web stats

ข่าว

 


ดวงใจนิรันดร์กาล ตอนที่ 4

โพสต์โดย: ยามเย็น วันที่: 06 ธันวาคม 2017 เวลา 05:36:04 อ่าน: 171

นาราตัวแข็งทื่อเมื่อตอนนี้เธอนั่งในรถหรู และที่สำคัญมะลิกำลังยื่นหน้าเข้ามาใกล้มาก ถามว่าทำไมเธอถึงอยู่ในสถานการณ์นี้น่ะเหรอ

?ฉันอยากจะดมตัวเธอได้อย่างอิสระ? มะลิพูดแบบนั้นแล้วพาเธอที่ขัดขืนไม่ได้เพราะตอบตกลงไปว่าจะยอมทำทุกอย่างก่อนหน้านี้มาที่รถนี่

"ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้?.เสียงหัวใจเธอมันเต้นเร็วมากจนฉันคิดว่ามันเลยขีดจำกัดของมนุษย์ไปแล้วนะ"

"กะ ก็?..เขินนี่"

"ไม่ต้องเขินหรอก เราเป็นผู้หญิงด้วยกันนะ"

"ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ไม่คิดว่าแวมไพร์จะมีกิจกรรมแปลกๆ แบบนี้"

"นี่ไม่แปลกหรอกเพราะฉันเป็นแวมไพร์ การที่ถูกดึงดูดด้วยเส้นเลือดและกลิ่นเลือดของมนุษย์น่ะมันเป็นปกติ"

"นะ นี่จะดูดเลือดฉันงั้นเหรอ?" นาราร้องถามมืกยกขึ้นดันไหล่ของอีกคน

"ฉันไม่ดูดหรอกน่า!" มะลิจับแขนอีกคนเบาๆ พร้อมกับตรึงให้ชิดเบาะ?.แต่เบาของเธอก็เพียงพอที่จะยึดนาราไม่ให้ขัดขืนได้เพราะแรงเธอเยอะกว่าคนปกติ

นาราเกร็งตัวไม่กล้าแม้จะหายใจเมื่อตอนนี้จมูกของมะลิกำลังประชิดกับซอกคอของเธอ

?นี่มันเข้าขั้นวิกฤตแล้วนะ เหมือนตัวเองกำลังโดนผู้หญิงด้วยกันไซ้ซอกคอยังไงอย่างนั้น? นาราคิดในใจ

ความเย็นของปลายจมูกทำให้นาราขนลุกชู่ นาราข่มเสียงในคอของตัวเองกลัวว่ามันจะเล็ดลอดออกมาให้สถานการณ์มันเข้าข่ายเรื่องสยิว

"แปลกจังเลยนะ" มะลิพูดเบาๆ พร้อมกับขยับจมูกสูดดมคอของนาราเรื่อยๆ

"อืม?แปลกจริงค่ะ ทำไมเราถึงอยู่ในสถานการณ์นี้" นาราพูดเสียงเบาราวกับกระซิบ

"เลือดเธอไร้กลิ่นต่างจากมนุษย์คนอื่น" มะลิผละออกมา นาราขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของอีกคน แต่แล้วเธอก็เขินขึ้นมาเมื่อมะลิยกแขนเธอขึ้นก่อนจะกดจมูกดมที่ข้อพับแขนแล้วก็ข้อมือของเธอ "หัวใจเต้น ได้ยินเสียงเส้นเลือดเต้นตุบ ได้ยินแม้แต่เลือดที่ไหลเวียนเบาๆ แต่ทำไมเธอไม่มีกลิ่นเลือด?"

"ฉันประหลาดเหรอ?" นาราถามเสียงเบาเพราะใบหน้าสวยของมะลิอยู่ใกล้มาก

"เธอเป็นคนแรกที่ไร้กลิ่นเลือดที่ฉันเจอ" มะลิบอกแล้วปล่อยอีกคน

"ฉันแปลกคนใช่ไหม ทำไมล่ะ" นารารีบถาม

"อย่าคิดว่าตัวเองแปลกคนสิ?.เธอเป็นมนุษย์ปกติในหมู่มนุษย์ด้วยกันนั่นแหละ ก็แค่แปลกสำหรับแวมไพร์อย่างฉัน ซึ่งเธอก็ไม่ต้องแคร์อะไรสักหน่อย"

"ตอนนี้เริ่มแคร์แล้วสิคะเพราะฉันรู้จักคุณนี่"

"?.." มะลิมองนารา

"?.." นาราเม้มปากเล็กน้อยเมื่ออีกคนจ้องเธอนิ่งไม่พูดอะไร?เพราะทำตัวไม่ถูกไม่รู้จะวางตัวยังไงดี

"ฉันอยากดมเลือดสดๆ ของเธอจัง" มะลิพูดตรงๆ เพราะสงสัยว่าหากสูดกลิ่นเลือดโดยตรงไม่มีผิวหนังมาขวางกั้นมันจะมีกลิ่นไหม

"อย่าพูดตรงๆ แบบนี้สิ ฉันจะกลัวเอานะคะ" นาราบอกอีกคน ที่เธอยังไม่ตื่นกลัวเพราะมะลินั่งกอดอกไม่มีท่าทีว่าจะจู่โจมอะไร เหมือนอีกคนแค่พูดออกมา

"ก็ดีกว่าโกหกใช่ไหมล่ะ"

"เออ ฉันถามอะไรคุณได้ไหมคะ?" นาราถามเพราะสงสัย มะลิพยักหน้า "คุณกินเลือดเป็นอาหารแล้วคนที่โดนคุณกินจะตายไหม?"

"เธอคิดว่าเราเป็นปีศาจที่ต้องดูดเลือดมนุษย์เท่านั้นใช่ไหม?" มะลิถามแล้วยิ้มเล็กน้อย "เลือดมนุษย์เป็นอาหารของเรา แต่เราไม่จำเป็นต้องดูดมันจากตัวหรอกนะ?..ถึงแม้ว่าเลือดสดๆ จากตัวจะอร่อยกว่าก็เถอะ แต่มนุษย์ไม่จำเป็นจะต้องตายเพียงเพราะเราต้องการอาหาร"

"แล้วคุณกินยังไงถ้าไม่กินจากตัว"

"คิดว่าครอบครัวฉันเป็นเจ้าของโรงพยาบาลไปทำไมล่ะ?"

"แอบกรีดเอาเลือดคนไข้เหรอคะ?" นาราถามพลางเอนหลังถอยหนีอย่างหวาดผวา

"เธอมองพวกฉันเป็นผู้ดำเนินรายการฆาตกรโรคจิตสินะ?..แบบว่าแอบดูดเลือดแล้วฆ่าทิ้งฝังศพ เป็นคนรวยที่จัดการทำให้คนหายไปได้ง่ายๆ"

"กะ?.ก็ อิมเมจแวมไพร์มันให้แบบนั้น" นาราพูดแล้วผ่อนคลายตัวเองเมื่อมะลิดูไม่ได้ร้ายอย่างที่ตัวเองกล่าวหาเพราะมะลิพูดเอนเอียงไปทางติดตลก

"เราไม่ทำแบบนั้นหรอก?.แม้ว่าแวมไพร์หลายตนจะมองว่ามนุษย์เป็นถุงเลือดเดินได้ แต่แวมไพร์ก็เอื้อให้มนุษย์เยอะเหมือนกันนะ?.เราดื่มเลือดจากถุงเลือดที่มนุษย์บริจาคกันไงล่ะ"

"อ่า?มีวิธีแบบนั้นด้วยสินะคะ" นาราพูด "แปลว่าพวกคุณก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด"

"ควรจะกลัวนะ" มะลิพูด นารามองหน้ามะลิอีกคนมีใบหน้าเศร้าสายตากลับมาว่างเปล่าอีกครั้ง?.เป็นอย่างที่ยายบอกเลย มะลิดูเหงาแต่เธอมองเห็นความเจ็บปวดของมะลิด้วย พอเห็นแบบนั้นแล้วทำให้เธอรู้สึกสะท้านในอกแปลบๆ

"??"

"เธอก็เห็น?.สิ่งที่แวมไพร์ทำได้น่ะ เราเร็ว เรามีแรงเยอะมาก ประสาทสัมผัสก็ไว?..อีกอย่างแวมไพร์สะกดจิตคนได้ด้วยนะ"

"ทำได้ด้วยเหรอคะ?" นาราร้องถาม

"ได้สิ?.แต่เธอใส่แหวนที่ฉันให้เธอไว้นิ แหวนนั้นจะป้องกันการสะกดจิตของแวมไพร์"

"?.." นาราลูบนิ้วของตัวเองที่มีแหวนของมะลิสวมอยู่ รู้สึกเขินขึ้นมาอีกแล้วที่อีกคนรู้ว่าเธอใส่แหวนที่อีกคนให้มา "ทำไมคุณถึงให้ฉัน แหวนนี้มีดีอะไร?"

"ผู้ชายคนที่เธอเจอน่ะ?.เป็นคนของแม่ฉัน แม่ฉันไม่ใช่แวมไพร์ทั่วไปนะ ออกจะชอบเล่นสนุกกับมนุษย์ บางทีก็ชอบสะกดให้คนทำนั่นทำนี่ เธอเป็นเป้าหมายเพราะเธอรู้จักฉันไงล่ะ?.แหวนที่ฉันให้เธอมันมีชิ้นส่วนของดอกซากศพอยู่ มันเป็นพิษต่อแวมไพร์"

"เพราะงั้นคุณถึงห่อกระดาษไว้ตอนเอามาให้ฉัน"

"ใช่ ไม่ว่าแวมไพร์ตนไหน เก่งยังไงก็แพ้อานุภาพของมัน" มะลิบอกแล้วยื่นมือไปแตะสัมผัสแหวนบนมือของนารา ทันใดนั้นเองนิ้วที่สัมผัสโดนแหวนก็ค่อยๆ ไหม้ นาราได้ยินเสียง ฉ่า! ของผิวหนังที่สัมผัสโดนของร้อน เธอรีบชักมือหลบให้พ้นมือของมะลิทันทีด้วยความตกใจ แล้วนาราก็ต้องตกใจมากกว่าเดิมเมื่อนิ้วมือของมะลิรักษาตัวเองอย่างรวดเร็วในชั่วพริบตา

"คุณเป็นอะไรไหมคะ?" นารารีบถาม มะลิมองมือของตัวเองแล้วส่ายหน้าแม้สีหน้าจะมีร่องรอยของความเจ็บปวดอยู่

"ไม่?..มหัศจรรย์ใช่ไหมล่ะ"

"ไม่ใช่เรื่องน่าดูสักหน่อย! ทำไมต้องทำร้ายตัวเองด้วย แค่บอกฉันก็เชื่อแล้วค่ะไม่ต้องแสดง" นาราว่าคล้ายดุ มะลิมองอีกคนที่ห่วงตัวเองมากเกินกว่าปกติก่อนจะหันหน้าไปมองทางอื่น

"ดอกซากศพมีพิษต่อแวมไพร์เหมือนพระอาทิตย์" มะลิบอกอีกคนต่อพร้อมกับมองไปด้านนอก

"พระอาทิตย์?" นาราเอียงคอ "แล้วทำไมคุณถึงออกมากลางแสงแดดได้"

"บ้านเรามีแม่มดประจำบ้านตลอด" มะลิบอก "เก่งพอที่จะร่ายคาถาต้านพระอาทิตย์ใส่ของต่างๆ เพื่อให้เราพกพาได้"

"แล้วคุณพกอะไรคะ?" นาราถาม

"ฉันไม่ควรจะบอกเธอไหม?..เดี๋ยวเธอก็รู้จุดอ่อนของฉันเยอะไป"

"แล้วทำไมคุณถึงบอกฉันเรื่องจุดอ่อนของแวมไพร์"

"เพราะเธอรู้ถึงการมีตัวตนของแวมไพร์ไงล่ะคุณนารา?.คนเราเมื่อไม่รู้เรื่องที่อันตราย ก็ไม่ตื่นกลัวเพราะไม่ต้องระแวดระวัง?..คุณเองก็คงเป็นใช่ไหมล่ะ ตอนที่ยังไม่เชื่อและไม่เคยรู้เลยว่าโลกนี้มันมีปีศาจอย่างฉันอยู่คุณก็นิ่งเฉย ใช้ชีวิตปกติคิดว่าอยู่ท่ามกลางผู้คนที่เหมือนกัน แต่พอรู้คุณก็เริ่มสังเกตและการสังเกตมันจะทำให้แวมไพร์ตนอื่นระแวงหากเค้ารู้ว่ามีมนุษย์จับจ้องอยู่ เค้าจะป้องกันตัวเองโดยการจัดการคุณซะเพราะตัวตนของแวมไพร์มนุษย์ไม่ควรรู้ ที่ฉันบอกก็เพื่อคุณจะได้รู้ไว้ว่าเราก็มีจุดอ่อน เอาไว้รักษาชีวิตอันเปราะบางของคุณ"

"ขอบคุณค่ะ" นาราตอบแล้วก้มหน้าอมยิ้มรู้สึกดีที่อีกคนใส่ใจตัวเองถึงขั้นยอมบอกจุดอ่อนให้

แล้ววันนั้นนาราก็ได้คุยกับมะลิหลายอย่าง?..เราสองคนอยู่ด้วยกันนานจนถึงเย็น สำหรับมะลิเธอไม่รู้หรอกว่าคิดยังไงกับการได้อยู่ด้วยกันเกือบทั้งวัน แต่สำหรับนารา?..เธอมีความสุขมาก

แม้มะลิจะดูมืดมนแต่ก็เป็นคนที่ห่วงคนอื่นมันทำให้นาราประทับใจ

 

"ทำไมคุณไม่วิ่งไปล่ะ?" นาราถามในระหว่างที่มะลิเดินไปส่งที่รถ

"อยากโดนอุ้มวิ่งเหรอ คงสนุกใช่ไหม?" มะลิเอียงคอถาม นารามองคนสวยที่เอียงคออย่างตื่นๆ เพราะอีกคนน่ามองมาก

"กะ?.ก็สนุกค่ะ มันหวิวๆ ตื่นเต้นดี" นาราบอกตรงๆ มะลิยักยิ้มเล็กน้อย

"ไม่ทำหรอก เดี๋ยวจะเคยตัว" มะลิว่า

"โหย" นาราโอดครวญ ทำให้มะลิหลุดขำท่าทางของอีกคน

"ที่ฉันอุ้มตอนแรกเพราะเธอฉี่จะราดต่างหากล่ะ ปกติถ้าไม่มีเรื่องอะไรฉุกเฉินเราจะทำตัวปกติให้เหมือนมนุษย์เพื่อความเคยชิน จะได้อยู่ร่วมโลกด้วยกันได้ไง"

"พวกคุณต้องปรับตัวเยอะเลยใช่ไหมคะ เป็นแวมไพร์นี่ก็ลำบากเหมือนกันเนาะ"

"?.." มะลิมองนาราด้วยความตื่นตะลึง พลางคิดว่าเด็กคนนี้ทำไมมีโลกและความคิดที่ดีจัง ไม่เคยคิดว่าจะมีมนุษย์พูดถึงแวมไพร์ในด้านนี้

"จริงๆ แรงก็เยอะแค่อุ้มวิ่งคงไม่เสียหายนี่น่า"

"นี่อยากสนุกใช่ไหมเนี่ย" มะลิถาม นาราพยักหน้า

"อยากลองอีก อยากโดนอุ้มวิ่งไปบนยอดไม้เหมือนเบลล่านางเอกเรื่องแวมไพร์ทไวไลไงคะ แวมไพร์ทำอะไรได้ตั้งหลายอย่างนี่นา"

"อยากเป็นนางเอกเหรอ?"

"นางเอกจะต้องสวยอย่างคุณมะลิต่างหาก?.ฉันขอเป็นเพื่อนนางเอกนะคะ"

"?.." มะลินิ่งมองอีกคน เป็นอีกครั้งในรอบหลายร้อยปีที่ใจเริ่มจะรู้สึกอุ่นวาบขึ้นมา เพื่อนเหรอ?.

"นิ่งเลย ฉันเล่นมากไปเหรอคะ?"

"เธออยากเป็นเพื่อนกับฉันเหรอ"

"ค่ะ" นารารีบตอบ

"ทั้งที่ฉันเป็นปีศาจเนี่ยนะ"

"ก็เพื่อนปีศาจคนแรกไง ตื่นเต้นออก"

"?." มะลินิ่งก่อนจะยิ้มเมื่อนาราจับมือของตัวเอง

"ทำไมมือไม่เย็นล่ะ?" นาราถามพร้อมกับยกมือของมะลิขึ้นมากุมทดสอบด้วยความสงaสัย "ตอนแรกที่จับมือกันมือคุณเย็นมากเลยนี่น่า"

"ครั้งแรกเหรอ?.อ่อวันนั้นอากาศมันเย็นนี่น่า อีกอย่างฉันเองก็ประหม่าไปหน่อยเพราะเธอไม่มีกลิ่นเลือด ฉันกำลังช็อกคิดว่าจมูกของฉันพัง?.มันก็เลยออกมาเป็นแบบนั้น"

"ฉันคิดว่าเพราะเป็นแวมไพร์ร่างกายเลยเย็นซะอีก" นาราพูดเบาๆ แต่แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นตกใจคล้ายเพิ่งคิดอะไรออก "ละ?แล้วตอนที่ดมคอฉันละ จมูกคุณเย็นมากเลยนี่น่า"

"ก็?." มะลินิ่งสักพักก่อนจะตอบเบาๆ พลางหันไปทางอื่นด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อขึ้นมา "มันตื่นเต้นนี่น่า"

"ตอนนั้นคุณไม่เห็นเหมือนคนตื่นเต้นเลย!" นาราว่า

ทั้งสองคนเม้มปากหันหน้าหนีกันเพราะความเขินเมื่อพูดถึงเรื่องก่อนหน้านี้ นาราใจสั่นข้างในมันร้อนลุ่มแปลกๆ เมื่อรู้ว่าอีกคนก็ตื่นเต้น เธอคิดว่ามะลิจะเย็นชาแต่ดูเหมือนจะไม่ใช่?.หล่อนอ่อนไหว ขี้เหงา เป็นห่วงเป็นใยคนอื่น มะลิเป็นคนที่มีอะไรให้เธอคาดไม่ถึงอยู่เรื่อย

 

นาราขับรถกลับบ้านพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อนึกถึงมะลิ ไม่รู้ทำไมเอาแต่คิดถึงอีกคนเหมือนตัวเองกำลังตกหลุมรัก

ในระหว่างที่คิดอะไรเพลินๆ รถก็เลี้ยวเข้าซอยของบ้านตัวเอง ซึ่งข้างทางเป็นรั้วไม้ที่มีหญ้าขึ้นพันดูรกตลอดแนวแต่ถึงอย่างนั้นบริเวณบ้านเธอก็ร่มรื่นตามประสาบ้านสวนติดคลอง

แต่แล้วนาราก็ต้องเบรครถกระทันหันเมื่อมีคนนอนอยู่บนถนน?.บ้านเธอเป็นบ้านท้ายซอยที่ไร้บ้านอื่นเคียงข้าง นาราจึงไม่ได้ลงจากรถไปดูเพราะนอกจากยายและคนแถวนี้ที่เข้ามาในซอยก็ไม่มีใครอื่นที่จะมีธุระเข้ามาบ่อยครั้ง อีกอย่างคนที่นอนอยู่คือผู้ชายนาราจึงไม่อยากเสี่ยง ข่าวสมัยนี้ก็ลงโครมๆ ว่าต้องระวังตัวเพราะคนร้ายมาได้ในทุกรูปแบบ

แต่แล้วนาราก็ต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ในทันที เธอลืมคิดไปว่าจะต้องไม่ระวังแค่มนุษย์แต่ต้องระวังแวมไพร์ด้วยเพราะในระหว่างที่กำลังกดโทรหาตำรวจให้มาตรวจสอบผู้ชายที่เจอ ประตูฝั่งข้างคนขับก็เปิดแล้วปิดอย่างรวดเร็วพร้อมๆ กับที่ในรถของเธอมีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามานั่งด้วย

"ฉลาดดีนี่แม่ของเล่น"

นารานิ่งสนิท ใจนึกหวั่นกลัวผู้หญิงตรงหน้า?.แม่ของมะลิ?.

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น