อุบายรักจับใจ yuri ตอนที่ 11
โพสต์โดย:
meAyou
วันที่: 11 มกราคม 2020 เวลา 10:21:38
อ่าน: 452
|
ดูเหมือนว่าท้องฟ้าสดใสเมื่อสักครู่ที่ผ่านมาจะเป็นตัวหลอกเมื่อเวลาผ่านไปเพียงไม่กี่นาทีดวงดาวที่ฉายแสงก็ลาลับหายไปอย่างรวดเร็วเปลี่ยนมาเป็นสายฝนแน่นหนาที่แทบจะมองไม่เห็นทางเบื้องหน้า นั่นเป็นเหตุให้เพลงพิณต้องมานั่งในบ้านให้เจ้าของบ้านได้นำไวน์ออกมาให้จิบคลายหนาวรอคอยเวลาที่หวังว่าเม็ดฝนจะเบาบางลงซึ่งดูยังไงเธอก็คงจะหลบเลี่ยงคำเชิญชวนให้ค้างที่บ้านหลังนี้ไม่ได้แน่ๆ ฝนนะฝนทำไมถึงต้องมาตกหนักเอาวันนี้ด้วยนะ ?จัดการเรียบร้อยแล้วค่ะ? ธณิกาเดินออกมารายงานหลังจากที่ให้คนงานแบกคนเมาสองคนไปเก็บในห้องหวังว่าตื่นมาแล้วหันมาเจอหน้ากันจะไม่ตีกันจนตายหรอกนะ ?รบกวนคุณธณิกาด้วยนะคะ? ?ไม่รบกวนหรอกค่ะรักเต็มใจ? ?แต่พ่อคุณ?? ความกังวลใจฉายชัดออกมาทางดวงตาหากแต่เมื่อห้องรับแขกจัดไม่ทันและมันคงจะไม่เหมาะหากปล่อยให้คนที่ได้ชื่อว่าแขกนอนที่โซฟาในสภาพอากาศที่เย็นยะเยือกเช่นนี้ดังนั้นสถานที่ที่เหมาะสมก็จะเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจาก?ห้องของเจ้าบ้าน ?ไม่มีอะไรต้องห่วงหรอกค่ะ? เป็นคำพูดปลอบที่ดูจะไม่ช่วยให้สบายใจได้เลยหากแต่ก็คงจะไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว ก็คงต้องรอลุ้นผลในวันพรุ่งนี้?
สายฝนยังคงหลั่งไหลลงมาให้อุณหภูมิลดลงเรื่อยๆ แม้จะมีเครื่องดื่มช่วยกระตุ้นความอบอุ่นให้ร่างกายแต่ดูเหมือนมันจะยังไม่เพียงพอนั่นทำให้ใครบางคนต้องกระชับกอดตัวเองบรรเทาความสั่นเทาของร่างกาย เพลงพิณรู้สึกตกใจไม่น้อยเมื่ออยู่ๆ ร่างกายก็ถูกพันธนาการด้วยผ้าผืนหนา รอยยิ้มของคนที่ถือวิสาสะทำให้หัวใจที่เต้นแรงอยู่แล้วยิ่งเพิ่มจังหวะมากขึ้น ดวงตาสองคู่สบกันโดยไม่ได้ตั้งใจและเป็นดั่งเช่นเดิมเมื่อคือตัวเองที่เป็นฝ่ายหลบเลี่ยง ?ขอบคุณค่ะ? ธณิกาเปิดยิ้มกว้างขึ้นเมื่อการตอบรับเป็นไปในทางที่ดีกว่าที่คิดและเพื่อไม่ทำให้ใครอีกคนอึดอัดจนเกินไปเจ้าตัวจึงถอยห่างออกมานั่งยังที่ของตัวเอง เธอคิดว่าเป็นระยะห่างที่พอดีระหว่างเรา ไม่ใกล้มากแต่ก็ไม่ได้ห่างจนเกินไป การไร้หัวข้อสนทนาทำให้เกิดความเงียบขึ้นนั่นทำให้ได้ยินเสียงรอบข้างชัดเจน มันชัดเจนเกินไปจนทำให้เพลงพิณนึกอึดอัดจนต้องเป็นฝ่ายเริ่มเปิดประเด็นขึ้นมาก่อนหากแต่ในหัวของเธอก็มีแต่เรื่องงาน เรื่องไร่ คงจะชวนคุยอะไรได้ไม่มากนักแต่ก็น่าจะดีกว่าปล่อยให้บรรยากาศวังเวงอยู่แบบนี้ "คุณธณิกาจะเริ่มทำงานในไร่เลยหรือเปล่าคะ" ประโยคคำถามดังขึ้นให้คนที่กำลังเพลินกับเสียงฝนต้องใช้ความคิด ความจริงเธอคิดว่าตัวเองไม่เหมาะกับสถานที่แบบนี้หรอกอยู่ไปก็เกะกะรกตาบิดาเปล่าๆ หากแต่ถ้าไม่ใช่ตัวเองก็มองไม่เห็นแล้วจริงๆ ว่าจะเป็นใคร "ก็เอ่อก็ คงเริ่มเลยมั้งคะ" "ดูคุณยังลังเล" "ฉันไม่ถนัดนิคะคุณเพลงพิณก็เห็น" "เมื่อก่อนฉันก็เป็นแบบคุณนี่แหละ" เพลงพิณพูดย้อนไปถึงช่วงเวลาการเริ่มต้นที่ตัวเองก็ไม่เป็นอะไรสักอย่าง ทุกอย่างถูกจำกัดโดยความกลัวหากแต่เพราะเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบเธอจึงต้องสลัดความกลัวทั้งหมดทิ้งไป ?คุณเป็นคนเก่ง? ธณิกาเอ่ยปากชมทันทีคำๆ นี้เธอไม่ได้ต้องการพูดเอาใจใครอีกคนแต่มันคือความจริงที่ประจักษ์มากับตาแล้วต่างหาก เพลงพิณเป็นคนเก่ง เก่งจนทำให้นึกไม่ถึงเลยว่าจะคนอย่างเธอจะได้รู้จัก "ฉันไม่มีทางเลือกต่างหาก" "คุณทำได้ดี ดีมากๆ" "ทุกอย่างต้องใช้เวลาค่ะถึงจะลงตัวแบบนี้" "เป็นฉันคงทำไม่ได้ทุกอย่างดูหนักเกินไปจนน่ากลัว" "มันจำเป็นค่ะ" "คุณคงเหนื่อยมาก" "ชินแล้วล่ะค่ะ" คนพูดเอ่ยออกมาด้วยนํ้าเสียงเป็นปกติหากแต่ธณิกามั่นใจว่าเธอเห็นบางอย่างในดวงตาคู่หวานในช่วงวินาทีหนึ่งเธอมองเห็นมันวูบไหวและดูเศร้ามากเสียจนให้เกิดความรู้สึกที่เรียกว่าสงสารขึ้นมา "แล้วทำไมคุณไม่หาใครสักคนมาเป็นคู่คิดละคะ" เกือบจะดีอยู่แล้วเชียวถ้าใครอีกคนไม่วกกลับมาเรื่องเดิมที่รู้กันดีอยู่แก่ใจ นี่คงจะคิดเชียร์พ่อของตัวเองอีกแล้วล่ะสิ "พ่อคุณนะเหรอคะ" "เอ่อ..." ถ้าได้ก็ดี...ธณิกาเพียงคิดคำตอบนี้ในใจเธอรู้ว่าตั้งแต่ต้นก็ไม่สามารถหลอกคนตรงหน้าได้แล้ว อันนี้มันก็คือความผิดพลาดของตัวเองเธอยอมรับและหลังๆ มาเธอก็พบว่าเพลงพิณฉลาดกว่าที่คาดการณ์ไว้หลายเท่านั่นจึงทำให้แผนการของบิดาไม่ประสบผลตามความต้องการแต่อย่างใด ทุกอย่างไม่คืบหน้าหรืออาจจะเรียกได้ว่าถอยหลังลงคลองไปเลยก็ว่าได้ "ทำไมคุณถึงสนับสนุนคุณพ่อคุณล่ะคะฉันเห็นลูกหลายคนหวงพ่อยิ่งกว่าแฟนซะอีก" "ฉันอยากให้ท่านมีคนดีๆ ดูแลค่ะ" "คุณรู้จักฉันแค่เดือนกว่าๆ เอาอะไรมามั่นใจว่าฉันจะเป็นคนดี" "ฉันเชื่อค่ะว่ามองคนไม่ผิด" "มั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอคะ" "แน่นอนค่ะ" "ถ้าคุณพูดเหมือนมองฉันออกคุณก็น่าจะรู้ว่า?ฉันรู้สึกยังไงกับพ่อของคุณ" พลาดแล้ว! ธณิกาเผลอตัวไปสบตาคนพูดเข้าให้และนั่นทำให้เธอมองเห็นความจริงแท้แน่นอนในประโยคที่เพิ่งผ่านพ้นไปหากบิดามาได้ยินถ้อยคำแบบนี้แล้วล่ะก็คาดว่าคงได้ความดันขึ้นจนต้องหามส่งโรงพยาบาลเป็นแน่ "คุณยังไม่เคยลองคบจะรู้ได้ยังไงคะว่าไม่ใช่" เอาวะ! ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วลองอีกซักตั้งก็ไม่เสียหายอะไร "จะลองคบไม่ลองคบฉันก็รู้ค่ะว่าไม่ใช่" "ตะ ตะแต่..." "ขนาดคุณกับฉันยังไม่เคยคบกันคุณยังมองฉันออกเลยแล้วนับประสาอะไรกับพ่อของคุณที่ฉันจะมองไม่ออก" เอาแล้วๆ ธณิกาถึงกับสะอึกเมื่อใครอีกคนเหวี่ยงคำพูดคุ้นๆ คืนกลับมาให้และเมื่อมันคือสิ่งที่ตัวเองเคยพูดออกไปเธอจะเถียงอะไรออกมาได้อีก "งั้นฉันขอถามอะไรสักข้อได้มั้ยคะ" "อะไรคะ" "หัวใจของคุณตอนนี้ยังคงว่างอยู่หรือเปล่า" เพลงพิณเงยหน้ามองเจ้าของคำถามที่ดูจะจริงจังเหลือเกินกับคำถามนี้ นี่เขายังคงไม่ลดละที่จะเป็นแม่สื่อแม่ชักให้กับพ่อของตัวเองอีกสินะ "คุณบอกว่ารู้จักฉันดีเพราะฉะนั้นคำตอบของฉันในเรื่องนี้คุณก็น่าจะรู้ดีอีกเหมือนกัน" ดอกที่สองถูกจัดมาให้ธณิกาได้นึกสับสนในใจ เรื่องเป็นคนดีคนเก่งเธอไม่เถียงหรอกนะว่าเพลงพิณมีทั้งหมดนี้อยู่ในตัวหากแต่ในหัวใจนี่สิใครกันจะไปรู้ดีเท่าเจ้าหล่อนที่เป็นเจ้าของ "ฉันง่วงแล้วขอตัวไปนอนก่อนนะคะ" "เดี๋ยวสิคะคุณยังไม่ได้ตอบ..." "คุณรู้อยู่แล้วฉันไม่จำเป็นต้องบอก" "แต่..." "ฝันดีนะคะ" คนสวยไปแล้วทิ้งปริศนาธรรมไว้ให้กับเจ้าของคำถามที่ยังไม่ได้รับคำตอบฉี่ตอนปฏิเสธบิดาของเธอชัดถ้อยชัดคำแต่พอมาถามเรื่องนี้กลับบ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบหรือว่า...เพลงพิณจะมีใครอยู่ในใจแล้ว! ดูท่าบิดาของเธอคงได้กินแห้วจริงๆ แล้วสินะแบบนี้? เช้าแล้วก็ได้เวลากลับไร่หากแต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นใครบางคนยกข้าวต้มมาวางที่โต๊ะกินข้าว "ตื่นแล้วเหรอครับนี่ผมทำข้าวต้มไว้แล้วเชิญคุณเพลงพิณมาทานได้เลยครับ" "เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะฉันกลับไปกินที่ไร่ก็ได้" "ไม่ได้ครับไม่ได้ แขกมาถึงเรือนชานแล้วผมก็ต้องต้อนรับให้ดีที่สุด" เพลงพิณทำได้แค่เปิดยิ้มก่อนจะเดินมานั่งตามที่เจ้าของบ้านเชิญชวนความจริงเธอก็อยากที่จะกลับไร่เดียวนี้เลยหากแต่ติดที่คนมาด้วยนี่แหละที่ยังไม่โผล่หน้าออกมาทำให้ต้องรออยู่แบบนี้ "แล้วคุณธณิกาล่ะคะ" "รายนั้นยังไม่กินหรอกครับ ออกไปวิ่งตั้งแต่เช้าแล้ว" "คุณธณิกาเนี่ยนะคะ" "เห็นแบบนั้นเป็นพวกรักสุขภาพนะครับตอนอยู่กรุงเทพก็เข้าฟิตเนสเกือบทุกวัน" สิ่งแปลกใหม่ทำให้ไม่นึกอยากเชื่อเท่าไหร่หากเมื่อได้ยินกับหูและพิสูจน์ด้วยสายตาในเวลานี้ก็ทำให้ไม่สามารถปฏิเสธความจริงในเรื่องนี้ไปได้ "อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณเพลงพิณ" "ค่ะไม่คิดว่าคุณจะชอบออกกำลังกาย" "ก็ต้องทำบ้างค่ะขืนกินแล้วนอนเฉยๆ พุงได้ยื่นเหมือนพ่อพอดี" แม้จะพูดเสียงเบาแต่คนที่อยู่ในประเด็นก็ได้ยินมันชัดเจนจนต้องกระแอมออกมา "เบาๆ หน่อยระยะเผาขนไปนะ" "เอ่อ ข้าวต้มน่าทานจังนะคะ" "เปลี่ยนเรื่องเร็วเชียว" "เค้าล้อเล่นค่ะบนโลกนี้ไม่มีใครหล่อ สปอร์ต ใจดี รักเด็กแล้วก็รวยล้นจักรวาลเท่าคุณพ่อกฤษณ์อีกแล้วล่ะค่ะ" คนพูดเอ่ยเสียงใสก่อนจะหอมแก้มบิดาเพื่อหวังอ้อนให้คนที่ไม่เคยเห็นภาพเหล่านี้เกิดความรู้สึกเอ็นดู ท่าทางธณิกาจะเป็นลูกสาวขี้อ้อนพ่อสินะปกติเห็นแต่โหมดความเวอร์วังเอาแต่ใจพอมาเห็นโหมดนี้บ้างก็ทำให้รู้สึกแปลกไปอีกแบบ "งั้นรักไปอาบนํ้าก่อนนะคะ" "รีบๆ ล่ะจะได้มากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา" คนพูดเปิดยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อสามารถตีเนียนพูดในบางเรื่องออกมาได้ ท่าทางดีใจจนออกนอกหน้าของบิดาทำให้นึกขำหากแต่ดวงตาของคนถูกเหมารวมนี่สิที่ทำให้ต้องรีบหุบยิ้ม ควรจะบอกบิดาไหมนะว่าหากพูดแบบนี้บ่อยๆ อาจจะถูกข้าวต้มลอยมาฟาดหน้าเข้าให้สักวัน "รบกวนคุณธณิกาตามคุณปลัดให้ด้วยนะคะ" "ได้ค่ะ" ธณิกาเดินขึ้นไปบนบ้านทิ้งความเงียบงันไว้เบื้องหลังด้วยเพราะเมื่ออยู่กันเพียงลำพังเพลงพิณก็ไม่พูดไม่จาอีกเลย ในเวลานี้เจ้าบ้านก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเจ้าหล่อนยังคงหายใจอยู่หรือเปล่า ทำไมอยู่ๆ ถึงได้เงียบเกินความพอดีแบบนี้กันนะ เงียบมาก เงียบจนเขาเกร็งจิกปลายเท้าจะทะลุพื้นอยู่แล้วเนี่ย เงียบ เงียบเกินไปแล้ววววววว
|
Rating: This article has not been rated yet.
|
|
ความคิดเห็น
|