web stats

ข่าว

 


Lost in Blue vol.3 - ตอนที่ 9 I Really Like You

โพสต์โดย: anhann วันที่: 15 เมษายน 2018 เวลา 22:16:27 อ่าน: 240





ตอนที่ 9 I Really Like You





ฮาร์เปอร์ดันแว่นกันแดดขึ้นไปบนสันจมูกเมื่อก้าวลงจากรถตู้ของบริษัทที่มาส่งเราที่สนามบิน  หมายถึงเธอกับแม่เจย์  เมดิสันและสต๊าฟอีกสองสามคน  บอดี้การ์ด  เรากำลังจะขึ้นเครื่องไปมิลาน  แม่เจย์จะไปดูช็อปที่นั่นและแจกลายเซ็นด้วย  มันเป็นงานด่วนที่มาคั่นกลางระหว่างแฟชั่นวีคที่ปารีส  แล้วเธอก็ต้องมาเป็นเพื่อนแม่  เพราะแม่แดนติดงาน  อย่าพูดถึงเกรซกับคาร์ลีย์  สองคนนั้นก็มีงานของตัวเองเหมือนกัน  อีกอย่างเราก็มีอีกคนที่คงไปนั่งจิบกาแฟรอเราอยู่ที่สนามบินมิลาโนมัลเปนซาเรียบร้อยแล้ว

"ทำไมเราไม่ไปเจ็ทเหมือนเดิมคะ"  เธอกระซิบถามมารดาเมื่อพบกับแสงแฟลชจากกล้องนับตัวไม่ได้ของนักข่าวและปาปารัซซี่ทันทีที่แม่ลงจากรถมายืนข้างเธอ  พวกเขาจะถ่ายแม่เธอนั่นแหละ  แต่เหมือนแม่จะตั้งใจให้ติดเธอไปด้วยราวกับพวกอยากอวดลูกอย่างนั้น

"เพราะเราอยากให้คนเห็นเรา"  เจย์ตอบง่ายดาย  ยิ้มน้อยๆ ให้กับช่างภาพ  แสดงอาการเป็นมิตรกับพวกเขาแบบที่ฮาร์เปอร์เห็นเป็นประจำ  ฮาร์เปอร์รู้ว่าแม่ไม่ได้แกล้งทำเพื่อเอาใจพวกเขา  แต่เพื่อแฟนๆ ที่รอเจอแม่หรือบ้านเราอยู่ต่างหาก  เพื่อคนที่รักเรา  ไม่ว่าจะน้อยหรือมากก็ตาม

"หมายความว่า  เราต้องเดินช้าๆ ด้วยใช่ไหมคะ"  ฮาร์เปอร์ถาม  แม่เจย์ไม่ได้ตอบเป็นคำพูด  แต่ทำให้ดูเหมือนเคย  เธอคิดว่าเธอเรียนรู้งานมาจากแม่พอสมควร  หากก็ยังอดเหนื่อยหน่ายไม่ได้สักที  ไม่รู้แม่ทำได้ยังไง

"มันเป็นธุรกิจ  ฮาร์เปอร์"  แม่ชอบพูดแบบนี้เสมอเวลาเห็นเธอทำหน้าตาเซ็งๆ  เธอก็พอเข้าใจนะว่า  การทำธุรกิจสมัยนี้ชื่อเสียงสำคัญมาก  ธุรกิจทุกอย่างนันแหละ  ยิ่งเราดังมากขึ้นเท่าไหร่  ความเป็นส่วนตัวก็แทบหาไม่ได้เลย  บางคนก็ชอบที่มันเป็นแบบนั้น  เพราะต้องการให้คนสนใจอยู่แล้ว  แต่สำหรับเธอ  มันน่ากระอักกระอ่วนใจน่าดู

"โคลอี้จะรออยู่ที่ร้านกาแฟ" 

ฮาร์เปอร์ยิ้มมุมปาก  เธอเดาไม่พลาดเลยจริงๆ  ถ้าไม่มีคนนี้ไปด้วย  แม่คงไม่สบายใจแบบนี้แน่  เธอไม่รู้ว่าแม่จ้างโคลด์เท่าไหร่  หรืออาจเป็นสัญญาใจอะไรสักอย่าง  แต่แม่ใช้งานโคลด์หนักมากเลยละ  ดูๆ ไปก็เหมือนโคลด์จะเต็มใจด้วยแหละ  ไม่อย่างนั้นคงหาข้ออ้างได้สารพัดที่จะไม่มา

"โคลด์เป็นพรีเซนเตอร์ให้เราหรือคะ"  เธอแกล้งถาม  ไม่คิดว่าแม่จะพยักหน้าในทันที  "ไหนโคลด์บอกไม่รับงานแบบนี้แล้ว..."

"ไม่รู้สิ"  แม่เจย์ตอบง่ายๆ  พลางโบกมือให้กล้อง  เสยผมนิดหน่อย  แค่นี้พวกตากล้องก็ชักภาพกันพรึบพรับไปหมด  นี่แม่เธออายุเท่าไหร่กันนะ  ทำไมยังมีคนสนใจได้ยาวนานขนาดนี้

"โคลอี้เป็นพวกชอบให้คนสนใจ" 

ฮาร์เปอร์เลิกคิ้วมองแม่  แปลกใจที่อยู่ๆ แม่ก็เผยเรื่องนี้ออกมา

"รีบเดินหน่อย  ฮาร์เปอร์  เดี๋ยวเช็กอินไม่ทัน"  แม่เจย์เปลี่ยนเรื่องเร็วมาก  ฮาร์เปอร์กะพริบตา  เดินจ้ำตามหลังคุณแม่ที่ขาสั้นกว่าแต่เดินไวน่าดู  บอดี้การ์ดคอยดูแลเราไม่ขาดตกบกพร่อง  หวังว่าคงไม่ทำให้เราเป็นเด็กหลงทางเหมือนตอนไปไทเปคราวก่อน

แต่ถึงแม่จะบอกให้เธอรีบยังไง  แม่ก็ยังไม่วายโบกมือให้พวกที่ถือกล้องเป็นอาวุธ  เพราะกล้องบางกล้องมันใหญ่คล้ายลำกล้องปืนยิงจรวดเลยน่ะซี  ท่าถือมันของพวกเขาด้วย  แต่จะว่าไปก็เท่ดี  ส่วนตัวแล้วเธอชอบเป็นคนถ่ายมากกว่าคนถูกถ่ายนะ

จาก JFK ถึงมิลาโนมัลเปนซาใช้เวลาราวๆ แปดชั่วโมงสิบนาที  แต่หากต้องต่อเครื่องละก็คงไม่พ้นสิบเอ็ดชั่วโมง  โชคดีที่คราวนี้เมดิสันเป็นคนจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบิน  เพราะถ้าเธอมันอาจไม่เป๊ะขนาดนี้  คนเราถนัดต่างกัน  และบังเอิญเธอไม่ได้ถนัดเรื่องแบบพวกเลขาถนัดไง

แม่เจย์ใช้เวลาส่วนใหญ่บนเครื่องหลังจากรับประทานอาหารไปกับการหลับ  ไม่มีอะไรดีไปกว่าการนอนพักผ่อนถ้าเราต้องติดแหง็กอยู่สถานที่ที่จำกัดพื้นที่นานๆ แบบนี้  แต่เธอมักจะนอนไม่ค่อยหลับ  จึงต้องฆ่าเวลาด้วยการเขียนงานไปพลางๆ  ซึ่งได้ผลดีทีเดียว  เขียนคล่อง  สมองแล่น  แค่ต้องฟังเสียงบ่นของแม่เป็นบางครั้งที่แม่ตื่นมาเจอเธอนั่งใส่แว่นมีแสงสีฟ้าของจอแล็ปท็อปสาดใส่หน้าอยู่ในความมืดสลัวของห้องโดยสารที่ปิดไฟให้ผู้โดยสารส่วนใหญ่นอน

"ฮาร์ป  พักสายตาบ้างนะลูก"

"อีกแป๊บนึงค่ะ"  ฮาร์เปอร์ตอบคุณแม่  จำไม่ได้แล้วว่าครั้งที่เท่าไหร่  หากเธอกลับดีใจที่แม่ถาม  เธอคงชอบได้รับความสนใจเหมือนกันนั่นแหละ

เสียงแม่เงียบไป  ฮาร์เปอร์เหลียวไปมองจึงส่ายหน้าไปมา  เพราะแม่เจย์หลับสบายและไม่สนใจจะห่มผ้าให้ตัวเอง  เธอจึงต้องเอื้อมไปห่มให้เป็นครั้งที่สามหรือสี่แล้วละมัง 

"ถ้ามาคนเดียว  แล้วใครจะทำให้เนี่ย"  ฮาร์เปอร์บ่น 

"มีคนทำให้ละกัน" 

เสียงแม่เจย์พึมพำอย่างหยิ่งๆ  เรียกให้เธอหันไปมองก็พบว่าแม่ยังหลับตาอยู่  อาจจะละเมอหรืออาจจะแกล้งเธอ  หรือเห็นเธอเป็นแม่แดน

"นอนได้แล้ว  ฮาร์เปอร์"

ไม่ใช่ละ  แม่พูดกับเธอนี่แหละ  ฮาร์เปอร์รีบเซฟงาน  ปิดแล็ปท็อปทันใด  น้ำเสียงแบบนี้นอกจากจะชวนให้ขนลุกแล้ว  ยังหมายถึงคำสุดท้ายที่แม่จะพูดดีๆ กับเธอด้วย  ไม่มีใครอยากเสี่ยงให้แม่เจย์โกรธ  ถ้าเป็นแม่แดนอยู่ตรงนี้ด้วยละก็  คงจะบอกเธอให้รีบๆ ทำตามคำสั่งแบบนี้แหละ

หลังจากสวมหูฟังฟังเพลงกล่อมตัวเองให้หลับ  ฮาร์เปอร์สะดุ้งตื่นตอนแม่เจย์เขย่าแขน  ในความสะลึมสะลือเธอยังได้ยินเสียงกัปตันประกาศว่าเราจะเหยียบพื้นดินของอิตาลีแล้ว  ไฟในห้องโดยสารสว่างแสบตาสำหรับคนที่เพิ่งตื่นอย่างเธอ  ฮาร์เปอร์เก็บของอย่างมึนๆ ทำตามที่แม่ทำ  เธอสังเกตว่าแม่เปลี่ยนชุดและแต่งหน้าแล้วเรียบร้อย  เตรียมลงไปให้คนถ่ายรูปอีกแล้วล่ะสิ

"ฮาร์ปแค่เปลี่ยนสูทก็พอค่ะ"  แม่เจย์บอก  ฮาร์เปอร์พยักหน้ารับคำ  แม่เคยพูดว่าเธอยังเด็ก  ไม่ต้องเป็นต้องโปะเครื่องสำอางมากมาย  ปล่อยให้หน้าสดๆ ไปเลยไม่ต้องเติมลิปสติกเลยก็ยังได้  แต่แม่ไม่ได้แล้ว  เดี๋ยวคนจะเห็นรอยตีนกา  แล้วมันจะไม่งาม  --  ใครว่าล่ะ  แม่ดูเด็กออกจะตาย

นักข่าวจำนวนหนึ่งจับกลุ่มรอเราอยู่ที่สนามบินมิลาโนมัลเปนซา  เป็นไปตามคาดทุกอย่าง  ปาปารัซซี่กลุ่มหนึ่งก็ซุ่มอยู่ตรงร้านกาแฟที่โคลอี้นั่งรอเรา  ดูเหมือนโคลด์จะไม่ให้ความสนใจกับพวกเขาเท่าไหร่  ทำเหมือนไม่รู้ตัวว่ากำลังโดนตามถ่าย  แต่ภาพที่ออกมาโคลด์มักจะสบตากับเลนส์กล้องเสมอ  จะว่าไม่รู้ได้ยังไงกันล่ะ

"ยังดีกว่าไปแถวเอเชียนะคะ"  โคลอี้พูดขึ้นระหว่างส่งกาแฟให้เราคนละแก้วและพาเดินไปยังรถพร้อมกันกับสต๊าฟพร้อมด้วยบอดี้การ์ดสี่คน

"แต่นั่นอาจแปลว่า  เรามีแฟนๆ ที่นี่น้อยกว่าก็ได้นะ"  เจย์พูดด้วยท่าทีไม่คิดมาก  พลางยกกาแฟขึ้นจิบ  แล้วหันไปพยักหน้าเรียกเมดิสันมาคุยงานกัน  ฮาร์เปอร์กับโคลอี้จึงต้องเดินคู่กันไปไม่ให้รู้สึกเก้อๆ ท่ามกลางสายตาคนจับจ้อง

"มามิลานเป็นครั้งแรกหรือเปล่า"  โคลอี้ชวนคุย  ฮาร์เปอร์พยักหน้า

"แต่ไม่ใช่ครั้งแรกในอิตาลี"  เด็กสาวตอบ  ก้มลงกดโทรศัพท์มือถือส่งข้อความบอกแม่แดน  คาร์ลีย์และเกรซว่าตนกับแม่เจย์มาถึงมิลานอย่างปลอดภัยและเจอกับโคลอี้แล้วเรียบร้อย  จริงๆ โคลด์อาจจะบอกคาร์ลีย์แล้ว  แต่ยังไงเธอก็ต้องบอกเองอยู่ดี

"โอ้ใช่  โรม" 

ฮาร์เปอร์เลิกคิ้ว  เหลือบตาขึ้นมองคนตัวสูงกว่าที่อุทานขึ้นมาอย่างนึกขึ้นได้สักที  ว่าเราไปด้วยกันมาตอนมาเยือนโรม  เราสามคน  เธอ  เกรซ  และแม่สาวหน้าสวยคนนี้แหละ

"รู้ไหม  ขวัญใจของเธอน่ะเคยวิ่งเล่นที่นี่ด้วย"

"ใคร"  ฮาร์เปอร์งงว่าโคลอี้พูดถึงใคร  แต่ขวัญใจของเธอมีกี่คนล่ะ

"ก็แม่สาวเกาหลีที่พูดอังกฤษน้ำไหลไฟดับไงล่ะ  เคยมาถ่ายแบบที่นี่  อย่าบอกนะว่าไม่รู้"  โคลอี้พูดด้วยท่าทีล้อเลียน  ฮาร์เปอร์กลอกตา  แต่ก็ยิ้มออกมา  รู้สึกดีที่อีกฝ่ายจำมันได้ด้วย  หรือเพราะเธอแสดงออกบ่อยไป

"จริงๆ ในฐานะอย่างเธอ  จะชวนเขามาดินเนอร์ด้วยก็ยังได้เลยนะ"

"ไม่เอาอะ  ฉันอาย  ทำตัวไม่ถูก"  ฮาร์เปอร์ตอบ  หน้าแดง  "แล้วเกรซก็คงไม่ชอบด้วยแหละ  ใช่ไหมล่ะ"

โคลอี้ยิ้มขำ  ไม่ออกความเห็น  "ฉันจะเสนอให้แม่เธอชวนเขามาทำงานด้วย  เธอจะว่าไง"

"อย่านะ  โคลด์"

"ทำไมล่ะ"

"ยังจะมาถามอีก"  ฮาร์เปอร์งึมงำหน้างอ  "ถ้าฉันไปทำตัวเปิ่นๆ ให้เสียชื่อแม่จะทำไง  อายเขาตาย"

"เธอก็ตั้งสติหน่อยสิ  เขาก็คนเหมือนกัน  ทีกับฉัน  เธอยังคุยด้วยได้เลยนี่นา  หรือกับฉันไม่นับเป็นขวัญใจเธอ"

"อย่ามายั่วกันเลยดีกว่าน่า  ไม่สำเร็จหรอก" 

"จริงอะ"  โคลอี้แกล้งถาม  เดินเข้ามาใกล้ฮาร์เปอร์จนติด  แถมยังยื่นหน้ามาใกล้ๆ แก้มสีชมพูจัดของอีกฝ่าย  ตั้งใจจะให้เด็กสาวขี้อายเขินเธอ  ทว่าเมื่อนัยน์ตาคมกริบของผู้หญิงด้านหน้าตวัดมามอง  เธอจึงยอมถอยให้ฮาร์เปอร์ได้มีโอกาสหายใจหายคอบ้าง 

"คุณเจย์นี่หวงเธอน่าดูเลยนะ"  อดีตนางแบบดังวิจารณ์หลังจากเจย์หันกลับไปสนใจเรื่องที่คุยค้างกับเลขาต่อ  และเราก็กำลังจะเดินถึงรถตู้ที่มารอรับอยู่ด้านนอกอาคารสนามบิน

ฮาร์เปอร์แค่ยิ้ม  ไม่ได้สาธยายว่าแม่ของตนทำอะไรบ้าง  ชอบโผล่มานั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นในบ้านหลังเล็กที่แม่แดนยกให้เธอโดยไม่บอกกล่าวเป็นประจำ  ทำให้เกรซหวาดผวาเสมอเลย

"พอถึงโรงแรมแล้ว  เรามีเวลาเตรียมตัวกันครึ่งชั่วโมงนะคะ  โคลด์"  เมดิสันเดินมาบอกโคลอี้ที่พยักหน้ารับรู้ด้วยสีหน้าปกติ  มีแต่ฮาร์เปอร์ที่รู้สึกตื่นตระหนกนิดหน่อยทั้งที่ออกงานกับแม่มาบ่อยแล้ว 

"ไม่ต้องเกร็ง  แม่ให้โคลอี้มาอยู่เป็นเพื่อนเราระหว่างที่แม่คุยกับคนอื่นๆ ไงล่ะ"

ฮาร์เปอร์เหลือบมองคุณแม่ร่างบาง  เจย์ยักคิ้วให้เธอ  ยิ้มมุมปากอย่างขี้เล่นก่อนจะเดินขึ้นรถตู้ที่บอดี้การ์ดตัวโตของเราเปิดรออยู่  โคลอี้เดินตามมา  พยักพเยิดหน้าให้เธอก้าวขึ้นตามแม่ไป  แล้วจึงตามมาทีหลัง  นั่งคู่กับเมดิสันในเบาะแถวหน้า  ให้เธอกับแม่เจย์นั่งด้วยกันก่อนที่แม่จะสั่งให้เราสลับที่  เพราะแม่มีเรื่องจะคุยกับเลขาอีกเยอะแยะ

"จะหลับก็ได้นะ  พอมีเวลาสักสี่สิบนาที"  โคลอี้บอกอย่างเอื้อเฟื้อ  ยื่นไหล่ให้คล้ายจะอนุญาตให้พิงได้  ฮาร์เปอร์ยิ้ม  หากยินดีจะนั่งตาแข็งมองวิวนอกหน้าต่างรถมากกว่า

...............................................

หลังจากงานเปิดช็อปกับแจกลายเซ็นในช่วงกลางวันเสร็จแล้ว  เรายังต้องเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงในช่วงค่ำด้วย  ฮาร์เปอร์รู้สึกอยากจะได้เรดบูลสักกระป๋อง  ไม่ใช่แชมเปญสีใสที่โคลอี้คว้ามาจากถาดบริกรมาส่งให้แก้วนี้  เธอจิบมันไปทีละอึกน้อยๆ อย่างที่แม่สอน  มันช่วยให้เราคุยกับคนได้คล่องขึ้น  ในงานเลี้ยงแบบนี้น้อยคนจะขอให้บริกรเอาน้ำส้มมาให้  แล้วเขาก็ไม่ทำกันด้วย  นอกจากเราจะไปงานเปิดตัวของเล่นเด็กสามขวบ  แต่งานแบบนั้น  ถ้ามีพวกผู้ใหญ่มาด้วย  พวกเขาก็คงไม่เสิร์ฟนมร้อนกันหรอก

เธอวิดีโอคอลหาเกรซกับคาร์ลีย์เรียบร้อยแล้วก่อนเข้ามาในงาน  จึงไม่ห่วงนักว่าสองสาวนั่นจะบ่น  ส่วนแม่แดนก็ไม่มีอะไรให้กังวล  เพราะนั่นมันเรื่องของแม่เจย์จัดการ  ตอนนี้เธอคงต้องห่วงตัวเองมากกว่า  ห่วงว่าจะสำลักความเบื่อหรือเปล่า  ใครว่าเธอชอบแสงสีแบบนี้กันล่ะ

"ไหนโคลด์เคยบอกว่าอยากอยู่เงียบๆ  นี่มันไม่เงียบเลยสักนิด"

โคลอี้ละสายตามาจากสาวคนหนึ่งที่พยายามพ่นภาษาฮังการีใส่เธออยู่  สบตาฮาร์เปอร์ที่จำเป็นต้องเอาหน้ามาใกล้กันเกินปกติ  เพราะเสียงหลากหลายภายในงานมันเป็นใจ

"ก็เงียบนะ  เวลาอยู่บ้าน"  เธอตอบอย่างไม่ใส่ใจ  ฮาร์เปอร์นิ่วหน้า  ท่าทางนี่คงไม่ใช่คำตอบที่อยากฟัง  "อ้าว  ไม่ใช่เหรอ"

"ฉันไม่คุยกับโคลด์ละ" 

"เดี๋ยวสิ  แค่นี้ก็ต้องงอนด้วยเหรอ"

"ไม่ได้งอน  แต่จะโทรหาเค..."

"อ้าวนั่น  เค!"

ฮาร์เปอร์ตวัดสายตาไปมองตามคำโคลอี้  แต่แทนที่จะเห็นน้องสาวผมทองตาสีฟ้าของตน  กลับเป็นสาวผมสีน้ำตาลแกมแดงที่ตอนนี้ถูกหั่นสั้นแค่ต้นคอ  ในชุดสูทกำมะหยี่สีดำ  ริมฝีปากแดงจัดตัดกับผิวขาวซีด  ตาเรียวกรีดอายส์ไลเนอร์จนคมกริบ  ใบหน้าเฉยเมยหากกลับน่าสนใจไปเสียได้

คนบ้าอะไรกันเนี่ย!

"ไหนเค..."  เธอถามเสียงเบา  ไม่อยากให้โคลอี้รู้ว่าปากเธอสั่นแล้ว

"ก็เคไง  เค - คริสตัล  หรือไม่ใช่ล่ะ"  โคลอี้ตอบ  แววเยาะเย้ยอยู่ในน้ำเสียง  ฮาร์เปอร์หันขวับไปถลึงตาใส่  "อ้าว  จะมาโกรธฉันทำไมเนี่ย  ฉันไม่ได้เชิญเขามานะ  ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะมา  เธอเป็นแฟนคลับ  ทำไมถึงไม่รู้  นึกว่าจะรู้ทุกอย่างซะอีก"

"ฉันอยู่บนเครื่องมาแปดชั่วโมงกว่า  ร่อนอยู่ในสนามบินสองที่อีกเป็นชั่วโมงๆ  จะเอาเวลาที่ไหนไปเช็กล่ะ  แล้วก็ใช่ว่าฉันมีตารางงานเขานี่"

"ขอสิ  จะได้มี"  โคลอี้พูดง่ายดาย  เพราะถ้าเป็นเธอ  เธอก็คงจะทำแบบนั้นเหมือนกัน  เธอเคยพุ่งเข้าใส่ดาราฮอลลีวูดที่ชอบคนหนึ่งด้วยละ 

ฮาร์เปอร์ทำหน้าเหมือนจะประสาทเสีย  เธอคิดจะเลี่ยงไปอีกทางจะได้ไม่ต้องเจอกับไอดอลขวัญใจตัวเองใกล้ๆ  เพราะครั้งก่อนที่เคยเจอมาซึ่งก็นานมาแล้วละ  คุณเคคนนี้คงจำไม่ได้หรอก  เธอเกือบจะทำขายหน้าแม่  ถ้าตอนนั้นคาร์ลีย์ไม่ได้อยู่ด้วย  เธอคงเปิ่นกว่านั้นแน่นอน

"ฮาร์ป  กลัวอะไร  คนเหมือนกัน"  โคลอี้พูด  จับแขนฮาร์เปอร์ไว้  เด็กสาวมองเธอตาขวาง  ดิ้นรนจะหนีไปให้ได้  "นี่ไม่อยากถ่ายรูปกับเขาหรือ  แฟนคลับเขาต้องอยากถ่ายกับดาราที่ชอบนะ  เธอนี่ยังไง"

"ไม่เอา  ฉันกลัว"  ฮาร์เปอร์ตอบ  หน้าแดงก่ำ  ขณะที่คริสตัลยืนคุยไม่รู้เรื่องอะไรด้วยอยู่กับแม่เจย์ของเธอเหมือนวันนั้นไม่มีผิด

"ตลกน่า  ฮาร์เปอร์"  โคลอี้หัวเราะ  เอ็นดูเด็กขี้อาย  "มีกระดาษหรืออัลบัมอะไรสักอย่างของเขาไหม"

"ทำไม  จะเอาไปทำอะไร"

"จะไปขอลายเซ็นให้ไง  เอารึเปล่า  หรือจะให้คุณเจย์ขอให้  แต่มันจะตลกหน่อยๆ นะ"

ฮาร์เปอร์ขมวดคิ้วครุ่นคิด  นึกถึงหน้าเกรซที่บ้านไปพลาง  แต่มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับเกรซสักหน่อย  เธอแค่ชอบดารา...เอ้า  บ้าก็ได้!

"มีการ์ดรูปเขาอยู่..."

"เอามาสิ"  โคลอี้แบมือขอ  พลางเหลือบตามองไอดอลคนสวยเผื่อทางนั้นจะหายตัวไปก่อนฮาร์เปอร์จะเลิกลีลาและหยิบของมาให้เธอสักที

"แป๊บนึง  หรือจะไปด้วยกัน" 

"เดี๋ยว  เอานี่ให้เขาด้วยสิ"  ฮาร์เปอร์ล้วงกระเป๋าถืออย่างร้อนรน  จำได้ว่าพกมันติดมาด้วยทั้งที่ไม่รู้จะเอามาทำไม  เธอไม่ได้กะจะเจอคุณเคในมิลานแบบนี้สักหน่อย  เธอวางแผนว่าจะส่งมันไปทาง FedEx ให้เธอบ้านของเจ้าตัวที่เกาหลีใต้เลย  แต่ถ้าได้ให้ตัวต่อตัวแบบนี้  หมายถึงตัวต่อตัวกับโคลอี้น่ะ  ก็คงจะดีกว่า

"อะไรน่ะ  ยาทาเล็บเหรอ"

"น้ำหอม  หัวน้ำหอมที่ฉันเป็นคนดีไซน์ขวดน่ะ  โคลด์นี่นะ"

โคลอี้กลั้นขำไว้สุดชีวิตแต่ไม่สำเร็จเท่าไรนัก  เธอชอบเห็นฮาร์เปอร์เขินแบบนี้  มันเหมือนเด็กสาวคนนี้ย้อนอายุกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง  แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้  เธออยากจะเห็นเวลาฮาร์เปอร์เขินเพราะดูรูปของเธอมากกว่า  คาร์ลีย์ด้วยอีกคน

"แล้วฉันจะบอกให้  ว่าเธอเป็นคนดีไซน์มัน"

"บอกทำไม"

"เพราะพี่สาวเขากำลังจะทำไลน์น้ำหอมด้วยน่ะสิ"

ฮาร์เปอร์ขมวดคิ้วมองโคลอี้ที่ขยิบตาให้เธออย่างขี้เล่นก่อนจะแวบหายไปโผล่อยู่ข้างๆ แม่เจย์ของเธอกับคุณเคคนนั้น  เด็กสาวยืนเกร็งขณะมองโคลอี้คุยกับคุณเค  เธอเผลอยกมือขึ้นมากัดเล็บอย่างที่ถ้าคาร์ลีย์หรือเกรซมาเห็นเข้า  คงจะตีมือเธอแน่ๆ  แต่ตอนนี้อะไรก็ไม่น่าวิตกเท่ากับสีหน้าของคุณเคตอนโคลอี้ส่งขวดน้ำหอมใบจิ๋วของเธอให้ไปหรอก  ตาคมนั่นมองมันอย่างพิจารณาอยู่สามวินาทีก่อนจะรับมันไปจากมือโคลอี้  แววแปลกใจปรากฏบนใบหน้าที่เคยเฉยเมย  ครู่ต่อมาก็ทำให้เธอสะดุ้งด้วยสายตาที่ตวัดมามองหน้าเธอแบบตรงๆ  แบบรู้จุดว่าเธออยู่ตรงไหนท่ามกลางฝูงชน  และความวุ่นวาย  แล้วเธอก็รู้สึกคล้ายหัวใจหยุดเต้นไปแล้ว!

เค - คริสตัลยิ้ม!  โอ้  พระเยซูเจ้า!

"อะ  เรียบร้อย"  โคลอี้บอกเมื่อกลับมายืนข้างฮาร์เปอร์ซึ่งดูเหมือนจะหยุดหายใจไปเรียบร้อยแล้ว  เธอเขย่าแขนลูกสาวเจ้านายแรงพอให้คนตัวแข็งทื่อสะดุ้งและหันมามองเธอในที่สุด  เธอทั้งขำและเห็นใจฮาร์เปอร์เลยแหละตอนนี้  "ให้ตายเถอะ  ฮาร์เปอร์  เธอชอบเขามากขนาดนี้เลยเหรอ  แบบนี้ก็แย่น่ะสิ"

"แย่อะไรล่ะ  แย่ตรงไหน  เขาไม่ชอบของขวัญของฉันเหรอ  โคลด์"  ฮาร์เปอร์ถาม  ลนลาน  หวาดวิตกจนเหงื่อแตก

"เปล่า"  โคลอี้ส่ายหน้า  กลั้นขำจนปวดแก้ม

"เปล่า?  แล้วทำไมกันล่ะ"  ฮาร์เปอร์ถาม  ท่าทางเหมือนจะร้องไห้  หากโคลอี้กลับหัวเราะในลำคอ  วางมือบนศีรษะเธอและตบมันเบาๆ คล้ายจะปลุกให้ได้สติ 

"แค่น้อยใจนิดหน่อยน่ะ  เพราะเธอชอบคนอื่นมากกว่าฉัน"  โคลอี้ตอบด้วยสีหน้าแกล้งผิดหวัง  ฮาร์เปอร์หรี่ตามองเธอหงุดหงิด  หากที่สุดก็ยิ้มออกมา 

"เออ  ฮาร์เปอร์  แม่เธอชวนคุณเคกินข้าวด้วยกันแหละ"  เธอพูดขึ้นอย่างนึกขึ้นได้  ดวงตาของเด็กสาวเบิกโตขึ้นเป็นสองเท่า

"ว่าไงนะ!"  ฮาร์เปอร์ถาม  ท่าทางเหมือนสติแตกไปแล้วเรียบร้อย  เธอไม่ได้ยินด้วยซ้ำว่าโคลอี้พูดอะไรเป็นคำต่อมา

"แต่เขาไม่ว่างน่ะ  มีนัดกินข้าวกับพี่สาวแล้ว  เสียใจด้วยนะ  ฮาร์ป"               


..................

หายไปนานมาก  ตอนนี้เลยเป็นเหมือนตอนสนองตัณหาคนเขียนยังไงไม่รู้  ประหนึ่งไปสิงอยู่ในร่างฮาร์เปอร์  555555

เอาเถอะค่ะ  ยังไงก็ยังมาให้หายคิดถึงเนอะ  ถ้าลืมตอนเก่าๆ ไปแล้ว  ก็กลับไปอ่านใหม่ได้นะคะ  อิอิ   :61: :27: :44:

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

16 เมษายน 2018 เวลา 08:18:39
 :60: อือฮาร์ป แม่เธอกะพี่สาวคริสนี่พิมพ์เดียวกันเลยนะ นั่นคุณน้านะ

15 เมษายน 2018 เวลา 22:44:07
เออจริงอ่านไปอ่านมาเหมือนคนแต่งไปเจอคริสมาเองงั้นแหละ
แสดงความคิดเห็น