web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 183
Most Online Ever: 190
(08 กรกฎาคม 2022 เวลา 19:00:55 )
Users Online
Members: 0
Guests: 165
Total: 165

ผู้เขียน หัวข้อ: ตอนที่ ๒  (อ่าน 1573 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ลำเนา

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 68
ตอนที่ ๒
« เมื่อ: 28 มกราคม 2014 เวลา 20:29:57 »
   อักษรายืนยิ้มมองดูพืชผักที่วางจำหน่ายอยู่ในร้าน รอยยิ้มเล็กๆ ก็เกิดขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ เพราะพืชผักทั้งหมดที่อยู่ในร้านซึ่งเติบโตขึ้นจนสามารถนำมาจำหน่ายได้นั้น ทั้งหมดที่เห็นวางอยู่เต็มร้านในเวลานี้เป็นผลผลิตที่มาจากไร่ของเธอเองและที่สำคัญเป็นพืชผักที่ปลอดสารพิษ ความคิดที่จะเป็นชาวไร่สำหรับพืชผักปลอดสารพิษนั้นเธอได้คิดและวาดฝันเอาไว้และได้เริ่มมันขึ้นเมื่อห้าปีก่อน หลายๆ คนแอบหัวเราะเยาะเธอ แต่เธอก็ทำให้ใครๆ เห็นแล้วว่าเธอทำได้ และพืชผักปลอดสารพิษในราคาย่อมเยาที่ร้านของอักษราได้รับความนิยมชมชอบสำหรับคนที่ชอบบริโภคผักเป็นอย่างมาก ในบางครั้งลูกค้าก็ยังมาสอบถามถึงวิธีการปลูกรวมถึงแลก เปลี่ยนความคิดเห็นกัน และตัวอักษราเองก็ได้รับประโยชน์จากการได้พูดคุยกับกลุ่มลูกค้าโดยการนำไปปรับใช้และพัฒนาในการปลูกพืชของเธอเอง

   “สวัสดีค่ะ คุณแม่ค้า ยืนยิ้มกริ่มเลยนะคะ” ผู้หญิงรูปร่างสูงโปร่งในชุดลำลองที่ดูเรียบง่ายแต่เก๋ไก๋ ยืนอมยิ้มมองดูเจ้าของร้านที่กำลังยืนมองผักกาดแก้วในกระบะไม้พร้อมรอยยิ้ม เมื่อได้ยินเสียงทักทายจึงหัวเราะเล็กๆ ก่อนที่จะหันมาทางคนที่มาอยู่ที่หน้าร้าน อักษราจำได้ดีว่าเป็นเสียงของใคร

   “แซวแต่เช้าเลยนะคะ พี่ศศิ รับอะไรดีคะ วันนี้” อักษราเดินเข้ามาโอบกอดลูกค้าคนแรกสำหรับเช้านี้ของเธอ

   “คิดถึงจังเลย” ศศิมาพูดขึ้นและโอบกอดทักทายอักษราด้วยเช่นกัน

   “หวานแต่เช้า ลูกค้าคนแรกคงได้ผักอร่อยๆ กลับไปฟรีๆ แน่ค่ะ” อักษรายิ้มทะเล้นให้ศศิมาที่อมยิ้มและจ้องมองไปที่ผักสดที่น่ารับประทานซึ่งมีอยู่เต็มร้าน

   “ของซื้อของขาย ประเดิมก็ต้องจ่ายเงินสิคะ ว่าแต่ว่าทักทายลูกค้าแบบที่ทักทายพี่ทุกคนหรือเปล่าคะ” ศศิมาแกล้งทำสายตาดุดุมองไปที่อักษรา

   “ไม่ทุกคนค่ะ แต่บางคนถ้าน่ารักหน่อยก็จะได้รับการทักทายเป็นพิเศษค่ะ ลูกค้าก็จะโดนเจ้าของร้านหอมแก้มฟอดใหญ่ๆ เลยค่ะ” พูดจบอักษราก็หัวเราะกับคนที่กำลังยืนหน้ามุ่ยมองเธออยู่

   “ร้ายนักนะ พี่คงไม่น่ารักพอสินะ ถึงไม่เคยโดนเจ้าของร้านหอมแก้มสักที ทั้งๆ ที่เป็นลูกค้าประจำและเหนียวแน่นขนาดนี้” ศศิมาพูดด้วยน้ำเสียงแสดงอาการน้อยใจออกมา แล้วสิ่งที่ศศิมาไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น อักษราเดินไปหอมพร้อมกับจูบเล็กๆ ไปที่แก้มอันนุ่มนวลนั้น

   “หายน้อยใจหรือยังคะ” อักษรายืนยิ้มแป้น แต่คนที่ถูกหอมพร้อมกับริมฝีปากอุ่นๆ ที่กระทบไปที่แก้มเมื่อสักครู่เริ่มรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวแล้วก็รู้ว่าหน้าคงเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ ศศิมาจับไปที่แก้มของเธอซึ่งถูกอักษราหอมไปเมื่อสักครู พร้อมรอยยิ้มเล็กๆ ที่ปรากฏขึ้นทั้งบนใบหน้าและในหัวใจของเธอ

   “ถามจริงๆ วันหนึ่งต้องหอมกี่คนคะ เพราะพี่รู้นะว่า บุ๊คมีลูกค้าเยอะมาก” ศศิมาพูดด้วยน้ำเสียงดุดุจนทำให้อักษราอมยิ้มและนึกอยากจะแหย่คนที่ยืนอมยิ้มแก้มแดงจนจะเป็นลูกตำลึงอยู่ตรงหน้า อักษราจึงนำนิ้วมือขึ้นมานับและทำท่าคิดพร้อมกับรอยยิ้มทะเล้นๆ ดูกวนโมโหแต่น่ารักสำหรับคนที่กำลังจ้องมองอยู่

   “นับไม่ถ้วนค่ะ แต่ก็เลือกเฉพาะคนน่ารักๆ นะคะ ไม่ได้มั่วหอมไปเสียทุกคน” อักษรายืนอมยิ้มมองสบตากับศศิมาที่ไม่กล้ามองจ้องตาด้วยในเวลานี้ ดวงตาคู่สวยของอักษราดูมีมนต์ขลังทุกครั้งที่จ้องมาที่เธอ

   “ร้ายนักนะ รู้ไหมว่าหวง” ศศิมาพูดงึมงำเสียงอยู่ในลำคอแต่ก็แอบยิ้ม

   “อะไรนะคะ พี่ศศิ บุ๊คได้ยินไม่ชัด” อักษราถามและกำลังตั้งใจฟังเพราะคิดว่าศศิมาจะพูดอีกครั้ง

   “ไม่มีอะไรค่ะ แค่หมั่นไส้คนมีเสน่ห์”

   “ไม่ถามสักหน่อยหรือคะ ว่าทำไมลูกค้าถึงได้ยอมให้หอมแก้ม แต่ก็ลืมบอกไปค่ะว่า มีบางคนก็มาขอหอมก่อนด้วยนะ ไม่อยากจะคุย” อักษราอมยิ้มและเดินเข้าไปด้านในเปิดตู้แช่หยิบผักสลัดพร้อมรับประทานออกมาและชูขึ้นบอกเป็นสัญลักษณ์ว่าผักถุงนี้เป็นของศศิมาซึ่งพยักหน้าตอบรับ

   “แหมชักจะหมั่นไส้ มาให้พี่หอมคืนก็ได้” ศศิมานึกขำตัวเองที่กล้าพูดออก ไปอย่างนั้น

   “ไม่ได้หรอกค่ะ พี่ศศิ” อักษราพูดเสียงเข้มและทำหน้าตาดูจริงจังมาก

    “ทำไมคะ พี่ไม่น่ารักพอที่จะหอมแก้มบุ๊คหรืออย่างไรกันคะ” ศศิมาพูดเสียงอ่อยๆ

   “เปล่าค่ะ พี่ศศิน่ารักมาก น่ารักที่สุด แต่ว่าลูกค้าที่หอมแก้มบุ๊คได้อนุญาตให้แค่อายุไม่เกินสิบขวบค่ะ” อักษราหัวเราะเมื่อเห็นหน้าบึ้งๆ ของศศิมาที่เดินมาหยิกเข้าให้ที่แขนของเธอ

   “หลอกกันนี่นา มาให้กอดเสียดีดีเลย ลงมากรุงเทพหลายวันพี่คิดถึงจะแย่รู้บ้างหรือเปล่าคะ” ศศิมาบอกอักษราที่อมยิ้มและกอดกระชับศศิมาเอาไว้เช่นกัน

   “แต่ตอนนี้ต้องปล่อยบุ๊คก่อนค่ะ ดูสิลูกค้าหน้าร้านยืนท้าวสะเอวแสดงท่าไม่พอใจแล้วนะคะ คิ้วขมวดเชียว” อักษรามองดูสาวน้อยที่ยืนอยู่หน้าร้านซึ่งกำลังยืนท้าวสะเอวคิ้วขมวดอย่างที่เธอบอกกับศศิมาที่กำลังหันหน้ามาแล้วก็ต้องอมยิ้มกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กที่ยืนจ้องหน้าเธออยู่ด้วยความไม่พอใจ

   “ตายล่ะ แฟนมาก็ไม่บอกพี่ก่อน แย่แน่ๆ เลยทีนี้” ศศิมากับอักษราหัวเราะ สาวน้อยที่อยู่หน้าร้านเปิดประตูเข้ามาในร้านโดยไม่ยอมทักทายอักษราเหมือนเช่นทุกครั้งที่จะต้องตรงรี่เข้ามากอดและหอมแก้ม

   “งอนเลย พี่ศศิทำให้น้องปอนโกรธบุ๊คเลย ทำอย่างไรดีล่ะคะ ที่นี้” อักษราพูดขึ้นและแกล้งทำหน้าจ๋อยมองสบตากับศศิมาที่กำลังพยายามกลั้นหัวเราะกับสิ่งที่ได้ยินพร้อมกับสาวน้อยที่ยังคงชำเลืองมองเธอในบางครั้ง มารดาของเด็กผู้หญิงคนนั้นก็อมยิ้มในขณะที่กำลังเลือกผักสดที่ต้องการ คงนึกขำในท่าทางแสนงอนของลูกสาวตัวน้อยของเธอ

   “สวัสดีค่ะ วันนี้น้องปอนเป็นอะไรน๊า ทำไมถึงไม่ทัก ไม่กอด ไม่หอมแก้ม น้าบุ๊คเลย ที่ไม่พูดอาจจะปวดฟัน หรือที่ไม่ทัก ไม่กอด ไม่หอมแก้ม คงเลิกรักน้าบุ๊คแล้วแน่ๆ เลย เศร้าจริงๆ” อักษราลงนั่งยองๆ ข้างสาวน้อยที่ยืนอยู่ ใบหน้าของทั้งสองจึงอยู่ในระดับเดียวกัน ศศิมามองความน่ารักของอักษราและกำลังดูว่าสาวน้อยจะยอมคืนดีด้วยหรือไม่ เพราะเจ้าของร้านลงทุนอ้อนเสียยกใหญ่

    “น้าบุ๊คใจร้าย ยอมให้คนอื่นกอด น้องปอนไม่รักน้าบุ๊คแล้ว” น้ำเสียงแง้วๆ ของเด็กน้อยเรียกรอยยิ้มให้กับผู้ใหญ่ที่อยู่ในร้านทั้งสามคน

    “น้าบุ๊คเป็นคนน่ารัก ใครๆ ก็อยากกอดนะคะ น้องปอน” มารดาของสาวน้อยบอกกับลูกสาวที่หันไปมองสบตาด้วย

   “จริงด้วยสิ เพราะปอนก็ชอบกอดน้าบุ๊คเหมือนกัน” หลังจากทำท่าคิดและคิ้วขมวดเข้าหากันอยู่สักครู่สาวน้อยก็ยิ้มออกแล้วกระโดดกอดอักษราเหมือนเช่นทุกครั้งที่ได้พบกัน เสียงหอมแก้มซ้ายขวาก็ดังขึ้น สองสาวต่างวัยผลัดกันหอมแก้มกันไปมา ศศิมามองดูอักษรา ภาพที่เห็นเป็นความน่ารักซึ่งเธอได้เห็นอยู่บ่อยๆ

   “แสดงว่าน้าบุ๊คต้องรักน้องปอนมากแน่ๆ เลยค่ะ เพราะน้าศศิได้แค่กอดหลวมๆ เท่านั้นเอง น่าอิจฉาน้องปอนจริงๆ เลยค่ะ” ศศิมาอมยิ้มเมื่อเห็นมุมปากของสาวน้อยที่กำลังเริ่มเผยอยิ้มให้เธอ สายตาดุดุเปลี่ยนไปดูใสๆ เป็นเด็กน่ารักขึ้นมาทันทีที่เธอได้บอกออกไป

   “แบ่งกอดให้นิดนึงก็ได้ค่ะ น้าศศิ” สาวน้อยบอกกับศศิมาพร้อมรอยยิ้ม

   “ไม่เอาดีกว่า อยากกอดคนใจดีบ้าง มีใครใจดีบ้างไม่รู้นะคะแถวนี้” ศศิมามองสบตากับอักษราซึ่งกำลังยิ้มให้เธออยู่ สาวน้อยที่ทำท่าคิดอยู่สักครู่ก็ยกมือขึ้นและเข้าสวมกอดศศิมาเอาไว้แนบแน่น ความน่ารักของศศิมาซึ่งไม่น่าแปลกใจนักที่สามารถทำให้สาวน้อยเบนความสนใจไปจากอักษราซึ่งกำลังหันไปช่วยมารดาของน้องปอนถือของ สองสาวต่างวัยไม่รู้พูดคุยกระซิบกระซาบอะไรกันแต่ท่าทางคงจะเริ่มถูกคอกันแล้วหลังจากได้ยินเสียงหัวเราะคิกคัก ศศิมาพาสาวน้อยเดินไปที่ตู้ซึ่งมีนมสดจากฟาร์มของเธอมาวางจำหน่าย สาวน้อยพนมมือไหว้แสดงความขอบคุณเมื่อศศิมาหยิบขวดนมสดส่งให้โดยได้รับอนุญาตให้หอมแก้มของสาวน้อยได้หนึ่งฟอดเป็นรางวัล ศศิมาหันมายักคิ้วหลิ่วตาให้กับอักษราซึ่งพยายามกลั้นหัวเราะไว้กับท่าทางทะเล้นๆ ของสาวสวยที่ท่าทางคงจะหลงรักสาวน้อยเข้าให้แล้ว

   “ขอบคุณนะคะ คุณศศิ” มารดาของสาวน้อยเดินมาบอกศศิมาที่ยิ้มกว้างให้ ความน่ารักของสาวน้อยทำให้เช้านี้ดูสดใสมากยิ่งขึ้น ก่อนที่จะขึ้นรถกลับยังหันมาโบกมือให้กับศศิมาและอักษณาซึ่งยืนอมยิ้มแทบจะหุบไม่ลงกันเลยทีเดียว

   “น่าอิจฉาจริงๆ มีลูกค้าน่ารักมากเลยนะคะ” ศศิมาพูดขึ้นแต่สายตาก็ยังจับจ้องไปที่รถของสาวน้อยซึ่งกำลังเคลื่อนออกไปจนลับตา

   “ได้พบอาทิตย์ละครั้งค่ะ ไม่เสาร์ก็อาทิตย์ เพราะโรงเรียนหยุด คุณแม่บอกว่ารบเร้าให้มาซื้อผักที่ร้านตลอด” อักษราบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสาวน้อยน่ารักที่เพิ่งกลับไป

   “ก็เราน่ะ น่ารัก คนหลงรักเยอะก็ไม่น่าแปลก” ศศิมาพูดพร้อมรอยยิ้ม

   “ก็ไม่ทุกคนหรอกค่ะ” อักษราพูดเสียงอ่อยๆ ฟังดูแปลกๆ สำหรับศศิมาเพราะปกติอักษราจะดูสดใสอยู่เสมอ แทบจะไม่เคยได้ยินเสียงอ่อยๆ แบบนี้เลยสักครั้งก็ว่าได้

   “มาทำเสียงอ่อยทำไม อย่างน้อยก็น้องปอนคนหนึ่งล่ะ แล้วก็พี่อีก” ศศิมา ไม่ได้พูดต่อ แต่รอยยิ้มจางๆ ของอักษราดูเหมือนมีอะไรบางอย่างที่เธอไม่รู้แอบซ่อนเอาไว้

   “ขอบคุณนะคะ ร้านนี้ซึ่งเป็นความฝันของบุ๊คคงเกิดขึ้นไม่ได้แน่ๆ ถ้าไม่มีพี่ศศิที่คอยช่วยเหลือ ให้คำแนะนำ และเป็นกำลังใจให้” อักษรายิ้มกว้างขึ้น

   “ไม่เกี่ยวกับพี่เลยนะคะ พี่ไม่ได้ไปช่วยพรวนดิน รดน้ำ สักหน่อย แค่ช่วยอุดหนุนซื้อผักไปทาน แต่อันที่จริงพี่ก็ต้องขอบคุณบุ๊คด้วยเหมือนกัน เพราะผักสด กรอบ อร่อย ปลอดภัย หาได้ไม่ง่ายนัก ต้องใจรักจริงๆ ถึงจะกล้าปลูกและลงมือทำไร่จริงจังขนาดนี้” ศศิมาชื่นชมในความพยายามที่จะเดินตามความฝันของอักษราเสมอมา ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้รู้จักกัน

   “ว่าแต่ว่าสลัดถุงนี้จะทานเลย หรือจะกลับไปทานที่บ้านคะ” อักษราแกล้งถามแล้วเดิมอมยิ้มไปด้านในเพื่อเตรียมอาหารเช้าให้กับศศิมาที่เดินยิ้มตามมาหยุดมองดูและตั้งใจว่าจะช่วยเตรียมแต่ก็ถูกห้ามไว้

   “รู้ว่าเจ้าของร้านใจดี ต้องจัดให้ทานที่นี่แน่ๆ” ศศิมาอมยิ้มมองสบตากับอักษราที่กำลังยิ้มให้เธออยู่เช่นกัน

   “หยุดอยู่ตรงนั้นค่ะ ห้ามเข้ามาใกล้กว่านี้ เพราะไม่อย่างนั้นคงจะมีอะไรตกแตกอีกแน่” อักษราพูดเสียงดังแต่ก็ทำให้ศศิมาหัวเราะออกมาและหยุดในทันทีที่ได้ยินคำสั่งของเจ้าของร้าน

   “ถึงจะซุ่มซ่าม ทำกับข้าวไม่เป็น แต่ก็น่ารักนะคะ” ศศิมายิ้มทะเล้นให้อักษราที่อมยิ้มส่ายหน้าไปมา แต่ก็แอบพูดอยู่ในใจ

   “ใช่ค่ะ พี่ศศิ น่ารัก” ศศิไปนั่งรอที่มุมหนึ่งซึ่งมีโต๊ะเล็กๆ กับเก้าอี้สองตัววางอยู่ ตรงนี้เธอมักจะมานั่งรับประทานอาหารและมองดูอักษราเดินไปเดินมาขายของบ้าง จัดร้านบ้าง โดยที่เจ้าของร้านไม่ยอมให้เธอทำอะไร อนุญาตให้เพียงแค่นั่งดู ด้วยเพราะความซุ่มซ่ามของเธอ ศศิมาอมยิ้มเมื่อนึกถึงเวลาที่ซุ่มซ่ามทำโน่นทำนี่แตก แต่ทุกครั้งอักษราก็จะเป็นห่วงเป็นใยเธอว่าเกิดรอยแผลหรือเจ็บที่ตรงไหนบ้างหรือเปล่า

   “ขอบคุณนะคะ คนดีที่เข้ามาในชีวิตพี่” ศศิมารำพึงเบาๆ มองดูอักษราซึ่งหันมายิ้มให้เธอระหว่างกำลังจัดเตรียมอาหารเช้าให้




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.