web stats

ข่าว

 


โซ่ล่ามรัก - ตอนที่ 16

โพสต์โดย: ธยาน์ วันที่: 22 มิถุนายน 2017 เวลา 19:23:24 อ่าน: 321

สวัสดีค่ะรีดทุกท่าน

ขออภัยด้วยนะคะที่หายไปนานเลย ไรท์มีภาระกิจนิดนึงค่ะ แล้วก็ต้องขอขอบคุณทุก ๆ ท่านมาก ๆ เลยนะคะ ที่ยังเข้ามาติดตามกันอย่างสม่ำเสมอ

วันนี้ไรท์กลับมาลงให้เช่นเดิมแล้วนะคะ พร้อมทั้งมีในรูปแบบของ E-book ให้ด้วยค่ะ เผื่อใครที่อยากอ่านจบเลย

ยังไงก็ขอขอบพระคุณสำหรับการติดตามมาก ๆ เลยนะคะ

ส่วนช่องทางการติดตามของไรท์ไม่มีเลยค่ะ ขอขอบคุณอีกครั้งค่ะ

<iframe width="430" height="220" src="https://www.mebmarket.com/embed.php?seller_link=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTQwODEyMyI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjU6IjU5NjA2Ijt9" frameborder="0" ></iframe>

https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTQwODEyMyI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjU6IjU5NjA2Ijt9


"ว่าไงยัยญา บอกแม่มาสิ๊ ว่าเพื่อนตัวดีของเราหายไปไหน บอกแม่มาตรง ๆ เลยนะไม่ต้องช่วยกันปิดเลย" เมื่อเห็นว่าถามไปสักพักแล้วพิชญายังคงทำหน้าเจื่อนไม่ตอบคำถามสักที เยาวภาจึงเอ่ยถามคำถามเดิมอีกครั้ง

"เอ่อ คือ..." พิชญาไม่รู้ว่าจะตอบแม่ของศรัญย์รัชว่ายังไงดี เพราะถ้าท่านถามย้ำขนาดนี้เธอคงโกหกไม่ได้แน่นอน

"คืออะไร บอกแม่มาเลยนะยัยญา ว่าเพื่อนเราไปเถลไถลอยู่ที่ไหน 2 " 3 วันก่อนลูกค้าที่บริษัทเค้าเจอยัยรัญไปกินข้าวกับเพื่อน ไม่รู้เพื่อนที่ไหน แล้ววันนี้ยัยรัญก็นัดกับลูกค้าไว้อีก แม่กับพ่อโทรไปก็ไม่ติด" เยาวภาเล่าถึงศรัญย์รัชให้พิชญาฟัง ก็แน่นอนล่ะที่ท่านจะโทรหาศรัญย์รัชไม่ติด เพราะเวลาที่ศรัญย์รัชติดต่อเธอก็ใช้เบอร์ของมัทนาวีโทรมาคนเดียว แล้วทีนี้เธอจะทำยังไงดี

"คือ เอ่อ..." เหมือนสวรรค์ช่วยพิชญาเอาไว้ได้ท่วงทัน เมื่อมีพยาบาลคนหนึ่งเดินเข้ามาตามเธอที่ห้องพัก ตอนที่เธอกำลังหาข้ออ้างให้ศรัญย์รัชไม่ได้พอดีเลย

"ขอโทษนะคะ คุณหมอญาคะ คุณหมอวิชาญจะคุยเรื่องคนไข้ที่ย้ายมาน่ะค่ะ" พยาบาลมาแจ้งให้พิชญาทราบ ว่าแพทย์เฉพาะทางที่รักษาพ่อของมัทนาวีอยู่ต้องการพบเธอ

"ได้ค่ะ เดี๋ยวหมอออกไปนะคะขอบคุณค่ะ ญาขอตัวก่อนนะคะคุณแม่ ยังไงญาจะลองติดต่อยัยรัญให้อีกทีนะคะ ถ้าติดต่อได้ยังไงเดี๋ยวญาโทรไปบอกค่ะแม่" เมื่อสวรรค์ส่งคนมาช่วยแล้ว พิชญาจึงไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือไป เธอรีบยกมือไหว้ลาแม่ของเพื่อรักแล้วจ้ำอ้าวออกจากห้องพักไปทันที ทิ้งให้แม่ของเพื่อนรักเธอนั่งส่ายหัวอยู่คนเดียว เพราะไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมเลยจากพิชญา


"ฮัลโหลยัยรัญ ชั้นเกือบไม่รอดแล้วแกรู้มั้ย ดีที่คุณหมอวิชาญที่ดูแลโรคของพ่อน้องนาอยู่แยกชั้นมาคุยก่อน ไม่งั้นแม่แกเชือดชั้นในห้องแน่ ๆ อีกอย่างแม่แกบอกว่าแกนัดลูกค้าเอาไว้นี่วันนี้น่ะ" หลังจากที่คุยปรึกษากับคุณหมอท่านที่ทำการรักษาพ่อของมัทนาวีเสร็จ พิชญาก็โทรไปหาศรัญย์รัชทันที

"เห้ออ โล่งอก ชั้นก็ลุ้นตัวโก่งเหมือนแกนั่นแหละ ว่าแกจะเอาตัวรอดจากแม่ชั้นได้รึเปล่า แกรอดมาได้ก็ดีแล้ว แต่ชั้นไม่ได้นัดลูกค้าที่ไหนเลยนะวันนี้อ่ะ ช่างมันเถอะ ว่าแต่เรื่องของพอนาคุณหมอเค้าว่ายังไงมั่งล่ะ" ศรัญย์รัชเห็นว่าเพื่อนรักยังปลอดภัยดี ก็เลยถามเข้าเรื่องอาการของพ่อมัทนาวีแทน

"แหม๋ ห่วงพ่อตามาก่อนเพื่อนตามธรรมเนียมเลยนะคะคุณเพื่อน ก็ไม่มีอะไรมากหรอก คุณหมอวิชาญแกบอกว่าตัดก้อนเนื้องอกออกก็เป็นปกติแล้วล่ะ พอดีเลย ฝากบอกน้องนาด้วยนะรัญว่าไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้ พ่อน้องนาจะเข้าผ่าตัดตอนตี 1 คืนนี้ ท่านจะปลอดภัยดีแน่นอน" พิชญาฝากถึงมัทนาวีด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

"ได้ ชั้นฝากแกด้วยนะญา ขอบใจมากนะเพื่อน" ศรัญย์รัชเอ่ยบอกกับพิชญาอย่างจริงใจ

"ไม่เป็นไรน่า แต่ ชั้นอยากรู้ว่าแกกับน้องนาของชั้นไปถึงไหนกันแล้วย๊ะ ทำไมถึงเรียกนาแทนมัทนาวีได้ล่ะคะเพื่อนรัก" พิชญาเริ่มพูดเรื่องที่เธอจับสังเกตศรัญย์รัชได้

"ไปถึงไหนอะไรของแก แค่นี้แหละ ชั้นกำลังดูช่างเค้าทำบ้านกับนาอยู่ อย่าถามเยอะน่า แค่นี้นะ" พิชญาอมยิ้มหลังจากที่ศรัญย์รัชตัดสายไปแล้ว แต่ก็ต้องหุบยิ้มลงเมื่อเธอนึกถึงวันที่พ่อแม่ของเพื่อนเธอรู้เรื่องแล้ว แต่ยังไงเธอก็ยังเชื่อใจศรัญย์รัชว่าเขาจะจัดการเรื่องนี้ได้แน่นอน เพราะอย่างน้อยพ่อกับแม่ศรัญย์รัชก็เป็นคนใจดีทั้ง 2 คนเลย


ทางด้านศรัญย์รัชพอวางสายจากพิชญาแล้ว เขาก็รีบไปช่วยมัทนาวีดูช่างที่กำลังซ่อมแซมบ้านให้อยู่ โดยไม่ลืมที่จะบอกเรื่องที่พิชญาฝากถึงมัทนาวีให้เธอฟัง พร้อมกับเน้นย้ำในความปลอดภัยของพ่อเธอให้เธอได้ชื่นใจ


"เชื่อชั้นนะ พ่อเธอไม่เป็นอะไรหรอก ท่านปลอดภัยแน่นอน เธอทำหน้าที่ตรงนี้ของเธอให้ดีที่สุดก่อนดีกว่านะ พอพ่อกับแม่เธอกลับบ้านมาจะได้มีความสุขไง ดีมั้ย" ศรัญย์รัชบอกกับมัทนาวีด้วยรอยยิ้ม ซึ่งนี่คงจะเป็นรอยิ้มแรกที่มัทนาวีเห็นว่ามันดูอบอุ่นและมาจากความรู้สึกเขาจริง ๆ

"ชั้นขอบคุณคุณมากเลยนะคะ ชั้นไม่รู้ว่าจะตอบแทนบุญคุณของคุณยังไงเลย" มัทนาวียกมือไหว้ศรัญย์รัชอย่างตั้งใจ เพราะเธอก็ไม่รู้ว่าจะมีวิธีไหนที่ดีกว่านี้แล้วจริง ๆ

"นี่นา ไม่เอาแบบนี้สิ คนเป็นผัวเมียกันที่ไหนเค้าไหว้กันแบบนี้เล่า ไม่เอา" ศรัญย์รัชรับจับมือมัทนาวีลง

"คุณว่าไรนะคะ" มัทนาวีมัวแต่เกรงใจเลยไม่ทันได้ฟังที่ศรัญย์รัชพูดถนัดหูนัก

"อ่ะ เอ่อ เปล่า ไม่มีอะไรหรอก ชั้นแค่จะบอกว่าเธออย่าทำแบบนี้อีกนะ ยังไงเราก็เหมือนคนกันเองแล้ว อย่าคิดมากเลย แล้วถ้าเธอไหว้ชั้นอีกชั้นจะเปลี่ยนกลับมาด่าเธออีกรอบเลยคอยดู" ศรัญย์รัชเก้อเขินไปครู่หนึ่ง แต่เขาก็ยังหาเรื่องมาอ้างให้มัทนาวีเกรงได้เหมือนเดิม

"ก็ได้ค่ะ คุณถามแต่เรื่องของพ่อชั้น ว่าแต่คุณได้ถามเรื่องของคุณมั่งรึเปล่าคะ เมื่อเช้าคุณก็อ๊วกอีกแล้วนะ" มัทนาวีถามศรัญย์รัชด้วยความเป็นห่วง

"เออ ชั้นลืมไปเลยแฮะ ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวค่อยโทรถามตอนเย็นละกัน มานี่ม่ะมาดูตรงนี้กัน ชั้นว่าจะให้ช่างเค้าก่อปูนเอาไว้ให้พ่อกับแม่เธอเลี้ยงปลาดีมั้ย แล้วก็ตรงนี้ บลา ๆ ๆ" ศรัญย์รัชเดินเข้าไปโอบมัทนาวีให้เดินตามเขาไป พลางพูดบอกว่าจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ให้มัทนาวีฟังอย่างมีความสุข ซึ่งมันเป็นความสุขที่เกิดจากความเต็มใจ และศรัญย์รัชยอมรับว่ามันไม่เคยเกิดกับใครมาก่อนเลย
ด้านของปภาวรินท์วันนี้ว่างงานจึงไม่ได้ออกไปไหน เขาจึงเลือกที่จะนั่งเปิดเพลงฟังชิลล์ ๆ พร้อมกับการอ่านหนังสือไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งเบื่อ จึงคิดที่จะออกไปข้างนอกเพื่อหาอะไรทำให้มันเปลี่ยนบรรยากาศบ้างจะได้ไม่จำเจ แต่พอออกมาข้างนอกแล้วปภาวรินท์ก็ไม่รู้จะไปไหนหรือทำอะไรอีกอยู่ดี จนในที่สุดปภาวรินท์ก็นึกถึงใบหน้าของใครบางคนขึ้นมาได้พอดี และปภาวรินท์ก็แน่ใจว่าคน ๆ นี้จะสามารถทำให้เขาหายเบื่อได้แน่นอน


"เลิกงานแล้วใช่มั้ยคะคุณหมอ" พิชญากำลังจะเดินไปที่รถตนเองเพื่อขับกลับบ้าน เธอก็ต้องหยุดเดินในทันทีเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูเอ่ยทักมาจากด้านหลัง

"ค่ะ คุณพึ่งมาเหรอคะ" เมื่อเลี่ยงไม่ได้ พิชญาก็ต้องเอ่ยทักปภาวรินท์กลับไปตามมารยาท

"ใช่ค่ะ ชั้นพึ่งมาถึง แล้วก็มาพอดีกับเวลาที่คุณหมอจะเลิกงานเป๊ะเลยค่ะ" ปภาวรินท์กล่าวด้วยรอยยิ้ม

"ค่ะ ชั้นกำลังจะกลับนี่แหละค่ะ ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้วชั้นขอตัวก่อนนะคะ" พิชญาเอ่ยบอกปภาวรินท์พร้อมกับกดรีโมทปลดล๊อกประตูรถเธอ

"เดี๋ยวก่อนค่ะคุณหมอ" ปภาวรินทืรีบเรียกคุณหมอสาวตรงหน้าเอาไว้ เพราะอีกคนกำลังเปิดประตูรถเอาของเข้าไปเก็บแล้ว

"คะ คุณมีอะไรรึเปล่าคะ" พิชญาหันกลับมาถามปภาวรินท์ด้วยความไม่เข้าใจ ที่ถูกคนตัวสูงร้องห้ามเธอเอาไว้

"คือ เอ่อ..." ปภาวรินท์ไม่รู้จะเริ่มคำพูดที่ตั้งใจมาพูดกับพิชญายังไงดี

"คะ" พิชญาจึงเลิกคิ้วเหมือนกับตั้งคำถามอีกครั้ง

"คือ คุณหมอเลิกงานแล้วตอนนี้ เอ่อ คุณหมอจะไปที่ไหนต่อรึเปล่าคะ" ปภาวรินท์เลือกที่จะใช้คำถามอ้อม ๆ

"ก็ ไม่ได้ไปไหนนี่คะ ออกจากโรงพยาบาลแล้วก็กลับเลยค่ะ" พิชญาเลือกที่จะตอบแบบเลี่ยง ๆ ไม่พูดเน้นเจาะจงว่าสถานที่ ๆ เธอจะกลับนั้นคือคอนโด เพราะปภาวรินท์ยังเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเธออยู่ดี

"อ่อ งั้นก็หมายความว่าคุณหมอไม่มีธุระที่ไหนแล้วใช่มั้ยคะ" ปภาวรินท์ถามย้ำด้วยรอยยิ้มเพื่อความแน่ใจ

"ใช่ค่ะ คุณพยายามจะบอกอะไรชั้นงั้นเหรอคะ" พิชญาเอ่ยถามปภาวรินท์ไปตรง ๆ เพราะเธอและปภาวรินท์พึ่งจะรู้จักกัน จึงไม่จำเป็นจะต้องมีความเกรงใจที่จะเอ่ยถามตรง ๆ สักเท่าไหร่

"คือ ชั้นอยากจะชวนคุณหมอไปทานบิงซู หรือพวกนมปั่นด้วยกันน่ะค่ะ เพราะอย่างที่บอกคุณหมอไปว่าที่ตรงบ้านพี่สุภาชั้นอยากเปิดร้านกาแฟ ก็เลยอยากจะไปลองทานที่ร้านอื่น ๆ ดูก่อนบ้าง เผื่อว่าจะได้ไอเดียใหม่ ๆ อะไรขึ้นมานิดนึงน่ะค่ะ ชั้นเลยจะชวนคุณหมอไปเป็นเพื่อนกันถ้าไม่รังเกียจ เพราะการเป็นหมอส่วนมากน่าจะดื่มกาแฟเป็นประจำอยู่แล้ว ชั้นก็เลยจะถือโอกาสถามความคิดเห็นของคุณหมอดู ว่าถ้าร้านกาแฟที่เราจะนั่งจิบหรือทานนมปั่นได้อย่างสบาย ๆ ควรจะตกแต่งร้านแบบไหนดีน่ะค่ะ ไปเป้นเพื่อนกันนะคะคุณหมอ" ด้วยความคิดที่ไว้พอกับการตอบคำถาม ปภาวรินท์จึงหาเหตุมาอ้างในการชวนพิชญาครั้งนี้ได้ไม่ยากเลย แต่ลึก ๆ เขาก้อยากจะให้พิชญาช่วยออกแบบร้านกาแฟด้วยเช่นกัน

"เอ่อ จะดีเหรอคะ ถ้าแบบนี้คุณก็จะได้ความคิดเห็นของชั้นแค่คนเดียวเองนะคะ" พิชญาเอ่ยอย่างรู้สึกเกรงใจนิด ๆ ที่ปภาวรินท์อยากได้ความคิดเห็นจากเธอ

"ดีสิคะ ถ้าไม่ดี ชั้นจะตั้งใจมาจากบ้านเพื่อมาชวนคุณหมอไปด้วยกันเหรอคะ" พอโดนปภาวรินท์เอ่ยประโยคนี้เข้าไป พิชญาถึงกับรู้สึกร้อนผ่าวด้วยความเขินเล็ก ๆ ที่ใบหน้าเลยทีเดียว เพราะไม่คิดว่าอีกคนจะให้ความสำคัญกับเธอขนาดนี้ ฉะนั้นบทสรุปจึงเป้นไปตามที่ปภาวรินท์หวังไว้ นั่นก็คือ พิชญาจอดรถเธอเอาไว้ที่โรงพยาบาลก่อน แล้วนั่งรถของปภาวรินท์ไปหาร้านนมปั่นทานด้วยกัน


"เป็นยังไงบ้างคุณ ติดต่อยัยรัญได้มั้ย นี่คุณมณีรัตน์โทรมาจี้ผมเป็น 10 รอบแล้ววันนี้น่ะ เห็นว่าต้องการติดต่อเรื่องการแก้ไขงานกับยัยรัญด่วนเลย ผมก็ได้แต่บอกปัดไปก่อนว่ายัยรัญติดธุระอยู่ นี่ถ้าพรุ่งนี้เช้าเค้าโทรมาอีกผมไม่รู้ว่าจะบอกเค้ายังไงแล้ว ผมบอกให้เข้ามาคุยกับผมหรือผู้จัดการก่อนก็ไม่ยอม บอกว่างานตัวนี้ยัยรัญดิวกับเค้าโดยตรง" วัลลภเอ่ยถามเยาวภาภรรยาของเขาทันทีที่เธอมาถึงบ้าน

"ยังเลยคุณ นี่ไปหายัยญาเมื่อเช้าก็ไม่ได้ความอะไรเลย ส่วนเพื่อนคนอื่น ๆ ก็บอกว่ายัยรัญไม่ได้ติดต่อไปหาเหมือนกัน เห้ออ ชั้นล่ะเหนื่อย ไม่รู้ไปเถลไถลกับเพื่อนคนนั้นถึงไหน อีกอย่าง รูปที่คุณมณีรัตน์ถ่ายมามันก็ไม่ชัดเลยคุณ เพื่อนยัยรัญก็เลยบอกว่าไม่คุ้นหน้าเพื่อนคนนี้สักคนเดียว" เยาวภาบอกกับสามีอย่างหัวเสียเรื่องลูกสาวเธอไม่แพ้กัน

"เห้ออ ก็คงต้องแก้ผ้าเอาหน้ารอดไปก่อนนั่นแหละคุณ นี่ตาพศินก็พึ่งจะวางสายจากผมไป เห็นว่าจะนัดกินข้าวกับยัยรัญพรุ่งนี้ตอนเย็น" วัลลภพูดถึงชายหนุ่มที่มีฐานะทางบ้านพอ ๆ กันกับบ้านของเขาให้ภรรยาฟัง

"เห้ออ กินข้าวไปก็เท่านั้นล่ะมั้งคุณ นี่ชั้นเห็นเป็นรายที่ 8 แล้วนะที่ยัยรัญไปกินข้าวด้วย แต่ไม่เห็นว่าลูกเราจะพูดถึงใครบ้างเลยสักคนเดียว" เยาวภาพูดอย่างปลง ๆ ซึ่งวัลลภก็เห็นด้วยกับภรรยาเขาเช่นกัน ดังนั้นคนวัยกลางคนทั้ง 2 จึงได้แต่นั่งถอนหายใจให้กันฟังไปมาจนกระทั่งถึงเวลาอาหารเย็น


คืนนี้ มัทนาวีเลือกที่จะทำข้าวต้มธรรมดาหรือที่คนทั่วไปมักจะเรียกว่า ข้าวต้มกุ๊ย ให้กับศรัญย์รัชกินเป็นอาหารเย็น เพราะไม่ว่าเธอจะทำเป็นข้าวต้มทรงเครื่อง ทำกับข้าว ซื้อก๋วยเตี๋ยวมาให้ หรือแม้แต่ต้มมาม่าธรรมดา ศรัญย์รัชก็ยังไม่สามารถรับอะไรเข้าท้องเขาไปได้เลย เพราะเจ้าตัวเล่นอาเจียนออกมาอย่างเดียวเมื่อได้กลิ่นอาหาร ฉะนั้นมัทนาวีจึงเลือกที่จะทำข้าวต้มเปล่า ๆ ให้กับเขาซะเลย เผื่อว่าศรัญย์รัชจะพอกินเข้าไปได้บ้างเนื่องจากไม่มีกลิ่นอาหาร และพอทำเสร็จแล้วมัทนาวีจึงเดินออกมาหน้าบ้านระหว่างที่รอศรัญย์รัชอาบน้ำอยู่ เพื่อที่จะโทรหาพี่พิชญาของเธอ แล้วถามถึงอาการที่ศรัญย์รัชเป็นอยู่ตอนนี้ว่ามันคืออะไร


"ว่าไงคะน้องนา ทีแรกพี่คิดว่ายัยรัญซะอีกนะคะที่เป็นคนโทรหาพี่ นี่อย่าบอกนะว่ายัยรัญว่าอะไรน้องนาอีกถึงได้โทรมาหาพี่เองเลยอ่ะ" พิชญารับโทรศัพท์ของมัทนาวีขณะที่กำลังนั่งทานบิงซูกับปภาวรินท์อยู่

"เปล่าค่ะพี่ญา คุณรัญไม่ได้ว่าอะไรนาเลยค่ะ แถมวันนี้ยังพูดแหย่ให้นาเกือบจะหัวเราะทั้งวันเลยล่ะค่ะ" มัทนาวีเล่าไปตามความจริงอย่างพาซื่อ แต่คนฟังอย่างพิชญาถึงกับลอบยิ้มร้ายขึ้นมาทันที เพราะนั่นเป็นการบ่งบอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างมัทนาวีและเพื่อนเธอดีขึ้นขนาดไหน

"เหรอจ๊ะ แล้วโทรหาพี่มีเรื่องอะไรเอ่ย" พิชญาเอ่ยคำถามอย่างเป็นกันเองจนปภาวรินท์นั่งอมยิ้ม เพราะเอ็นดูในความน่ารักของคุณหมอสาวที่นั่งตรงหน้า แม้ว่าชื่อคู่สนทนาของคุณหมอสาวนั้น จะทำให้ปภาวรินท์นึกถึงมัทนาวีสาวน่ารักข้างบ้านเขาก็ตาม

"คือ นามีเรื่องอยากปรึกษาพี่ญาน่ะค่ะ คือคุณรัญเค้า บลา ๆ ๆ" มัทนาวีเล่าเรื่องต้นสายปลายเหตุเกี่ยวกับอาการที่ศรัญย์รัชเป็น ให้พิชญาได้ฟังอย่างละเอียด และสุดท้ายเธอก็ได้คำตอบจากพิชญาว่า

"ยัยรัญแพ้ท้องแทนน้องนาน่ะสิคะ หรือที่ชาวบ้านเค้าเรียกว่าแพ้ท้องแทนเมียนั่นแหละค่ะ" พอจบประโยคที่พิชญาพูดมา มัทนาวีก็รู้สึกร้อนวูบขึ้นที่ใบหน้าด้วยความอายทันที เพราะไม่นึกไม่ฝันเลยว่าอาการนี้จะเกิดกับคนอย่างศรัญย์รัชได้จริง ๆ

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น