web stats

ข่าว

 


Ghost Writer - บทที่ 17 For You

โพสต์โดย: anhann วันที่: 22 มกราคม 2019 เวลา 21:58:04 อ่าน: 153





"Ghost Writer (เลิกเป็นผี มาเป็นแฟนกันดีไหม) "

เปิดให้จองและชำระเงินได้ตั้งแต่ วันนี้ - 10 กุมภาพันธ์ 2562 กำหนดส่งหนังสือประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2562

ในราคา เล่มละ 350 บาท ส่งฟรีพัสดุธรรมดา (เฉพาะช่วงจอง) ส่งลงทะเบียน 400 บาท และ 420 บาท EMS

สนใจติดต่อ anhann5@gmail.com , Inbox หรือ ไลน์ anhann

หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ --->>> http://bit.ly/2RmpYRR


บทที่ 17 For You







ดิ๊พซี่ก้าวลงจากรถเมอร์เซเดสซีคลาสของตนเมื่อถึงจุดหมาย  ครั้งนี้เธอเอารถตัวเองมา  สลับกันขับกับผู้ร่วมทางอีกคนในจำนวนสามคนที่มาด้วยกัน  เธอสูดลมหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าปอด  ที่นี่เหมาะเป็นบ้านพักตากอากาศมาก  แต่ถ้าบางคนจะใช้มันเป็นบ้านจริงๆ เลยก็ไม่ผิดอะไร  เธอเลิกต่อต้านจูนนานแล้ว  ทำไมน่ะเหรอ  เพราะเธอก็ชอบมันแล้ว  แม้จะไม่มีสิทธิ์มาอยู่กับเขา  แค่ได้มาเยี่ยมบ้างเป็นครั้งคราวก็พอ

"นมคะ  มากับฉันดีกว่าค่ะ  ให้พวกเขาขนกันเถอะ"  เธอหันไปพูดกับแม่นมจอร์จิน่าที่ขอตามมาด้วย  ที่จริงจูนก็ขอเธอเอาไว้แล้วว่าให้พามาด้วยกันถ้าแม่นมอยากจะมา  เพราะจูนคงไม่มีเวลาไปลอนดอนตอนนี้แน่ๆ

"คุณไหวหรือเปล่า  ถ้าไม่ก็ให้คนที่ขอติดรถมาด้วยแบกละกัน"

"คุณพาแม่นมเข้าไปเถอะ  ฉันจัดการเอง"  ฟลิคบอก  ยิ้มให้แม่นมที่ลังเลอยากกลับมาช่วยเธอยกข้าวของที่ขนมาฝากจูนเต็มท้ายรถทั้งที่แค่เดินอย่างเดียวก็ยากแล้ว  แข้งขาไม่ค่อยดีตามอายุขัย 

"ผู้หญิงอะไรไม่รู้  ปากร้ายจังเลย"  ฮารุนะบ่นอุบอิบขณะช่วยกันกับฟลิคยกของจากท้ายรถไปเข้าบ้าน  ฟลิคส่ายหน้ากึ่งยิ้มแทนคำตอบโต้

ทั้งสองได้ยินเสียงเห่า  คงเป็นเจ้าแบร์ทักทาย  พอมองไปดูก็เห็นจูนเดินออกมาจากบ้าน  คนตัวสูงสวมกอดแม่นมอย่างดีใจ  ผลักหัวดิ๊พซี่เบาๆ หยอกเอินตามปกติ  แล้วก็โดนตีไหล่กลับไปก่อนที่ทั้งสองจะกอดกัน  และจูนจูบแก้มคนตัวเล็กแบบคนรักใคร่สนิทสนมกันดี  ฟลิคหน้าเจื่อนไปนิด  ดิ๊พซี่ยังรักจูนอยู่  เธอรู้ดี  แต่มันจะแปลกอะไร  ใจคนบางคนเปลี่ยนยาก  อย่างเธอที่ยังไม่เคยเปลี่ยนเลย  ไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือตอนนี้  และยังคงพยายามน้อยเหมือนเคย  อย่างที่ดิ๊พซี่บอกนั่นแหละ

น้อยจนเหมือนไม่เต็มใจหรือจริงใจ  เพราะเธอปอดแหกไงล่ะ

ฟลิคถอนหายใจให้ตัวเอง  เธอคงถนัดแต่ทำงานจริงๆ อย่างที่โจซี่ชอบแขวะทุกวันแน่ๆ  คิดได้แล้วก็ยกของเข้าบ้านต่อ  ช่างมันปะไร

"คาเร็น  เป็นไงบ้าง"  ฮารุนะร้องทักพี่สาว  แทบจะทิ้งของทุกอย่างลงพื้นทันทีที่เห็นคาเร็นบนวีลแชร์ถ้าจูนไม่เข้ามาช่วยรับของไปจากมือให้

"นี่อย่าเพิ่งแตะเขาสิ  ไปล้างมือก่อน  สกปรก"  ดิ๊พซี่ดุ  เอาตัวเข้ามาขวางทางฮารุนะไม่ให้พุ่งเข้าไปกอดคาเร็น  เด็กสาวติดเบรกหัวเกือบทิ่ม

"ฉันไม่ได้จับอะไรสกปรกมาสักหน่อย"

"แล้วของที่เธอถือมาล่ะ  จะไม่มีเชื้อโรคติดมาหรือไง"

"ดิ๊พ  ไม่เอาน่า"  จูนปราม  พลางแตะไหล่เด็กสาวอย่างปลอบโยน  ตอนนี้ฮารุนะก็เหมือนน้องสาวคนหนึ่งของเธอแล้ว  "ไปล้างมือก่อนก็ได้  ถ้าไม่สบายใจ  มีสบู่เหลวฆ่าเชื้ออยู่ในห้องน้ำตรงนั้นน่ะ"

"นมคะ  นี่คาเร็นค่ะ  แฟนจูน" 

แม่นมจอร์จิน่ามองหญิงสาวหน้าตาดีบนวีลแชร์อย่างแปลกใจกึ่งสงสาร  นางเงยหน้ามองจูนให้แน่ใจ  จูนพยักหน้าให้แม่นม

"เธอเคยเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ค่ะ  แต่เธอป่วยหนักจำเป็นต้องขายมันไป  และบังเอิญจูนซื้อมา  เราเลยได้รู้จักกันค่ะ  จริงๆ เรื่องราวมันซับซ้อนกว่านั้นเยอะ  แต่นมรู้แค่นี้ก็พอค่ะ  ปวดหัวเปล่าๆ"

"คุณจูน..."

จูนยิ้มแหยๆ ให้แม่นมที่เหมือนแม่ตัวเองคนหนึ่ง  เธอเข้าไปกอดนางอย่างเอาใจ  "เอาไว้มีเวลาจะเล่าให้ฟังค่ะ  แต่คนนี้แหละว่าที่ภรรยาจูน"

สีหน้าแม่นมคลายกังวลลงนิดหน่อย  ต่างจากดิ๊พซี่ที่หน้าเจื่อนลงจนฮารุนะสังเกตเห็นระหว่างเดินกลับมาจากห้องน้ำ

"คุณก็เก่งนะ  ทนมองพวกเขาได้ด้วย" 

ดิ๊พซี่ขมวดคิ้วให้เด็กสาวที่ดูเหมือนจงใจจะกวนเธอ  คงอยากแก้แค้นเธอเต็มแก่  "ถ้าเธอคิดว่าเรื่องแค่นี้จะทำให้ฉันเจ็บปวดได้ละก็  เข้าใจผิดแล้วละ  ตอนนี้ฉันเจ็บน้อยกว่าเมื่อก่อนเยอะ  ถ้าเธอจะฉลาดพอจะรู้ว่าฉันหมายถึงอะไรนะ"

"คุณนี่เหลือเชื่อจริงๆ"  ฮารุนะเอ่ยทึ่งๆ  มองดิ๊พซี่เดินไปช่วยจูนปรับวีลแชร์ให้คาเร็นเพื่อให้นั่งได้สบายตัวมากขึ้น  เธอยิ้ม  ดีใจกับพี่สาวที่ได้ครอบครัวใหม่ที่อบอุ่นกว่าเดิมมาก

"พี่เป็นยังไงบ้าง  คาเร็น"  เด็กสาวเข้าไปทักทายพี่สาว  พลางเอ่ยขอบคุณจูนที่เลื่อนเก้าอี้มาให้นั่งและอนุญาตให้เธอจับมือคาเร็นได้  รวมถึงช่วยเป็นล่ามให้ด้วย

"ดีขึ้นกว่าเดิมเยอะแล้วละ  นักกายภาพบำบัดมาดูแลและสอนหัดเดินได้สองวันแล้ว  ตอนนี้ก็เริ่มเข้าห้องน้ำเองได้  แต่ฉันยังต้องช่วยอยู่  ช่วยพยุงไปนั่งและให้ทำธุระเอง  ตักอาหารเองได้แต่ยังช้า  เริ่มใช้คอมพิวเตอร์  แบบใช้นิ้วจิ้มทีละนิ้วน่ะ  และก็...สื่อสารได้นิดหน่อย"

"ยังพูดไม่ได้เหรอคะ"

จูนส่ายหน้า  "เหมือนต้องหัดกันใหม่หมดแหละค่ะ  แค่เรื่องเดียวที่ดูเหมือนจะทำได้ดีมาก"

"อะไรคะ"

"เขียนหนังสือ"

"เขียนหนังสือ?"  ฮารุนะแปลกใจ  มองคาเร็นที่สีหน้าว่างเปล่าราวกับรูปปั้นอยู่เหมือนเดิมตั้งแต่เธอเดินเข้าบ้านมา  "เขียนแบบไหนคะ"

"ก็ใช้คอมพิวเตอร์พิเศษที่ฉันสั่งมาให้คนแบบเขาน่ะ  จิ้มคีย์บอร์ดทีละตัวอย่างที่บอกไง"

"ฉันรู้ค่ะ  แต่ว่า..."

"พี่เธอไม่ได้เอ๋อ  ฮารุนะ  เขาแค่ไม่มีแรง  กล้ามเนื้อลีบเพราะนอนนานเกินไป"  จูนพูด  เสียงขุ่นนิดหน่อย  ใช่ว่าเธอจะหายกังวลแล้ว  จนกว่าคาเร็นจะพูดกับเธอ  บอกได้ว่าเจ็บอะไรตรงไหนนั่นแหละ  เธอจึงจะสบายใจ

"แล้วพี่จำคุณได้ไหม"

"ไม่แน่ใจ  ลองถามเขาดูสิ" 

"ทำไมล่ะคะ"  ฮารุนะงง  แต่จูนโบกไม้โบกมือและขอตัวไปดูแลคนอื่นๆ  ให้โอกาสเธออยู่กับคาเร็นสองคน  เผื่อมีเรื่องอะไรจะคุยกันตามประสาพี่น้อง  เผื่อคาเร็นจะพูดกับเธอ

เด็กสาวมองตามแฟนพี่สาวไปจนจูนไปคุยกับพี่และแม่นมแล้วจึงหันมามองพี่สาวตัวเองบ้าง  เธอเห็นคาเร็นก็มองตามจูนไปเหมือนกัน  และแน่ใจด้วยว่าสายตาพี่ไม่เหมือนตอนจูนอยู่ตรงนี้  เหมือนกับพี่แกล้งทำเป็นไม่สนใจจูน  แต่จริงๆ ยังรักมากเหมือนเดิม

"เขาน่ารักมากนะ  แฟนพี่น่ะ"  ฮารุนะพูด  สุ้มเสียงชื่นชมมากจนสะดุดหูคนฟัง  สีหน้าคาเร็นดูจะไม่ชอบใจที่เธอพูดแบบนี้  "หวงล่ะสิ  หวงก็ลุกขึ้นมาสิคะ  พี่ไม่เคยยอมแพ้อะไรง่ายๆ ไม่ใช่เหรอ  ไม่งั้นพี่คงไม่อยู่ตรงนี้แล้ว  จริงไหมคะ"

คาเร็นขมวดคิ้ว  เธออยากจะพูด  อยากอธิบายแต่พูดไม่ได้  ทำได้แค่เพียงส่ายหน้าให้น้องอย่างเหนื่อยล้า

"พี่พูดไม่ได้จริงๆ เหรอ  คาเร็น"  เด็กสาวถามพี่สาวอย่างตกใจ  "โธ่  คาเร็น  เมื่อไหร่พี่จะหายดีสักทีล่ะ  ฉันชักจะเหนื่อยแทนแล้วนะ"

คาเร็นยิ้มให้น้อง  พยายามบอกว่าเธอยังโอเคอยู่

ฮารุนะถอนหายใจ  เอื้อมมาคว้ามือคาเร็นไปจับและบีบมันเบาๆ อย่างให้กำลังใจ  "ถึงพี่จะโชคร้าย  แต่พี่ก็ยังมีคนที่รักพี่มากๆ อยู่  และยังมีฉันอีกคนนะ  ฉันจะอยู่ข้างๆ พี่เสมอ  ฉันจะมาเยี่ยมพี่บ่อยๆ ถ้าทำได้  ตอนนี้ฉันหางานพาร์ตไทม์ทำได้แล้ว  เป็นแคชเชียร์มินิมาร์ท  ก็พอจะมีเงินบ้างแล้วแหละ  ถ้าที่นี่มีรถประจำทางมาจนถึงก็ดีสิ  ฉันคงมาหาพี่ได้ทุกอาทิตย์เลยละ  ไกลฉันก็ไม่กลัว"

"แต่จูนอาจจะกลัวก็ได้นะ"  ดิ๊พซี่แทรก  แต่ไม่ได้สนใจฮารุนะนัก  เธอมองคาเร็นขึ้นๆ ลงๆ อย่างกังขา  "หมอบอกว่าเธอไม่เป็นอะไร  ทำไมเธอถึงพูดไม่ได้  เดินไม่ได้  เคลื่อนไหวลำบากก็ยังพอมีเหตุผลบ้างนะ"

"คุณคิดว่าพี่ฉันแกล้งเหรอ"  ฮารุนะออกตัวป้องพี่สาว

"เปล่า  ฉันสงสัยอย่างอื่น"

คาเร็นเกือบลืมไปเลยว่าดิ๊พซี่มีสัมผัสพิเศษ  และเซ้นส์แรงมาก

"ช่างเถอะ"  ดิ๊พซี่โบกมือ  "ฉันไม่ยุ่งเรื่องนี้ละกัน  ยังไงจูนก็เต็มใจจะทำเพื่อเธอทุกอย่างอยู่แล้ว"

ตอนเขาเป็นแฟนคุณ  เขาก็ให้เกียรติคุณไม่ใช่หรือคะ  คาเร็นเอ่ยในใจ  สาวร่างเล็กที่หันหลังจะเดินจากไปก็เหลียวกลับมามองเธอ  แน่นอน  ดิ๊พซี่ได้ยินมัน  หญิงสาวมีสัมผัสพิเศษจริงๆ  ไม่ต้องสงสัย

"ใช่  เธอพูดถูก  ขอบใจที่ช่วยเตือนความจำ"

ฮารุนะงง  ดิ๊พซี่พูดอะไรแปลกๆ  "ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลยค่ะ"

"ฉันก็ไม่ได้หมายถึงเธอนี่"  ดิ๊พซี่พูดและจากไป  ไม่สนใจจะชี้แจงตัวเองให้ฮารุนะฟัง  เด็กสาวจึงบ่นพึมตามหลังอย่างอดไม่ได้

ต่างจากคาเร็นที่รู้สึกเห็นใจแฟนเก่าของจูน  และรู้สึกว่าดิ๊พซี่ดีกับเธอมากเกินไปด้วยซ้ำ  ถ้าไม่มีดิ๊พซี่เรื่องอาจไม่ง่ายแบบนี้ก็ได้

"อย่าไปใส่ใจหล่อนเลย  คาเร็น  ยังไงจูนก็เลือกพี่แล้ว"

นั่นสินะ  ยังไงจูนก็เลือกเธอแล้ว  เธอก็แค่รู้ว่ามันเจ็บยังไงเท่านั้น

"ได้เห็นกับตาว่าพี่สบายดี  ฉันก็สบายใจ"  ฮารุนะพูด  ดึงความสนใจคาเร็นกลับไปหาตัวเองใหม่  "ฉันไม่ได้ติดต่อกับที่บ้านแล้วละ  แม่ว่าฉันเนรคุณ  แต่พี่ไม่ต้องห่วงนะ  คาเร็น  ฉันอยู่ได้  ไม่มีปัญหา"

คาเร็นบีบมือน้องกลับไปอย่างห่วงใย  ฮารุนะยิ้มดีขึ้น

"ไม่เป็นไรหรอกน่า  ฉันไม่คิดจะกลับไปที่นั่นอยู่แล้วละ  มันไม่ใช่ที่ของฉัน  ฉันหวังว่าสักวันฉันจะได้เจอคนที่รักฉันครึ่งหนึ่งจากที่จูนรักพี่ก็พอ  หรือถ้าไม่มี  ฉันก็อยู่คนเดียวได้  ไม่เห็นเป็นไรเลย  คนโสดก็มีความสุขได้  เหมือนพี่เมื่อก่อนไง  จริงไหม"

"คุยอะไรกันเหรอ  ดูเครียดจัง"  จูนถาม  รู้สึกว่าบรรยากาศอึดอัดนิดหน่อย  เธอเดินเข้ามาเอาหลังมืออังหน้าผากคาเร็นวัดอุณหภูมิตามปกติ  แต่คงดูแปลกสำหรับฮารุนะ  เด็กสาวจึงยิ้มเหมือนจะเขินๆ อย่างไรไม่ทราบ

"พี่เธอยังภูมิคุ้มกันน้อย  ต้องคอยเช็กบ่อยๆ แบบนี้แหละ  เขายังบอกอะไรเองไม่ได้ด้วย  ถ้ารู้แต่เนิ่นๆ จะได้ดูแลกันทัน"

"ละเอียดกว่าหมอบางคนอีกนะคะ"  ฮารุนะแซว

"ก็หมอฮอลลีนั่นแหละ  บอกให้ฉันคอยดูไว้"  จูนบอก  เจอน้องมองแบบนี้ก็ชักจะเขินขึ้นมาบ้าง  "โอเค  งั้นฉันไปดูอะไรในครัวก่อนละกัน  จะได้กินมื้อเย็นกันเร็วๆ  คาเร็นต้องกินยาน่ะ  --  ถ้ารู้สึกไม่ดีอะไรก็เรียกนะคะ"

คาเร็นพยักหน้าน้อยๆ ตอบรับ  มองจูนชี้ที่ปุ่มสีแดงบนเท้าแขนของวีลแชร์  ถ้ากดมันแล้วมันจะส่งเสียงดังบอกให้จูนรู้ว่าเธอกำลังมีปัญหาอะไรสักอย่าง  ต้องการความช่วยเหลือ

"คุณดูแลคาเร็นคนเดียวเหรอคะ"  ฮารุนะถามก่อนที่จูนจะจากไป  คนตัวสูงจึงเหลียวมาใหม่ 

"แรกๆ ก็ต้องให้พยาบาลมาอยู่ด้วย  แต่ตอนนี้พี่เธอดีขึ้นแล้ว  ฉันก็ดูคนเดียวได้  ทำกายภาพบำบัดทุกเช้า  ถ้ามีอะไรไม่ดีก็พาไปหาหมอเลย"

"น่าเหนื่อยเหมือนกันนะคะ"

จูนยิ้มอย่างไม่คิดมาก  ก้มลงจูบแก้มคาเร็นและขอตัวไปเข้าครัว

"เป็นครั้งแรกที่ฉันอิจฉาคนป่วยแบบนี้"  ฮารุนะพูดกับพี่สาว  "จริงๆ นะคาเร็น  พี่นี่โชคดีชะมัด"

ฉันก็คิดแบบนั้นแหละ  คาเร็นพึมพำในใจ  เธอก็ไม่เคยรู้สึกอิจฉาใครเท่าตัวเองในตอนนี้มาก่อนเลยเหมือนกัน

"ฉันไม่คิดว่าพี่จะชอบผู้หญิง  พี่เคยแอบชอบรุ่นพี่หล่อๆ ตอนเรียน  ฉันจำได้  แต่ถึงจะเป็นผู้หญิง  ถ้าเขาดีกับพี่ขนาดนี้ก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย  แค่เขารักพี่  ดูแลพี่ดีสุดๆ แบบนี้  เรื่องเพศอะไรนั่นก็ไม่สำคัญเลย  จริงไหม"

ถูกต้องที่สุด  คาเร็นยิ้มให้น้องสาว  ฮารุนะยิ้มตอบ  พลางหันไปช่วยรับแก้วนมอุ่นจากมือแม่นมจอร์จิน่าที่เอามาส่งให้คาเร็น  เด็กสาวลุกขึ้นให้หญิงชรานั่งแล้วไปเอาเก้าอี้มาเพิ่มอีกตัว  นั่งเป็นเพื่อนคาเร็นตามที่จูนขอ

"คาเร็นยังพูดไม่ได้ค่ะ  แม่นม"  ฮารุนะออกตัวแทนพี่สาว 

"คุณจูนบอกแล้วค่ะ"  แม่นมว่า  ยิ้มใจดี  "นมแค่อยากจะรู้จักคนที่ทำให้คุณหนูของนมกลายเป็นคนน่ารักและเป็นผู้ใหญ่ขึ้นแบบนี้ได้น่ะค่ะ"

"แล้วเมื่อก่อนจูนไม่น่ารักเหรอคะ"  ฮารุนะถาม  รู้ว่าพี่ต้องอยากรู้

"ก็น่ารักอยู่ค่ะ  แต่เหมือนเด็กๆ  ชอบดูแลคนอื่นเหมือนกัน  แต่ก็ยังนึกถึงตัวเองมากกว่า  ไม่เหมือนตอนนี้ที่อะไรๆ ก็เป็นหนูคาเร็นไปหมดเลย  นมได้ยินชื่อหนูคาเร็นมากกว่าสิบครั้งแล้วมั้งตั้งแต่มาถึงบ้านนี้"  แม่นมพูดกึ่งหัวเราะ  "อยู่บ้านนู้นก็พูดถึงบ่อยจนนมต้องขอมาดูด้วยตัวเองนี่แหละค่ะ  ก็ไม่นึกนะว่าหนูจะเป็น... เป็นแบบนี้  ขอโทษนะคะ  นมไม่ได้รังเกียจหนูนะ  แค่แปลกใจเฉยๆ  เพราะคุณหนูของนมน่ะค่อนข้างเรื่องมากค่ะ"

ไม่ผิดจากที่นมว่าเลยค่ะ  คาเร็นยิ้ม  ฮารุนะเห็นท่าทางพี่สาวจึงเข้าใจว่าคาเร็นเห็นด้วยกับแม่นม  และมีความสุขกับเรื่องนี้ด้วย

"แล้วตอนกับ..."  ฮารุนะใช้สายตามองไปทางดิ๊พซี่ 

"กับคุณดิ๊พซี่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรค่ะ  จริงๆ พวกเธอจะแต่งงานกันสิ้นปีนี้  แต่อยู่ๆ ก็ยกเลิก  คุณจูนเธอก็ไม่เคยบอกนมหรอกนะคะ  พวกเธอก็เถียงกันบ่อยๆ อยู่แล้วละค่ะ  นมรู้สึกว่าพวกเธอเหมือนเพื่อนกันมากกว่า"

"มิน่า  ตอนนี้ก็เลยดูไม่แตกต่าง"  ฮารุนะวิจารณ์  เห็นจูนกับดิ๊พซี่เล่นกันบ่อยๆ  ดูไปดูมาจูนก็เหมือนน้องชายที่ชอบแกล้งพี่สาว

"ค่ะ  พวกเธอคบกันนานแล้วตั้งแต่คุณจูนจบไฮสกูลและหนีไปอยู่เกาหลีใต้มาสองปี  พวกเธอเจอกันที่นั่น  แล้วมารู้ทีหลังว่าคุณพ่อพวกเธอเป็นเพื่อนกัน"

"ซับซ้อนเหมือนกันนะเนี่ย"

"ก็แบบนี้แหละค่ะ  ชีวิตคน"

ใช่  ชีวิตคนก็แบบนี้  คาเร็นคิดในใจ  จริงๆ เธอก็ไม่ค่อยชอบเวลาแฟนเก่าสองคนอยู่ด้วยกัน  เล่นกัน  แต่เธอเข้าใจและเชื่อใจจูน  คนเรารักกัน  ถ้าไว้ใจกันไม่ได้ก็ไม่รู้จะคบกันไปทำไม

"ขอโทษนะคะ  ทุกคน  ขอตัวพาคาเร็นไปเข้าห้องน้ำก่อน  ได้เวลามื้อเย็นของคนป่วยแล้ว"  จูนพูดเสียงใส  เข้ามาเข็นวีลแชร์พาคาเร็นไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำตามกิจวัตรประจำวันก่อนกินอาหารแทบทุกมื้อ

"น่าเสียดายนะคะ  คุณจูนของนมมีคนเดียว"  ฮารุนะบ่นยิ้มๆ 

แม่นมหรี่ตามองเด็กสาวแล้วส่ายหน้าไปมา 

................................................

คาเร็นรู้สึกตัวขึ้นมากลางดึก  ไฟโคมตรงโต๊ะทำงานจูนยังเปิดอยู่  เจ้าตัวก็นั่งอยู่ตรงนั้นด้วย  ไม่ได้เรียกนั่งหรอกมั้ง  ต้องเรียกหลับมากกว่า  ไม่ยอมนอนอีกแล้ว  จูนนี่ชอบให้เธอเป็นห่วงเรื่อยเลย 

เรานอนห้องเดียวกันแต่คนละเตียง  เพราะเตียงของเธอเป็นเตียงคนไข้  ปรับระดับได้  ช่วงแรกๆ ที่ออกจากโรงพยาบาลมาเธอต้องใช้เตียงนั้น  มันสะดวกทั้งกับเธอและคนดูแล  เธอต้องกินอาหารที่เตียง  ทำทุกอย่างบนเตียงนั้น  แต่ตอนนี้ไม่ต้องขนาดนั้นแล้ว  เธอมานั่งกินที่โต๊ะอาหารได้อย่างคนอื่นๆ  ไปไหนมาไหนได้ด้วยวีลแชร์คันนี้  มันมีคันบังคับเหมือนรถเด็กเล่น  จริงๆ มันคือรถสำหรับผู้พิการ  แม้จะไม่อยากยอมรับว่าตัวเองเป็นแบบนั้น  แต่เธอก็พิการอยู่จริงๆ  ไม่ว่าจะชั่วคราวหรือถาวรก็ถือว่าพิการ

จูนยังคงให้เธอนอนเตียงเดิม  เพราะกลัวจะนอนดิ้นมาทำให้เธอเจ็บเนื้อเจ็บตัว  แต่เจ้าตัวก็ไม่ค่อยจะได้นอนหรอก  ชอบนั่งทำงานจนดึกแบบนี้เสมอ  นอนดึกแล้วยังตื่นเช้าอีกด้วย  ถ้าไม่ใช่คนแข็งแรงดีอยู่แล้วคงจะได้ป่วยตามเธอบ้างแหละ  ดื้อมาก  คนอะไรก็ไม่รู้ 

เนี่ยน่ะเหรอ  คนน่ารักของฮารุนะ

แล้วเธอจะปลุกจูนยังไงดี  นอนตัวแข็งอยู่บนเตียงแบบนี้  คาเร็นคิดอย่างอารมณ์เสีย  ถ้าเธอลุกขึ้นเดินได้เองก็ดีหรอก  ตอนยังเป็นวิญญาณอยู่นอกร่าง  เธอจะทำอะไรก็ได้  แทบไม่ต้องเดินเลยด้วยซ้ำ  แค่คิดก็ไปได้หมดทุกที่แล้ว  แต่ดูตอนนี้สิ  แค่จะเรียกจูนให้ตื่นและลุกขึ้นมานอนบนเตียงดีๆ ยังทำไม่ได้เลย

แต่แล้วเธอก็รู้สึกรอยเปียกตรงผิวแก้ม  และได้ยินเสียงร้องไห้เบาๆ  ไม่ใช่เสียงใครเลย  เป็นเสียงเธอเอง  คาเร็นแปลกใจ  เธอไม่ได้ร้องไห้แบบนี้มานานมากแล้ว  ตั้งแต่เข้าร่างเธออยากร้องไห้มาตลอด  สงสารจูนที่ต้องมาคอยดูแลเธอ  ต้องเหนื่อยทุกวัน  จูนนอนไม่ค่อยหลับเพราะกังวลเรื่องเธอ

"คาเร็น"  จูนร้องตกใจ  รีบลุกขึ้นมาดูแฟนสาวที่ร้องไห้สะอื้นฮักเสียงดังจนเธอสะดุ้งตื่น  "เป็นอะไรคะ  เจ็บตรงไหนหรือเปล่า"

คาเร็นส่ายหน้าทั้งดีใจและเสียใจในเวลาเดียวกัน 

"แล้วร้องทำไมคะ"  จูนงง  แต่พอนึกได้ก็ยิ้มออกมาแล้วสวมกอดคนรักอย่างปลอบโยน  "ฉันเผลอหลับไปนิดเดียวเอง  ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ"

"Stupid!"  คาเร็นหลุดปากพูด  ไม่ใช่สิ  เธอแค่นึกในใจ  แต่เสียงมันดังออกมาเอง  จูนผละออกไป  มองหน้าเธอเหมือนเธอเป็นตัวประหลาด

"เมื่อกี้คุณว่าฉันเหรอ"  จูนถาม  ไม่ได้โกรธเลยสักนิด  เธอดีใจมากต่างหาก  "ไหนพูดใหม่สิคะ  ว่าฉันแล้วทำไม่รู้ไม่ชี้ได้เหรอ"

"พูดมาก"  คาเร็นพึมพำ  คิ้วขมวด  ลืมตัวจนจูนจูบเธอ  ใช้ปากทำอย่างอื่นแทนพูด  แล้วเธอก็เปลี่ยนจากบ่นมาเป็นครางให้อีกฝ่ายคิดว่าเธออนุญาตให้ทำต่อได้ 

"ด...เดี๋ยวสิ"

"ก็คุณไม่ให้ฉันพูด"  จูนตีมึน  หอมและจูบซอกคอหอมๆ ที่เธอหมั่นดูแลปะแป้งให้อย่างดีจนกระทั่งคาเร็นกัดหูเธอ  "โอ๊ย  คุณ --"

"ไม่"  คาเร็นส่ายหน้า  เธอยังพูดได้แค่นิดหน่อยเหมือนแอชเชอร์จะเห็นใจและให้พูดออกมาได้แค่นั้น  หรือเพราะเสียงเธอมีแค่นี้ 

จูนเลิกคิ้ว  มองแฟนสาวอย่างพิจารณา  แล้วหยิกตัวเองให้แน่ใจว่าไม่ได้ฝันไปว่าคาเร็นพูดกับเธอได้แล้ว  แล้วเธอก็ได้ยินเสียงคาเร็นอีก

"บ้า  เด็กโง่"

"โอ้โห  พอพูดได้ก็ว่าฉันใหญ่เลยนะ  แต่ก็ยังดีกว่าคุณไม่พูดเลย  ฉันคิดถึงเสียงคุณ" 

คาเร็นพยายามยกแขนขึ้นกอดตอบจูนถึงจะยากลำบากและต้องใช้แรงมากพอสมควร  "คิดถึง"

จูนยิ้มกว้าง  น้ำตาคลอ  ดีใจเหมือนได้รางวัลแจ็กพ็อต  มันไม่ได้เสียเปล่าเลย  ความพยายามของเธอเดือนกว่าๆ ที่ผ่านมา

"ดึกแล้ว  คุณนอนเถอะ  ฉันไปเก็บของก่อนแล้วจะเข้านอนแล้วละ  พรุ่งนี้คุณต้องทำกายภาพแต่เช้า  เรามีแขกด้วย"

"นอนนี่"  คาเร็นพูดสั้นๆ เหมือนเด็กเพิ่งหัดพูด 

จูนยิ้มเอ็นดู  หอมแก้มขาวไปฟอดใหญ่ๆ  "หอมจังเลย  ใครอาบน้ำให้นะ  ทำดีมากเลยใช่ไหม"

"ทะลึ่ง"  คาเร็นค้อน  แปลกใจนิดๆ ที่เธอเล่นกับจูนได้โดยแอชเชอร์ไม่ปรากฏตัวมาดุ  หรือดึงเอาเสียงกับเรี่ยวแรงของเธอไปอีก

"ถ้าทะลึ่งจริง  ปล้ำคุณไปนานแล้ว  ไม่รอมาขนาดนี้หรอก"  จูนพูดยิ้มๆ  ปัดเส้นผมสีดำที่ละใบหน้าขาวผ่องของคาเร็นออกให้และจูบหน้าผาก  เธอรู้สึกเหมือนหัวใจที่อ่อนล้าค่อยๆ มีพลังขึ้น  ไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว

"เดี๋ยวมานะคะ"

"ขอบคุณ  จูน"  คาเร็นกระซิบเสียงเบา  จูนเหลียวมามองเธอด้วยท่าทางตกใจกึ่งดีใจ  ร่างสูงเพรียวที่ยืนอยู่ครึ่งทางระหว่างเตียงเธอกับโต๊ะทำงานดูลังเล  เธอยิ้มขำเมื่อเห็นจูนตบแก้มตัวเองด้วยสองมือ  ทำท่าตัดใจแล้วก็เดินต่อไปยังโต๊ะทำงาน  ทำอะไรกับแล็ปท็อปอยู่พักหนึ่งแล้วปิดมัน  ปิดโคมไฟ  หายไปเข้าห้องน้ำและกลับมา  ยืนอยู่ข้างเตียงเธอเหมือนคนคิดไม่ตกจนกระทั่งเธอต้องดึงมือ

"ถ้าฉันนอนด้วย  ฉันอาจจะ --"

"มาเถอะ"

จูนกลืนน้ำลาย  ค่อยๆ ลงมานั่งกับคาเร็นบนเตียงคนไข้  เรามองหน้ากันในความสลัว  ในความกลัวของใจตัวเอง  จากนั้นก็เอนตัวลงนอนข้างคาเร็นที่นำไปก่อน  ความที่เตียงมันเล็กเพราะมีไว้สำหรับนอนคนเดียวและยังมีที่กั้นด้านข้าง  เราก็เลยเบียดกันอย่างช่วยไม่ได้  สุดท้ายคาเร็นจึงมาเกยอยู่บนตัวเธอเกินกว่าครึ่ง  เอาสัดส่วนของหญิงสาวค่อนข้างสมบูรณ์  เพราะเธอขยันดูแล  บำรุงอย่างดีมาทำให้หัวใจเธอสั่นไหว 

แล้วเธอจะหลับลงได้ยังไงกันเล่า!

"นอน"  คาเร็นสั่ง  ยกมือขึ้นปิดตาจูน  คนถูกปิดหัวเราะในลำคอ  จับมือเธอลงมางับเบาๆ อย่างมันเขี้ยว 

"ฉันรักคุณ  คาเร็น"  จูนพูด  แตะปากตัวเองกับคาเร็นที่จูบตอบมาอย่างไม่ขัดขืนและไม่ว่าอะไรที่เธอเผลอจับหน้าอก  เธอรู้สึกว่าคาเร็นแอ่นตัวให้สัมผัสมันด้วยซ้ำ  อาจเป็นปฏิกิริยาตอบสนองทางร่างกายตามปกติ  เธอจึงลองลูบไล้สะโพกและขยำมันพร้อมสอดลิ้นเข้าไปในปากคาเร็น  ร่างบนตัวเธอก็เบียดเข้าหาเธอมากขึ้นคล้ายจะส่งสัญญาณอนุญาต

เธอรู้ว่าร่างกายคาเร็นไม่ได้มีปัญหาเรื่องการตอบสนองทางเพศ  เธอเห็นทุกอย่างและต้องอดกลั้นมากด้วย  เธอต้องช่วยดูแลความสะอาดตรงส่วนลับนั้นให้คาเร็น  ทั้งเวลาขับถ่ายกับอาบน้ำประจำวันและในวันนั้นของเดือนที่ต้องสะอาดเป็นพิเศษอีก  แล้วถึงจะระวังมากแค่ไหนมันก็ยังอดจ้องไม่ได้  บางครั้งก็นึกว่าตัวเองเป็นโรคจิตไปแล้ว  การดูแลผู้หญิงที่โตแล้วมันต่างจากเด็กทารกมากนะ  เธอต้องต่อสู้กับกิเลสและอารมณ์ของตัวเองมากเหลือเกิน  จนตอนนี้เส้นความอดทนนั้นคงจะขาดไปแล้ว

"คาเร็น  ถ้าคุณไม่ชอบ  ก็ร้องนะคะ  ฉันจะหยุด"

คาเร็นพยักหน้าทั้งที่ไม่รู้เรื่องอะไรแล้ว  เธอมึนและร้อนไปทั่วร่าง  หัวใจเธอเต้นแรงมากแต่มันไม่เจ็บเหมือนตอนโรคหัวใจกำเริบ  เธอปรือตามองจูนที่สลับไปอยู่ด้านบน  คร่อมร่างเหนือเธอจนเงาพาดทับร่างเธอจนมิด  จูบปลดกระดุมเสื้อนอนเธอลงพร้อมกับปากนุ่มที่จูบไล่ลงมาจากลำคอถึงเนินอก  เธอไม่ได้สวมบราเซียร์นอน  จูนไม่ได้ใส่ให้เพราะกลัวเธอจะอึดอัด  เธอแอ่นตัวเมื่อริมฝีปากซนงับลงมาเบาๆ บนผิวนุ่ม  เธอเคยเห็นจูนมองเธออย่างนี้มาก่อนแต่ไม่เร่าร้อนเท่านี้  เธอเคยเปลือยเปล่าต่อหน้าจูนมานับครั้งไม่ถ้วน  เพราะจูนเป็นคนดูแลพยาบาลเธอจนแข็งแรงได้แบบนี้  แต่ไม่เคยรู้สึกเขินอายเท่านี้มาก่อน  อายแต่อยากให้เห็น  อยากให้สัมผัส  อยากให้รักต่อไปแบบนี้เรื่อยๆ  เธอรู้สึกถึงความรักมากมายถ่ายทอดมาจากสัมผัสจากปลายนิ้วของจูนทุกครั้งที่มันแตะต้องเนื้อตัวเธอ 

"มัดจำไว้ก่อนนะคะ  ที่รัก"  จูนกระซิบแผ่วเบา  รูดเสื้อตัวเองออกทางศีรษะ  เผยเรือนร่างแข็งแรงให้คาเร็นใจเต้นรัว  อยากแตะต้องมันบ้าง  และปลายนิ้วเธอก็กดลงกับแผ่นหลังที่มีมัดกล้ามเนื้อของจูนขณะที่อีกฝ่ายสัมผัสเนื้อตัวเธอราวกับนักสำรวจจอมขยัน  ริมฝีปากอ่อนโยนแต่ร้อนระอุฉุดให้คาเร็นครวญครางอย่างปรารถนา  เธอต้องการมากกว่านี้  และเธอก็ได้อย่างที่หวัง  จูนจับขาเธอแยกออกจากกันและซุกหน้าเข้ามาตรงหว่างขาเธอ  จูบเธอตรงนั้นอย่างไม่รังเกียจ

คาเร็นรู้สึกเหมือนกำลังจะขาดใจ  แต่มือแข็งแรงของจูนที่สอดเข้ามาจับมือเธอไว้  บอกให้เธอมั่นใจว่าเธอจะไม่เป็นไร  เธอรู้สึกว่าสะโพกยกขึ้นยกลงเองอย่างที่เธอไม่ได้สั่งมันเลย  ปกติเธอก็ควบคุมมันไม่ได้อยู่แล้ว  ตอนนี้ยิ่งไม่ได้ใหญ่  มันกำลังตอบสนองกับจูบของจูนและลิ้นที่แทรกเข้ามาในกายเธอ  ทำให้เธอร้อนเร่าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน  ไม่เคยมีใครทำกับเธอแบบนี้  เธอไม่เคยมีแฟน  เธอรู้จักเซ็กซ์แค่ในหนังสือและในจอทีวีเท่านั้น

ลิ้นนั้นสอดลึกเข้ามาอีก  สำรวจนวดคลึงภายในของเธอจนได้ยินเสียงตัวเองร้องไม่หยุดปาก  เธอบีบมือจูนแน่นขณะแอ่นสะโพกขึ้นสูง  และจุมพิตหวานล้ำนั่นก็หยุดลงพร้อมกับเสียงหวีดร้องครั้งสุดท้ายที่กระชากเอาเรี่ยวแรงอันน้อยนิดของเธอจากไป  ร่างเธออ่อนปวกเปียกในอ้อมแขนจูนที่ขยับขึ้นมาโอบกอดเธอ  จูบขมับปลอบขวัญ  เธอมึนงงไปหมด  แต่ยังได้ยินเสียงกระซิบบอกรักซ้ำๆ  และรู้สึกถึงความอบอุ่นจากร่างกายที่อุทิศตัวเป็นหมอนและที่นอนให้เธอ

หวังว่าทั้งหมดนี้คงไม่ใช่แค่จินตนาการหรือความฝันเท่านั้นนะ

คาเร็นคิดก่อนจะอนุญาตให้ตัวเองดื่มด่ำกับความสุขที่อดทนรอมาจนเหมือนชั่วชีวิตของเธอ  และภาวนาขออย่าให้มันสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้

ฉันยังอยากอยู่ต่อ... 

อยากรักและอยากถูกรักต่อไป 

ได้โปรดเถอะค่ะ  อย่าเพิ่งพรากมันจากไปตอนนี้เลย



.............


ไว้เจอกันเดือนหน้าเลยนะคะ   :21: :27: :44:

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

23 มกราคม 2019 เวลา 16:33:19
ไม่ทันใจซะแล้วอ่ะ กินคนป่วยไปเรียบร้อยแล้ว
แสดงความคิดเห็น