web stats

ข่าว

 


โซ่ล่ามรัก - ตอนที่ 1

โพสต์โดย: ธยาน์ วันที่: 16 พฤษภาคม 2017 เวลา 18:08:42 อ่าน: 319

ในสังคมของคนมีอันจะกินแล้ว เรื่องกินเที่ยวหลังจากเสร็จเรื่องงานหรือจบการทำสัญญาระหว่างบริษัทที่เป็นคู่ค้ากันนั้น ย่อมเป็นเรื่องธรรมชาติที่ย่อมจะเกิดขึ้นเสมอ ดังเช่นวันนี้ ที่ศรัญย์รัชกำลังพามณีรัตน์ลูกค้าคนสำคัญของบริษัทส่งออก ที่เธอกำลังรับผิดชอบดูแลกิจการต่อจากพ่อของเธออยู่ มาเลี้ยงข้าวเลี้ยงน้ำเล็กน้อยที่ผับดังแห่งหนึ่ง และดูเหมือนว่าตอนนี้ศรัญย์รัชนั้นจะเลี้ยงน้ำให้มณีรัตน์เต็มที่ไปเสียหน่อย เพราะบัดนี้มณีรัตน์ลูกค้าคนสำคัญของเธอ กำลังคอพับคออ่อนจนเดินไม่เป็นเลยทีเดียว ฉะนั้น ศรัญย์รัชจึงต้องรับหน้าที่พามณีรัตน์มาส่งที่คอนโดหรูของเธอในเวลาต่อมา

หลังจากที่ศรัญย์รัชส่งมณีรัตน์ถึงห้องของเธอเรียบร้อยแล้ว เธอจึงเดินทางกลับบ้านของเธอต่อ แต่ในระหว่างที่เธอกำลังขับรถอยู่บนถนนอย่างเพลิดเพลินจนติดไฟแดง สายตาคู่คมของเธอก็มองไปเห็นครอบครัวหนึ่ง ที่พวกเขากำลังพาลูกน้อยของพวกเขามากินก๋วยเตี๋ยวข้างทางอย่างมีความสุข พอได้มองภาพแบบนั้นก็ทำให้ศรัญย์รัชเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว ทั้งยังคิดว่า อีกไม่นานนี้ตัวเธอก็คงจะต้องมีครอบครัวเช่นนี้เหมือนกัน ถึงแม้ว่าคนที่จะได้มาเป็นพ่อของลูกเธอนั้น เธอจะไม่ได้เลือกเขามาเองก็ตาม

เช้าวันนี้ มัทนาวี เดินทางมาทำงานของเธอแต่เช้าเช่นเคยเหมือนปกติ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเหมือนเหตุการณ์ซ้ำ ๆ วนไปวนมาอยู่ทุก ๆ วันก็ตาม มัทนาวีก็ยังยินดีและเต็มใจทำทุกวันอย่างไม่ปริปากบ่น เพราะเธอก็ไม่รู้ว่าจะบ่นให้มันได้อะไรขึ้นมา ในเมื่อถึงเธอจะบ่นออกไปเท่าไหร่หรือบ่นไปมากแค่ไหน คำพูดคำบ่นของเธอก็ไม่ทำให้เธอเลื่อนตำแหน่งจากสาวโรงงานไปเป็นพนักงานบริษัทหรู ๆ ได้หรอก ก็จะทำยังไงได้เล่าในเมื่อการศึกษาของเธอมันก็แค่มัธยมต้นเองนี่นา แถมความรู้ความสามารถพิเศษอะไรอย่างอื่นเธอก็ไม่มี จะให้ไปหางานหาการอะไรที่มันได้เงินดีกว่านี้ก็คงจะเป็นไปไม่ได้หรอก นี่เธอได้ทำงานเป็นสาวโรงงานมีเงินออกวีคละ 6-7 พันนี่ก็ดีถมเถแค่ไหนแล้ว ถึงแม้เงินของเธอมันจะกระท่อนกระแท่นในการเลี้ยงชีพตัวเองบ้างก็ช่างเถอะ อย่างน้อยเธอก็ได้เหลือส่งกลับบ้านให้พ่อกับแม่เธอนั่นแหละน่า ชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไป เมื่อเธอนึกถึงประโยคนี้ขึ้นมาทีไรมันก็ทำให้มัทนาวีมีแรงฮึดและยิ้มได้ทุกครั้งไปเสมอ เพราะเธอยังถือว่าโชคดีกว่าคนอื่นอีกตั้งมากมาย ที่ยังมีที่กินที่นอนและมีงานให้ทำเพื่อเลี้ยงชีพ เพราะฉะนั้นหากยังมีชีวิตยืนอยู่บนโลกนี้ต่อ เธอก็จะขอสู้ให้สุดใจจนกว่าจะหมดลมไปเลย

"นี่นา ไหน ๆ วันนี้เงินวีคสิ้นเดือนก็ออกแล้วพอดี แกจะไปกินเลี้ยงกับพวกชั้นตอนเย็นหน่อยมั้ยล่ะ นาน ๆ ไปสนุกกันทีนึง นะ ๆ" อรทัย เพื่อนสนิทของมัทนาวีเอ่ยชวน หลังจากที่พวกเธอกินข้าวเที่ยงกันเสร็จแล้ว ก็นั่งเมาท์มอยเรื่อยเปื่อยตามประสาผู้หญิง
"แกจะไปที่ไหนกันล่ะอร แต่ว่าชั้นกินเหล้าคอไม่แข็งเหมือนพวกแกหรอกนะ" มัทนาวีเอ่ยตอบเพื่อนไปด้วยรอยยิ้ม
"โหยยย พวกชั้นก็ไม่ให้แกกินเยอะขนาดนั้นหรอกยัยนา กินไปแป็บนึงแกก็เมา พวกชั้นเสียดายของ" ชุติมา เพื่อนของมัทนาวีอีกคนเอ่ยเสริมขึ้น
"ใช่ ๆ คออ่อนอย่างแกน่ะ ไปนั่งกินกับแกล้มให้พวกชั้นก็พอแล้ว" ปอม หรือ ปองพล เพื่อนชายใจสาวของมัทนาวีพูดขึ้นมาอีกคน
"รู้แล้วน่าปอม ว่าชั้นน่ะคออ่อน ไม่ต้องย้ำกันขนาดนั้นหรอกย่ะ" มัทนาวีค่อนขอดปอม
"แล้วสรุปแกจะไปกับพวกชั้นมั้ยยัยนา" ชุติมาถามย้ำกับมัทนาวีอีกครั้ง
"ไปก็ไป พวกแกจะไปกันที่ไหนทำอย่างกับชั้นขัดพวกแกได้งั้นแหละ" มัทนาวีเอ่ยด้วยใบหน้าค่อนขอดใส่เพื่อน ๆ อีกครั้ง
"เคร ๆ ป่ะ เข้างานกันได้ละ เดี๋ยวป้าแกจะถลึงตาใส่อีก" ปอมว่าด้วยเสียงขัน ๆ แล้วทั้งโต๊ะก็พากันลุกเดินไปเตรียมตัวทำงานกัน ส่วนป้าที่ปอมหมายถึงนั่นก็คือ คุณมารศรี หัวหน้างานของพวกเธอนั่นเอง

ในระหว่างที่สาวโรงงานกำลังทำงานกันอย่างขะมักเขม้นนั้น อีกฝากฝั่งของโรงงานที่สาว ๆ ทำอยู่ก็มีใครบางคน ที่กำลังจะเดินเข้ามาดูงานด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเลยทีเดียว

"คุณมารศรีคะ ทำไมงานตัวนี้มันพลาดหลุดไปถึงมือลูกค้าได้คะ รัญกำชับคุณแล้วใช่มั้ยคะ ว่าให้ดูให้ดี ดูให้ดี แล้วนี่อะไรคะ" ศรัญย์รัชว่าพร้อมกับวางงานตัวที่ว่าให้มารศรีดู
"คือ คุณรัญน่ะนั่ง นั่งก่อนนะคะ ดิชั้นก็กำชับเด็กอย่างดีแล้วนะคะ ว่าให้ดูอย่างละเอียดเลย แต่คงเป็นเพราะช่วงนั้นอาจจะเป็นงานกะดึกด้วยน่ะค่ะคุณรัญ พนักงานคงจะมีง่วงกันบ้างน่ะค่ะ งานก็เลยอาจจะพลาดไปได้" มารศรีค่อย ๆ แค่นเสียงออกจากลำคอ เพื่ออธิบายให้ศรัญย์รัชฟังอย่างยากลำบาก เพราะนานทีปีหนนายเธอคนนี้ถึงจะลงมาด้วยตัวเองสักที ครั้งนี้คงจะเป็นตัวงานที่สำคัญมากแน่ ๆ นายของเธอถึงได้ลงมาด้วยตัวเองเช่นนี้
"ถ้างั้นคุณมารศรีก็ไปหามา ว่าใครที่ทำหน้าที่ตรวจชิ้นงานตรงนี้กะนี้มา ถ้าเจอแล้วก็ให้เค้าเข้าไปหารัญที่ห้องด้วยค่ะ" พูดจบศรัญย์รัชก็ลุกออกจากห้องของมารศรีไปอย่างหัวเสีย
"ซวยแล้วยัยนาเอ้ย" มารศรีเอ่ยพร้อมกับส่ายหัวให้กับวิบากกรรมในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ของลูกน้องคนที่ศรัญย์รัชถามหาไปเมื่อกี้นี้ พร้อมกับเดินตรงไปหาลูกน้องเธอคนดังกล่าวเพื่อบอกข่าวร้ายแก่เธอ

หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากคุณมารศรีหัวหน้าของเธอ จึงทำให้มัทนาวีรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ ขึ้นมาทันทีทันใดเลย เพราะเธอรู้กิตติศัพท์ของคุณรัญดีว่า หากใครทำงานผิดพลาดเมื่อใดแล้วล่ะก็ คน ๆ นั้นจะถูกไล่ออกทันทีโดยไม่ต้องอธิบายอะไรเลย แต่มัทนาวีก็ยอมรับว่าวันนั้นเธอทำงานด้วยความง่วงจริง ๆ เพราะเธอควงกะมาตั้งแต่เช้าจนถึงกะดึก เธอจึงไม่ได้ผ่านการนอนเลยแม้แต่น้อยเพราะงานเร่งนั่นเอง หวังว่าคุณรัญคงจะให้ความเมตตากับเธอบ้างล่ะน่า

ระหว่างที่มัทนาวีกำลังคิดอะไรไปอย่างเพลิดเพลินนั้น ขาทั้งสองข้างของเธอก็พาเธอมายืนยัง หน้าห้องรับรองผู้บริหารเรียบร้อยแล้ว มัทนาวีจึงตัดสินใจยกมือข้างขวาขึ้นมาอย่างสั่น ๆ แล้วบรรจงเคาะประตูหน้าห้องนั้นไปด้วยใจที่เต้นระรัว

"เข้ามาสิ" มัทนาวีค่อย ๆ เปิดประตูพร้อมกับเดินก้มหน้าเข้าไปในห้อง หลังจากที่ได้ยินคำอนุญาตมาจากคนในห้องนั้น พอมัทนาวีเข้ามาหยุดยืนในห้องเรียบร้อยแล้วเธอก็ต้องยอมว่า ความเย็นจากอุณหภูมิแอร์ของห้องนี้ ไม่ได้ช่วยให้เหงื่อแห่งความตื่นกลัวเธอลดน้อยลงได้เลย
"เธอชื่ออะไร" เจ้าของเสียงในห้องเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดุดันพอควร ทั้งเขายังไม่ได้เอ่ยบอกให้เธอนั่งลงแต่อย่างใด มัทนาวีจึงรู้สึกว่าคนผู้นี้ช่างไร้น้ำใจเสียจริงเชียว
"มัทนาวีค่ะ" มัทนาวีตอบสั้น ๆ ตามที่เขาถาม
"วันนั้นเธอเป็นคนเข้ากะมาทำหน้าที่ตรวจงานชิ้นนี้ใช่มั้ย" เสียงของบุคคลนั้นเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับวางงานชิ้นที่ว่าให้มัทนาวีดู
"ใช่ค่ะ" มัทนาวีตอบไปสั้น ๆ ตามเดิม
"เธอตรวจงานแบบไหนกัน ทำไมงานผิดมากมายขนาดนี้ถึงได้หลุดไปหาลูกค้าได้ ไหนเธอลองบอกชั้นสิ๊ แล้วก็เงยหน้าขึ้นมามองหน้าชั้นด้วย ชั้นไม่ชอบพูดกับคนไม่มองหน้าชั้น" เสียงดังกังวานแผดขึ้น พร้อมกับเสียงตบโต๊ะที่ดังไปทั่งทั้งห้อง ทำเอามัทนาวีนั้นตระหนกในใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่เธอก็ยังนิ่งไว้แบบทำใจดีสู้เสืออยู่

แต่พอมัทนาวีเงยหน้าขึ้นมองหน้าคนพูดเท่านั้นแหละ เธอก็รู้สึกได้ถึงใบหน้าที่คมคายและมีเสน่ห์อย่างเหลือเชื่อของผู้หญิงคนนี้ แต่กระนั้นก็ดูมีอำนาจไปด้วยในทีเดียวกัน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้มัทนาวีรู้สึกดีขึ้นเลย เมื่อประโยคถัดไปหลุดออกมาจาดปากของผู้หญิงสูงโปร่งดูดีคนนี้

"ยืนเหม่อหาอะไร ชั้นถามเธอไม่ได้ฟังรึยังไง ห๊ะ" น้ำเสียงดุถูกปล่อยออกมาจากปากของศรัญย์รัชอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าคู่สนทนาของเธอยังยืนเหม่อไม่ตอบคำถามเธอสักที
"เอ่อ ป่ะเปล่าค่ะ พอดีวันนั้นนาง่วงไปนิดนึงน่ะค่ะเลยอาจจะปล่อยงานพลาดหลุดไปบ้างน่ะค่ะ" มัทนาวีพยายามอธิบายให้คนตรงหน้าฟังอย่างนิ่ง ๆ
"ง่วง เธอใช้คำว่าง่วงงั้นเหรอ เธอรู้มั้ยว่างาน 10 ชิ้นที่หลุดไปหาลูกค้ามันเป็นเงินเท่าไหร่ แล้วมันทำให้บริษัทของชั้นเสียชื่อมากแค่ไหน เธอบอกชั้นหน่อยสิ๊ว่าเธอจะรับผิดชอบกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นยังไง" ศรัญย์รัชเอ่ยอย่างเดือดพล่าน เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าวหลุดออกมาจากปากพนักงานคนนี้
"คุณรัญใจเย็น ๆ ก่อนนะคะ คือวันนั้นนาควงกะมาตั้งแต่เช้าเลย นาก็เลยง่วงเพราะไม่ได้นอนตามปกติเหมือนที่เคยทำน่ะค่ะ" มัทนาวีพยายามที่จะอธิบายให้คุณรัญที่อยู่ตรงหน้าเธอฟังอีกครั้ง เธอไม่คิดเลยว่างานแค่ 10 ตัวจะทำให้ผู้บริหารโกรธได้มากขนาดนี้
"ไม่ได้นอนตามปกติเหรอ งั้นเธอก็กลับไปนอนที่บ้านของเธอดีมั้ยตอนนี้อ่ะ แล้วก็นอนยาวไปเลยจะพักผ่อนเพียงพอ" ศรัญย์รัชยังคงพูดด้วยอารมณ์เดือดดาลอีกครั้ง
"ม่ะไม่นะคะคุณรัญ นาไม่ได้อยากพักผ่อนแบบนั้นค่ะคุณรัญ" มัทนาวีรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน
"ทำไมล่ะ ก็เธอบอกว่าเธอพักผ่อนไม่เพียงพอไม่ใช่เหรอ ถ้างั้นเธอก็ควรจะได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอได้แล้วนะ เอาเป็นว่า ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เธอไม่ต้องมาทำงานที่นี่อีกแล้วนะ ฉันไล่เธอออก" ศรัญย์รัชเอ่ยออกมาเสียงเรียบ โดยที่เธอไม่สนใจเลยว่า คนตัวเล็กตรงหน้าเธอที่กำลังยืนหน้าชาอยู่ตอนนี้จะรู้สึกเช่นไร
"อะ อะไรนะคะคุณรัญ ละ ไล่ออก อย่างงั้นเหรอคะ" เมื่อตั้งสติจากประโยคเมื่อครู่ที่ได้ยินได้แล้ว มัทนาวีจึงตัดสินใจเอ่ยถามเจ้านายสาวของเธอกลับอีกครั้งหนึ่ง ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยมั่นใจในการจะเอ่ยออกมาเท่าไหร่
"ใช่ ชั้นไล่เธอออก เธอได้ยินชัดแล้วนะ เชิญ" ศรัญย์รัชพูดพร้อมกับมองไปที่ประตูห้อง เป็นเชิงว่าเธอกำลังไล่ให้มัทนาวีออกไปนั่นเอง
"นี่ชั้นทำงานผิด 10 ตัว คุณถึงกับไล่ชั้นออกเลยเหรอคะ ชั้นไม่ได้ขโมยของคุณกลับบ้านนะคะคุณรัญ คุณควรจะมีเหตุผลกับลูกน้องให้มากกว่านี้หน่อยมั้ยคะ ไม่ใช่คิดว่าตัวเองเป็นเจ้านายแล้วมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้ แล้วที่ชั้นทำงานผิดก็เพราะ ชั้นต้องอดหลับอดนอนควงกะให้บริษัทคุณนั่นแหละค่ะ คุณจำไม่ได้เหรอคะ" มัทนาวีอดไม่ได้ เธอจึงโพล่งคำพูดต่าง ๆ ที่ไม่เคยคิดว่าจะเอ่ยมันออกมาแบบนี้ สวนกลับไปให้ศรัญย์รัชได้ฟังเสียบ้าง เผื่อเขาจะคิดได้บ้างว่า พนักงานตัวเล็ก ๆ ในบริษัททุกคนนั้นก็มีหัวใจเหมือนเขาเช่นกัน
"อ้อ นี่เธอจะบอกว่าความผิดของเธอทั้งหมดเนี่ย มันเกิดขึ้นเพราะเธออดนอนเพื่อทำงานให้บริษัทอย่างงั้นเหรอ งั้นต้องให้ชั้นทำใบประกาศพนักงานดีเด่นให้เธอสินะ" ศรัญย์รัชสวนกลับอย่างอารมณ์เสียไม่น้อยเหมือนกัน แทนที่จะยอมรับผิดดี ๆ กลับมาอ้างนู่นอ้างนี่ขึ้นมาเพื่อหนีผิดซะอีก
"ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกคุณ แต่ชั้นอยากให้คุณคิดซะบ้างนะ พนักงานที่เค้าอดหลับอดนอนกันทุกคน ก็เพื่องานของบริษัทคุณนั่นแหละ จะคิดจะทำอะไรคุณควรจะนึกถึงใจเขาใจเราบ้างซี่ ไม่ใช่นึกอยากจะเอาใครออกก็ได้ตามอำเภอใจแบบนี้ คุณควรจะถามเหตุผลพนักงานเค้าบ้าง ว่าที่เค้าตรวจงานผิดหรือทำงานพลาดน่ะ มันเกิดขึ้นเพราะอะไร" มัทนาวีเองก็ไม่ยอมเช่นกัน ถึงแม้เธอจะเป็นแค่พนักงานตัวเล็ก ๆ ในบริษัทของเขาและอาศัยเงินในบริษัทเขาเลี้ยงชีพก็เถอะ แต่เธอก็แลกมันด้วยการทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยเช่นกัน เธอไม่ได้นั่งรอนอนรอกินเงินเดือนบริษัทเขาฟรี ๆ เมื่อไหร่กัน เพราะฉะนั้นเธอก็ต้องทวงถามหาสิทธิ์ของเธอบ้างล่ะ
"อ่อ มันคงจะลำบากมากเลยสินะ ไอ้การที่ต้องอดตาหลับขับตานอนเพื่องานของชั้นเนี่ย งั้นเธอทำไมไม่ไปสมัครงานที่อื่นที่มันสบายกว่านี้ล่ะ ไม่ก็ไปนั่งเป็นเลขาห้องเจ้านายบริษัทไหนซักที่นึง เธอจะได้ไม่ต้องมาอดหลับอดนอนแบบนี้ไง อ่อ หรือว่า วุฒิการศึกษาเธอคงไปไม่ถึงตำแหน่งนั้นสินะ ไม่งั้นเธอคงไม่ต้องมาใช้แรงงานแบบนี้หรอก" ศรัญย์รัชพูดกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เหยียดหยันพอสมควร เพราะไม่เคยมีใครมายืนว่าหรือยืนเถียงเธอฉอด ๆ ๆ แบบนี้สักคนเดียว แล้วแม่คนนี้เป็นใครกันถึงได้กล้ามาต่อปากต่อคำกับเธอแบบนี้ เพราะฉะนั้นก็ต้องใช้คำพูดสั่งสอนให้สะอึกกันเสียบ้างล่ะ
"ทำไม วุฒิชั้นมันต่ำแล้วคุณจะทำไม ถ้าชั้นจบม. 3 มาแล้วคุณจะทำไม ชั้นไปขอข้าวบ้านคุณกินงั้นเหรอ คุณถึงได้เป็นเดือดเป็นร้อนเรื่องวุฒิการศึกษาชั้นนัก ที่ชั้นรับเงินเดือนจากบริษัทคุณชั้นก็ทำงานแลกนะ ชั้นไม่ได้เอาเงินเดือนของคุณมาฟรี ๆ ถ้าไม่ให้ทำก็ไม่ทำก็ได้ไอ้งานบริษัทคุณน่ะ แต่คุณจำเอาไว้เลยนะคุณรัญ คุณอย่าพลาดได้สามีหรือมีลูกที่จบการศึกษาต่ำบ้างก็แล้วกัน ถ้าถึงวันนั้นชั้นจะหัวเราะเยาะคุณบ้างให้หนำใจเลย"
 ปัง !!!! พูดจบมัทนาวีก็เดินออกจากห้องไปทันที พร้อมทั้งปิดประตูอย่างแรงกระแทกใส่ให้ศรัญย์รัชได้ยิน ส่วนศรัญย์รัชนั้นได้แต่ยิ้มเยาะให้กับคำพูดของมัทนาวี เพราะคนอย่างเธอเนี่ยนะ ที่จะต้องตกต่ำขนาดนั้น ไม่มีวันซะล่ะ

หลังจากที่หัวเสียกับคนอย่างเจ้านายใจดำของเธอคนนั้นแล้ว มัทนาวีก็กลับมาเก็บของในล็อคเกอร์ของเธอ พร้อมทั้งเดินเข้าไปบอกลาเพื่อนร่วมงานของเธอด้วยรอยยิ้มเศร้า ๆ สร้างความงุนงงสงสัยให้กับหมู่เพื่อน ๆ หลายคนของเธอไม่น้อย ส่วนกลุ่มเพื่อนสนิทของมัทนาวีนั้น เย็นนี้คงจะได้รู้ความจริงทุกอย่างในร้านที่พวกเธอนัดกันเอาไว้แน่นอน

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น