เพียงเธอคนเดียวที่คิดจะรัก yuri ตอนที่ 3
โพสต์โดย:
meAyou
วันที่: 11 มิถุนายน 2017 เวลา 19:59:49
อ่าน: 556
|
การทำงานวันแรกผ่านพ้นไปอย่างไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่เพราะกว่าจะได้เริ่มงานจริงๆ จังๆ ไอศิกาก็ดันก่อเรื่องขึ้นมาจนถูกเรียกตัวไปพบอีกจนได้ คนอยากเจอดันไม่เรียกแต่ดันมาเรียกคนไม่อยากเจออย่างเธอแบบนี้มันเป็นเรื่องของความซวยล้วนๆ เลยสินะ เรื่องมันมีอยู่ว่า... "ทำไมถึงปล่อยม้าให้ออกมาวิ่งข้างนอก!" เจ้าของเสียงตวาดเอ่ยด้วยท่าทางไม่พอใจเป็นอย่างมากก่อนจะไล่สายตามองหัวหน้าคนงาน ผู้จัดการไร่จนเลยมาถึงคนก่อเรื่องที่ดูจะยังไม่หายตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น "ก่อเรื่องตั้งแต่เช้ายันเย็นเลยนะ" "ซีไม่ได้ตั้งใจ" "ก่อเรื่องขนาดนี้แทนที่จะสำนึกกลับเอาแต่แก้ตัวเนี่ยนะ" ท่าทางเกรี้ยวกราดของแม่เลี้ยงเจ้าของไร่ทำเอาคนก่อเรื่องอย่างไอศิกาถึงกับขนลุกไปหมดทั้งตัว กี่ครั้งแล้วนะที่เธอถูกสายตาคู่น่ากลัวแบบนี้เล่นงานเข้าให้ "เป็นความผิดของผมด้วยครับที่ดันไม่ควบคุมทั้งๆ ที่รู้ว่าคนงานคนนี้ไม่เหมือนกับคนอื่น" หัวหน้าคนงานเอ่ยอย่างรู้สึกผิดเพราะความเลินเล่อของเขาด้วยจึงทำให้เรื่องไม่น่าเกิดเกิดขึ้นมา "เห็นมั้ยว่าทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปด้วย" สายตาตำหนิของคนพูดทำให้คนทำผิดมีสีหน้าสลดลงก่อนจะหันไปมองยังคนที่ช่วยแบกรับความผิดของตัวเองไปด้วย เธอไม่ได้ตั้งใจนี่คือความสัจจริงหากแต่ก็คงไม่อาจปฏิเสธผลของความเลินเล่อจากการกระทำของตัวเองไปได้ ใครจะไปคิดว่าม้าที่ดูอ่อนแรงเอาแต่นอนจนทำให้นึกสงสารจะวิ่งเตลิดออกมาจากคอกเพียงแค่เธอหันหลังให้เพียงเสี้ยวนาทียังดีที่มันไม่ไปดีดขาหน้าใส่ใครเข้าให้ไม่อย่างนั้นเธอคงถูกจับโยนออกไปแล้ว "ว่ายังไงจะยอมรับความผิดของตัวเองได้หรือยัง" คราวนี้เป็นประโยคไร้ความเห็นใจที่ดังออกมาจากผู้จัดการของไร่ที่คงอยากจะเอ่ยปากไล่เธอเสียเต็มประดาหากไม่ติดที่ใครอีกคนที่เอาแต่มองมาเธอคงไม่ได้มายืนหน้าเสียอยู่ตรงนี้แบบนี้ อาจเพราะการที่เขมนิจเอ่ยอ้างถึงความผิดปกติของตัวเองจึงทำให้แม่เลี้ยงรดาไม่อาจทีทจะทำใจดำใส่เธอได้มากเพราะหากทำแบบนั้นเจ้าตัวอาจจะโดนนินทาในเรื่องนี้ก็ได้ถือว่าเป็นความโชคดีของเธอแต่เป็นคราวซวยของหล่อนเสียจริงๆ "มาทำงานก็สายแถมยังก่อเรื่องอีกแบบนี้เรายังจะเก็บไว้อีกอย่างนั้นเหรอคะแม่เลี้ยง" ดรุณีเอ่ยขึ้นเมื่อนึกถึงความยุ่งยากที่มีมาตั้งแต่วันแรกและในอนาคตที่มองเห็นเหตุการณ์ต่างๆ ได้ไม่ยาก ใช่ว่าอยากจะใจร้ายแต่อย่างที่บอกที่นี่ต้องการคนที่ช่วยงานได้ไม่ใช่มาเป็นภาระแบบนี้ "ฉันขอโทษให้โอกาสอีกซักครั้งเถอะนะคะฉันสัญญาว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก" ประโยคอ้อนวอนดังขึ้นให้คนฟังนึกเห็นใจหากแต่เหตุการณ์ที่ปรากฏต่อหน้ามันก็สุ่มเสี่ยงเกินไปที่จะทำให้ใจอ่อนได้ "ฉันว่าเธอไม่เหมาะกับที่นี่หรอกนะไปหางานอื่นเถอะ" ไอศิกามองคนพูดอย่างร้อนใจแม้จะรู้ว่าการตัดสินทุกอย่างอยู่ที่แม่เลี้ยงรดาหากแต่ในเวลานี้อีกฝ่ายเอาแต่เงียบปล่อยให้คนมีอำนาจรองพูดอยู่คนเดียวนั่นก็อาจจะหมายถึงการเห็นด้วย! "ให้โอกาสฉันเถอะนะคะ" เงียบไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับมาให้คนหมดหวังได้ใจหายไอศิกาเลื่อนสายตากลับไปจดจ้องที่คนเอาแต่เงียบหวังว่าการอ้อนวอนผ่านทางสายตาจะช่วยอะไรได้บ้างอย่างน้อยคนที่รับเธอเข้ามาก็เป็นคนๆ นี้นั่นก็หมายถึงเธออาจมีหวังหากคิดร้องขอความเห็นใจจากเจ้าหล่อน หากแต่ครั้งนี้ดูจะไม่ได้ผลเมื่อใครอีกคนดึงสายตาไปทางอื่นปฏิเสธที่จะจ้องมองสิ่งที่ไอศิกาต้องการจะสื่อสาร หากเป็นแบบนี้ก็คงหมดหวังแล้วสินะ "ฉันคงไม่สามารถไว้ใจให้เธอทำงานพวกนั้นได้แล้ว" แม่เลี้ยงสาวเอ่ยขึ้นก่อนจะเคลื่อนสายตากลับมาจดจ้องยังใบหน้าเศร้าของคนที่ก่อเรื่องอีกครั้ง "ลุงคำไปหาคนงานมาแทนคนงานคนนี้ด้วย" "ครับแม่เลี้ยง" แม้จะเห็นใจแต่เมื่อเป็นคำสั่งจากนายหญิงของไร่ใครเลยจะกล้าแย้ง "งั้นเดี๋ยวฉันจะให้คนรถไปส่งเธอที่ปากทางไร่ก็แล้วกันนะ" "แต่..." "แม่เลี้ยงพูดขนาดนี้แล้วเธอยังจะกล้าเถียงอีกเหรอ" ดรุณีเอ่ยปรามคนคิดเถียงให้เงียบลงไปหากแต่สายตาแข็งขืนของใครอีกคนก็ยังแสดงออกมาอย่างชัดเจนให้นึกระอากับคนหัวแข็งที่ทำอะไรไม่ได้เรื่องสักอย่าง แม่เลี้ยงคิดถูกแล้วที่ไม่เก็บคนแบบนี้เอาไว้ "งั้นเดี๋ยวหวานไปบอกคนขับรถก่อนนะคะ" "ไม่ต้อง..." น้ำเสียงราบเรียบดังขึ้นหยุดการเคลื่อนไหวของคนที่บอกจะไปได้ทันทีดรุณีหันกลับมามองเจ้าของประโยคอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก "แม่เลี้ยงว่าอะไรนะคะ" "ฉันบอกว่าไม่ต้องไปบอกคนรถ" "ทำไมล่ะคะหรือจะให้คนงานสองคนนี้เดินไปเองกันคะ" "ไม่ต้องเรียกรถแล้วก็ไม่ให้เดินไปไหนทั้งนั้นเพราะฉันยังไม่ได้บอกเลยว่าจะให้เค้าออก" สิ่งที่ได้ยินสร้างความแปลกใจให้กับคนฟังทั้งสองเป็นอย่างมากโดยเฉพาะดรุณีที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินคำพูดเช่นนี้เพราะจากการกระทำแล้วมันก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องใจอ่อนได้อีก คนงานคนนี้คือภาระนะแม่เลี้ยงรดาจะเก็บไว้ทำไมอีก "แต่คนงานคนนี้ก่อเรื่องวุ่นวายนะคะ" "ก็เพราะแบบนั้นไงฉันถึงบอกว่าให้ทำที่เดิมไม่ได้แล้ว" "หมายความว่า..." "ฉันจะให้เธอช่วยคนอื่นเก็บส้มก็แล้วกัน" "จะดีเหรอคะแม่เลี้ยง" "ก็คนขาดอยู่ไม่ใช่เหรอ" "แต่..." "ตกลงตามนี้ส่วนเรื่องยุ่งที่เธอก่อฉันก็จะลงโทษตามที่เห็นควร" ไอศิกามองหน้าคนพูดให้โอกาสอย่างงงๆ หากแต่รอยยิ้มก็เปิดออกพร้อมกับการพยักหน้ารับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นทุกอย่าง "เอาเป็นว่าฉันจะหักเงินเดือนเธอครึ่งเดือนแล้วอย่าก่อเรื่องอีกเข้าใจมั้ย" "คะ?" "ทำไมหรือไม่พอใจบทลงโทษหรือเธอจะให้ฉันเปลี่ยนไปใช้แบบที่ดรุณีเสนอ" "ไม่ค่ะ ไม่ค่ะแบบนี้ดีแล้วค่ะ" "งั้นก็ตามนี้" "ค่ะตามนี้ขอบคุณแม่เลี้ยงมากเลยนะคะ" "ฉันให้โอกาสเธอหลายครั้งมากแล้วนะช่วยเก็บรักษาแล้วก็เห็นค่ามันหน่อยจะดีมากเลยนะ" "......................." ความเงียบปกคลุมระหว่างคนสองคนที่จ้องมองกันก่อนจะเป็นแม่เลี้ยงสาวที่ดึงมันออกแล้วหันไปมองคนอื่น "หมดเรื่องแล้วก็กลับไปทำงานทำการของตัวเองได้แล้ว" ประโยคคำสั่งดังขึ้นให้การชุมนุมต้องสลายตัวหากแต่ดูเหมือนคนต้นเรื่องจะยังดึงสติกลับมาเองไม่ได้จนอาจจะต้องให้เธอช่วยเหลืออีกครั้ง "ถ้ายังขืนชักช้าฉันจะเปลี่ยนจากให้ไปทำงานเป็นไปเก็บเสื้อผ้าแทนแล้วนะ" "เอ่อ..." "ยังไม่ไปอีก" "เอ่อ ค่ะค่ะไปแล้วค่ะ" ท่าทางลนลานของคนที่เพิ่งพูดจบทำเอาคนให้โอกาสรู้สึกหนักใจมากยิ่งขึ้นหากแต่ก็ยังหวังว่าตัวเองจะคิดไม่ผิด ว่าแต่ทำไมเธอถึงต้องให้โอกาสกับคนไม่เอาไหนแบบนี้กันนะ ทำไมเธอถึงเชื่อว่าคนแบบนั้นจะเหมาะที่จะทำงานในไร่นี้ ทำไมถึงมีความคิดแบบนี้กันนะ? ดรุณีมองคนที่ได้โอกาสอย่างไม่พอใจสักเท่าไหร่เพราะจากเหตุการณ์ทั้งหมดคนๆ นี้ไม่สมควรได้โอกาสแม้แต่น้อย "หวานไม่เข้าใจค่ะ" สิ่งคาใจดังขึ้นให้คนมองออกได้ทอดถอนใจก่อนจะหันไปจ้องมองยังคนที่สงสัยในเรื่องนี้ "หวานว่าฉันทำผิดงั้นเหรอ" "เปล่านะคะแต่หวานแค่ไม่เข้าใจว่าแม่เลี้ยงจะเก็บคนงานคนนั้นมาเป็นภาระอีกทำไม" "ฉันแค่ให้โอกาสคนไม่ดีงั้นเหรอ" "ให้โอกาสมันก็ดีแหละค่ะแต่กับบางคนก็ไม่ควรที่จะได้มากเกินกว่าหนึ่งครั้งนะคะ" "แต่เค้าไม่เหมือนกับเรา" "แม่เลี้ยงก็เลยอยากช่วยงั้นเหรอคะ" "ก็คงงั้น" "แต่กับคนอื่น..." ดรุณีเกือบหลุดสิ่งที่อยู่ในความคิดออกมาเธออยากจะได้คำตอบของเรื่องนี้จริงๆ ว่าทีกับคนอื่นคนตรงหน้ายังไม่เคยให้โอกาสมากเท่านี้ สองครั้งในหนึ่งวันที่แม่เลี้ยงรดาให้โอกาสกับคนๆ นั้น แม่เลี้ยงรดามองไปยังคนพูดไม่จบก่อนจะลุกขึ้นยืนพร้อมจิกสายตาเน้นย้ำให้รู้ถึงคำว่ามากเกินไปให้คนพูดซักได้รู้สึกตัว "ขอโทษค่ะ" ดรุณีเอ่ยเสียงแผ่วก่อนจะถอยห่างออกมาเพราะไม่อาจทนความอึดอัดที่ถูกเจ้าของดวงตาคู่ดุมอบมาได้ "ฉันทำอะไรมีเหตุผลเสมอแต่ไม่จำเป็นต้องบอกใคร" ประโยคเด็ดขาดดังขึ้นให้ดรุณีได้ใจเสียจนไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าคนพูดเลยสักนิดและทุกการสนทนาก็ปิดฉากลงเมื่อแม่เลี้ยงคนสวยเดินเข้าไปในบ้านให้คนใจเสียได้มองตามตาละห้อย เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ใครอีกคนมักจะทำให้รู้สึกถึงคำว่าคนอื่นแม้จะรู้ตัวดีว่าไม่คู่ควรหากแต่เธอก็ไม่ได้ต้องการที่จะครอบครองใครอีกคนเลยสักนิดเธอต้องการเพียงเห็นหน้าได้มองเวลาเจ้าหล่อนยิ้มบ้างก็แค่นั้น หรือเพียงแค่รอยยิ้มคนอย่างเธอก็ไม่คู่ควร...
ทันทีที่ใครอีกคนเดินกลับเข้ามาเขมนิจก็รีบดึงตัวคนก่อเรื่องมานั่งจับเข่าคุยทันที "โอ๊ยยยย เบาดิ" "ก็คนมันร้อนใจนี่นาตกลงว่าไง" ไอศิกาผลงานบตาต่ำลงพร้อมกับใบหน้าที่เศร้าลงให้คนมองได้ใจหายก่อนจะแตะมือลงบนไหล่ของเพื่อนรักเบาๆ "ไม่เป็นไรนะซีฉันขอบใจแกมากสำหรับทุกอย่าง" เขมนิจเอ่ยเสียงเศร้าก่อนจะบีบไหล่ที่จับนั้นเพราะรู้สึกถึงแรงสะอึ้นที่มากขึ้นเรื่อยๆ แต่เดี๋ยวก่อนนะ...! อาการสะอึ้นคือการร้องไห้แต่กับคนข้างๆ ในตอนนี้ก็ไม่น่าจะมีอาการถึงเพียงนั้นและมันคือเรื่องจริงเมื่อใครอีกคนไม่ได้ร้องไห้อย่างที่คิดไว้จริงๆ หากแต่ไอศิกากำลังหัวเราะอยู่ต่างหาก!!! "นี่แกเป็นบ้าเลยเหรอ" "ฉันไม่ได้บ้าแต่แค่ตลกแกต่างหาก" "หมายความว่าไง" เขมนิจเอ่ยด้วยสีหน้างงๆ ก่อนจะเพ่งมองรอยยิ้มของใครอีกคนอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก หรือว่า...? "แกอย่าบอกนะว่า..." "ฉันไม่ได้ถูกไล่ออก" "จริงดิ" "เรื่องจริงที่สุดในโลก" "แต่เมื่อตอนเย็นแกทำม้าเค้าหลุดเกือบทั้งคอกเลยนะ" เรื่องจริงเลยแหละที่ม้าที่หลุดไม่ได้มีเพียงตัวเดียวหากแต่มันหลุดออกมาเกือบทั้งคอกเลยก็ว่าได้แต่ไม่สิ! ยังเหลืออีกตัวที่ไอศิกายังสามารถจับไว้ทันนั่นก็คือลูกม้าเกิดใหม่ที่อาจจะวิ่งไม่ถนัดสักเท่าไหร่และนี่อาจจะเป็นความดีที่ทำให้แม่เลี้ยงรดาเห็นใจเธอก็เป็นได้ "จะเป็นไปได้ยังไงวะ" "แม่เลี้ยงรดาเค้าคงสงสารฉันแหละอย่าลืมสิว่าแกบอกอะไรเค้าไป" ถ้อยคำรื้อฟื้นความทรงจำทำให้เขมนิจนึกอะไรขึ้นมาได้ถือว่าเป็นโชคดีจริงๆ ที่อ้างเรื่องสภาวะไม่ปกติของเพื่อนรักไปไม่อย่างนั้นคิดภาพไม่ออกเลยจริงๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากเหตุการณ์เช่นนี้เกิดจากฝีมือคนปกติ "โชคดีของแกไปแต่ฉันขอร้องล่ะอย่าก่อเรื่องอีกเลยนะ" "ฉันก็ไม่ได้อยากทำ" ไอศิกาเอ่ยยืนยันเสียงแข็งให้คนพูดขอร้องได้แต่หนักใจมองตามเพื่อนรักที่ลุกเดินไปอาบน้ำหน้าตาเฉยราวกับไม่ได้ก่อเรื่องใหญ่อะไรเลย หวังว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ไอศิกาจะก่อมันขึ้นมาเพราะหากเป็นแบบนี้เรื่อยๆ ข้ออ้างในเรื่องบางอย่างอาจจะไม่สามารถยกมาใช้ร่วมได้อีก หากแต่ในเรื่องนี้ก็ทำให้รู้ว่านางในฝันของเธอมีเมตตาและใจดีเป็นที่สุดเหมาะแล้วเหมาะจริงๆ ที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ใกล้ชิดเจ้าหล่อน คุ้มค่ากว่าที่คิดไว้เสียอีก...
|
Rating: This article has not been rated yet.
|
|
ความคิดเห็น
|