web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 109
Most Online Ever: 190
(08 กรกฎาคม 2022 เวลา 19:00:55 )
Users Online
Members: 0
Guests: 91
Total: 91

ผู้เขียน หัวข้อ: Hidden Agenda Chapter 8  (อ่าน 1934 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ nuffy

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 93
Hidden Agenda Chapter 8
« เมื่อ: 25 มกราคม 2014 เวลา 08:37:35 »
Chapter 8

บนรถตู้ที่กำลังมุ่งสู่จังหวัดลำพูน จอยกำลังตั้งอกตั้งใจอ่านข้อความในหนังสือ Gossip ที่มีหน้าปกเป็นรูปแอบถ่ายของวีนัสและพีทที่กำลังเดินคู่กันในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง หนังสือเล่มนี้กำลังเล่นข่าวเรื่องรักร่วมค่ายระหว่างสองดาราหนุ่มสาวที่กำลังเป็นที่จับตามอง

“สองๆ ดูดิ ฉันว่าน้องนัสกับน้องพีทน่าจะเป็นแฟนกันจริงๆ แล้วล่ะ” สาวอวบกระซิบบอกข่าวที่เพิ่งอ่านจบให้กับคนที่นั่งข้างๆ

“เหรอ... ขอดูหน่อยสิ” สาวหมวยตอบแล้วหยิบหนังสือไปอ่าน “อืม... หนูว่ายังไม่น่าจะใช่นะพี่จอย ไม่เห็นคุณนัสจะมีท่าทางชอบคุณพีทสักเท่าไหร่เลยนี่”

“แต่ข่าวนี้น่าจะจริงนี่นา พวกปาปารัชซี่เค้าถ่ายได้เชียวนะ” จอยเถียง

“หนูว่าไม่จริงอ่ะ ไอ้หนังสือพวกนี้ชอบพาดหัวข่าวแบบน่าเกลียด ใช้คำอะไรก็ไม่รู้ ตลกอ่ะ เชื่อไม่ได้สักข่าว พี่เชื่อเกินไปแล้วมั้ง” สองตอบพลางมองไปที่ด้านหลังรถ กี้เพื่อนของเธอมักจะนั่งที่เบาะหลังเสมอ ตอนนี้อีกฝ่ายกำลังนอนหลับโดยมีเสื้อฮู้ดดี้คลุมหัวพร้อมเสียบหูฟังอยู่เหมือนเดิม

“สอง แกว่าน้องนัสจะว่าอะไรมั้ยถ้าคราวหน้าพี่จะถามเรื่องนี้” สาวอวบยังคงพูดต่อไป

“ก็ลองถามดูสิ หนูว่าคุณนัสไม่น่าจะว่าอะไรหรอก”

“แล้วน้องนัสจะมาร่วมทริปกับเราอีกเมื่อไหร่ล่ะ” จอยถามต่อ

สาวหมวยทำท่าคิด “อืม... เท่าที่คุยกับคุณแจนก็น่าจะเดือนหน้านะ เพราะไม่มีคิวถ่ายหนังพอดี”

“เหรอ”

สองหันไปมองสาวเซอร์อีกครั้ง... หลังจากวันที่เพื่อนร่วมงานมาช่วยออกร้านที่บริษัทของแฟนสาวพร้อมกับวีนัส เธอก็ได้ข่าวมาว่าในคืนนั้นกี้ก็ไปนอนค้างที่ห้องของดาราหน้าหวาน ดูท่าทางของเพื่อนสาวไม่ได้แสดงออกอะไรมากนัก และพยายามไม่พูดถึงดาราสาว แต่สาวหมวยก็เดาว่าทั้งสองคนนี้น่าจะพูดคุยกันมากพอสมควร

“ไม่มีอะไรหรอกน่า” สาวเซอร์ตอบอย่างรำคาญขณะที่สูบบุหรี่อยู่บริเวณที่จัดไว้ให้เป็นเขตสูบบุหรี่ในออฟฟิศ

“เหรอ...” สองทำเสียงแบบไม่น่าเชื่อ “ดูแกกับคุณนัสก็เริ่มจะสนิทกันพอสมควรนี่”

“ก็แค่เรื่องงาน...” กี้ตอบพลางอัดบุหรี่เข้าปอด

“แค่เรื่องงานจริงๆ อ่ะ... ไม่มี Hidden agenda อะไรนะ”

สาวเซอร์ส่ายหน้าแล้วขยี้ก้นบุหรี่ลงถังทราย “ไม่มี... คุยกันก็แค่เรื่องงาน แกจะเป็นห่วงอะไรฉันนักหนาวะ ดูทำหน้าเข้า หน้าบูดเป็นตูดเลยไอ้หมวยเอ้ย” 

“ฉันกับอุ้มก็แค่สงสัย... ก็ไม่เห็นแกคุยกับใคร หรือสนใจใครแบบนี้มานานแล้ว”

“แกก็เลยคิดว่าฉันสนใจดาราเหรอ” กี้ถาม

“เปล่า ก็แค่คิดว่าคุณนัสเค้าน่ารักดี เห็นพักนี้แกกับเค้าคุยกันบ่อยๆ แต่ฉันก็กะจะมาเตือนนั่นแหละ” สาวหมวยพูด

“เตือนเรื่องอะไรวะ”

สองถอนหายใจ “เห็นตอนนี้ทางบริษัท GNN พยายามให้คุณนัสเค้าออกงานกับคุณพีทบ่อยๆ แล้วก็ทริปที่จะไประนอง สองคนนี้ก็ถูกวางตัวมา แล้วก็มีการสั่งด้วยนะว่าขอให้พวกเราอย่าเข้าไปคุยกับสองคนนั้นมากจนเกินไปนัก...”

“เพราะอะไร” สาวเซอร์ถามด้วยความไม่เข้าใจ

“เห็นว่าพวกเค้าจะพยายามเชียร์ให้สองคนนี้เป็นแฟนกันอยู่ ทริปนี้เป็นทริปยาวที่พวกเค้าจะออกพร้อมเราแล้วก็กลับพร้อมเรา ซึ่งช่วงระหว่างที่พวกเราเตรียมงานทางฝ่ายนั้นก็จัดโปรโมทดาราไปด้วย... เผื่อว่าจะมีสิทธิ์กิ๊กกันจริงๆ ได้ยินว่าแบบนั้นอ่ะนะ”

“โห... บริษัทบันเทิงหรือบริษัทจัดหาคู่วะเนี่ย” กี้พูดออกมาเบาๆ

“ก็นั่นแหละ ฉันถึงจะมาเตือนแกไง ว่าถ้าเจอคุณนัสก็อย่าแสดงว่าแกกะเค้าสนิทกัน เพราะมันอาจจะกระทบกับเรื่องงานของพวกเรา แล้วก็ของคุณนัสด้วย”

“เออ เข้าใจแล้ว” สาวเซอร์พูด

...

ณ สนามบินสุวรรณภูมิ วีนัสกำลังกดข้อความส่งไปหากี้ เธอกำลังเตรียมตัวออกเดินทางไปประเทศออสเตรียเพื่อถ่ายแบบให้กับนิตยสารฉบับหนึ่งเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ระหว่างที่เธอกำลังรอให้อีกฝ่ายตอบกลับนั้นเธอก็นึกถึงวันที่ทั้งสองคนกินข้าวเช้าด้วยกัน...

“เมื่อคืนหลับสบายมั้ย” ดาราหน้าหวานถามอีกฝ่ายที่กำลังนั่งอ่านข้อความบนกระดาษรองจาน

“อื้อ... ฉันเป็นคนหลับง่ายอยู่แล้ว ถึงจะนอนแปลกที่ยังไงก็ไม่มีปัญหาหรอก กลัวคุณจะนอนไม่สบายมากกว่าที่มีคนมานอนเบียดด้วย”

“ไม่เบียดหรอกน่า เตียงฉันออกจะใหญ่... จริงๆ แล้วอยากได้เล็กกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่แม่ไม่ยอม”

“ทำไมล่ะ” สาวเซอร์ถาม

“ก็บางครั้งบางทีแม่ก็จะมานอนด้วยน่ะ ก็เลยต้องเอาเตียงใหญ่ไว้ก่อน”

กี้พยักหน้าอย่างเข้าใจ “อ่าฮะ... คุณอยู่คอนโดคนเดียวเหรอ”

“อื้อ มันสะดวกเวลาทำงานน่ะ ถ้าขับรถกลับไปที่บ้านก็ไกลอยู่”

“แล้วบ้านคุณอยู่ที่ไหนล่ะ”

“มหาชัย”

“อื้อหือ ไกลอยู่นะเนี่ย แล้วกลับบ้านบ่อยมั้ย”

“ไม่บ่อยหรอก เพราะงั้นส่วนใหญ่พ่อกับแม่ถึงมาหาฉันบ่อยๆ”

“อื้อ...”

สองสาวเงียบเสียงลงเมื่ออาหารถูกนำมาเสิร์ฟ ทั้งคู่ลงมือกินอาหารไปเงียบๆ แต่ต่างฝ่ายก็ต่างแอบมองกันและกัน สักพักหนึ่งกี้ก็พูดขึ้นมาว่า

“มื้อนี้ฉันขอเลี้ยงคุณนะ”

“ทำไมล่ะ”

“ก็เลี้ยงวันเกิดคุณล่วงหน้าไง วันเกิดคุณฉันต้องไปต่างจังหวัด อีกอย่างคุณบอกเองว่าจะไปทำบุญกับที่บ้านก็เลยคิดว่าเลี้ยงคุณวันนี้น่าจะดีกว่า”

วีนัสยิ้ม “ไม่เอาล่ะ ฉันไม่ให้คุณเลี้ยงหรอก”

สาวเซอร์ขมวดคิ้ว ใบหน้าของเธอทำให้อีกฝ่ายหัวเราะออกมาเบาๆ “หน้าคุณตลกจัง”

“ฉันไม่ใช่หม่ำ จ๊กม๊ก จะได้มาเล่นตลกให้คุณขำนะ” กี้สวนทันควัน “ถ้าไม่ให้เลี้ยงข้าวแล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะ”

“ก็... ไว้พาฉันไปเที่ยวที่อื่นอีกหลังจากคุณกลับมาเป็นของขวัญวันเกิดแทนได้มั้ยล่ะ” วีนัสพูดแล้วใช้มือปัดผมขึ้นทัดหู เธอพยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุดเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้ว่าเธอกำลังเขิน

“พักนี้เห็นคุณชอบเอาผมทัดหูบ่อย หูเป็นอะไรเหรอ” กี้แซว

วีนัสค้อนคู่สนทนา “คุณนี่แซวจังเลยนะ ถามจริงเถอะคุณเคยเถียงหรือกวนแพ้ใครบางมั้ย แบบว่ายกมือขอยอมแพ้เลยน่ะ”

“เคยสิ”

“ใครเหรอ เล่าให้ฟังหน่อยสิ” ดาราหน้าหวานพูดพลางส่งสายตาอ้อนๆ ทำเอาคนถูกอ้อนหน้าร้อนขึ้นมา จนต้องยิ้มแก้เขิน

“ก็... เป็นคุณยายคนนึงที่จังหวัดตากน่ะ”

“ยังไงเหรอ”

สาวเซอร์ทำท่านึกแล้วก็เล่าออกมาว่า “ตอนนั้นฉันไปกับทีม พวกเราไปเตรียมงานกัน พอดีว่าต้องไปนอนที่บ้านชาวบ้านแล้วฉันได้ไปนอนที่บ้านหลังนึง คุณยายแกชื่อสมปอง บ้านที่นั่นก็... บ้านใต้ถุนสูง คุณยายแกเดินขึ้นบันไดไม่ไหว ลูกๆ แกก็เลยทำห้องให้แกที่ใต้ถุนบ้าน ก็กินๆ นอนๆ อยู่ตรงนั้นนั่นแหละ ฉันก็ได้ไปนอนห้องเดียวกับคุณยาย”

“อ่าฮะ แล้วไงต่อ”

“ยายแกกวนมากเลยนะ เล่นเอาฉันไปไม่เป็นเลย มาวันแรกเลยแกคิดว่าฉันเป็นกะเทย เพราะว่าฉันตัวสูงกว่าผู้หญิงคนอื่นๆ ที่ไปด้วยกัน แกโวยวายใหญ่เลยว่าจะเอากะเทยมานอนกับแกได้ยังไง”

ดาราสาวหัวเราะคิกจนอีกฝ่ายตีหัวเบาๆ เพื่อปรามแล้วเล่าต่อว่า “กว่าจะอธิบายรู้เรื่องก็นานอยู่... ยายแกชอบดูข่าว ดูทั้งวันไม่รู้ว่าดูอะไรนักหนา มีอยู่วันนึงฉันกำลังนั่งทำงานอยู่คุณยายแกก็ถามขึ้นมาว่า ไอ้หนูๆ ไอ้แม้วมันยังเป็นนายกฯ อยู่มั้ย... ฉันก็ตอบไปว่าไม่ได้เป็นแล้ว แกก็ถามต่อว่าแล้วตอนนี้นายกฯ เป็นใคร ฉันก็ตอบไปว่ามาร์คซึ่งก็เป็นนายกฯ ในตอนนั้นยายรู้จักมั้ย แกก็บอกว่าไอ้ที่หล่อๆ ใช่มั้ย รู้จักๆ ฉันก็เลยถามต่อว่าแล้วยายรู้จักอภิสิทธิ์มั้ย คุณลองเดาดูสิว่ายายแกตอบว่าอะไร”

“ถ้ารู้จักชื่อเล่นก็น่าจะรู้จักชื่อจริง ฉันว่ายายน่าจะตอบว่ารู้”

“ผิด... ยายแกตอบว่าไม่รู้ ยังจะมาถามอีกนะ อภิสิทธิ์มันเป็นใคร ไม่เห็นจะรู้จัก แล้วที่ขำยิ่งกว่านั้นตอนที่แกน่ะ ในทีวีไม่มีข่าวการเมืองเลย แล้วแกก็เปลี่ยนเรื่องพูด ไปพูดเรื่องอื่นแทน ฉันกับไอ้สองก็นั่งมองหน้ากันแบบอึ้งๆ เพราะไม่รู้จะพูดต่อยังไง”

วีนัสหัวเราะ “คุณยายแกหลงเหรอ”

“อื้อ... ก็ส่วนหนึ่ง แล้วพออยู่ด้วยกันก็จะรู้ว่าแกใส่เสื้อผ้าแบบไหน ฉันเห็นว่ากางเกงในที่ยายใส่มันขาดเป็นรู ด้วยความที่หวังดีตอนที่ฉันเข้าเมืองฉันก็เลยซื้อกางเกงในให้แก 10 ตัวกับผ้าอ้อมผู้ใหญ่เพราะแกชอบตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำตอนกลางคืนบ่อยๆ พอเอาของไปให้ ยายแกรับแต่กางเกงใน แต่แกไม่เอาผ้าอ้อมล่ะ”

“ทำไมล่ะ” 

“แกบอกว่าแกไม่ใช่เด็กทารกข้างบ้านที่ต้องใส่ผ้าอ้อม แล้วแกก็เอาผ้าอ้อมที่ฉันซื้อให้ไปให้บ้านข้างๆ ที่มีเด็กนั่นแหละ ส่วนกางเกงใน แกก็ไม่ยอมให้ฉันเอาตัวเก่าไปทิ้งนะเพราะแกบอกว่าแกจะเอาไว้ใส่ตอนเวลาที่ไม่มีแขกมาบ้าน”

ดาราสาวอึ้งแล้วหัวเราะ “คุณยาย... ทำไมเป็นแบบนี้”

“ยายแกหวงมากเลยนะ ไอ้กางเกงในขาดๆ ของแกน่ะ แกจะมองฉันตลอดเพราะกลัวฉันเอาไปทิ้ง พอแกซักกางเกงในตัวเก่า แกก็ดันเอามาตากในห้อง... ห้องที่นอนด้วยกันนั่นแหละ”

“ได้ไงอ่ะ!”

“แกบอกว่ากางเกงในมันขาด แกกลัวมันอายก็เลยต้องเอาไปตากในห้อง แล้วก็เลือกเอาตัวใหม่ๆ ที่ฉันซื้อให้ออกมาตากข้างนอก แบบกะว่าจะโชว์คนอื่นเค้า” สาวเซอร์พูดยิ้มๆ

วีนัสหัวเราะจนท้องแข็ง “คุณยายนี่เด็ดจริงๆ”

“ใช่ ไม่มีช่องโหว่เลย ตอบอะไรมาแกก็ถามกลับมาแบบกวนๆ จนฉันต้องขอยอมแพ้... ตอนนี้แกไม่อยู่แล้วล่ะ ไปคุยเป็นเพื่อนกับพ่อแม่ฉันอีกคน” กี้พูดแล้วมองดาราหน้าหวานที่ยังคงหัวเราะอยู่ เธอยิ้มออกมาเล็กน้อย

“ก็นะ... งานแบบคุณนี่ก็สนุกดีเหมือนกันนะ” ดาราสาวสบตาอีกฝ่ายที่กำลังมองเธออยู่

“มันก็ไม่ได้มีแต่เรื่องสนุกๆ หรอกน่า ต้องเดินทางออกจากบ้านบ่อยๆ นานๆ จนมีคำพูดกันว่าพวกคนที่มีครอบครัวแล้วจะเลิกกัน ส่วนพวกคนที่ยังโสดก็จะมีแฟนตามที่ๆ ไป... พอพูดกันแบบนี้คนที่กังวลก็คือพวกที่มีแฟนแล้วกันทั้งนั้น อย่างไอ้สอง กว่าจะอธิบายให้อุ้มรู้เรื่อง เข้าใจก็นานอยู่ บางทีกลับมาก็ต้องมาง้อ เพราะบางที่ๆ ไปไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ติดต่อกันไม่ได้... บางทีฉันกลับมาที่บ้าน น้ากานกับเด็กที่มาช่วยงานแทบจะลืมหน้าไปด้วยซ้ำ” สาวเซอร์อธิบาย

“มันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากฉันหรอก... ทำงานบางทีก็เช้ามาก บางทีก็ดึกมาก ไปโน่นมานี่ บ้านก็แทบไม่ได้กลับ พักผ่อนก็น้อย ชีวิตส่วนตัวก็หาย แถมยังต้องมาถูกจับคู่ ไม่ก็ถูกด่าฟรีอีก”

“เอาน่า... คนของประชาชนไม่ใช่หรือยังไง”

วีนัสทำหน้าเซ็ง “ไม่เห็นอยากเป็นสักหน่อย เป็นคนของประชาชน แต่ไม่มีใครเห็นใจฉันสักหน่อย ทุกคนเอาแต่บอกให้ฉันทำแบบนั้นทำแบบนี้ อยากให้ฉันเป็นแบบนั้นเป็นแบบนี้โดยที่ไม่ถามฉันสักคำเลย”

“แต่ฉันเห็นนะ” กี้พูดขึ้นมาทันที “ฉันเข้าใจว่าคุณอึดอัด คุณถูกคาดหวัง คุณถูกจับตามอง เพราะงั้นเวลาที่คุณมองคุณอื่น คุณจะมองด้วยสายตาแบบ... ไม่สบายใจ ไม่รู้สิ ฉันรู้สึกอย่างนั้นนะ ฉันก็เลยคิดว่าฉันอยากให้คุณรู้สึกดี ไม่อยากเห็นคุณเป็นแบบนั้นอีก”

ใบหน้าของผู้ฟังแดงขึ้นมา “เอ่อ... ขอบคุณนะ”

สาวเซอร์ยิ้มให้เธอเลื่อนมือเข้าไปกุมมืออีกฝ่าย และยิ้มกว้างมากขึ้นเมื่อดาราหน้าหวานบีบมือตอบเธอกลับมาและไม่ยอมปล่อยอีกเลยเมื่อทั้งสองเดินกลับไปที่คอนโด...

วีนัสที่กำลังนั่งรอขึ้นเครื่องยิ้มเมื่อเห็นกี้โทรมาหา เธอรีบเดินออกห่างจากผู้จัดการส่วนตัวและทีมงานของนิตยสาร

“นึกว่าจะไม่โทรมาซะแล้ว”

“ต้องโทรสิ” สาวเซอร์ตอบ

“ตอนนี้อยู่ที่ไหนเหรอ”

“อำเภอลี้... ตอนนี้แวะเติมน้ำมันอยู่ อีกประมาณชั่วโมงกว่าๆ คงจะถึงที่โรงแรมน่ะ แล้วคุณล่ะจะขึ้นเครื่องหรือยัง”

“ใกล้แล้วล่ะ... อยากได้อะไรมั้ย”

“ไม่ล่ะ แล้วคุณล่ะอยากจะได้อะไรมั้ย”

“ไม่ค่ะ... ดูแลตัวเองดีๆ นะ”

สาวเซอร์ยิ้ม “อยู่แล้ว... คุณด้วยล่ะ ดูแลตัวเองดีๆ ระวัง jet lag (อาการอ่อนเพลียจากการเดินทางด้วยเครื่องบินเป็นเวลานาน) ล่ะ”

“ค่ะ จะพยายาม”

“กลับมาแล้วฉันจะพาไปเที่ยวตามสัญญานะ คิดว่าคุณต้องชอบแน่เลย”

ดาราสาวหัวเราะ “คุณไม่เคยถามเลยนะว่าฉันชอบอะไร แล้วรู้ได้ยังไงว่าฉันจะชอบ”

“ก็... ไม่รู้สิ เถอะน่า คุณชอบชัวร์ รับรอง”

“แล้วถ้าฉันไม่ชอบล่ะ”

“ก็หาที่ใหม่” กี้ตอบ

วีนัสยิ้ม “หาที่ใหม่... นี่คุณไม่คิดจะถามฉันจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย คิดเอาเองอยู่เรื่อยเลย”

“อื้อ ไม่อยากถาม ก็อยากเห็นหน้าคุณตอนที่เห็นอะไรที่ไม่ชอบบ้างก็เท่านั้นเอง”

“บ้า” ดาราหน้าหวานว่าอีกฝ่ายแต่ก็แอบยิ้ม “อื้อ... เรียกขึ้นเครื่องแล้วล่ะ ไปก่อนนะ”

“Save trip and take care (เดินทางปลอดภัย ดูแลตัวเองด้วยนะ)” สาวเซอร์พูด

“Thanks (ขอบคุณค่ะ)”
 
...

วีนัสนอนกระสับกระส่ายไปมาอยู่บนเตียงในห้องพักของโรงแรมใจกลางกรุงเวียนนา เมืองหลวงของประเทศออสเตรีย เวลาที่นี่ช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง ตอนนี้เกือบเที่ยงคืนแล้ว ถึงแม้ว่าจะเหนื่อยจากการเดินทางและการทำงานตลอดทั้งวันในวันนี้แต่เธอกลับนอนไม่หลับ อาจเป็นเพราะเวลาเปลี่ยนจึงทำให้ปรับตัวไม่ได้

“เฮ้อออ ปวดหัวจัง” ดาราหน้าหวานบ่นออกมาเบาๆ เธอหยิบ iPod ขึ้นมาเปิดเพลงฟังแก้เซ็งพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง เพลงร็อคจังหวะหนักดังเข้ามาในโสตประสาท

What time is it where you are?
I miss you more than anything
Back at home you feel so far
Waitin’ for the phone to ring

ตอนนี้ที่นั่นมันกี่โมงกี่ยามเข้าไปแล้ว
ฉันคิดถึงเธอยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น
เธออยู่ห่างไกลเหลือเกิน
เฝ้ารอให้โทรศัพท์จากเธอดังเข้ามา

It's gettin’ lonely livin’ upside down
I don't even wanna be in this town
Tryin’ to figure out the time zones makin’ me crazy

เหงาแล้วนะ ฉันไปทางเธอไปทางเนี่ย
ไม่อยากจะอยู่แล้วด้วยซ้ำไอ้เมืองนี้
นั่งบวกลบหาไทม์โซนทำฉันจะบ้าตาย

You say good morning when it's midnight
Going out of my head alone in this bed

เธอบอกอรุณสวัสดิ์กับฉันตอนเที่ยงคืน
บ้าตายดีกว่า เหงาแทบบ้าตอนที่อยู่คนเดียวบนเตียง

I wake up to your sunset
It's drivin’ me mad, I miss you so bad
and my heart heart heart is so jetlagged

ฉันตื่นนอนตอนพระอาทิตย์ตกที่ฝั่งเธอ
ทำฉันใกล้จะบ้า ก็ฉันคิดถึงเธอจนสุดจะทน
หัวใจฉัน... มันเจ็ทแล็ก

(เพลง Jet lag: Simple Plan)



ดาราสาวทนฟังเพลงนี้จนจบไม่ได้ เธอรีบกดปิดเครื่องที่เธอถืออยู่ทันทีเพราะเพลงนี้ทำให้เธอคิดถึงกี้ สาวเซอร์ที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นมาได้อีกครั้งหลังจากที่ผิดหวังกับความรัก เธอหันไปมองที่มุมหนึ่งของห้อง ณ ที่ตรงนั้นมีกล่องกีต้าร์วางพิงอยู่ วันนี้หลังเลิกงานเธอเดินผ่านร้านขายเครื่องดนตรี พอมองเห็นกีต้าร์ตัวนี้เธอก็คิดถึงสาวเซอร์ขึ้นมา คิดถึงดวงตาของอีกฝ่ายที่มองดูกีต้าร์มือสองตอนที่อยู่ที่ตลาดนัดคลองหลอด คิดถึงท่าทางตลกๆ ของคนๆ เดียวกันที่ถือกีต้าร์เก่าๆ คอหักๆ ของตัวเองลงมาด้วยอาการเสียใจ ดาราหน้าหวานใช้เวลาตัดสินใจไม่นานที่จะเลือกและซื้อกีต้าร์ตัวนี้ เธอไม่มีความรู้เกี่ยวกับเครื่องดนตรีเลย แต่เธอซื้อเพราะเห็นแล้วชอบเท่านั้นเอง

“You have a good choice, Miss (คุณเลือกได้ดีมากเลยนะครับคุณผู้หญิง)” เจ้าของร้านเครื่องดนตรีที่เป็นคุณลุงมีหนวดเครายาวชมหญิงสาวจากเอเชียที่ขอซื้อกีต้าร์โปร่งไฟฟ้าตัวหนึ่ง แล้วสาธยายถึงความดีของกีต้าร์ตัวนี้เป็นการใหญ่พร้อมกับลองเล่นให้เธอดู

“Thank you (ขอบคุณค่ะ)” วีนัสกล่าวขอบคุณ แต่อันที่จริงแล้วเธอฟังไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย

“What an idiot! (ฉันนี่มันบ้าจริงๆ!)” ดาราหน้าหวานบ่นกับตัวเอง เธอมองไปที่กล่องกีต้าร์อีกครั้งแล้วกลับลงไปนอนบนเตียง

...

วีนัสยิ้มกว้างเมื่อเห็นกี้ยืนรออยู่ที่หน้าคอนโดในช่วงสายจัดๆ ของวันทำงาน สาวเซอร์ยิ้มตอบเมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินเข้ามาหา ดาราหน้าหวานแต่งตัวตามสบายด้วยเสื้อเชิ้ตพอดีตัวกับกางเกงยีนส์ ใบหน้าที่แต่งมาอ่อนๆ ก็ดูเข้ากับการแต่งตัวในวันหยุดของเธอในวันนี้

“วันนี้ไม่ทำงานเหรอ” ดาราสาวถาม

กี้ส่ายหน้า “ขอลาหยุด แล้วแอบมารับงานนอก”

“พาฉันไปเที่ยวเนี่ยนะงานนอก”

“อื้อ ไปกันเลยมั้ย”

“ไปยังไง”

“ก็รถคุณไง”

“อ้าว นึกว่าเอาลุงเชยมาซะอีก อุตส่าห์เตรียมตัวมาซะพร้อมเลย” วีนัสพูดแบบผิดหวังนิดๆ

“ฮั่นแน่ คิดถึงลุงเชยขึ้นมาแล้วละสิ... ลุงแกไม่สบาย เอาไปเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง อีกอย่างที่ๆ ฉันจะพาคุณไปมันก็ไกลจากที่นี่พอดู ไปรถคุณดีกว่า”

ดาราหน้าหวานยิ้มแล้วยื่นกุญแจรถให้อีกฝ่ายทันที “งั้นก็ฝากด้วยนะคะ คุณไกด์”

สาวเซอร์ขับรถคันหรูของดาราสาวไปที่ฝั่งธนบุรี เข้าสู่ถนนจรัญสนิทวงศ์ อีกสักพักหนึ่งก็จอดรถแล้วก็พาดาราสาวเดินข้ามสะพานข้ามคลองแคบๆ เมื่อไปถึงทั้งสองก็ได้พบกับบ้านไม้ย้อนยุคที่เรียงรายอยู่เป็นแถวเลียบลำคลองที่เดินทะลุถึงกันได้หมด พื้นปูด้วยกระดานไม้สะอาดสะอ้านจนอยากถอดรองเท้าด้วยความเกรงใจ หลายบ้านเปิดเป็นร้านค้าส่วนใหญ่ขายของย้อนยุค

“น่ารักจัง ที่นี่ชื่ออะไรเหรอ เหมือนอัมพวาเลย” ดาราหน้าหวานพูด

“คลองบางหลวง... กะแล้วว่าคุณต้องชอบ” กี้พูดยิ้มๆ

“ฉันยังไม่ได้บอกเลยว่าชอบ แค่พูดว่าน่ารักจัง”

“ค่าๆ เข้าใจแล้วค่ะ” สาวเซอร์ไม่ต่อล้อต่อเถียง

วีนัสยิ้ม “แหม... วันนี้ดูสงบปากสงบคำจังเลยนะ ไม่ค่อยเถียงเลย”

“ก็พามาเที่ยววันเกิด ยอมให้วันนึงก็แล้วกัน... กินไอติมมั้ย”

“อื้อ”

กี้พาดาราหน้าหวานเข้าไปในร้าน River of Alphabets ซึ่งเป็นร้านขายหนังสือจำพวกวรรณกรรม รวมทั้งไอศกรีมโฮมเมดที่ทางเจ้าของร้านทำเอง สองสาวนั่งกินไอศกรีมและเปิดหนังสืออ่านอยู่พักหนึ่ง วีนัสมองไปรอบๆ พร้อมรอยยิ้มอย่างอารมณ์ดี สาวเซอร์เห็นแล้วก็แอบยิ้ม

“ชอบมั้ย” กี้ถาม

“ค่ะ น่ารักมาก... คุณนี่เข้าใจเลือกที่เที่ยวนะ บรรยากาศดี ใกล้ด้วย แถมคนเที่ยวไม่ค่อยเยอะ”

“วันนี้วันธรรมดา คนไม่เยอะอยู่แล้ว ถ้ามาวันหยุดคงแทบจะไม่มีที่เดิน ต้องเล่นคนไหลกันชัวร์ๆ” สาวเซอร์พูด

“อ่าฮะ ลางานพาฉันมาเที่ยวแบบนี้ที่ออฟฟิศไม่ว่าเหรอ”

“ลองว่าสิจะโวยให้ ทำงานออกต่างจังหวัดแบบไม่ค่อยมีวันหยุด ถ้ามาห้ามไม่ให้ลาอีกก็ไม่ไหวนะ”

วีนัสส่งสายตาดุๆ ใส่กี้ “คุณนี่ขี้โวยวายจัง... ฉันก็แค่ถามเฉยๆ เอง เอาไอติมไปกินให้ใจเย็นลงเลย” ว่าแล้วเธอก็ตักไอศกรีมในถ้วยของตัวเองยื่นใส่หน้าอีกฝ่าย

กี้อ้าปากงับช้อนที่ยื่นมาทันที “ก็ได้ๆ วันนี้จะทำตัวเป็นเด็กดี... สงบปากสงบคำ”

ดาราหน้าหวานยิ้ม “ดีมาก”

เมื่อกินของหวานเสร็จสองสาวก็เดินควงแขนกันไปตามทางเรื่อยๆ จนไปสุดที่ ‘บ้านศิลปิน’ เป็นบ้านเก่าอายุร้อยกว่าปีของ ‘ตระกูลรักสำรวจ’ ตระกูลช่างทองเก่าแก่ซึ่งทายาทรุ่นสุดท้ายได้ขายบ้านหลังนี้ให้กับเจ้าของคนปัจจุบันที่ปรับปรุงเป็นสถานที่แสดงงานศิลป์ เป็นที่รวมตัวของของกลุ่มศิลปินที่รักงานศิลปะ บ้านหลังนี้เป็นอาคารไม้ทรงมะนิลารูปตัวแอลที่สร้างล้อมรอบเจดีย์เก่า ซึ่งเป็นเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง สันนิษฐานว่าเป็นหนึ่งในสี่ของเจดีย์แต่ละทิศที่กำหนดเขตพื้นที่เก่าของวัด ด้านบนของตัวบ้านเปิดเป็นแกลเลอรี่แสดงงานศิลปะทั้งภาพวาดและภาพถ่ายให้ได้ชมกัน

“ว้า วันนี้หุ่นละครเล็กไม่เล่นแฮะ” สาวเซอร์พูดอย่างเสียดาย

“หุ่นละครเล็กเหรอ”

“อื้อ... จริงๆ เค้ามีแสดงตอนบ่ายโมง แต่วันนี้เค้าไม่อยู่ สงสัยรับงานนอก ดูหุ่นแทนก็แล้วกัน” กี้พูดแล้วชี้ไปที่หุ่นหนุมานที่แขวนอยู่ด้านหนึ่งของตัวบ้านให้อีกฝ่ายดู หลังจากนั้นสองสาวก็เดินดูรอบๆ ตัวบ้านแล้วก็นั่งพักที่ริมแม่น้ำ

“หายเหนื่อยมั้ย” กี้ถามวีนัสที่นั่งยิ้มอยู่ข้างๆ

“เหนื่อยเหรอ...” ดาราหน้าหวานถามด้วยความไม่เข้าใจ

“ก็คุณเพิ่งจะกลับมาจากทำงานเมื่อคืนเองไม่ใช่เหรอ แล้ววันนี้ก็ออกมากับฉันอีกก็เลยคิดว่าคุณจะเหนื่อย แต่พอเห็นคุณยิ้มแบบนี้ฉันก็เลยอยากรู้ว่าคุณหายเหนื่อยหรือยัง”

“อื้อ หายแล้ว... มาที่นี่เหมือนได้พักผ่อนเลย ดีจัง”

สาวเซอร์ยิ้มแล้วขยับตัวเข้าใกล้ดาราสาว เธอกระซิบข้างหูของอีกฝ่ายว่า “ดีใจจัง... แล้วก็ Happy Birthday ย้อนหลังนะ... วีนัส”

หญิงสาวเจ้าของชื่อหน้าแดง เธอไม่เคยได้ยินอีกฝ่ายเรียกชื่อจริงๆ ของเธอมาก่อนยกเว้นเวลางานหรือเวลาที่อยู่ต่อหน้าคนอื่นที่รู้จักกัน เมื่อเธอกำลังจะยกมือขึ้นเอาผมทัดหูเพื่อแก้เขินอย่างที่เคยก็ถูกกี้ใช้มือของตัวเองปัดผมขึ้นทัดหูแทน

“เอาผมทัดหูอีกแล้ว... อยากรู้จังว่าคุณเป็นอะไร ทำไมถึงทำแบบนี้บ่อยๆ”

ดาราหน้าหวานก้มหน้าลงด้วยความเขิน เธอพูดออกมาเบาๆ ว่า “ข... ขอบคุณนะ”

เสียงเบาๆ กับหน้าแดงๆ ของอีกฝ่ายทำเอาสาวเซอร์หัวใจเต้นแรง เธอได้แต่พยักหน้าหงึกหงักแล้วก็ลูบผมของดาราสาวอย่างเบามือ

...
ช่วงเย็นวันนี้กี้พาวีนัสไปยังที่อีกที่หนึ่งก็คือพุทธมณฑล สาวเซอร์แวะซื้ออาหารปลาที่เป็นทั้งอาหารเม็ดและขนมปังก่อนที่จะขับรถเข้าไปด้านใน

“อ้ะ...” กี้ยื่นอาหารเม็ดให้อีกฝ่ายหลังจากที่เดินมานั่งที่ริมสระน้ำ

ดาราหน้าหวานแกะถุงอาหารปลาแล้วทำทีโยนอาหารเม็ดให้อีกฝ่าย “มากินเร็วๆ มาๆๆๆ”

สาวเซอร์รับมุกโดยทำท่าเหมือนน้องหมาที่กำลังรออาหารจากเจ้านาย แต่แล้วก็หยุดเมื่อเห็นอีกฝ่ายโยนอาหารเม็ดใส่เธอจริงๆ แล้วก็รีบเดินเข้าไปจับมือดาราสาวให้หยุดปาใส่เธอ

“โห... ได้ทีนี่เอาใหญ่เลยนะ ใจคอจะให้กินจริงๆ เหรอ”

วีนัสหัวเราะแล้วเอนตัวพิงอีกฝ่าย “คุณรับมุกเองนะ ฉันก็แค่เล่นเท่านั้นเอง”

กี้หยิบอาหารเม็ดจากในถุงที่ดาราหน้าหวานถือแล้วโยนลงไปในสระ ปลาตะเพียนและปลาดุกรัสเซียมากมายต่างแย่งอาหารที่เธอโยนให้จนผิวน้ำกระจาย เมื่ออาหารเม็ดหมดดาราสาวก็กำลังจะหยิบขนมปังขึ้นมา

“เดี๋ยวๆ อันนั้นไม่ใช่” สาวเซอร์ร้องห้าม

“อ้าว... ถ้าไม่ซื้อมาให้ปลาแล้วซื้อมาให้ใครล่ะ อย่าบอกนะว่าคุณจะเอาไว้กินเอง”

“เปล่า... เอาไว้ให้อย่างอื่นกินต่างหาก มานี่สิ” กี้จูงมือวีนัสไปที่อีกด้านหนึ่งของสระ

“อุ้ย... เต่า” ดาราหน้าหวานอุทานเหมือนเห็นสิ่งที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในน้ำ

“ใช่ ขนมปังนี่เอาไว้ให้น้องเต่า” สาวเซอร์พูดแล้วบิดขนมปังโยนลงในน้ำซึ่งคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ทำตามทันที

วีนัสยิ้มและหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางของเต่าที่กำลังกินอาหารที่เธอให้ แต่ก็ไม่กล้าพอที่จะยื่นขนมปังใส่ปากของเต่าโดยตรงเพราะกลัวจะถูกกัด กี้ที่ยืนมองอยู่ข้างๆ ยิ้มกับภาพที่เห็น เธอมองอีกฝ่ายทั้งโยน ทั้งใช้ไม้เขี่ยขนมปังให้บรรดาสัตว์ที่อยู่ในสระน้ำกินจนกระทั่งของที่ซื้อมาหมดลง

“ยื่นมือมาสิ” สาวเซอร์บอกแล้วเทน้ำจากขวดล้างมือให้ดาราสาว

“ขอบคุณค่ะ” ดาราหน้าหวานยิ้มแล้วมองไปรอบๆ “ที่นี่บรรยากาศดีจัง”

“อื้อ ถ้าได้นั่งพักสบายๆ เล่นกีต้าร์ร้องเพลงก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ แต่ตรงนี้เค้าห้ามส่งเสียงดังเพราะเป็นเขตวิปัสสนา”

เมื่อกี้พูดจบเหมือนดาราสาวจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เธอจึงดึงมืออีกฝ่ายให้เดินตามเธอไปที่รถ แล้วเธอก็ขอกุญแจเปิดท้ายรถที่ในนั้นมีกล่องใส่ของ รองเท้า และกล่องใบหนึ่งที่อยู่ด้านในสุด เธอขอให้กี้หยิบกล่องใบนั้นออกมา

“เปิดดูสิ” วีนัสบอกกับสาวเซอร์

เมื่อกี้เปิดกล่องออกเธอก็เห็นกระเป๋ากีต้าร์แบบสะพายที่ทำจากหนังแท้อย่างดี เธอหันไปมองเจ้าของรถที่พยักพเยิดให้เธอเปิดดูข้างใน เมื่อรูดซิปที่กระเป๋าออกก็พบกีต้าร์โปร่งไฟฟ้าสีน้ำตาลอ่อนทรง Grand Auditorium (ทรงบอดี้ของกีต้าร์ที่โค้งมนตรงด้านล่าง)

“กีต้าร์...” สาวเซอร์พูดออกมาด้วยความแปลกใจแล้วหยิบขึ้นมาดู

“อื้อ... ยี่ห้อ Crafter รุ่น GLXE-1500 ฉันซื้อมาตอนไปทำงานที่ออสเตรีย” ดาราหน้าหวานตอบ



“สวยดี... คุณเล่นกีต้าร์เป็นด้วยเหรอ”

“เปล่า ฉันเล่นไม่เป็น”

กี้ทำหน้างง “เล่นไม่เป็นแล้วซื้อมาทำไม แพงจะตายยี่ห้อนี้ เท่าที่เคยเห็นก็... สองหมื่นกว่าได้มั้ง”

“ฉันซื้อมาให้คุณเล่น”

“ห๋า... ซื้อมาให้ฉัน!” สาวเซอร์ทำหน้าตกใจ “ไม่เอาอ่ะ ไม่มีเงินจ่าย” เธอรีบเก็บกีต้าร์ลงกระเป๋าทันที

วีนัสรีบจับมือของอีกฝ่ายทันที “ฉันไม่ได้บอกนี่นาว่าฉันซื้อให้คุณ ฉันบอกว่าฉันซื้อให้คุณเล่น ซึ่งก็หมายถึงฉันให้คุณไปยืมเล่นแทนเจ้าบู้บี้ของคุณ”

“ให้ยืมก็ไม่เอา กลัวทำของคุณพัง”

“นี่คุณกำลังขัดเจ้าของวันเกิดนะ ไหนบอกว่าวันนี้จะยอมฉันไง” คำพูดของดาราหน้าหวานทำให้อีกฝ่ายชะงัก

“แล้วจะให้ฉันทำยังไง ไม่เอาหรอกนะของแพงแบบนี้ ถึงจะให้ยืมก็ไม่เอา ไม่กล้าใช้”

“ฉันให้คุณยืมเล่น... คุณจะเอาไปเล่นที่ไหนก็ได้ แต่กีต้าร์ตัวนี้มันก็ยังเป็นของฉันอยู่ แล้วฉันก็อยากให้คุณรักษามันอย่างดี โอเคมั้ย”

กี้นิ่งอยู่พักหนึ่งแต่เมื่อมองเห็นสายตาออดอ้อนของอีกฝ่ายก็จำใจตอบไปว่า “ก็... โอเค”

วีนัสยิ้ม “ถ้างั้นร้องเพลงให้ฉันฟังหน่อยสิคะ เพลงอะไรก็ได้”

สาวเซอร์ยิ้ม “ตั้งชื่อก่อนสิ คุณจะให้เจ้านี่ชื่ออะไร”

“อืม... ฉันจะเรียกมันว่า... กี้ ฉันจะขอตั้งชื่อเจ้านี่ว่ากี้” ดาราหน้าหวานตอบออกมาทันทีแล้วก็หัวเราะใส่คนที่กำลังถือกีต้าร์

“เป็นเด็กดีนะกี้ อย่ากวน อย่าทำตัวบ้าๆ บอๆ ให้มากนักนะ โตแล้ว ไม่งั้นไม่รักนะ เข้าใจมั้ย” ดาราสาวก้มหน้าลงไปพูดกับกีต้าร์ แต่คำพูดที่บอกว่า ‘ไม่งั้นไม่รัก’ ทำเอาคนที่ถือกีต้าร์อยู่หน้าร้อนขึ้นมา

“โหย... คุณดาว... คุณดาวประกายพรึก จะตั้งชื่อนี้จริงๆ เอาจริงเหรอเนี่ย” สาวเซอร์พูดขึ้นมาขำๆ

“เอาจริงสิ... จะร้องเพลงให้ฟังได้หรือยังคะ”

และแล้วกี้ (ที่ไม่ใช่กีต้าร์) หัวเราะ หลังจากนั้นก็เริ่มเล่นเพลงเปิดซิงให้กับเจ้าของกีต้าร์ฟัง นั่นก็คือเพลง Happy Birthday กลางสวนยามเย็น ณ พุทธมณฑล

To be continued




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.