ายนั้นอยู่ในช่วงที่กำลังเปราะบาง เหมือนกับข้างนอกดูแข็งแกร่งแต่ลึกๆ ภายในใจแล้วอ่อนแอ สาวแก้มป่องกลับเข้ามาอีกครั้งเพื่อเช็คความเรียบร้อยและดูว่าเอาของกลับไปครบหรือเปล่า

"เอาของไปไว้ไหนเหรอ?" แจนถาม

"ส่วนใหญ่แพ็คส่งกลับเชียงรายค่ะ ส่วนพวกคอมตองจะเก็บเอาไว้ใช้เอง"

"อื้อ"

ตองมองไปรอบๆ บ้าน สายตาของเธอที่มองทุกส่วนของบ้านหลังนี้รวมทั้งตัวเจ้าของบ้านนั้นราวกับว่าเธอจะได้มาที่นี่เป็นครั้งสุดท้าย และด้วยความที่สาวลูกครึ่งกลัวว่าอีกฝ่ายจะทำตัวห่างเหินเธอไปอีกจึงรีบพูดดักคอว่า

"ยังไงตองก็มาที่นี่ได้ตลอดนะ ไม่ต้องเกรงใจ"

"เอ่อ... ค่ะ"

"พี่แจน... เป็นยังไงบ้างคะ?"

"พี่ก็โอเค... มั้งนะ แล้วตองโอเคมั้ย?"

สาวแก้มป่องเม้มปากเล็กน้อยแล้วตอบอกมาว่า "ก็... โอเคค่ะ"

แจนยิ้มแล้วเดินเข้ามากอดอีกฝ่ายทันทีทำเอาคนถูกกอดตกใจเล็กน้อย

"โกหกไม่เนียนเลยนะเรา" เธอกระซิบที่ข้างหู

ตองถอนหายใจแล้วก็ยิ้มออกมา "โดนพี่แจนจับได้ซะงั้น"

เจ้าของบ้านคลายอ้อมกอดออก เธอลูบใบหน้าอีกฝ่าย ใบหน้าซูบซีด ใต้ตาคล้ำ ดวงตาที่เคยสดใสหมองลง

"ดูซิเนี่ย แก้มหายหมดเลย"

รอยยิ้มเขินๆ ที่ถูกส่งกลับมาทำให้หัวใจของสาวลูกครึ่งสั่นไหว ดวงตาของอีกฝ่ายที่มองเธอก็ยิ่งทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงมากขึ้นไปอีก และเธอก็หลบตาอีกฝ่ายด้วยความกลัวว่าเธอจะอดใจไม่ไหวจนทำอะไรบางอย่าง

"ด... ได้นอนบ้างมั้ย?"

"นิดหน่อยค่ะ... เพิ่งกลับมาได้วันสองวันก็ต้องกลับไปซ่อมแล็บกับทำรายงานจนเสร็จทั้งหมด ตอนนี้ก็... รู้สึกล้าไปหมด ไม่อยากทำอะไรเลย แต่ก็ต้องทำ"

"แล้วตอนนี้อยากทำอะไรมาที่สุดล่ะ?"

"อยากจะนอนๆๆๆ อย่างเดียวเลยค่ะ"

"แบตหมดสินะ"

ตองยิ้ม "จะเรียกแบบนั้นก็ได้ค่ะ"

"พี่เป็นห่วงนะ"

สาวแก้มป่องหันไปที่หน้าบ้านเพราะได้ยินเสียงสตาร์ทเครื่องยนต์ เมื่อเธอหันกลับมาอีกทีเธอก็เห็นว่าเจ้าของบ้านกำลังทำท่าคิดอะไรอยู่

"เอาของไปไว้ที่หอตองก่อนใช่มั้ย?"

"ค่ะ"

"พี่อยากออกไปข้างนอกเหมือนกัน ตองไปเป็นเพื่อนพี่ได้มั้ย?"

ตองเลิกคิ้วด้วยความสงสัย แล้วก็ฟังอีกฝ่ายพูดต่อไป

"ตองนั่งรถไปกับพี่... ไปที่หอตองก่อน พวกเราเอาของขึ้นไปไว้บนห้องแล้วค่อยออกไปด้วยกัน โอเคมั้ย"

"แล้วพวกเราจะไปไหนกันอ่ะคะ?"

"ค่อยๆ คิดกันระหว่างทางก็ได้"

สาวแก้มป่องไม่ทันได้ตอบอะไรอีกฝ่ายก็เดินไปหยิบกุญแจรถและกุญแจบ้านใส่กระเป๋าสะพาย ดูเหมือนว่าแจนจะเตรียมพร้อมที่จะออกไปอยู่แล้ว เธอจึงได้แต่ทำตามที่อีกฝ่ายบอก

...

สองสาวเดินทางออกจากอาพาร์ทเม้นท์ของตองด้วยรถสาธารณะ ทั้งคู่ตัดสินใจว่าจะไปเดินเล่นกันที่เอเชียทีคเพราะเห็นว่าตองไม่เคยมาที่นี่เลย เมื่อเดินเข้าไปด้านในสิ่งที่จูงใจของทั้งสองคือไอศกรีมตุรกี และด้วยความที่คนขายเป็นหนุ่มต่างชาติ เฟรนด์ลี่ และดูเหมือนจะอยากจีบทั้งคู่ เขาก็แถมให้กับทั้งสองคนยกใหญ่

พอเดินเข้ามาด้านในทั้งสองก็เดินเล่น ถ่ายรูป และหาของกิน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของกินเล่นแต่ก็ทำให้อิ่มได้เหมือนกัน ด้วยความว่าพื้นที่ค่อนข้างกว้างทำให้ทั้งสองเดินแบบไม่รู้ทิศทาง จนกระทั่งไปเจอร้านที่มีป้าย SALE ตัวใหญ่เบิ้ม

"โห... ท้าทายกันขนาดนี้ต้องเจอกันหน่อยมะ!" แจนพูดออกมา

สาวแก้มป่องหัวเราะคิก "เห็นคำว่า SALE ไม่ได้ใช่มั้ยคะ?"

"อื้อ... รู้สึกโดนท้า" สาวลูกครึ่งตอบ "ขอเข้าไปดูแป๊บนึงน้า"

"ค่ะ"

ไม่ถึง 5 นาทีแจนก็เดินออกมา

"อ้าว..."

"คนเยอะมากเลยอ่ะ สู้ไม่ไหว ท่าทางจะไม่ได้เสียทรัพย์ให้กับร้านนี้"

สองสาวเดินไปที่ริมน้ำและเป็นช่วงที่พระอาทิตย์กำลังใกล้ตกพอดี พวกเธอผลัดกันถ่ายรูปและถ่ายเซลฟี่ด้วยกัน ดูท่าทางสาวแก้มป่องจะเขินเล็กน้อยเมื่อถ่ายรูปคู่กับแจนแต่ก็ยิ้มให้กับกล้องเป็นอย่างดี

"วันนี้ไม่มีเรียนใช่มั้ย?"

"ค่ะ ส่งรายงานอาจารย์แล้ว วันนี้แล็บงดด้วย"

"งั้นถ้าพี่จะขอไปต่ออีกหน่อยตองจะว่าอะไรมั้ย?"

เมื่อตองส่ายหน้าแทนคำตอบ สาวลูกครึ่งจึงจูงมืออีกฝ่ายไปลงเรือชัทเทิลโบตจากเอเชียทีคไปสะพานตากสิน หลังจากนั้นก็ต่อเรืออีกทอดหนึ่ง? สาวแก้มป่องไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะพาลงเรือเพื่อดูไฟกลางคืนริมแม่น้ำเจ้าพระยา พวกเธอนั่งกุมมือกันพลางกินลมชมวิวเย็นๆ ไปเรื่อยๆ ความรู้สึกง่วง เพลียที่มีอยู่แทบจะหายไปหมดเมื่อได้อยู่ใกล้แจน ตั้งแต่รู้จักกันมานอกจากการนั่งดูหนังด้วยกันโรงหนังแล้ว เธอไม่ค่อยได้ไปที่ไหนกับสาวลูกครึ่งแบบสองต่อสองอีกเลยและครั้งนี้เหมือนอีกฝ่ายพาเธอออกมาเดท

'ไม่ใช่มั้ง' เธอคิดในใจและหันไปมองหน้าแจน เธอหน้าแดงเมื่อได้รับยิ้มหวานๆ ตอบกลับมา

ทั้งคู่ขึ้นฝั่งที่ท่าเรือปลายทางที่ท่าน้ำนนทบุรีและจับมือกันเดินเล่นหาอะไรกินแถวนั้น ตองเพิ่งจะรู้ว่าสาวลูกครึ่งเป็นคนที่ค่อนข้างโรแมนติกก็วันนี้ เพราะเธอถูกอีกฝ่ายจับมือ กอด และอ้อนแทบจะตลอดเวลา ทั้งสองเดินกันจนเพลินทำให้พลาดเรือที่จะกลับจนต้องขึ้นรถแท็กซี่กลับอพาร์ทเม้นท์ ในระหว่างที่อยู่บนรถแท็กซี่แจนก็ยังไม่ยอมปล่อยมือเธอ แถมยังดึงตัวเธอเข้ามากอดอีกด้วยคำพูดที่ว่า

"พี่หนาว"

"เอ่อ... ค่ะ"

สาวแก้มป่องได้แต่นั่งตัวเกร็ง หัวใจของเธอเต้นเร็ว และเธอก็แอบได้ยินเสียงหัวใจของอีกฝ่ายที่เต้นเร็วไม่แพ้กันอีกด้วย พอรู้สึกแบบนั้นก็ทำให้ใบหน้าของเธอกลายเป็นสีแดงอยู่ตลอดเวลา และเมื่อถึงอพาร์ทเม้นท์ของเธอสาวลูกครึ่งก็ขอขึ้นไปบนห้องเพื่อเข้าห้องน้ำ

"วันนี้สนุกมากเลย ขอบคุณนะ" แจนพูด ตอนนี้เธอเดินไปที่หน้าประตูห้อง

"สนุกเหมือนกันค่ะ ขอบคุณนะคะที่พาไปชาร์จแบต"

สาวลูกครึ่งยิ้ม "ไว้พวกเราไปเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ นะ ดูหนังด้วย"

"...ค่ะ"

สองสาวยืนมองหน้ากันอยู่พักหนึ่งและแทนที่แจนจะหันหลังเปิดประตูแล้วเดินออกไป เธอกลับมองหน้าเจ้าของห้องแล้วเดินเข้ามาจูบตอง สาวแก้มป่องรู้สึกตกใจและพยายามผละตัวออกแต่เธอก็ถูกอีกฝ่ายใช้มือประคองใบหน้าเอาไว้จนกระทั่งสาวลูกครึ่งเป็นคนถอนริมฝีปากออกไปเอง

"พี่แจน..."

หญิงสาวเจ้าของชื่อไม่ตอบและสวมกอดอีกฝ่ายแน่น ซึ่งตองเองก็กอดกลับหลังจากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มจูบกันอีกครั้ง และครั้งนี้ก็ดูดดื่มกว่าครั้งที่แล้ว... หัวใจของสาวแก้มป่องเต้นรัวเมื่อลิ้นอุ่นของอีกฝ่ายเริ่มรุกล้ำเข้ามาและเธอก็ตอบสนองริมฝีปากของแจนเป็นอย่างดี

ตองพาผู้มาเยือนไปที่เตียงนอนโดยที่ริมฝีปากของทั้งคู่ยังคงทำงานอยู่ เมื่อสาวลูกครึ่งเอนหลังลงบนเตียงนุ่มก็ดึงตัวเจ้าของห้องให้ตามลงมาทันที สาวแก้มป่องผละจากริมฝีปากมาจูบที่แก้มและลำคอ เธอหยุดนิ่งเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าของอีกฝ่าย ดวงตาที่มองมาที่เธอเต็มไปด้วยอารมณ์และความรู้สึกบ่งบอกว่ากำลังต้องการเธอเป็นอย่างมาก

แจนถอดเสื้อยืดที่ใส่อยู่ออกแล้วถอดเสื้อของคนที่อยู่ด้านบนด้วยเช่นกัน มือของสาวลูกครึ่งเอื้อมไปปลดบราที่อยู่ด้านหลังของอีกฝ่ายขณะที่ระดมจูบไปที่ใบหน้าและลำคอ เสียงร้องเล็กๆ ในลำคอของเจ้าของห้องทำให้เธอรีบไล้มือลงด้านล่างเพื่อถอดกางเกงของทั้งตัวเองและอีกฝ่ายออก ในขณะที่มืออุ่นๆ ของตองกำลังเกาะกุมที่หน้าอกของเธอ

"ตอง..."

"คะ?"

"Kiss me (จูบพี่หน่อย)"

ริมฝีปากอิ่มของผู้ที่ถูกร้องขอเคลื่อนเข้าไปทาบทับริมฝีปากของคนที่พูดทันที มันไม่ใช่จูบที่ร้อนแรงอย่างที่สาวลูกครึ่งคาด แต่กลับเป็นจูบที่หวานซึ้งไปถึงใจราวกับตองกำลังละเอียดชิมริมฝีปากของเธออยู่ เธอรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและอ่อนละมุนที่ค่อยๆ แทรกเข้ามาช้าๆ รสชาติอ่อนหวานผ่านเข้ามาในปากจนเธอทนแทบไม่ไหว และอยากสัมผัสให้มากกว่านี้

แจนแสดงออกทันทีว่าเสียดายกับจูบนั้นเมื่อสาวแก้มป่องถอนออกไป แต่แล้วเธอก็ถูกอีกฝ่ายจูบอีกครั้ง... ครั้งนี้ตองกอดเธอแน่น ใบหน้าแนบชิด ริมฝีปากอุ่น ลิ้นอุ่น เร่งเร้ารุกล้ำ ลุ่มลึกอ่อนโยนและเนิ่นนาน จูบนี้ทำเอาเธอแทบจะละลายภายใต้อ้อมกอดของสาวแก้มป่องเลยทีเดียว ในความคิดของเธอตองจูบเก่งกว่าต้าร์มากจนคนที่จากไปแทบจะเทียบไม่ติดเลยเสียด้วยซ้ำ

ร่างกายของสาวลูกครึ่งอ่อนระทวยจากอ้อมกอดและจูบที่โหยหามานาน เธอคิดอะไรไม่ออก มีสิ่งเดียวที่เธอรู้สึกว่าเธอต้องทำนั่นก็คือพยายามเบียดร่างกายที่ไร้เสื้อผ้าปกปิดของตัวเองเข้าไปแนบชิดกับผู้หญิงคนที่อยู่ตรงหน้าให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

"I need you (พี่ต้องการตอง)" สาวลูกครึ่งกระซิบเมื่ออีกฝ่ายถอนริมฝีปากออก "Do what you want, and I will do everything for you (ทำอย่างที่อยากทำเถอะ แล้วพี่จะทำทุกอย่างที่ตองอยากให้ทำ)"

แจนเกร็งตัวเมื่อรู้สึกได้ถึงสิ่งแปลกปลอมที่สัมผัสกับจุดกึ่งกลางที่เปียกชื้นของร่างกาย เธอกอดอีกฝ่ายแน่นเมื่อสิ่งนั้นเข้าไปในร่างกายของเธอแล้วและเริ่มขยับตัวพร้อมๆ กับริมฝีปากที่บดเบียดกันอีกครั้ง เสียงจุมพิตผสานกับเสียงครวญครางเริ่มดังออกมาเป็นระยะ กระจกเงาบานเล็กที่ปลายเตียงสะท้อนภาพกิจกรรมอันร้อนแรงของคนสองคน ใบหน้าที่บิดเบี้ยวด้วยแรงอารมณ์ ร่างกายขยับเคลื่อนตามแรงปรารถนา เรือนผมที่ชุ่มด้วยเหงื่อ เสียงครางยาวหยุดลงพร้อมกับอาการหอบหายใจในเวลาต่อมา

ไม่กี่อึดใจต่อมาร่างกายของสาวแก้มป่องก็บิดเร้าด้วยแรงอารมณ์ที่ไม่สามารถปลดปล่อยได้หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากคนที่อยู่ด้านบน เธอสะดุ้งเมื่อถูกสัมผัสจากมือที่นุ่มนิ่มตรงจุดอ่อนไหว ริมฝีปากของเธอถูกบดเบียดราวกับกำลังถูกสูบพลังชีวิตออกจากร่างกาย แต่กระนั้นเธอก็ตอบสนองต่อทุกสิ่งที่แจนมอบให้กับเธอ

"พ... พี่แจน..."

"Yes, my love (คะ ที่รัก)"

ตองไม่พูดต่อแต่กลับจ้องเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย ตอนนี้สาวลูกครึ่งไม่หลบตาเธออีกต่อไปและเธอมองเห็นอารมณ์ปรารถนาในนั้น ดวงตาของแจนฉ่ำปรือ ขาเรียวทั้งสองข้างเกี่ยวกระหวัด ร่างกายที่กอดรัดจนแทบไม่มีช่องว่าง ริมฝีปากสวยส่งเสียงพร่ำเรียกชื่อของเธอสลับกับเสียงหอบและเสียงครางลำในคอของตัวเอง และแล้วมือสวยก็หยุดลงเมื่อเห็นว่าตัวของเธอสั่นเกร็ง

สองสาวจูบกันอีกครั้งราวกับพวกเธอไม่อยากจะให้ความรู้สึกดีๆ นี้จบสิ้นลง เหมือนกับว่าสัมผัสและความรู้สึกที่ริมฝีปากจะทำให้รับรู้ถึงร่างกายของอีกฝ่ายอยู่ให้นานที่สุด... นานเท่าที่จะทำได้

To Be Continued

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น