web stats

ข่าว

 


Angels & Devils_S4 - บทที่ 16 Don't Fear the Reaper

โพสต์โดย: anhann วันที่: 01 ตุลาคม 2018 เวลา 12:01:23 อ่าน: 235





บทที่ 16 Don't Fear the Reaper





ดอดจ์ชาร์เลนเจอร์  เอสอาร์ที 2015 แล่นมาจอดเทียบฟุตปาธขณะสองพี่น้องไอเซนเบิร์กเดินเอื่อยเฉื่อยกันอยู่บนทางเดิน  ออเดรย์เห็นมันก่อนน้องสาว  เธอชอบมัสเซิลคาร์อยู่แล้ว  แถมยังตกตะลึงกับคนขับซะด้วย

แต่คนที่ตะลึงกว่าคงเป็นน้องของเธอ

"เฟท  ใช่เฟทจริงๆ เหรอเนี่ย!"  ออเดรย์ร้อง  ขณะมองคนขับลดกระจกลงเผยให้เห็นใบหน้าคมคายกับนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มและเส้นผมยาวสลวยถึงกลางหลัง 

"ขึ้นมา  ทั้งสองคนนั่นแหละ"  เฟทสั่ง  ออเดรย์เปิดประตูขึ้นก่อนและกวักมือเรียกน้องให้ปีนตามขึ้นมา  แต่เบลคยังตามพี่สาวไปนั่งเบาะหลังจนคนขับส่งเสียงเนือยๆ เตือน  "มานั่งข้างหน้าคนนึง  ออเดรย์ก็ได้  ฉันไม่ใช่คนขับแท็กซี่"

"เธออยากเจอเขาไม่ใช่หรือไง  เบลค"  ออเดรย์บ่นน้องขณะจำใจปีนมานั่งเบาะข้างเฟทและเอ่ยทักทายกันอย่างคิดถึง  เบลคทำเป็นไม่สนใจ  แต่จริงๆ แอบฟังอยู่ตลอด

"โดนสั่งให้มาทำงานน่ะ"  เฟทว่า  เหลือบมองเด็กสาวผมทองตรงเบาะด้านหลังจากกระจกมองหลัง  ยิ้มมุมปากเมื่อเห็นเบลคมองอยู่พอดี

"ความลับหรือเปล่า"  ออเดรย์ถามอยากรู้อยากเห็นตามประสา

"เดธ"

คำตอบนี้ตะลึงคนฟังทั้งสองพร้อมกัน  แต่เบลคกลับรู้สึกว่ามันเกี่ยวกับเธอมากกว่าพี่สาว  เพราะเธอเจอเดธที่ว่านั่นมาแล้วหลายครั้ง

"บอสของเธอสั่งให้ฉันมา"  เฟทบอก  สบตากับเบลคทางกระจกมองหลัง  นัยน์ตาสีฟ้าเลื่อนลอยราวกับถูกสะกดจิต  หากเฟทไม่เบนสายตาไปทางอื่น  เบลคก็คงรู้สึกเหมือนจิตหลุดอยู่แบบนั้น 

มีเพียงเฟทคนเดียวที่ทำแบบนี้กับเธอได้  เดสทินีหรือเคซีย์ทำให้เธอกลัวหรือเกรงได้  แต่ไม่ใช่แบบนี้...

"เราจะไปไหนกัน  บอร์ดดิ้งเฮ้าส์ไม่ใช่ทางนี้นี่"  ออเดรย์ทักท้วง 

"เราไม่ได้จะกลับบ้าน...หลังนั้น"  เฟทตอบหน้าตาเฉย  แต่ออเดรย์เอะใจคำต่อท้ายนั่น  และเบลคก็เอ่ยต่อให้

"เขาจะพาเราไปบ้าน  ออด์  บ้านเรา"

"บ้านเรา?"  ออเดรย์มองเฟทอย่างต้องการคำอธิบาย 

"ก็ไม่เชิง  ถ้าพวกเธอจะเรียก 'สุสาน' ด้วยคำนั้นน่ะนะ" 

"สุสานเหรอ  สุสานไหน"

"ไม่ใช่ที่ที่ใครๆ ชอบไปเที่ยวกันหรอก"  เฟทว่า  ท่าทีมีลับลมคมใน 

ออเดรย์หันไปมองน้องสาว  เบลคยักไหล่ให้เธอ  บอกว่าไม่รู้เรื่องอะไรด้วยทั้งนั้น  เราก็เพิ่งจะเจอเขาพร้อมกันไม่ใช่หรือไง

"จะไปหายมทูตก็ต้องไปหาแถวๆ นั้นไม่ใช่หรือ"  เฟทพูด  หน้าซื่อ 

"ไม่ใช่แถวๆ ข้างหลังฉันเหรอ"  เบลคแดกดัน  เฟทก็แค่ยิ้มมุมปาก  ไม่คิดจะพูดอะไรให้ใครเข้าใจ  ไม่น่าไปคิดถึงให้เปลืองสมองเลยจริงๆ

ประมาณเกือบครึ่งชั่วโมงเจ้าดอดจ์ก็พาเราสามคนมาถึงสุสานหนึ่งชานเมืองฟิลาเดเฟีย  เฟทจอดรถหน้ารั้วเหล็กเก่าๆ แล้วก้าวลงไป  ออเดรย์หันไปหาเบลค  น้องก็พยักพเยิดให้ลงรถตามเจ้าของนั่นไป

ประตูรั้วเหล็กบานใหญ่เคลื่อนเปิดเองราวกับมีใครกดรีโมตเปิดให้  แต่ทั้งออเดรย์และเบลครู้ดีว่ามันไม่มี  ป้อมยามยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ

ทั้งที่เป็นช่วงบ่าย  หากท้องฟ้ากลับมืดครึ้มราวกับจะมีฝน  เสียงนกการ้องดังมาจากที่ใดสักที่  ซ่อนตัวอยู่ในหมู่แมกไม้  หรือบนป้ายหินบนหลุมศพของใครสักคน  ออเดรย์เดินชิดเฟทอย่างไม่ตั้งใจ  บรรยากาศอาจคล้ายกับสวนต้องห้ามหลังมหาวิทยาลัยเธอ  แต่ดูหลอนกว่า  แบบเดียวกับพื้นที่หลังสถาบันที่ยังคงเก็บสุสานเก่ารกร้างเอาไว้  มันน่ากลัวเพราะเธอรู้ว่ามีอะไรอยู่ใต้ดิน  ศพที่พร้อมจะผุดขึ้นมาจากหลุมถ้ามีใครไปปลุกพวกเขา

"คงไม่ได้ให้เรามาขุดหลุมใครหรอกนะ"  เบลคเอ่ยขึ้นข้างๆ พี่สาว  เธอต้องรีบตามออเดรย์มา  ไม่อยากถูกทิ้งไว้ข้างหลังคนเดียว

"เธออยากขุดเหรอ"  เฟทย้อน  ยิ้มกวนๆ เมื่อเบลคถลึงตาใส่เธออย่างไม่รู้จักเกรงกลัว  "ไม่ต้องขุดหรอก  ถ้าฉันอยากจะเรียกใครขึ้นมา  ก็แค่เรียกเท่านั้น"

เบลคเบ้ปาก  หมั่นไส้  ไม่ได้รู้สึกทึ่งอำนาจอันมากมายของเทวทูตสักนิด  กระนั้นเธอก็ยอมรับว่าชอบความรู้สึกแบบนี้มากกว่าการคิดถึง  แต่ไม่มีวันจะได้พบเจอ  ความรู้สึกสิ้นหวังแบบนั้น

"ดูเหมือนเราจะถึงกันแล้วนะ"  เฟทพูด  หยุดเดินให้อีกสองคนต้องหยุดตามไปด้วย  ออเดรย์กับเบลคมองป้ายหินสลักเบื้องหน้าพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย 

"ทอมัส  ไอเซนเบิร์ก"  ออเดรย์อ่านตัวอักษรบนป้ายนั้น  ขณะเบลคเอาแต่จ้องมันอย่างเอาเป็นเอาตาย  แล้วเงยหน้ามองเฟท

"คุ้นๆ บ้างไหมล่ะ" 

ทั้งออเดรย์กับเบลคส่ายหน้า

"ญาติของพวกเธอไง"  เฟทพูด  "รู้สึกว่าตอนนี้เขาจะอยู่..."

สองพี่น้องไอเซนเบิร์กหันตามสายตาเทวทูตไป  พวกเธอจึงพบกับร่างในชุดคลุมสีดำมอซอ  ใบหน้าของเขาซ่อนอยู่ในเงาหมวกของเสื้อคลุม  เบลคหรี่ตามองเขา  รู้สึกราวกับเคยเห็นมาก่อน

"กริม  ริปเปอร์"  เบลคเอ่ย  จ้องมองเคียวด้ามยาวในมือเขาเขม็ง  เธอรู้สึกว่ารอยสักตรงแขนซ้ายของเธอร้อนขึ้นแบบเดียวกับก่อนที่เคซีย์จะช่วยรักษาให้  "ใช่เขาหรือเปล่าที่คอยตามฉัน"

ร่างในชุดคลุมส่ายหน้าก่อนที่เฟทจะได้ตอบ 

"เขาไม่ใช่กริม  เขาคือ  เดธ"

สองสาวทำหน้างง  ออเดรย์จึงเป็นฝ่ายถาม  "ไม่เหมือนกันเหรอ"

"อืม  รู้สึกว่าเขาจะใหญ่กว่านะ  ใช่ไหม  ทอม"  เฟทว่า  เดธผงกหัวรับคำ  "เขาเป็นอาของพวกเธอ"

"เป็นไปไม่ได้  พ่อฉันไม่มีพี่ไม่มีน้อง  เขาเป็นลูกคนเดียว"  เบลคขัด  เหลียวมองพี่สาว  หวังให้ออเดรย์สนับสนุนแต่พี่กลับดูลังเล

"เธอรู้ใช่ไหม  ออเดรย์  เธอเคยได้ยินชื่อเขา"  เฟทพูด  มองออเดรย์ด้วยรอยยิ้มประหลาด  "แฟรงกี้กับทอมมี่  เคยได้ยินหรือเปล่า"

"ออด์ --"

"พ่อเคยพูดถึงเขา"  ออเดรย์เอ่ย  เบลคอ้าปากค้าง  "ตอนเด็กๆ ฉันเคยเห็นพ่อนั่งดูรูปเด็กผู้ชายสองคน  หน้าตาเหมือนกัน  ตอนนั้นเธอยังนอนเปลอยู่เลย  เบลค"

เบลคกะพริบตาปริบๆ  มองพี่สาวอย่างเหลือเชื่อ  "พี่ไม่เคยเล่าให้ฉันฟัง  แล้วพี่ได้ถามพ่อหรือเปล่า"

ออเดรย์ส่ายหน้า  "แม่ดุฉัน  ไม่ให้ฉันเข้าไปกวนพ่อ  แล้วแม่ก็ปิดประตูห้อง  ชวนฉันไปที่อื่น"

"หรือนั่นจะเป็น..."  เบลคมองร่างในเสื้อคลุม  รู้สึกว่าเขาก็มองเธอ

"เขาเป็นฝาแฝดของพ่อเธอ  ตายตั้งแต่ห้าขวบ  จมน้ำตาย  ใช่ไหม  ทอมมี่"  เฟทเล่า  และหันไปถามเดธให้แน่ใจ  ฝ่ายนั้นก็ผงกหัวอีกครั้ง

"แล้วทำไมเขาถึง --"

"ฉันคิดว่าแด๊ดดี้ฉันคงชอบเขาละมั้ง  พอเดธคนเก่าหมดวาระก็เลยให้ทอมมี่เป็นแทน  --  นี่ถ้าฉันพูดผิดก็ช่วยแก้ให้ด้วยสิ  ฉันรู้ว่านายไม่ได้เป็นใบ้นะ  ทอม"

"ท่านพูดถูกแล้วครับ"  เดธตอบ  เสียงแหบแห้ง

"โอเค  แนะนำตัวกันเสร็จแล้ว  คราวนี้ก็ --"

"ประทานโทษ  ข้าไม่ได้รับคำสั่งจากท่าน  กาเบรียล"  เดธขัด  เฟทเลิกคิ้ว  "ต่อให้ท่านเอาหลานข้าเป็นตัวประกัน..."

"ใครว่าข้าเอาหลานเจ้าเป็นตัวประกัน"  เฟทย้อน  ยิ้มมุมปากขณะเดธทำหน้าตาสับสนอยู่ในเงาหมวกปิดหน้าปิดตา  "ข้าแค่พาพวกเขามารู้จักญาติของตัวเองเท่านั้น"

ไม่ใช่แค่เดธที่งง  แต่สองสาวด้านหลังด้วย  และเฟทก็เอ่ยต่อ

"ข้าแค่จะถามเจ้าสักสองสามข้อ  คำถามง่ายๆ  มิคาเอลฝากมา"

"ข้าไม่ --"

"ทำไมคนตายเยอะกว่าปกติ  เป็นเรื่องธรรมชาติหรือคำสั่งของใคร  และทำไมเจ้าต้องคอยตามหลังเบลคด้วย  เจ้าจะทำอะไรหลานตัวเอง"  เฟทยิงคำถามโดยไม่สนอาการโต้แย้งของอีกฝ่าย

เดธทำท่าจะหมุนตัวหนีไป  แต่แท่งหินขนาดใหญ่ก็ผุดขึ้นจากดินมาขวางทางเขาจนเกือบจะชนมัน  เขาเลิ่กลั่กหันมามองเฟท

"โทษทีนะ  ข้าไม่ชอบให้ใครหันหลังให้"  เฟทพูดเสียงเย็น  "เจ้าเป็นจ้าวแห่งความตาย  ไยต้องรับคำสั่งจากใคร  ใครที่ทำให้เจ้ากลัวได้"

"คนเดียวกับที่ท่านกลัว"  เดธตอบ  แล้วร่างของเขาก็หายวับไป

เฟทยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจนกระทั่งเบลคมากระตุกชายเสื้อ  มองเธอด้วยสายตาปลอบโยนราวกับรู้ว่าเธอกำลังโกรธ  เธอจึงยิ้มให้และส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นไร

"พวกเธอจะกลับบ้านพ่อแม่หรือเปล่า  ถ้าจะไปก็ต้องขับรถเองนะ  ฉันมีเรื่องต้องคุยกับเคซีย์และเอวา"

"เราจะกลับบอร์ดดิ้งเฮ้าส์  ใช่ไหม  ออด์"

ออเดรย์หันมาหาน้อง  เลิกมองหาเดธตรงจุดที่เขาหายไป  เธอเดินกลับมาเบลคด้วยท่าทางงงๆ  ยังคงไม่เข้าใจอะไรหลายอย่าง

"ทำไมเขาถึง..."

"มันเป็นเชื้อสายของบ้านเธอน่ะ  คล้ายๆ กับพวกที่มีเชื้อสายพ่อมดแม่มดอะไรแบบนั้นแหละ  คล้ายกับพวก 'คนมีของ'  ใช่ไหม  มนุษย์ชอบเรียกกันอย่างนี้"  เฟทพยายามอธิบาย

สองพี่น้องมองหน้ากัน  ยังไม่เข้าใจอยู่ดี  แต่ก็ป่วยการจะคิดอะไรตอนนี้  พวกเธอจึงเดินตามเฟทออกไปนอกสุสาน  ไม่ต้องการอยู่ที่นี่แม้แต่วินาทีเดียว

"เดธนี่มีคนเดียวใช่ไหม"  เบลคถาม  มานั่งข้างเฟทแทนออเดรย์ที่คุยโทรศัพท์กับเคซีย์อยู่ตรงเบาะหลัง

"ใช่  ปกติเขาไม่ค่อยลงมาหรอก  เขามีลูกน้องทำแทน  เขามีหน้าที่สั่งการอยู่ในออฟฟิศของเขา"

"แล้วคนที่มาทำงานแทนก็คือ..."

"กริม  ริปเปอร์"  เฟทบอก  เสียงเรียบเหมือนกำลังให้สัมภาษณ์เรื่องน่าเบื่อมากๆ อยู่  "ที่เธอเจอบ่อยๆ นั่นแหละ"

เบลคขมวดคิ้ว  "แปลว่าเขาส่งคนตามมาดูฉันหรือ  ในแง่ดีไหม"

"ไม่รู้สิ  ก็เขาไม่ยอมบอกอะไรเลยนี่"

เบลคทำหน้ายุ่งอย่างครุ่นคิด  ก่อนจะรู้สึกว่าคนข้างๆ อมยิ้ม

"งานไม่เสร็จ  อารมณ์ดีได้ด้วยเหรอ"

"ทำไมจะไม่ได้ล่ะ"  เฟทย้อน  และกระซิบต่อ  "ฝันถึงฉันสนุกไหม"

เด็กสาวหน้าร้อนผ่าว  รีบหันหนีรอยยิ้มรู้ทันบนใบหน้าคมคายของอีกฝ่าย  --  บ้าจริง  แบบนี้มันไม่ยุติธรรมเลย!   

"โอเค  ไม่ล้อละ  เดี๋ยวจะเกลียดฉันมากกว่านี้"

"เราไม่ได้ทำอะไรกันจริงๆ ใช่ไหม"  เบลคถามเบาๆ  กลัวพี่สาวจะได้ยิน  แต่เฟทก็กลับทำเป็นไม่ได้ยินอีก  "เฟท  อย่าแกล้งได้ไหม"

"ขอโทษนะ  เบลค"  เฟทพูด  ตามองตรงไปยังถนนเบื้องหน้า 

เบลคก้มหน้าลง  ไม่รู้ทำไมถึงผิดหวังทั้งที่ควรจะดีใจ  หากพอเฟทเอ่ยต่อ  เธอก็งัดใบหน้าขึ้นมองเทวทูตอย่างตกตะลึง

"...เธอเป็นของฉัน  ก็ต้องเป็นของฉันตลอดไป"

"คุณพูดว่าอะไรนะ"  เบลคถาม  เสียงดังขึ้นจนออเดรย์หันมาสนใจเราสองคน  แต่เธอรู้ว่าพี่มีมารยาทดีเกินกว่าจะมายุ่งกับเรา  "คุณพูดจริงๆ หรือแกล้งหลอกฉันให้กลัว"

เฟทกลอกตา  "โทษทีนะ  ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นของเธอ  แต่เป็น --"

"หยุดนะ  อย่าพูดมันออกมา!"  เบลคร้องห้าม  คราวนี้ออเดรย์จึงมองพวกเธออย่างสงสัย  เธอหันไปส่ายหน้าให้พี่  ออเดรย์จึงพยักพเยิดให้และกลับไปคุยโทรศัพท์ต่อ

"ฉันก็แค่จะบอกให้เธอหายสงสัยว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนั้น  ทำไมเธอถึงฝันแบบนั้น"  เฟทกระซิบ  ตายังคงมองถนน  "หรืออยากให้ฉันโอนเธอให้คนอื่นล่ะ"

"ฉันไม่ใช่สิ่งของ"  เบลคคำราม  เจ็บใจตัวเองมากกว่าเฟทเสียอีก  เธอควรจะรู้ว่าใครที่เข้าไปยุ่งกับพวกชาวสวรรค์ไม่ใช่จะหลุดออกมาได้ง่ายๆ

"แล้วเบย์ลีส์รู้หรือเปล่า"  เด็กสาวถามอีก  ถึงหงุดหงิดก็ยังอยากรู้

"เธอคิดว่าไงล่ะ"  เฟทย้อน  ไม่ยอมตอบตรงๆ ตามเคย

เบลคส่ายหัวไปมา  เธอคิดแล้วเชียวว่ามันมีอะไรแปลกๆ  เธอรู้สึกว่าเบย์ลีส์รู้มันมาตลอด  และอาจยอมรับมันแล้วด้วย

"เสียใจมากเหรอ"  เฟทถาม  เหลือบมองเบลคกุมหัวตัวเอง  อยากแตะตัว  อยากปลอบ  แต่ไม่อยากเห็นเด็กสาวทำท่ารังเกียจตน

"ไม่รู้สิ"  เบลคตอบตามตรง  จะว่าเจ็บก็ไม่ใช่  มันชาเสียมากกว่า  บางทีมันอาจถูกกำหนดไว้แล้ว  "แต่ก็ดีที่คุณบอก  ฉันจะได้ไม่ต้องสงสัยไปจนตาย"

เฟทฮัมรับ  สักพักก็ก้มมองมือบนต้นขาตัวเองก่อนจะเหลือบตาขึ้นมองเจ้าของมัน  ตาสีฟ้าของเบลคไม่ได้ส่อแววหงุดหงิดแล้ว

"ฉันคิดถึงคุณ"  เด็กสาวสารภาพ  เฟทยิ้มอย่างเข้าใจ  และลดมือจากพวงมาลัยมาจับมือนั้นขึ้น  บีบมันเบาๆ อย่างตั้งใจปลอบโยน 

คนถูกจับเบนสายตาออกไปนอกรถ  นึกอายขึ้นมาจนไม่กล้าสบตา  ไม่รู้กล้าทำไปได้ยังไง  แต่มันรู้สึกดีมากจริงๆ  คล้ายกับความปรารถนาของเธอได้รับการเติมเต็ม

ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันอีก  ในรถจึงมีแต่เสียงออเดรย์คุยโทรศัพท์  และเมื่อวางสาย  จึงชะโงกหน้ามามองน้องสาวด้วยความเป็นห่วง  แต่สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า  สองมือที่กอบกุมกันแบบนี้  เธอจะยินดีหรือรู้สึกยังไงดีล่ะ

สับสน  งงไปหมดแล้วนะเนี่ย

............................................................

เบลคยังรู้สึกได้ถึงรอยจูบทั่วตัวของเธอ  เสียงกรีดร้องอย่างสุขสมเมื่อถูกปรนเปรออย่างอ่อนหวาน  มันเหมือนความฝันแบบที่เธอฝันอยู่ทุกคืน  หากคราวนี้มันเกิดขึ้นจริง  เธอรู้สึกได้ว่าตัวเองข่วนหลังคนข้างบนไปหลายที  จิกเส้นผมยาวสีเข้มขณะเขาซุกหน้าอยู่ตรงหว่างขา  ทำให้เธอคลุ้มคลั่งและไร้ยางอาย  เธอไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง  และต่อให้ตื่นขึ้นมาไม่เจอเขาแล้ว  เธอก็ไม่รู้สึกโกรธเคือง  คล้ายกับเธอเริ่มเข้าใจอะไรๆ มากขึ้น

เธอลุกขึ้นสวมเสื้อผ้า  เช็กตัวเองในกระจกเงาโต๊ะเครื่องแป้ง  พี่สาวของเธอคงไม่ชอบแบบนี้แน่  แต่ออเดรย์จะทำอะไรได้ล่ะ  เธอยังทำไม่ได้เลย  เธอไม่สามารถหยุดตัวเองไม่ให้จูบตอบ  หรือรีบถอดเสื้อผ้าเขาออก  ไม่ว่าจะปฏิเสธยังไง  เธอก็เป็นของเขาอยู่ดี

พอกันทีกับการแกล้งทำเป็นคนดีแบบนั้น 

เสียงบางอย่างดังขึ้นตรงหน้าต่าง  เธอวางแปรงหวีผมลง  และเดินไปเปิดผ้าม่านดู  พยายามเพ่งมองผ่านความมืดกับสายฝนว่ามีอะไรอยู่ตรงหลังคาของชั้นสอง  เงาตะคุ่มรูปร่างคล้ายคนแต่ไม่น่าใช่  ไม่มีใครจะมายืนบนหลังคาแบบนี้ได้แน่ๆ  แถมฝนตกด้วยเนี่ยนะ

"ใครน่ะ"  เบลคถาม  มือกุมกริชคู่ใจไว้ขณะเปิดหน้าต่างดู  ละอองน้ำฝนกระเซ็นใส่หน้าเธอ  เย็นฉ่ำจนหนาว  "ถามว่าใคร  ไม่ได้ยินเหรอ --"

ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ  ร่างในเสื้อคลุมแบบเดียวกับเดธ  แต่ไม่ได้ถือเคียวมาด้วยก็ตลบฮู้ดคลุมศีรษะออกให้เธอได้เห็นใบหน้าของหล่อน

หญิงสาวผมแดง

"เธอเป็นใคร"

"ยมทูต"  เจ้าหล่อนตอบเสียงเย็นกว่าน้ำฝน  เบลคพบว่าตัวเองกุมกริชแน่นกว่าเดิม  แต่หล่อนก็พูดต่อโดยไม่ได้ขยับมาใกล้  "ข้าแตะต้องเจ้าไม่ได้หรอก  ผู้หญิงของกาเบรียล"

เบลคไม่ยินดีเท่าไหร่ที่ถูกเรียกแบบนี้  แต่เธอจะปฏิเสธยังไงในเมื่อเพิ่งจะตอกย้ำว่าเป็นของเขาไปหยกๆ  "ถ้างั้นเธอต้องการอะไร"

"แนะนำตัว  เผื่อเราจะได้ทำงานร่วมกัน"  ยมทูตตอบเสียงนิ่ง

"ทำงานร่วมกับเธอน่ะเหรอ"

"ถูกแล้ว  เพราะเจ้ามีหน้าที่สังหารไงล่ะ  มือปราบ"

"เธอรู้ได้ยังไง  ฉันยัง --"

"ข้ารู้ทุกครั้งที่มีมือปราบเกิดใหม่  มันเป็นหน้าที่ของข้าด้วย  และข้าชื่อเฟรยา  สั้นๆ ว่า  เฟรย์  บอกไว้  เผื่อเจ้าจะอยากเรียก"

เบลคอ้าปากจะถามต่อ  แต่ยมทูตที่ชื่อเฟรย์ก็จากไปแล้ว  หายไปเหมือนไม่เคยยืนอยู่ตรงนั้นเลย

"เยี่ยม  เดี๋ยวเจอเดธ  เดี๋ยวเจอริปเปอร์  ให้มันได้แบบนี้สิ"  เธอบ่น  พลางดึงหน้าต่างปิด  วางกริชลงบนโต๊ะข้างเตียง  แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ  เสียบมันเข้าไปในแขนซ้ายของตัวเอง  มันหายไปเหมือนล่องหน  เฟทเพิ่งจะสอนให้เธอทำแบบนี้  เขาบอกว่ามันเป็นวิธีที่เบย์ลีส์ซ่อนอาวุธ  มีเพียงมือปราบที่บอสใหญ่หรือมิคาเอลเลือกเท่านั้นถึงจะทำได้

เบลคหยิบเสื้อคลุมมาสวมทับเสื้อยืดแขนสั้น  แล้วจึงออกจากห้องไปหาของกิน  ดึกป่านนี้คงไม่มีใครอยู่ข้างนอกแล้ว  แต่อาจเจอเคซีย์เหมือนวันนั้นก็ได้ 

เธอทำแซนด์วิชไส้เนยถั่วให้ตัวเอง  จำได้ว่าซื้อมาเองทั้งขนมปังทั้งเนยถั่ว  นมกล่องใหญ่นี่ด้วย  หากขณะกำลังกินอย่างหิวโหยก็รู้สึกว่ามีใครบางคนมองเธออยู่  พอหันไปดูก็เจอเด็กตัวเล็กๆ หน้าตาคุ้นเคย  ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงจะรีบทักทายแล้ว  แต่ตอนนี้...ฟินน์อาจเกลียดเธอแล้วก็ได้

"เอาไหม  ฉันทำให้"  ยังไงเธอก็ต้องถามออกไปอยู่ดี  จะทนให้เด็กมองอยู่แบบนี้ได้ยังไง  แล้วฟินน์ก็ค่อยๆ เดินเข้ามา  เธอจึงหยิบขนมปังอีกแผ่นมาทาเนยและส่งให้  ฟินน์รับมันไปกัดกินด้วยท่าทางเหมือนหิวมาก

"หิวเหรอถึงออกมา  แล้วแม่รู้หรือเปล่า"  เบลคถาม  เป็นห่วงจริงๆ  ไม่ได้ตั้งใจจะสอดแนม  รู้อยู่แล้วว่าเฟทคงอยู่ที่นั่น

"แม่หลับ  แด๊ดไม่อยู่"  ฟินน์ตอบเสียงอู้อี้เพราะขนมปังเต็มปาก

"อ้าว  ไม่อยู่เหรอ"

"แด๊ดไปทำงาน  เขาบอก" 

เบลคพยักหน้ารับรู้  เฟทบอกว่าลงมาทำงานก็คงทำงานจริงๆ

"เบลคอย่าไปคุยกับคนนั้นอีกนะ"  ฟินน์พูดขึ้นกะทันหัน  เบลคหันไปมองขณะแซนด์วิชเนยถั่วยังคาปาก  "เฟรยาน่ะ"

"ทำไมเหรอ"  เบลคถาม  แปลกใจว่าทำไมฟินน์ถึงรู้  "เธอแอบฟังฉันเหรอ  ฟินน์"

"เปล่านะ  เราได้ยินเอง"  ฟินน์ส่ายหน้าเร็วๆ  "แด๊ดให้เราคอยดูว่า  เบลคเป็นยังไงบ้าง  เราก็เลย..." 

"โอเค  ช่างมันเถอะ"  เบลคตัดบท  ฟุบลงกับโต๊ะอาหารและเหยียดแขนไปข้างหน้า  ใช่ว่าเธอไม่รู้สึกผิดที่เป็นแบบนี้  แต่เธอทำอะไรไม่ได้  เห็นหน้าฟินน์อย่างนี้เธอก็ยิ่งรู้สึกแย่  ความสุขแค่ไม่กี่นาทีเมื่อกี้แทบจะช่วยอะไรไม่ได้เลย  ขนาดยังไม่เจอเบย์ลีส์นะ

"เดินกลับห้องเองได้ไหม  หรือจะให้ไปส่ง"  เธอหันไปถามเด็กน้อยที่ดูเหมือนจะกินอิ่มแล้ว  ฟินน์ทำท่าลังเล  เธอจึงตัดสินใจลุกขึ้นเก็บข้าวของไปล้าง  และเตรียมตัวไปส่งลูกสาวของคนรัก

คนรักอย่างนั้นเหรอ  สรุปฉันเป็นเมียน้อยเขาหรือไงนะ

"เบลครักแด๊ดดี้มากเหรอ"

เบลคมองหน้าเด็กน้อยเจ้าของมือที่เธอจูงเดินอยู่  เธอไม่รู้จะตอบคำถามนี้ยังไงดี  แต่ดูเหมือนฟินน์จะมองเธอออกจนทะลุ

"ไม่เป็นไรหรอก  แด๊ดก็รักเบลคเหมือนกัน"

"ตอนนั้นเธอไม่ได้พูดแบบนี้นะ" เธอติง  ฟินน์ทำหน้าแปลกใจ  "เธอเคยพูดว่า  ถ้าฉันไม่มีใคร  เธอจะขอฉันแต่งงาน  จำไม่ได้ใช่ไหม"

"จำได้  แต่เบลคมี  มีมาตลอด"  ฟินน์บอก  ยิ้มไร้เดียงสา  "ส่งแค่นี้ก็ได้  เราไปต่อเอง  เบลคคงไม่อยากเจอแม่เราหรอกใช่ไหม"

เบลคมองตามเด็กน้อยที่ปล่อยมือเธอแล้วเดินกึ่งวิ่งจากไป  ฟินน์หันมายิ้มให้เธอด้วยท่าทางไม่คิดมาก  เธอจึงอดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้  เธอรอจนเด็กน้อยลับตาเข้าห้องไปแล้ว  จึงหมุนตัวกลับห้องตัวเอง  และระหว่างที่เดินกอดอกครุ่นคิดอยู่  ใครบางคนก็โผล่มาเดินข้างๆ ให้ต้องหันไปมอง

กามเทพ...

"คุณช่วยฉันได้ไหม"  เธอลองถาม  แม้จะรู้คำตอบอยู่แล้ว  เคซีย์ส่ายหน้า  มองเธอสายตาเห็นใจ  "แล้วคุณมาทำไม  มาเพื่อตอกย้ำงั้นเหรอ"

"เขาช่วยเปลี่ยนโชคชะตาเธอ"  เคซีย์พูดเบาๆ แต่เข้าหูเบลคชัดเจน

"คุณหมายความว่ายังไง"

"จริงๆ แล้ว  เฟรยาจะมารับตัวเธอไป  คือหล่อนที่ตามหลังเธอมาตลอดตั้งแต่เธอกลับจากไอร์แลนด์  แต่เพราะ --"

"แปลว่าจริงๆ แล้วฉันควรจะตายแล้วงั้นเหรอ"

"ใช่  แล้วก็กลายไปเป็นริปเปอร์อีกคน"

เบลคงงเป็นไก่ตาแตก  ยิ่งฟังยิ่งสับสน  "แต่ตอนนี้ฉันเป็นมือปราบแล้วนะ  ยังไม่ได้ทำงานเลยจะตายแล้วเหรอ  ง่ายเกินไปไหม  แล้วใครช่วยเปลี่ยนชะตาฉัน  เฟทน่ะเหรอ  แค่เขาทำแบบนั้นกับฉัน  ทำให้ฉันเป็น..."

"เธอเป็นทั้งคนของมิคาเอลและกาเบรียล  เป็นคนของเทวทูต"

"โอ้  ฟังดูดีจัง  แต่ทำไมฉันไม่รู้สึกว่ามันดีเลยล่ะ"

"ถ้าคิดว่าไม่ดีก็เอากริชนั่นแทงตัวเองซะสิ  อาเธอคงชอบใจน่าดู"

เบลคมองเทวทูตแห่งความรักตาโตตกใจ  แต่เคซีย์ก็หายวับไปเลย  เธอเหวี่ยงสองมือในอากาศ  โมโหแต่ไม่รู้จะไปลงที่ใคร  แล้วก็เดินกลับห้อง

.....................


 :21: :15: :44:

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

01 ตุลาคม 2018 เวลา 12:53:39
แล้วออร์ที่แสนบริสุทธิ์ของเคซีย์ล่ะ นางจะต้องไปเป็นเดธคนต่ไปรึเปล่า รึว่าเพราะเคซีย์ชะตานางก็เปลี่ยนด้วย
แสดงความคิดเห็น