web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 440
Most Online Ever: 440
(วันนี้ เวลา 03:05:22)
Users Online
Members: 0
Guests: 369
Total: 369

ผู้เขียน หัวข้อ: เกินห้ามใจ ตอนที่ 9  (อ่าน 1268 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Admin

  • แอดมิน
  • เริ่มติด
  • *****
  • กระทู้: 251
  • I'm sociopath. I don't have feelings.
เกินห้ามใจ ตอนที่ 9
« เมื่อ: 22 มกราคม 2014 เวลา 07:32:57 »
ตอนที่ 9

นรีกมลมองตามร่างบางของพีชญาที่เดินเข้าไปในห้องทำงานของเจ้านายเธอเสียดื้อๆ ถ้าหญิงสาวไม่ติดสายโทรศัพท์คงเอ่ยปากปรามไปแล้ว
เสียงของแข็งลากกับพื้นดังขึ้นพอดีกับนรีกมลที่เพิ่งวางสายหลังสนทนาเสร็จ พีชญาลากเก้าอี้มาหน้าโต๊ะทำงานของเธอ ก่อนจะนั่งแหมะอยู่ตรงนั้นพร้อมส่งรอยยิ้มหวานมาให้

“ไม่ต้องมองพอร์ชด้วยสายตาแบบนั้นหรอกค่ะ แค่แวะมาคุยแก้เหงาเท่านั้นเอง”

นรีกมลได้แต่ยิ้มแหยอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดี ใจก็กลัวว่าหากภาคินกลับมาแล้ว จะเห็นว่าพีชญาบุกรุกเข้าไปในห้องทำงานพร้อมกับเคลื่อนย้ายข้าวของ คนเป็นเลขาอย่างเธอจะโดนตำหนิข้อหา
ไม่รู้จักห้ามปรามสาวเจ้าหรือเปล่า

“เมื่อกี้พี่ภัทรคงรบกวนคุณเลขาน่าดู อย่าไปถือสาพี่แกเลยนะคะ”

“ไม่ได้รบกวนอะไรเลยค่ะ”

“อืม” พีชญาเคาะนิ้วกับโต๊ะเป็นจังหวะ “คุณเลขาไม่อยากรู้ ว่าพี่ภัทรมาหารินนี่ทำไมเหรอคะ”

นรีกมลส่ายหัวให้เป็นคำตอบ

“ว้า…ไม่อยากรู้ แต่ถึงอย่างนั้นพอร์ชก็จะบอก” นรีกมลมองคนตรงหน้าที่หัวเราะคิกคักเสียงใสอย่างไม่เข้าใจ

“พี่ภัทรเขามาจีบรินนี่ คุณเลขาไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอคะ”

คนตัวเล็กได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า “ก็ดีนี่คะ ดูเหมาะสมกันดี”

พีชญาสบนัยน์ตาหวานคู่นั้นอย่างค้นหา “แล้วไหนคุณเลขาถึงมาบอกชอบเพื่อนของพอร์ชล่ะคะ เฮ้อ! ถ้ารินนี่มาได้ยินอย่างนี้คงเสียใจน่าดู”

“คุณพอร์ชรู้ได้ยังไง!” นรีกมลเบิกตากว้างมองคนตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ “คุณวรินทร์บอกคุณเหรอคะ”

“รินนี่บอกพอร์ชทุกอย่าง” พีชญาระบายยิ้มเต็มใบหน้า “ทุกๆ เรื่องที่คุณทำ”

นรีกมลนั่งนิ่งค้าง พาลนึกโกรธวรินทร์ที่ไปบอกเรื่องน่าอายแบบนี้ให้คนอื่นฟังได้ยังไง

“เห็นอย่างนี้แล้ว พอร์ชเชียร์รินนี่กับพี่ภัทรยังจะดีซะกว่า”

“อย่านะคะ!” นรีกมลเผลอตะโกนเสียงดัง นัยน์ตาหวานแข็งกร้าวขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

“โอ้มายก๊อด! พอร์ชแค่พูดเล่นเองนะ” พีชญายกมือทาบอก สีหน้าสีตาตกใจซะจนคนมองรู้สึกผิด

“ขะ ขอโทษค่ะ” คนตัวเล็กก้มหน้าพลางเอ่ยเสียงแผ่ว

ทั้งสองปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุม พีชญามองหน้าอดีตเลขาของเพื่อนที่ยังนั่งก้มหน้าโดยไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตาคู่สนทนา นัยน์ตาที่จับจ้องคนตัวเล็กนั้นนิ่งสนิท…นิ่งจนเกือบจะเป็นเย็นชา

“คุณเลขาเลิกกับแฟนแล้วใช่ไหมคะ”

นรีกมลได้ฤกษ์เงยหน้าขึ้นมาตอบคำถาม “ใช่ค่ะ คุณรินทร์บอกคุณสินะคะ”

พีชญาไม่ตอบ ริมฝีปากสวยยังเอื้อนเอ่ยต่อไป

“พี่ภัทรบอกว่า…” หญิงสาวลากเสียง พลางใช้สายตามองสีหน้าคนฟังไปด้วย “…รู้จักกับแฟนเก่าของคุณ เห็นว่าเป็นเพื่อนสนิทกัน”

“คุณภัทรพลพูดแบบนั้นเหรอคะ” นรีกมลขมวดคิ้วมุ่น

พีชญาพยักหน้ายิ้มๆ แล้วเอ่ยต่อ “ไม่ยักรู้ว่าคุณเลขารู้จักพี่ภัทรมาก่อน”

“ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวหรอกค่ะ” นรีกมลรีบปฎิเสธ หัวสมองแล่นหาคำพูดต่อเร็วจี๋ “เคยได้ยินคนรักเก่าพูดว่าคุณภัทรพลเป็นเพื่อนในกลุ่มของเขาน่ะค่ะ”

“อ๋อ เป็นอย่างนี้นี่เอง”

นรีกมลมองหน้าคนพูดที่ยังคงยิ้มอยู่อย่างนั้น…รอยยิ้มที่หวานจนเกินเหตุ

“มีอะไรหรือเปล่าคะ”

พีชญาส่ายหน้า “แค่อยากรู้จักคุณเลขา คนที่รินนี่ชอบให้มากขึ้นน่ะค่ะ จะได้แสกนดูว่าผ่านหรือไม่ผ่าน”

“แล้วผ่านมั้ยคะ” นรีกมลมองพีชญาที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้พร้อมกับรอยยิ้มหวาน

“ขอเก็บไปพิจารณาก่อนแล้วกัน” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นยืนฉับจนคนมองตกใจ “ไว้วันหลังที่ได้เจอกัน พอร์ชจะบอกนะคะ”

พีชญายิ้มหวานให้อีกทีก่อนจะเดินนวยนาดจากไปอย่างไม่บอกไม่กล่าว ปล่อยให้คนมองต้องนั่งขบคิดอย่างวุ่นวายใจกับบทสนทนาที่ผ่านมา

…คราวนี้พีชญามาแปลก

หันกลับไปสนใจงานได้เพียงครึ่งชั่วโมง เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นขัดจังหวะ นรีกมลมองชื่อคนที่โทรเข้ามา เธอกดรับสายพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก

“ว่าไงคะคุณเพื่อนสนิทของแฟนเก่า”

“ไนน์…” ภัทรพลถอนหายใจอย่างหนักหน่วงจนคนฟังฝั่งนี้ยังได้ยิน “รายนั้นไปคุยกับไนน์แล้วสินะ”

“ขี้ขลาดจังนะคะ” นรีกมลว่าอย่างเจ็บแสบ “พี่ภัทรกลัวคุณรินทร์จะระแวงเรื่องระหว่างเราหรือไง”

คนปลายสายนิ่งไป ก่อนจะพยายามเบี่ยงประเด็น “บอกได้รึยังว่าคนที่รินทร์ชอบเป็นใคร”

“ไม่ใช่ชอบหรอกค่ะ” นรีกมลมองข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “คุณรินทร์น่ะ รักเขาคนนั้นไปแล้ว”

“ไนน์พูดว่าอะไรนะ พี่ไม่ได้ยิน”

“ช่างเถอะค่ะ! ว่าแต่ไปคุยกับคุณพอร์ชตั้งนานสองนาน เขาไม่ยอมบอกพี่ภัทรเหรอคะว่าเป็นใคร หมดหนทางแล้วถึงได้กลับมาคาดคั้นกับไนน์”

“ใช่!” ปลายสายรับคำง่ายๆ “พอร์ชรักเพื่อนจะตาย บอกให้พี่ไปถามจากเจ้าตัวเอง ทำอย่างกับพี่ไม่เคยถาม รายนั้นเรื่องส่วนตัวเคยออกจากปากซะที่ไหน”

“อืม…คุณพอร์ชเป็นเพื่อนที่ดีนะคะเนี่ย” นรีกมลทำเสียงยียวน

เธอนึกชื่นชมคนอย่างพีชญา…ดีเหมือนกัน ภัทรพลจะได้รู้จากปากของเธอเอง

“ไนน์!” ภัทรพลเอ่ยเสียงเข้ม “พี่ไม่นึกว่าไนน์จะเป็นคนแบบนี้”

“ผู้หญิงเราจะเป็นนางฟ้าหรือซาตาน ก็ขึ้นอยู่ว่าเธอจะประสบพบเจอใคร คนไหนดีมาเธอก็ดีไป คนไหนร้ายมาเธอก็ร้ายตอบ กรณีระหว่างพี่ภัทรกับไนน์…มันคืออย่างหลัง”

“ไม่รู้ล่ะ!” ปลายสายสะบัดเสียง แล้วนิ่งเงียบไปหลายวินาที “พี่ว่างวันเสาร์ตอนบ่าย ถ้าไนน์ไม่ตกลงมาคุยกันวันนั้น ก็ช่างหัวมันแล้ว”

“โอ๊ะ! ใจเย็นๆ สิคะ” นรีกมลแค่นหัวเราะ “ตกลงวันนั้นก็ได้ แต่เรื่องสถานที่ขอไนน์เลือกเอง เดี๋ยวจะส่งข้อความไปบอกอีกที หวังว่าจากนี้ไปคงจะไม่โทรมารบกวนอีกนะคะ”

“อืม” ภัทรพลรับคำแล้ววางสายไปอย่างรวดเร็ว

นรีกมลไม่ได้กังวลเรื่องที่เธจอะต้องเผชิญหน้ากับคนรักเก่า เพราะคิดไว้อยู่แล้วว่าถ้าอยู่ในเหตุการณ์นั้นเธอจะทำอะไรบ้าง แต่ที่ใจกังวลในตอนนี้ คือการที่จะต้องโทรไปยกเลิกนัดกับวรินทร์ที่จะ
แวะเวียนมาหาเธอที่คอนโดอยู่บ่อยครั้งในวันเสาร์

นรีกมลส่งข้อความไปหาอดีตเจ้านาย พร้อมกับนึกขอโทษอยู่ในใจ

ถึงยังไง…เรื่องแก้แค้นอดีตคนรักก็สำคัญกับเธอมากกว่า



“เรียบร้อยแล้วใช่มั้ยคะ” พีชญาถามภัทรพลทันทีที่เขายกโทรศัพท์ออกจากหู

“เรียบร้อยแล้วครับ พี่ทำตามที่น้องพอร์ชบอกทุกอย่าง”

ภัทรพลมองคนที่พยักหน้าขึ้นลงอย่างพอใจด้วยแววตาสงสัย ชายหนุ่มนึกย้อนไปถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อหลายชั่วโมงที่แล้ว…

หลังจากภัทรพลสารภาพออกไปว่าตัวเองเป็นคนรักเก่าที่เพิ่งเลิกรากันมาไม่นานของนรีกมล พร้อมกับบอกธุระที่เขามาคาดคั้นจากปากของคนตัวเล็ก ทำเอาคนฟังถึงกับตาเบิกค้างแล้วเผลออุทานออกมาอย่างตกใจ จนภัทรพลเองยังรู้สึกแปลกใจกับกิริยาท่าทางนั้น

ดวงตาเล็กยิบหยีมองมาที่เขาอย่างพิจารณา ก่อนจะเปลี่ยนเป็นแววครุ่นคิดราวกับตกในห้วงภวังค์ ภัทรพลจึงได้แต่นั่งนิ่งรับประทานอาหารของตัวเองไปเงียบๆ โดยไม่กล้าพูดอะไร

ผ่านไปหลายอึดใจ ในที่สุดพีชญาก็เอ่ยปาก

“รินนี่ชอบใครพอร์ชคงบอกพี่ภัทรไม่ได้”

“พี่เข้าใจ”

พีชญามองหน้าเขาพลางพยักหน้าคล้ายจะขอบคุณที่เข้าใจกัน

“แต่พอร์ชจะช่วยพี่ภัทรให้ได้รู้ด้วยตัวเอง” พีชญาเอ่ยพลางยิ้มหวาน ปล่อยให้คนมองต้องมองหน้าเจ้าตัวอย่างแปลกใจ

“จริงเหรอครับ”

“พอร์ชจะโกหกทำไม แต่พี่ภัทรต้องตอบคำถามกับทำตามที่พอร์ชบอกทุกอย่าง”

“ดะ ได้ครับ” ภัทรพลตกใจกับคำพูดรัวเร็วที่ฟังแทบไม่ทันของคนตรงหน้า

“ดีค่ะ” พีชญายิ้มหวาน “ทานข้าวเสร็จแล้ว พอร์ชจะบอกรายละเอียดให้ฟังที่ห้องของรินนี่”

“ไหนบอกว่าน้องรินทร์ออกไปธุระข้างนอก ไม่รู้จะกลับรึยัง…เราจะเข้าไปคุยกันในห้องทำงานได้เหรอครับ น้องรินทร์จะไม่โกรธเหรอที่จู่ๆ ก็มีคนเข้าไปโดยไม่ขออนุญาต”

“ไม่หรอกค่ะ ยิ่งเรื่องที่เกี่ยวกับรินนี่เอง…ลองว่าสิ พอร์ชจะหยิกให้เนื้อเขียวเลย”

ภัทรพลงุนงงกับคำตอบที่ได้ฟัง เรื่องที่เขากับนรีกมลเคยเป็นคนรักกันไม่เห็นจะเกี่ยวข้องกับวรินทร์ตรงไหน นรีกมลเองก็เป็นแค่อดีตเลขา จะไปให้ความสำคัญทำไม ส่วนเขาเองที่มาบอกเรื่องนี้กับพีชญาก็เพื่อมาแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าจะจริงจังกับเพื่อนของเจ้าหล่อน ไม่อยากให้ต้องมาติดค้างหรือสงสัยกันในเรื่องความสัมพันธ์กับนรีกมล

ถึงจะคิดแบบนั้น แต่ภัทรพลก็เลือกที่จะไม่ถามอะไร ในใจแอบคิดว่าหญิงสาวตรงหน้ากังวลในเรื่องไม่เป็นเรื่องจนเกินไป
แต่ก็นะ…วรินทร์กับพีชญา สองคนนี้เขาสนิทกันมาก จะกังวลแทนเพื่อนก็ไม่เห็นจะแปลก

“พี่ภัทรได้พูดถึงรินนี่ให้คุณเลขาฟังมาก่อนหรือเปล่าคะ”

ภัทรพลขมวดคิ้วพลางนึกย้อนกลับไป “เคยครับ”

ชายหนุ่มมองพีชญาที่พึมพำอะไรบางอย่างที่เขาจับใจความไม่ได้

“ตอนที่พูดไนน์ก็ทำงานให้น้องรินทร์แล้วนะ พี่ยังแปลกใจที่เขาไม่โวยวาย”

“เหรอคะ…น่าแปลก”

“แต่พี่ว่าคงไม่มีอะไร” ภัทรพลยักไหล่ “น้องรินทร์เป็นเจ้านาย ไนน์คงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก”

“ภาวนาให้เป็นอย่างนั้นก็แล้วกัน”

พีชญาพึมพำทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มบางที่มุมปาก ก่อนจะไม่มีใครพูดอะไรกันอีกตลอดทั้งมื้ออาหาร

เมื่อขึ้นไปถึงหน้าห้องประธานบริษัท…กำลังจะเข้าไป ภัทรพลก็นึกเกรงนัยน์ตาคมกริบของเลขาวัยกลางคนที่มองมาคล้ายจะตำหนิ หันกลับไปมองคนที่มาด้วยกัน รายนั้นยังปกติ เดินเชิดหน้า
สวยๆ เข้าไปในห้องราวกับเป็นเรื่องปกติ

ถ้าพีชญาไม่เข้ามาในห้องนี้เป็นประจำจนชิน ก็คงเป็นเพราะหนังหน้าของเขามันบางเอง

ภัทรพลเข้ามายังไม่ทันจะได้มองไปรอบตัว พีชญาก็บอกให้เขานั่งรอในนี้ แล้วตัวเองก็เดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ชายหนุ่มมองตามพลางยกมือขึ้นมาเกาศีรษะอย่างงงงวย

ไหนว่าจะให้ช่วยไง…

ผ่านไปนานสองนาน ภัทรพลที่นั่งหลับตารออยู่บนโซฟา กำลังเคลิ้มๆ ได้ที่เตรียมจะหลับ พีชญาก็เปิดประตูเข้ามาให้ได้สะดุ้งตื่น ชายหนุ่มรู้สึกตาสว่างขึ้นมาทันที

พีชญาเดินมานั่งที่ปลายอีกข้างของโซฟาแล้วเฉลยว่าเมื้อกี้ไปคุยกับนรีกมลมา ก่อนจะบอกให้เขาโทรหาอดีตคนรัก พอเขาอิดออด คุณเธอก็ส่งรอยยิ้มหวานเจี๊ยบชวนเสียวสันหลังมากดดัน

ภัทรพลหัวเราะเสียงแห้ง ก่อนจะเอ่ยตอบเสียงอ่อย “โทรก็ได้ครับ”

“พี่ภัทรอย่าไปบอกนะคะว่าคุยอะไรกับพอร์ชไปบ้าง”

“อ่อครับ”

“บอกแค่ว่า…”

พีชญาเล่ารายละเอียดที่อยากให้เขาพูดกับอดีตคนรักให้ฟัง ภัทรพลฟังไปขมวดคิ้วไปกับบางประโยคที่เป็นเรื่องโกหกและกุขึ้นมาเองทั้งสิ้น

เพื่อนสนิทของแฟนเก่า…คิดได้ยังไง

“เปิดสปีกเกอร์โฟนให้พอร์ชได้ยินด้วยนะคะ”

ภัทรพลพยักหน้ารับแล้วกดโทรออก ก่อนจะเปิดสปีกเกอร์โฟนตามที่อีกคนบอก

เมื่อปลายสายรับ ชายหนุ่มจึงจดจ่ออยู่แต่กับบทสนทนา ไม่ได้หันไปมองว่าพีชญากำลังทำอะไรหรือมีสีหน้าอย่างไร

พอวางสาย ภัทรพลก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง ในใจไม่นึกว่าอดีตคนรักจะเป็นไปได้ถึงขนาดนี้ ก็คงเป็นอย่างที่นรีกมลบอก…

ผู้หญิงคนเดียวกัน…เป็นได้ทั้งนางฟ้าและซาตาน

ภัทรพลดึงตัวเองออกจากความคิด หลังพีชญาเอ่ยบทสนทนา

“ถ้าคุณเลขาส่งข้อความมา โทรมาบอกพอร์ชด้วยนะคะ”

“ครับ”

ตอนนี้ภัทรพลไม่เข้าใจอยู่เรื่องเดียว ทำไมพีชญาต้องให้เขาบอกว่าตัวเองเป็นเพื่อนสนิทกับแฟนเก่าของนรีกมล

…ให้โกหกทำไมกัน

ภัทรพลเลิกคิดให้สมองวุ่นวาย ขอเพียงแค่เขาได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ก็พอแล้ว มาคาดคั้นจากนรีกมลด้วยตัวเองก็ไม่ได้รับคำตอบ ที่จริงแล้วต้องขอบคุณพีชญาด้วยซ้ำ ที่ทำให้จู่ๆ เขาก็ได้รู้เสียเฉยๆ ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร

ให้รู้จากปากคนอื่นที่ไม่ใช่พีชญาก็เท่ากับบอกทางอ้อม หากวรินทร์รู้ จะไปว่าเพื่อนสนิทก็ไม่ได้

…ผู้หญิงตรงหน้านี่ฉลาดจริงๆ

“พี่ภัทรกลับไปได้แล้วค่ะ” พีชญาเอ่ย

“พี่จะรอน้องรินทร์เป็นเพื่อนน้องพอร์ชเอง จะได้มีเพื่อนคุยไงครับ”

“อย่าเลยค่ะ รินนี่ไม่ชอบให้คนไม่สนิทมายุ่มย่ามในห้อง อีกอย่างงานของท่านประธานก็เยอะมาก คงไม่มีเวลามาคุยกับพี่หรอกค่ะ”

ใช้เสร็จแล้วก็ถีบหัวส่ง…ภัทรพลคิดในใจอย่างหงุดหงิด แต่ก็ยอมออกไปจากห้องแต่โดยดี

ก่อนจะบิดประตูก็หันมาถามเสียงอ่อน “วันหลังพี่มาอีกได้ไหม”

“ตามสบายค่ะ แต่พี่ภัทรต้องติดต่อกับคุณเปรมจิตข้างนอกก่อนนะคะ ว่ารินนี่สะดวกจะให้พบไหม”

แล้วตัวเองเข้ามาได้เนี่ยนะ…ภัทรพลนึกเปรียบเทียบ

อ้อ! ลืมไป เพื่อนสนิทม๊ากมากของท่านประธาน มีอภิสิทธิ์เหนือกว่าใครทั้งปวง

ภัทรพลส่ายหัวแล้วเดินออกจากห้องไปด้วยความสบายใจ ว่าในที่สุดก็จะได้รู้ว่าใครเป็นหนามยอกอกที่คอยทิ่มแทงใจเขาอยู่ตอนนี้
อีกไม่กี่วันก็จะวันเสาร์

…นับวันรอได้เลยภัทรพล



“พอร์ช…” วรินทร์ลากเสียงยาวใส่หญิงสาวผมสีคาราเมลที่พยายามจะลากแขนเธอให้ลุกออกจากโซฟาตัวยาวหน้าโทรทัศน์ในห้องรับแขก

“โวยวายอะไรกันสองสาว” พิมายเดินมามองลูกสาวกับเพื่อนสนิทที่เอ็นดูเหมือนเป็นลูกอีกคน กำลังฉุดกระชากลากถูกันให้ชุลมุน ดูเหมือนร่างบางๆ ของพีชญาจะฉุดร่างสูงของคนที่นอนเอน
หลังให้ลุกขึ้นมายืนได้อย่างยากลำบาก

“รินนี่ไม่ยอมไปเที่ยวกับพอร์ชค่ะ พอร์ชเหงาอยากให้รินนี่ไปเป็นเพื่อน คุณลุงช่วยกล่อมหน่อยสิคะ”

“รินทร์…หนูพอร์ชเค้าอุตส่าห์มาชวน ก็ออกไปเที่ยวกับเพื่อนเค้าหน่อย”

“คุณพ่อคะ ทุกทีอ่ะ ตามใจแต่พอร์ช” วรินทร์เบะปากระหว่างพยายามแกะมือเหนียวๆ ของเพื่อนให้หลุดจากต้นแขน “ตอนนี้หงุดหงิด เซ็ง ไม่อยากไป เข้าใจมั้ยยัยตัวจุ้น”

“ทำไมถึงเซ็ง” พีชญาถามอย่างสงสัย

“มีนัดกับ…เอ่อ ไม่มีอะไรหรอก”

“อ๋อ นึกออกแล้ว รินนี่เคยบอกพอร์ชว่า เกือบทุกวันเสาร์จะ…”

วรินทร์เหลือกตามองเพื่อนสาวพลางพยักเพยิดไปทางบิดาของตน พีชญาเห็นดังนั้นจึงยิ้มเจ้าเล่ห์

“ทุกวันเสาร์รินนี่จะไป…”

“โอเค รินทร์จะไปเที่ยวกับพอร์ช พอใจหรือยังคะคุณเพื่อน” วรินทร์เด้งตัวลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าเบื่อโลก ก่อนจะกระซิบดุเพื่อนสาวเสียงเบา

“ถ้าพูดไปนะ! โดนแน่พอร์ช”

พีชญาทำปากให้อ่านว่า ‘ไม่กลัว’ วรินทร์แยกเขี้ยวใส่แล้วหันไปเอ่ยถามคนเป็นพ่อ อย่างต้องการจะเปลี่ยนเรื่อง

“คุณแม่ไปสมาคม แล้วคุณพ่อไม่ออกไปไหนเหรอคะวันนี้”

“บ่ายๆ พ่อมีนัดตีกอล์ฟน่ะ”

สองสาวยิ้มรับ แล้ววรินทร์จึงเอ่ยปากขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าบนห้องนอนชั้นสอง พีชญายิ้มรับแล้วบอกว่าจะรออยู่ที่ห้องรับแขก

“เราจะไปเที่ยวที่ไหนกัน” วรินทร์ถามขึ้นหลังเพื่อนสาวเปิดประตูฝั่งหลังของรถยุโรปราคาแพง แล้วดันหลังเธอให้เข้าไปนั่งในรถของเจ้าตัว “พาคนขับรถมาอีกต่างหาก”

“ร้อนๆ อย่างนี้ พอร์ชจะพาไปกินไอศกรีม”

คนหน้าสวยขมวดคิ้ว ยังไม่ทันจะได้ทักท้วงอะไร รถยนต์คันสวยก็เคลื่อนตัวออกไปซะแล้ว

“ถึงขนาดต้องลากรินทร์ออกจากบ้าน เพราะไอศกรีมถ้วยเดียวเนี่ยนะ”

“ไปถึงเดี๋ยวก็รู้” พีชญายิ้มบางโดยไม่หันมามองหน้ากัน “ไม่รู้ว่ารินนี่ได้ทานไปแล้ว จะเย็นหรือว่าร้อนกว่าเดิม”

“ก็ต้องเย็นสิ พอร์ชพูดอะไรประหลาด”

พีชญาได้ยินดังนั้นจึงหันมาเอ่ยเสียงอ่อย “ช่วงนี้พอร์ชมึนๆ งงๆ ยังไงไม่รู้”

วรินทร์นิ้วดันหน้าผากเพื่อนอย่างหมั่นไส้ “แล้วรินทร์ก็ต้องถ่อออกจากบ้านเพราะยัยเพื่อนสมองเบลอคนเดียวเนี่ยนะ”

พีชญายิ้มทั้งปากทั้งตาจนตาหยียิ่งกว่าเดิม ก่อนจะหัวเราะแล้วยักคิ้วให้อย่างสะใจ

นั่งในรถไปร่วมชั่วโมงก็ยังไม่ถึงที่หมาย ทั้งๆ ที่รถก็ไม่ติด วรินทร์ถอนหายใจอย่างหงุดหงิด

“อีกไกลไหมพอร์ช”

“ไม่รู้สิ” พีชญาส่ายหน้า ก่อนจะเอ่ยถามคนขับรถ “ลุงคะ อีกไกลมั้ยกว่าจะถึง”

“อีกไม่ไกลครับ” ลุงคนขับรถตอบ “ไม่เกินสิบนาที”

วรินทร์พึมพำถามคนข้างกายว่าไม่รู้จักที่ตั้งแล้วพาเธอมาได้ยังไง อีกฝ่ายเพียงยักไหล่แล้วเอ่ยขึ้นมาง่ายๆ อย่างไม่ยี่หระ

“เพราะอย่างนั้นไง พอร์ชเลยให้ลุงสงวนขับรถมาส่ง”

“เหรอคะคุณหนูพอร์ช ไอศกรีมมียี่ห้อในห้างก็มี ต้องถ่อมาไกลขนาดนี้ด้วย ถ้าไม่ดีจริงเตรียมรับผลกรรมได้เลย”

พีชญาไม่ตอบ เธอปล่อยให้คนหน้าสวยบ่นต่อไปอย่างไม่สนใจ

วรินทร์พ่นลมหายใจออกทางจมูกเฮือกใหญ่ ก่อนจะหันไปมองทิวทัศน์ข้างทางที่รถยนต์คันหรูขับผ่าน จากเมื่อครู่ที่แสงแดดยังส่องต้องให้เคืองตา มา ณ ตอนนี้ท้องฟ้ากลับมืดครึ้มส่อเค้าลางว่าอีกไม่นานสายฝนคงจะโปรยปราย ให้ความร้อนบนผืนดินได้ระเหยเบาบางไปในอากาศ

มาถึงที่หมายพีชญาก็สั่งให้ลุงสงวนขับรถไปรอพวกเธอที่ห้างสรรพสินค้าซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน คนหน้าสวยมองสัญลักษณ์ไอศกรีมโคนขนาดใหญ่ที่ติดอยู่ตรงกระจกหน้าร้านด้วยความสนใจ ก่อนเพื่อนสาวที่เดินตามมาทีหลังจะแตะแขนเป็นสัญญาณให้เข้าไปในร้านด้วยกัน

มองจากภายนอกแม้จะเป็นร้านที่ไม่ใหญ่นัก แต่วรินทร์ก็นึกชื่นชมในการจัดร้านได้เป็นสัดเป็นส่วน มีมุมที่เป็นโซฟาและเก้าอี้ธรรมดาให้เลือกนั่ง พีชญาที่มองไปรอบตัวพลางขมวดคิ้วไปด้วย ฉุดแขนวรินทร์ให้เดินไปทางมุมที่ตัวเองได้เลือก

“มีแต่พวกวัยรุ่นกับนักศึกษา” วรินทร์เอ่ยขึ้นลอยๆ หลังทรุดตัวลงนั่งที่มุมโซฟาหนานุ่มด้านในสุด โดยตัวเธอนั่งหันหน้าเข้าหาผนัง ในขณะที่พีชญานั่งหันหน้าไปทางประตู ซึ่งมีผนังกระจกสีฟ้า
ขุ่นคั่นกลางอีกที

พีชญาสอดส่ายสายตามองไปรอบๆ ตัวอีกครั้ง ก่อนจะเปิดกระเป๋าสะพายใบโต แล้วหยิบหมวกแก๊ปพร้อมกับแว่นกันแดดขึ้นมา มือเรียวตวัดหมวกครอบศีรษะของเพื่อนสาว ส่วนตัวเองก็ใส่แว่น
กันแดดสีชาซึ่งบดบังใบหน้าไปกว่าครึ่ง

“ทำไรอ่ะ” วรินทร์กำลังจะถอดหมวกออก ถ้าอีกฝ่ายจะไม่ดุเธอซะก่อน

“อย่าเพิ่งถอด! พนักงานมาแล้ว สั่งไอศกรีมก่อน”

สาวผมสีคาราเมลบอกให้เธอสั่งให้ในส่วนของตัวเอง ในขณะที่เจ้าตัวนั่งก้มหน้าก้มตาพลางเหลือบมองไปที่ประตูเป็นระยะ

วรินทร์สั่งเสร็จก็ขมวดคิ้วถามอย่างจริงจัง “พอร์ชมีอะไรปิดบังรินทร์ใช่มั้ย”

แทนที่จะสลด พีชญากลับยิ้มกว้างเสียดื้อๆ “อืม”

“อืม…แค่เนี่ย” วรินทร์ยิ่งเครียดเข้าไปใหญ่ “เล่ามาเลยพอร์ช”

“เดี๋ยวทุกอย่างก็จะไม่เป็นความลับอีกต่อไป” พีชญาหุบรอยยิ้มจนเหลือไว้แค่ที่มุมปาก “รินนี่ลองมองไปข้างหลังสิ”

ใบหน้าสวยหันตามคำพูดของเพื่อนสาวที่ยังกำชับอีกว่าอย่าหันไปตรงๆ แค่เบี่ยงหน้าไปมองก็พอ

“นั่น! นรีกมลนี่” วรินทร์เอ่ย พลางใช้สายตาจับจ้องทุกอิริยาบถของสาวร่างเล็ก ที่เดินหายไปทางมุมอื่นซึ่งเธอไม่สามารถมองเห็นได้ “เดี๋ยวรินทร์ไปชวนให้มานั่งกับเราดีกว่า”

“ไม่ต้องเลยรินนี่” พีชญาปามเสียงแข็ง “นั่งรอตรงนี้แหละ มีเรื่องที่รินนี่จะต้องรับรู้หลังจากนี้ พอร์ชรับประกันไม่ได้ว่าจะเป็นเรื่องดี หรือเรื่องร้าย หรือแท้จริงแล้วมันไม่มีอะไรเลย อย่างที่พอร์
ชนึกภาวนาให้มันเป็นแบบนั้น”

สีหน้าขึงเครียดทำให้วรินทร์ต้องมองคนตรงหน้าอย่างพิจารณา

“พอร์ชจะทำอะไร”

“เดี๋ยวรินนี่ก็รู้ อ๊ะ! พี่ภัทรมาแล้ว”

วรินทร์เผลอหันขวับไปมองอย่างไม่รักษาอาการ แต่คราวนี้พีชญากลับไม่ห้ามปรามแต่อย่างใด หญิงสาวกลับปล่อยให้คนหน้าสวยมองตามชายหนุ่มที่เดินไปทางเดียวกันกับที่นรีกมลเดินไปก่อนหน้า ดูเหมือนภัทรพลจะไม่เห็นพวกเธอเช่นเดียวกัน

“พอร์ช! บอกรินทร์มาเดี๋ยวนี้” วรินทร์รู้สึกโกรธขึ้นมาแล้ว เธอไม่ชอบเลยกับการที่ไม่รู้อะไรสักอย่างในตอนนี้ มองหน้าเพื่อนสาวที่ยังอมพะนำไม่ยอมพูดเหมือนเดิม ก็พาลหงุดหงิดจนอยากเดินไปหาสองคนนั้นเสียดื้อๆ จะได้รู้เสียทีว่านี่มันเรื่องอะไรกัน

ไอศกรีมที่สั่งมาเสิร์ฟ พร้อมกับเสียงโทรศัพท์ของพีชญาที่ดังขึ้นมาพอดี วรินทร์เลื่อนถ้วยไอศกรีมถ้วยหนึ่งไปให้อีกคน กลิ่นวานิลาที่ลอยมาใกล้จมูก ไม่ได้ทำให้วรินทร์มีแก่ใจที่จะตักขึ้นมาลิ้มรสเลยสักนิด

สาวผมสีคาราเมลวุ่นวายกับการค้นกระเป๋าสะพายใบโตเพื่อหาหูฟัง พอเจอก็ยิ้มเสียจนตาหยี ก่อนจะเสียบเข้ากับโทรศัพท์มือถือของตัวเอง แล้วยื่นหูฟังข้างหนึ่งมาให้คนหน้าสวย

“ใคร?” วรินทร์ถาม แต่มือก็ยื่นไปรับมาใส่ที่หูของตัวเอง

คนตาหยียกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะริมฝีปากเป็นสัญญาณบอกให้เงียบ วรินทร์ขมวดคิ้วก่อนจะตั้งใจฟังเสียงจากปลายสาย

“นัดมาที่ร้านประจำสมัยมัธยม บรรยากาศยังเหมือนเดิมนะไนน์”

เสียงทุ้มของชายหนุ่มดังขึ้นให้ได้ยิน…เสียงของภัทรพล

“ค่ะ บรรยากาศที่นี่ยังเหมือนเดิม แต่ตอนนี้อะไรหลายๆ อย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว โดยเฉพาะความสัมพันธ์ของเรา”

พีชญามองหน้าเพื่อนสาวที่ดูเหมือนจะตะลึงงันไปแล้ว นึกแล้วก็เห็นใจอยู่เหมือนกัน ถ้ามันเลวร้ายจริงๆ อย่างน้อยก็ได้รู้จากปากจากคนที่ตัวเองรัก ไม่ใช่จากปากคนอื่น

พีชญาถอนใจ แล้วนึกภาวนาเป็นครั้งที่พันในรอบหลายวันที่ผ่านมา




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.