ตอนที่ 9
กลับสู่ปัจจุบัน
‘ทำไมถึงไม่รู้จักให้อภัยกันบ้างนะ’ สาวหมวยคิดในใจ
นุชนารถถอนหายใจอีกครั้ง และในครั้งนี้เธอตัดสินใจที่จะเดินเข้าไปยืนอยู่ข้างกายของคนที่เธอรัก นิ้วก้อยเล็กบอบบางสะกิดเกี่ยวสัมผัสกับมือเรียวแผ่วเบา เพราะถ้าอีกคนอยากอยู่คนเดียวเธอเกรงว่าการสัมผัสกันในตอนนี้อาจจะทำให้คนๆ นี้เดินหนีไป แต่เธอก็คลี่ยิ้มออกมาได้เมื่อร่างสูงเองก็ขยับมือตอบรับสัมผัสนั้นเช่นกัน โดยเปลี่ยนจากสัมผัสบางๆ มาเป็นจับมือกันไว้ และจากที่จับมือกัน นุชนารถก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปสอดประสานเรียวนิ้วเกาะกุมกันไว้อย่างแนบแน่น ไม่ต้องมองหน้า ไม่มีคำพูดปลอบโยนใดๆ มีแต่ความอบอุ่นที่ถ่ายทอดให้แก่กัน รอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่หงอยซึมของร่างสูงอีกครั้ง เธอรับรู้ได้ถึงความห่วงใยอาทรที่คนข้างกายมีให้กับเธอ
ชลธิดาจับกระชับมือนุ่มนั้นให้แน่นขึ้นอีก พลางคิดว่าทำไมหนอมือเล็กๆ อย่างนี้ถึงได้อบอุ่นนักนี่ขนาดแค่มือนะแล้วถ้าเป็นอย่างอื่นล่ะ ชลธิดาเผลอยิ้มกับความคิดของตนเอง นี่เธอกำลังจะเพี้ยนไปแล้วใช่ไหม แต่เธอก็อยากได้นะ อยากได้ไออุ่นที่ว่า
เสียงหัวเราะหึดังขึ้นในลำคอของร่างสูง ทำให้นุชนารถต้องหันไปมองอย่างสงสัยว่าอาการดีขึ้นแล้วหรืออย่างไรถึงได้หัวเราะออกมา แต่ก่อนจะถามถึงข้อสงสัย อีกคนก็หันหน้ามาพร้อมกับร้องขอบางอย่างกับเธอขึ้นมาเสียก่อน
“ขอกอดหน่อยได้ไหม” ชลธิดาร้องขอนุชนารถตามที่ใจคิด ทั้งน้ำเสียงและแววตาต่างเว้าวอนคนตรงหน้าให้ใจได้สั่นไหว
“ดะ ได้สิ” นุชนารถตอบรับด้วยความยินดี เสียงเธอสั่นน้อยๆ คงเป็นเพราะจิตใจของเธอมันกำลังสั่นไหว นุชนารถคลายมือออกจากอีกคน แล้วทำท่ากางแขนกางขาทั้งสองข้างออก เพื่อรอรับร่างกายที่สูงกว่าให้มาซบไออุ่นจากร่างกายเธออย่างอายๆ
ชลธิดายิ้มกว้างกับความน่ารักของคนตรงหน้า เอ๊ะ! น่ารักงั้นเหรอ? จู่ๆ เธอก็นึกเขินคนตัวเล็กขึ้นมาเสียอย่างนั้น พลางคิดในใจว่าจะเอาอย่างไรดีล่ะทีนี้ จะกอดหรือไม่กอดดีอยู่ๆ ก็มาตื่นเต้นซะเอง ‘เอาว่ะ! กอดก็กอด ทำอย่างกับไม่เคยกอดกันมาก่อนซะทีไหน’
เมื่อตัดสินใจได้แล้วก็ขยับร่างสูงเดินเข้าหาเพื่อสวมกอด วงแขนเล็กที่กางรออยู่ก่อนแล้วหุบเข้ากอดรัดอีกคนทันทีที่ขยับมาใกล้กัน ทำให้ร่างสูงเบียดกายรับสัมผัสจากคนตัวเล็กกว่าอย่างแนบชิด
ชลธิดาหลับตาลง อยากจะละความรู้สึกทั้งหลายก่อนหน้านี้ทิ้งไป แล้วซึมซับกับความรู้สึกแสนจะอบอุ่นที่กำลังแผ่ซ่านไปทั้งตัวและหัวใจแทน อุ่นดีเหลือเกิน ถ้าได้กอดร่างนี้ทุกวันเธอคงไม่หนาวอีกแล้วใช่ไหม อยากให้เป็นอย่างนั้น อยากจะเก็บความอบอุ่นนี้ไว้คนเดียว อยากสัมผัสและครอบครอง
ชลธิดาลืมตาโพล่งด้วยความตกใจ เมื่อสัมผัสได้ถึงความรู้สึกบางอย่างตามมา ไอ้ความรู้สึกแบบนี้มันโผล่ขึ้นมาได้อย่างไร มันเกิดขึ้นได้ยังไง ไม่ๆ เธอก็แค่อยู่ในสภาวะอ่อนแอ เธอจะไม่ยอมทำร้ายใครเพราะความอ่อนแอของตนเองอีก
ชลธิดาผละออกจากอ้อมกอดอันอบอุ่น แม้จะนึกเสียดายแต่สมองสั่งให้เธอทำเช่นนั้น
“หมดเวลาดราม่าแล้ว ฉันว่าเราไปเที่ยวกันต่อดีกว่าเน๊อะ” ชลธิดายิ้มกว้างพยายามเก็บสีหน้าและความรู้สึกประหลาดในใจให้ได้มากที่สุด
“อืม...ไปสิ เดี๋ยวโทรตามพวกอ้อมก่อนนะ” นุชนารถยิ้มรับ ดีใจที่คนที่เธอแอบรักรู้สึกดีขึ้นแล้ว เธอหยิบโทรศัพท์เครื่องบางออกมาจากกระเป๋ากางเกงพละ กำลังจะกดหาชโลธรแต่มือเรียวของชลธิดากลับแตะห้ามไว้ก่อน
“บอกพวกนั้นว่าไม่ต้องรอเรา ให้พวกมันไปเที่ยวกันเองแล้วค่อยกลับไปเจอกันที่รถเลย” ร่างสูงบอก
“ทำไมล่ะ” นุชนารถถามกลับมาอย่างงงๆ
“ฉันอยากไปกับแกแค่สองคน” ชลธิดาหลุดตอบไปอย่างที่ใจคิด
“หืมม” คนตัวเล็กจ้องหน้านิ่งอยากค้นหาความหมายในประโยคนั้น
“เออ....ฉันหมายถึง ฉันยังไม่อยากเจอใครตอนนี้” ชลธิดาบอก แม้จะรู้สึกแปลกๆ ปนเขินอายอยู่นิดๆ แต่เธอก็รู้สึกอย่างที่พูดออกไปจริงๆ
นุชนารถพยักหน้ารับว่าเข้าใจ เธอโทรหาชโลธรแล้วบอกกับพวกนั้นว่าไม่ต้องเป็นห่วงเธอสองคน และขอให้พวกนั้นไปเที่ยวกันเองตามสบาย แล้วค่อยไปเจอกันอีกทีที่รถตามที่ชลธิดาขอ
หลังจากนั้นทั้งสองคนเดินมายังบริเวณที่สาวหมวยตัวเล็กจอดจักรยานทิ้งไว้ หลังจากที่เข็นมันติดมือมาด้วยเมื่อตอนที่เดินตามร่างสูงมาจากเขาพระวิหาร เมื่อบรรยากาศอึมครึมชวนหงอยเหงาถูกโยนทิ้งไปแล้ว การขี่จักรยานท่องเที่ยวตามจุดประสงค์เดิมก็กลับมาอีกครั้ง
สองสาวขี่จักรยานชมความสวยงามของเมืองโบราณ ตามแผนเดิมที่ชลธิดาได้วางไว้ในตอนแรกอีกหลายแห่ง เช่น ศาลาพระอรหันต์ สะพานรุ้งเขาพระสุเมรุหรือสวนพฤษชาติในวรรณคดีไทย แล้วไหนจะอาคารบางหลังที่มีรูปทรงแปลกตา และเมื่อได้อ่านคำอธิบาย จึงทำให้รู้ว่าสิ่งปลูกสร้างเหล่านี้เป็นการสร้างขึ้นตามบันทึก หรือภาพจารึกต่างๆ ในประวัติศาสตร์ และหาชมไม่ได้แล้วในปัจจุบัน เช่น หอพระแก้ว หอคำของเมืองลำปางด้วย
ทั้งสองต่างสนุกสนานกับการถ่ายรูปและดูนั้นโน้นนี่ไปเรื่อย เหนื่อยจนแทบจะหมดแรงแถมท้องก็เริ่มจะร้องประท้วงกันแล้วด้วย จึงตกลงกันว่าจะไปแวะเที่ยวที่ตลาดน้ำและตลาดบกกันต่อเป็นที่สุดท้ายสำหรับทริปนี้
เมื่อสองสาวมาถึง ก็เพลิดเพลินกับการเดินเลือกซื้ออาหารคาวหวานหลายอย่างมานั่งทานด้วยกัน เพราะที่นี่มีที่ให้นั่งเล่นจึงได้โอกาสพักแข้งพักขาคลายความเมื่อยล้าไปด้วยในตัว โดยก่อนกลับก็ไม่ลืมที่จะช็อปปิ้งกันอีกเล็กน้อย เพื่อซื้อสินค้าของฝากและของที่ระลึกจากภาคต่างๆ ไปฝากที่บ้านด้วยเป็นอันเสร็จพิธีการเที่ยวในวันนี้
<
<
นุชนารถมองดูมือที่ถูกเกาะกุมไว้อย่างหลวมๆ แล้วก็ยิ้มออกมา คนข้างตัวหลับไปนานแล้วคงจะเหนื่อยเพราะอาสาเป็นสารถีให้เธอตั้งแต่เช้าจนเกือบเย็น ทั้งๆ ที่เธอเสนอให้สลับกันบ้างก็ไม่ยอม น่ารักจริงๆ เชียว พอนึกถึงวันนี้ที่ได้อยู่ด้วยกันสองคนตลอดเวลาก็ทำให้หัวใจพองโต
สาวหมวยฉีกยิ้มกว้างมากขึ้น เมื่อมือข้างที่เหลือหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องบางที่เธอตั้งใจซื้อยี่ห้อและรุ่นเดียวกับชลธิดาออกมา แม้การที่เหลือมืออยู่ข้างเดียวจะทำให้เธอรู้สึกว่าการสไลด์เลือกเมนูนั้นออกจะลำบาก แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกรำคาญหรือหงุดหงิดใจเลยแม้แต่นิดเดียว
นิ้วโป้งเล็กของเธอเลื่อนดูรูปที่เธอสองคนถ่ายร่วมกันที่เมืองโบราณไปทีล่ะภาพ ทั้งภาพเดี่ยว ภาพคู่ ทั้งรูปที่เก็กสวยและรูปที่ทั้งสองทำหน้าตลกๆ ใส่กันแบบหลุดโลก นุชนารถมองดูรูปนั้นก็ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา ทำให้คนที่หลับอยู่ข้างๆ ขยับตัวขึ้นมาเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้เปิดเปลือกตาขึ้นมาแต่อย่างใด
สาวหมวยตัวเล็กรีบหยุดหัวเราะ เพราะเกรงว่าเสียงของเธออาจจะทำให้อีกคนตื่น และเก็บโทรศัพท์ลงใส่กระเป๋ากางเกงตามเดิม ก่อนจะเอื้อมมือซ้ายเข้าประคองศีรษะได้รูปของคนตัวสูง ที่ตอนนี้ออกจะเอนเอียงไปทางด้านข้าง จนเกือบจะพ้นพนักพิงอยู่แล้วให้เอียงกลับมาซบเข้าที่ไหล่บางของเธอแทน
ใบหน้ากลมมนที่หลับใหล อยู่ใกล้กันจนได้ยินเสียงลมหายใจเข้าออกที่สม่ำเสมอ นุชนารถชำเลืองมองเพื่อนร่วมห้องของเธอที่อยู่บนรถ ซึ่งส่วนใหญ่เดินทางไปเฝ้าพระอินทร์กันหมดแล้วคงจะเที่ยวเล่นกันจนเหนื่อยหมดแรงมาเหมือนๆ กัน
แล้วความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในหัว ประกายตาวิบวับนั้นดูสดใส ‘ขอสักนิดก็แล้วกันนะ’ มือเล็กเสยผมที่ปรกหน้าผากของร่างสูงออก แล้วเคลื่อนใบหน้าของตัวเองเข้าไปหา ปากอิ่มนิ่มอุ่นถูกส่งเข้าไปสัมผัสกับหน้าผากมนหนึ่งจุ๊บ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นใช้ปลายจมูกสูดดมกลิ่นกายสาว ‘อ่า~~~~~~ชื่นใจจัง’ รอยยิ้มน่ารักปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ รู้สึกภูมิใจเล็กๆ กับการฉวยโอกาสในครั้งนี้ แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว งั้นขออีกทีก็แล้วกันนะ ว่าแล้วก็จุ๊บไปอีกหนึ่งทีพร้อมกับบันทึกรูปสุดท้ายของวันนี้เอาไว้ด้วย
ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่งช่วงเที่ยงของวันอาทิตย์
สาวน้อยร่างสูงสวมเสื้อเชิ้ตเข้ารูปสีชมพูอ่อน พับแขนถึงข้อศอกเก็บชายเสื้อเรียบร้อยจนมองเห็นเข็มขัดหนังสีน้ำตาล ที่สอดคาดอยู่กับหูกางเกงยีนส์ห้าส่วนพอดีตัวสีเข้ม เผยช่วงน่องขาวให้เห็นกับรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อสีครีมเหมาะกับขายาวๆ ดีเหลือเกิน
ชลธิดาที่กำลังยืนแทะเล็มไอติมโคนรสนมสีขาว ที่ซื้อมาจากร้านขายไก่ทอดที่มีตัวตลกจมูกแดงเป็นพรีเซ็นเตอร์อยู่บริเวณหน้าห้าง วันนี้เธอมีนัดดูหนังตามสัญญากับเพื่อนสาวตัวเล็ก เหตุก็มาจากวันที่ขอลอกการบ้านนั้นแหละ ยืนคอยอยู่ไม่นานก็ได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นเคยจากทางด้านหลัง จึงหันหน้ามามองพร้อมๆ กับไอติมที่ยังคาปาก
“เดียร์มานานหรือยัง”
“.............”
“เดียร์” คราวนี้เรียกพร้อมกับเขย่าแขนไปด้วย
“อ่ะฮ่ะ ว่าไงนะ” ร่างสูงที่หลุดอาการอึ้งถามคนตัวเล็ก
“คิกคิก เอมถามว่ามานานหรือยัง” นุชนารถอมยิ้มขำกับอาการอึ้งๆ ของคู่เดทเฉพาะวันหยุดของเธอ ก็แหง่ล่ะวันนี้เธอถูกโมดิฟายปรับเปลี่ยนโฉมใหม่มาทั้งตัว ชนิดที่เรียกว่าจัดเต็มกันเลยทีเดียว ทั้งเสื้อผ้าหน้าผมถูกจัดการออกแบบให้หมดโดยฝีมือของชโลธรเพื่อนเลิฟ
ชลธิดาเผลอกลืนน้ำลายตัวเองเสียอึกใหญ่ อดใจเต้นไม่ได้กับลุ๊คใหม่ของเพื่อนสาวตัวเล็กที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ผมนักเรียนทรงบ๊อบที่เคยตรงดำ ถูกทำให้สีอ่อนลงจับม้วนปลายและเซตทรงสวยรับกับแก้มดูหน้าหยิก ใบหน้าขาวใสถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางบางๆ สไตล์เกาหลี ช่างดูเหมาะเจาะกับชุดที่เธอสวมใส่ เสื้อผ้ายืดแขนสั้นเนื้อดีสีครีมปักเลื่อมลายน่ารักด้านหน้า เข้ากันกับกระโปรงสีโอรสหวานมีระบายเป็นชั้นตัวสั้น อวดโชว์เรียวขาเนียนของสาวหมวยเรื่อยลงมาจนถึงรองเท้าแฟชั่นมีส้นสีเบจ
‘โอ้ววว แม่เจ้า แมร่งโค-ตะ-ระน่ารักเลย นี่มันใช่ยัยเอมจริงๆ หรือเปล่าว่ะเนี่ยยย ทำไมมันดูน่าฟัดไปทั้งตัวอย่างนี่’
“อะ..เออ...อ๋อ..มะ..ไม่นานหรอก มะ...มาถึงฉันก็ซื้อไอ้นี่มากินนะ...นี่ไงยังไม่หมดเลย กะ....แกจะกินไหมล่ะเดี๋ยวฉันไปซื้อให้” ชลธิดาตอบตะกุกตะกักมองคนน่ารักตาไม่กระพริบ
“กินซิ แต่ไม่ต้องไปซื้อให้เปลืองเงินหรอก กินอันเดียวกันก็ได้” ว่าแล้วนุชนารถก็เอื้อมมือมาจับเข้าที่มือเรียวของร่างสูงแล้วออกแรงดึงเบาๆ เอาไอติมโคนรสนมหวานแสนอร่อยเข้าปาก กัดไปหนึ่งคำ ก่อนจะแลบปลายลิ้นออกมาเลียเศษไอติมที่ติดตรงริมฝีปากอิ่มของตัวเอง ให้คนมองได้ใจสั่นเล่นๆ ‘ใจเย็นไว้ไอ้เอมจำไว้ค่อยๆ อ่อย ค่อยๆ อ่อย’
“อร่อยดีเน๊าะ เดียร์ก็กินมั่งสิ อะอ้ามมม” นุชนารถพูดยิ้มๆ เลื่อนไอติมที่อยู่ในมือทั้งคู่จ่อปากอีกคน
ชลธิดาทำตามอย่างว่าง่าย อดใจเต้นไม่ได้กับกิริยาแปลกๆ ของสาวหมวยในวันนี้ พลัดกันกินไอติมกันอยู่สองสามคำ ใจที่กระเจิดกระเจิงก็เริ่มกลับควบคุมได้อีกครั้ง แย่แน่ๆ ถ้าขืนยังอยู่ในอารมณ์แบบนี้ เกิดตบะแตกขึ้นมาจับยัยนี่กินแทนไอติมแล้วมันจะยุ่ง เลยตัดปัญหาจัดการยัดไอติมที่เหลือให้หมดในคำเดียวซะเลย
“โอ้โห........สามารถเน๊าะ” นุชนารถอุทานทำตาโตใส่ พยายามกลั้นขำคนที่พยายามเคี้ยวของในปากแทบแย่ นี่เธอแกล้งอีกคนมากไปหรือเปล่านี่
“................” พูดอะไรไม่ได้เพราะไอติมที่คับอยู่เต็มปากจนแก้มเป่ง ได้แต่ทำเสียงอู้อี้พยักหน้าหงึกๆ ให้ ‘อ่า~รอดแล้วกู’ แต่ทว่ายังไม่ทันได้ขึ้นจากปากหลุมที่ขุดโดยสาวหมวยดี ร่างสูงก็ถูกเตะหงายท้องตกลงไปในหลุมใหม่อีกครั้งที่ลึกยิ่งกว่าเดิม
“เดียร์อ่ะ ปากเลอะไอติมไปหมดแล้ว กินเป็นเด็กเชียวนะ คิกคิก” นุชนารถพูดกลั้วหัวเราะ รู้สึกเอ็นดูเจ้าคนตัวโตที่ทำตัวเหมือนเด็ก พลางขยับกายเข้าหาจนตัวแทบจะชิด
ร่างสูงได้กลิ่นน้ำหอมจางๆ จากคนตรงหน้าลอยมาเข้าจมูก แถมยังเผลอตัวสูดกลิ่นหอมนั้นเข้าเสียเต็มปอด ดวงตากลมโตที่เปล่งประกายได้ ถูกช้อนขึ้นมาสบเข้ากับนัยน์ตาสีอ่อน สาวหมวยยกยิ้มอ่อนหวานก่อนจะค่อยๆ บรรจงเช็ดคราบไอติมสีขาวที่มุมปากให้
“อ่า..ขะ..ขอบใจนะ” ชลธิดาหน้าขึ้นสีเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเบนสายตาหลบนัยน์ตาหวานคู่นั้น
“เดียร์กินอะไรมาหรือยัง อ้อ ที่ไม่ใช่ไอติมนะ” นุชนารถถามเสียงใส พอเห็นปฏิกิริยาอีกคนเธอก็ยิ่งรู้สึกพอใจกับผลงานของตัวเองมว๊ากกกๆ
“ยะ..ยังเลย เมื่อเช้ากว่าจะตื่นก็สายโด่งจนโดนพี่พายด่า แล้วก็หนีออกมาเนี่ยแหละ แล้วแกล่ะกินอะไรมาหรือยัง” ชลธิดาตอบ พยายามทำเสียงให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้
“เอมกินแต่ข้าวเช้า ข้าวเที่ยงยังไม่ได้กินเลย รอกินพร้อมเดียร์นี่แหละ” น่านมีเปลี่ยนสรรพนามเรียกชื่อแทนตัวกันด้วย
“งั้นเราไปดูโปรแกรมหนังกันก่อน แล้วค่อยไปหาอะไรกินกันนะ” ร่างสูงบอก รู้สึกเขินๆ เหมือนกันแฮะ
“เอมยังไงก็ได้ แล้วแต่เดียร์จะพาไปแล้วกัน” นุชนารถบอกเสียงหวาน แถมยังแอบหยอดอีกคนในช่วงท้ายเสียด้วย
“งั้นก็ตามนี้ล่ะกัน รีบเข้าไปข้างในเถอะ ตรงนี้มันร้อนๆ วูบๆ ยังไงก็ไม่รู้” ชลธิดาว่าพลางโบกมือไปมาให้คลายร้อน พร้อมกับก้าวขายาวๆ ของตนขยับออกจากตรงนั้นทันที รู้สึกใจมันหวิวๆ ยังไงชอบก๊ล
“จ้าๆ ว่าแต่...มันร้อนมากมั้ยล่ะเดียร์” สาวหมวยก็ไวไม่แพ้กัน พอเห็นร่างสูงขยับตัวเองก็เขยิบเข้าไปคล้องแขนอีกคนทันที แต่ยังไม่วายแกล้งหยอกให้อีกคนหันมามอง
“อะ..อืม..” ร่างสูงตอบเพียงแค่นั้น แต่ในใจนะเหรอ.... ร้อนดิ ร้อนมากด้วย แล้วก็ช่วยเอามิลค์แกออกไปจากแขนช้านนด๊ายยหม๊ายยยยย ยายบ้า!
<
<
“เราจะดูเรื่องอะไรกันดีล่ะ” ชลธิดาถามคนข้างตัว ขณะที่สายตายังคงจับจ้องอยู่กับรูปภาพและตัวหนังสือบอกชื่อเรื่องพร้อมรอบฉาย บนทีวีจอใหญ่หน้าช่องขายตั๋ว
“ดูเรื่องนี้” นุชนารถตอบทันทีแบบไม่ต้องคิด เพราะเธอถูกชโลธรตั้งโปรแกรมมาแล้วว่าให้ดูเรื่องอะไร
ชลธิดามองตามปลายนิ้วเล็กที่ชี้ไปยังหนังเรื่องนั้นก็ถึงกับหน้าซีด นึกค่อนขอดเพื่อนตัวเองอยู่ในใจว่าจะแกล้งเธอหรืออย่างไรกัน รู้ทั้งรู้ว่าเธอกลัวเจ้าสิ่งนี้อย่างกับอะไรดี
“ไม่เอา ดูเรื่องอื่นเหอะ” ชลธิดาส่ายหัวดิกๆ ปฏิเสธทันควัน จ้างให้ก็ไม่ดู
“ไม่ได้ต้องดูเรื่องนี้” คำสั่งเผด็จการออกจากปากนุชนารถทันที ขืนไม่ดูก็เสียแผนหมดซิ อุตส่าห์วางแผนกันมาซะดิบดี โอกาสอย่างนี้หายากด้วย
“แต่....” ยังไม่ทันได้พูดอะไร อีกคนก็แทรกขึ้นมาก่อน นุชนารถขยับกายเข้าหา จงใจให้แขนคนตัวสูงที่ตนคล้องไว้เบียดเสียดกับหน้าอก พูดพร้อมกับเอียงคอซบไหล่ร้องขอเสียงหวานเต็มที
“นะๆ เอมอยากดูเรื่องนี้จริงๆ เดียร์สัญญาแล้วนะ ว่าวันนี้จะตามใจเอมทุกอย่างอ่ะ นะคะ นะๆ” โอ้วว ดูๆ ดูมันอ้อนนนนนน แถมมีนะคะด้วยค๊าบบบท่านผู้ชม
“กะ...ก็ได้” ชลธิดาหน้าแดงเถือก พูดพลางแงะมือเล็กของสาวหมวยและดึงแขนตัวเองออกจากร่องอกอีกคนอย่างระมัดระวัง โอ๊ยยย ตายๆๆ สงสัยจะกินยาลืมเขย่าขวดมาแน่เลย ถึงได้อ้อนเอาโล่แบบนี้
หลังจากปรับจูนสมองและซื้อตั๋วหนังเป็นที่เรียบร้อย สองสาวก็พากันมาหามื้อเที่ยงทานกัน โดยทั้งคู่เลือกที่จะทานสุกี้ เมื่อเข้ามาในร้านชลธิดาก็เลือกนั่งฝั่งตรงข้ามกับนุชนารถ แต่เมื่อสั่งอาหารเสร็จ นุชนารถก็ย้ายมานั่งข้างๆ เธอแทน ขณะที่รับประทานอาหารสาวหมวยก็คอยบริการตักนู้นหยิบนี่ให้เธอตลอด แล้วยังหมั่นป้อนอาหารให้อีกต่างหาก อีกทั้งยังคอยจับมือโอบเอวเบียดกายกระแซะให้ร่างสูงออกอาการเกร็งตลอดเวลา
“เฮ้ย ไอ้เอมแบบนี้มันไม่เวอร์ไปหน่อยเหรอว่ะ” ชลธิดาชักจะเริ่มหวั่นๆ ใจก็แม่สาวหมวยทำท่าอย่างกับเป็นแฟนเธอจริงๆ งั้นแหละ
“ทำไมอ่ะ คนเป็นแฟนกันเขาก็ทำแบบนี้ไม่ใช่เหรอ” นุชนารถมองค้อนถึงจะเคืองๆ แต่ก็ต้องเก็บอาการไว้สักหน่อยเดี๋ยวไก่ตื่น
“มันก็ใช่ แต่แกกับฉันมันใช่แฟนกันจริงๆ ซะที่ไหนเล่า”
“เอาน่า ถึงจะเป็นแค่การซ้อมเดทแต่เอมก็ตั้งใจจริงๆ นะ เดียร์ก็ยอมๆ ตามน้ำให้หน่อยไม่ได้รึไง” นุชนารถบอก น้ำเสียงมีแววน้อยใจอยู่ในที
“แต่ฉันว่ามันเยอะไปนะ มันเขินๆ แปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้” ชลธิดาหน้าขึ้นสี เผยสภาวะอารมณ์ของตัวเองในตอนนี้ให้อีกคนรู้ ก็อีกคนเล่นเอาหน้าอกมาเบียดเธอตลอดเวลาเลยนี่นา คนนะคะไม่ใช่อิฐหินปูนทรายจะได้ไม่รู้สึกรู้สาอะไร
“งั้นเอาอย่างนี้ เดียร์ก็คิดซะว่าเอมเป็นแฟนจริงๆ สักวันสิ ปล่อยไปตามธรรมชาติเลยจะได้ไม่เขินไม่แปลกไง” นุชนารถเสนอความคิดที่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ ซึ่งคาดว่าน่าจะติดมาจากชโลธร
“เอางั้นเลยเหรอ” ชลธิดาถามแบบไม่แน่ใจ แต่อีกคนก็พยักหน้าว่าดีแล้ว
“อืม อย่างนั้นแหละ” นุชนารถส่งยิ้มน่ารัก ซ่อนความดีใจไว้อย่างมิดชิด
“งั้นก็ได้ ว่าแต่เอม..ฉันถามหน่อยสิ ที่แกมาซ้อมเดทกับฉันเนี่ย จริงๆ แล้วแกจะไปเดทกับใครเหรอ แล้วๆ แกไปมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมพวกฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลยอ่ะ” ชลธิดาถามตาใส
“มีที่ไหนกันเล่า ก็แค่ซ้อมเผื่อไว้เฉยๆ เกิดวันไหนจับผลัดจับผลู มีเป็นตัวเป็นตนขึ้นมาจริงๆ จะได้ทำตัวถูกไง” นุชนารถกลอกตาไปมา จะให้เธอไปมีใครที่ไหนในเมื่อหัวใจอยู่กับคนข้างๆ เนี่ย ว่าแต่เมื่อไหร่จะมาเป็นที่รักให้เธอซะทีล่ะ
“เหรออออออ...เกิดมาฉันก็เพิ่งจะเคยเจอเนี่ย ซ้อมมีแฟนแปลกพิลึก” ชลธิดาลากเสียงยาวกึ่งๆ ประชด
“เถอะน่า ทำตามที่ตกลงกันไว้ก็พอ เดียร์ก็มาเป็นแฟนเอมอาทิตย์ละหนึ่งวัน จนกว่าใครคนใดคนหนึ่งจะมีแฟนตัวจริง แล้วเอมก็จะให้เดียร์ลอกการบ้านทุกวิชาที่เดียร์ต้องการ สัญญากันแล้วห้ามเบี้ยวด้วย”
“เฮอ~~ไม่น่าหลวมตัวไปกับไอ้อ้อมเล๊ย” ชลธิดาบ่นกระปอดกระแปด ทีแรกก็เข้าใจว่าแค่มาเที่ยวด้วยกันเฉยๆ ก็เลยตบปากรับคำไป แล้วไงมันกลายเป็นอย่างนี้ไปได้ล่ะเนี่ย
“เอาน่ามาเที่ยวชิลล์ๆ อย่าคิดมากเดี๋ยวปวดหมอง กินกันต่อดีกว่าน้า~ มามะที่รักขาาา อ้าปากหน่อยเร๊ว” นุชนารถสะกิดเข้าที่เอวชลธิดาเบาๆ ให้คนตัวสูงเลิกคิดเยอะซะที แล้วคะยั้นคะยอให้กินอาหารที่เธอป้อนต่อไป
สาวหมวยยิ้มกริ่ม ยุทธการน้ำหยดลงหินที่ชโลธรเป็นคนคิดให้กำลังเป็นไปด้วยดี นึกขอบใจเพื่อนสาวคนสวยที่คอยช่วยเหลือเธอมาโดยตลอด ทำให้เธอมีโอกาสได้ชิดใกล้และแสดงความรู้สึกที่มีต่อร่างสูงได้อย่างแนบเนียน และดูท่าว่าคนตัวสูงเองก็มีปฏิกิริยากับเธออยู่เหมือนกัน เห็นอย่างนี้แล้วก็ชื่นใจ ค่อยมีกำลังใจเดินหน้าแผนต่อไปหน่อย พอกันทีกับคำว่าเพื่อน ต่อไปนี้ชะเอมน้อยจะลุยโลดเลยคอยดู นุชนารถแอบหัวเราะคิกคัก เมื่อนึกถึงคำพูดของเพื่อนสาว ‘ไอ้เดียร์มันเป็นพวกแข็งนอกแต่อ่อนใน อะไรที่มันบอกว่าไม่ แกก็อ้อนมันเข้าไว้ เดี๋ยวมันก็ใจอ่อนยอมตามใจแกเอง’
หลังจากที่ทานมื้อเที่ยงแสนจะสวีทหวานจนมดอิ่มเรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่จึงออกมาเดินเล่นดูของตามร้านรวงต่างๆ ที่อยู่ในห้างเพื่อสังหารเวลาระหว่างรอหนังฉาย ตลอดเวลานุชนารถก็ยังคงสวมบทบาทคุณแฟนจับมือถือแขนถึงเนื้อถึงตัวร่างสูงได้อย่างสมจริงสมจังเหมือนเดิม จนกระทั่งจวนได้เวลาหนังฉาย ทั้งสองจึงไปแวะซื้อน้ำและป๊อปคอร์นถังใหญ่เข้าโรงหนังไป
ชลธิดาจูงมือพานุชนารถไปยังที่นั่งตามหมายเลขที่กำหนดไว้ในตั๋ว ที่นั่งค่อนข้างหาง่ายเพราะนุชนารถเลือกที่นั่งแถวบนสุดติดกับทางเดินฝั่งขวามือของโรงหนัง และตอนที่ซื้อตั๋วสาวหมวยได้ดูแล้วว่าบริเวณนี้ไม่ค่อยมีคนจองสักเท่าไหร่ แต่เพื่อความแน่ใจจึงแอบซื้อตั๋วต่อจากที่นั่งถัดไปอีกห้าตัว นุชนารถให้ชลธิดาเข้าไปนั่งด้านในและเธอเลือกที่จะนั่งด้านนอกติดกับทางเดิน
ไม่นานนักบรรยากาศในโรงหนังก็มืดลง แสงไฟจากหนังตัวอย่างเริ่มฉายขึ้นจนกระทั้งถึงเพลงสรรเสริญพระบารมีที่ทำให้ทุกคนต้องขยับตัวยืนนิ่งทำความเคารพ และแล้วหนังที่นุชนารถอยากดูนักดูหนาก็ได้เริ่มต้นขึ้น....