web stats

ข่าว

 


Pieces Of You Vol.2- ตอนที่ 2 You're my Smile

โพสต์โดย: anhann วันที่: 15 ตุลาคม 2017 เวลา 22:11:16 อ่าน: 197



ตอนที่ 2 You're my Smile






เรานั่งแท็กซี่จากวัดพระแก้วไปสนามบินสุวรรณภูมิ  หลังจากเดินสำรวจวัดและได้ภาพถ่ายน่าสนใจไปจำนวนหนึ่ง  เรามีไกด์เป็นผู้หญิงวัยกลางคนผู้คล่องแคล่วและพูดภาษาอังกฤษได้ดี  ตอนแรกเธอก็ถามว่าทำไมเราจะต้องใช้ไกด์ด้วยในเมื่อแม่รุจของเธอพูด  อ่าน  เขียนภาษาไทยได้  แต่แม่บอกว่า  แม่ก็ไม่ได้รู้เรื่องของไทยๆ มากไปกว่าไกด์จึงอยากให้พวกเราได้ความรู้จากผู้รู้ตัวจริง  ถึงคุณไกด์เธอจะพูดมากไปหน่อย  แต่ก็ทำให้เราได้รู้อะไรๆ เยอะทีเดียว  คล้ายกับเวลาที่เธอไปไหนๆ กับพ่อจอห์น  พ่อก็มักจะให้ไกด์ของสถานที่นั้นๆ เป็นคนอธิบาย  เพราะพวกเขาย่อมรู้ดีกว่าเรา

แม้จะไม่ใช่คนพุทธ  หากก็ไม่ใช่ชาวคริสต์ที่เคร่งครัดมากนัก  เธอกับอิซซาเบลจึงสามารถยกมือไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในความเชื่อของศาสนาอื่นๆ ได้อย่างไม่อึดอัด  ทั้งหน้าตาของเธอกับรุจก็กลมกลืนไปกับนักท่องเที่ยวจีนจึงดูไม่ค่อยแปลกประหลาดเท่าอิซซี่ที่ไหว้พระได้สวยกว่าเธอเสียอีก  ไถ่ถามไปก็พบว่าตอนอยู่อเมริกา  อิซซาเบลชอบไปวัดไทยมากกว่าโบสถ์

"เธอขอพรหรือเปล่า"  เยลถามขึ้นภายในรถแท็กซี่  ละสายตาจากวิวข้างทางที่ไม่มีอะไรนอกจากรถยนต์ติดกันแน่นขนัดมาหาคนข้างๆ ที่คงจะน่ามองกว่ากันเยอะ  "ตอนไปศาลอันนั้นน่ะ  เขาเรียกว่าอะไรนะ"

"Bangkok City Pillar Shrine ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานครค่ะ"  รุจิกานต์ส่งเสียงตอบ  หัวคิ้วกดลงเล็กน้อยระหว่างมองรถค่อยๆ คืบคลานไปบนถนนทีละน้อย  เธอเบื่อหน่ายการจราจรที่นี่พอๆ กับที่ชอบประเทศนี้  โชคดีที่เธอกลัวมันตั้งแต่เกือบตกเครื่องคราวแรกๆ ที่มาเยี่ยมคุณยายครั้งที่ท่านป่วย  จากนั้นก็จำมาตลอดว่าจะต้องเผื่อเวลาไว้ให้มากๆ หากอยากจะไปไหนโดยไม่เลท  ไม่ต่างจากนิวยอร์ก

"เราไหว้ไปเพื่ออะไร"  เยลถาม  ลืมฟังคำตอบของอิซซาเบลที่ลังเลอยู่เหมือนกันว่าจะพูดดีหรือไม่  เธอรู้มาว่าหากขอพรแล้วบอกคนอื่น  พรนั้นก็จะไม่สมหวัง  คลับคล้ายว่าจะเป็นอารุจนี่แหละ  บอกเธอตอนไปไหว้ศาลท้าวมหาพรหมเมื่อวานนี้

"ตามความเชื่อของคนไทยก็เพื่อมงคลของชีวิต"  รุจิกานต์ชี้แจง

"คล้ายๆ เวลาเราไปโบสถ์มั้ง  ใช่ไหมคะ  รุจ"  อิซซาเบลถาม 

"ค่ะ  อาคิดว่าทุกศาสนาก็ต้องมีอะไรแบบนี้ทั้งนั้นแหละ"  รุจตอบ  เหลือบมองดูลูกสาวข้างตัวที่ก้มเขียนอะไรสักอย่างในสมุดบันทึกเล่มเล็ก  แปลกใจเล็กน้อยที่เยลไม่ใช้วิธีจดบันทึกด้วยโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ตแบบเด็กสมัยนี้

"จดไอเดียไว้เขียนบล็อก"  เยลบอกขณะเงยหน้าขึ้นสบตาคุณแม่  "เวลาได้ใช้มือเขียนเอง  มันจะจำได้ดีกว่าค่ะ"

รุจิกานต์ฮัมรับอย่างเข้าใจ  "ลายมือพอใช้ได้"

"ดีกว่าลายมืออิซซี่แหละ"

"เฮ้  ทำไมต้องเอาฉันไปเกี่ยวด้วยเนี่ย  ฉันนั่งอยู่เฉยๆ นะ" 

"ก็อยากให้มีส่วนร่วม  เดี๋ยวจะเหงา"

อิซซาเบลอ้าปากค้าง  มองหน้ารุจิกานต์เหมือนจะฟ้อง  แต่รายนั้นก็ยิ้มขำ  สั่นศีรษะให้แล้วพยักพเยิดหน้าบอกให้พวกเธอคุยกันเอง

"จะว่าไปลายมือเธอก็ดีกว่าลายมือหมอเยอะนะ  ยังอ่านออก"  เยลพูดแล้วกลั้นยิ้ม  ห่อไหล่เพราะอิซซาเบลตีมัน  มือหนักเสียด้วย  ไม่เกรงใจแม่เธอบ้างเลย  --  ก็แม่อนุญาตไปแล้วนี่นะ  ไม่เคยเข้าข้างลูกตัวเองเล้ย!

"จริงๆ เอลก็ไม่ได้บอกให้ไปรับนี่นา"  เธอพูดลอยๆ  แต่พอคุณแม่มองมาก็ฉีกยิ้มเอาใจให้  "แต่ก็โอเค  เอลตัวนิดเดียวเอง"

"แต่ฉันแนะนำว่าอย่าไปทำให้คนตัวนิดเดียวนั่นโกรธ"  รุจว่า  เยลทำท่าขนลุกเพราะท่าทางจริงจังของคุณแม่  ความจริงก็รู้อยู่หรอกว่าเอลลี่น่ากลัว  เธอก็แค่อยากแซวรุจิกานต์เล่น

"แล้วคุณทวดคุยกับเอลลี่ไหม  ท่านพูดอังกฤษได้หรือเปล่า" 

"พอคุยได้ค่ะ  เอลลี่พูดไทยได้นิดหน่อย"

"เก่งจังเลยค่ะ" อิซซาเบลทึ่ง  เพราะเธอรู้สึกว่าภาษาไทยเป็นภาษาที่ยากกว่าภาษาอื่นๆ แม้แต่ฝรั่งเศส  "รุจสอนเหรอคะ"

รุจิกานต์สั่นศีรษะ  เด็กสาวทั้งสองจึงต่างมองเธออย่างสงสัย  "เอลไม่ให้ฉันสอนหรอกจ้ะ  เขาหาว่าฉันชอบแกล้ง  เรียนไม่รู้เรื่อง"

"อันนี้ฉันเห็นด้วย"  เยลยกมือ  ยิ้มแฉ่งให้คุณแม่ที่ย่นจมูกใส่พร้อมกับผลักศีรษะเธอเบาๆ  แต่เธอก็ยังหันไปยักคิ้วขี้เล่นให้อิซซาเบลได้  รายนั้นก็สั่นศีรษะให้เธออย่างขำๆ  ก่อนก้มลงเล่นโทรศัพท์มือถือซึ่งเธอต้องห้ามใจไม่ให้ชะโงกหน้าไปดูมันแม้จะอยากรู้ว่าอิซซี่ทำอะไร

"เว้นระยะห่างบ้างค่ะ"  รุจิกานต์กระซิบบอกลูกสาว  เยลเหลือบตาขึ้นมองหน้าเธออย่างเคลือบแคลง  "เคารพความเป็นส่วนตัวของกันและกัน"

"โอเค"  เยลตอบรับ  ก้มลงจดบันทึกของตัวเองต่อ  ทั้งเรื่องความประทับใจในวันนี้  และความหงุดหงิดนิดหน่อยที่อิซซาเบลไล่เธอมานอนโซฟาเมื่อคืน  แต่สุดท้ายแล้วอิซซี่ก็มานอนเบียดเธอในที่แคบๆ นั่นแหละ

"พรุ่งนี้เราจะไปเชียงใหม่เลยไหมคะ  รุจ  คุณราเชลฝากถาม"  อิซซี่พูดออกมา  เยลจึงแอบโล่งใจได้ว่าแฟนสาวไม่ได้คุยกับคนอื่น  ทำไปทำมาเธอก็หวงอิซซาเบลไม่น้อยเลย  ต่อให้ไม่สวยขนาดนี้  ถ้าเป็นแฟนกัน  เธอก็หวงอยู่ดีนั่นแหละ  --  แม่ยังหวงเลย

"ค่ะ  ตามโปรแกรมเดิม  แล้วคุณแม่อยากได้อะไรไหมคะ" 

"ไม่เป็นไรค่ะรุจ  หนูจัดการเอง  กับคนเนี้ย  ต้องหนูเลือกให้  หรือไม่ก็ต้องบอกว่าหนูเป็นคนเลือก  ถึงจะไม่ได้ซื้อเอง  เรื่องมากค่ะ"

"มันมีคุณค่าทางจิตใจ"  เยลแทรก  ยักคิ้วให้อิซซาเบลที่มองมา

"จริงค่ะ  อิซซี่  อาก็ว่ามันรู้สึกดีนะ  ถึงจะไม่ใช่ของมีราคาอะไร  แต่ถ้าเป็นคนที่เรารักให้  อะไรก็เอาค่ะ"

"ชอร์ตเบรดช็อกโกแลตอะรุจ  ทีหลังทำมาเยอะๆ หน่อยสิ"

"คนละเรื่องแล้วนะเรา"  รุจิกานต์ว่า  เขกศีรษะเยลไปหนึ่งทีเบาๆ  แล้วหันไปคุยกับอิซซาเบลต่อ  "เอาไว้เราไปถึงที่นั่นแล้วหนูก็รู้เองค่ะ  ว่าจะซื้ออะไรให้คุณแม่ดี  เราจะไปไนท์บาซาร์กัน"

"ดีค่ะ  คุณแม่ชอบงานแฮนด์เมด  และพวกผ้าไหม" 

"ที่นั่นมีเยอะแยะค่ะ"

"หนูจะซื้อแล้วไปเบิกเงินกับคุณราเชล"

"ชาร์จค่าหิ้วเพิ่มด้วยไหมคะนั่น" 

เยลอมยิ้มระหว่างนั่งฟังบทสนทนาของแม่กับแฟนสาวของตน  แม้จะไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรด้วยแต่ก็รู้สึกสนุก  เธอชอบฟังแม่พูด  อิซซาเบลด้วย  ไม่เคยเบื่อเลยสักครั้งเดียว  บางทีก็นึกไปว่าอิซซี่สนิทกับแม่ของเธอมากกว่าตัวเธอเสียอีก  หรือเพราะเธอคาดหวังในตัวรุจมากเกินไป

รุจิกานต์กับโซฟีแตกต่างกันยิ่งกว่ายืนกันอยู่บนถนนคนละฝั่ง  แต่บัดนี้เธอคิดว่าแม่ทั้งสองพยายามปรองดองกันอย่างดีที่สุดเพื่อเธอ  ทั้งสองรักเธอ  เธอรู้ดี  เพียงแต่การแสดงออกแตกต่างกัน  ด้วยนิสัยที่ไม่เหมือนกันเลยสักนิด  ดังนั้นเพื่อตอบแทนทั้งคู่  เธอจึงพยายามเอาแต่ใจให้น้อยลง

การมาเมืองไทยครั้งนี้  เธอแจ้งกับแม่โซฟีแล้ว  บอกกันตัวต่อตัวตอนเธอกลับบ้านช่วงวันหยุดคริสต์มาส  แม่ดูไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่  แต่พ่อก็ช่วยเธอเหมือนที่แล้วๆ มา  เธอแอบได้ยินแม่คุยกับพ่อในครัวว่า  กลัวว่าถ้าห้ามอะไรเธอมากๆ  เธออาจไม่กลับบ้านอีก  หนีหน้าแม่ไปเลย  ไม่อยากจะบอกเลยว่า  แม่คิดถูกแล้ว  แต่ไม่ใช่เพราะเธอมีรุจ  ถึงไม่กลัวโดดเดี่ยวหรือไม่มีเงินเรียนต่อ  เธอเป็นนักเรียนทุน  แถมยังทำงานด้วย  มีเงินเก็บอยู่นิดหน่อย  ยังไงเธอก็มีเงินใช้ (อย่างประหยัด) ไปจนเรียนจบ  เธอก็แค่อยากให้แม่เข้าใจเธอเหมือนกับที่เธอพยายามเข้าใจว่าแม่ทำไปทุกอย่างเพราะรัก 

"ผู้หญิงก็เป็นแบบนี้แหละ  มักจะคิดว่าอะไรๆ ที่พวกเธอทำด้วยความรัก  มันจะดีกับเรา  จนทำให้บางทีพวกเธอก็ไม่ฟังเสียงเรา"  พ่อเคยพูดให้เธอฟังแบบนี้  แล้วก็หัวเราะเหมือนว่านั่นเป็นเรื่องตลก  เธอเดาว่าคงเป็นเพราะพ่อรักแม่มาก  พ่อก็เลยมองข้ามเรื่องจุกจิกพวกนี้ไป  จริงๆ แล้ว  แม่ก็เป็นผู้หญิงที่ดี  เป็นแม่บ้านที่ดีน่าเอาเยี่ยงอย่าง  ถ้าเพียงแต่เธอจะชอบเป็นแม่บ้านแบบแม่นะ

"อารมณ์ดีเนอะ  วันนี้"  อิซซาเบลวิจารณ์เยลขณะยืนรอรุจิกานต์รอรับเงินทอนจากแท็กซี่ในจุดจอดรับส่งภายในสนามบิน  อดสงสัยไม่ได้ว่าแท็กซี่จะคิดว่ารุจเป็นคนชาติอะไร  เหตุใดพูดภาษาไทยได้รู้เรื่องจนทำให้เขาที่พยายามพูดอังกฤษกับเราหน้าม้านไปนิดหน่อย  ดูเหมือนจะเกร็งๆ ด้วย  ตอนคุยเรื่องค่าโดยสาร  เพราะรุจบอกให้กดมิเตอร์  ไม่เอาราคาเหมา

"สงสัยชินกับอากาศแล้ว"  เยลตอบ  ยิ้มสดใสให้คนขี้สงสัย 

"อารมณ์ดีก็ดีแล้ว  มาเที่ยวทั้งที  มัวหน้าหงิก  เสียบรรยากาศ"

"ค่าๆ  เข้าใจแล้ว"

อิซซาเบลหรี่ตา  แกล้งผลักเจ้าของเสียงล้อเลียนไปเบาๆ  แต่เยลดันทำเป็นเซแบบโอเวอร์แอคชั่นจึงไปชนผู้หญิงคนหนึ่งเข้า  สาวเจ้าที่คงอายุไม่ต่างจากเธอนักก็หันขวับมาทำตาดุ  ดูเหมือนจะด่าพวกเธอด้วย  แต่เธอไม่เข้าใจมัน  แต่แล้วเจ้าหล่อนก็ชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อเห็นว่าเธอมอง  ที่ตลกก็คือ  พอเยลส่งเสียงพูดขอโทษ  เจ้าหล่อนก็หันไปยัดสัมภาระให้กับเพื่อนที่มาด้วยกันช่วยถือให้  และใช้สองมือที่ว่างแล้วปิดปากกรี๊ด  ยิ่งกรี๊ดดังไปใหญ่เลย  พอรุจพูดขึ้นอีกคน  แล้วหล่อนหันไปเห็นหน้า

"รีบไปกันเถอะ"  รุจิกานต์บอกกับเด็กๆ 

อิซซาเบลรีบจ้ำตามหลังอารุจกับเยล  แต่ยังหันกลับไปมองสองสาวที่ถูกทิ้งไว้ด้านหลังอย่างสงสัย  "ผู้หญิงคนเมื่อกี้เป็นอะไรคะรุจ"

"สงสัยอากาศร้อนมากไปมั้ง"  เยลว่า  ยิ้มขำให้คุณแม่ที่ส่ายหัวให้

"พวกเขาคงเข้าใจผิดคิดว่าเยลเป็นไอดอลเกาหลีน่ะค่ะ"  รุจเดา  เพราะเธอก็เคยเจอเหมือนกัน  ตอนยังไม่ได้หั่นผมสั้นแบบนี้

"คนไทยชอบเกาหลีมากเหรอคะ"  อิซซาเบลยังติดใจ  เธอฟังเกาหลีไม่ออก  จึงไม่ค่อยได้สนใจเพลงทางฝั่งนั้นนัก  แต่ก็เคยเห็นดารา  ไอดอลอยู่บ้าง  ตามข่าวต่างๆ ในเฟซบุ๊กหรือทวิตเตอร์  โซเชียลมีเดียอื่นๆ

"น่าจะเป็นอิทธิพลมาจากเพลงค่ะ  แบบเกิร์ลกรุ๊ปอะไรแบบนั้น"

"ฉันก็เห็นเขามองเธอตะลึงๆ เหมือนกันนะอิซซี่"  เยลว่า  ไม่อยากให้อิซซาเบลมองเธอกับแม่เป็นตัวประหลาด  ถ้าพวกเธอจะประหลาด  อิซซี่ก็ต้องประหลาดด้วยกัน  มันถึงจะไปด้วยกันได้  --  ตรรกะอะไรเนี่ย! 

"เขาอาจเห็นฉันเป็นผีก็ได้นะ"  อิซซาเบลเล่นมุก  อีกสองคนหัวเราะ  เยลหันไปสั่นศีรษะไปมากับคุณแม่ที่พยายามกลั้นขำจนหน้าแดงไปหมด

"เธอสวยเกินกว่าจะเป็นผี"  เยลพูด  ยิ้มหวานหยดจนอิซซาเบลเขินต้องเดินหนีไปให้เธอร้องตามหลัง

"มากไปไหมคะ  คุณลูก"  รุจิกานต์ว่า  วาดแขนโอบไหล่ลูกสาวจอมจุ้น  พาเดินเข้าไปด้านในสนามบินตามหลังอิซซาเบลที่อาจจะไม่อยากรอพวกเธอแล้ว 

"ฉันพูดอะไรผิดล่ะรุจ"  เยลสงสัย  รุจิกานต์ส่งสายตาเอ็นดูกลับมา

"ไม่ผิดค่ะ  แค่เราพูดตรงไปนิดหนึ่ง  คนฟังเขาก็อายเป็นนะ"

"อิซซี่ไม่ได้ขี้อายขนาดนั้นมั้ง"

รุจิกานต์ฟังคำลูกสาวแล้วสั่นศีรษะไปมา  ท่าทางเยลคงต้องเรียนรู้อะไรๆ อีกเยอะเลยทีเดียว

"อะไรล่ะรุจ  ทำไมต้องยิ้มแบบนั้นด้วย"

"ก็อารมณ์ดีไงล่ะ  ยิ้มไม่ได้หรือไง  ผิดเหรอ" 

เยลขมวดคิ้วหน้าหงิก  แต่ที่สุดก็ยิ้มออกมาด้วยเหมือนกัน

.............................................

สรุปแล้ววันนี้เรายังไม่ได้ไปเยี่ยมคุณยายชวดของเยล  เพราะพรุ่งนี้เราต้องขึ้นเครื่องบินไปเชียงใหม่แต่เช้า  รุจกับเอลลี่จึงอยากให้พวกเราได้พักเอาแรงกันไว้ก่อน  เยลก็ไม่ได้แย้งอะไรเพราะตัวเขาเองก็เหนื่อยเหมือนกัน  เธอคิดว่ามันเป็นเพราะอากาศ  อากาศที่ร้อนจัดทำให้เราเหนื่อยและเพลียมากกว่าปกติ  และรุจก็ให้สัญญาว่าจะพาไปเยี่ยมท่านก่อนกลับปารีสให้ได้  ต่อให้ต้องเลื่อนไฟลท์กลับก็ตาม  เยลจึงปลื้มใจเป็นที่สุดจนฮัมเพลงสบายอารมณ์แบบนี้ได้

"เธอว่า  รุจชอบเอลลี่ได้ไง  ไม่เห็นจะเหมือนกันเลยสักอย่าง"  เยลเอ่ยขึ้นขณะนอนเอกเขนกเช็กภาพในกล้องตัวเก่งอยู่บนเตียงในชุดเสื้อยืด  กางเกงขาสั้น (ที่เพิ่งซื้อมาที่ตลาดนัดแถวที่เราไปเที่ยวกันมา)  หลังจากอาบน้ำรอบสองเพราะทนกลิ่นเหงื่อตัวเองไม่ไหว  แต่ตอนลงไปกินมื้อเย็นกับรุจและเอลลี่ก็ต้องเปลี่ยนให้สุภาพเหมาะกับร้าน

"แล้วเราเหมือนกันหรือเปล่า"  อิซซาเบลย้อน  นั่งสางผมที่พันกันยุ่งไปหมด  เธอกับเยลขอลงเดินเล่นตลาดนัดระหว่างทางกลับมาจากไปรับเอลลี่  ตอนขากลับจึงลองพาเยลขึ้นตุ๊กตุ๊กดูแบบครั้งก่อนที่เคยมากับอมีเลียและลิทซ์  เมื่อหลายปีมาแล้ว  ผลก็ออกมาเป็นแบบนี้แหละ

"เหมือนไหมน้า..."  เยลแกล้งพูด  เบี่ยงตัวหลบหวีที่อิซซี่จะปามา

"ผมเธอไม่พันกันเหรอเยล  หรือชอบหัวยุ่งๆ แบบนั้น"

"เซอร์ดี  เอลลี่บอกว่าเท่"

"ใช่เหรอ  ฟังผิดไปมั้ง"  อิซซาเบลทำหน้ายี้ให้คนหลงตัวเอง  เยลหัวเราะคิก  เข้ามาแย่งหวีแปรงไปและใช้มันช่วยหวีผมให้เธอ  ตาของเธอจึงปรือลงอย่างไม่ได้ตั้งใจ  เหมือนกับที่ต้องยกมือปิดปากหาว  คงเพลียแดดแบบเมื่อวาน  หรืออาจจะเพลินเวลามีคนเล่นผม

"พิงลงมาก็ได้นะ  ไม่เป็นไร"  เยลบอกอย่างเอื้อเฟื้อ

"แล้วเธอไม่ง่วงเหรอ"

"ไม่ค่อย  แอบกินกระทิงแดงไป"

"อะไรนะ  กระทิงแดง"  อิซซาเบลถาม  จำไม่ได้ว่าเห็นเยลดื่มมัน  "กินตอนไหน"

"กินหน่อยนึงกับรุจ  ตอนเธอกับเอลลี่ไปเข้าห้องน้ำไง"  เยลบอก  ยิ้มตาหยีให้คุณแฟนที่ดุยิ่งกว่าคุณแม่  "มันไม่ใช่เหล้านะ  กินได้"

"เครื่องดื่มชูกำลังมีส่วนผสมของสารเสพติด"

"งั้นกาแฟที่เธอชอบกินก็มีเหมือนกันละ"

"เถียงเก่งจริงๆ"  อิซซี่ว่า  แต่แทนที่จะเขกศีรษะเยลให้สมกับความปากมาก  เธอกลับหันไปสบตาสีน้ำตาลอ่อน  และเราทั้งสองก็ขยับเข้ามาเจอกันคนละครึ่งทาง 

ผ่านไปหนึ่งปีเศษๆ แล้ว  แต่จูบของเรายังหวานอยู่และคล้ายจะหวานขึ้นด้วย  แม้เราจะไม่ค่อยพูดหวานใส่กันเท่าไหร่  เถียงกันเป็นกิจวัตร

"อยากรู้จริงๆ  ว่ารุจกับเอลลี่ทำอะไรอยู่"  เยลพูด  อ้อยอิ่งจูบอิซซี่ซ้ำแล้วซ้ำอีก  และทุกครั้งอิซซาเบลก็จูบตอบเธอกลับมา  ใจเธออยากจะทำมากกว่านี้  อยากลองทำอะไรแบบผู้ใหญ่บ้าง  แต่แค่จะล้วงมือเข้าไปในเสื้อ  อิซซี่ก็ตีมือเธอดังเพียะแล้ว  และก็บอกว่า...ยังไม่ถึงเวลา

เธอก็ไม่ได้ใจร้อนจะเร่งมันหรอกนะ  ก็แค่อยากจะรู้ว่าอิซซี่รออะไร  ยังไม่มั่นใจในตัวเธอ  หรือกลัวว่าถ้าเรามีอะไรกันแล้ว  เธอจะเปลี่ยนไป

เราจะเปลี่ยนไป...

"อิจฉา  หวงแม่  หรือแค่อยากรู้"  อิซซาเบลถามกลับ  ประคองแก้มอีกฝ่ายไว้ด้วยมือหนึ่ง  อีกมือใช้ทัดเส้นผมสีเข้มกับใบหูของเยล  แล้วนำมันกลับมาปัดผมสีทองของตนออกด้วย  เผื่อเยลจะอยากมองหน้าเธอให้ชัดๆ

"ทุกๆ อย่าง"  เยลตอบ  ลูบไล้มือแฟนสาวที่วางอยู่บนแก้มตัวเอง  และยิ้มเมื่ออิซซาเบลยิ้ม  "ถ้าไปเคาะประตูตอนนี้  จะโดนดุไหมนะ"

"หาเรื่อง"  อิซซี่ทำเสียงดุ  แต่จูบไม่ดุเลยสักนิดเดียว  มันอ่อนโยนจนคนที่ได้รับมันรู้สึกต้องการอยู่ตลอดเวลา 

"ก็ถ้าจะไม่ให้ฉันอิจฉา --"

"ทะลึ่ง!"

เยลร้องซี้ดขึ้นมาทันที  เพราะถูกหยิกหลังมือ  แค่แตะเอวใต้ร่มผ้าของอิซซาเบลนิดเดียวเท่านั้น  "หยิกอีกแล้ว..."

"แล้วไง  ไปฟ้องแม่เลยสิ"  อิซซาเบลประชด  ผลักไหล่เยลออกห่างพร้อมกับขึงตาขู่  "ตกลงกันไว้แบบไหนก็แบบนั้นสิ  เยล"

"โอเคๆ  ก็แค่ล้อเล่นนิดเดียวเอง"  เยลบอก  ยกสองมือยอมแพ้

"เรื่องแบบนั้น  มันไม่ได้ยืนยันหรอกนะ  ว่าเราคบกันจริงๆ หรือแค่หลอกกันเล่น"  อิซซาเบลพูดดักคอ  ไม่ให้เยลหาเรื่องมาแย้งเธอได้  อยู่กันมาหนึ่งปีแล้ว  ถ้าไม่รู้จักนิสัยกันเลยก็คงไม่ใช่แฟนกัน  นั่นคงจะแปลว่า...

ไม่ใส่ใจ

"แล้วอะไรที่ยืนยันล่ะ  อะไรที่จะทำให้เรามั่นใจ"  เยลถาม  พลางหวีผมของตัวเองบ้าง  "นี่อยากรู้จริงๆ นะ  ไม่ได้ประชดเลย"

"เธอคิดว่าฉันมีความสุขไหม  เวลาเราอยู่ด้วยกัน"  อิซซาเบลถาม  ขอหวีมาจากมือเยล  และหวีเส้นผมสีเข้มให้ 

เยลกดหัวคิ้วลง  ครุ่นคิด  เหลียวมามองหน้าคนด้านหลังดูให้แน่ใจ  อิซซาเบลก็เลิกคิ้วกลับมา  "แต่ฉันเป็นคนชอบเข้าข้างตัวเองนะ"

"ฉันก็เหมือนกัน"  อิซซาเบลพูด  เก๊กขรึมได้แค่ครึ่งนาทีก็หัวเราะออกมา  ดันใบหน้าเยลให้หันกลับไปเพื่อจะแปรงผมให้ได้สะดวกขึ้น  สักพักเด็กตัวแสบก็อ้าปากหาวหวอด  ไม่สมกับที่แอบกินกระทิงแดงมาเลย

"ไหนบอกไม่ง่วงไง"

"ก็ฉันมีความสุข" เยลตอบง่ายดาย  เอนตัวลงช้าๆ อย่างแนบเนียนเข้าสู่อ้อมอกอิซซาเบลที่หยิกแก้มเธออย่างมันเขี้ยว  ก่อนกอดคอเธอไว้จากด้านหลัง  และแปรงผมให้ต่อไป  ขณะที่เธอตาปรือขึ้นทุกที 

"เธอมีความสุขไหม  อิซซี่"  เธอถามเสียงเบา  อ้าปากหาวอีกรอบ  ได้ยินเสียงฮัมเบาๆ ตอบรับมาก็หันไปมองให้แน่ใจก่อนว่าฟังไม่ผิด  "ว่าไงนะคะ  ตอบดีๆ หน่อยสิ  เบ๊บ"

อิซซาเบลย่นจมูก  แก้มแดงเรื่อ  แต่ตรงนี้ไม่มีแดดให้ร้อนอีกแล้ว

"ว้า  ไม่มีเหรอ  แย่จัง  ทำไงดีล่ะ  ไปให้รุจสอนดีกว่า"

"นอนไปเลย  ไม่ต้องซน"

"ฉันไม่ใช่เด็กแล้ว"

"เด็กกว่าฉันอยู่ดี"

"พูดแบบนี้ไปไม่ถูกเลย"

"ฉันชอบอยู่กับเธอ  เยล" 

เจ้าของชื่อยิ้มกว้าง  เงยหน้ามองคนเรียกชื่อที่ส่งยิ้มละมุนละไมมาให้กัน  อิซซาเบลกระซิบบอกให้เธอหลับตาลง  เธอก็ทำตามอย่างไม่งอแง

"เชื่อฟังรุจแบบนี้บ้างก็ดีนะ  รู้ไหม"

"เธอก็บอกรุจ  ว่าอย่าดื้อด้วยสิ"  เยลยอกย้อน  แล้วโดนเคาะหัวตามระเบียบ  แต่เธอยิ้มและมีความสุขมากๆ


.........................................


หนังสือภาคหนึ่งใกล้คลอดแล้วค่ะ  รอกันอีกนิดนะคะ   :42:

ขอบคุณค่ะ   :44:

Rating: This article has not been rated yet.
***************

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

15 ตุลาคม 2017 เวลา 22:35:21
 :53: หาวกันจนคนอ่านก็หาวตาม เที่ยวเมืองไทยพกร่มกันด้วยนะ :49:
แสดงความคิดเห็น