web stats

ข่าว

 


โซ่ล่ามรัก - ตอนที่ 2

โพสต์โดย: ธยาน์ วันที่: 17 พฤษภาคม 2017 เวลา 18:16:48 อ่าน: 230

กรี๊งงง กรี๊งงง กรี๊งงงง เช้าวันนี้ มัทนาวีไม่ต้องตื่นขึ้นมาตามเสียงนาฬิกาปลุกแต่อย่างใด ถึงแม้วันนี้จะเป็นเช้าวันทำงานตามปกติก็ตาม ก็เธอถูกหัวหน้าที่แสนจะใจแคบและแสนจะดูถูกคนนั้นไล่ออกแล้วนี่ วันนี้เธอก็ไม่จำเป็นจะต้องตื่นเช้าเพื่อรีบไปทำงานตามเคยอีกแล้วล่ะ มัทนาวีจึงเอื้อมมือปิดเสียงนาฬิกาปลุกเสีย จากนั้นเธอจึงทอดตัวนอนลงที่นอนตามเดิม พร้อมกับความคิดต่าง ๆ มากมายในหัวของเธอตอนนี้ ที่มันมีหลากหลายเรื่องราวจนตีกันไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ค่าห้องเดือนหน้าที่จะมาถึง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ากิน แล้วไหนจะค่าอะไรต่อมิอะไรอีกจิปาถะมากมายที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือน แต่ค่าใช้จ่ายไหนเลยก็ไม่สำคัญเท่า เงินที่เธอจะต้องส่งกลับบ้าน ใช่ มัทนาวีนั้นต้องส่งเงินกลับบ้านไปให้พ่อและแม่ของเธอทุกเดือน ซึ่งเดือน ๆ หนึ่ง เธอก็จะส่งให้ตามเงินที่ออกเป็นวีคอย่างสม่ำเสมอ จะเป็นวีคละ 2 พันบ้าง 3 พันบ้าง ก็แล้วแต่โอทีเดือนนั้น ๆ ที่เธอจะได้ แต่เดือนต่อไปนี้น่ะสิ เธอจะเอาที่ไหนกัน เพราะเธอไม่มีงานประจำทำแล้วในตอนนี้ คิดได้ดังนั้น มัทนาวีจึงดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอนทันที เพราะว่าวันนี้เธอจะต้องเริ่ม สมัครงานใหม่ เพราะถ้าเธอมีงานใหม่เธอก็จะได้เงินมาใช้จ่ายเช่นเดิม ถึงแม้มัทนาวียังไม่รู้เลยว่า เธอจะใช้วุฒิการศึกษาที่จบมาเพียงม. 3 ของเธอนั้น ไปสมัครงานที่ไหนดี


หลังจากที่เดินหาสมัครงานใหม่ทั้งวันในวันนี้ มัทนาวีก็ต้องกลับเข้ามาที่ห้องด้วยความเหนื่อยล้า เพราะไม่ว่าเธอจะเดินเข้าไปสมัครงานที่ไหนก็ตาม เดี๋ยวนี้บริษัทต่าง ๆ ส่วนมากรับตั้งแต่มัธยมศึกษาตอนปลายขึ้นไปทั้งนั้นเลย วันนี้มัทนาวีจึงต้องกลับมานั่งท้ออยู่คนเดียวที่ห้องของเธอเงียบ ๆ พร้อมกับคิดไปถึงว่า พรุ่งนี้เธอจะเริ่มไปสมัครงานที่ไหนอีกดี ที่มันตรงกับวุฒิการศึกษาที่เธอมีอยู่ในมือ


ค่ำคืนนี้ดูว่าศรัญย์รัชนั้นจะรู้สึกผ่อนคลายพอสมควร เนื่องจากว่าเธอไม่ได้มานั่งในบาร์แบบนี้นานมากแล้ว เพราะส่วนใหญ่การได้เที่ยวกลางคืนของศรัญย์รัชนั้น มักจะต้องมีลูกค้ามานั่งกินข้าวด้วย ไม่ก็จะต้องนัดกินข้าวกับชายหนุ่มที่พ่อแม่ของเธอจัดหาให้ ซึ่งบรรยากาศเหล่านั้นมันทำให้เธอรู้สึกเบื่อไม่น้อยเลยทีเดียว ฉะนั้นวันนี้ที่เธอได้มานั่งบาร์กับเพื่อน ๆ ของเธอแบบนี้ มันทำให้เธอมีรอยยิ้มออกมาได้อย่างสบายใจอีกครั้ง หลังจากที่เธอไม่เคยยิ้มแบบผ่อนคลายเช่นนี้มานานพอสมควร


"รัญ แกถูกใจคนไหนเป็นพิเศษบ้างมั้ยล่ะ เดี๋ยวชั้นเรียกให้" พิชญา เพื่อนสนิทของศรัญย์รัชเอ่ยแซวขึ้นมา เพราะเธอรู้ดีว่าศรัญย์รัชนั้นไม่ชอบยุ่งกับใครอยู่แล้ว และเขายังไม่เคยมีความสนใจเป็นพิเศษให้กับชายหนุ่มคนไหนเลย วันนี้เธอจึงชวนเขามานั่งในบาร์ที่มีแต่สาว ๆ ดูบ้าง เผื่อเพื่อนเธอคนนี้อาจจะมีรสนิยมทางนี้ก็เป็นได้

"ไม่อ่ะ ชั้นไม่ค่อยชอบอะไรแบบนี้ ว่าแต่แกนึกยังไงถึงชวนชั้นมานั่งที่แบบนี้เนี่ยห๊ะ" ศรัญย์รัชอดที่จะถามเพื่อนรักของเธอเสียไม่ได้ เพราะปกติแล้วพิชญาก็มีรสนิยมชอบชายหนุ่มร่างกำยำแบบธรรมดาทั่วไปนี่นา แต่ไหงวันนี้ถึงลากเธอมานั่งในบาร์ที่มีแต่ผู้หญิงแบบนี้กันได้นะ

"เอ๊า ที่แบบนี้แหละดี ยัยรัญแกไม่รู้อะไร เดี๋ยวนี้นะความรักในแบบสาว ๆ เนี่ย แทบจะยืนยงคงกระพันกว่าหนุ่มสาวซะอีกนะ ที่ชั้นพาแกมาที่นี่ก็เผื่อว่าแกอาจจะชอบทางนี้ก็เป็นได้นะยัยรัญ" พิชญาพูดออกมาเหมือนกับมันเป็นเรื่องปกติทั่วไป ซึ่งศรัญย์รัชนั้นถึงกับย่นคิ้วด้วยความไม่เข้าใจความคิดเพื่อนทันที เพราะถึงอย่างไรเสีย เขาก็ไม่มีวันจะมีความรักอะไรแบบนี้ได้หรอก

"แหม๋ ยัยรัญ ดูแกทำหน้าเข้าสิ แกมันยังไม่เคยผ่านเรื่องอย่างว่าก็งี้แหละ แต่ถ้าแกได้ผ่านมาแล้วแบบชั้นนะ รับรอง แกจะไม่ทำหน้าทำตาแบบนี้เลยซักนิดเดียว" กมลเนตร เพื่อนอีกคนที่มาด้วยกันกับศรัญย์รัชเอ่ยขึ้น เธอพูดเรื่องเกี่ยวกับใต้สะดือได้อย่างไม่อายปาก เพราะเธอนั้นเคยผ่านเรื่องราวแบบนี้มาแล้วจริง ๆ ไม่ใช่เพราะเธอเจ้าชู้หรือเป็นผู้หญิงลั่นล้าอะไรทำนองนั้นหรอก เพียงแต่เธอยังไม่เจอคนที่ใช่เธอก็เลยต้องศึกษาดูใจกับคนที่เข้ามาไปเรื่อย เธอจึงได้ผ่านประสบการณ์เรื่องแบบนั้นมาบ้างแล้ว ส่วนศรัญย์รัชน่ะหรือ อย่าว่าแต่เรื่องพรรค์นั้นเลย แม้แต่จับมือถือแขนกับคนที่พ่อแม่ของเธอให้มากินข้าวด้วยกันก็ยังไม่มีเลยสักครั้งเดียว

"เรื่องของแกเถอะยัยเนตร ชั้นไม่เอาด้วยล่ะ" ศรัญย์รัชส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม แล้วก็วาดสายตามองผู้หญิงคนอื่นไปรอบ ๆ พลางคิดว่า ความรักที่ผู้หญิงพวกนี้กำลังใฝ่หากัน มันจะยืนยาวได้จริง ๆ หรืออย่างไร
ขณะที่ศรัญย์รัชกำลังนั่งดื่มจนเพลินและเริ่มมึน ๆ พลางมองเหล่าผู้หญิงที่กำลังทยอยกันเข้าออกภายในบาร์ที่เธอนั่งอยู่นั้น สายตาคู่เรียวของเธอก็มองไปเห็นใครคนหนึ่งเข้า ซึ่งดูจากลักษณะท่าทางแล้วไม่ต้องให้บอกศรัญย์รัชก็จำได้ดีทีเดียว ว่าผู้หญิงคนที่เธอมองเห็นนั้นคือใคร ศรัญย์รัชจะจำลักษณะท่าทางและหน้าตาของผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ได้อย่างไร ในเมื่อเธอเป็นคนไล่ผู้หญิงคนนั้นออกจากบริษัทของเธอไม่กี่วันมานี้เอง แต่ศรัญย์รัชก็ไม่ได้แสดงท่าทีว่าจะเข้าไปทักหรือพูดคุยด้วยแต่อย่างใด เธอเพียงแต่มองแล้วก็นึกสมเพชผู้หญิงคนนั้นเสียมากกว่า ก็อย่างว่านั่นแหละนะ วุฒิการศึกษาเพียงแค่หางอึ่งของผู้หญิงคนนั้น คงจะหางานอะไรทำที่ดีไปกว่าพนักงานเสริฟแบบนี้ไม่ได้แล้วล่ะ จริง ๆ เธอก็ไม่อยากจะดูถูกดูแคลนอะไรผู้หญิงคนนี้นักหรอกนะ ถ้าหากผู้หญิงคนนี้ไม่ทิ้งประโยคที่มันไม่มีวันเป็นไปได้ไว้ให้เธอ คิดแบบนั้นแล้ว ศรัญย์รัชก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง

"รัญ แกทำไมมองพนักงานเสริฟคนนั้นบ่อยจังอ่ะ หรือว่า แกเจอรสนิยมของตัวเองแล้วเหรอ ฮ่า ๆ ๆ ชั้นเรียกให้มะ" พิชญาที่จับสังเกตของศรัญย์รัชมาได้สักพักแล้ว เธอเห็นว่าเพื่อนเธอมองพนักงานเสริฟคนนั้นบ่อยมาก แถมมองแต่ละครั้งก็มองแบบนาน ๆ เสียอีก เธอจึงเอ่ยถามขึ้นอย่างว่า

"แกจะบ้าเหรอยัยญา ชั้นไม่มีรสนิยมอะไรแบบนี้หรอก ที่ชั้นมองก็เพราะ เด็กคนนั้นน่ะ ชั้นพึ่งจะไล่ออกจากบริษัทชั้นได้ไม่กี่วันเอง ก็เลยไม่คิดว่าจะมาเป็นเด็กเสริฟที่นี่" ศรัญย์รัชเล่าให้เพื่อนฟังตามความจริง

"อ้าว เหรอ แล้วแกไปไล่เด็กมันออกทำไมอ่ะรัญ ไหน เล่าสิ๊" พิชญาเห็นว่าเด็กเสริฟคนนั้นไม่น่าจะอายุเกิน 22 - 23 เธอจึงใช้สรรพนามว่าเด็กแทนที่จะเรียกว่าหล่อน แล้วก็หันไปหาศรัญย์รัชแบบเต็มตัวเพื่อบังคับ
ให้เพื่อนเล่าเรื่องราวให้ฟัง

เมื่อพิชญาได้ฟังเรื่องราวต่าง ๆ ที่ศรัญย์รัชเล่าให้ฟังแล้ว เธอก็มองว่าเด็กคนนี้เป็นคนที่มีความตรงน่าดูคนนึง ไม่งั้นคงไม่กล้าที่จะต่อปากต่อคำกับเพื่อนเธอแบบนั้นได้หรอก ดังนั้นพิชญาจึงอยากเห็นหน้าเด็กคนนั้นชัด ๆ ดูสักที พิชญาจึงตัดสินใจทำบางอย่าง


"แกให้เค้าไปเรียกเด็กนั่นมาทำไมญา แกคิดจะทำอะไร" ศรัญย์รัชถามเพื่อนด้วยสายตาดุ ๆ เมื่อเพื่อนเธอบอกให้เด็กเสริฟอีกคนไปตามผู้หญิงคนนั้นมา

"ชั้นแค่อยากเห็นหน้าใกล้ ๆ น่า ไม่มีอะไรหรอก" พิชญาตอบศรัญย์รัชไปตามความจริง


เมื่อมัทนาวีเดินมาตรงโต๊ะของแขกที่ให้รุ่นพี่ไปเรียกเธอเมื่อกี้นี้ มัทนาวีก็ต้องแอบยืนกัดฟันตัวเองทันที เมื่อหนึ่งในคนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะดังกล่าว คือคนที่ทำให้เธอได้งานใหม่ที่นี่นั่นเอง นี่เขายังจะต้องการมาราวีอะไรเธออีกนะถึงได้เรียกเธอมาแบบนี้


"น้องชื่ออะไรจ๊ะ" พอมัทนาวีมาถึงพิชญาก็เอ่ยถามทันที

"มัทนาวีค่ะ" มัทนาวีตอบสั้น ๆ แต่เธอไม่เสตาไปมองทางศรัญย์รัชเลย และดูเหมือนเขาเองก็ไม่อยากที่จะมองหน้าเธอเช่นกัน

"มีชื่อเล่นมั้ยเราน่ะ" พิชญายังคงเอ่ยถามมัทนาวีต่อพลางยิ้มให้

"ชื่อนาค่ะ" มัทนาวียังคงตอบสั้น ๆ ตามเดิม

"ดื่มเหล้าได้มั้ยเราน่ะ แต่มาที่นี่ก็ต้องดื่มได้สิ ดื่มอะไรล่ะ เดี๋ยวพี่เรียกให้ถือว่าเป็นค่าดริ้งที่เดินมาก็แล้วกันนะ" พิชญารู้ธรรมเนียมของบาร์เหล่านี้ดี เพราะถ้าหากได้เรียกเด็กคนใดคนหนึ่งแล้วล่ะก็ จะต้องเสียค่าดริ้งให้เด็กคนนั้นไม่ต่ำกว่า 1 ดริ้ง

"เอ่อ" มัทนาวีไม่รู้ว่าเธอจะเรียกเหล้าอะไรจากแขกคนนี้ดี เพราะปกติเธอเป็นคนคออ่อนอยู่แล้ว หากเธอขืนดื่มไปแบบนี้คงทำงานได้ไม่เต็มเวลาแน่ แต่ถ้าจะปฏิเสธแขกเธอก็คงจะทำให้ตนเองมีปัญหา มัทนาวีจึงคิดหาทางว่าเธอควรจะทำเช่นไรดี แต่ขณะที่เธอกำลังใช้ความคิดอยู่เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

"เอาที่แพง ๆ แล้วก็ที่มันแรงที่สุดของที่นี่มา 5 ดริ้ง เดี๋ยวชั้นจ่ายเอง เพราะถ้าให้เลือกเองเธอก็คงจะเลือกแบบนี้อยู่แล้วแหละ เพราะงั้นชั้นแถมให้เธอเป็น  5 ไปเลยแล้วกัน" ศรัญย์รัชพูดพร้อมกับมองไปที่มัทนาวีอย่างดูถูกดูแคลน เพราะเขาไม่เข้าใจว่ามัทนาวีจะแอ๊บทำไม ในเมื่อทำงานแบบนี้ก็ต้องดื่มเหล้าเป็นอยู่แล้ว หรือนี่จะเป็นวิธีเรียกแขกของผู้หญิงคนนี้กันนะ

"นี่คุณ" มัทนาวีกัดกรามด้วยความโกรธในคำพูดของอดีตเจ้านายเธอ แต่ก็ต้องข่มเอาไว้เพราะรุ่นพี่ของเธอหันมองมาพอดี และอีกอย่าง เธอพึ่งมาทำงานที่นี่วันแรก ฉะนั้นเธอจึงไม่อยากมีปัญหา มัทนาวีจึงจำใจเงียบเพื่อข่มอารมณ์โกรธเอาไว้ พลางกลืนน้ำลายลงคอแบบฝืด ๆ เมื่อเห็นเหล้าแรง ๆ ที่คนใจดำนั้นสั่งวางอยู่ตรงหน้าแล้ว เธอไม่แน่ใจเอาเสียเลยว่าเธอจะยังทำงานต่อได้อีกหรือไม่กัน


จนแล้วจนรอด เหล้าที่ว่าแรงและแพงที่สุดในบาร์นี้ ก็ถูกมัทนาวีจับมันกรอกลงคอเธอไปจนครบ 5 แก้ว แต่พอเธอวางแก้วสุดท้ายลง มัทนาวีก็แทบจะล้มทั้งยืนด้วยความมึนในแอลกอฮอล์ที่แสนจะรุนแรง แต่เธอก็ต้องเกร็งตัวเองให้นิ่งเพื่อยืนอยู่ให้ได้ เพราะถ้าเธอล้มลงไปตอนนี้เธอได้ขายหน้าคนใจร้ายคนนี้แน่นอน แต่ก็ถือว่าเป็นโชคดีของมัทนาวีอยู่บ้าง เมื่อเธอดื่มเสร็จพิชญาก็เอ่ยปากให้เธอไปทำงานต่อ ส่วนคนใจร้ายนั้นก็ไม่มองแม้แต่หน้าเธอเลยสักนิด มัทนาวีจึงรีบเดินทรงตัวกลับมาทำงานของตนเองเช่นเดิม


ขณะที่ศรัญย์รัชกำลังจะเปิดประตูรถออกเพื่อจะขับกลับบ้าน หูของเขาก็ได้ยินผู้ชายคนหนึ่งคุยโทรศัพท์กับปลายสายอย่างไม่น่าไว้ใจ


"เออ เดี๋ยวแกเตรียมห้องให้พร้อมเลยนะ รายนี้เมาแอ๋เลยว่ะ สงสัยงานนี้คงยาว ฮ่า ๆ ๆ เออ ๆ เดี๋ยวชั้นรีบไป"


ศรัญย์รัชอดไม่ได้ที่จะหันไปมองตามเสียงผู้ชายคนนั้น พอสายตาของเธอหันไปจนหยุดนิ่งที่เป้าหมาย ศรัญย์รัชต้องย่นคิ้วเข้าหากันทันที เพราะรายนี้ที่ผู้ชายคนขับแท็กซี่คนนั้นหมายถึงก็คือ ผู้หญิงคนที่เธอพึ่งจ่ายค่าเล่าไปให้ 5 ดริ้ง เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วนั่นเอง


"ขอโทษนะคะ คุณจะพาเพื่อนชั้นไปไหนเหรอคะ" ศรัญย์รัชเอ่ยถามคนขับแท็กซี่ด้วยโทนเสียงเข้ม แม้ว่าเธอเองจะรู้สึกมึนหัวด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์อยู่ไม่น้อยก็ตาม

"เพื่อนเพิ่นอะไรของคุณ นี่ลูกค้าผม ผมกำลังจะไปส่งเค้าที่บ้าน คุณนั่นแหละจะมาไม้ไหน" คนขับแท็กซี่พูดอย่างวิตกขึ้นมาเล็กน้อย ก็ตอนที่ขับมาจอดก็เห็นผู้หญิงคนนี้นั่งคอตกอยู่คนเดียวนี่นา หรือว่านี่จะเป็นเพื่อนของผู้หญิงตัวเล็กคนนี้จริง ๆ

"ชั้นถามว่าคุณจะพาเพื่อนชั้นไปไหน หรือว่าจะให้ชั้นเอาคลิปที่ชั้นถ่ายได้ตอนที่คุณคุยโทรศัพท์ส่งตำรวจ เอาไง จะยอมให้ชั้นเอาเพื่อนชั้นออกมาจากรถมั้ย" ศรัญย์รัชแกล้งยกโทรศัพท์ขึ้นมาขู่ ซึ่งอันที่จริงเธอไม่ได้ถ่ายอะไรไว้เลย แต่ก็นับว่าโชคเข้าข้างเธออยู่ เมื่อมีรถสายตรวจเปิดไฟวาบ ๆ กำลังวิ่งมาทางนี้พอดี คนขับแท็กซี่จึงรีบเปิดล็อคประตูให้ศรัญย์รัชเอาตัวของมัทนาวีลงมา แล้วรีบขับรถออกไปโดยเร็วทันที ไม่งั้นศรัญย์รัชก็คงต้องตะโกนให้คนแถวนี้ช่วยเธออีกแรงกระมัง เพราะเธอก็ไม่รู้ว่าเธอจะทำยังต่อไปดีเหมือนกัน


เมื่อได้ตัวต้นเหตุมาแล้ว ศรัญย์รัชก็ไม่รู้ว่าจะไปส่งคนตัวเล็กนี่ได้ที่ไหนดี เธอจึงตัดสินใจขับรถมาจอดตรงที่สว่าง ซึ่งก็ไกลจากบาร์นั้นพอสมควรแล้ว และจึงตัดสินใจเรียกคนตัวเล็กที่นอนไม่ได้สติดู


"เธอ ๆ เธอ ๆ เธอ" ทั้งเรียกทั้งเขย่ามัทนาวีก็ไม่มีท่าทีว่าจะตื่น ศรัญย์รัชจึงส่ายหัวไปมาด้วยความหงุดหงิด ทั้งยังไม่คิดว่าคนตัวเล็กนี้จะคออ่อนได้ถึงขั้นนี้เลย หรือว่าเธอจะไปกินของแขกคนอื่นเพิ่มมาอีกกันแน่นะ

"โอ๊ยยยย ร้อนนน" ขณะที่ศรัญย์รัชไม่รู้ว่าจะไปส่งมัทนาวีที่ไหนดี คนตัวเล็กที่นอนเงียบสงบอยู่นานก็เริ่มแผลงฤทธิ์ เมื่อเธอเริ่มใช่มือเล็กของเธอปลดกระดุมเสื้อเธอออกเรื่อย ๆ ทีละเม็ด ๆ จนศรัญย์รัชต้องรีบเขย่าตัวมัทนาวีเพื่อร้องห้าม แต่นั่นก็ไม่ได้ผล เพราะตอนนี้มือที่ปัดป่ายไปมาของมัทนาวีเปลี่ยนมาเป็นคล้องคอศรัญย์รัชเอาไว้แทน ทั้งยังหรี่ตาขึ้นมาเล็กน้อยแล้วบอกกับศรัญย์รัชว่า

"ชั้นร้อนนน คุณช่วยถอดชุดชั้นออกทีนะ" พอได้ยินแบบนี้ ศรัญย์รัชถึงกับร้อนวูบไปทั่วใบหน้าจนถึงใบหูเลยทีเดียว ซ้ำยังเม้มปากตัวเองลงหากันอย่างอัตโนมัติ ไหนจะสายตาของตนเองที่ดูจะเจ้าเล่ห์ผิดปกติตอนนี้อีก ที่มันกำลังจับจ้องไปยังทรวงอกอิ่มที่คนตัวเล็กซ่อนรูปเอาไว้ แต่มันก็โผล่พ้นออกมาจากเสื้อคนตัวเล็กอยู่บ้าง ซึ่งเป็นผลพลอยจากมือเล็กที่ปลดกระดุมเสื้อตนเองออกเมื่อกี้ ทำให้ตอนนี้เนินเนื้อขาว ๆ ในบราสีชมพูอ่อน ๆ โผล่ออกมายั่วให้ใจศรัญย์รัชต้องเต้นถี่อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ยิ่งเนื้อขาวกระทบกับไฟสีส้มสลัวที่ส่องมาจากเสาไฟริมถนนแล้วล่ะก็ มันยิ่งทำให้ตอนนี้คนตัวเล็กมีเสน่ห์เย้ายวนไม่เบาเลยทีเดียว บวกกับฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ศรัญย์รัชมีอยู่ในตัวด้วยแล้ว มันทำให้ตอนนี้ ศรัญย์รัชนั้นอยากจะลองในสิ่งที่เขาไม่เคยประสบมาก่อนเลยนั่นคือ การมีสัมพันธ์สวาทกับใครสักคนนั่นเอง


Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น