web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 260
Most Online Ever: 440
(28 เมษายน 2024 เวลา 03:05:22 )
Users Online
Members: 0
Guests: 263
Total: 263

ผู้เขียน หัวข้อ: บทที่ ๘ : รักนี้ดั่งหยาดฟ้ามาโลมทรวง  (อ่าน 1010 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ทอถักอักษรา

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 73
บทที่ ๘ : รักนี้ดั่งหยาดฟ้ามาโลมทรวง
« เมื่อ: 06 มกราคม 2014 เวลา 22:38:06 »


Dream  ฝันค้างบนทางรัก Yuri
บทที่ ๘  :  รักนี้ดั่งหยาดฟ้ามาโลมทรวง

   ยามนั้นเป็นเพลาย่ำค่ำแล้ว เจ้าหญิงมณีจันทร์ทรงประทับที่เฉลียงน้อย ณ พระตำหนักของพระนาง พระองค์ทรงทอดพระเนตรดอกมณฑาขาวในพระหัตถ์ ก่อนที่จะจรดพระนาสิกแนบดอกไม้นั้นสูดกลิ่นหอมซึ่งหอมยิ่งกว่าดอกไม้ใดในความรู้สึกของพระนางโดยมิได้ทรงรังเกียจรอยช้ำที่ปรากฏเป็นริ้วรอยบนดอกไม้นั้น พระพายที่พัดโชยมาเอื่อยๆส่งผลให้บังเกิดความหนาวยะเยือกจนทำให้พระนางต้องทรงวางดอกไม้นั้นบนพระเพลาก่อนจะลูบพระหัตถ์ไปมาเล็กน้อย พระนางทรงทอดพระเนตรจันทราเต็มดวงทรงกลดอย่างที่ทรงโปรดอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันโดยมิได้ทรงเบื่อหน่ายแม้สักครา
   ทางด้านเจ้าหญิงนลินยุพา หลังจากทรงกรองพวงมาลัยเสร็จสิ้นแล้วก็ทรงพระดำเนินพร้อมด้วยพระพี่เลี้ยงกันตาและเหล่านางกำนัลเพื่อชมบรรยากาศรอบๆพระตำหนักก่อนจะทอดพระเนตรไปยังพระจันทร์ จังหวะพอดีที่สายพระเนตรไปพบเข้ากับภาพตรงหน้า พระธิดาผู้มีศักดิ์เป็นพระขนิษฐาของพระนางกำลังเหม่อมองพระจันทร์ดวงเดียวกันอยู่ที่เฉลียงน้อยในพระตำหนักของพระนางเอง พระพักตร์หวานใสนั้นช่างรับกับสไบแพรสีชมพูอ่อนที่นางห่มยิ่งนัก แสงของพระจันทร์จับพระพักตร์เจ้าหญิงมณีจันทร์ทำให้แลดูผุดผ่องเป็นนวลใย ด้วยภาพตรงหน้าบวกกับความงดงามของจันทราเต็มดวงทรงกลดที่เห็น ทำให้เจ้าหญิงนลินยุพาทรงตะลึงในความงดงามอย่างมิอาจละสายพระเนตรไปที่ผู้ใด ก่อนที่จะทรงถอนพระทัยออกมาเมื่อทรงพบว่านัยน์พระเนตรของเจ้าหญิงมณีจันทร์นั้นมิได้มีพระองค์อยู่เลยแม้เพียงนิด
   “เพ็ญพระจันทร์นั้นสว่างแต่ข้างขึ้น      กระต่ายมึนเมาเพ็ญจนเป็นบ้า
แต่ทรามวัยใสสุกทุกเพลา            ในอกข้าเมามึนทั้งขึ้นแรม”
   ด้านเจ้าหญิงมณีจันทร์รู้สึกพระองค์เหมือนมีคนจ้องมองอยู่ พระนางจึงทรงทอดพระเนตรลงมาก็พบว่าเจ้าหญิงนลินยุพากำลังทอดพระเนตรมองพระองค์อยู่ สายตาคมกล้าของพระนางที่จ้องมองมานั้นส่งผลให้พระทัยของพระองค์เต้นไม่เป็นจังหวะ เหตุใดหนอพระนางจึงทรงรู้สึกพึงใจพระเชษฐภคินีเยี่ยงนี้ ทั้งๆที่พึ่งพบพักตร์เพียงหนแรกเท่านั้น มิหนำซ้ำพระนางยังเป็นอิสตรีเยี่ยงเดียวกันกับพระองค์เสียด้วย
   “ยังไม่นอนฤๅน้องหญิง” เจ้าหญิงนลินยุพาตรัสถามด้วยพระสุรเสียงสั่นแววพระเนตรทอดไปยังพระพักตร์งามนั้น
   “น้องยังไม่ง่วงเพคะ แล้วเสด็จพี่ฤๅ เหตุอันใดจึงยังไม่ทรงบรรทมเพคะ” เจ้าหญิงมณีจันทร์ตรัสตอบก่อนชำเลืองพระเนตรไปยังพระเชษฐภคินีที่ทรงห่มสไบแพรสีเหลืองนวลและทรงนุ่งพระภูษาสีเปลือกมังคุดปักดิ้นทองนั้นอย่างไม่วางตาด้วยทรงพึงใจในความงดงามมิต่างกัน
   “เรายังไม่อยากนอนเลยน้องหญิง อยากชมบรรยากาศยามย่ำของเมืองน้องสักหน่อย ถ้าเจ้าจะไม่ว่ากระไร”
   “หม่อมฉันจะว่ากระไรเสด็จพี่ล่ะเพคะ ถ้าทรงไม่รังเกียจขอเชิญเสด็จประทับในตำหนักของน้องเถิดเพคะ”
   “ขอบใจมากน้องหญิง เรานึกว่าจะต้องแหงนคอคุยกับเจ้าทั้งคืนเสียอีก” เจ้าหญิงนลินยุพาตรัสพร้อมทรงพระสรวลเบาๆ
   “ผู้ใดจะใจร้ายกับเสด็จพี่เยี่ยงนั้นเพคะ เชิญเสด็จเพคะ”
   “ขอบใจมากน้องหญิง”
   จากนั้นเจ้าหญิงนลินยุพาจึงทรงเสด็จไปยังตำหนักของเจ้าหญิงมณีจันทร์พร้อมด้วยพระพี่เลี้ยงกันตาที่ติดตามพระนางขึ้นไปด้วย ก่อนจะทรงประทับนั่งเคียงข้างเจ้าหญิงมณีจันทร์ผู้มีศักดิ์เป็นพระขนิษฐานั้น
   “เสวยพระสุธารสก่อนเพคะ”
   “ขอบใจเจ้ามากน้องหญิง เรากำลังกระหายอยู่พอดี”
   เจ้าหญิงมณีจันทร์ถวายพระสุธารสแด่พระเชษฐภคินี เจ้าหญิงนลินยุพายื่นพระหัตถ์ไปรับทำให้พระหัตถ์ของทั้งสองพระองค์สัมผัสกันโดยบังเอิญ ยังผลให้พระโลหิตแผ่ซ่านไปทั่วพระพักตร์ผุดผ่องราวกับสีตำลึงสุกก็มิปาน เจ้าหญิงมณีจันทร์ละพระหัตถ์ออกจากถ้วยพระสุธารส เจ้าหญิงนลินยุพาทอดพระเนตรตามอย่างแสนเสียดายแต่ก็ทรงระงับพระทัยเสวยพระสุธารสนั้นจนหมดถ้วย
   “ทรงรับพระสุธารสเพิ่มฤๅไม่เพคะ” เจ้าหญิงมณีจันทร์ตรัสถามด้วยพระสุรเสียงอ่อนหวาน
   “พอแล้วจ้าน้องหญิง เราอิ่มแล้ว” เจ้าหญิงนลินยุพาทรงพิศวงหน้างามนั้นก่อนทอดพระเนตรเลยไปที่พระเพลาของเจ้าหญิงมณีจันทร์
   “ดอกไม้มีรอยช้ำออกปานนั้น เจ้ายังเก็บอยู่อีกฤๅน้องหญิง เรานึกว่าเจ้าจะทิ้งมันไปแล้วเสียอีก”
   “ดอกไม้นี้เสด็จพี่ทรงพระราชทานให้น้อง มีหรือที่น้องจะกล้าทิ้งได้ลงคอ”
   “เยี่ยงนั้นฤๅ ถ้าเราให้มาลัยแก่น้อง น้องจะชอบฤๅไม่น้องหญิงมณีจันทร์”
   “เป็นพระพระกรุณาเพคะ”
   “ถ้าเยี่ยงนั้น กันตาเจ้าไปนำมาลัยที่เราร้อยมานี่เถิด เราจะให้น้องหญิงมณีจันทร์”
   “เพคะ พระธิดา” พระพี่เลี้ยงกันตารับคำสั่งของพระธิดานลินยุพาอย่างไม่ใคร่จะเข้าใจนักแต่ก็รับมาปฏิบัติตามอย่างไม่ขัดพระทัย
   หลังจากนั้นพระพี่เลี้ยงกันตาจึงนำพวงมาลัยที่เจ้าหญิงนลินยุพาทรงกรองด้วยพระองค์เองมาถวาย พระนางรับมาก่อนพระราชทานต่อให้เจ้าหญิงมณีจันทร์ นางอันเป็นที่รักของพระองค์
   “นี่จ๊ะมณีจันทร์ เราร้อยให้น้อง น้องหญิงชอบฤๅไม่”
   “ขอบพระทัยเพคะ น้องชอบมาก ชั่งหอมเสียนี่กระไรเพคะเสด็จพี่” เจ้าหญิงมณีจันทร์ทรงรับพวงมาลัยนั้นมาจรดพระนาสิกก่อนสูดดมความหอมนั้นเต็มพระปัปผาสะด้วยความปิติในพระทัย
   “ถ้าเจ้าชอบ เราจักร้อยให้น้องทุกวันดีหรือไม่” พระนางทรงแย้มพระสรวลรู้สึกยินดียิ่งนัก
   “ขอบพระทัยเพคะเสด็จพี่ แต่น้องว่ามันจะไม่บังควรกระมังเพคะ”
   “จะไม่บังควรกระไรรึมณีจันทร์ ในเมื่อน้องก็เพิ่งบอกเรามิใช่ฤๅว่าชอบพวงมาลัยที่เราร้อยให้”
   “มิใช่เยี่ยงนั้นเพคะ เพียงแต่น้องจะบอกว่าน้องจักเป็นผู้ร้อยมาลัยถวายพระองค์เองเพคะ”
   “เยี่ยงนั้นฤๅ ถ้าเยี่ยงนั้นก็ขอบใจน้องมากนะ”
   “เพคะ”
   จากนั้นทั้งสองพระองค์ก็ทรงนั่งคุยกันอยู่เป็นนาน ก่อนที่เจ้าหญิงนลินยุพาจะทรงเสด็จกลับไปยังตำหนักของพระองค์เพื่อทรงบรรทมหลังจากเพลาได้ล่วงเลยจวนเจียนจะถึงสองยามอยู่มิรวมมิร่อ
   เมื่อพระเชษฐภคินีเสด็จกลับพระตำหนักแล้ว เจ้าหญิงมณีจันทร์จึงเสด็จบรรทมจนล่วงเข้าสู่นิทรารมณ์อย่างปิติสุข ด้วยเหตุว่าข้างๆพระเขนยนั้นมีดอกมณฑาขาวและพวงมาลัยซึ่งเจ้าหญิงนลินยุพาทรงกรองด้วยพระองค์เองวางอยู่ข้างๆพระเขนย
...........................................................................
   
   เจ้าหญิงนลินยุพาทรงกลับพระตำหนักอย่างยินดีดอกมณฑาขาวที่มีรอยช้ำนั้นวางอยู่บนพระเพลาของเจ้าหญิงมณีจันทร์อย่างมิได้ทรงรังเกียจ ฤๅว่านางจะทรงพึงใจพระองค์เยี่ยงเดียวกันหนอ ยิ่งทรงคิดพระพักตร์ของพระองค์ก็ทรงมีรอยแย้มสรวลอย่างทรงสุขสราญในพระทัย
   “กันตา เจ้าว่าน้องหญิงมณีจันทร์จะชอบดอกไม้และพวงมาลัยที่เรามอบให้ฤๅไม่” เจ้าหญิงนลินยุพาตรัสถามพระพี่เลี้ยงด้วยพระสุรเสียงอ่อนโยน
   “ดูท่าทีของพระนางแล้วหม่อมฉันว่าคงจะทรงโปรดอยู่ไม่น้อยเพคะ”
   “เยี่ยงนั้นฤๅ ก็ดีแล้วเราจักได้วางใจ”
   “ทรงวางพระทัยอันใดฤๅเพคะ” พระพี่เลี้ยงกันตาทูลถามอย่างพิศวง
   “มิได้มีอันใดดอกกันตา แล้วนี่เจ้าเตรียมที่นอนเราเสร็จเรียบร้อยดีแล้วฤๅ”
   “เพคะ หม่อมฉันเตรียมพระยี่ภู่เรียบร้อยแต่นานแล้ว แต่....”
   “แต่อันใดรึกันตา มีอันใดยังไม่เรียบร้อยฤๅ”
   “มิใช่เยี่ยงนั้นเพคะพระธิดา เพียงแต่หม่อมฉันมีความบางอย่างจะทูลถามพระองค์เพคะ” พระพี่เลี้ยงกันตากราบทูลด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักอย่างไม่แน่ใจว่าสมควรจะกราบทูลดีฤๅไม่
   “จะถามอันใดก็ว่ามาเถิด จะนิ่งอึ้งทำไม เราชักจะง่วงนอนเต็มทีแล้ว” พระธิดาทรงตรัสด้วยรอยแย้มสรวล
   “ทำไมพระองค์ทรงกรองพวงมาลัยพระราชทานแด่เจ้าหญิงมณีจันทร์เพคะ หม่อมฉันนึกว่าพระองค์ทรงกรองถวายเจ้าชายอติรัณณ์เสียอีก”
   “แล้วทำไมเราต้องถวายพวงมาลัยแด่เจ้าพี่อติรัณณ์ด้วยเล่า พวงมาลัยของเราเราจะให้ใครก็ย่อมได้มิใช่ฤๅกันตา”
   “พวงมาลัยของพระองค์ พระองค์จะถวายผู้ใดก็ย่อมได้เพคะเพียงแต่ถ้าพระองค์จะทรงถวายเจ้าชายอติรัณณ์จะเหมาะสมกว่ากระมังเพคะ”
   “แล้วเราให้พวงมาลัยแก่น้องหญิงมณีจันทร์มันไม่เหมาะสมเยี่ยงใด ในเมื่อนางเป็นขนิษฐาเรา พี่สาวให้พวงมาลัยน้องสาวมันไม่เหมาะสมตรงไหนกันตา” เจ้าหญิงนลินยุพาทรงตรัสเอ็ดพระพี่เลี้ยงกันตาด้วยพระสุรเสียงขุ่นอย่างทรงไม่พอพระทัย
   “พระองค์ทรงแน่พระทัยฤาเพคะพระธิดาว่าทรงคิดกับเจ้าหญิงมณีจันทร์เพียงแค่พระขนิษฐาเท่านั้น”
   “กันตา เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าเยี่ยงใด เจ้าหาว่าเราคิดอกุศลกับน้องหญิงมณีจันทร์ใช่ฤๅไม่” เจ้าหญิงนลินยุพาทรงตรัสด้วยพระสุรเสียงห้วนบ่งบอกความไม่พอพระทัยเป็นอย่างมาก
   “หม่อมฉันขอพระราชทานอภัยเพคะ หม่อมฉันมิได้หมายความว่าเยี่ยงนั้นเลยนะเพคะ”
   “แล้วเจ้าหมายความว่าเยี่ยงใด เจ้าพูดเยี่ยงนี้จะหาความกับเราใช่ฤๅไม่”
   “พระอาญามิพ้นเกล้า หม่อมฉันมิเคยมีเจตนาเยี่ยงนั้นเลยเพคะ หม่อมฉันเพียงแต่กราบทูลเตือนพระองค์ด้วยความหวังดีเท่านั้นเพคะ ไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่งามขึ้น”
   “แล้วถ้าสตรีอย่างเรานำพวงมาลัยไปถวายเจ้าชายอติรัณณ์ซึ่งทรงเป็นบุรุษเพศก่อน เขาจะไม่ครหาฤๅว่าเราตั้งใจจะทอดสะพานไปหาพระองค์ เยี่ยงนั้นมันจะไม่งามกว่าฤๅกันตา”
   “ขอพระราชทานอภัยเพคะพระธิดา หม่อนฉันไม่ทันนึกในข้อนี้” พระพี่เลี้ยงกันตากราบทูลด้วยน้ำเสียงสั่นระริก นางเลี้ยงพระธิดามาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ไม่เคยเห็นพระนางทรงกริ้วเยี่ยงนี้มาก่อนเลยสักครา
   “ช่างเถิดกันตา เจ้าเลี้ยงเรามาแต่น้อย เจ้าจะดูไม่ออกฤๅว่าเราคิดเยี่ยงใด” พระธิดานลินยุพาทรงตรัสด้วยพระสุรเสียงที่อ่อนลงก่อนจะจ้องหน้าพระพี่เลี้ยงกันตานิ่ง
   “เพคะหม่อมฉันทราบว่าพระองค์ไม่มีทางทำเรื่องไม่งามขึ้นอย่างแน่นอนเพคะ” พระพี่เลี้ยงกันตากราบทูลพร้อมจับพระหัตถ์ของพระธิดามาทูลเหนือศีรษะของนางอย่างจงรักภักดี
   “กันตา เราโตแล้วพอจะรู้ว่าอันใดควรไม่ควร ขอบใจที่เจ้าห่วงใยเรา ดึกมากแล้วถึงเพลาที่เราจะต้องนอนแล้วกระมัง” เจ้าหญิงนลินยุพาตรัสด้วยพระสุรเสียงอ่อนโยนด้วยทรงทราบว่าพระพี่เลี้ยงผู้นี้จงรักภักดีต่อพระองค์มากเพียงใด จากนั้นจึงทรงเสด็จเข้าไปในห้องบรรทม ก่อนที่จะล่วงเข้าสู่นิทราในเพลาไม่นานนัก             
กันตาพระพี่เลี้ยง ตามมานำผ้าคลุมบรรทมมาคลุมให้พระธิดาซึ่งเป็นที่รักยิ่งของนางและเหล่านางกำนัลอย่างจงรักภักดี นางรู้สึกกังวลใจเป็นอย่างยิ่ง ทำไมนางจะไม่ทราบว่าพระธิดาของนางรู้สึกเยี่ยงใดกับเจ้าหญิงมณีจันทร์  นางมิได้มีเจตนาร้ายกับพระธิดาแม้เพียงเสี้ยวธุลี แต่ที่นางกราบทูลตักเตือนเพราะไม่อยากให้ความรักที่ไม่ถูกต้องเกิดขึ้นมา เพราะเกรงว่าผู้ที่ต้องเสียพระทัยมากที่สุดจะเป็นพระธิดาเองนั่นแล
             ...........................................................................
                                                                                                                                                                                                                                                                                                       
   ยามสายของวันรุ่งขึ้นพระธิดานลินยุพาประทับนั่งอยู่บนโขดหินในอุทยาน พระพักตร์หวานเหม่อลอยเพราะมัวแต่ครุ่นคิดถึงเรื่องที่พระพี่เลี้ยงกันตาทรงกราบทูลเมื่อคืน สายพระเนตรทอดมองไปยังสวนดอกไม้เบื้องหน้าอย่างทรงเศร้าสร้อย เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วัยแรกสาวที่ทรงได้รู้สึกพึงใจใครเยี่ยงนี้ แต่ทำไมพระพี่เลี้ยงกันตาต้องกราบทูลว่ามันมิบังควรด้วยหนอ
   เสียงถอนพระทัยครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้เจ้าชายอติรัณณ์ที่กำลังพระราชดำเนินมาหาพระนางต้องแปลกพระทัยอย่างยิ่งยวด
   “เจ้าเป็นอันใดฤๅน้องหญิง” พระสุรเสียงของเจ้าชายอติรัณณ์ที่ดังขึ้นทำให้เจ้าหญิงนลินยุพาที่กำลังเหม่อต้องสะดุ้งสุดตัว
   “น้องมิได้เป็นอันใดเพคะเสด็จพี่อติรัณณ์” พระธิดานลินยุพารีบปฏิเสธด้วยพระสุรเสียงสั่น
   “มิได้เป็นอันใดไยน้องต้องตกใจเยี่ยงนั้นเล่าน้องหญิง”
   “มิได้มีอันใดจริงๆเพคะ เพียงแต่น้องรู้สึกคิดถึงบ้านเมืองเท่านั้นเพคะ” เจ้าหญิงนลินยุพาทรงกล่าวคำเท็จเพียงเพราะไม่อยากให้เจ้าชายอติรัณณ์ทรงล่วงรู้ความในพระทัยของพระองค์
   “เยี่ยงนั้นฤๅ ถ้าเยี่ยงนี้พี่จะพาน้องเที่ยวสถานที่หนึ่ง พี่รับรองว่าน้องต้องหายคิดถึงบ้านเมืองอย่างแน่นอน”
   “ยังมีที่งดงามกว่าอุทยานและสระปทุมจันทราอีกฤๅเพคะ” เจ้าหญิงนลินยุพาทรงทูลถามด้วยพระสุรเสียงตื่นเต้น ประกายพระเนตรมีแววซุกซนแฝงอยู่
   “ความงามอาจจะไม่สู้นัก แต่ก็คงจะสามารถทำให้น้องสบายใจกว่านี้เป็นแน่ น้องจะไปสถานที่นั้นกับพี่ฤๅไม่นลินยุพา”
   “ไปสิเพคะเสด็จพี่ พระองค์ทรงพระกรุณากับน้องทั้งทีน้องจะไม่ไปได้เยี่ยงกัน”
จากนั้นขบวนเสด็จของเจ้าชายอติรัณณ์และเจ้าหญิงนลินยุพาพร้อมด้วยพระพี่เลี้ยงและเหล่านางกำนัลก็เสด็จพระดำเนินไปยังน้ำตกเบญจคีรีซึ่งมีน้ำใสราวกระจก เหตุที่ได้ชื่อว่า เบญจคีรี เพราะน้ำตกแห่งนี้ถูกโอบล้อมด้วยภูเขาทรงโค้งงุ้ม ทั้งสิ้น ๕ ลูก คอยป้องกันมิให้แสงอาทิตย์หรือจันทราตกกระทบทำให้น้ำในน้ำตกแห่งนี้เย็นสดชื่นตลอดเพลา และยังมีพรรณไม้ล้ำค่าพร้อมด้วยมวลบุปผานานาพรรณหลากสีหลายกลิ่นขึ้นอยู่รายรอบจึงเป็นที่โปรดปราณของเหล่าชาวประชาและผู้ที่สัญจรไปมายิ่งนัก
เมื่อเจ้าหญิงนลินยุพาเสด็จพระราชดำเนินถึงน้ำตกเบญจคีรี พระองค์ก็ทรงลงเล่นน้ำพร้อมด้วยพระพี่เลี้ยงและเหล่านางกำนัล เสียงน้ำตกไหลกระทบโขดหินสลับกับดนตรีที่เหล่านางกำนัลบรรเลงและร้องขับขาน คล้ายดั่งเพลงจากวงมโหรีที่คนธรรพ์บรรเลงถวายเหล่าทวยเทพ เจ้าหญิงนลินยุพาทรงหลับพระเนตรสดับเสียงนั้นอย่างเบิกบาน
เจ้าชายอติรัณณ์ทอดพระเนตรเจ้าหญิงนลินยุพาซึ่งกำลังหยอกล้อเล่นกันอยู่ในลำธารใสกับพระพี่เลี้ยงและนางกำนัล เสียงพระสรวลสดใสดังแว่วมากระทบโสตประสาทจนพระองค์ตกตะลึงตาค้างราวต้องมนต์สะกด สไบแพรสีฟ้าอ่อนที่พระนางห่มแนบพระฉวี เผยให้เห็นพระวรกายอรชรอ้อนแอ้นและเนินอกอิ่มโผล่น้ำขาวสล้าง ประกอบกับพระพักตร์งามล้ำที่แลดูผุดผ่องเป็นนวลใยทำให้พระองค์ลืมหายใจ ก่อนที่จะถอนพระทัยเดินเลี่ยงออกไปบริเวณอื่นอย่างหักพระทัย ด้วยเกรงว่าจะไม่เหมาะสมนักหากพระองค์ซึ่งเป็นบุรุษเพศจะอยู่บริเวณที่มีแต่สตรีกำลังเล่นธารน้ำตกอย่างสราญพระทัยเยี่ยงนั้น
.........................................................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06 มกราคม 2014 เวลา 22:39:43 ทอถักอักษรา »




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.