web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 260
Most Online Ever: 440
(28 เมษายน 2024 เวลา 03:05:22 )
Users Online
Members: 0
Guests: 241
Total: 241

ผู้เขียน หัวข้อ: บทที่ ๕ : นครา ณ อดีตกาลอันไกลโพ้น  (อ่าน 914 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ทอถักอักษรา

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 73
บทที่ ๕ : นครา ณ อดีตกาลอันไกลโพ้น
« เมื่อ: 05 มกราคม 2014 เวลา 18:32:52 »



Dream  ฝันค้างบนทางรัก Yuri
บทที่ ๕ : นครา ณ อดีตกาลอันไกลโพ้น

นครบุปผาลัย  ณ  อดีตกาลอันไกลโพ้น
   
ยามนั้นเป็นเพลาดึกดื่นค่อนคืนแล้วพระจันทร์เสี้ยวสีเงินแขวนอยู่บนผืนฟ้า  แสงอันสลัวรางสาดส่องลงมาที่เฉลียงน้อย ณ ตำหนักของเจ้าหญิงมณีจันทร์ พระธิดาพระเจ้าชัยวรรธนะกับพระมเหสีศุภาวลัยเจ้าเมืองแห่งนี้ 
ผู้เป็นเจ้าของตำหนักแก้วอันงดงามนี้เป็นสตรีร่างอรชรอ้อนแอ้น นุ่งผ้ายกปักดิ้นทองห่มสไบแพรสีนวลอวดผิวเนื้อผุดผ่องราวกับแสงจันทร์ทรงกลด  ตัดกับเส้นเกศาอันละเอียดสีดำขลับที่ยาวสลวยประดุจเส้นไหม ใบหน้าอันงดงามแต่งแต้มด้วยแป้งขมิ้นอบร่ำและชาดแดง งดงามราวกับนางอัปสรที่สถิตอยู่ ณ ฟากฟ้าสุราลัย  พระนางเจริญพระชนมายุ ๑๗ ชันษาแล้ว  แต่ยังไร้พระสวามีมาแนบชิดพระวรกาย  ดวงตาอันงดงามราวกับตาเนื้อทรายของนางเพ่งมองพระจันทร์ด้วยความแช่มชื่น
   “พระธิดาเพคะ บรรทมเถอะนะเพคะ หม่อมฉันจัดเตรียมพระยี่ภู่เรียบร้อยแต่นานแล้ว” เกสรพระพี่เลี้ยงคนสนิทของพระธิดามณีจันทร์ได้กราบทูลเชิญพระธิดาให้เสด็จบรรทม
   “เกสร เรายังไม่อยากนอนเลย...” พระธิดาตรัสกับพระพี่เลี้ยงด้วยพระสุรเสียงอ่อนหวาน
   “บรรทมเถอะนะเพคะพระธิดา วันพรุ่งจะมีพระราชอาคันตุกะจากเมืองพินทุปุระมาเยือนเมืองของเรานะเพคะ” เกสรพระพี่เลี้ยงคนสนิทได้กราบทูลเชิญพระธิดาไปบรรทมอีกครั้งหนึ่ง
   “เจ้านี่ชอบยุ่งย่ามกับเราเสียนี่กระไร มีแขกบ้านแขกเมืองมาก็เป็นหน้าที่ของเสด็จพ่อเสด็จแม่กับเสด็จพี่อติรัณณ์ คอยรับหน้าอยู่แล้วมิใช่รึ  มิใช่หน้าที่ของเราสักหน่อย” พระสุรเสียงพระธิดาเข้มขึ้นเมื่อพระพี่เลี้ยงยังกราบทูลเชิญให้พระองค์เสด็จบรรทม
   “แต่พระธิดาเพคะ  หม่อมฉันว่า....”
   “ไม่มีแต่เกสร  เจ้านั่นแหละนอนได้แล้ว  เราอยากชมจันทร์เงียบๆคนเดียว”
   “โถ่!พระธิดาเพคะ  ถ้าวันพรุ่งพระองค์ไม่ทรงตื่นบรรทมไปรับหน้าพระราชอาคันตุกะจากเมืองพินทุปุระ  องค์เหนือหัวกับองค์ราชินีจะทรงกริ้วนะเพคะ” เกสรพยายามโน้มน้าวพระทัยของเจ้าหญิงมณีจันทร์
“เฮ้อ...เรานอนแล้วก็ได้ ว่าแต่เกสรวันพรุ่งชาวเมืองพินทูปุระจะมาทำอันใดที่เมืองเรา  เจ้าทราบฤๅไม่” เจ้าหญิงมณีจันทร์ตรัสถามพระพี่เลี้ยงเกสรในขณะที่ทรงบรรทมบนพระแท่นบรรจถรณ์แล้ว
   “หม่อนฉันมิทราบเพคะ  แต่เห็นเหล่านางกำนัลจัดเตรียมตำหนักรับรองกันอยู่เพคะ”
   “อย่างนั้นรึ  เรานอนแล้วนะ  เราก็อยากเห็นราชอาคันตุกะเช่นกัน” ตรัสจบพระธิดามณีจันทร์ก็ทรงหลับพระเนตรพริ้มก่อนจะบรรทมหลับไปในเพลาไม่นานนัก  ท่ามกลางการปรนนิบัติพัดวีของเกสรพระพี่เลี้ยงคนสนิทและเหล่านางกำนัลที่จงรักภักดีต่อนาง
         ...........................................................................

นครพินทุปุระ 

   นครพินทุปุระ  อยู่ทางเหนือของนครบุปผาลัย ปกครองโดยองค์ชัยวรเมธกับพระนางสวรินทร์เทวีพระมเหสีคู่บุญบารมี  ทั้งสองพระองค์ทรงมีพระโอรสและพระธิดา ๒ พระองค์  คือ เจ้าชายธราเทพกับเจ้าหญิงนลินยุพา ทั้งสองพระองค์มีพระชนมายุ  ๒๐ ชันษา  และ  ๑๘ ชันษา  ตามลำดับ ซึ่งเป็นที่เลื่องลือว่าพระโอรสและพระธิดาของนครแห่งนี้มีพระศิริโฉมงดงามราวกับเทวัญและเทวีที่สถิตอยู่ ณ สรวงสวรรค์
   พินทุปุระนครนี้กว้างใหญ่ไพศาล ราวกับมีเทวดามาเนรมิตให้ มีปราสาทหินและตำหนักที่งดงาม หลังคาและผนังทั้งภายในและภายนอกทำด้วยหินอ่อนสวยงาม  ปราสาทมียอดเล็กยอดใหญ่เป็นทรงไม้สิบสอง ประตูและหน้าต่างทำด้วยแก้วสีทับทิม  มีพรรณไม้ดอกไม้ประดับรายรอบและมีอิฐทองปูพื้นเป็นทางเดิน  นอกจากนี้ยังมีท้องสนามอันกว้างใหญ่เตียนสะอาดปูด้วยดินทรายทอง  มีสุวรรณพลับพลาตั้งอยู่บนกำแพงเมืองสูงตระหง่านเทียมฟ้า  สำหรับทอดพระเนตรการประลองฝีมือของเหล่าทหาร
   ทางทิศตะวันออกของเมืองมีอุทยานหลวง ภายในอุทยานมีสระรมย์นลิน ซึ่งเป็นสระบัวหลากหลายสายพันธุ์ที่มีน้ำใสสะอาดราวกับแก้วอันรุจี รอบๆสระเต็มไปด้วยพรรณไม้นานาพันธุ์  ซึ่งทำให้สวนแห่งนี้เป็นที่สราญพระทัยของเจ้าหญิงนลินยุพาเป็นอย่างยิ่ง  ทุกค่ำคืนพระธิดาจะทรงมาสรงน้ำและเล่นน้ำที่นี่ ไม่เว้นแม้แต่ค่ำคืนนี้พระธิดาก็ยังทรงมีพระราชประสงค์จะเสด็จไปยังสระรมย์นลิน  เมื่อเจ้าหญิงนลินยุพาเสด็จถึงสระรมย์นลินพระองค์ก็ทรงลงเล่นน้ำพร้อมด้วยพระพี่เลี้ยงและเหล่านางกำนัล  เสียงน้ำตกไหลกระทบโขดหินดังกังวาน  พระธิดาทรงเล่นน้ำอย่างเบิกบานพระทัย  จวบจนเพลาล่วงเลยใกล้ถึงสองยาม  พระพักตร์ของพระธิดาก็ต้องขุ่นมัวเมื่อกันตาพระพี่เลี้ยงคนสนิทได้กราบทูลให้พระองค์ทรงกลับพระตำหนัก
   “พระธิดาเพคะใกล้จะสองยามแล้วนะเพคะ  หม่อมฉันว่าพระองค์ทรงเสด็จกลับพระตำหนักเถอะนะเพคะ”
“เรายังไม่อยากกลับเลยกันตา  เจ้าอยากกลับก่อนก็ตามแต่ ปล่อยเราไว้ที่นี่ก็ได้จะเป็นไรมี” พระธิดาทรงตรัสด้วยพระสุรเสียงขุ่น พระขนงขมวดมุ่นอย่างไม่พอพระทัย
   “แต่วันพรุ่ง  พระองค์ต้องร่วมเสด็จไปเยือนเมืองบุปผาลัยนะเพคะพระธิดา”
   “แล้วทำไมเจ้าพึ่งมาแจ้งเรา  จริงสิเราได้ข่าวว่าพระธิดาของเมืองนั้นงามมากมิใช่ฤๅกันตา” เจ้าหญิงนลินยุพาตรัสถามพระพี่เลี้ยงด้วยพระพักตร์เบิกบานแววพระเนตรสุกใสออกอาการกรุ้มกริ่มเล็กน้อยราวบุรุษเอ่ยถึงอิสตรีทั้งๆที่พระธิดาทรงเป็นอิสตรีเยี่ยงเดียวกัน
   “หม่อมฉันมิทราบเพคะ  แต่หม่อมฉันได้ยินนางกำนัลลือว่า
   พิศพักตร์ผ่องพักตร์ดังจันทร        พิศขนงโก่งงอนดังคันศิลป์
พิศเนตรดั่งเนตรมฤคิน                          พิศทนต์ดั่งนิลอันเรียบราย
        พิศโอษฐ์ดั่งหนึ่งจะแย้มสรวล      พิศนวลดังสีมณีฉาย
พิศปรางดั่งปรางทองพราย                      พิศกรรณคล้ายกลีบบุษบง
        พิศจุไรดั่งหนึ่งแกล้งวาด        พิศศอวิลาสดั่งคอหงส์
พิศกรดั่งงวงคชาพงศ์                           พิศทรงดั่งเทพกินรา
       พิศถันดั่งปทุมเกสร                พิศเอวเอวอ่อนดั่งเลขา
พิศผิวผิวผ่องดั่งทองทา                         พิศจริตกิริยาก็จับใจ” ๑
   “งามถึงเพียงนั้นเชียวรึ  เราชักอยากจะยลโฉมนางเสียแล้วสิ” ตรัสจบเจ้าหญิงก็ทรงขึ้นจากสระรมย์นลินและทรงแต่งพระองค์เตรียมพร้อมกลับตำหนัก 
กันตามองพระธิดานลินยุพาผู้ทรงงดงามราวกับนางอัปสรด้วยสีหน้ากังวล พระฉวีของพระธิดานั้นขาวผ่องจนคล้ายส่องแสงเรืองรอง ริมฝีพระโอษฐ์แดงประดุจใบไม้อ่อน พระเกศายาวสลวยสีนิล  พระพักตร์ละอองนวลเปล่งปลั่งดังดวงจันทร์วันเพ็ญ  ทั้งพระวรกายก็ทรงอรชรอ้อนแอ้นทั้งอินทรีย์  งดงามยิ่งกว่านางใดในพิภพจบแดน  แต่เหตุไฉนพระธิดาของนางกลับทรงตรัสชื่นชมอิสตรีเยี่ยงนี้
   “กันตา ! เจ้ายืนเหม่ออะไร แล้วนี่จ้องหน้าเราทำไม หน้าเรามีอันใดติดอยู่ฤๅ” เจ้าหญิงนลินยุพาทรงตรัสถามเมื่อพระพี่เลี้ยงกันตาจ้องพักตร์ของพระองค์ด้วยแววตาแปลกๆ
 “ไม่มีอันใดเพคะพระธิดา เพียงแต่พระพักตร์ของพระองค์งดงามยิ่งกว่าสตรีใดในแผ่นดินเพคะ”
   “เจ้าปดเรารึ....เมื่อครู่ เจ้ายังบอกว่าเจ้าหญิงมณีจันทร์แห่งนครบุปผาลัยงดงามกว่านางสวรรค์มิใช่รึ”
   “หม่อมฉันมิกล้าปดพระองค์เพคะ  เพียงแต่พูดตามที่ได้ยินมาเพคะ”
   “ถ้าไม่มีอะไรแล้วเจ้าก็เตรียมตัวเข้า ขืนเจ้าชักช้าเราจักทิ้งเจ้าไว้ที่นี่ ! ” พระธิดาทรงตรัสขู่พระพี่เลี้ยงด้วยพระสุรเสียงห้วน
   “เพคะ”
   หลังจากนั้นขบวนเสด็จของเจ้าหญิงนลินยุพากับพระพี่เลี้ยงกันตาและเหล่านางกำนัลก็เร่งรัดกลับตำหนักและเสด็จกลับถึงตำหนักในเวลาสองยามพอดิบพอดี  เจ้าหญิงนลินยุพาทรงบรรทมถึงพระพักตร์เจ้าหญิงมณีจันทร์ที่ร่ำลือกันทั้งนครของพระองค์ว่ามีพระศิริโฉมงดงามหนักหนา
“อา ! วันพรุ่งเราจะได้พบเจ้าแล้วมณีจันทร์ ใคร่รู้นักว่าเจ้าจะงดงามสมคำร่ำลือฤๅไม่”
....................................................................

๑  บทชมโฉมนางสีดา จากเรื่องรามเกียรติ์ พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๒
 




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.