ชุลมุนลุ้นรักยัยตัวป่วน yuri ตอนที่ 4
โพสต์โดย:
meAyou
วันที่: 06 เมษายน 2018 เวลา 11:03:03
อ่าน: 73
|
หลังจากวันนั้นดูเหมือนความสัมพันธ์ของรุ่นพี่รุ่นน้องจะแน่นแฟ้นขึ้นมากเพราะดูเหมือนเปรมสุดาและตะวันฉายจะสามารถพาตัวไปแทรกเป็นสมาชิกของกลุ่มได้แล้ว "ปิดเทอมนี้ไปทะเลกัน" "น่าสนฉันอยากไปอาบแดดเปลี่ยนสีผิวเสียหน่อย" เดือนใจเอ่ยด้วยท่าทางเพ้อฝันพร้อมกับกรีดกรายไล่ปลายนิ้วลงบนแขนและขาของตัวเองให้คนทั้งโต๊ะได้โห่ไล่และทำท่ากระอักกระอ่วนเพราะทนเห็นภาพที่ทำให้เกิดอากาเซ็กเสื่อมไม่ได้อีกต่อไป "งั้นไปนอนที่บ้านพักของแกนะทรายจะได้ประหยัดแถมเป็นส่วนตัวด้วย" อมรเทพชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งแต่ร่างกายและนิสัยตุ้งติ้งยิ่งกว่าหญิงสาวทั้งกลุ่มเอ่ยเสนอหากแต่ประเด็นนี้กลับไปสะดุดคนอายุน้อยเข้าให้ "อย่างพี่นี่มีบ้านพักติดทะเลด้วยเหรอไม่อยากจะเชื่อ" เปรมสุดาเอ่ยด้วยน้ำเสียงค่อนขอดดวงตาคู่เหยียดมองคนที่เป็นประเด็นสงสัยอย่างไม่วางตา "เพื่อนพี่เค้าก็ไม่ธรรมดาเหมือนกันนะคะคุณน้อง" ท่าทางจีบปากจีบคอของชายหนุ่มเพียงคนเดียวทำให้คนหาเรื่องต้องหันไปมองอย่างไม่พอใจ เธอก็แค่สงสัยไม่ได้หรือไงนะ! "เอาล่ะๆ ตกลงไปทะเลนะ" ประภาพรเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นมรสุมทางอารมณ์เริ่มก่อตัวมากขึ้นแต่แล้วก็ต้องใจหายที่รุ่นน้องตัวแสบผุดลงขึ้น เธอไม่ได้ตกใจที่ใครอีกคนทำท่าจะลุกเดินไปโดยไม่บอกกล่าวแต่ที่ตกใจเพราะเปรมสุดาไม่ใช่เพียงแค่ยันตัวขึ้นแต่เธอมองเห็นความตั้งใจที่เจ้าหล่อนจงใจจะเบียดเพื่อนของเธอให้หล่นจากที่นั่งและเพียงเธออยู่ใกล้คงจะช่วยคว้าจับร่างกายนั้นได้โดยง่ายแต่เพราะอยู่ไกลจึงทำให้นึกใจหายอยู่แบบนี้ "อุ๊ย!" เพราะไม่อยากต่อปากต่อคำจึงทำให้ไม่ทันได้มองเห็นพฤติกรรมเดิมๆ ที่คนหาเรื่องมักใช้และนั่นทำให้เธอพลาดอีกครั้งและเป็นอีกครั้งที่เธอตกเข้าสู้อ้อมอกของใครอีกคน ตะวันฉายย่อตัวลงทันทีเมื่อมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นสายตาตำหนิถูกส่งไปยังคนชอบหาเรื่องทันทีก่อนจะหันกลับมายังเจ้าของร่างที่ดูจะยังไม่หายตกใจถึงได้เอาแต่นิ่งสงบอยู่เช่นนี้ "เจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ" ประโยคคำถามดูไม่เป็นผลกับคนในอ้อมกอดจนทำให้นึกห่วงและยังไม่ทันได้พูดถามอะไรเพิ่มเติมคนก่อเรื่องก็คว้าจับแขนของคนคิดถามให้ถอยห่างออกมาเสียก่อน "เป็นอะไรหรือเปล่าทราย" ประภาพรรีบลุกเดินมาหาคนที่เกิดเรื่องทันทีและคงไม่ต้องบอกว่าคนก่อเรื่องได้รับสายตาตำหนิไปกี่คู่ นี่ดีนะที่เป็นแค่ดวงตาหากเป็นเท้าคาดว่าเธอคงจะไม่รอดเป็นแน่แต่! คนอย่างเธอมีหรือจะยอมรับความผิด "ไปเรียนดีกว่า" คนทำความผิดเอ่ยลอยๆ ไม่ได้เอ่ยกับใครอย่างเจาะจงหากแต่เพียงก้าวเท้าเดินก็ต้องหันกลับไปมองคนข้างกายด้วยสายตาเหวี่ยงๆ "ทำไมถึงไม่เดินตามมา" ตะวันฉายไม่พูดหากแต่เพียงแลสายตาไปยังคู่กรณีของเธอก็ทำให้เข้าใจได้มากแล้ว "ตามใจ!" เปรมสุดาเอ่ยด้วยน้ำเสียงกระแทกบ่งบอกให้รู้ถึงความไม่พอใจมากขึ้นเมื่อได้รับรู้ว่าขนาดเพื่อนสนิทยังไม่เข้าข้างตัวเอง หญิงสาวกระทืบทาสาวเดินออกไปด้วยท่าทางโมโหจัดให้คนทั้งโต๊ะได้มองตามอย่างเอือมๆ ในความเอาแต่ใจของรุ่นน้องที่คิดว่ายังไงก็คงไม่มีทางคว้าหัวใจของเพื่อนของพวกเธอได้ คนดื้อรั้นและหยิ่งผยองแบบนี้จะมีใครปราบพยศได้กันหากแต่เพียงไม่นานรุ่นน้องที่สุดแสนจะเอาแต่ใจที่คิดว่าเดินไปไกลแล้วกลับย้อนกลับมาให้คนทั้งโต๊ะต้องพากันลุกหือเพื่อเตรียมพร้อมในการโต้ตอบ "จะหาเรื่องอะไรอีกคะคุณน้อง" "นั่นสิถ้าคราวนี้ทำนิสัยเสียอีกพวกพี่ไม่ปล่อยไว้แน่" อมรเทพและเตือนใจเอ่ยเสียงห้วนแต่ดูเหมือนพวกเธอจะไม่อยู่ในสายตาของรุ่นน้องเอาแต่ใจแม้แต่น้อยเพราะสายตาของเจ้าหล่อนจดจ้องไปยังเพื่อนสนิทที่กำลังยืนกอดอกจ้องตาตอบด้วยสายตานิ่งๆ ราวกับใช้ดวงตาแทนริมฝีปากในการพูดคุยเพราะคนทั้งคู่จ้องตากันเกือบห้านาทีก่อนที่จะเป็นคนอารมณ์ร้อนที่เป็นฝ่ายยอมแพ้และผละออกมาเอง "ขอโทษค่ะ" เปรมสุดาหันไปจ้องคู่กรณีพร้อมกับเอ่ยพูดในสิ่งที่ทำให้คนทั้งโต๊ะนึกอยากจะเคาะสนิมที่หูเพราะมันเป็นสิ่งที่ยากจะเชื่อแต่คำพูดที่ได้ยินนั้นก็หนักแน่นพอให้คนฟังได้รับรู้ว่าคนพูดหมายความถึงอย่างนั้นจริงๆ ปัณฑิตามองคนพูดอย่างงงๆ หากแต่ถ้าจะให้เดาในเหตุการณ์ก็คงไม่พ้นคนที่ผุดรอยยิ้มออกมาน้อยๆ ก่อนจะหันมาคะยิบตาให้เธอได้ใจสั่นและที่น่าอายไปกว่านั้นก็คือเธอกำลังเผยยิ้มออกมาอย่างลืมตัวให้เพื่อนๆ ได้มองอาการผิดปกตินี้ด้วยท่าทางประหลาดใจ "ไปเรียนได้หรือยัง" เมื่อพูดในสิ่งที่คั่งค้างแล้วเปรมสุดาก็หันมาหาคนที่บีบบังคับตัวเองทางสายตาทันทีใบหน้าแง่งอนนั้นทำให้ตะวันฉายต้องเปิดหัวเราะออกมาน้อยๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปบีดจมูกคนเอาแต่ใจอย่างเอ็นดูจากนั้นก็เดินออกไปโดยไม่พูดอะไรให้เปรมสุดาได้ออกอาการกระฟัดกระเฟียดหากแต่สุดท้ายก็วิ่งไปเกี่ยวแขนของคนขี้แกล้งเอาไว้อยู่ดี ท่าทางกระหนุงกระหนิงทำเอาสถานการณ์เหลือเชื่อต้องเปลี่ยนไปอีกประเด็นหนึ่ง "หวานและสวีทกันขนาดนี้ทำไมไม่กินกันเองไปเลยนะ" อมรเทพเอ่ยขึ้นกับภาพที่เห็นให้เตือนใจได้พยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะหันไปจ้องคนที่เปรมสุดาทำท่าเหมือนจะชอบและสายตาแปลกๆ ที่มองมาก็ทำเอาประภาพรถึงกับหัวร้อนเพราะเข้าใจในความหมายในสายตานั้นดี "เป็นฉันฉันเลือกน้องตะวันอะบอกเลย" เตือนใจเอ่ยขึ้นก่อนจะหันไปทางลูกคู่ที่รีบพยักหน้าเห็นด้วยอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง "เกินไปหรือเปล่าฉันก็ใช่จะขี้เหร่กว่ายัยนั่นเสียหน่อย" "เฮอะ! มั่นหน้าจริงๆ นะ" "แน่นอน" อมรเทพมองคนมั่นใจในตัวเองอย่างหมั่นไส้ก่อนจะหันไปขอความเห็นจากเพื่อนสาวอีกคนในกลุ่มที่เอาแต่เงียบ "ถ้าเป็นแกล่ะทรายจะเลือกใคร" คำถามก็ไม่ยากเท่าไหร่แต่กลับกระตุกหัวใจของคนฟังไม่น้อยยิ่งนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาก็ทำเอาใบหน้าของปัณฑิตาถึงกับเห่อร้อนไปหมดเพราะมันเป็นการกระทำที่ให้รู้สึกถึงการปกป้อง แค่เพียงคิดว่าตะวันฉายปกป้องเธอก็ถึงกับทำให้หลุดยิ้มออกมาหากแต่พอนึกได้ว่ามีสายตาถึงสามคู่จับจ้องอยู่รอยยิ้มลืมตัวก็ถูกปิดลงทันทีพร้อมกับใบหน้าบึ้งตึงที่พร้อมจะหาเรื่องทุกคนที่มีคำถาม "ฉันจะไปห้องสมุด" พูดจบปัณฑิตาก็ลุกเดินหนีไปทันทีสร้างความฉงนสงสัยให้กับเพื่อนทั้งกลุ่มความจริงการที่เพื่อนสาวไม่ตอบในคำถามมันก็ไม่แปลกหรอกแต่ที่แปลกก็คือรอยยิ้มที่อยู่ๆ ก็ปรากฏนั้นต่างหาก อารมณ์ไหนของยัยนั่นกันนะ?
วันนี้เป็นอีกหนึ่งรายวิชาที่สร้างความฮือฮาให้กับคนทั้งห้องเมื่อมีรุ่นน้องหน้าตาดีเดินเข้ามานั่งเรียนด้วยโดยมีจุดประสงค์ที่ชัดเจนหากแต่ก็อดที่จะใจสั่นไม่ได้ "สวัสดีค่ะพี่แป้ง" เปรมสุดาเดินมาหยุดยังเบื้องหน้าคนที่แอบชอบพร้อมกับส่งรอยยิ้มหวานไปให้ "ค่ะ" ประภาพรเอ่ยตอบเสียงอ่อยก่อนจะชำเลืองมองไปยังคนข้างๆ ที่ทำท่าจะลุกย้ายไปนั่งที่อื่นให้เธอนึกร้อนใจจนต้องคว้าข้อมือเล็กเอาไว้ "จะไปไหนทราย" ปัณฑิตาไม่ตอบเพียงแค่ใช้หางตามองมือที่ถือวิสาสะนั้นให้เจ้าของมันต้องรีบผละออกด้วยเพราะเพิ่งรู้ตัวถึงการกระทำที่ถึงเนื้อถึงตัวที่เพื่อนสนิทไม่ชอบ "โทษที" ใบหน้าเจื่อนของคนพูดดูน่าสงสารสำหรับคนที่รับรู้ในเรื่องราวแต่แล้วบางอย่างก็ดึงความสนใจจากคนน่าสงสารไปได้ "ตะวันฉายจะคุยอีกนานมั้ย!" น้ำเสียงฉุนจัดของเจ้าของเสียงทำให้คนที่ถูกรั้งตัวต้องรีบเดินเข้าไปหาก่อนจะเปิดยิ้มให้คนหน้างอได้หงุดหงิดจนไม่อยากจะเห็นหน้า "แกไปนั่งข้างพี่ทรายเลยนะอย่าให้เห็นว่าไปคุยกับคนอื่นอีกล่ะ" ประโยคคำสั่งดังขึ้นให้คนว่าง่ายได้ทำตามอย่างไม่อิดออดและทันทีที่ทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ รุ่นพี่ที่มีชื่อในการสนทนาตะวันฉายก็ต้องเปิดยิ้มเมื่อรุ่นพี่คนนั้นออกอาการเกร็งขึ้นทันทีเมื่อเธอทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ นี่คงจะขยายเปรมสุดาจนพานมาเกร็งกับเธอไปด้วยสินะ เห็นแล้วก็ให้ทั้งสงสารและเอ็นดูไปพร้อมกัน
ช่างเป็นคาบเรียนที่น่าเบื่อดูสิ! แทนที่เธอจะได้นอนงีบที่ห้องสมุดกลับกลายเป็นว่าต้องมีคาบเรียนเพิ่มเพราะความเอาแต่ใจของยัยเพื่อนตัวแสบแท้ๆ ดวงตาคู่คมละออกจากอาจารย์ผู้สอนก่อนจะหันไปยังคนข้างกายที่ดูตั้งใจเรียนไม่น้อย เธอพอจะรู้มาบ้างว่ากลุ่มของปัณฑิตาเป็นนักเรียนดีเด่นทั้งด้านกิจกรรมและการเรียนเก่งๆ แบบนี้แล้วยังตั้งใจเรียนอีก...น่ารักจัง เจ้าของความคิดถึงกับต้องสะบัดหัวแรงๆ เพื่อไล่ความคิดแปลกๆ ออกจากหัวและดูเหมือนการกระทำนี้จะทำให้คนที่ตั้งใจเรียนหันมาสนใจเธอเข้าให้เสียแล้ว "ง่วงนอนเหรอคะ" ท่าทางสะบัดหัวแรงๆ ของคนข้างๆ ทำให้ปัณฑิตาคิดว่าอีกฝ่ายอาจจะเบื่อจนนึกอยากนอนก็มีอย่างที่ไหนไม่ใช่วิชาเรียนของตัวเองแต่กลับต้องมานั่งอยู่แบบนี้ "เอ่อก็นิดหน่อยค่ะ" ตะวันฉายเปิดยิ้มน้อยๆ ให้กับคนเข้าใจผิดแต่จะว่าไปหากเปลี่ยนที่นอนจากห้องสมุกมาเป็นตรงนี้จะได้ไหมนะ? "นอนได้นะคะอาจารย์คนนี้ไม่ค่อยดุเท่าไหร่อีกอย่างเรานั่งหลังห้องมองมาก็เห็นไม่ถนัด" ไม่ตามใจก็เหมือนตามใจเมื่อใครอีกคนเสนอทางเลือกที่น่าสนใจนี้มาให้แต่ถ้าจะฟุบหน้าลงโต๊ะก็คงจะน่าเกลียดเกินไป งั้นเอาแบบนี้... ปัณฑิตาถึงกับเกิดอาการเกร็งไปหมดทั้งตัวเมื่อคนง่วงเอนศีรษะมาซบที่ไหล่โดยไม่บอกไม่กล่าว "ตะวันคะคือพี่ว่า..." น้ำเสียงตะกุกตะกักบวกกับร่างกายที่สั่นน้อยๆ ทำให้คนเอาเปรียบนึกขันหากแต่เมื่อสามารถวางตำแหน่งการนอนด้วยท่าทางเหมาะเจาะแบบนี้แล้วมีหรือคนสบายจะอยากขยับไปไหน "อย่าเพิ่งขยับนะคะขอตะวันงีบแป๊บเดียว" คนพูดปิดเปลือกตาไปแล้วนั้นทำให้เหลือเพียงเจ้าของไหล่ที่ต้องรับชะตากรรมกับสายตาหลายคู่ที่มองมาราวกับเรื่องประหลาด เปรมสุดาหันมาด้านหลังในตำแหน่งเดียวกันกับที่คนข้างๆ กำลังสนใจดวงตาคู่ไม่พอใจกระตุกน้อยๆ หากแต่น่าแปลกที่ไม่เกิดเหตุการณ์ชุลมุนอย่างเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา อาจเพราะในห้องนี้มีอาจารย์อยู่ด้วยคนชอบอาละวาดจึงไม่ลงมืออย่างที่ใครๆ นึกกลัว ปัณฑิตาหันไปสนใจกับการสอนหน้าห้องโดยไม่สนใจสายตาที่มองมาแต่อย่างใดในเวลานี้รู้เพียงต้องดึงสติกลับมาให้ได้เสียก่อนและที่สำคัญไปกว่าอะไรทั้งหมดก็คือการทรงตัวที่เจ้าของร่างแทบจะไม่อยากหายใจเพราะเกรงว่าจะไปรบกวนคนนอนหลับเข้าให้ ดูเหมือนคาบเรียนวิชานี้เธอคงต้องไปอ่านซ่อมอีกทีที่คอนโดเพราะจนแล้วจนรอดเธอก็ยังไม่สามารถดึงสติกลับมาได้ ในเวลานี้สมองของเธอกำลังจดจ่ออยู่ที่ลมหายใจอุ่นๆ ที่เป่ารดตรงซอกคอให้รู้สึกร้อนไปหมดทั้งตัว งีบเดียวของตะวันฉายทำไมมันถึงได้นานขนานนี้กันนะ...
|
Rating: This article has not been rated yet.
|
|
ความคิดเห็น
|