Me Too รักฉันเหมือนกับเธอ-10
โพสต์โดย:
Pearfa
วันที่: 29 กันยายน 2017 เวลา 20:52:31
อ่าน: 245
|
ฝากเพจด้วยน่ะค่าาา ขอโทษที่หายไปนาน ไรท์งานถ่าโถมเหลือเกินเจ้าค่ะ งื่ออออออ เดียวเค้าร้องเพลงเรียกรีเดอร์ผู้น่ารักทุกๆคนก่อนนน.....กลับมาได้รึปล่าววว กลับมาหาฉันทีได้ได้หมายยยยยยยยยยยย กลับมาๆๆๆ
ห้ามทิ้ง ห้ามลืม...นี่คือกฏของการเข้ามาอ่านนิยายไรท์แล้ว555บังคับๆๆๆๆ
ภายในคฤหาสหลังใหญ่ที่เปรียบเสมือนราชวังหลังโตของนางเอกสาวผู้โด่งดังในจอแก้วอย่างเอรีน่า ดวงตาสีน้ำทะเลที่เอาแต่จ้องมองไปยังบานหน้าต่างกระจกใสที่กำลังฉายภาพของเด็กสาวหน้าสวยกับหญิงสาวผมยาวสีดำขลับอีกคน ความสนิทสนมกันของทั้งสองทำให้ร่างสูงอย่างอรินต้องนั้งกำมือแน่นอย่างเหลืออด เธอเฝ้ารอวันที่หญิงสาวร่างบางจะติดต่อกลับมาด้วยความสมัครใจ หลายต่อหลายครั้งที่เธอคอยตามคอยเตือนให้หล่อนคิดถึงเธอ นึกถึงเธอ แต่นั่นคงจะเป็นเรื่องยากเสียจริงๆ ที่หญิงสาวอย่างพิมพ์ศิริจะติดต่อมาและขอโอกาสจากเธอด้วยตัวของหล่อนเอง
"เธอจะนั้งมองมันอีกนานไหม พี่ไม่เข้าใจอริน...ทำไมเธอไม่จัดการให้มันจบๆ ไปเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา"
ผู้จัดการสาวเอ่ยอย่างหัวเสีย เมื่อเห็นท่าทางของคนในความดูแล
".......อีกไม่นานหรอกค่ะ"
เอรีน่าเอ่ยด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง หลายครั้งที่เธอมีโอกาสแต่ไม่รู้เพราะเหตุใดที่เธอรู้สึกว่าการที่พิมพ์ศิริเดินเข้ามาหาเธอเองคือเรื่องที่ควรทำมากที่สุด เธออยากจะเก็บหญิงสาวเอาไว้ครอบครองมากกว่าการได้มาเพื่อแค่กลืนกินหล่อนแล้วปล่อยทิ้งไป
"วันนี้อย่าลืมเข้าบริษัทด้วยนะ ห้ามลืมล่ะ"
ผู้จัดการสาวเอ่ยก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาหนังสีดำ
"ค่ะ อรินรู้แล้ว"
เอรีน่านั้งมองแหวนแก้วที่มีจี้รูปหยดน้ำที่ตนกำลังสวมอยู่ หากไม่มีมันเธอคงอยู่ที่นี่อย่างลำบากมากแน่
ฉันนั้งมองมันพลางใช้ปลายนิ้วโป้งถูวนไปเรื่อย ภาพที่กำลังฉายอยู่บนกระจกหน้าต่างใสๆ นั่นชั่งทำให้ฉันนึกหงุดหงิดใจนัก ฉันมองมันก่อนจะตัดสินใจทำอะไรบางอย่างตามที่ความรู้สึกต้องการ
"นึกถึงใบหน้าสวยๆ และกลิ่นหอมๆ นั่นแล้วอยากจะกระโจนใส่เสียจริง"
"ต้นข้าว เน่ขอส่งแค่นี้น่ะ"
วิชุนีเอ่ยบอกคนที่พึ่งลงจากรถของเธอ ร่างบางยิ้มตอบก่อนจะพยักหน้าเข้าใจ
"จะหนีเที่ยวอีกแล้วอะดิ ระวังพี่แนนรู้เถอะจะโดนหนัก"
"ข้าวก็อย่าบอกพี่แนนสิ เน่รู้ว่าข้าวไม่ทำแบบนั้นแน่นอน"
ต้นข้าวอมยิ้มกรุ่นมองคนตรงหน้าที่ยืนค่อมมอเตอร์ไซค์พลางส่งยิ้มมา ชั่งมั่นใจในตัวของเธอซะเหลือเกิน หากเป็นไปได้เธอเองก็ไม่อยากให้เน่ออกไปเที่ยวสักเท่าไหร่หรอก แต่เธอคงห้ามความสุขของเพื่อนสาวไม่ได้อยู่แล้ว
"ข้าวไม่บอกหรอก เน่ไปเถอะ ระวังตัวด้วย"
"ข้าวน่ารักที่สุดเลยมากอดหน่อยๆ"
อยู่ๆ ร่างของฉันก็ถูกเพื่อนร่วมห้องดึงไหล่อย่างรวดเร็ว จนทั้งตัวขยับเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของหล่อนทันที
"พ พอเลยๆ รีบไปได้แหละมากอดข้าวแบบนี้เดียวแฟนคลับเห็นข้าวจะแย่เอา"
ฉันขืนตัวอ้อมจากอ้อมกอดของเน่พลางทำหน้าดุๆ ทั้งที่จริงไม่ได้โกรธอะไรเลย แต่กลับมีความสุขอยู่ด้วยซ้ำ
"ลืมไป โทษที5555 ข่าวรีบไปเถอะ ดึกแล้ว ระวังตัวเช่นกันนะ"
"จะกลัวอะไรอีก นี่มันถิ่นข้าวนะ ฮะ ฮะ"
"ไม่เอาสิ ไม่พูดแบบนั่น ยังไงเน่ก็ห่วงข้าวอยู่ดี หรือเน่จะไม่ไปเที่ยวดีนะ....."
วิชุนีมองหน้าอีกคนอย่างครุ่นคิด ใบหน้าคมขมวดคิ้วนิดๆ
"ไม่ต้องบอกว่าห่วงเลย รีบไปได้แล้ว ไหนบอกนัดน้องอินเอาไว้ไง"
หมวกกันน็อตลานวินเทจถูกยัดใส่ตักของหญิงสาว ใบหน้าคมก้มมองตามก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้กับร่างบางที่ยืนกอดอกอยู่
"ไปก็ด้ายยยยย เดียวเน่รีบกลับมานะ ไปบอกฝันดีน้องอินเฉยๆ"
วิชุนีส่งยิ้มหวานให้กับคนหน้าบึ้งพลางใช้มือมาสัมผัสข้างแก้มของเพื่อนสาวเบาๆ ต้นข้าวตาลุกวาวตกใจในสิ่งที่เพื่อนสาวทำก่อนจะขยบกายถอยห่างเล็กน้อยพลางถลึงตาใส่วิชุนี
"เน่บ้า ข้าวจะขึ้นห้องแล้ว ขืนยังยืนอยู่นี่ยุงได้หามข้าวแน่"
"อืมๆ งั้นรีบขึ้นไปเลยเดียวมีคนมาจีบเพื่อนเน่ เน่หวง นอนก็ห่มผ้าด้วยล่ะ"
สาวผมยาวเอ่ยบอกเพื่อนสาวพลางอมยิ้ม หญิงสาวเลิกคิ้วถอนหายใจก่อนจะตัดใจใส่เกียร์รถและเคลื่อนตัวออกไปในทันที
"อืม ไปได้แล้ว"
ฉันยืมมองรถมอเตอร์ไซค์ที่พึ่งวิ่งออกห่างจากฉันไป แผ่นหลังที่สวมใส่เสื้อยืดสีเทากับผมยาวดำที่ตกลงมาปกคลุมกำลังออกห่างฉันไปเรื่อยๆ
เคยเป็นกันไหม" ความสัมพันธ์ที่มันรับรู้ได้ว่ามันไม่ปกติ แต่แค่ต้องทำให้มันปกติ
ฉันผิดมากไหมที่คิดอะไรแบบนี้กับเพื่อนของตัวเอง ทั้งที่ฉันเป็นคนที่เน่ไว้ใจมากที่สุด แต่นั่นแหละสิ่งนั้นแหละที่ทำให้ฉันได้ใจและคิดอะไรบ้าๆ ออกมาเอง หลายครั้งที่ต้องคอยเตือนใจตัวเองและสิ่งที่ทำได้คือการมองเห็นเพื่อนของตัวเองเดินควงผู้หญิงสวยๆ แล้วทำได้เพียงส่งยิ้มไปเชิงหยอกล้อ ฉันก็คงเหมือนกับหลายๆ คนที่เน่พูดหยอกพูดเล่นด้วย เน่ไม่ได้คิดอะไรเหมือนกับที่ฉันกำลังเริ่มจะเป็นหรอก ลำบากใจน่ะ!!! แต่ก็พยายามตัดใจอยู่ และสิ่งที่ฉันคงทำได้คงเป็นแค่ความห่วงใยที่มีให้เน่แบบอยู่ห่างๆ แค่ห่างๆ
สองขาเดินย่างออกมาจากตัวลิฟต์ด้วยใบหน้าบูดบึ้ง เสียงถอนหายใจดังเฮือกขึ้นเป็นครั้งที่สิบนับตั้งแต่ที่หันหลังส่วนทางกับเพื่อนสาว ต้นข้าวเดินเอื่อยดั่งเช่นคนที่หมดเรี่ยวแรง มือบางล่วงลงไปในกระเป๋าผ้ากระพายข้างของตัวเองเพื่อค้นหากุญแจ ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาไขบานประตูไม้ตรงหน้าให้เปิดกว้างออก
เสียงถอนหายใจดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับที่มือบางคลำหาสวิตซ์ไฟบนผนังห้อง แสงไฟเปิดพลึบขึ้นเมื่อเสียงสับสวิตซ์จบลง ดวงตากลมเบิกกว้างในทันทีที่มีสิ่งแปลกปลอมเข้ามายู่ในห้อง มันจ้องเธอพลางส่งรอยยิ้มเจ้าเลห์มาให้ ร่างบางของพิมพ์ศิริถอยกรูจนติดพื้นกำแพงด้วยความกลัว
"คุณ"."
ฉันเกิดอาการผวาในทันทีที่ฉันเปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมกับแสงไฟที่เปิดขึ้นพร้อมกัน ใบหน้าสวยที่เอาแต่ส่งรอยยิ้มหวานๆ นั้นมาให้ฉันถือเป็นสิ่งแปลกปลอมที่ไม่ควรจะมาอยู่ในห้องของฉันในตอนนี้
"รอตั้งนาน"
ต้นข้าวขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ร่างบางถอยหนีจนแผ่นหลังติดแนบแน่นกับพื้นกำแพงสีขาว
"ค คุณเข้ามาได้ยังไง"
"ไม่สวัสดีผู้ใหญ่ แล้วยังจะเดินหนีกันอีกนะ"
เอรีน่าเลิกคิ้วถามพลางสาวเท้าเข้ามาเรื่อยๆ ดวงตาสีฟ้ามองลึกเข้าไปในดวงตาของเด็กสาวอย่างหลงใหล เธอหลงใหลในกลิ่นกายของหล่อนเหลือเกิน
"ฉ ฉันถามว่าคุณเข้ามาได้ยังไง แล้วค.. อย่าเข้ามานะ"
ฉันคิดว่านี้ไม่ใช่เรื่องปกติแล้วล่ะ ดาราสาวสวยคนนี้เข้ามาในห้องพักของฉันได้ยังไง ดูเธอสิ .....เธอเอาแต่ยืนยิ้มสวยๆ แล้วมองฉันอย่างๆ ไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลย ซึ่งต่างกับฉันที่อยากจะวิ่งทะลุกำแพงออกจากห้องไปในตอนนี้เลยด้วยซ้ำ
"ก็เธอไม่ไป"
"อะไรนะ""
พิมพ์ศิริอ้าปากค้างอย่างเอือมระอากับคำพูดของคนตัวสูงตรงหน้า แน่ใจน่ะว่านั่นคือคำตอบของนางเอกแถวหน้าของประเทศทำไมถึงมีความคิดแบบนี้ล่ะ หรือว่าเธอจะเป็นบ้า โรคจิต ประสาทหรือ"..
"จะพอได้รึยัง"
เอรีน่ากอดอกจ้องหน้าเด็กสาวอย่างเคืองใจ อยู่ๆ ก็มาหาว่าเธอบ้า ว่าเธอโรคจิต
"........."
ฉันเลิกคิ้วข้างหนึ่งอย่างนึกสงสัย พออะไร พอ"..ฉันหรอ
"เลิกว่าฉันได้แล้ว เพราะฉันไม่อยากเสียเวลาเล่นกับเธออีกต่อไปแล้ว"
เอรีน่าเดินเข้ามาประชิดตัวของหญิงสาวพร้อมทั้งล็อกแขนเรียวทั้งสองข้างในแนบชิดติดกำแพงอย่างรวดเร็ว เสียงหอบหายใจและใบหน้าขาวเนียนมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาเล็กน้อยนั่นยิ่งทำให้เธอรู้สึกคลั่งมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม ปลายจมูกโด่งคมไล่เขี่ยไปมาข้างแก้มเนียนพลางหลับตารับสัมผัสจากเด็กสาว
"ค คุณพูดอะไรของคุณ ถ ถอยออกไปน่ะ"
ต้นข้าวหลังตาปี๋พลางนึกในใจ ฉันเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าคนตรงหน้านี้คนหรือผีกันแน่ ทั้งที่ชอบเข้ามาก่อกวนเธอตลอดเวลาทั้งในใจหรือไม่ก็โผล่มาตัวเป็นๆ แล้วชอบมาแบบที่คนปกติไม่น่าจะทำได้ด้วย
"ฉัน".หิว"
"อ๊ายย คุณเป็นตัวอะไรกันแน่"
ฉันขนลุกซู่เมื่อลมหายใจเย็นเยือกลดผ่านต้นคอ ความเปียกแชะที่กำลังลากวนอยู่บนต้นคอของฉันนั้นยิ่งทำให้เรี่ยวแรงที่มีในตอนนี้หมดหายไปเรื่อยๆ
"ตัวอะไรล่ะ" ที่สามารถกินเธอได้ทั้งตัวเลย"
เอรีน่าพูดเหมือนกระซิบอยู่ข้างต้นคอขาวเนียน ดวงตาสีน้ำทะเลแปลเปลี่ยนเป็นสีทองอร่ามในทันที
"อ๊ายยย อ ออก ไปน่ะ แฮกๆ "
ต้นข้าวขืนตัวออกจากอ้อมแขนที่ยื่นมาดันกับกำแพงเพื่อปิดทางออกของเธอ ความเจ็บแปลบแล่นเข้าสู่โซนประสาทเหมือนดังกับโดนปลายมีดแหลมปักคอ
"ฮึ!!! ".."
ร่างสูงฝั่งเขี้ยวแหลมคมลงบนซอกคอขาวในทันที กลิ่นหอมๆ จากตัวของเด็กสาวชังยั่วยวนเธอซะเหลือเกิน รสเลือดที่เธอพึ่งได้ชิมนั่นก็ชั่งถูกอกถูกใจเหลือมากเสียเหลือเกิน
"เลือกไม่ผิดจริงๆ"
"อ๊ายยยย....จ เจ็"
ดวงหน้าสวยเหยเกในทันที เธอเจ็บ เจ็บจนหมดเรี่ยวแรงทั้งหมดที่ร่างกายเธอมี ดวงตาที่อยากจะปิดลงเต็มที เเขนขาที่เริ่มเกาะรั้งคนตรงหน้าไม่อยู่ เธอกำลังจะตายใช่ไหม """"""""
"อื้ม หวาน เธอหวานจริงๆ ด้วย"
เอรีน่าเลียริมฝีปากของตัวเองพลางมองคนตรงหน้าที่กำลังจะหลับอยู่หล่อมล่อ
อรินรับตัวของร่างบางที่กำลังถลาทรุดลงกับพื้นพลางยกยิ้มที่มุมปากอย่างพออกพอใจ มีของล่ำค่าขนาดนี้แล้วเธอคงไม่ยอมให้หลุดมือไปง่ายๆ หรอก
"ไปอยู่กับฉัน"
นั่นคือสิ่งที่เอรีน่าต้องการในตอนนี้และเธอก็ต้องได้มันตามที่เธอต้องการด้วย
คิดได้ดังนั้นร่างสูงก็นำพาร่างหญิงสาวในอ้อมกอดให้หายไปในพริบตา ทิ้งไว้เพียงแสงไฟและร่องรอยก่อนกลิ่นอ่อนๆ ที่ยังคงลอยวนอยู่เต็มในห้องนี้
|
Rating: This article has not been rated yet.
|
|
ความคิดเห็น
|