web stats

ข่าว

 


Viewfinder - บทที่ 3 Why Won't You Love Me

โพสต์โดย: anhann วันที่: 01 กันยายน 2019 เวลา 21:35:25 อ่าน: 563





บทที่ 3 Why Won't You Love Me





มีเครื่องเล่นชวนให้เสียเงินมากมายระหว่างทางไปร้านอาหาร  เคลลี่มองมันอย่างสนใจ  แต่ไม่คิดจะไปเล่น  เธอเห็นผู้เล่นบางคนหน้านิ่วคิ้วขมวด  บางคนก็ยิ้มกระหยิ่มใจ  คาดว่าคนที่หน้าเครียดแบบนั้นคงจะเสียเงินให้กับเจ้าเครื่องเฮงซวยพวกนั้นไม่เหมือนคนที่กำลังยิ้ม  แต่บางทีคนที่กำลังยิ้มอาจกำลังหัวเราะความโง่ของตัวเองที่มาถลุงเงินแบบนี้ทำไมก็ได้  เราเห็นแค่ภาพข้างนอก  แค่ด้านเดียว  ไม่สามารถตัดสินทุกอย่างได้ทั้งหมดหรอก  เช่นความฟู่ฟ่าหรูหราของโรงแรมแห่งนี้  ในด้านลึกจะเป็นอย่างไรก็ยากจะทราบได้  ถ้าไม่ใช่คนใน  หากก็ไม่ใช่ทุกคนหรอกที่อยากจะรู้อะไรลึกขนาดนั้น  บางคนก็ชอบมองแค่ความสวยงาม... 

เธอไม่ได้ชอบความร่ำรวยอะไรมากนัก  ไม่ได้ต้องการเป็นเศรษฐี  แค่มีเงินใช้ไม่ขัดสนก็เพียงพอแล้ว  ถ้าทำงานกับแอนน์แบบนี้  เธอก็อยู่ได้พอมีพอกิน  อีกอย่าง  เธอกลัวว่าถ้าติดขึ้นมาจะเลิกยาก  จะพาลให้หงุดหงิดแบบเดียวกับบุหรี่  หรือใครบางคนแถวนี้

"เค  อยากสูบบุหรี่หรือเปล่า" 

เคลลี่เลิกคิ้ว  มองคนที่หันมาถามอย่างรู้ใจ  ห้องพักของเราเป็นเขตปลอดบุหรี่  ดังนั้น  เธอจึงต้องงดมันไปโดยปริยาย  แต่ไม่สูบก็ดีเหมือนกัน

"ก็อยากอยู่  แต่ไม่ดีกว่า  กินข้าวแทนละกัน"  เธอตอบง่ายๆ 

แอนน์ยิ้มรับ  ไม่ได้ยิ้มกว้างมากมาย  แค่ยิ้มพอใจ  แม้จะอีกฝ่ายจะดูเท่ดีเวลาพ่นควันสีขาวแห่งความตายนั่นออกมา  หากเธอก็ไม่อยากให้เคอายุสั้นนัก  เธอเจอมากับคนใกล้ตัวแล้ว 

พ่อเธอสูบบุหรี่จัด  แต่เขาดันแข็งแรงดี  คนที่รับผลร้ายของมันกลับกลายเป็นแม่  แม่ต้องตายเพราะมะเร็งปอด  ต่อมาไม่นานพ่อก็จากเธอไป  เขาไม่ได้ตาย  แค่หายไปเฉยๆ  ทำให้เธอที่ตอนนั้นแค่ห้าขวบไม่มีใครดูแลเลี้ยงดู  ญาติก็ไม่อยากได้  ต้องเปลี่ยนสถานะเป็นเด็กกำพร้า 

โชคดีหรือเปล่าไม่รู้ที่เธอเกิดในประเทศนี้  จึงเป็นคนที่นี่แต่กำเนิด  เจ้าหน้าที่รัฐต้องเข้ามาช่วยดูแลแทน  เธอถูกส่งไปอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า  ต่อมาไม่นานตอนเธอเกือบๆ จะหกขวบก็มีคนมารับไปอุปถัมภ์เป็นลูก  สามีภรรยาบราวน์เป็นคนดีมาก  ฐานะปานกลาง  เป็นคนชนชั้นกลางมีบ้านสวย  มีสวนข้างบ้านที่เธอชอบ  พวกท่านไม่มีลูกและอยู่ในช่วงอายุสี่สิบปลายๆ กันทั้งคู่  พ่อบุญธรรมของเธอเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย  แม่บุญธรรมเป็นจิตแพทย์  เปิดรับปรึกษาคนไข้ที่บ้าน  พวกท่านให้เธอใช้นามสกุล  ซึ่งเธอใช้มันมาจนถึงทุกวันนี้  เธอรักมันมากด้วย  มากกว่านามสกุลเก่าที่สมองเธอลบมันทิ้งไปแล้ว  หากความโชคดีก็อยู่กับเธอไม่ได้นาน (หรือเธออาจจะเป็นตัวซวย)  พ่อแม่บุญธรรมของเธอเสียชีวิตพร้อมกันในอุบัติเหตุทางรถยนต์ระหว่างเดินทางไปฉลองครบรอบแต่งงานปีที่ยี่สิบ 

ตอนนั้นเธออายุสิบแปด  กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย  เธอพากเพียรตั้งใจอ่านหนังสือจนสามารถสอบเข้าไอวีลีกได้  เพื่อให้พวกท่านภูมิใจ  แต่ยังไม่ทันได้บอกผลสอบว่าเธอจะได้เรียนมหาวิทยาลัยบราวน์  พวกท่านก็มาจากไปก่อน  ชีวิตเธอจึงกลับมาในจุดต่ำสุดอีกครั้ง  เธอยังมีเงินไปเข้าเรียนตามที่ตั้งใจอยู่  เพราะเงินประกันชีวิตของพ่อแม่บุญธรรม  กระนั้นเมื่อไม่มีหลักให้ยึดเกาะอีกต่อไปแล้ว  เธอจึงเกือบจะเรียนไม่จบ  และติดยา...

ชื่อของเธอเป็นชื่อเดิมที่แม่ตั้งให้  อนาสตาเซีย  เป็นชื่อเพราะมาก  ฟังดูดี  เป็นชื่อของหนึ่งเจ้าหญิงในราชวงศ์โรมานอฟแห่งรัสเซีย  ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ประหารชีวิตราชวงศ์โรมานอฟจากพวกบอลเชวิคที่ทำการปฏิวัติรัสเซีย  แต่เธอเชื่อว่า  แม่ไม่ได้รู้ประวัติของเจ้าหญิงตามจริงหรอก  แค่ตั้งตามการ์ตูนของ 20th Century Fox   กระนั้นชีวิตเธอก็อาภัพแทบไม่ต่างจากเจ้าหญิงพระองค์นั้น 

ถ้าเธอไม่เจอวิคโตเรียเสียก่อน...

เธอเรียนอยู่ปีสองในมหาวิทยาลัยบราวน์  การเรียนค่อยๆ ตกลงจนเกือบจะต้องออกกลางคัน  ทั้งที่พยายามรักษาจิตใจตัวเองด้วยการนึกถึงสิ่งที่แม่บุญธรรมซึ่งเป็นจิตแพทย์สอนไว้  หากเธอก็สู้ไม่ไหว  โลกมันโหดร้ายกับเธอเกินไป  เธอเริ่มคบคนไม่ดี  ปาร์ตี้หนัก  และเริ่มใช้ยาตามเพื่อนๆ ที่คบตอนนั้น  แรกๆ ก็เสพเพื่อให้สนุก  ให้ลืมทุกอย่าง  แต่ต่อมามันก็เริ่มติด  และคนติดยาก็ต้องใช้เงินมากขึ้น  มรดกของพ่อแม่บุญธรรมที่ทิ้งไว้ให้จึงค่อยๆ ร่อยหรอลง  พอเงินไม่มีทุกอย่างก็แย่ลง  เกรดจากปีหนึ่งที่เคยดีมากๆ ก็ตกฮวบฮาบ  เธอไม่สามารถขอทุนกับมหาวิทยาลัยได้แล้ว  แต่ยังอยากเรียนต่อ  เพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งแนะนำให้เธอหาคนเลี้ยง  เธอหัวเราะใส่หน้าหล่อนว่ามันจะเป็นไปได้ยังไง  ใครจะมาเลี้ยงเธอ  ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว  หล่อนก็สวนกลับทันทีจนเธอหน้าชาว่า...

"ไม่ใช่เลี้ยงแบบนั้น  อย่ามาทำไร้เดียงสาไปหน่อยเลย  เคยมาแล้วแท้ๆ  แทนที่จะให้เอาฟรีๆ  ก็เอาเงินมาด้วยเลยสิ"

หล่อนพูดถูก...  แต่ถูกแค่ครึ่งเดียว  เธออาจจะติดยา  อาจจะทำตัวไม่น่าชื่นชม  แต่เธอไม่เคยให้ใครเอาฟรีๆ  ที่จริงเธอไม่เคยมีใครเลยต่างหาก  เธออาจจะเคยมีแฟน  อาจจะเคยจูบกับเขา  ให้เขานัวเนีย  ถูไถเนื้อตัว  เคยนั่งตักผู้ชายในไนต์คลับเวลาเมายา  แต่เธอยังรู้ตัวเองว่าพอแค่ไหน

ไม่แปลกหรอก  ถ้าวิคโตเรียจะต้องรับผิดชอบเธอแบบนี้  ก็เธอขายเวอร์จิ้นให้ไปไงล่ะ  เธอไม่ได้ขออะไรมาก  แค่ส่งเธอเรียนให้จบ  และพาเธอไปเลิกยาให้ได้แค่นั้นเอง

เรารักกันหรือเปล่าน่ะเหรอ  เธอคงตอบแทนวิคโตเรียไม่ได้หรอก  เธอไม่ได้รู้ใจผู้หญิงคนนั้นขนาดนั้น  แต่สำหรับเธอ  มันอาจจะเป็นการสำนึกบุญคุณกันมากกว่า  เธอไม่เคยคิดเรื่องความรักเลย  เพราะเวลารักใครแล้ว  ทุกคนจะต้องจากเธอไปหมด

ทุกๆ คน...

กับเคลลี่ที่ชอบทำให้หัวใจเต้นแรงได้ตลอดเวลาแบบนี้ก็เหมือนกัน  เธอกลัวเหลือเกิน  กลัวว่ามันจะเปลี่ยนไป  เธอไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของเราต้องเสียไปเพราะเรื่องนี้  เธอต้องการมิตรภาพที่จริงใจจากใครสักคน

วิคโตเรียอาจจะเห็นเธอเป็นแค่สมบัติส่วนตัวที่ใช้เงินแลกมา  อยากให้เธอทำอะไรหรือไม่อยากจึงใช้วิธีออกคำสั่งเสมอ  เราเถียงกันบ่อยเรื่องนี้  ยิ่งตอนนี้เธอยิ่งต้องการอิสระมากขึ้น  เธอเรียนจบแล้ว  มีงานทำแล้ว  ถึงจะเป็นแค่ยูทูปเบอร์แต่มันก็ได้เงิน (ได้เยอะด้วย  ไม่น่าเชื่อเหมือนกัน)  ครั้นจะให้อยู่แต่ในโอวาทเหมือนเดิมคงไม่ได้  งานของเธอต้องอาศัยความคิดที่เป็นอิสระเสรี  ด้วยมันเป็นงานสร้างสรรค์ไม่ใช่งานที่ทำตามคำสั่งหรืออยู่แต่ในกรอบเท่านั้น  วิคโตเรียอาจชินกับลูกน้องที่สามารถชี้นกเป็นไม้ชี้ไม้เป็นนกได้ตามแต่ใจ  จึงเอานิสัยนั้นมาใช้กับเธอด้วย  คงลืมไปว่าตัวเองไม่สามารถเอาเธอออกสังคมเดียวกันได้  พูดไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเธอเป็นแฟน  อย่าว่าแต่จะเดินด้วยกันแบบที่เธอเดินกับเคลลี่อย่างนี้เลย

ที่จริงเธอคงผิดด้วยที่เคยยอมมาตลอด  เป็นแค่แฟนลับๆ  มีหน้าที่แค่อยู่บนเตียงด้วยกัน  แลกเปลี่ยนของเหลวในร่างกายกันแล้วก็จากกันไป  แทบทุกครั้งที่เธอตื่นขึ้นมาก็ไม่เจอวิคโตเรียแล้ว  ไม่มีแม้แต่กระดาษโน้ต

อาจจะดูเหมือนเธอทรยศ  ถ้าคิดอยากจะเลิกกับวิคโตเรีย  เหมือนคนไม่รู้จักบุญคุณ  แต่บุญคุณกับความรักมันควรจะแยกกันหรือเปล่า 

ถ้าเธออยากจูบคนอื่นระหว่างร่วมรักกับแฟน  จะถือว่าเธอนอกใจได้ไหม  ถ้าเธอนึกถึงเขาระหว่างถึงจุดสุดยอดและเผลอเรียกชื่อออกมาทั้งที่ไม่เคยมีอะไรกันเลย  เธอจะโดนฆ่าตายไหม  แค่คิดเธอก็คงจะลากเคลลี่ไปลงนรกได้ง่ายๆ แล้วละ

คนบาปแบบเธอ

"ไม่กินเหรอ  ไหนบอกว่าหิวไง"

แอนน์กะพริบตาหลุดจากภวังค์  มองมือเคลลี่โบกอยู่ตรงหน้า  เธอเผลอยิ้มให้คนหน้าคม  แววตาเป็นกังวลเวลาเคลลี่มองเธอแบบนี้มันชวนให้รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก  อาจเพราะเคลลี่เป็นมนุษย์คนเดียวที่เธอใกล้ชิดด้วย  นอกจากวิคโตเรีย  ซึ่งเธอไม่เคยแม้จะนั่งกินข้าวด้วยกันในร้านอาหารแบบนี้

เคลลี่อาจดูเป็นเด็กที่ไม่ค่อยจะเอาอะไร  ไม่ค่อยเอาใคร  ไม่สนโลก  แต่เมื่ออยู่กับเธอ  กระแสความอบอุ่นประหลาดมักจะแผ่มาสู่ตัวเธอเสมอ  ไม่แปลกที่มันจะทำให้เธอหวั่นไหว  เป็นความรู้สึกต้องห้ามที่ยากจะห้ามใจ

"กินแล้วนี่ไง"  แอนน์ตอบ  หยิบขนมปังกระเทียมขึ้นมากัดกิน 

"มาถึงที่นี่แต่ดันกินขนมปังกระเทียม  กินที่บ้านก็ได้มั้ง"  เคลลี่พูดเสียงขำ  แล้วแย่งขนมปังที่ว่านั่นมาจากมือแอนน์  เอามากินเอง  "อร่อยดี  ดีกว่าพาสต้าของฉันอีกอะ"

"ใช่มะ"  แอนน์ย้อนพลางหัวเราะ  "อาหารที่นี่ไม่ค่อยเวิร์ค  ไม่อยากรีวิว  เดี๋ยวคนดูด่าเอา"

"เห็นด้วย"  เคลลี่ตอบและทำหน้านึกขึ้นได้  "ไปนิวยอร์ก - นิวยอร์กกันเถอะ  กินเชคแชค (Shake Shack) กัน"

"ไม่เคยกินเหรอ  ก็เคยซื้อให้กินอยู่นะ"  แอนน์เอาส้อมชี้หน้าเคลลี่

"ก็เคย  แต่นี่มันละที่กัน  แอนน์"  เคลลี่ให้เหตุผล  "พี่จะได้รีวิวร้านที่นี่ด้วยไง  ใช่ไหมล่ะ"

แอนน์ย่นจมูกให้เจ้าคนหัวหมอ  แต่เธอก็ทนกินอาหารพวกนี้ไมได้แล้วเหมือนกัน  ถึงจะเสียดายเงิน  หลังจากเรียกบริกรมาชำระเงินและจ่ายด้วยบัตรเครดิตที่แน่นอนว่าเป็นของเธอ (ไม่ใช่บัตรไม่จำกัดวงเงินที่วิคโตเรียให้ไว้ใช้)  เธอจึงชวนเคลลี่ไปโรงแรมที่มีชื่อว่า  นิวยอร์ก - นิวยอร์ก 

ทุกวันนี้เธอรับของจากวิคโตเรียน้อยมาก  เงินเดือนก็ไม่เอา  เงินที่ยืมมาซื้ออพาร์ตเมนต์ที่เธออยู่ทุกวันนี้ก็ทยอยใช้ให้จนหมดแล้วด้วยรายได้จากช่องยูทูปของเธอ  ไม่ใช่ปีกกล้าขาแข้งแล้ว  และอยากจะเลิก  แต่เกรงใจ  ถึงจะอยู่กันแบบนี้ต่อไป  เธอก็ต้องคืนอยู่ดี  พ่อแม่บุญธรรมกับแม่แท้ๆ เธอเคยสอนเอาไว้ว่าไม่ให้รับของใครฟรีๆ  เธอจึงต้องใช้คืน  ทบดอกเบี้ยให้ด้วย

...เซ็กซ์

"เคถ่ายตอนเราเดินไปด้วยสิ  มันไกลอยู่นะ"  แอนน์บอก

เคลลี่พยักหน้า  ยกกล้องที่สะพายอยู่ขึ้นบันทึกภาพวิวรอบๆ และแอนน์ด้วย  ส่วนแอนน์ก็ติดไมค์ลอยและพูดๆ ไปตามเรื่องตามราวแบบสาวช่างพูดช่างเจรจา  แม้ท่าทีจะสนุกสนานขี้เล่น  แต่ข้อมูลที่แอนน์พูดออกมาให้คนดูฟังก็ล้วนแต่เป็นข้อมูลจริง  อาจมีการเติมมุกตลกและเหน็บแนมลงไปบ้างก็เพื่อไม่ให้น่าเบื่อ

แอนน์ส่งสัญญาณให้หยุดบันทึกภาพ  เคลลี่กำลังจะทำตาม  แต่เธอหันกล้องไปด้านหลังเก็บรายละเอียดทางเท้าอีกเล็กน้อย  จึงเจอกับเรื่องน่าแปลกเข้า  เธอเห็นผู้หญิงสองคนที่จำได้ว่าเคยเจอที่ไชน่าทาวน์นิวยอร์ก  มันดูบังเอิญเกินไปไหม  ถ้าที่นี่เป็นแมนแฮตตันก็ว่าไปอย่าง

"เค  มัวทำอะไรอยู่" 

"เปล่า"  เคลลี่ปด  รีบกดปุ่มเลิกบันทึกภาพและเดินตามแอนน์

ขณะเดียวกันแอนน์เห็นวิคโตเรียแล้ว  และกัดกระพุ้งแก้มตัวเองก่อนจะเผลอจับแขนเคลลี่ที่เดินตามมาจนทันกัน  ความโกรธเคืองผุดขึ้นมาราวกับน้ำเดือด  เธอเคยขอหลายครั้งแล้วไม่ให้ตามเธอเวลาทำงาน  ไม่ว่าจะมาเองหรือส่งลูกน้องมา  แต่ดูเหมือนวิคโตเรียจะฟังไม่รู้เรื่องหรือแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ  ความเป็นห่วง  ควรทำอย่างสมเหตุสมผล  แบบนี้มันเหมือนมาจ้องจับผิดกันมากกว่า  เหมือนไม่ไว้ใจกัน 

เธอไม่ใช่นกน้อยในกรงทองของใครนะ

ถ้าเธอจะมีอะไรกับเคลลี่จริงๆ ละก็  จะทำเมื่อไหร่ก็ได้อยู่แล้ว  เราอยู่ด้วยกันทุกวัน  อย่างมาทริปนี้ก็เหมือนจะอยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืนเลยด้วย  เธอไม่ได้หลงตัวเอง  แค่พอมองสายตาน้องมันออก  บางครั้งเธอรู้สึกเหมือนเปลือยเปล่าต่อหน้ากล้องทั้งที่สวมเสื้อผ้ามิดชิด  เพราะสายตาเคลลี่ที่มองเธอผ่านเลนส์กล้องนั่น

เวลาเราสบตากันมันเหมือนมีกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ แล่นผ่าน  ความตื่นเต้นที่ไม่ได้รู้สึกมานานแล้ว  เกิดขึ้นเมื่อได้อยู่กับเคลลี่  เธอไม่โทษน้องมันหรอกนะ  ทุกอย่างเธอทำของเธอเอง  รู้สึกไปเอง  เคลลี่ก็แค่อยู่เฉยๆ ในแบบของตัวเอง  เรารู้จักกันมาปีนี้ก็เข้าปีที่สี่แล้ว  เคลลี่ก็เป็นอยู่อย่างนี้  ไม่เคยยุ่งเรื่องส่วนตัวของเธอ  ไม่เคยถามว่าแฟนเธอเป็นใคร  หรือเขาไปไหน  สนใจแค่เธอกับงานที่เราทำร่วมกัน  เชื่อฟังเธอเหมือนลูกหมา  ที่บางครั้งก็หัวดื้อ

บางทีอาจถึงเวลาแล้วก็ได้...

ร้านเบอร์เกอร์  Shake Shack อยู่โซนด้านหน้าโรงแรมนิวยอร์ก - นิวยอร์ก  ติดกับถนน  มีร้านอาหารอยู่หลายร้าน  แต่เธอกับเคลลี่ตั้งใจจะมากิน Shake Shack และจะไม่ล้มเลิกแม้จะมีตัวป่วนมาอยู่ใกล้ๆ  ก็ให้รู้ไปสิว่า  เธอจะทำงานไม่ได้  แค่ถูกจ้องด้วยสายตาเย็นชาจับผิดแบบนี้

นึกว่าเธอจะสนหรือ  แค่ควงผู้หญิงสวยมาด้วยน่ะ

"พี่จะกินอะไร"  เคลลี่ถามขึ้นระหว่างยืนต่อคิวรอสั่งอาหาร 

แอนน์งงเล็กน้อยก่อนจะจำได้ว่าทำอะไรอยู่  อย่าไปสนใจสิ  เธอสั่งตัวเอง  "เอาแบบเธอก็ได้  แต่ขออ้วนน้อยๆ หน่อยนะ"

"มันมีด้วยเหรอ"  เคลลี่ถามกลับ  หัวเราะในลำคอ  รีบเอาแขนหลบศอกแอนน์ที่จะมาถอง  คนตัวเล็กยังไม่เลิกคิดแค้นเธอ  เคลลี่รู้ดีว่าถ้าเผลอจะต้องโดนอีก  จึงเอากล้องขึ้นมาถ่ายเสียเลย  พอเห็นกล้องเท่านั้นแหละ  แอนน์ก็เปลี่ยนเป็นอีกคน  เหมือนองค์มาประทับ  แต่ไม่วายแอบทำตาขู่เธอลับหลังกล้อง  ระหว่างนั้นเคลลี่รู้สึกแปลกๆ  เหมือนมีใครมองอยู่ตลอดเวลา  พอหันไปดูก็เห็นผู้หญิงสองคนนั้นอีกแล้ว 

ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญแล้วละ  เจอสตอล์กเกอร์เข้าแล้วหรือ  พวกเขาเป็นแฟนรายการหรือเปล่า  ท่าทางไม่เหมือน  เพราะเป็นแฟนๆ คงต้องเข้ามาขอถ่ายรูปหรือคุยด้วยแล้ว  แถมฝ่ายที่ตัวเล็กกว่าก็ดูท่าทางจะเป็นเจ้านายของผู้หญิงตัวสูงนั่นด้วย  จำได้ว่าครั้งที่แล้วก็สั่งให้เธอลบภาพเจ้านายหล่อนออกไป  แล้วแอนน์ก็ยอมง่ายๆ แบบนั้น

หรือว่า...

แฟนแอนน์อย่างนั้นเหรอ  ถ้าถามออกไปจะน่าเกลียดหรือเปล่านะ

"เค  ไปสั่งสิ"  แอนน์กระตุ้นเมื่อเห็นเคลลี่ทำหน้าสงสัย  และหันไปมองทางวิคโตเรียกับบอดี้การ์ดสาวอยู่เรื่อยๆ  เคลลี่เป็นเด็กฉลาด  ไม่นานคงปะติดปะต่อเรื่องได้ 

วิคโตเรียจะกล้าเสี่ยงยอมให้คนอื่นรู้เรื่องของเราหรือ  วิคโตเรียจะทำอะไรเคลลี่หรือเปล่า  ถ้าน้องเป็นอะไรขึ้นมา  คงเป็นความผิดของเธอ  แต่จะให้เธอเลิกคบเลิกทำงานกับเคลลี่เพราะเรื่องนี้ได้ยังไงกัน  อยู่ดีๆ จะให้เธอไล่พนักงานเพียงคนเดียวที่เก่งกาจขนาดนี้ออกได้ยังไง  จะมีใครที่ไหนมาทำงานนี้แทนเคลลี่ได้  อีกอย่าง  เคลลี่ก็ไม่ได้ผิดอะไร  เธอต่างหาก...

"อย่ายุ่งกับเค" 

เป็นข้อความที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของวิคโตเรีย  เธออ่านมันและช้อนตาขึ้นมองคนส่ง  แอนน์ไม่ได้ขอร้อง  แต่เป็นคำสั่ง  จากแววตาขุ่นเคืองที่มองเธอกลับมาก่อนมันจะหวนไปหาเจ้าเด็กตัวสูงข้างๆ 

วิคโตเรียไม่ชอบแบบนี้เลย  เธอรู้สึกไร้อำนาจเมื่ออยู่ต่อหน้าแอนน์  แอนน์เคยน่ารักกว่านี้  ช่างฉอเลาะเอาใจเก่ง  แต่พอโตขึ้นแล้ว  เรียนจบแล้ว  มีการมีงานทำแล้วก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ  ยิ่งเปลี่ยนไปเมื่อไปรู้จักกับเจ้าเด็กเวรนั่น 

เคลลี่  จาง... เธอไม่ชอบหน้ามันเลย  ไม่ใช่เพราะแค่มันหน้าตาดี  แต่ดันทำงานเก่ง  อะไรๆ แอนน์ก็ใช้ให้มันทำ  มันทำได้ทุกอย่าง  กระทั่งซื้อข้าวให้กิน  หรือแอนน์จะชอบแบบนี้  ชอบให้มีคนเอาใจตัวเองบ้าง  อยากมีอำนาจบ้าง  อย่างนั้นหรือ  ตอนนี้มาออกหน้าปกป้องมันอีก 

เป็นแม่มันหรือไง!

"เอ่อ  ท่าน..."

"อะไร"  วิคโตเรียเผลอเสียงดังใส่นารูมิที่ยืนเอ๋อๆ ไม่รู้จะทำอะไรดี  พอเห็นอีกฝ่ายตั้งท่าจะขอโทษ  เธอก็สั่นหัวให้  เธอเกลียดพวกที่ทำเป็นหงอแบบนี้ที่สุด 

ตอนแรกที่เลือกนารูมิมาก็เพราะเธอไปดูวันสัมภาษณ์มาเอง  ยืนมองอยู่อีกด้านของกระจกที่มองเห็นได้ข้างเดียวแบบห้องสอบสวนของพวกตำรวจ  เห็นการตอบคำถามของอีกฝ่ายแล้วดูฉะฉาน  หน่วยก้านก็ดี  แต่พอมาทำงานด้วยกันจริงๆ  นารูมิกลับไม่ต่างจากคนอื่น  หรือโดนพวกนั้นสั่งมาว่าต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้  เธอถึงจะพอใจ  ไร้สาระชะมัด!

"คือ  ท่านจะให้ฉันไปซื้อไหมคะ"

"ไปสิ  แล้วเลิกเรียกท่านซะที  ไม่ชอบ"  วิคโตเรียตอบเสียงขุ่น

นารูมิเดินไปต่อแถวสั่งอาหาร  ขณะที่แอนน์กับเคลลี่ไปหาที่นั่งได้สำเร็จ  และกำลังกินอาหารขยะกันอย่างเอร็ดอร่อย  เจ้าเด็กนั่นนั่งตรงข้ามกับแอนน์  ตั้งกล้องไว้บนโต๊ะถ่ายวิดีโอแอนน์ที่กินไปด้วยพูดไปด้วย  ถ้าเป็นคนอื่นก็คงไม่น่ามองแบบนี้  ดูไม่มีมารยาทเอาเสียเลย  แต่พอมาเป็นแอนน์มันกลับน่ารักไปเสียได้  แอนน์คงไม่รู้หรอกว่าเธอดูคลิปของแอนน์ทุกคลิป  ถึงจะไม่ชอบใจตากล้องก็ตาม  เธอไม่ได้เป็นสปอนเซอร์ในช่องแอนน์หรอก  อย่าเข้าใจผิด  เธอแค่ดูและแชร์บ้างเท่านั้น  ใครจะเห็นและเอาไปดูต่อก็เรื่องของพวกเขา  จริงๆ เธอก็อยากให้แอนน์รู้ว่าถึงจะไม่ได้อยู่ด้วยตลอด  หรือบอกใครๆ ว่าเราเป็นอะไรกันไม่ได้  เธอก็ไม่ได้ไม่สนใจ 

เธอรู้ว่ามันไม่ยุติธรรมที่ทำกับแอนน์เหมือนเป็นเมียเก็บแบบนี้  แต่เธอมีความจำเป็น  มันเกี่ยวกับงาน  กับตระกูลของเธอ  ซึ่งจะว่ากันตามตรงก็สำคัญกว่าแอนน์  มันบีบบังคับให้เธอต้องเลือก  และเธอรู้ว่าสาเหตุที่ทำให้แอนน์กลายเป็นอย่างนี้  ก็เพราะเธอเอง

แต่ถ้าไม่มีไอ้เด็กเคลลี่บ้านี่  แอนน์จะกล้าสั่งเธอแบบนี้เหรอ!

เป็นความผิดของเคลลี่คนเดียว...

วิคโตเรียขมวดคิ้วเมื่อหางตาเห็นนารูมิเหลียวมามองด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ  เธอจำใจต้องเดินไปหาผู้หญิงตัวสูง  ขืนอาละวาดตรงนี้ต้องไม่ดีแน่  แค่ออกมาแบบนี้ก็เสี่ยงมากพอแล้ว  ถ้าคนพวกนั้นมาเห็นและเกิดจำเธอได้ต้องแย่แน่  พักนี้เริ่มมีคนระแคะระคาย  สงสัยแล้วว่าเธออาจแอบเลี้ยงใครเอาไว้  พวกนั้นคงนึกว่าเธอเลี้ยงนักศึกษาผู้ชาย  ไม่มีใครรู้ว่าเธอไม่ชอบเจ้าพวกนั้นสักคน  ไม่มีใครรู้ด้วยว่าเธอกับแอนน์เป็นอะไรกัน  แค่คนเดียวที่รู้ก็คือเอเลียต  บอดี้การ์ดที่อยู่กับเธอมานานมาก  เขาจะเป็นคนคอยดูลาดเลาและคอยกลบเกลื่อนให้เวลาเธอไปอยู่กับแอนน์ที่อพาร์ตเมนต์  ตอนนี้เขาก็คอยดูแลงานแทนเธออยู่นิวยอร์ก  ขณะที่เธอมาตามก้นผู้หญิง!

"ฉันสั่งไม่ถูกค่ะ  ไม่เคยซื้อ"  นารูมิกระซิบเสียงเบา  นึกอายสายตาวิคโตเรียที่มองเธอเหมือนจะขำ  อย่างไรเสียก็ดีกว่าเมื่อกี้เยอะ  หน้าบึ้งตึงเหมือนอยากจะฆ่าใครสักคนอย่างนั้นแหละ

"ฉันก็ไม่เคย  แต่จะลองสั่งดูก็ได้"  วิคโตเรียตอบ  ต่อให้ไม่ชอบหรือไม่อยากกินอาหารแบบนี้ยังไง  เธอก็ปล่อยให้นารูมิยืนงงเป็นคนบ้าอยู่คนเดียวไม่ได้  เสียชื่อลูกน้องเธอหมด  เธอไม่อยากให้แอนน์หัวเราะเยาะที่เอาใครมาเดินด้วยก็ไม่รู้ 

นารูมิอาจจะดูดี  เดินไปไหนด้วยแล้วไม่อายคน  แต่ทักษะการใช้ชีวิตในระดับเดียวกับคนชนชั้นกลางไม่มีเลย  ต่างจากเจ้าเด็กเคลลี่  เจ้านั่นมันเคยเป็นลูกคนรวยมาก่อนนี่นา  ใช่สิ  เธอสืบมาหมดแล้ว  เธอต้องรู้จักคนที่จะมาอยู่ใกล้แอนน์ของเธอ (?)  อย่างน้อยก็ต้องมั่นใจว่าไว้ใจได้  พวกเขาต้องทำงานอยู่ด้วยกันตลอด  จะไม่ให้ห่วงได้ยังไง  ตอนแรกเธอก็โล่งใจที่เคลลี่เป็นผู้หญิง  ดีใจที่แอนน์ยังเลือกทำงานกับผู้หญิงไม่ใช่ผู้ชาย  แต่ตอนนี้ชักจะไม่แน่ใจแล้วว่า  เจ้าเด็กนี่มันไว้ใจได้

สายตาแบบนั้น  มันไม่ใช่สายตาที่ควรใช้กับเจ้านายไม่ใช่เหรอ

"ฉันเอาแค่นี้  เธอจะสั่งอะไรก็จิ้มเอา  ดูรูปที่คิดว่าน่าจะกินได้ก็ได้  ยังไม่ได้กินอะไรเลยไม่ใช่เหรอ"  วิคโตเรียพูดราบเรียบ  แต่ไม่ดุเหมือนก่อน  เห็นนารูมิทำท่าโล่งใจก็นึกขำขึ้นมา  ผู้หญิงที่ดูเกเรเหมือนพวกนักเลงแบบนี้ก็มีมุมน่ารักกับเขาด้วยเหมือนกัน

แต่อารมณ์ดีๆ ของเธอก็หายวับไป  เมื่อเห็นแอนน์กับเคลลี่ลุกขึ้นจะเดินไปที่อื่นแล้ว  ครั้นเธอจะตามไปอีก  อาหารที่สั่งไว้ก็ยังไม่ได้  นารูมิก็ดูท่าทางจะหิวด้วย  เกิดเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาจะเดือดร้อน  เธอจึงตัดสินใจอยู่ที่นี่  นั่งกินอาหารขยะ (ที่จะว่าไปก็อร่อยดี) กับบอดี้การ์ดสาวสวยแทน

"ขอบคุณค่ะ  ที่ไม่ตามมา"  แอนน์ส่งข้อความมาแบบนี้

วิคโตเรียอ่านข้อความเสร็จก็ไม่ได้ตอบกลับไป  ไม่เคยตอบอยู่แล้ว  เธอคว่ำหน้าโทรศัพท์มือถือไว้บนโต๊ะ  และกินอาหารขยะต่อโดยไม่สนใจจะนับจำนวนแคลลอรี่ให้ปวดหัว  ส่วนนารูมิก็ลงมือกินด้วยท่าทางหิวจัดจนลืมมารยาทบนโต๊ะอาหารไปเลย  หญิงสาวยิ้มอายๆ เมื่อเห็นเธอมอง

"ไม่ต้องเกร็ง  ฉันไม่กัด"  เธอบอกนารูมิ  ลอบเป่าปากระบายความหงุดหงิดที่ปล่อยให้แอนน์กับเจ้าเด็กนั่นหายไปได้ต่อหน้าต่อตา     



.....................................


หากคุณเป็นแอนน์  คุณจะเลือกใคร?   :21:

 :44:

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

02 กันยายน 2019 เวลา 10:34:48
เลือกความปลอดภัยของชีวิตค่ะ อยู่เซฟโซนดีกว่า
แสดงความคิดเห็น