web stats

ข่าว

 


Another Me - Chapter 14

โพสต์โดย: nuffy วันที่: 18 ตุลาคม 2017 เวลา 14:28:04 อ่าน: 846

งานศพของต้าร์จัดขึ้นที่วัดในตัวเมืองเชียงราย ตองขับรถมารับแจนที่สนามบินเพื่อกลับไปที่บ้านก่อนที่จะไปวัด สาวลูกครึ่งเข้าไปไหว้พ่อกับแม่ของอดีตแฟนแล้วเข้าไปจุดธูปไหว้สาวหล่อ เมื่อเสร็จแล้วเธอก็หาที่นั่งในศาลาและช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ ที่พวกญาติๆ กำลังทำอยู่ เมื่อเธอมองใบหน้าพ่อกับแม่ของสาวหล่อดูเหมือนจะซึ้งใจมากเมื่อเห็นเธอมางานศพของเขา  สายตาของพวกเขาให้ความรู้สึกที่ว่าเธอมีน้ำใจและมีความตั้งใจเดินทางมาส่งเขาครั้งสุดท้าย

สาวแก้มป่องดูวุ่นวายกับการจัดการงานทั้งอาหาร การนิมนต์พระ การหาคนมาบวชหน้าไฟ รวมทั้งติดต่อเรื่องอื่นๆ เธอยุ่งจนกระทั่งจนถึงช่วงเย็นก่อนพิธีสวดจะเริ่มจึงพอจะมีเวลาพัก

"เหนื่อยมั้ย?" สาวลูกครึ่งยื่นขวดน้ำให้

"ขอบคุณค่ะ... ก็นิดหน่อย แม่เขาอยากจะจัดให้ใหญ่ๆ แต่ตองบอกว่าสิ้นเปลืองก็เลยเถียงกันพักนึงจนพ่อกับพวกญาติๆ เห็นด้วยกับตองก็เลยต้องยอมน่ะค่ะ ตอนนี้แม่ก็เลยงอนจนไม่ยอมทำอะไรเลย"

แจนมองไปที่แม่ของอีกฝ่ายที่นั่งเช็ดรูปของต้าร์อยู่หน้าโลงศพ ใบหน้านั้นดูเศร้ามาก เธอหันกลับมาที่ตองที่นั่งดูลิสต์รายการที่ต้องทำอยู่

"เห็นแบบนี้แล้วตองรู้สึกดีกับการบริจาคร่างกายสุดๆ เลยล่ะค่ะ ไม่ต้องมาเสียเงินกับค่าอะไรพวกนี้"

"ตองบริจาคร่างกายเหรอ?"

"ค่ะ... พ่อกับแม่ยังไม่รู้หรอกค่ะ ตองว่าการบริจาคร่างกายทำให้เราช่วยเหลือคนที่ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ แถมทางโรงพยาบาลช่วยดูแลจัดการเรื่องงานศพให้ด้วย"

สาวลูกครึ่งยิ้มน้อยๆ แล้วยกมือขึ้นไปลูบผมอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู เธอหน้าแดงและแอบหลบตาเมื่อสาวแก้มป่องเงยหน้าขึ้นมาสบตาเธอ

"ตองไม่อยากให้พี่แจนมาเลย"

"ทำไมล่ะ?"

"งานของพี่ต้าร์คงทำให้พี่แจนอึดอัด"

"อึดอัดเรื่องอะไรเหรอ?"

"รู้สึกว่าทั้งคนนั้นและกิ๊กของพี่เขาอีกหลายคนจะมางานด้วยค่ะ เมื่อกี้นี้ตองก็เจอแฟนเก่าเขาบอกว่าจะมางานทั้งวันสวดแล้วก็วันเผาด้วย ตองกลัวว่าถ้าพวกเขามาเจอพี่แจนจะทำให้พี่แจนรู้สึกไม่ดี เพราะยังไม่มีใครรู้ว่าพี่แจนเลิกกับพี่ต้าร์แล้ว"

แจนส่ายหน้า "พี่มาช่วยงาน ไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่น ใครจะมาก็เรื่องของเขาสิ พี่ไม่แคร์หรอก"

"ค่ะ... ตองก็แค่กังวลแทนพี่แจน"

"แล้วเรื่องที่พี่เลิกกับต้าร์ พ่อกับแม่รู้ได้ยังไง?"

"ไม่รู้เหมือนกันค่ะ อาจจะเป็นพี่ต้าร์ที่เผลอหลุดปากอะไรออกมาตอนที่คุยกับแม่ก็ได้ ทำให้พ่อกับแม่โทรมาหาตองเรื่องพี่แจน"

"แล้วตองบอกพวกท่านไปว่าอะไร?"

"ก็ตอบไปตามจริงแหละค่ะ บอกว่าพี่เขามีกิ๊ก เขานอกใจพี่แจน พี่แจนจับได้แล้วให้โอกาสพี่ต้าร์อีกครั้งแต่พี่เขาก็ยังไม่ยอมเลิกกับอีกคนแถมยังออกไปด้วยกันตอนที่พี่แจนอยู่โรงพยาบาลก็เลยเลิกกัน"

"แล้วพ่อกับแม่ว่ายังไงล่ะ?"

"แม่ก็บ่นๆ พ่อก็ไม่ได้พูดอะไร แต่ก็ได้ยินว่าเสียดายที่เลิกกัน"

สาวลูกครึ่งยิ้ม "แล้วตองรู้สึกยังไงที่พี่เลิกกับต้าร์?"

หญิงสาวเจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมามองเธอทันทีเมื่อได้ยินคำถามนั้น สีหน้าของเธอดูสับสนแต่ก็ตอบออกมาว่า

"รู้สึกโล่งใจแทนพี่แจนค่ะ ก็อย่างที่บอกตองรู้นิสัยพี่เขาดี... ตองไม่อยากให้พี่แจนเจ็บซ้ำซาก"

"Thanks (ขอบคุณนะ)"

วันสวดคืนแรกคนส่วนใหญ่ที่เข้ามาร่วมงานจะเป็นญาติๆ เพื่อนๆ ของต้าร์และตอง คนร่วมงานยังไม่มากเท่าไหร่ แจนเข้าไปช่วยงานโดยที่ทุกคนยังคงเข้าใจว่าเป็นแฟนที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ คนที่รู้ว่าเลิกกันก็มีเพียงแค่สาวแก้มป่องและพ่อกับแม่เท่านั้น

สาวลูกครึ่งได้ยินคนพูดลับหลังเธอเป็นภาษาเหนือทุกครั้งที่เธอเดินคล้อยหลังทำให้รู้สึกแอบเกร็งเล็กน้อยเนื่องจากฟังที่พวกเขาพูดไม่รู้เรื่อง เธอทำได้แค่อยู่นิ่งๆ ไม่แสดงตัวอะไรมากและช่วยในสิ่งที่คนที่บ้านของตองขอให้ช่วยเท่านั้น

"เขาสวยกว่ามึงเยอะเลยว่ะ" แจนได้ยินเสียงผู้หญิงสองคนคุยกันขณะที่เธอเดินผ่านผู้หญิงคู่หนึ่ง

"นี่เป็นแฟนคนที่อยู่ด้วยกันที่กรุงเทพฯ ใช่ป่ะวะ?" เดินผ่านอีกกลุ่มก็ได้ยินแบบนี้

"เป็นลูกครึ่งด้วยอ่ะ ถึงว่ารีบทิ้งไอ้สาแล้วย้ายไปอยู่ด้วยอย่างไว"

คำพูดและสายตาที่มองมาทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยแต่ก็เก็บอารมณ์แล้วทำเป็นนิ่งๆ ไป นอกเหนือจากคำพูดแล้วยังมีผู้หญิงอีก 2 - 3 คนที่เดินเข้ามาจัดธูปไหว้ศพและร้องไห้เป็นการใหญ่ เมื่อมีญาติๆ มาสอบถาม พวกเธอก็บอกว่าเป็นแฟนของสาวหล่อ

"ฮานิบ่าเฮ้ย!" ญาติคนหนึ่งอุทานออกมา เป็นคำที่สาวลูกครึ่งก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าแปลว่าอะไร

แขกที่เข้ามาร่วมงานต่างก็มองมาที่แจนเป็นตาเดียว ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิงที่แสดงตัวว่าเป็นแฟนของคนตาย ยังไม่รวมถึงคนชื่อไอซ์ที่เพิ่งเดินทางมาถึงก่อนที่พระจะเริ่มสวดอีกด้วย

"คนตายไปแล้ว ด่าไปก็คงไม่รู้สึก ถ้าอยากแก้แค้นก็ทำได้แค่จุดธูปด่าหรือไม่ก็ไม่ต้องไปทำบุญกรวดน้ำให้ก็เท่านั้น"

ตองพูดเสียงดังหลังจากที่สวดเสร็จและพระกลับไปแล้ว ที่เธอพูดแบบนี้ก็เพราะมีเสียงซุบซิบดังขึ้นมาเรื่อยๆ เกี่ยวกับต้าร์และสาวๆ ที่เข้ามาร่วมงานมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ และทุกคนก็เริ่มจ้องมองแจนอีกครั้งจนงานศพเริ่มจะเป็นงานที่เต็มไปด้วยเสียงซุบซิบนินทา

"ตอนนี้ไม่ว่าใครก็ต้องใช้เวลาทำใจ ดีแล้วค่ะที่เขาไม่อยู่แล้ว พวกคุณไม่ต้องทนนาน ไม่จากเป็นก็จากตาย"

สาวลูกครึ่งสบตากับเอเจนซี่สาวคนที่ทำให้เธอต้องเลิกกับต้าร์ ใบหน้าของอีกฝ่ายดูเศร้า ดวงตาช้ำจากการร้องไห้ สายตาของไอซ์ดูก้ำกึ่งระหว่างโกรธและเสียใจ ในขณะที่เธอเองก็ไม่รู้จะเสียใจอะไรก่อนกันดี ระหว่างเรื่องสาวหล่อเสียชีวิตกับเรื่องที่ถูกเขานอกใจ ตอนนี้เธอทำได้เพียงแต่เดินตามหลังสาวแก้มป่องไปนั่งรวมกับญาติๆ คนอื่นๆ เท่านั้น

...

เมื่อพิธีสวดเสร็จแล้ว บรรดาแขกที่เข้ามาร่วมงานก็อยู่คุยกับญาติๆ สักครู่แล้วก็ลากลับ บางส่วนก็ลากลับไปเลย แจนนั่งรออยู่ในศาลาสวดศพอยู่จนเกือบถึงสี่ทุ่มแล้วเธอก็กลับออกมาพร้อมกับตองที่จัดการเรื่องทุกอย่างเสร็จแล้ว พวกเธอรอให้เจ้าหน้าที่ของวัดมาปิดล็อคศาลาแล้วก็ขึ้นรถ

"ทางวัดไม่ให้เฝ้าศพค่ะ เขาจะปิดศาลาเพราะกันขโมย ได้ยินว่าช่วงนี้มีคนเข้ามาขโมยของบ่อย" สาวแก้มป่องพูดขณะกำลังออกรถ "แต่จะมีเจ้าหน้าที่เฝ้ากับต่อธูปให้ตลอดคืน"

"อื้อ แบบนี้ก็สะดวกดีเหมือนกันนะ"

"ค่ะ ไม่งั้นต้องเฝ้ากันทั้งคืน ต้องมีข้าวเลี้ยงคนนอนเฝ้าอีก"

"งานศพนี่ก็จุกจิกเนอะ อย่างงานของแม่พี่นี่ยุ่งมากแทบไม่เป็นอันทำอะไรเลย ถ้าไม่มีคนมาช่วยนี่คงแย่"

"ค่ะ"

ตองขับรถออกมาจากวัดได้ครู่หนึ่งเธอก็จอดรถเข้าข้างทางหน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง สาวลูกครึ่งลงจากรถมาพร้อมกับคนขับรถด้วย

"ขอพักแป๊บนึงนะคะ" สาวแก้มป่องทรุดตัวลงนั่งลงตรงฟุตบาธที่หน้าร้านสะดวกซื้อ ในมือเธอมีไอศกรีมแท่งหนึ่ง

แจนยิ้ม "มีหมีแพนด้าด้วย"

เสียงหัวเราะดังขึ้นเล็กน้อย "กัดหูก่อนเลย" ว่าแล้วเธอก็กัดที่ใบหูของไอศกรีมรูปหมีแพนด้า

สาวลูกครึ่งหัวเราะตามแล้วนั่งดื่มน้ำเป็นเพื่อนอีกฝ่าย

"ที่พ่อกับแม่ยอมไม่จัดงานใหญ่ก็เพราะกลัวว่าจะเจอเรื่องแบบนี้แหละค่ะ"

"เรื่องแบบไหน?"

"เรื่องสาวๆ ของพี่ต้าร์"

แจนส่งเสียงออกมาจากลำคอเล็กน้อย "นั่นสินะ"

"ตองก็กลัวว่าจะมีปัญหาแบบนั้นเหมือนกันแหละค่ะ ไม่อยากให้บรรยากาศงานไว้อาลัยกลายเป็นงานศึกลุมพินี"

"พี่ไม่โทษพวกเขาหรอกนะ โน่น... คนที่นอนในโลงต่างหากตัวต้นเหตุเลย ลอยนวลยังไม่พอ ดันมาตายไปซะก่อนอีก"

สาวลูกครึ่งถอนหายใจ "ก็นะ... ต้าร์เขาเจ้าชู้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่ พี่ก็ไม่ได้มองแบบโลกสวยนะ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นมันก็ไม่ได้เกินความคาดหมายสักเท่าไหร่ ตอนนี้ไม่ว่าใครก็เสียใจกันทั้งนั้นแหละ แต่นาทีนี้พี่ว่ายังไงเราต้องดูแลจิตใจเราก่อน นี่ถ้ายังไม่ตายแล้วมารู้ทีหลังนะ อาจจะขอสักผัวะ"

ตองหัวเราะลั่น "พี่ต้าร์เขาชอบคิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล เอาแต่ใจ ไม่ว่าอะไรที่อยากได้ก็ต้องได้ ตองคิดว่าที่เขาเป็นแบบนี้เพราะเขาเป็นหลานคนแรกเป็นที่รักของญาติพี่น้อง ยิ่งตอนที่ตากับยายยังอยู่นะใครอย่าได้แตะเลยทีเดียว พี่ต้าร์อยากได้อะไร พูดคำเดียว... ได้มาแน่นอน พี่พูดอะไรพ่อแม่เชื่อหมด"

"เขาเป็นแบบนี้กับทุกเรื่องเลยเหรอ?"

"ค่ะ ทุกคนชอบบอกว่าพี่ต้าร์น่ารัก ช่างพูด ช่างเอาใจ ผิดกับตองที่ไม่ค่อยพูด พวกญาติๆ บอกว่าตองงอแงมาตั้งแต่เด็กจนไม่มีใครอยากเอาไปเลี้ยง เอาไปเล่นด้วย"

"เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กเลยเหรอ?"

สาวแก้มป่องพยักหน้า "ไม่มีใครกล้าว่าไม่กล้าบ่นอะไรพี่ต้าร์หรอกค่ะแต่ถ้าเป็นตอง... ตองจะโดนตลอดโดนทุกเรื่อง ถ้าทะเลาะกันร้อยทั้งร้อยตองจะเป็นคนผิดเสมอเพราะเหตุผลของพี่เขาคือคำตอบที่ดีที่สุดในโลกสำหรับพ่อกับแม่ ตองพูดอะไรไปเหมือนจะเชื่อแล้วสุดท้ายพ่อกับแม่ก็จะไปเอาคำตอบกับพี่ต้าร์อยู่ดี เรียกว่าเป็นลูกคนเล็กที่ไม่เคยได้รับการสปอย"

ตองกินไอศกรีมหมดแท่งแล้วรับน้ำจากอีกฝ่ายมาดื่ม "บางทีก็คิดว่าพ่อกับแม่ก็อยากรักลูกทุกคนเท่าๆ กันแต่ก็อดใจไม่ได้ ตองว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะพ่อแม่ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตพิเศษ... ก็เหมือนพวกเราเนี่ยแหละค่ะที่มีลำเอียง หลง รัก เกลียด เป็นของธรรมดา ในมุมมองของพี่น้อง ตองกับพี่ต้าร์ก็ปกตินะคะ ไม่ได้เกลียดกัน อันไหนแก้ให้ได้ก็แก้ให้"

"แต่มันก็มีอารมณ์น้อยใจบ้างใช่มั้ยล่ะ?"

"ก็ค่ะ... แต่ตองก็ไม่ได้อิจฉาพี่เขานะคะ ถึงแม้จะโคตรหมั่นไส้ก็เถอะ"

แจนหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วฟังอีกฝ่ายพูดต่อไปว่า

"ทุกคนมักจะบอกว่าเป็นพี่ต้องเสียสละให้น้องใช่มั้ยคะ... แต่ตองเสียสละให้พี่ต้าร์เขามาตลอด ตั้งแต่เด็กจนโต"

"ยังไง?"

"ตองไม่เคยคิดที่จะมาเรียนกรุงเทพฯ แต่ต้องเข้ามาสอบพร้อมกับพี่ต้าร์ที่อยากสอบเข้ามหา'ลัยใหม่เพราะอยากเรียนมหา'ลัยในกรุงเทพฯ เข้ามาสอบแบบสอบตรง สอบโควต้าอ่ะค่ะ ตองก็ต้องมาสอบเข้าเรียน ม.ปลาย พร้อมกับพี่เขาเพราะพ่อกับแม่สั่งว่าต้องมาด้วยกัน สรุปว่าตองสอบได้แต่พี่ต้าร์สอบไม่ได้ ตอนนั้นจำได้ว่าเขาโวยวายจะตาย แง้วๆ จะลงมาเรียนมหา'ลัยเอกชนที่กรุงเทพฯ ให้ได้ บอกว่าอยากดูแลตอง"

"แต่มันคงไม่เป็นแบบนั้นใช่มั้ย?"

"ค่ะ... ตองได้มาเรียนเพราะปู่กับพวกป้าๆ อาๆ บอกว่าอุตส่าห์สอบติดที่ดีๆ แล้วก็น่าจะเข้าเรียน พ่อกับแม่เลยยอมแต่ของพี่ต้าร์เห็นว่าค่าหน่วยกิตแพงเกินไป เรียนที่นี่ดีกว่าถูกกว่าด้วยก็เลยอด ความจริงก็คือเขาติดหญิงอยู่มอที่เขาอยากเรียน"

สาวลูกครึ่งส่ายหน้า "Bullshit! (บ้าเหอะ!)"

"ตองเป็นเครื่องมือของพี่ต้าร์ที่ใช้ปิดบังเรื่องสาวๆ ที่มาติดพันอยู่ตลอดแหละค่ะ พวกนั้นก็รู้ว่าพี่ต้าร์เป็นคนเจ้าชู้แต่ก็ยังมาชอบเพราะเขาเทคแคร์เก่ง เอาใจเก่งแล้วก็ขี้เล่น ตอนเจอพี่แจนครั้งแรกเขาก็พยายามให้ตองขอเบอร์โทรพี่แจนให้ แต่ตองไม่เอาด้วย"

"แต่พี่ก็ดันให้เขาไปเพราะเห็นว่าเขาเป็นพี่ของตองซะงั้น เฮ้อ..." แจนถอนหายใจ

"ไปๆ มาๆ รู้สึกว่าพ่อกับแม่ก็พอจะรู้ว่าเขาเป็นคนยังไง หลายปีมานี้เวลามีเรื่องอะไรสำคัญที่ต้องตัดสินใจพ่อแม่จะต้องถามตองก่อน หรือถ้าพี่ต้าร์งอแงจะเอาอะไรก็จะถามเขาว่าคุยกับตองหรือยัง..."

"ลูกคนเล็กกลายเป็นลูกคนโตไปซะแล้ว"

"ก็ทำนองนั้นแหละค่ะ... พี่ต้าร์ชอบตัดสินใจปุ๊บปั๊บ ไม่คิดหน้าคิดหลัง อย่างเรื่องที่ขอพ่อกับแม่มาอยู่กับพี่แจน..."

สาวแก้มป่องสบตาอีกฝ่าย "ตอนนั้นอยู่ๆ พี่ต้าร์ก็ตัดสินใจมาโดยที่ไม่ได้บอกใคร รีบลาออกจากงานแล้วก็รีบมาทันที ตองมารู้ทีหลังว่าเขารีบหนีเพราะแอบไปกิ๊กกับเด็กของพ่อเลี้ยงคนนึงอยู่ แล้วได้ยินว่าเขาจะเอาเรื่องพี่ต้าร์"

"บ้าไปแล้ว"

"วันนี้ก็มีคนของพ่อเลี้ยงคนนั้นมาที่งานด้วย... สงสัยกลับไปรายงานเจ้านายแล้วล่ะค่ะว่าพี่ต้าร์ตายแล้วจริงๆ"

ตองชี้ไปที่รถคันหนึ่งที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้ามกับพวกเธอ "รถคันนั้นก็ใช่"

สาวลูกครึ่งตกใจ "คนที่ตองบอกว่าเป็นลูกน้องของพ่อเลี้ยงน่ะเหรอ!"

"ค่ะ... คนแถวนี้รู้จักกันหมดแหละค่ะ พี่แจนไม่ต้องตกใจนะคะ เขาไม่ทำอะไรหรอก ตองโดนตามมาตั้งแต่วันแรกที่มาถึงที่นี่แล้ว"

...

"พี่แจนจะนอนห้องพี่ต้าร์ก็ได้นะคะ" ตองพูดเมื่อทั้งสองกลับมาถึงบ้านแล้ว

"พี่... ขอนอนกับตองได้มั้ย?"

สาวแก้มป่องมองหน้าอีกฝ่ายนิดหนึ่งแล้วพยักหน้า "ค่ะ"

หลังจากอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วแจนก็นั่งพิงเสาบ้านมองดูตองและพ่อเคลียร์บัญชีค่าใช้จ่ายของวันนี้ ทั้งคู่นำซองเงินที่ได้จากผู้มาร่วมงานออกมานับ ทำบัญชีและแยกเงินไว้สำหรับใช้จ่ายในวันพรุ่งนี้ เธอนั่งฟังคนในบ้านพูดคุยกันเป็นภาษาเหนือด้วยความเพลิดเพลินทั้งๆ ที่ตัวเองก็ฟังไม่ออกว่าพวกเขาพูดอะไรกันบ้าง

"เสร็จแล้วค่ะ" สาวแก้มป่องหันมาบอกแขกของบ้านที่เริ่มจะนั่งตาปรือเพราะความง่วง

ทั้งสองเดินขึ้นไปบนชั้นสอง ห้องของตองเป็นห้องนอนเล็กๆ มีของเพียงไม่กี่อย่าง อาจเป็นเพราะเธอเข้าไปเรียนที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่ ม.ปลาย เลยทำให้ของส่วนใหญ่อยู่ที่นั่นเกือบทั้งหมด สาวลูกครึ่งขึ้นไปนั่งบนเตียงที่มีพื้นที่ให้สองคนนอนกันได้พอดีๆ เธอมองดูเจ้าของห้องที่ดูมีท่าทางเหนื่อยอ่อนแกะยางมัดผม

"เฮ้อ..." สาวแก้มป่องถอนหายใจขณะที่นั่งลงบนเตียง เธอเอียงคอไปมาพลางใช้มือทุบที่บ่าของตัวเองด้วยความปวดเมื่อย

แจนยิ้มแล้วเขยิบเข้าไปนั่งที่ด้านหลัง เธอใช้นิ้วโป้งทั้งสองกดไปที่บริเวณบ่าและไหล่ของอีกฝ่าย

"ไหล่แข็งจัง ทำงานหนักเกินไปมั้ย?" สาวลูกครึ่งพูด

"อยากจะหาเวลาไปนวดอยู่แหละค่ะ แต่มันไม่ได้เลย" เจ้าของห้องตอบ "พี่แจนนวดเก่งจัง"

"พี่เคยนวดให้พ่อกับแม่น่ะ สองคนนั้นเขาขี้เมื่อยชอบให้พี่นวดให้บ่อยๆ ถึงกับแบ่งวันให้พี่นวดเลยนะ บางวันพี่ไม่อยากนวดก็เอาของกับค่าขนมมาล่อด้วย"

"โห... ท่าทางจะได้เงินดี พี่แจนเรียนนวดด้วยป่ะคะ"

"ไม่เคยเรียนหรอก แต่จำได้ว่าตอนเด็กๆ เคยเห็นตานวดให้ยายก็เลยจำๆ มาแล้วก็มาลองกับคนที่บ้าน ติดใจกันใหญ่ พวกญาติๆ ที่อังกฤษก็เหมือนกัน เจอหน้ากันทีไรขอให้นวดหลังให้ทุกที"

"เรียนเองแต่นวดได้อย่างกะมือโปรแบบนี้ใครๆ ก็ติดใจแหละค่ะ... กดแต่ละทีนี่จี๊ดมาก"

"พูดแบบนี้แสดงว่าตองเคยไปนวดมาก่อนแน่เลย"

"ค่ะ ตองปวดคอแล้วก็พวกบ่าไหล่ มันจะรู้สึกตึงๆ อ่ะค่ะ บางครั้งปวดมากก็จะร้าวขึ้นตาเหมือนกล้ามเนื้อตึงเกินไปก็ต้องอาศัยนวดบ้าง ออกกำลังกายบ้างมันก็ดีขึ้น แต่พอช่วงเครียดๆ ทีไรอาการแบบนี้มาทุกทีเลย"

แจนยิ้ม "หนักอยู่นะเนี่ย... พักบ้างนะ พี่เป็นห่วง"

"ค่ะ"

"แต่... ฟังจากที่พูดแล้วขี้เมื่อยเหมือนกันนะเรา"

ตองส่งเสียงหัวเราะออกมาเล็กน้อย เธอรู้สึกได้ถึงนิ้วมือนุ่มๆ กดที่คอ บ่า และค่อยๆ กดไล่ลงมาเรื่อยๆ จากไหล่จนมาถึงสะบัก เริ่มรู้สึกว่ากล้ามเนื้อบริเวณที่ถูกนวดและกดคลายความตึงและความเมื่อยล้าลงเป็นอย่างมาก สาวแก้มป่องหลับตาลงเมื่ออีกฝ่ายใช้นิ้วมือทั้งสองข้างนวดเบาๆ บริเวณขมับ ซึ่งก็ทำให้เธอผ่อนคลายและรู้สึกดีมากขึ้นไปอีก

"โห ถ้ามีคนยะจะอี้หื้อทุกวันนะ ฮักตายเล้ย" ตองพึมพำออกมาเบาๆ

คำพูดอันแผ่วเบาที่เปล่งออกมาเป็นภาษาเหนือนั้นถึงแม้คนนวดจะฟังไม่ค่อยรู้เรื่องแต่เพราะประโยคสุดท้ายทำให้หน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง ดูเหมือนว่าคนถูกนวดนั้นเริ่มนั่งตัวงอลงเรื่อยๆ คล้ายกับกำลังจะสัปหงก เธอจึงรีบเข้าไปประคองให้อีกฝ่ายนอนลงบนหมอน

"ตอง... ตอง..." เธอเรียกเบาๆ แต่ดูเหมือนคนที่ถูกเรียกนั้นหลับไปจริงๆ เสียแล้ว

แจนยิ้ม เธอนั่งเท้าคางมองดูอีกฝ่ายแล้วค่อยๆ ใช้นิ้วแอบจิ้มแก้มป่องๆ นิ่มๆ เบาๆ

'Damn... I wanna bite her cheeks (อ๊า... อยากกัดแก้มจังเลย)'

การกระทำไปไวเท่าความคิด สาวลูกครึ่งโน้มตัวเข้าไปใกล้อีกฝ่าย ริมฝีปากของเธอสัมผัสกับแก้มป่องๆ ของคนที่กำลังหลับอยู่แล้วเม้มปากเบาๆ เมื่อริมฝีปากแตะกับแก้มแล้ว ตอนแรกเธอกะว่าจะแกล้งอีกฝ่ายเล่นเพราะหมั่นเขี้ยว แต่ทันทีที่สัมผัสถึงความนุ่มละมุน ผสมกับกลิ่นหอมของครีม การเม้มปากนั้นก็เปลี่ยนเป็นการจูบแก้มอีกฝ่ายโดยฉับพลัน

'What! Did I just kissed her! (เฮ้ย! นี่จูบน้องไปเหรอเนี่ย!)' เธอร้องในใจ แต่รู้สึกว่าหยุดการกระทำของตัวเองไม่ได้

เมื่อถอนริมฝีปากออกเธอก็นั่งมองดูตองหลับอีกครู่หนึ่ง ดวงตาของเธอได้แต่จ้องมองใบหน้าของอีกฝ่ายอยู่อย่างนั้นแล้วโน้มตัวไปหอมแก้มอีกข้างหนึ่ง ลูบผมเจ้าของห้องอยู่พักใหญ่ก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรบางอย่างอีกครั้ง

"ขอนะ"

เธอพูดออกมาเบาๆ แล้วก้มจูบริมฝีปากอิ่มของคนที่กำลังหลับอยู่ มันทั้งนุ่มและอุ่นอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ เธอแทบไม่อยากจะหยุดจูบแต่ก็ต้องผละออกมาเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะตื่น เธอลูบผมเจ้าของห้องหลังจากนั้นก็เดินไปปิดไฟ เธอนอนมองดูอีกฝ่ายในความมืดอีกพักหนึ่งจนผล็อยหลับไป

สาวแก้มป่องตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เมื่อลืมตาขึ้นมาก็เห็นว่าเธอถูกคนที่นอนข้างๆ กอดอยู่ เธอยิ้มแล้วค่อยๆ แกะตัวออกมา เธอมองใบหน้าอีกฝ่ายด้วยหัวใจเต้นที่ไม่เป็นจังหวะ แขนและมือของแจนยังวางอยู่ที่เอวของเธอ และดูเหมือนจะดึงเธอเข้าใกล้มากขึ้น

"Don't go, I need your hug (อย่าไปไหนนะ ขอกอดหน่อย)" คนที่หลับอยู่พึมพำออกมาเบาๆ

เจ้าของห้องหน้าแดงในความมืด เธอรู้สึกอบอุ่นและมีความสุข เหมือนกับคำพูดที่เคยได้ยินว่า 'เวลาท้อๆ เหนื่อยๆ ขอแค่กอดอุ่นๆ ก็มีกำลังใจขึ้น' และเธอก็เห็นด้วยกับคำพูดนั้น ถึงแม้คำพูดที่หลุดปากออกมานั้นจะไม่ได้หมายถึงเธอก็ตาม

ตองนอนมองหน้าสาวลูกครึ่ง เมื่อพิจารณาดวงตากลมโต จมูกโด่ง กับริมฝีปากที่แสนจะมีเสน่ห์เธอก็ยิ้มออกมาแบบไม่รู้ตัว เธอรู้สึกชอบความตรงไปตรงมาของอีกฝ่าย ความใจเย็น ความอ่อนโยน และความโก๊ะแบบไม่ห่วงสวยที่เธอได้เห็นในวันที่รู้จักกันเป็นครั้งแรก... และเป็นวันที่เธอรู้ได้เลยว่าเธอตกหลุมรักผู้หญิงคนนี้เข้าอย่างจัง

"ทำไมถึงรักพี่แจนได้มากถึงขนาดนี้นะ" สาวแก้มป่องถามตัวเองเบาๆ

ถึงจะแอบรักตั้งแต่วันแรกแต่ตองไม่ค่อยได้คุยกับแจนเท่าไหร่เพราะการเรียนที่ค่อนข้างหนัก อีกทั้งรู้ตัวว่าเป็นคนคุยไม่ค่อยเก่งทำให้ต้าร์สนิทกับสาวลูกครึ่งมากกว่า ในช่วงแรกที่สาวหล่อเริ่มจีบอีกฝ่ายใหม่ๆ เธอยังไม่ได้คิดอะไรมากเพราะรู้ว่าพี่ของเธอยังมีสาวๆ มากมายคอยตามอยู่และดูเหมือนจะสลัดได้ยาก แถมเธอยังได้ออกไปดูหนังกับแจนหลายครั้ง แต่เธอเริ่มรู้สึกหวั่นใจเมื่อความสัมพันธ์ของต้าร์และสาวลูกครึ่งนั้นเริ่มขยับเป็นการออกเดทพร้อมๆ กับการเริ่มทำโปรเจ็คจบของเธอ และพอทั้งคู่ตัดสินใจคบกับเป็นแฟนก็ยิ่งทำให้เธอไม่อาจจะมองหน้าแจนได้อีกต่อไปเพราะกลัวว่าความรู้สึกที่เก็บเอาไว้และความเจ็บปวดที่ได้รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นแฟนของพี่ตัวเองนั้นจะทำให้เธอทำอะไรที่ไม่ดีต่อหน้าคนที่เธอแอบรัก

'ไม่อยากให้พี่แจนตื่นเลย เพราะถ้าตื่นก็ไม่มีโอกาสได้มองพี่แจนใกล้ๆ แบบนี้' เธอคิด

ทุกครั้งที่เจอหน้าสาวลูกครึ่ง เธอต้องฝืนทนเก็บความรู้สึกไว้ตลอดจนต้องตัดสินใจหลบหน้า และติดต่อให้น้อยที่สุดเพื่อสงบใจและเก็บอาการ การมีพิมเข้ามาในชีวิตก็เพื่อตัดใจจากแจนแต่แล้วเธอกลับทำไม่ได้ ยิ่งอยู่กับสาวหมวยก็ยิ่งฝืนและยิ่งคิดถึงแจนมากขึ้นไปกว่าเดิมเสียอีก

และยิ่งเมื่อย้อนคิดถึงความเจ็บปวดที่สาวลูกครึ่งได้รับจากพี่ของตัวเองนั้นก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกอยากดูแลแจนให้ดี เธออยากให้สาวลูกครึ่งอยู่ข้างๆ แบบนี้ตลอดไป ซึ่งในความเป็นจริง...

'พี่แจนมีตัวเลือกและสามารถจากไปได้ตลอดเวลา'

เธอนอนมองหน้าของอีกฝ่ายอยู่นาน มองจนรู้สึกว่าแจนนั้นน่ารักจนอดใจไว้ไม่ไหว เธอค่อยๆ ยื่นหน้าเข้าใกล้ใบหน้าของอีกฝ่ายและประทับริมฝีปากลงบนริมฝีปากนุ่มๆ ของคนที่กำลังหลับอยู่ สาวแก้มป่องขยับตัวออกมาเล็กน้อยเมื่อได้ทำในสิ่งที่หัวใจของเธอเรียกร้อง มือของเธอเคลื่อนเข้าไปจับมือของอีกฝ่าย

"เราจะได้อยู่กับพี่แจน... จะได้จับมือกันได้นานแค่ไหนกันนะ" เธอพูดออกมาเบาๆ

...

ในงานสวดคืนที่สองดำเนินไปเหมือนกับวันแรก คนมาร่วมงานส่วนใหญ่จะเป็นญาติ คนรู้จักของที่บ้าน และเพื่อนๆ ของทั้งต้าร์และตอง แจนนั่งนิ่งๆ มองดูบรรดาสาวๆ ที่เคยคบกับสาวหล่อ สาวลูกครึ่งรู้สึกแปลกๆ และรู้สึกทำตัวไม่ถูกเมื่อทุกสายตามองมาที่เธอแบบนั้น

'เธอจะหึงผู้หญิงอื่นไปทำไม ในเมื่อเธอดีกว่าทุกอย่าง ยังไงเขาก็สู้เธอไม่ได้' คำพูดของต้าร์ที่พูดกับเธอก่อนที่เขาจะจากไปขึ้นในหัว

'ไม่ได้หึงหรอกนะแต่เธอรู้มั้ยว่าที่ทำไปมันทำเราเจ็บมากแค่ไหน' เธอพูดในใจขณะที่จุดธูปไหว้ศพ

แจนรู้สึกรำคาญเล็กๆ เมื่อถูกมองจากบรรดาสาวๆ พวกนั้น แค่มองยังไม่พอยังมีคุยและกระซิบกระซาบกัน

"หมั่นไส้ว่ะ ก็แค่สวย ก็แค่เป็นลูกครึ่ง แล้วไงวะ"

"คิดว่ามีดีนักหรือไงวะ นั่งชูคอเป็นนางพญาเลย"

"คางคกมากกว่าว่ะ"

แจนพยายามนั่งนิ่งๆ ไม่ตอบโต้ เธอไม่อยากมีปัญหาและคิดว่าโตๆ แล้ว มานั่งด่ากันมันไร้สาระ

"เราอึ้ง งง สับสน คิดแต่ว่านี่เรื่องจริงใช่มั้ย แอบหยิกตัวเองด้วย อยากให้ตื่นแล้วพบว่านี่คือฝันไป แต่ไม่ใช่เลย... พี่ต้าร์ตายแล้ว" เสียงปนสะอื้นของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นทำให้เธอต้องหันไปมอง

ผู้หญิงคนนั้นนั่งท่ามกลางเพื่อนอีก 2 คนที่นั่งปลอบอยู่ เธอคนนี้ไม่ได้มาเมื่อวานนี้ และเมื่อเห็นหน้าของสาวลูกครึ่งเธอคนนั้นก็รีบพุ่งเข้าหาทันที

"What the! (อะไรเนี่ย!)" แจนอุทาน

"พี่... หนูขอโทษ"

สาวลูกครึ่งทั้งตกใจทั้งงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอมองซ้ายมองขวาเพื่อหาคนช่วย และตองก็รีบวางมือจากสิ่งที่ทำอยู่เข้ามาหาทันที

"เอ่อ... ใจเย็นๆ นะคะ" แจนพูดปลอบอีกฝ่ายที่ส่งเสียงสะอึกสะอื้น เธอรู้สึกอุ่นใจขึ้นเมื่อสาวแก้มป่องนั่งลงข้างๆ

"มีอะไรค่อยๆ พูดนะคะ"

"หนูมันเลว... หนูรู้ว่าพี่ต้าร์มีพี่อยู่แล้วแต่ก็ยังเข้ามายุ่ง หนูรู้ด้วยว่าพี่ต้าร์ไม่จริงจังกับหนูแต่หนูก็ยังทน"

สาวลูกครึ่งรู้ตัวเลยว่าเธอทำหน้าไม่ถูกเมื่อได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้น เธอได้แต่มองหน้าตองที่นั่งข้างๆ แบบหวาดๆ

"หนูเองที่เป็นคนส่งซากแมวตายไปให้พี่"

"อะไรนะ!"

"เมื่อเดือนก่อน... หนูโกรธที่พี่ต้าร์ไม่สนใจหนู หนูก็เลยปลอมตัวเป็นแมสเซนเจอร์ไปหาพี่ พี่จำไม่ได้เหรอคะ..."

"แมสเซนเจอร์... เมื่อเดือนก่อน?" สาวแก้มป่องทวน

"...ที่หนูโทรหาพี่ต้าร์ แล้วพี่รับสาย หนูเลยบอกว่ามีของส่งให้พี่ต้าร์แต่พี่ต้าร์ขอให้พี่มารับแทนไงคะ พวกเรานัดเจอกันที่ BTS หมอชิต แล้วพี่ก็มารับของไป"

แจนไม่ตอบแต่คำพูดที่ได้ยินทำเอาเธอขนลุกชัน เมื่อเดือนก่อนเธอยังอยู่ที่โรงพยาบาล เพราะฉะนั้นคนที่ผู้หญิงคนนี้พบนั้นไม่ใช่เธอแน่นอน

"พี่ขอบคุณหนูใหญ่เลย ให้ทิปหนู เลี้ยงน้ำหนูด้วย หนูรู้สึกผิดมากที่ทำกับพี่แบบนั้น"

"เดี๋ยวนะคะ จะบอกว่าพวกเราเคยเจอกันอย่างงั้นเหรอคะ?" สาวลูกครึ่งถาม

"ค่ะ พวกเราเคยเจอกัน ตอนที่หนูเจอพี่ครั้งแรกหนูยังอึ้งเลย พี่สวยมาก ใจดีด้วย ตอนแรกหนูกะว่าจะไม่เอากล่องนั้นให้พี่ แต่เพราะหนูรักพี่ต้าร์มากหนูก็เลยส่งกล่องนั้นให้พี่" ผู้หญิงคนนั้นพูดไปส่งเสียงสะอื้นไป

"แล้ว... ตอนที่พวกเราเจอกัน พี่แต่งตัวยังไงเหรอ?"

"ชุดเดรสสีน้ำตาลกับรองเท้าผ้าใบ... ทำไมเหรอคะ?"

ตองกับแจนมองหน้ากัน ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้ได้พบกับร่างแยกของเธอเสียมากกว่า

"ไม่มีอะไรหรอก... เรื่องที่คุณทำน่ะช่างมันเถอะ ขอบคุณนะที่มาไหว้ต้าร์"

เธอคนนั้นเช็ดน้ำตาแล้วยกมือไหว้เธอ หลังจากนั้นก็เดินกลับไปที่นั่งของตัวเอง ส่วนสาวลูกครึ่งก็หันไปมองคนที่นั่งข้างๆ ด้วยสายตาที่ไม่สู้ดีนัก

...

วันเผา...

แจนเพิ่งรู้ว่าวัดในแถบภาคเหนือนั้นต่างจากวัดของภาคอื่นๆ คือในวัดไม่มีเมรุเผาศพ

"อ้าว... แล้วไปที่ไหนกันล่ะ?" เธอถามตอง

"ไปเผาที่สุสานค่ะ"

"สุสานเหรอ?"

"ค่ะ ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่"

ด้วยความที่คนมาวันเผาจะเยอะกว่าวันอื่นๆ จึงมีการเลี้ยงโต๊ะจีนประมาณ 7 - 8 โต๊ะ โดยตั้งโต๊ะเลี้ยงที่วัดในช่วงเที่ยงก่อนเคลื่อนศพไปเผา เมื่อกินเสร็จและถึงเวลาแขกส่วนหนึ่งก็จะช่วยจัดการย้ายศพรวมทั้งสิ่งของต่างๆ ที่ต้องใช้

ไอซ์และบรรดาผู้หญิงที่ต้าร์เคยคบด้วยก็ตามมาที่สุสานเช่นเดียวกัน ด้วยความที่พื้นที่ในการทำพิธีการไม่ได้กว้างมากนักพวกเธอเหล่านั้นจึงได้ยืนใกล้ๆ กัน สาวลูกครึ่งรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ แต่สิ่งที่เธอทำได้ก็คือนิ่งไว้และไม่แสดงตัวอะไรมาก

"หน้าตาก็ไม่สวยเท่าไหร่ ลูกครึ่งบางคนที่ฉันรู้จักยังสวยกว่าอีก"

"นั่นดิ"

"แอบได้ยินว่ารถคว่ำ ทำไมนางยังไม่ตายวะ?"

"น่าจะตายๆ ไปซะให้หมดเรื่อง แกว่ามะ?"

"แต่ฉันได้ยินมาอีกอย่างนึงนะ รู้สึกว่าต้าร์บอกเลิกนาง แต่นางไม่ยอมเลิกว่ะ"

"จริงดิ... คนไม่มีใจแล้วยังจะอยู่กะเขาอีก หน้าด้านว่ะ"

เสียงซุบซิบและเหน็บแนมด้วยคำแรงๆ เริ่มเข้ามากระทบให้ได้ยินอีกครั้ง เธอรู้สึกเหนื่อยใจ ไม่อยากรับรู้ และไม่อยากไปเอาเรื่องกับพวกเขา เพียงแต่เธอมีเรื่องที่ไม่เข้าใจเพราะดูเหมือนผู้หญิงกลุ่มนี้จะรู้จักกันหมด และดูเหมือนเรื่องที่ต้าร์เจ้าชู้และคบหลายคนดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติ

"เขาเสียไปแล้วก็ให้จบเรื่องดีกว่าค่ะ" สาวลูกครึ่งพูดออกมาทำเอาเสียงที่ซุบซิบกันอยู่เงียบลงไปในทันที

แจนหันไปมองบรรดาสาวๆ ของอดีตแฟน "พวกคุณเคยจัดงานศพให้ญาติสนิทหรือคนที่เรารักมั้ยคะ"

ไม่มีคำตอบจากคนกลุ่มนั้น มีแต่สายตาที่มองมาที่เธอด้วยความงุนงง

"มันเป็นงานที่มีแต่ความเสียใจ เจ้าภาพบางคนก็รู้สึกงงๆ ว่านี่ใช่เรื่องจริงมั้ย เขาจากไปแล้วจริงหรือเปล่า ต่อจากนี้ไปจะไม่ได้เห็นกันอีกแล้ว หลังจากนั้นก็จะมีความวุ่นวายว่าจะจัดงานยังไง บริการแขก อาหาร ติดต่อวัดยังไงดี มันทั้งยุ่ง ทั้งเหนื่อย ทั้งเสียใจปนๆ กัน"

เธอมองไปที่โลงศพของสาวหล่อที่กำลังถูกยกไปที่บริเวณเผาศพ "งานศพเป็นงานที่ให้คนที่เคยมีอะไรติดค้างกับคนตายได้อโหสิกรรมซึ่งกันและกัน และเพื่อให้คนที่ยังอยู่ได้มีโอกาสทำใจ ไว้อาลัยให้คนตายเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะกลายเป็นเถ้าถ่าน"

เธอมองใบหน้าของผู้หญิงที่มองเธออยู่ ในตอนนี้พวกเธอดูจะงงมากขึ้นไปอีก

"คนก็ได้ตายไปแล้ว ถ้าคุณเก็บเอาเรื่องนี้มาคิดโกรธแค้น มันก็มีแต่บั่นทอนสุขภาพจิตของตัวคุณเอง ต้าร์ก็คงไม่รับรู้เรื่องราวใดๆ แล้ว จากวันนี้พวกเราทุกคนคือคนที่ถูกทิ้งกันหมดแหละค่ะ"

สาวลูกครึ่งมองไปทางตองที่กำลังเดินเข้ามาหา "เราเข้าใจนะว่าพวกคุณเจ็บ แต่ให้มันเป็นการเจ็บครั้งสุดท้ายแล้วปล่อยมันทิ้งไปเถอะ"

แล้วเธอก็เดินตามหลังสาวแก้มป่องไปรวมกับญาติๆ ของต้าร์เพื่อทำพิธีเผาศพ

To Be Continued

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น