web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 440
Most Online Ever: 440
(วันนี้ เวลา 03:05:22)
Users Online
Members: 0
Guests: 355
Total: 355

ผู้เขียน หัวข้อ: เกินห้ามใจ ตอนที่ 17  (อ่าน 1419 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Admin

  • แอดมิน
  • เริ่มติด
  • *****
  • กระทู้: 251
  • I'm sociopath. I don't have feelings.
เกินห้ามใจ ตอนที่ 17
« เมื่อ: 22 มกราคม 2014 เวลา 07:42:42 »
ตอนที่ 17

ผู้หญิงร่างผอมสูงใบหน้าไม่คุ้นตาที่เดินตามหลังภาคินเข้ามาภายในห้องประชุมทำให้วรินทร์ต้องหรี่สายตามองเผื่อว่าตนจะดูผิด
ใครกัน? ไม่ยักจะคุ้นหน้า…แล้วนรีกมลไปไหน?

วรินทร์ครุ่นคิดอยู่ได้เพียงไม่นาน ผู้ร่วมประชุมทุกคนก็เข้าประจำที่นั่งเรียบร้อย หญิงสาวจึงจำใจละเรื่องนรีกมลไว้ทีหลังแล้วเอ่ยคำทักทายเป็นอย่างแรกก่อนจะเปิดประเด็นเข้าสู่หัวข้อการประชุม

แค่เริ่มต้นบรรยากาศก็ตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด ผู้ร่วมประชุมมองหน้ากันอย่างเลิ่กลั่กเพราะดูเหมือนวันนี้ประธานบริษัทของพวกเขาจะอารมณ์ไม่สู้ดีนัก น้ำเสียงทุ้มกังวานเอ่ยอย่างรวดเร็วและเด็ดขาดตำหนิงานของฝ่ายผลิตที่ยังไม่คืบหน้า ทำเอาหัวหน้าฝ่ายท่านนั้นถึงกับหน้าซีดเผือดเอ่ยระล่ำระลักเป็นการใหญ่

วรินทร์มองชายวัยกลางคนผู้นั้นก่อนระบายลมหายใจพลางระงับโทสะในอก ใบหน้างามเรียบตึงประกอบกับหัวคิ้วที่ขมวดแน่น ทำเอาทุกคนในห้องได้แต่ปิดปากเงียบ ไม่มีใครกล้าเอ่ยคำออกมาแต่ประการใด

หลายชั่วโมงผ่านไปการประชุมที่แสนจะตึงเครียดก็สิ้นสุดลง ยังไม่ทันที่ภาคินจะได้ก้าวขาพ้นธรณีประตู วรินทร์ก็ก้าวฉับๆ มาดักอยู่ตรงหน้า ถึงดวงหน้างามจะเรียบนิ่งจับอารมณ์ไม่ออก แต่ดวงตาสีนิลที่ตวัดไปมองหญิงสาวข้างตัวชายหนุ่มก็บ่งบอกอะไรหลายอย่าง ภาคินเลิกคิ้วกับปฏิกิริยานั้น

ท่าทีที่ดูไม่ทุกข์ร้อนของลูกพี่ลูกน้องหนุ่ม ทำให้คนที่กำลังร้อนใจด้วยความอยากรู้นึกอยากจะฟาดฝ่ามือใส่ต้นแขนแกร่งนั่นสักป๊าบสองป๊าบ

“พี่เปลี่ยนเลขาแล้วเหรอ” วรินทร์ถามพลางเบี่ยงหน้าไปทางอื่น ทำคล้ายกับว่าคำถามที่ถูกเอ่ยออกไปไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญเท่าใด

“ใช่”

สิ้นคำตอบวรินทร์ก็สะบัดหน้ามามอง พร้อมคิ้วเรียวสวยที่ขมวดแน่นจนเป็นปมยุ่งเหยิง

“ทำไมคะ?”

“ไม่รู้สิ” ภาคินลูบคางพลางทำหน้านึก “นรีกมลยื่นใบลาออกเมื่อสองสามวันที่แล้ว ดูเหมือนเธอจะมีปัญหาคับข้องใจบางอย่าง พี่ถามแล้วก็เอาแต่เงียบ”

“เหรอคะ”

“เป็นอะไรหรือเปล่า หน้าซีดเชียว”

“เปล่าค่ะ ไม่ได้เป็นอะไร” วรินทร์ยิ้มบางให้ชายผู้พี่ “งั้นรินทร์ขอตัวก่อนนะคะ ตอนบ่ายมีนัดกับลูกค้า”

“ดูแลตัวเองด้วยนะรินทร์”

ภาคินมองตามหลังไปด้วยตาแสดงความห่วงใย เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วหันไปสั่งงานหญิงสาวข้างตัว เลขาคนใหม่ตอบรับสั้นๆ ก่อนจะเดินจากไป

เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นดังแปลกไปจากเสียงฝีเท้าของเลขาของเขา ภาคินจึงมองหาที่มา ไล่ตั้งแต่รองเท้าส้นสูงสีแดงเพลิงมายังชุดเดรสตัวสั้นสีเดียวกัน ก่อนจะเจอะกับใบหน้าที่ตกแต่งเสียเฉียบคมรับกับผมสีบรอนด์คาราเมล

ภาคินพ่นลมออกทางจมูกพร้อมกับเอ่ยชื่อผู้มาเยือนอย่างเบื่อหน่าย

“พีชญา”



“อิ่มแล้วเหรอคะ”

วรินทร์ยิ้มบางให้กับคนตรงหน้า มือเรียวหยิบผ้าที่คลุมอยู่บนตักขึ้นมาเช็ดริมฝีปากเป็นการบอกเป็นนัย

“ทำไมเหรอคะ อาหารร้านนี้ไม่ถูกปากหรือเปล่า” อันนาถาม

“เปล่าค่ะ”

“แล้วทำไมถึงกินแค่คำสองคำเองล่ะคะ กินอย่างนี้ไม่ดีต่อสุขภาพนะ”

“รินทร์ไม่ค่อยหิวน่ะค่ะ”

อันนามองวรินทร์อย่างพิจารณา “มีปัญหาอะไรก็บอกพี่ได้นะ”

วรินทร์ส่ายหน้า “ไม่มีปัญหาอะไรหรอกค่ะ แค่เครียดเรื่องงานนิดหน่อย”

วรินทร์ลอบถอนลมหายใจเมื่ออันนาไม่ได้ถามอะไรต่อ เธอรู้ว่าคนตรงหน้ายังติดใจ แต่จะทำยังไงได้ เธอยังไม่อยากบอกเรื่องนี้กับใครนอกจากพีชญา ซึ่งตอนนี้ก็หายหน้าไปเป็นอาทิตย์ โทรไปก็บอกว่ายุ่งตลอด พีชญาบอกแค่ว่ากำลังศึกษางานจากแด๊ดอยู่ วรินทร์ได้ยิงอย่างนั้นก็ไม่อยากจะเล่าปัญหาของตนให้เพื่อนสาวฟังเพราะกลัวสาวเจ้าจะเสียสมาธิไม่เป็นอันทำงานทำการ ตอนนี้ตัวเธอจึงได้แต่กังวลและว้าวุ่นใจอย่างไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี…คิดแล้วมือเรียวก็คว้าโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเช็คข้อความ

หัวใจสั่นไหวยามเมื่อเห็นว่าทุกอย่างว่างเปล่า ไม่มีข้อความใหม่จากเบอร์ที่คุ้นเคย ไม่รู้ทำไมวรินทร์ถึงเปิดอ่านข้อความเก่าๆ ให้เจ็บช้ำไปยิ่งกว่าเดิม

ไล่ไปทีละข้อความ ทีละข้อความ…จนถึงข้อความสุดท้าย

แล้ววรินทร์ก็คิดขึ้นมาได้ว่า ต่อจากนี้ถ้าไม่ได้เจอนรีกมลอีกเธอจะเป็นอย่างไร จะทำใจได้ไหมหากต้องคิดว่าคนๆ นั้นไม่เคยมีตัวตน เป็นเพียงสายลมที่พัดผ่านไป

และถึงแม้หากได้เจอกันอีกครั้ง วรินทร์ก็คงเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้า เป็นคนที่นรีกมลเคยรู้จักและไม่หลงเหลือความรักให้อีกต่อไปแล้ว

ไม่รู้ทำไมน้ำตาถึงได้ไหลออกมา วรินทร์กำโทรศัพท์ในมือแน่นแล้วเริ่มสะอื้นออกมา ความเข้มแข็งที่เคยมีได้พังทลาย หัวใจบีบรัดหนักหน่วงจนต้องยกมือขึ้นมากุมเอาไว้ เธอร้องไห้โดยไม่สนใจคนมากมายที่อยู่รอบกาย ไม่สนใจว่าพวกเขาจะมองเธอแบบไหน ขอเพียงตอนนี้…ขอเพียงให้เธอได้ระบายความเจ็บปวดนี้ออกมา

“น้องรินทร์!”

อันนาตกใจที่อยู่ดีๆ วรินทร์ก็ร้องไห้ออกมา เธอไม่เคยเห็นวรินทร์ในมุมนี้มาก่อน ไม่นึกว่าผู้หญิงที่เข้มแข็งจะอ่อนแอราวกับแก้วที่เปราะบางได้ขนาดนี้

อันนาเดินอ้อมโต๊ะมาคว้าร่างคนที่ร้องไห้จนตัวโยนไปโอบกอด แรงสะอื้นที่ลำตัวทำให้อันนาต้องกัดริมฝีปากตนเองจนจ้ำแดงแล้วยกมือข้างหนึ่งขึ้นลูบศีรษะหมายปลอบประโลม

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรที่ทำให้หญิงสาวในอ้อมกอดร้องไห้โดยไม่แคร์สายตาผู้คนรอบกาย อันนาไม่อยากจะรู้…

ขอแค่ ณ ตอนนี้ที่เธอได้เป็นคนที่ดูแลและปกป้องวรินทร์ก็พอ

“หยุดดื่มได้แล้วนะ เดี๋ยวก็เมากันพอดี”

วรินทร์ละสายตาจากน้ำเมาสีสวยในแก้วใสเนื้อดีมาสบตาคนพูด อันนารู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองเห่อร้อนขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้สบนัยน์ตาสีดำสนิทที่เยิ้มพราวล้อกับแสงไฟ แต่อันนาก็ตีสีหน้านิ่งราวกับไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวใดๆ แม้แต่น้อย

“เมาก็ดีสิคะ จะได้ลืมเรื่องที่ไม่อยากจำ” วรินทร์เหยียดยิ้ม “ทำไมกันคะพี่อัน ทำไมเรื่องดีๆ คนเราถึงไม่จำ แต่กับไอ้เรื่องแย่ๆ ถึงจำได้ไม่ลืมราวกับม้วนเทปที่เล่นซ้ำอยู่ในสมอง รินทร์จำได้ด้วยซ้ำว่าตอนนั้นรู้สึกอะไรบ้าง จำได้ด้วยซ้ำว่าเจ็บปวดแค่ไหน”

“พอจะเล่าให้พี่ฟังได้ไหมคะ เผื่อพี่จะช่วยอะไรน้องรินทร์ได้บ้าง”

“มันคงช่วยอะไรไม่ได้แล้วค่ะ คนๆ นั้นเขาไม่อยู่แล้ว รินทร์แก้ไขทุกอย่างให้ดีขึ้นไม่ได้แล้ว” ว่าจบวรินทร์ก็กระจกน้ำสีสวยจนหมดแก้ว ฤทธิ์แอลกอฮอล์กัดให้รู้สึกร้อนในลำคอจนใบหน้าเหยเก

“พี่รู้จักคนๆ นั้นไหม”

วรินทร์ชะงักไปเล็กน้อย หญิงสาวไม่ตอบแต่กลับหันไปสั่งเหล้าเพิ่มจากบาร์เทนเดอร์

“พี่อันไม่ดื่มเหรอคะ”

“พี่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์น่ะ”

วรินทร์พยักหน้า “ดีจังนะคะ ถ้าได้พี่อันเป็นแฟนต้องมีความสุขมากๆ แน่ๆ เลย”

ใจของอันนาเต้นเป็นจังหวะรัวเร็วราวกับกระหน่ำกลอง ไม่ว่าที่วรินทร์พูดเช่นนั้นจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ จะด้วยเหตุผลหรือกลใดก็ตาม

แต่นาทีนี้…นาทีที่ได้มองดวงหน้าสวยจากด้านข้าง นั่งใกล้กันจนเรียวแขนนั้นเสียดสีกันจนรู้สึกถึงความร้อนจากร่างกายอีกคน

“น้องรินทร์เคยชมพี่ทีหนึ่งแล้วนะ อย่ามายอกันนักสิ”

วรินทร์หัวเราะพลางรับแก้วจากบาร์เทนเดอร์มาแกว่งเล็กน้อย “รินทร์คิดอย่างนั้นจริงๆ นะ”

นิ้วเรียวยาวสีน้ำผึ้งเคาะแก้วใบสวยเป็นจังหวะตามจังหวะการเต้นหัวใจของอันนาไม่ผิดเพี้ยน

เมื่อไม่มีใครพูดอะไรกัน ความเงียบทำให้ความคิดในหัวอันนาที่เคยกระจัดกระจายได้กลับมารวมกัน คนเป็นหมอลอบมองใบหน้าสวยคมอยู่เป็นระยะจนคนถูกมองต้องหันมาสายตาพร้อมกับเลิกคิ้วข้างหนึ่งราวกับจะถาม

“เหงื่อออกเยอะจัง ร้อนเหรอคะ”

วรินทร์ล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาบรรจงเช็ดที่ใบหน้าขาวจัดราวหิมะ  อันนานั่งตัวแข็งอย่างทำอะไรไม่ถูกเมื่อเจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ตอนนี้ในหัวสมองเธอนั้นโหวงเหวงว่างเปล่าจนคิดอะไรไม่ออก

ความเอาใจใส่ของวรินทร์ทำให้อันนาอยากคิดเข้าข้างตัวเอง แต่เมื่อคิดว่าวรินทร์อาจจะทำแบบนี้กับคนทุกคน ก็ทำให้หัวใจที่พองโตหดฟีบลงอย่างช่วยไม่ได้

“น้องรินทร์ใจดีอย่างนี้เสมอเลยเหรอคะ” อันนาถามเมื่ออีกคนละมือออกจากใบหน้าเธอ

รอยยิ้มที่อ่านไม่ออกถูกเผยออกมา พร้อมกับประกายตาที่เศร้าหมองราวกับเจ้าตัวจมลึกไปในเรื่องราวบางอย่างที่อันนาไม่สามารถเข้าถึง “ไม่ค่ะ รินทร์น่ะใจร้าย…ใจร้ายมากๆ เลยล่ะ”

“พอได้แล้วนะน้องรินทร์” อันนาคว้าข้อมือคนที่กระดกเหล้าเข้าปากไปอีกแก้ว

วรินทร์ส่ายหน้าแล้วสั่งเหล้ามาเพิ่มอีก อันนาจึงพ่มลมหายใจไปกับความดื้อรั้นของวรินทร์ เลยได้แต่นั่งมองเจ้าตัวกระดกเหล้าเข้าปากแก้วแล้วแก้วเล่าอย่างไม่รู้จะห้ามอย่างไร

“รินทร์!”

พีชญาถลาเข้ามานั่งคุกเข่ามองหน้าเพื่อนสาวที่นอนเมามายอยู่บนโซฟาตัวยาว อันนายิ้มบางมองพีชญาตบแก้มคนเมาซ้ายขวาหวังเรียกสติ แล้วจึงเดินมาทรุดนั่งลงข้างกัน

“พี่ห้ามแล้วนะ แต่น้องรินทร์น่ะดื้อ” อันนาเอ่ยอย่างติดกังวล “ดีที่ยังมีสติบอกทางกลับคอนโดได้”

“ค่ะ พอร์ชเข้าใจดี รินนี่น่ะดื้อที่สุดเลย” พีชญาลงฝ่ามือไปที่แก้มขวาของวรินทร์แรงขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

อันนาลุกขึ้นผละออกไปแต่พีชญาไม่ได้สนใจแต่อย่างใด เพราะตอนนี้คนเมาเปิดปากตะโกนโหวกเหวกฟังไม่ได้ศัพท์ ส่วนมือก็ปัดป่ายไปมาจนพีชญาต้องยึดแขนทั้งสองข้างเอาไว้ พีชญาสบนัยน์ตาดำขลับที่ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้ส่อประกายวาววับและเชื่อมหวานอย่างน่าประหลาด

“สายตาอย่างนี้ใช้ไม่ได้ผลกับพอร์ชหรอกนะ” พีชญาเอ่ยเสียงแผ่ว แล้วดันไหล่ให้คนเมาลงไปนอนบนโซฟาดีๆ

“เช็ดหน้าเช็ดตาน้องรินทร์หน่อยดีกว่า น้องพอร์ชหลบมาหน่อยค่ะ เดี๋ยวพี่…”

“ส่งกะละมังมาเถอะค่ะ พอร์ชเช็ดเองดีกว่า” พีชญากล่าวตัดประโยคของอันนาโดยใช้น้ำเสียงปกติ อันนาจึงจำใจต้องวางกะละมังลงข้างตัวหญิงสาวแล้วทรุดตัวลงนั่งข้างๆ แทน

“ทำไมถึงโทรเรียกพอร์ชมาล่ะคะ” ประโยคคำถามสั้นๆ แต่ทำเอาอันนาต้องนั่งคิดคำตอบอยู่นานสองนาน

“ก็…น้องพอร์ชน่าจะดูแลน้องรินทร์ได้ดีกว่าพี่”

คำตอบจากอันนาเรียกรอยยิ้มที่มุมปากของพีชญา

“แต่พี่อันเป็นหมอนะคะ พอร์ชจะไปดูแลรินทร์ได้ดีกว่าพี่ได้ยังไง” พีชญาสบตาคู่สนทนาแล้วหันไปเช็ดหน้าวรินทร์ต่อ

“หมายถึงในแง่ความรู้สึกน่ะค่ะ พี่แทบไม่รู้เลยว่าน้องรินทร์มีปัญหาอะไร เพราะเจ้าตัวไม่ยอมเปิดปากพูดเลย ที่บอกก็มีแค่เรื่องงาน”

“เรื่องงาน?” พีชญาทวนคำก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ “ก็จริงของเขานะคะ”

อันนาหรี่ตามองพีชญาที่ยังคงรอยยิ้มประดับมุมปากตลอด คำตอบชวนสงสัยสร้างความหงุดหงิดให้แก่เธอ

“ที่พี่อันโทรเรียกพอร์ชมา เป็นเพราะพี่อันไม่ไว้ใจตัวเองใช่ไหมคะ”

คำถามที่จู่ๆ ก็ถูกเอ่ยออกมา แทงทะลุใจคนฟังได้อย่างน่าประหลาด

“อะไรกันน้องพอร์ช พี่ไม่เข้าใจ”

พีชญาหยุดมือที่กำลังเช็ดหน้าวรินทร์ แล้วหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับคุณหมอที่ยังตีสีหน้านิ่งอยู่ ทั้งที่ประกายตาในดวงตาเรียวยาวนั้นวูบไหวจนสังเกตได้ชัด

“นะ ไนน์”

อันนาที่กำลังลุ้นว่าพีชญาตั้งใจจะพูดอะไร ก็ต้องเบนความสนใจมาที่คนเมาบนโซฟา วรินทร์ขมวดคิ้วแน่นเริ่มปัดป่ายมือไปมาอีกครั้ง ริมฝีปากแดงกล่ำขยับเอ่ยคำสั้นๆ ซ้ำๆ กันอยู่คำเดียว

“ไนน์” พีชญาเอ่ยตามแล้วหัวเราะอย่างขบขัน “เพ้ออะไรแปลกๆ นะเพื่อนฉัน”

พีชญาชำเลืองมองคุณหมอข้างตัวเล็กน้อย แล้วเริ่มเช็ดตัววรินทร์ต่อ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้รับความร่วมมือสักเท่าไหร่ พีชญาถลึงตาใส่คนเมาที่ยึดข้อมือเธอไว้แน่น

“เธอหายไปไหนมา”

“พอร์ชบอกแล้วไงว่าไปช่วยแด๊ดทำงาน” พีชญาพยายามแงะมือปลาหมึกออก

“เธอจะทิ้งฉันไปเหรอ” น้ำที่เอ่อคลอเต็มหน่วยตาทำคนที่ยังสติดีอยู่ทั้งสองทำอะไรไม่ถูก

ในที่สุดพีชญาก็หาเสียงของตัวเองเจอ “จะทิ้งรินนี่ไปได้ยังไง”

สิ้นคำริมฝีปากของวรินทร์ก็แย้มพรายเป็นรอยยิ้มกว้าง พีชญาอุทานเบาๆ เมื่อมองตามมือของตัวเองที่ถูกเพื่อนสาวกอบกุม ความร้อนจากมือวรินทร์แผ่เข้ามาที่มือของเธอจนรู้สึกได้

“จริงๆ นะ เธอจะไม่ทิ้งฉันไปไหนใช่ไหม…

ใช่ไหม…นรีกมล”

อันนารู้สึกชาวาบไปทั้งร่าง มือทั้งคู่เย็นเฉียบจนต้องเคลื่อนมาสอดบีบกัน สายตาจับจ้องคนเมาที่ยังคงเพ้ออีกสามสี่ประโยคแล้วก็หลับตาพริ้มพร้อมกับรอยยิ้มที่ยังคงประดับในหน้า

“พี่กลับก่อนนะ”

อันนาเอ่ยและผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจว่าพีชญาจะว่าอย่างไร ทันทีที่ออกมาจากห้องหน้ากากแห่งความสงบนิ่งที่สร้างเอาไว้ก็มลายหายไป อันนาพิงหลังกับประตูแล้วหลับตาลงอย่างอ่อนล้า ความรู้สึกในห้วงลึกของจิตใจจมดิ่งจนยากที่จะหาอะไรมาฉุดรั้งให้ดีขึ้น

ถึงแม้จะเคยเจ็บปวดกับความรักมาหลายต่อหลายครั้ง แต่น้ำตาที่รื้นอยู่ตรงขอบตากลับบอกได้ว่าตัวเธอยังคงไม่ชินชาจนสามารถทานทนกับความรู้สึกเหล่านี้ได้ ไม่ต้องให้ความสำคัญและพยายามเดินหน้าต่อไปทั้งที่ความหวังที่เคยมีแทบจะกลายเป็นศูนย์

ความพยายามก่อนหน้าที่หลอกตัวเองว่าเรื่องของวรินทร์กับนรีกมลเป็นแค่ลางสังหรณ์และการคาดเดาที่ยังหาหลักฐานมาชี้วัดว่าเป็นจริงไม่ได้ อันนาไม่อยากจะให้เรื่องเหล่านี้มาบั่นทอนความรู้สึก

ริมฝีปากบิดโค้งเป็นรอยยิ้มแค่นรอยหนึ่งเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า

เหตุการณ์เพียงไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาที่ทำให้เธอมีความสุขอยู่เพียงชั่วครู่

…ทุกอย่างเธอคิดไปเองทั้งนั้น

อันนาบอกตัวเองขณะตัดใจก้าวห่างออกมาจากห้องของวรินทร์ จากที่นึกเคืองเจ้าของห้องอยู่ชั่วครู่เพราะการกระทำที่ไม่ชัดเจน อันนารู้ว่าวรินทร์ทราบว่าตนคิดยังไงกับตัวเอง แต่การไม่เอ่ยปฏิเสธของวรินทร์เท่ากับเป็นการทำร้ายเธอทางอ้อม ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาที่เธอเทียวเข้ามาห่วงหา คอยดูแล โดยอ้างเรื่องนั่นเรื่องนี่ตลอด ทั้งเรื่องแม่ของเธอหรือจะเรื่องสุขภาพของวรินทร์ รู้ตัวอีกทีการได้เห็นดวงหน้าสวยก็ถือเป็นความสุขของเธอแล้ว ทุกอย่างที่เป็นวรินทร์ทำให้เธอถลำลึกในห้วงเสน่หาจนถอนตัวไม่ขึ้น

สิ่งที่เจ็บปวดที่สุด คือการที่อีกฝ่ายไม่เคยคิดอะไรเกินเลยแม้แต่น้อย แต่เธอกลับคิดว่าวรินทร์รู้สึกดีกับตัวเอง จินตนาการไปว่าเราสองคนคิดตรงกัน

ทั้งที่ความจริงแล้ววรินทร์มีใครอีกคนในใจ

อีกคนที่มาก่อน

อีกคนที่ทำให้ต้องเจ็บปวดจนลืมไม่ได้

อันนาเช็ดน้ำตาตรงข้างแก้ม เธอเรียกความมั่นใจกลับมาเมื่อคิดถึงเรื่องบางอย่างได้ หญิงสาวกลืนก้อนแข็งๆ ในลำคอก่อนจะแค่นยิ้มพร้อมกับพ่มลมหายใจออกมาอย่างเสียไม่ได้

อันนาหมายมาดไว้ในใจ…

ถ้าเธอไม่กลับมาดูแลหัวใจของวรินทร์ให้ดีๆ ฉันจะขอรับหน้าที่เป็นคนเยียวยารักษาหัวใจดวงนี้ให้เอง รับรองว่าจะไม่บกพร่องในหน้าที่ และจะไม่ทำให้ดวงใจที่แสนเปราะบางดวงนี้ชอกช้ำเป็นอันขาด

สัญญาด้วยเกียรติของฉันเลย…นรีกมล





 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.