web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 440
Most Online Ever: 440
(วันนี้ เวลา 03:05:22)
Users Online
Members: 0
Guests: 152
Total: 152

ผู้เขียน หัวข้อ: เกินห้ามใจ ตอนที่ 19  (อ่าน 1587 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Admin

  • แอดมิน
  • เริ่มติด
  • *****
  • กระทู้: 251
  • I'm sociopath. I don't have feelings.
เกินห้ามใจ ตอนที่ 19
« เมื่อ: 22 มกราคม 2014 เวลา 07:44:39 »
ตอนที่ 19

“อ้าว! รินนี่…โธ่! โลกกลมจริงๆ เชียว” พีชญายกมือขึ้นทาบอกพร้อมกับรอยยิ้มขบขันที่ประดับอยู่บนริมฝีปาก

วรินทร์รู้สึกว่าหางคิ้วของตนกระตุกขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ นัยน์ตาคมสวยวาววับจับจ้องไปยังเพื่อนสาวอย่างคาดโทษ

“นั่งสิ รินนี่…มา! มานั่งข้างคุณตรีวิทย์นี่” พีชญาชี้นิ้วไปทางเก้าอี้ตัวดังกล่าวด้วยท่าทางราวกับนางพญา วรินทร์เห็นแล้วนึกอยากจะจับมาเขย่าให้หายจากอาการหน้ามึน ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้นั่น

นรีกมลมองทั้งสองยิ้มๆ ก่อนจะเดินไปนั่งที่ของตัวเอง เธอรู้สึกว่ามีสายตาจับจ้องอยู่ตลอดเวลา ด้วยความสงสัยว่าจะเป็นคนที่คิดไว้ไหมจึงเงยหน้าขึ้นไปมอง และก็เป็นดังคาด เจ้าของนัยน์ตาสีดำสนิทหันหน้าหนีคล้ายไม่อยากสบตา สีหน้าเรียบนิ่งของวรินทร์ไม่อาจคาดเดาได้ว่ารู้สึกเช่นใด รู้แต่เพียงตอนนี้ นรีกมลไม่อาจละสายตาไปจากดวงหน้าสวยคมนั้นได้ เมื่อเธอตระหนักได้ว่า…

นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้เห็นหน้าของอดีตเจ้านาย

นานแค่ไหนแล้วที่ได้แต่นึกถึงใบหน้านี้ในความทรงจำ

นึกแล้วรอยยิ้มก็ถูกระบายบนริมฝีปากบาง

“ขอบคุณที่ไว้ใจบริษัทเรานะคะคุณตรีวิทย์” พีชญาเอ่ยเมื่อทุกคนรับประทานอาหารกันเสร็จแล้ว

“ยินดีอย่างยิ่งครับ”

พีชญาและนรีกมลเดินไปส่งตรีวิทย์ถึงที่จอดรถ วรินทร์ไม่มีเหตุผลให้ต้องนั่งอยู่ที่เดิม จึงลุกขึ้นเดินตามไปสมทบ พอดีกับรถที่เคลื่อนตัวไปพอดี วรินทร์จึงมีโอกาสได้ถามถึงสิ่งที่ตนค้างคาใจ

“พอร์ช นี่มันอะไรกัน ทำไมนรีกมลถึงมาอยู่กับพอร์ช”

“ก็…” พีชญาจิ้มนิ้วที่ปลายคางพลางทำหน้านึก “ไนน์เขาลาออก พอร์ชขาดเลขา ก็เลยชวนมาทำงานด้วยกันเลย ในเมื่อเจ้านายคนเก่าใจร้ายนัก ก็อย่าไปทำงานกับคนแบบนั้นเลย…เนอะ ไนน์ เนอะ”

นรีกมลยิ้มแหยมองเจ้านาย ‘ใจร้าย’ ที่ตวัดสายตามามองเธออย่างคาดโทษ นึกหวาดๆ กับสายตาจนเผลอเดินไปหลบหลังพีชญาอย่างหาที่พึ่ง แม้กระนั้นสายตาที่มองตามมาก็ยังทำให้รู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ได้อยู่ดี นรีกมลอ้ำๆ อึ้งๆ อย่างไม่รู้จะเอ่ยสิ่งใด ใจพลางนึกย้อนถึงเหตุการณ์ในหลายเดือนที่ผ่านมา

หลังจากที่เธอได้คุยกับวรินทร์เป็นครั้งสุดท้ายพร้อมกับคำพูดที่ทิ้งไว้ว่า ‘จะไม่มาให้เห็นหน้าอีก’ นรีกมลก็ไม่อาจตัดใจลาออกจากบริษัทได้ตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก เธอไม่ใจกล้าบ้าบิ่นพอที่จะทำอย่างนั้น จึงต้องมานั่งกลุ้มใจกับปัญหาที่ไม่มีทางออก เธอไม่กล้าปรึกษากับเพื่อนๆ ในที่ทำงาน เพราะทุกคนต่างไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเจ้านายหน้าสวย

จะมีก็เพียงแต่…

นรีกมลยกโทรศัพท์ขึ้นโทรไปหาปลายสายทันที

“สวัสดีค่ะคุณพอร์ช นี่ไนน์เองนะคะ…”

นรีกมลถ่ายทอดเรื่องราวให้คนปลายสายฟังอย่างละเอียด รวมไปถึงความอัดอั้นตันใจ เธอก็ระบายออกมาจนหมด

พีชญาตอบรับกลับมาสั้นๆ พลางบ่นพึมพำเบาๆ แบบจับใจความไม่ได้  ความเงียบเกิดขึ้นร่วมนาที ในที่สุดพีชญาก็เอ่ยคำถามที่กระทบใจคนฟัง

“อยากให้พอร์ชช่วย ใช่ไหมคุณเลขา”

“เอ่อ นะ ไนน์แค่อยากขอคำปรึกษาคุณพอร์ชน่ะค่ะ”

“ก็เหมือนขอให้ช่วยนั่นแหละ” พีชญาถอนหายใจ “จะยอมให้พอร์ชช่วยหรือเปล่า ถ้าเล่นตัวมากเดี๋ยวพอร์ชไม่ช่วยแล้วจะแย่เอานะ”

“ดะ ได้ค่ะ ไนน์จะทำตามที่คุณพอร์ชบอกทุกอย่าง”

“ดีมาก อย่างแรกที่ต้องทำคือยื่นใบลาออกซะ จากนั้นก็…”

นรีกมลทำตามที่พีชญาบอกแม้ว่าจะไม่มั่นใจในแผนการของอีกคนสักเท่าไหร่ แต่ถึงยังไงก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนอกจากจะเชื่อสาวสวยมากเล่ห์อย่างพีชญา

สัปดาห์ต่อมาเธอก็ย้ายมาทำงานที่บริษัทใหม่ ในตำแหน่งเลขานุการของพีชญา ผู้เป็นรองกรรมการผู้จัดการคนใหม่ และเริ่มทำงานในทันที

เจ้านายคนใหม่บอกเพียงว่า…

“คุณเลขาทำหน้าที่ของตัวเองไป เรื่องอื่นเดี๋ยวพอร์ชจัดการให้เอง”

นรีกมลได้แต่พยักหน้าหงึกหงักอย่างไม่กล้าแสดงความคิดเห็น และตั้งคำถามให้อีกฝ่ายรำคาญ จึงได้แต่มองผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นอยู่อย่างเงียบงัน

จนในวันนี้…

…สิ่งที่เคยคาดหวังไว้ก็เป็นจริง

“บอกกันบ้างสิ” วรินทร์เลื่อนสายตามามองเพื่อนสายอย่างตัดพ้อแทน

“ทำไมต้องบอกล่ะ” พีชญากอดอก “พอร์ชจะจ้างใครเป็นเลขา ต้องบอกรินนี่ด้วยเหรอ”

วรินทร์ส่ายหัวอย่างขัดใจ ถึงแม้ว่าจะยอมรับคำพูดของเพื่อนก็ตาม

“ช่างเถอะเรื่องนี้” วรินทร์ตัดบท ก่อนจะหันไปคาดคั้นกับอีกคนแทน “ว่าแต่เธอเถอะ ลาออกจากบริษัทฉันทำไม”

ถามไปวรินทร์ก็ปวดใจตาม เธอนึกกลัวคำตอบที่อีกคนจะตอบเหลือเกิน หากเป็นคำว่าโกรธเกลียดกัน เธอควรจะทำอย่างไรดี

นรีกมลก้มหน้ามองพื้นเมื่อได้ยินคำถาม หญิงสาวเม้มปากแน่นก่อนจะตอบออกมา

“ฉันทำตามที่คุณรินทร์ต้องการไงคะ ไม่อยากเห็นหน้ากันฉันก็จะไป”

“ใครใช้ให้เธอลาออก!” วรินทร์เอ่ยรัวเร็วทั้งยังเสียงดังจนน่าตกใจ พีชญาถึงกับอึ้งจนเลือนรอยยิ้มยียวนไปจนหมด น้ำตาที่เอ่อคลอตรงหน่วยตาบ่งบอกว่าเจ้าของกำลังเจ็บปวดกับความรู้สึกปวดร้าวที่ตีรวนอยู่ในอก

“คุณรินทร์พูดเอง” นรีกมลเอ่ยด้วยเสียงที่สั่นเครือ นัยน์ตาพราวไปด้วยหยาดน้ำตาไม่แพ้กัน “คุณรินทร์พูด…พูดว่าจะทำอะไรก็ตามใจ”

“ก็ใช่ แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องลาออก หนีหน้าหายไปโดยไม่รับผิดชอบความรู้สึกของฉันเลย” วรินทร์ปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มอย่างไม่อาจกลั้นไว้ได้อีกต่อไป

“คุณรินทร์มีคนรับผิดชอบความรู้สึกอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ” นรีกมลสะอื้น

“เธอหมายถึงใคร”

“คนที่คุณบอกว่ารู้สึกดีด้วย”

วรินทร์ปาดน้ำตา เธอยืนนิ่ง รื้อฟื้นความทรงจำอยู่ชั่วครู่

“พี่อัน” วรินทร์ระบายลมหายใจ “ฉันคิดกับคุณหมอแค่พี่สาว”

พีชญาถอยหลังออกมายืนพิงรถด้วยท่าทีสบายๆ สายตาจับจ้องที่คนทั้งสองพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก

“แล้วที่คุณรินทร์กับพี่อันกอดกันในห้อง…”

“ฉันหน้ามืดเพราะความดันโลหิตต่ำต่างหาก” วรินทร์ขมวดคิ้วจนเป็นปม

“ก็ท่าทางคุณสองคนเหมือนกำลังพลอดรักกัน ฉันไม่คิดว่า…”

“ที่หายหน้าไปเพราะเหตุผลนี้ใช่มั้ย เพราะเห็นพี่อันกอดฉัน เพราะฉันบอกว่ารู้สึกดีๆ กับพี่อัน” วรินทร์เอ่ยเสียงอ่อน

ยัยบื้อเอ้ย…

“โง่เง่า โง่เง่าที่สุดเลย” วรินทร์ระบายลมหายใจ ก่อนจะยกยิ้มอ่อนเมื่อเข้าใจเหตุผลสุดแสนจะห่างไกลความเป็นจริงของนรีกมล

สิ่งที่ได้ยินจากปากวรินทร์ทำให้ใจของนรีกมลชุ่มชื้นขึ้นอย่างประหลาด

“รู้ไหม…” วรินทร์เดินเข้าไปใกล้คนที่ยืนมองตาแป๋ว รอยยิ้มสวยถูกประดับที่ริมฝีปากยามเห็นใบหน้าหวานนิ่งอึ้งราวกับประหลาดใจ เมื่อเธอยื่นมือไปเกลี่ยคราบน้ำตาตรงขอบตา “วันนี้ฉันตามหาเธอไปทั่วเลย ทำไมปิดโทรศัพท์ล่ะหืม”

“ตะ ตอนเช้าฉันมีประชุมก็เลย ปะ ปิดโทรศัพท์ จากนั้นก็รีบมาทานข้าวกับลูกค้า เลยลืมเปิดค่ะ” นรีกมลตอบเสียงสั่นๆ เมื่อได้มองดวงหน้าสวยคมใกล้ๆ อีกครั้ง

วรินทร์พยักหน้าอย่างเข้าใจ มือเรียวเลื่อนลงมาจับปลายคางมนให้เชิดขึ้นสบสายตา “เธอนี่นะ ชอบปั่นให้หัวฉันหมุนอยู่ตลอดเวลา ทำให้ฉันวุ่นวายจนไม่เป็นอันทำอะไร”

“ฉันไม่เคยปั่นหัวคุณเลยนะคะ” นรีกมลรีบส่ายหน้าปฏิเสธ

วรินทร์เลิกคิ้ว “แล้วไอ้การที่ส่งข้อความมาหาทุกวัน แล้วอยู่ๆ ก็เลิกส่งเนี่ย ไม่ได้เรียกว่าจงใจปั่นหัว หลอกให้หวังแล้วจากไปหรือไง…ดูเหมือนความพยายามของเธอจะต่ำเกินไปนะ นรีกมล”

“ฉัน…ก็คุณรินทร์ไม่ต้องการมันนี่คะ คุณบอกว่ารำคาญ ไหนจะพี่อันอีก ฉันก็เลยนึกว่าคุณคงจะไม่ต้องการมันอีกแล้ว ฉันคงจะหมดความหมายสำหรับคุณแล้ว”

พูดแล้วก็พาลจะต่อมน้ำตาแตกอีกรอบ นรีกมลพยายามจะเบี่ยงปลายคางออกจากปลายนิ้วเรียวสีน้ำผึ้ง แต่วรินทร์ไม่ยอม หญิงสาวก้มหน้ามองลึกเข้าไปในนัยน์ตาหวานที่เอ่อไปด้วยคราบน้ำตา

“ถ้าเธอหมดความหมาย ฉันคงไม่ถ่อมาหาตัวเธอทั้งวันหรอก” วรินทร์ปล่อยคางอีกฝ่ายให้เป็นอิสระ ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวคนตัวเล็กกว่าอย่างเอ็นดู

“หยุดร้องไห้ได้แล้ว ไม่อย่างนั้น…”

เมื่อเห็นวรินทร์ทำท่าจะทำอะไรล่อแหลมกลางพื้นที่สาธารณะ พีชญาจึงอดกระแอมออกมาไม่ได้

“ไม่อยากจะขัดหรอกนะ แต่บังเอิญว่ามีงานต่อที่บริษัท แล้วก็ต้องใช้งานคุณเลขาด้วย…รินนี่ ขอตัวเลขา ‘ของพอร์ช’ คืนด้วยนะ” ว่าแล้วก็ดึงแขนนรีกมลมาอยู่ข้างตัว ก่อนจะกดรีโมท
คอนโทรล เปิดรถ แล้วดันสาวเจ้าลงไปนั่ง

วรินทร์ส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอกับรอยยิ้มสะใจที่ปรากฏบนใบหน้าของพีชญา ที่เดินนวยนาดไปขึ้นรถยนต์คันหรูประจำตำแหน่งคนขับ

พีชญาเลื่อนกระจกลงมา ก่อนจะกวักมือเรียกวรินทร์เข้าไปใกล้ แล้วเอ่ยกระซิบเป็นประโยคแสนเบาซึ่งได้ยินกันเพียงแค่สองคน

“รินนี่ยังไม่รู้อะไรอีกเยอะ ไว้ว่างก่อนจะเล่าอะไรสนุกๆ ให้ฟัง เชื่อเถอะ รินนี่จะต้องขอบคุณพอร์ช”

พีชญาเอ่ยเพียงแค่นั้นก็เคลื่อนรถออกไป ทิ้งไว้เพียงฝุ่นควัน และความสงสัยที่ก่อตัวขึ้นในใจของวรินทร์

อันนานั่งพิงหลังกับพนักเก้าอี้ ดวงตาเรียวเล็กปิดลงอย่างเหนื่อยล้า ว่างเป็นไม่ได้ บทสนทนาระหว่างเธอกับวรินทร์ก็มักจะตีวนเข้ามาในหัวให้ได้ฟุ้งซ่านอยู่ร่ำไป

…สิ่งพีชญามาพูดกับเธอนั้นถูกต้องทุกอย่าง

“ตั้งแต่วันนั้น พี่อันก็รู้ใช่ไหมคะว่ารินนี่มีใครบางคนอยู่แล้วในใจ พอร์ชรู้จักเพื่อนของพอร์ชดี ถ้ารินนี่รักใครก็จะปักใจกับคนๆ นั้นจนกว่าเวลาจะเยียวยารักษาให้ลืมไปได้ แต่ท่าทางจะยากค่ะ กับคนๆ นี้ เล่นทำให้ฝังใจ ทั้งรักทั้งแค้นขนาดนี้ พอร์ชว่าพี่อันคงไม่อยากเห็นรินนี่ซึมเศร้าไปกว่านี้แน่ ได้ข่าวว่าไปดื่มทุกวัน ทำงานหามรุ่งหามค่ำ นอนก็ไม่ได้นอน เรื่องนี้พี่อันน่าจะรู้ดีกว่าพอร์ชอีกนะคะ คุณแม่พี่คงบอก”

พีชญาลุกออกจากเก้าอี้ ทำท่าจะเดินออกไปนอกประตู แต่ก็ไม่วายเอ่ยย้ำให้คนฟังต้องคิดหนัก

“พอร์ชเชื่อว่าพี่อันเป็นคนดีแล้วก็หวังดีกับรินนี่จากใจจริง ลองกลับไปตรองดูนะคะ อ้อ! มีอีกอย่าง ความรักของพอร์ช…คือการได้เห็นคนที่เรารักมีความสุขค่ะ”

อันนานึกแล้วริมฝีปากบางเฉียบก็บิดเป็นรอยยิ้มปลอบใจตนเอง

ลงทุนถึงขนาดยอมมาเป็นผู้ป่วย เพื่อมาคุยกับเธอที่โรงพยาบาล น่านับถือในความเป็นเพื่อนที่แสนดีจริงๆ

ทำแบบนี้…ไม่รู้สึกปวดใจบ้างหรือไงพีชญา

“คุณหมอคะ คนไข้รายใหม่กำลังจะเข้าไปค่ะ” เสียงพยาบาลหน้าดังเข้ามาขัดภวังค์ความคิดของอันนา

“เชิญค่ะ”

คนเป็นหมอตัดเรื่องราวฟุ้งซ่านในหัวออก ก่อนจะสูดลมหายใจหันกลับมาสนใจคนไข้ที่เดินเข้ามา เด็กสาววัยใกล้ยี่สิบปีในชุดนักศึกษาเดินจับบริเวณหน้าอกเข้ามานั่งตรงข้ามกัน ดวงหน้าธรรมดาภายใต้กรอบผมสีน้ำตาลเข้มแลดูซีดเผือด

“คุณมธุรส ใช่ไหมคะ”

เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้ายืนยัน อันนาจึงรวบรวมสมาธิก่อนจะส่งยิ้มอ่อนโยนให้กับคนไข้รายใหม่อย่างที่ทำเป็นประจำทุกที





 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.