web stats

ข่าว

 


Viewfinder - บทที่ 8 How Do You Sleep

โพสต์โดย: anhann วันที่: 11 กันยายน 2019 เวลา 19:43:56 อ่าน: 568





บทที่ 8 How Do You Sleep





วิคโตเรียคงไม่รู้ว่าเธอเริ่มแก่แล้ว  ถ้าเธอไม่ต้องหยิบแว่นมาใส่เวลาจะมองอะไรใกล้ๆ อย่างนี้  แต่อาการตาพร่ามันคงไม่ได้แค่เกิดมาจากสายตายาวก่อนวัยอย่างเดียวหรอกมั้ง  หรือเธอต้องไปลองวัดสายตาดู

นิมโฟมาเนีย  --  เธออ่านพลางขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจ  จอร์แดนบอกว่าเธออาจจะเป็นโรคนี้  เจ้าบ้านั่นชั่วร้ายมาก  บังอาจมาว่าเธอเป็นโรคประสาทขาดผู้ชายไม่ได้อย่างนั้นหรือ  เธอไม่ได้เป็นขนาดนั้นสักหน่อย  แค่ชอบมีเซ็กซ์  ความต้องการทางเพศสูงไปนิดเท่านั้น  ถ้าเป็นโรคนี้เธอคงจะมั่วไปหมดแล้ว  ไม่ใช่มีแค่สองคนอย่างนี้หรอก

เสียงเคาะประตูห้องทำงาน  วิคโตเรียเงยหน้าขึ้นจ้องมัน  พยายามนึกว่าวันนี้มีนัดกับใครไว้  เธอเพิ่งไล่เลขาหน้าห้องออกไปหยกๆ  ตอนนี้ยังไม่ได้คนใหม่ที่ถูกใจมา  กลับมานิวยอร์กก็ไล่หล่อนออกไปเลยทันที  เพราะจับได้ว่าหล่อนเป็นหนอนที่คอยบอกความเคลื่อนไหวของเธอให้จอร์แดนรู้  เจ้ากะเทยคู่หมั้นเธอก็ไม่ได้ออกตัวปกป้องหล่อนสักนิด  สมน้ำหน้าหล่อน  เลือกข้างผิดเอง  คนอย่างจอร์แดนหรือจะช่วยใคร  เอาเงินฟาดหัวเสร็จแล้วก็จบกัน  อย่าหวังว่าเจ้านั่นจะมีน้ำใจหรือมีเยื่อใยให้

"คุณวิคคะ" 

วิคโตเรียโล่งใจ  จำเสียงผู้หญิงคนนี้ได้  เธอชักชอบมันแล้วด้วย

"เข้ามาสิ  แนท"  เธอเอ่ยอนุญาต  นารูมิจึงเปิดประตูเข้ามา 

วิคโตเรียถอดแว่นสายตาออกวางข้างแล็ปท็อปก่อนจะช้อนตาขึ้นมองผู้ที่เพิ่งเข้ามา  วันนี้นารูมิแต่งตัวดีกว่าทุกวัน  ท่าทางคนที่เธอส่งไปดูแลจะทำงานได้ดี  เธอชอบให้คนที่เดินกับเธอดูดี

"พวกเขาอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ของอนาสตาเซียค่ะ"  นารูมิรายงาน  ยังมีเรื่องต้องพูดอีก  แต่มือของผู้หญิงหลังโต๊ะทำงานก็ยกขึ้นห้าม

"พักเรื่องนั้นไว้ก่อนเถอะ"  วิคโตเรียบอก  หยิบแว่นมาสวมและหันเข้าหาแล็ปท็อป  จัดการปิดหน้าเว็บไซต์ที่ดูอยู่และล้างประวัติการเข้าชม

นารูมิงงว่าคุณเจ้านายต้องการอะไร  ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว  พอเธอลงเครื่องที่สนามบินก็มีคนมารับเธอไปห้างสรรพสินค้าชื่อดังที่ปกติเธอคงไม่เฉียดใกล้  พาเดินเข้าออกร้านเสื้อผ้า  ร้านเครื่องสำอาง  ร้านทำผม  ทำเล็บ  ทำเหมือนจะเอาเธอไปประกวดนางงามอย่างนั้น  เหนื่อยเป็นบ้า  แต่เธอก็ต้องหุบปากไว้  เพราะพวกเขาบอกว่าคุณวิคโตเรียสั่งมา  มีการถ่ายรูปเธอไปด้วย  พวกเขาบอกว่าคุณผู้หญิงต้องการหลักฐานยืนยันว่างานสำเร็จแล้วจริงๆ  นารูมิไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง  และไม่มีใครอธิบายอะไรด้วย  พวกเขาพาเธอมาส่งถึงบ้านด้วยรถตู้สีดำ  ติดฟิลม์ดำสนิท  ตอนประมาณหนึ่งทุ่ม  หลังจากนั้นเธอก็ยืนงงๆ อยู่กับถุงเสื้อผ้าแบรนด์เนมเต็มบ้าน  กับทรงผมที่ไม่ต่างจากเดิมนัก  แต่สบายหัวกว่าเดิม  อาทิตย์นี้เธอคงลืมสระผมละมัง

หากเธอก็เหนื่อยเกินกว่าจะคิดอะไร  จึงรื้อหาเครื่องกระป๋องในครัวมาทำอาหารง่ายๆ กินเป็นมื้อเย็น  เปลี่ยนเสื้อผ้าและเข้านอน  เช้าขึ้นก็ตื่นหกโมงตามปกติ  สลัดชุดใส่นอนออกแล้วออกไปจ๊อกกิ้ง  กิจวัตรที่ต้องทำเป็นประจำ  หากไม่ยุ่งจนเกินไป  วิ่งเสร็จแล้วก็กลับเข้าบ้าน  เมินเสียงแซวของเจ้าหนุ่มขี้ยาเพื่อนบ้านที่บอกว่าเธอก้นสวย  เสียงโทรศัพท์มือถือดังพอดีขณะเธอเปิดประตูเข้าบ้าน  เธอกำลังจะร้องทักแม่พอดีเหมือนกัน  ปกติเธอก็ทักแม่ทุกวันอยู่แล้ว  แม้ท่านจะจากไปแล้วสองปี  เธออยากจะรู้สึกว่ายังมีท่านคอยบ่นกรอกหูอยู่ทุกวัน  มันช่วยให้เธอมีแรงใช้ชีวิตอยู่ต่อไป  ถึงใครจะบอกว่าเธอประหลาดก็ตาม  เธอก็ไม่ได้มีใครในชีวิตอีกแล้วนี่นา

เหลือแค่ตัวเองคนเดียว...

"แต่งตัวดีๆ ก็เป็นนี่นา"  วิคโตเรียพูด  เท้าศอกทั้งสองกับโต๊ะทำงาน  สองมือประสานอยู่ระดับคาง  มองนารูมิอย่างพิจารณา  เห็นอีกฝ่ายทำหน้ามึนงงก็ขำ  แล้วก็ประหลาดใจตัวเอง  เธอชอบคนเปิ่นๆ แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ 

"ก็หยิบๆ มาจากชุดที่คุณซื้อให้"  นารูมิตอบเขินๆ  เผลอยกมือลูบท้ายทอยตัวเอง  เห็นวิคโตเรียยิ้มแบบนี้เธอก็ยิ่งอาย  ปกติเธอไม่ค่อยจะรู้สึกอะไรกับผู้หญิง  แต่หลังจากต้องมาทำงานกับวิคโตเรีย  เจอผู้หญิงหลายคน  ทั้งอนาสตาเซีย  เคลลี่  และตัววิคโตเรียเอง  เธอก็เริ่มสังเกตผู้หญิงมากขึ้น  ที่ผ่านมาเธอทำงานแต่กับผู้ชาย  ช่างดูแลคอมพิวเตอร์ตามบ้านส่วนใหญ่มีแต่พวกผู้ชาย  ไม่แปลกใช่ไหม  ถ้าเธอจะดูหยาบกระด้างแบบพวกเขา

"ก็ดี"  วิคโตเรียตอบ  ยิ้มน้อยๆ  หากประกายความสุขในดวงตากลับลดลงเมื่อภาพความหลังย้อนกลับมา 

เมื่อห้าปีที่แล้วเธอก็เคยทำอย่างนี้ให้แอนน์  ต่างกันตรงที่เสื้อผ้าที่แอนน์เลือกต่างจากนารูมิ  และเธอได้มีโอกาสไปนั่งดูเด็กสาวน่ารักคนนั้นทดลองสวมใส่เสื้อผ้าพวกนั้นด้วย

ช่างเถอะ  ทุกอย่างมีเกิดขึ้นก็ต้องหายไป  ทุกๆ อย่าง...

"แล้วถ้าคุณไม่ให้ฉันตามเคลลี่  วันนี้ฉันจะทำอะไรล่ะคะ"  นารูมิถามขึ้น 

วิคโตเรียกะพริบตา  ไล่ความหลังทรมานใจนั้นออกไป  เธอตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่ยุ่งกับแอนน์แบบนั้นอีก  ถึงจะเกลียดการถูกบังคับ  แต่เธอก็ไม่อยากเสี่ยงกับจอร์แดน  คนคนนั้นจะทำอะไรก็ได้  เธอกลัวแอนน์จะลำบาก

คงเป็นสิ่งเดียวที่เธอจะทำเพื่อเด็กสาวที่เธอเอ็นดูเป็นพิเศษคนนั้นได้ในตอนนี้  แอนน์ก็คงจะชอบด้วย  ดูเหมือนแอนน์อยากจะตีตัวออกห่างเธอมานานแล้ว  ตอนนี้คงเป็นโอกาสที่ดีที่เราทั้งหมดจะได้เริ่มต้นกันใหม่

ยังไงเราก็คงไม่มีอนาคตร่วมกัน...

วันนี้เข้าสู่วันที่ห้าของโปรแกรมทำลูกที่จอร์แดนวางแผนไว้  เจ้านั่นกะจะเอาจริงๆ ด้วยคราวนี้  เธอไม่มีทางปฏิเสธอะไรได้เลย  ชื่อเสียงของเธอจะป่นปี้หมดถ้าเธอเลิกกับจอร์แดน  หุ้นในตลาดหลักทรัพย์ก็คงจะร่วงกราวจนคนแห่กันเทขายจนหมด  อิทธิพลของตระกูลมิลเลอร์เหนือกว่าเธอมาก  ต่อให้เธออยากจะเชือดคอจอร์แดนทิ้งวันละหลายรอบ  เธอก็ทำไม่ได้  เสี่ยงเกินไป  อีกอย่าง  เซ็กซ์กับเขาก็ไม่ได้แย่อะไร  เดี๋ยวนี้เขารู้จักทำให้เธอพอใจมากขึ้นแล้ว  ดูเหมือนสิ่งเดียวของเขาที่ขัดใจเธอก็ตรงที่เขาไม่ใช่ผู้หญิง

ต่อให้สวยเหมือนนางฟ้าและมีนม  เจ้าบ้านั่นก็ยังเป็นกะเทยอยู่ดี

วิคโตเรียเผลอกัดริมฝีปากล่าง  แค่นึกถึงช่วงเวลามีเซ็กซ์  เธอก็รู้สึกเสียวแปล๊บตรงท้องน้อย  รู้สึกถึงการหลั่งไหลของอารมณ์ตัณหาที่ก่อให้เกิดความชื้นตรงกางเกงชั้นใน  หรือเธอจะเป็นโรคอย่างที่จอร์แดนกล่าวหาจริงๆ  เมื่อเช้าก่อนแยกย้ายไปทำงาน  เธอก็เพิ่งนอนกับเขามา  ปกติก็เป็นแบบนี้  โปรแกรมทำลูกก็แค่ไม่สวมถุงยางอนามัย  เลิกกินยาคุมกำเนิด  และปล่อยให้สายธารแห่งชีวิตนั่นแทรกซึมเข้าสู่ตัวเธออย่างไม่ขัดขืนมัน  ทีนี้ก็เหลือแค่เจ้าจอร์แดนตัวน้อยว่าจะแข็งแกร่งพอจะแทรกตัวเข้าไปในไข่เธอได้ไหม  ถ้าไม่มีปัญญาก็ช่วยไม่ได้นะ  เธอเปิดทางให้ขนาดนี้แล้ว

"คุณวิคคะ?"

เสียงนารูมิเรียก  วิคโตเรียสะดุ้งเล็กน้อย  ขยับตัวอย่างอึดอัดบนเก้าอี้  เธออยู่แบบนี้ไม่ได้แล้ว  ต้องทำอะไรสักอย่าง  ถ้าเธอเป็นโรคนั้นจริง  ต้องไม่ดีแน่  สักวันเธอต้องเผลอลากใครเข้าห้องมา  อ้าขาให้เขาอึ๊บแน่ๆ

"ขอถามอะไรที่เป็นส่วนตัวหน่อยได้ไหม"

นารูมิเลิกคิ้ว  มองเจ้านายสาวอย่างกังขา  รู้สึกว่าวันนี้วิคโตเรียมีท่าทางผิดปกติกว่าทุกวัน  แต่ไม่แน่ใจว่าคืออะไร  ถึงอย่างนั้น...

"ได้ค่ะ  แต่บางอย่างฉันอาจจะตอบไม่ได้นะคะ"

"โอเค"  วิคโตเรียตอบเสียงเบา  หนีบขาเข้าหากันอยู่ใต้โต๊ะ  กางเกงชั้นในของเธอชื้นหนักขึ้น  แน่ใจด้วยว่ามันไม่ใช่ประจำเดือน  เธอเป็นเมนส์ไปแล้วเมื่อต้นเดือน  ถ้ายังไม่ท้อง  เดือนหน้ามันถึงจะมา  แบบนี้มันคงจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจาก...  อาห์  มันไม่ควรจะเป็นอย่างนี้เลย

แล้วทำไมจะต้องมาเป็นต่อหน้านารูมิด้วยนะ  จะไล่หล่อนออกไปก็คงจะประหลาดไปอีก  เมื่อวานซืนก็ดันโทรไปหาหล่อนตอนจอร์แดนอยู่ด้วย  และเจ้านั่นก็สอดใส่เธอจากด้านหลังโดยไม่บอกกันก่อน  แต่เธอก็ตื่นเต้นจนเผลอหย่อนบั้นท้ายให้มันกระแทกเข้ามา  จากนั้นก็พูดกับใครไม่รู้เรื่องแล้ว

"เธอก็อายุยี่สิบห้าแล้ว  มีแฟนหรือยัง"  ถามออกไปได้ในที่สุด  เป็นไปตามคาด  นารูมิเลิกคิ้วสูงกว่าเดิม  แก้มขาวแดงเรื่อขึ้นมา 

น่ารักจัง  --  โอ้  ไม่นะ  วิค  เธอกำลังจะเป็นแม่คนไม่ใช่หรือไง  แต่ตอนนี้ยังไม่ได้เป็นนี่  อีกอย่าง  จอร์แดนบอกว่าผู้หญิงได้  ห้ามผู้ชาย...

"ถ้าตอนนี้ก็ไม่ค่ะ"

"แปลว่าเมื่อก่อนมี"

"ก็ลองคบดู  แบบว่า...ฮอร์โมนวัยรุ่นน่ะค่ะ  ก็ไม่ได้จริงจังอะไร"

"ผู้ชาย"

นารูมิกะพริบตา  แปลกใจว่าทำไมวิคโตเรียต้องถามแบบนี้  หรือเจ้านายสาวจะนึกว่าเธอเป็นเกย์  แค่เธอไม่แต่งตัวเป็นสาวจ๋า  ไม่ค่อยชอบแต่งหน้า  ชอบใส่เสื้อผ้าสบายๆ แบบนี้  ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอชอบผู้หญิงสักหน่อย  หรือเธอเหมือนพวกแบบนั้นกันนะ

สาวตัวสูงพยักหน้า  ไม่แน่ใจว่าสีหน้าวิคโตเรียแปลได้ว่าโล่งใจหรือแปลกใจ  หากอีกฝ่ายก็ยิ้ม  และมันน่ามองมาก 

แต่ตาคุณเจ้านายดูเยิ้มๆ ไปไหมนะ  อย่าบอกนะว่าหล่อนเทคยา  ถ้าวิคโตเรียเทคยา  เธอก็คงเหมือนคนติดกัญชาเหมือนกัน  เบลอๆ ลอยๆ ยังไงไม่รู้พักนี้

"แล้วตอนนี้ไม่มีเหรอ"

"ไม่มีค่ะ"

"ไม่มีแม้กระทั่งคนที่จะทำเรื่องแบบนั้นด้วยน่ะเหรอ"

"เอ่อ  นั่นมัน... ฉันคิดว่า...มันออกจะส่วนตัวมากไปนะคะ"

"โอ้  จริงด้วย"  วิคโตเรียอุทาน  แต่ไม่เหมือนรู้สึกผิดเลยในสายตาของนารูมิ  เจ้าสาวนายเหมือนตั้งใจพูดด้วยซ้ำ

"ฉันแค่อยากรู้ว่า  คนเรา  ถ้ามีอารมณ์ทางเพศขึ้นมาทั้งที่ไม่มีแฟน  นอกจากจะช่วยตัวเองด้วย  เราจะทำอย่างอื่นให้มันหายได้ไหม  เธอพอจะมีคำแนะนำให้ฉันบ้างไหมล่ะ  ฉันไม่ได้หมายถึงเธอทำเองนะ  แค่คำแนะนำ  เข้าใจใช่ไหม"

"เข้าใจค่ะ"  นารูมิตอบ  ใจเต้นแรงแปลกๆ  เหมือนโดนชวนให้ไปโรงแรมด้วยกันอย่างนั้น  วิคโตเรียเป็นอะไรนะวันนี้  หรือจะเกี่ยวกับวันนั้น

โอ้  พระเจ้า  เธอยังจำเสียงครางนั่นได้อยู่อีกหรือนี่  ออกไปซะ  ไป๊!

"เอ่อ  ก็คงไปเล่นกีฬาให้เหงื่อมันออก  เล่นโยคะ  นวดสปาอะไรแบบนั้นมั้งคะ  ฉันเคยอ่านหนังสืออยู่บ้างน่ะค่ะ"

"งั้นเหรอ"  วิคโตเรียพึมพำ  แอ่นสะโพกมาด้านหน้าไม่รู้ตัว  หน้าอกเธอเบียดกับขอบโต๊ะและเผลอกดมันหนักขึ้น  หลังจากนี้เธอคงจะต้องเอาชั้นในสำรองที่มีติดไว้ในตู้เก็บเสื้อผ้าไว้สำหรับเปลี่ยนไปออกงานมาเปลี่ยน  ไม่อย่างนั้นคงไม่สบายตัวทั้งวันแน่

นารูมิพยักหน้า  กระอักกระอ่วนใจ  อยากให้วิคโตเรียเลิกถามอะไรแบบนี้กับเธอสักที  ใครจะไปกล้าพูดตรงๆ ว่าเธอก็ช่วยตัวเองเหมือนผู้หญิงที่ไม่มีแฟนคนอื่นนั่นแหละ  มันดีกว่าไปลากใครมาอึ๊บกันที่อาจจะฝากโรคเอาไว้ให้เป็นที่ระลึก  หรือหนักกว่านั้น  ซึ่งเธอไม่อยากจะนึกถึง  ตัวเธอเองก็เกิดมาจากความผิดพลาดของผู้ใหญ่  เธอไม่อยากจะต่อว่าแม่  แค่ปฏิญาณกับตัวเองว่าจะไม่ขอเป็นแบบท่าน  ไม่ให้ลูกต้องเกิดมาเป็นอย่างเธอ

"โอเค  เข้าใจแล้ว  ตอนนี้ออกไปก่อน  แต่อย่าไปไหนไกลนะ  เผื่อฉันอยากเจอ"

"ค่ะ"

"ล็อกห้องให้ด้วยนะ  ฉันไม่อยากให้ใครรบกวน" 

วิคโตเรียยิ้มบางๆ ตามหลังผู้หญิงตัวสูงที่คงไม่ได้เอะใจกับคำพูดของเธอ  ว่าคำว่า "อยากเจอ" มันมีความหมายอื่นแฝงไปด้วย  ไม่รู้ก็ดีแล้ว

รอยยิ้มที่มีให้นารูมิเลือนไป  วิคโตเรียก้มลงใช้กุญแจไขลิ้นชักชั้นสุดท้าย  หยิบของที่ต้องการออกมา  มองมันพร้อมกัดปากแน่น  ถ้าเธอเป็นโรคนั้นจริงๆ  เธอก็จะไม่ยอมแพ้มัน  ปล่อยให้มันครอบงำจนทำเรื่องไม่ดีไปมากกว่านี้หรอก  มันต้องมีวิธีช่วยสิ  จริงไหม...

กระโปรงพลีทยาวหรูหราถูกดึงขึ้น  กางเกงชั้นในถูกดึงลง  กระดุมเสื้อเชิ้ตแบบผู้หญิงถูกปลดออก  ในเมื่อตอนนี้ไม่มีใครช่วยเธอ  เธอก็ต้องทำเหมือนที่ผู้หญิงคนอื่นๆ ทำกัน  อย่างที่นารูมิทำ  เธอจะไม่เรียกจอร์แดนมาจากที่ทำงานเขาเพื่อมาทำเรื่องแบบนี้ให้หรอก  เจ้านั่นจะคิดว่าตัวเองสำคัญเหลือเกิน  ทุกวันนี้ก็ทำตัวเหนือกว่าเธอไปถึงไหนๆ แล้ว

วิคโตเรียหลับตา  จินตนาการว่ามือที่เลื่อนเจ้าสิ่งนี้เข้าออกอยู่นั้นไม่ใช่มือของเธอเอง  มันช่วยได้มาก  เธอใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีมันก็เสร็จ  และรู้สึกโล่งตัวเสียที  ไม่มีอะไรเสียหายสักนิด  เท่านี้เธอก็มีวิธีรับมือกับมันแล้ว

จะนิมโฟมาเนีย  หรือ  ฮีสทีเรีย  ก็มาสิ  เธอไม่กลัวหรอก!

มือบอบบางกับเล็บสีแดงสด  เลื่อนไปหยิบกล่องทิชชู  หยิบออกมาสองสามแผ่น  ใช้ทำความสะอาดของรักของหวง  เก็บใส่กระเป๋าเอากลับไปบ้านไปด้วย  ถ้าเอาไปล้างในห้องน้ำที่นี่คงไม่ดี  โยนทิชชูใช้แล้วลงถังขยะ  ดึงออกมาเพิ่ม  เช็ดส่วนอ่อนไหวของตัวเอง  แล้วลุกไปหากางเกงในสำรองมาเปลี่ยน  ม้วนตัวที่เปื้อนห่อใส่กระดาษยัดลงกระเป๋าไปด้วย  หวังว่าจอร์แดนคงไม่สะเหล่อมารื้อกระเป๋าเธอหรอกนะ  เธอจัดเสื้อชั้นในให้เข้าที่เข้าทาง  กลัดกระดุมเสื้อ  แต่งตัวใหม่  ทำให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  แล้วกดโทรศัพท์โทรออกหานารูมิที่รับสายเธอแทบจะทันทีเหมือนรออยู่ตลอด

"คะ  คุณวิค"

เสียงน่าฟังดี  วิคโตเรียคิดด้วยรอยยิ้ม 

"ออกไปข้างนอกกับฉันหน่อยสิ  ฉันจะไปตรวจงาน"

"ค่ะ  จะรออยู่หน้าห้องนะคะ"  นารูมิตอบและวางสายไป 

วิคโตเรียสั่นหัวให้ตัวเอง  หมุนโทรศัพท์มือถือเล่นไปมา  แล้วล้วงลิ้นชักชั้นบน  หยิบขวดน้ำหอมออกมาฉีดใส่ตัวอย่างนึกขึ้นได้  เธอควรจะกลบกลิ่นนั่นด้วย  เมื่อแน่ใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี  เธอก็หยิบกระเป๋าถือมาสะพาย  คว้าแท็บเล็ตมาด้วย  และเดินออกจากห้อง  เปิดประตูออกมาเจอนารูมิยืนรออยู่พอดีก็ผงกหัวน้อยๆ ให้  แล้วออกเดินไปด้วยกัน 

ไปสมัครเรียนโยคะดีไหมนะ

...............................................

เคลลี่ดึงหมวกแก๊ปลงมาปิดดวงตาก่อนจะเดินก้าวลงจากรถตู้สีดำที่เธอเช่ามาในชื่อคนอื่น  สองมือซุกในกระเป๋าเสื้อกันลมสีดำ  เธอเดินปะปนไปกับผู้คนมากมายในถนนไทม์สแควร์  พยายามเลี่ยงจากกล้องของพวกเขาที่บางคนก็กำลังถ่ายเล่นอยู่  หรือถ่ายไว้ทำคลิปแบบเธอ 

ชายคนหนึ่งกำลังจะเดินสวนมา  เขามีสัญลักษณ์ที่เรารู้กัน  เธอสบตาเขาแล้วดึงมือข้างหนึ่งออกมา  เสี้ยววินาทีขณะเดินผ่านกันของในมือเธอก็หายไป  เคลลี่นำมือกลับเข้ากระเป๋าตามเดิม  เดินต่อไปเรื่อยๆ จนพบทางแยก  เธอเลี้ยวเข้าซอยที่จะนำกลับไปยังรถตู้  จากนั้นก็ขับมันกลับไปคืนในจุดที่ตกลงกับบริษัทเช่ารถไว้  ทิ้งกุญแจไว้ในลิ้นชักหน้ารถ  ส่งข้อความไปบอกบริษัทด้วยโทรศัพท์มือถืออีกเครื่องที่ใช้ซิมแบบใช้แล้วทิ้ง  ส่งเสร็จก็ถอดซิมออกหักทิ้งถังขยะ  แล้วก็นั่งรถไฟใต้ดินกลับไปอพาร์ตเมนต์แอนน์

เคลลี่ลูบกระเป๋ากางเกงที่ก้นระหว่างเดินขึ้นมาจากสถานที่รถไฟ  ตกใจนิดหน่อยที่ไม่พบซองบุหรี่  เธอลืมไปว่าตั้งใจจะเลิกมัน  แอนน์ลงทุนขอเธอขนาดนั้นแล้ว  แต่ตอนนี้เธออยากจะสูบมากๆ  ขอสักตัวคงไม่เป็นไร  เห็นร้านมินิมาร์ทอยู่ข้างหน้าจึงไม่รีรอจะเดินเข้าไป  หากขณะกำลังจะบอกคนขายขอซื้อบุหรี่  เสียงข้อความเข้าในโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นขัด

อยู่ไหน  ซื้อพิซซ่ามาด้วย  หิว  และอย่าให้ได้กลิ่นบุหรี่นะ --

อ.x

เคลลี่อ่านข้อความแล้วยิ้ม  เปลี่ยนใจไม่ซื้อบุหรี่แต่ขอเป็นลูกอมรสมินต์กับหมากฝรั่งแทน  เธอเดินออกจากร้านไม่ทันไรก็มีข้อความเข้ามาอีก  แต่คราวนี้เป็นการแจ้งเงินในบัญชีที่มีการโอนเข้ามา 

เธอเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง  แกะลูกอมดีดใส่ปากและอมไว้  เดินไปร้านพิซซ่าต่อ 

.......................................




แอนน์เอาเสื้อผ้าลงเครื่องเสร็จแล้วก็มานั่งอ่านคอมเมนต์จากคลิปที่เคลลี่เพิ่งลงให้ก่อนนั่งเครื่องกลับมานิวยอร์ก  น้องมันลุกขึ้นมานั่งตัดต่อจนเสร็จตั้งแต่ตอนกลางคืนทั้งที่เธอบอกให้นอนพักก่อน  เธอหลับสนิทด้วยความเพลียแดดและเสียเลือดจากประจำเดือนจึงไม่รู้ว่าเคลลี่ลุกมาทำงาน  มารู้อีกทีก็ตอนเช้าที่เห็นเจ้าตัวแสบหลับฟุบอยู่ตรงหน้าแล็ปท็อป  พอสะกิดจะปลุก  เธอก็โดนจับทุ่มมานอนหงายอยู่ใต้ร่าง  มีมือของเคลลี่บีบคออยู่  กว่าอีกฝ่ายจะรู้ว่าเป็นเธอก็แทบจะหายไม่ออกตาย  แต่ตอนนั้นเธอตกใจจนหยุดหายใจอยู่แล้ว  หลังจากได้สติกันทั้งคู่  เคลลี่ก็ขอโทษเธอและช่วยเธอให้ลุกขึ้นยืน  และดึงเธอเข้าไปกอดแบบเดียวกับเมื่อคืน  แล้วก็เป็นเธอเองที่จับมืออีกฝ่ายมาแนบก้นตัวเอง  สบตาเคลลี่ด้วยรอยยิ้ม  ขณะที่เจ้าของมืออายจนหน้าแดง  หากไม่ได้ยกมือออกไป  มันมีแรงบีบเพิ่มขึ้นมา  มืออีกข้างวางบนสะโพกเธอ  เธอฮัมในลำคอกับสัมผัสเหล่านั้น  เคลลี่จูบซอกคอเธอ 

เราเหมือนเต้นรำอยู่ด้วยกัน  เป็นการเต้นรำที่ไม่มีเสียงดนตรี  เพียงเสียงหัวใจเราที่ดังประสานกัน  เธอเบียดตัวหาเคลลี่อย่างอัตโนมัติระหว่างถูกลูบไล้  เธอแทรกมือเข้าไปในเสื้ออีกฝ่าย  สัมผัสผิวกายนุ่มเนียนอุ่นจนเกือบร้อน  กดปลายนิ้วไปตามกล้ามเนื้อมัดเล็กๆ บนแผ่นหลังของคนชอบเล่นกีฬา  แล้วเคลลี่ก็พาเธอนั่งลงบนเตียงให้คร่อมบนตัก  เรานัวเนียกันโดยไม่ได้จูบริมฝีปาก  ไม่ได้ล้วงลึกหรือสอดใส่  แค่กอดรัด  ลูบคลำ  นวดคลึงนอกร่มผ้า  กระนั้นเธอก็รู้สึกคล้ายออกัสซึ่มไปแล้ว  เธอได้ยินเสียงตัวเองครางขณะซบหน้าอยู่กับบ่าเคลลี่  ระหว่างที่ฝ่ามือจากมือสวยๆ บีบขยำบั้นท้าย  สะโพกเธอเคลื่อนไหวตัวเอง  ประจำเดือนเธอก็ไหลพรวดๆ จนกลัวว่าจะเสียเลือดตายอยู่ในห้องโรงแรมแล้ว  เหลือบมองหน้าเคลลี่  เจ้าเด็กทะลึ่งก็ตาปรือเหมือนเมายา  แถมยังเผลอจับหน้าอกเธอด้วย  อดคิดไม่ได้เลยว่าถ้าเธอไม่ได้เป็นเมนส์  ป่านนี้เราจะได้กันไปแล้วหรือยัง 

มันไม่ควรเกิดขึ้นเลย  เธอยังไม่ได้โสด  หากแรงดึงดูดระหว่างเรามันก็ยากเกินกว่าจะห้ามได้  เธอแน่ใจด้วยว่าได้ยินเสียงเคลลี่หอบระโหยเหมือนคนเพิ่งผ่านการออกัสซึ่มไป  มันจะเป็นไปได้ยังไง  เรายังไม่ได้ทำกันสักหน่อย  แต่สายตาน้องมันที่มองเธอระหว่างปัดปอยผมออกจากหน้าให้  มันชวนให้คิดจริงๆ  ว่าเราเพิ่งร่วมรักกันไป  มันดูมีความสุขจนเธอยิ้มไปด้วย  และไม่กล้าขัดใจ  ถ้าเจ้าตัวดีจะขอคลอเคลีย  ซุกไซ้เธอเพิ่มอีกเล็กน้อยก่อนจะชวนเธอให้ดูวิดีโอที่ตัดต่อไปเมื่อคืน 

เคลลี่ให้เธอนั่งอยู่ในหว่างขา  เอนพิงหลังกับอกนุ่มๆ  วางคางบนบ่าเธอ  แขนข้างหนึ่งโอบรอบตัวเธอ  มืออีกข้างจับมือเธอและใช้มันไปกดปุ่มบนแล็ปท็อปด้วยกัน  ใจหนึ่งเธออยากจะบอกว่ามันชักมากไปแล้ว  นี่มันล้ำเส้นกันเกินไป  แต่เธอกลับหันไปจูบซอกคอน้องมันแทน  นาทีนั้นเธอลืมไปแล้วว่ามีวิคโตเรียอยู่

แต่ตอนนี้เธอตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะพูดกับวิคโตเรียให้รู้เรื่อง  เธอไม่อยากอยู่ในฐานะนั้นอีกต่อไปแล้ว  เธออยากมีคนรักที่จับต้องได้  เปิดเผยได้  อย่างน้อยก็กล้าเดินกับเธอในที่สาธารณะ  ไม่ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้จักกัน

เสียงสัญญาณโทรศัพท์ดัง  แอนน์กะพริบตา  มองมันสั่น  ไม่ใช่สายเรียกเข้า  เธอหยิบมันขึ้นมาปลดล็อกเปิดดู  มีข้อความเข้าจากวิคโตเรีย

แอนน์ขมวดคิ้ว  มองภาพที่ถูกส่งมาให้ดู  มันดูเหมือนเธอกับเคลลี่กำลังจูบกันอยู่  มีฉากหลังเป็นป้ายไฟนีออนวินเทจที่ส่องแสงหลายสี  หากมันเป็นแค่มุมกล้องเท่านั้น  เคลลี่แค่เช็ดฝุ่นออกจากดวงตาให้เธอ  เธอเคืองตาจนน้ำตาไหล  และถ่ายคลิปต่อไม่ได้ 

ใช่  เรายังไม่เคยจูบกัน...

เราเคยแต่ออกัสซึ่มด้วยกัน

ทำอะไรนึกถึงหน้าฉันบ้าง  เธอยังเป็นของฉันอยู่นะ  --  วี.

หญิงสาวหลับตาลง  จะไปโกรธวิคโตเรียก็ไม่ถูก  ถึงภาพจะผิด  แต่เธอก็ทำผิดจริงๆ  เธอนอกใจวิคโตเรีย  แม้จะไม่ได้นอกกาย  ต่อให้เธออยู่ในสภาพชู้ของวิคโตเรีย  เธอก็ไม่มีสิทธิไปมีคนอื่นมาทับซ้อนสถานะนั้น

ทำไมมันผิดพลาดไปหมดนะ

ปลายนิ้วกดนวดขมับตัวเอง  ปวดหัวขึ้นมากะทันหัน  เธอพลิกตัวนอนหงาย  ถอนหายใจเหนื่อยอ่อน  สักพักก็ผล็อยหลับไป  ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนได้กลิ่นพิซซ่าหอมๆ  และรู้สึกว่ามีใครบางคนมาเกลี่ยผมหน้าม้าบนหน้าผากเธอ  ลืมตาขึ้นเจอเคลลี่มองอยู่  เธอก็ยิ้มให้  แต่อยู่ๆ ก็สะอื้นออกมาจนอีกฝ่ายตกใจ  เข้ามารวบตัวเธอไปกอด  ลูบหลังปลอบขวัญ

แต่เคลลี่ไม่ได้พูดอะไร  ไม่ได้พูดเลยสักคำ  ราวกับไม่อยากจี้จุดให้เธอสะเทือนใจไปมากกว่านี้  หรือบางทีอาจจะพูดไม่ออกเหมือนกัน

"ปวดหัว"  แอนน์กระซิบกับบ่าเคลลี่ที่ใช้มือประคองหลังเธออย่างสุภาพ  ดูเหมือนจะไม่กล้าแตะต้องเธอแบบเมื่อเช้าและค่อนข้างระวังตัว 

โดนวิคโตเรียขู่มาด้วยหรือเปล่านะ

"เอายาไหม  มียาหรือเปล่า"

"ในตู้ยาในห้องน้ำ"

"โอเค  เดี๋ยวไปเอาให้"  เคลลี่ตอบ  หันมาจูบขมับแอนน์ก่อนปล่อยตัวบอบบางของคนอายุมากกว่า  มองตากันระหว่างลุกขึ้น  หากแอนน์เบือนสายตาไปหากล่องพิซซ่าบนโต๊ะและยิ้มบางๆ 

"กินไปสักนิดก่อนก็ได้  ค่อยกินยา"  เธอบอก  แอนน์พยักหน้าน้อยๆ  แต่ยังไม่ขยับ  เคลลี่จำใจปล่อยให้หญิงสาวเป็นแบบนั้นไปก่อน  เธอเดินเข้าห้องน้ำ  เปิดตู้ยาที่ว่า  เธอเคยเปิดมันอยู่สองครั้ง  ครั้งแรกเอาพลาสเตอร์ยามาแปะนิ้วตัวเองที่โดนกระดาษบาด  อีกครั้งเอายาแก้ปวดหัวมากินเอง

และสองครั้งนั้นเธอไม่เคยเห็นยาขวดนี้

ยากล่อมประสาท...  เคลลี่หยิบมันมาดูอย่างกังวลใจ  เธอรู้มาว่าแอนน์เคยติดยามาก่อน  โคเคน  แต่เลิกมาได้นานแล้ว  วิคโตเรียเป็นคนส่งให้ไปบำบัดมาจนกระทั่งหายดี  กลับมาน่ารักแบบนี้อีกครั้ง  คงเป็นสาเหตุนี้ที่ทำให้แอนน์เกรงอกเกรงใจผู้หญิงคนนั้นแบบนี้  แล้วนี่เกิดอะไรขึ้นอีก

"แค่ยานอนหลับ" 

เคลลี่หันไปมองแอนน์ที่ยืนอยู่ตรงประตูห้องน้ำ  สาวตัวเล็กเดินมาดึงขวดยาไปจากมือเธอ  เอาเก็บที่เดิม  หยิบยาแก้ปวดมาเปิดใส่ปากกินและเปิดก๊อก  ดื่มน้ำจากมันตามไป  มองหน้าเธอเคืองๆ ก่อนจะเดินออกไป

ช่างภาพสาวเคี้ยวกระพุ้งแก้มตัวเองขณะมองตามหลังเจ้าของบ้าน  เธอหันมาเปิดตู้ยาใหม่  หยิบเอายากล่อมประสาทออกมาเปิดฝา  เทเม็ดยาทิ้งลงในชักโครกและกดทิ้ง  แล้วแอนน์ก็เดินกลับเข้ามาด้วยสีหน้าล่วงรู้ว่าเธอทำอะไรลงไป  นัยน์ตาสีช็อกโกแลตมองน้ำในโถชักโครกหมุนติ้ว  มันดูดเม็ดยาล้ำค่าเหล่านั้นลงไปจนไม่เห็นอีกต่อไป

"เธอละเมิดของส่วนตัวของฉัน  เคลลี่!"  แอนน์ตะโกน  ผลักอกคนตัวโตกว่าแรงจนเซ  หงุดหงิดที่เคลลี่ไม่ตอบโต้  ไม่ว่าเธอจะตีหรือทุบยังไง  เธอโกรธวิคโตเรียมาก  แต่มาลงกับเคลลี่ที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย  มันไม่ถูกต้อง 

ถึงอย่างนั้น...

"ทำไมทุกคนจะต้องบังคับฉัน  เห็นฉันเป็นตัวอะไร  นังปัญญาอ่อนอย่างนั้นหรือ  ไม่มีสมองใช่ไหม  คิดอะไรเองไม่เป็นใช่หรือเปล่า  บอกสิ  เค  พูดสิ  ว่าฉันมันโง่  งี่เง่า  อ่อนแอ  ทำอะไรไม่ได้เรื่องสักอย่าง  แล้วสักวันฉันก็จะต้องฆ่าตัวตายเหมือนแม่!"

เคลลี่ตาโต  ตกใจ  ไม่รู้มาก่อนว่าแม่แอนน์ฆ่าตัวตาย  เธอรู้แค่ว่าเป็นมะเร็งปอดจึงเสียชีวิต  หรือว่า...

ยังไม่ทันจะได้ถาม  แอนน์ก็พูดโพล่งขึ้นมาเอง

"ใช่  แม่ฉันเป็นมะเร็ง  และแม่ก็ยอมแพ้  ขี้ขลาดก็เลยกินยาตาย  ยาแบบที่เธอเพิ่งจะทิ้งไปนั่นแหละ  เคลลี่  ทีนี้เข้าใจหรือยัง  ฉันไม่ควรค่าให้ใครมารักทั้งนั้น  และทุกคนที่ฉันรักก็ต้องตาย  ถ้าเธอไม่อยากตายก็ไปให้ห่างๆ ฉัน  หนีไปให้ไกล  ไปซะเค!"

เคลลี่ส่ายหน้า  ยืนทื่อแม้มือเล็กๆ จะสะบัดใส่หน้าเธอจนสะเทือน  เธอยืนมองแอนน์ทรุดตัวลงนั่งกอดเข่าตัวเองร้องไห้  ภาพนี้ทำให้เธอนึกถึงตัวเองขึ้นมา  ตอนที่เธออาละวาดอยู่ในบ้านป้าที่เพิ่งเสียชีวิตไป  หลังจากกลับมาจากงานพิธีฝังศพป้า  เธอทำลายข้าวของในบ้าน  ปัดกรอบรูปแตกกระจาย  ทุบทำลายทีวี  และเกือบจะเผาบ้านทิ้ง  ถ้าจอร์แดนไม่โผล่มาลากเธออย่างทุลักทุเล  เพราะเธอทั้งเตะทั้งถีบ  ไปเข้าห้องน้ำ  เปิดฝักบัวเอาน้ำเย็นๆ ราดหัว  ราดทั้งตัวนั่นแหละ  แล้วญาติผู้พี่ก็มานั่งอยู่ในนั้นเป็นเพื่อน  ให้เธอหันไปกอด  ร้องไห้อยู่ในอ้อมแขน

ถ้าวันนั้นจอร์แดนไม่มา  เธอคงไม่ได้มายืนมองแอนน์นั่งร้องไห้อยู่ในสภาพคล้ายกันแบบนี้  แล้วเธอจะทำยังไงถึงจะช่วยแอนน์ได้ 

ช่วยใครสักคนให้มีความหวังกับชีวิต  ให้มีแรงมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

เคลลี่หย่อนตัวลงนั่งยอง  จ้องแอนน์อยู่เงียบๆ จนกระทั่งอีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยดวงตาชุ่มน้ำตา  แต่ยังมีประกายแค้นเคืองอยู่  แอนน์กัดปากตัวเอง  แรงจนคงจะเจ็บน่าดู  เธออยากจะเข้าไปจูบมันให้แอนน์เลิกทำแบบนั้น  หากทำเพียงมองเฉยๆ  ใช้สายตาเธอบอกความในใจ  แล้วที่สุดแอนน์ก็ยกมือมาตีหัวเธอเบาๆ  บีบจมูกเธอและหัวเราะออกมาทั้งน้ำตา

ดูเหมือนคนบ้า  แต่เป็นคนบ้าที่น่ารักที่สุดในความคิดเธอ

แล้วแอนน์ก็โผมาหาเธอ  เคลลี่ต้องอ้าแขนรับตัวบางๆ มากอดไว้  นิ่งรอฟังว่าแอนน์จะพูดอะไร  หวังให้แอนน์เข้าใจว่าเธออยากจะช่วย  อยากบรรเทาความเจ็บปวดอันนี้ให้  แม้ไม่รู้ว่ามันเกิดจากอะไร

"อย่าไปนะเค  อย่าไป  อยู่กับฉัน  ฉันไม่อยากอยู่คนเดียว"

"โอเค"  เคลลี่ตอบ  กดจมูกลงบนศีรษะคนตัวเล็กกว่า  แอนน์ซุกตัวเข้าหาเธอราวกับเด็กน้อยตื่นภัย  เธอกระชับอ้อมแขนกับตัวอีกฝ่ายแน่นขึ้น  สักพักแอนน์ก็เหมือนจะหลับไปแล้ว  คงจะเหนื่อยทั้งกายทั้งใจ

ปล่อยไว้แบบนี้ต้องไม่สบายแน่  เคลลี่คิดอย่างกังวล  ไม่กล้าปลุกแอนน์ที่กำลังหลับอย่างสงบ  จึงตกลงใจอุ้มร่างหญิงสาวขึ้น  แอนน์ตัวเบาจนน่าตกใจ  ตัวเธอก็ไม่ได้แข็งแรงเหมือนผู้ชาย  แต่แอนน์แทบไม่มีน้ำหนัก  หรือจะตัวเล็กกว่าที่เห็นอยู่

เคลลี่ค่อยๆ วางร่างแอนน์ลงบนเตียงนอน  กำลังจะห่มผ้าให้  แต่มือเล็กๆ คว้าคอเธอลงไปหา  แรงดึงกะทันหันทำให้เธอล้มลงทับตัวแอนน์  และเผลอวางมือบนหน้าอก

โอ้  ถึงจะผอมบาง  ตัวเบาเป็นนุ่นแต่นมใหญ่แฮะ  --  เฮ้  มันใช่เวลามาคิดเรื่องนี้หรือไงวะ  เคลลี่!

"จับนมฉันสองครั้งแล้วนะ  คิดค่าเสียหายเท่าไหร่ดี"  เสียงแอนน์พูดเบาๆ อยู่ข้างหู  เคลลี่ยิ้มอายๆ ค่อยๆ ถอนมือออกมา  และลุกขึ้นนั่งมองคนที่ตื่นง่ายพอๆ กับหลับ

"แกล้งให้อุ้มหรือไง"

"อื้อ" 

เคลลี่ส่ายหัวกึ่งยิ้ม  พยายามทำใจให้ชินกับอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงง่ายดายราวกับพายุของพี่สาวคนสวยที่ตอนนี้กลับมายิ้มร่าเริงอีกแล้ว

เป็นไบโพลาร์หรือเปล่าเนี่ย

"กินพิซซ่ากัน  หิว"  แอนน์ชวน  ลุกพรวดไปหยิบกล่องพิซซ่ามาแกะ  หยิบส่งให้เคลลี่หนึ่งชิ้น  และกินเองหนึ่งชิ้น 

"กินสิ  จะได้ทำงานต่อ" 

เคลลี่กัดพิซซ่ากิน  พลางมองคนชวนที่ตอนนี้กินพิซซ่าด้วยท่าทางหิวจัด  และน่ารักเหมือนเด็กชะมัด 

โดนปั่นหัวแล้วละ  เจ้าเคเอ๊ย!           


..............................................


คนเขียนจะเป็นบ้าไปด้วยหรือเปล่าเนี่ย   :27:

ขอบคุณที่ยังอ่านอยู่ค่ะ   :44:

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

11 กันยายน 2019 เวลา 22:44:05
เป็นคนน่ากลัวกันทุกคนเลย โดยเฉพาะคนเขียน 5555
แสดงความคิดเห็น